Share

บทที่ 198

Author: อี้ซัวเยียนอวี่
last update Last Updated: 2024-11-04 17:00:04
ภายใต้หน้ากาก สีหน้าของเฟิ่งจิ่วเหยียนแข็งทื่อ เพราะชั่วพริบตาหนึ่งใบหน้าของเด็กสาวคนนั้นกลายเป็นใบหน้าของเวยเฉียง...

เด็กสาวนางนั้นไร้อาภรณ์คลุมกาย ร่างกายฟกช้ำไปทั้งร่าง

เลือดสด ๆ ไหลออกมาจากหว่างขา ร่างของนางกระตุกอย่างเจ็บปวดก่อนตาย ดวงตาสองข้างเบิกมองแม่ทัพน้อยที่เพิ่งลงจากหลังม้า

เฟิ่งจิ่วเหยียนก้าวไปข้างหน้าโดยไม่พูดอะไร นางถอดเสื้อคลุมนำมาคลุมปิดร่างของเด็กสาวเอาไว้ ดวงตาเอ่อล้นไปด้วยความหนาวเหน็บอย่างที่สุด

เด็กสาวใช้แรงเฮือกสุดท้ายคว้ามือของนางไว้ เล็บจิกลึกลงไปที่หลังมือของนาง ระบายความโกรธเกลียด

เมื่อเปิดปาก เลือดสด ๆ ก็ไหลทะลักออกมาจากปากของนาง

“ทำ...ไมกัน...”

แล้วสุดท้ายนางก็ตายจากไปท่ามกลางความเกลียดชังและความสงสัย

เหตุการณ์ทั้งหมดนี้เวลาผ่านไปเพียงไม่กี่อึดใจเท่านั้น

เมื่ออู๋ไป๋เงยหน้าขึ้นไปมองก็เห็นเงาร่างที่ลุกลี้ลุกลนของทหารหลายคน เพียงแค่สบตาก็รีบหนีหายไปอย่างรวดเร็ว

เฟิ่งจิ่วเหยียนช่วยลูบปิดดวงตาทั้งสองข้างให้เด็กสาวที่ตายตาไม่หลับคนนั้น จากนั้นก็ลุกขึ้นเดินเข้าไปในหอสุรา

อู๋ไป๋รีบติดตามไปด้านหลังแล้วจัดการลงกลอนประตูด้วยท่าทีที่ดูเป็นธรรมชาติเป็นอย่างมา
Locked Chapter
Continue to read this book on the APP
Comments (3)
goodnovel comment avatar
Kung Akkarawongbovorn
รอตอนต่อไป...เมื่อไหร่จะได้อ่าน...อยากอ่านตอนต่อไปมาก
goodnovel comment avatar
Yves Triss
เห็นมีแก้เนื้อหาตอนที่ 196 ใหม่แล้วค่ะ
goodnovel comment avatar
Naramol Olsson
ตอนที่จะมาแทนตอนที่ซํ้าอยู่ไหนคะ รีพอร์ตไปแล้วรอฟังอยู่นะคะว่าจะจัดการยังไง
VIEW ALL COMMENTS

Related chapters

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 199

    ภายใต้หน้ากาก ดวงตาทั้งสองข้างของเฟิ่งจิ่วเหยียนแดงก่ำบุตรชายของท่านอาจารย์...เมิ่งสิงโจวตัวจริงนั้นได้ตายจากไปนานแล้วนี่คือเรื่องที่เจ็บปวดที่สุดของท่านอาจารย์และอาจารย์หญิงเจ้าคนสกุลซุนนี่ สมควรตาย!แม่ทัพซุนรีบตะเกียดตะกายลุกขึ้นมา แล้วมองไปที่เฟิ่งจิ่วเหยียนอย่างไม่อยากจะเชื่อ“เจ้า...นี่เจ้ากล้าถีบข้ารึ?!”แม่ทัพที่เหลือล้วนมายืนอยู่กับแม่ทัพซุน “เมิ่งสิงโจว ถึงอย่างไรพวกเราก็ล้วนเป็นผู้อาวุโสของเจ้านะ เจ้า..”“ถีบได้ดี!” ฮูหยินเมิ่งพลันเดินเข้ามาด้วยท่าทางที่แฝงความเย็นชาอย่างลึกล้ำแม่ทัพเมิ่งเห็นฮูหยินมาจึงรีบเดินเข้าไปหา“ฮูหยิน ยามนี้ท่านอย่าเพิ่งสร้างเรื่องเพิ่มเลยนะ”ฮูหยินเมิ่งผลักสามีออกไป แล้วเดินไปอยู่ข้างกายเฟิ่งจิ่วเหยียน เผชิญหน้ากับเหล่าแม่ทัพที่ทำท่าว่าตนเหนือกว่าแล้วหัวเราะเย็น ๆ ทีหนึ่ง“สิงโจวของเราขจัดคนชั่วพิทักษ์ราษฎร ทำความผิดที่ไหนกัน? กลับเป็นพวกเจ้าที่แยกแยะถูกผิดไม่เป็น พอยึดเมืองชวนได้ก็ไปทำเรื่องอย่างโจรชั้นต่ำ ทำลายชื่อเสียงแม่ทัพและทหารของหนานฉีเราเสื่อมเสีย“สิงโจว เจ้าเขียนเรื่องนี้รายงานฝ่าบาท ให้พระองค์ได้ทรงทราบว่าทหารพวกนี้ทำเรื่

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 200

    เมื่อเริ่มลงไม้พลองทหาร เสียงร้องอย่างน่าอนาถก็ดังขึ้นอย่างต่อเนื่องในขณะเดียวกันกุนซือของแม่ทัพซุนก็เดินไปทั่วทุกสารทิศเพื่อกล่อมให้แม่ทัพท่านอื่นยอมช่วยพูดต่อหน้าเฟิ่งจิ่วเหยียน“ท่านแม่ทัพน้อยเมิ่ง แกะดำในฝูงถูกกำจัดไปแล้ว ท่านก็อย่าต่อว่าแม่ทัพซุนอีกเลย”“กองทัพใต้ทำศึกสงครามอย่างกล้าหาญ หากไม่ให้พวกเขาร่วมขบวนทัพด้วย ออกจะน่าเสียดายไปหน่อย”เฟิ่งจิ่วเหยียนมีสมาธิอยู่กับการดื่มชา ท่าทางดูเย็นชาและห่างเหินหลังจากการโบยหนึ่งร้อยครั้งด้วยไม้พลองทหารจบลง นางก็วางถ้วยชาลง“การบุกโจมตีเมืองหลวงรัฐเหลียงให้กองทัพใต้เป็นแนวหน้า สร้างผลงานชดใช้ความผิด”เมื่อได้ยินคำพูดนี้ เหล่าแม่ทัพท่านอื่นต่างเผยสีหน้าตกตะลึงออกมา......จากสี่สิบกว่าคน คนที่ยังรอดชีวิตมีเพียงเฉินเซิ่งคนเดียวเท่านั้นเมื่อได้ยินว่าเมิ่งสิงโจวยอมให้กองทัพใต้อยู่ต่อ ทั้งยังให้พวกเขาได้เป็นแนวหน้า แม่ทัพซุนก็รู้สึกโล่งใจเหมือนยกภูเขาออกจากอก ทั้งยังรู้สึกดีใจราวกับเก็บสมบัติล้ำค่าได้ในเวลาเดียวกันเขากำมัดคารวะไปทางกระโจมหลัก“ข้าน้อยน้อมรับคำสั่ง!”จากนั้นก็ยกมือเรียกให้คนยกหลานชายเดินจากไปเฟิ่งจิ่วเหยียนเด

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 201

    ภายในกระโจมหลัก เฟิ่งจิ่วเหยียนยืนอยู่ข้างถาดทราย มองดูแผนที่ภูมิศาสตร์จำลองของรัฐเหลียง อย่างมิได้ตั้งใจนัก ทว่าไม่ลดสายตาเหยียดหยามต่อโลกที่เฉียบคม อู๋ไป๋เร่งรีบเดินเข้ามา “แม่ทัพน้อย เฉินเซิ่งตายแล้วขอรับ” เฟิ่งจิ่วเหยียนมิได้แปลกใจแม้แต่น้อย ถามโดยไม่เงยหน้าขึ้นมอง “แล้วพ่อกับพี่ชายของสตรีนางนั้นอยู่ไหน?” “ข้าน้อยได้ส่งพวกเขาออกจากค่ายทหารอย่างปลอดภัยแล้ว ไม่มีผู้ใดเห็นว่าพวกเขาก่อเหตุขอรับ” เฟิ่งจิ่วเหยียนกดคางลงเล็กน้อย “อืม ถ้าเช่นนั้นก็ไม่เป็นไร” อู๋ไป๋พูดอย่างกังวล “แม่ทัพน้อย หลานชายของแม่ทัพซุนเสียชีวิต เขายังสามารถทำศึกด้วยจิตใจที่สงบได้หรือขอรับ?” เฟิ่งจิ่วเหยียนน้ำเสียงเมินเฉย “มิใช่ว่าหลานชายของคนทั้งกองทัพชายแดนใต้เสียชีวิต “หากแม่ทัพไร้ความคิดจะสู้รบ เพียงแค่ถอนตัว ขอเพียงกองทัพชายแดนใต้ยังสามารถต่อสู้ได้ มันก็มิใช่ปัญหาใหญ่” “ขอรับ!” อู๋ไป๋เพิ่งจะเดินออกไป ก็พบกับแม่ทัพซุนที่เดินเข้ามาอย่างเร่งรีบจนน่าสงสัย เขาหยุดอีกฝ่ายไว้ “ท่านมาหาแม่ทัพน้อยหรือ?” แม่ทัพซุนโกรธเป็นฟืนไฟ ผลักอู๋ไป๋ให

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 202

    กองทัพใหญ่หนานฉีชนะทุกศึก โจมตีมิเคยพลาด กรีธาทัพขึ้นเหนือสู่เมืองหลวงรัฐเหลียง ด้วยขวัญกำลังใจเหลือล้น กองทัพใหญ่รัฐเหลียงต่อต้านอย่างดึงดัน ทว่า ยังคงถูกล้อมทุกด้าน ได้แต่มองดูสหายนักรบที่อยู่รอบกายล้มลงทีละคน ความสิ้นหวังแผ่ซ่านทั่วร่าง ตูม—— ประตูเมืองที่แข็งแกร่งถูกกระแทกให้เปิดออก กองทัพแนวหน้าของหนานฉีบุกเข้ามา พร้อมเสียงร้องคำราม “ทำลายรัฐเหลียง! จับตัวฮ่องเต้เหลียง!” บนหอประตูเมือง อัครเสนาบดีรัฐเหลียงนำทัพออกไปต่อต้านด้วยตนเอง ในยามที่เห็นศัตรูถาโถมเข้ามาดุจเมฆทมิฬ และเมื่อเห็นแม่ทัพน้อยผู้สวมหน้ากากควบอาชานั้น มือของเขาก็สั่นระริกอย่างหนัก มาแล้ว นั่นคือเมิ่งสิงโจว! ในช่วงเวลาหนึ่ง เขารู้สึกว่าพวกเขาได้สบสายตากันด้วย หลังจากนั้นจึงสั่นสะท้านทั้งกาย “อัครเสนาบดี ระวัง!” ทหารนายหนึ่งรีบวิ่งเข้ามา ได้สกัดกั้นการโจมตีที่ถึงแก่ชีวิตให้เขา อัครเสนาบดีล้มลงกับพื้น ได้แต่มองดูธงประจำกองทัพรัฐเหลียงถูกปลดลง และถูกแทนที่ด้วยสัญลักษณ์ของแคว้นหนานฉี เขาแผดเสียงคำรามด้วยหัวใจที่ไม่ยินยอม ทหารหนานฉีกลุ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 203

    ผลัวะ! ประตูห้องฌานเพิ่งเปิดออก หลิวซื่อเหลียงก็เห็นเงาด้านหลังผู้หนึ่ง ปรากฏมาอยู่ด้านหน้าของเขา ในเวลาเดียวกันก็ปิดบังสายตาของเขา และปิดประตูลงอย่างรวดเร็วอีกครั้ง คนผู้นั้นหันกลับมา ที่แท้เป็นเจ้าอาวาสแห่งวัดต้าเจา——ปรมาจารย์เหลี่ยวคง ปรมาจารย์ผู้นี้มีอายุราวห้าสิบกว่า ทว่าเคลื่อนไหวว่องไว ในความอ่อนโยนแฝงด้วยความแข็งแกร่ง เฉกเช่นวิถีแห่งไท่เก๊ก “การอธิษฐานขอพรต้องทำให้เสมอต้นเสมอปลาย ฮองเฮาสวดมนต์อย่างสันโดษ อาตมาได้รับการไหว้วาน คอยห้ามมิให้ผู้ใดเข้าไปรบกวน” หลิวซื่อเหลียงเคยได้ทราบวีรกรรมสำคัญของปรมาจารย์เหลี่ยวคงมาก่อน ในรัชสมัยของอดีตฮ่องเต้ เหลี่ยวคงผู้นี้ก็เป็นแม่ทัพลือนามเช่นกัน เนื่องจากรู้สึกผิดบาปจากการฆ่าคนมากเกินไป จึงอุทิศตนให้แก่พุทธศาสนา นอกจากนี้ยังมีวัดฉือจี้ขนาดเล็กที่ใกล้กับวัดต้าเจา ถูกสร้างขึ้นโดยเหลี่ยวคงเช่นกัน เพื่อรับเลี้ยงเด็กกำพร้า และคนเร่ร่อน เขากระทำแต่สิ่งดี ๆ มีชื่อเสียงในหมู่ราษฎรอย่างมาก เมื่อมีเขาเฝ้าประตูอยู่ หลิวซื่อเหลียงจึงต้องจำใจยอมแพ้ ไม่กล้าดึงดันจะบุกรุกอีก ทว่าฮองเฮาอยู่ข้างในหรือไม่ ยั

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 204

    สองชั่วยามต่อมา ด้านนอกของวัดต้าเจา ท่ามกลางราตรีที่มืดมิด เซียวอวี้ควบอาชา สวมอาภรณ์ผ้าแพรสีดำปักดิ้นเงิน ดวงตาดุจรัตติกาลแหลมคม เฉินจี๋ติดตามอยู่ด้านหลังของเขา ฮ่องเต้มีราชกิจรัดตัว ทว่าด้วยเรื่องของฮองเฮา กลับเสด็จมาที่นี่กลางดึก ค่อนข้างจะทุ่มเทสุดตัวจริง ๆ ในยามค่ำคืนวัดต้าเจาเงียบสงบเป็นพิเศษ เมื่อทราบข่าวฮ่องเต้เสด็จมา เจ้าอาวาสเหลี่ยวคงจึงออกมารับเสด็จที่ประตูวัด เหลี่ยวคงสงบนิ่งมาก ๆ “ฝ่าบาท ฮองเฮาสวดอธิษฐานทั้งวันทั้งคืน...” เซียวอวี้มิได้ยอมออกไปโดยง่ายเหมือนหลิวซื่อเหลียง ไม่รอให้เหลี่ยวคงพูดจบ เขาพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มลึก “ทำไม เรามาจะทำลายความโชคดีหรือ?” “อาตมามิได้หมายความเช่นนั้น” เหลี่ยวคงก้มศีรษะลงเล็กน้อย เพื่อแสดงความเคารพ เซียวอวี้จึงเดินตรงเข้าไปในวัด จนกระทั่งถึงห้องฌาน เหลี่ยวคงยืนนิ่งพลางมองตามแผ่นหลังของเขา สีหน้าเคร่งขรึม…… มาถึงห้องฌานแล้ว เหล่าองครักษ์ล้วนแปลกใจที่ฮ่องเต้เสด็จมาด้วยองค์เอง ทำความเคารพทีละคน เซียวอวี้โบกมือหนึ่งครา ส่งสัญญาณให้พวกเขาถอยไป เหลียนซวงเฝ้าอยู่นอกป

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 205

    ฮ่องเต้และฮองเฮานั่งอยู่ในรถม้าคันเดียวกัน คนอื่นควบอาชา เหลียนซวงเป็นสตรี จึงนั่งบนคานรถม้า ด้านหน้าวัดต้าเจา เจ้าอาวาสเฝ้ามองรถม้าแล่นออกไป สามเณรที่อยู่ด้านข้างกล่าวอย่างกังวล “อาจารย์ ฮองเฮากลับไปก่อนสวดอธิษฐานขอพรเสร็จ คงไม่มีผลกระทบอะไรใช่ไหมขอรับ?” เหลี่ยวคงพนมมือ กล่าวอย่างมีความนัยลึกซึ้ง “ไม่หรอก คำอธิษฐานสัมฤทธิ์ผลแล้ว” ภายในรถม้า เฟิ่งจิ่วเหยียนตื่นขึ้นไวมาก ทว่ายังไม่ตื่นเต็มที่ การรับรู้ของนางยังไม่ชัดเจน ราวกับอยู่ในความฝัน หมอบอกว่านางติดเชื้อไข้หวัด ความจริงคือเกิดจากการเร่งรีบกลับเมืองหลวง บาดแผลจึงไม่ได้รับการดูแลที่ดี จึงทำให้เกิดมีไข้ขึ้นมา นางไม่สบายไปหมดทั้งตัว ในห้องโดยสารรถม้าก็ร้อนอบอ้าว นางจึงทำตามความต้องการโดยสัญชาตญาณ เปิดม่าน เพื่อรับลมบ้าง ทันใดนั้นก็มีมือใหญ่ยื่นมา จับนางกลับไปทันที ในโสตได้ยินเสียงเตือนที่เย็นชาแหบแห้งของบุรุษ “วุ่นวายอะไร!” เพียงแค่นั้น เฟิ่งจิ่วเหยียนก็ถูกบังคับให้กลับมาอยู่ที่เดิม การเดินทางโคลงเคลง นางกึ่งหลับกึ่งตื่น ยากที่จะทรงตัว ทิ้งร่างกายส่วนใหญ่พ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 206

    เหลียนซวงคิดหาวิธีได้ในยามคับขัน “ฝ่าบาท ฮองเฮามีเหงื่อออกมาก ให้บ่าวเช็ดตัวให้ฮองเฮาเถอะเพคะ” หลังจากนั้น เซียวอวี้จึงลุกขึ้นแล้วเดินออกจากม่าน ภายในม่าน เหลียนซวงปลดเข็มขัดของฮองเฮา และเสื้อป้ายตัวใน บาดแผลปริแตกจริง ๆ หากปล่อยทิ้งไว้ไม่รักษา เลือดจะซึมออกมาอย่างแน่นอน โชคดีที่ยังทันเวลา... ในขณะที่เหลียนซวงยุ่งอยู่ข้างใน เซียวอวี้นั่งอยู่ข้างนอก เขามองออกไปนอกหน้าต่างด้วยสายตาเย็นชา ราตรีมืดมิด ราวกับว่าอสูรกินคนกำลังซุ่มซ่อนอยู่ ฮองเฮามีคนคอยดูแลอยู่ที่นี่ เขาลุกขึ้นยืน เตรียมตัวกลับตำหนักจื้อเฉิน แต่แล้วทันใดเขากลับถูกดึงดูดโดยบางสิ่งตรงมุมห้อง กล่องใบนั้น คล้ายกล่องสินเดิมของฮองเฮา มังกรและหงส์ที่เสมือนจริงถูกแกะสลักบนกล่องนั้น งานฝีมือชิ้นนี้ แม้แต่ในพระราชวังก็หาชมได้ยาก เขาเดินไปทางนั้น พลันรู้สึกว่า ก้อนอิฐที่เหยียบย่ำ ให้ความรู้สึกผิดปกติ ดูไม่แน่น นัยน์ตาของเขามืดลง ก้มหน้ามองลงไป... ครั้งนี้เฟิ่งจิ่วเหยียนไม่ได้รับบาดเจ็บสาหัส ทว่าการกำจัดพิษนั้นยากมาก ต้องใช้เวลาหลายวัน ในการถ่ายเ

Latest chapter

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 318

    หินเซวียนอิง เคยย่ำจนรองเท้าเหล็กสึกไม่พบพาน ตอนนี้กลับได้มาเฟิ่งจิ่วเหยียนรีบถามทันที“นี่คือหินเซวียนอิง เจ้ามีได้อย่างไร?”จางฉีหยางกลับแปลกประหลาดใจ“อาจารย์ ทำไมท่านก็รู้จักหินเซวียนอิง?“เมื่อสามปีก่อน ครั้งแรกที่ข้าได้เจอแม่ทัพน้อยเมิ่ง ได้ยินเขากับท่านพ่อคุยกันเรื่องหินเซวียนอิง ดูเหมือนนางจะชอบหินนี้มาก ดูในตำราก็มีบันทึกไว้“ความจำของข้าดี จึงจดจำไว้“ตำบลหลินผิงที่บ้านเกิดของข้า มีหุบเขามากมาย ยามมีเวลาว่าง ข้าก็จะออกค้นหาไปทั่ว เมื่อหนึ่งปีก่อน ข้าได้เจอหินเซวียนอิง ดังนั้นข้าจึงนำมันมาเป็นของขวัญคารวะอาจารย์...”เมื่อสามปีก่อน เฟิ่งจิ่วเหยียนก็คิดอยากปรับเปลี่ยนปืนหอกไฟรูปแบบใหม่ตอนนั้นนางก็มั่นใจแล้วว่า สิ่งสำคัญที่สุด ก็คือฉนวนกันความร้อน และสิ่งที่เหมาะสมในการทำเป็นฉนวนกันความร้อนที่สุด ก็คือเหล็กเซวียนอิงที่หล่อหลอมมาจากหินเซวียนอิงคิดไม่ถึงว่า ถูกเด็กคนนี้ได้ยินอย่างไม่ตั้งใจ และช่วยนางตามหาจนเจอแล้ว!ปกติเฟิ่งจิ่วเหยียนเป็นคนสงบควบคุมตนเองได้ดีต่อให้ดีใจแค่ไหน ก็ไม่มีทางแสดงออกมานางรีบถามจางฉีหยาง“ข้าก็ชอบหินเซวียนอิงอย่างมาก บอกข้าได้ไหมว่า เจ้าเ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 317

    ริมฝีปากจางฉีหยางแห้งแตก เสียงที่พูดออกมาค่อนข้างเสียงแหบแห้งอย่างยิ่งเฟิ่งจิ่วเหยียนสบสายตากับเขา มองเห็นถึงรัศมีสังหารในแววตาของเขา“ไหว้ผู้ล่วงลับ เดินผ่านทางนี้” นางพูดอธิบายเพราะจางฉีหยางหิวโซเป็นเวลานาน มือจึงสั่นเทา เอาสิ่งของเซ่นไหว้พวกนั้นคืนให้กับนาง“เอาคืนไป! แม่ของข้าไม่ต้องการสิ่งพวกนี้!”เฟิ่งจิ่วเหยียนทำเป็นเหมือนมองไม่เห็นการปฏิเสธของเขานางชักกระบี่ออกมาจากฟักตรงเอวตามด้วยเสียงรอยแตกร้าวดังในอากาศ ต้นไม้ด้านข้างต้นหนึ่งถูกนางโค่นลง ตัดเป็นกระดานขนาดเท่าศิลาหลุมศพจางฉีหยางมองดูภาพนี้ แววตาไม่มีความเคลื่อนไหวใด ๆจนเฟิ่งจิ่วเหยียนเอาแผ่นไม้นั่นวางบนพื้น แล้วถามเขา“ผู้ล่วงลับสกุลอะไร”จางฉีหยางมีปฏิกิริยาขึ้นมาเล็กน้อย มองดูนางอย่างแปลกประหลาดใจเฟิ่งจิ่วเหยียนพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย ไม่มีความสงสารอย่างสูงส่ง“มีป้ายหลุมศพ ก็จะไม่กลายเป็นวิญญาณเร่ร่อน”จางฉีหยางหัวเราะเย้ย“ข้าไม่เชื่อ”เฟิ่งจิ่วเหยียนพูดขึ้นมาเหมือนล้อเล่นว่า“เป็นผีก็สามารถหลงทางได้ มีป้ายหลุมศพ ต่อไปแม่ของเจ้าก็จะรู้ว่า ที่นี่เป็นบ้านของนาง เป็นบ้านที่ลูกชายของนางสร้างให้นางด้วยต

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 316

    จางฉีหยางตอบโต้รวดเร็วมาก หลบเลี่ยงฝ่ามือแรกของเฉียวม่อได้จากนั้นเฉียวม่อโจมตีเขาอีกอย่างต่อเนื่องจางฉีหยางเดินทางไกลมาอย่างเหน็ดเหนื่อย ทั้งหิวทั้งหนาวเวลานี้จึงไม่ค่อยมีเรี่ยวแรงเท่าไรนักแต่ต่อให้อยู่ภายใต้สภาพเช่นนี้ ยังสามารถหลบเลี่ยงเฉียวม่อได้ ซ้ำยังสามารถหาโอกาสตอบโต้ได้สีหน้าเฉียวม่อมืดมิดอย่างรวดเร็วเด็กคนนี้ เก่งกาจกว่าที่นางคิดไว้นางแกล้งทำเป็นจู่โจมส่วนล่างของเขา ฉวยโอกาสตอนที่เขาตอบโต้ เคลื่อนตัวไปทางด้านหลังเขาอย่างรวดเร็ว เตะหลังเข่าของเขาอย่างรุนแรงจางฉีหยางงอเข่าลง ขาข้างหนึ่งคุกเข่าลงจากนั้น เฉียวม่อใช้แขนรัดคอเขาไว้จากทางด้านหลังจางฉีหยางถูกบีบให้เงยศีรษะขึ้นมา อ้าปากกว้างเพื่อหายใจเฉียวม่อไม่ผ่อนมือ เพิ่มแรงมากขึ้น เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ...จนสีหน้าจางฉีหยางเขียวม่วง สกุลฉินเห็นว่าไม่ดีแน่ จึงรีบร้องเรียกขึ้นมาว่า“แม่ทัพน้อย!”เฉียวม่อค่อยผ่อนคลายมือ อยากที่จะกำจัดให้สิ้นซากเสียเดี๋ยวนี้สกุลฉินรีบประคองลูกชายลุกขึ้นมา ปัดฝุ่นบนตัวให้กับเขาจางฉีหยางหายใจหอบ ดวงตาสีดำเข้มจ้องมองที่เฉียวม่อหลังจากดีขึ้นบ้างแล้ว เขายกมือประสานหันไปทำความเคารพนา

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 315

    “มีทั้งหมด...สามคน ข้าไม่ค่อยได้เห็นอีกสองคนนั้น”“แม่นางเมิ่งมีคำสั่ง...พวกเรา เราก็ทำตาม”ชายขายผักพูดไปด้วย เลือดไหลไปด้วยไม่ค่อยได้เห็น ซึ่งก็คือเคยเห็นบ้างแล้วเฟิ่งจิ่วเหยียนถามอีก“อีกสองคนนั้นมีลักษณะเป็นยังไง”“คนหนึ่งบนใบหน้ามีไฝ ส่วนอีกคนหนึ่ง...คนนั้นชอบไปบ่อนเล่นการพนัน เป็นคนที่มีนิสัยลักขโมย หน้าตาปากแหลมแก้มเหมือนลิง...ท่านผู้กล้า ปล่อยข้าไปเถอะ ที่ข้ารู้ก็ล้วนบอกหมดแล้ว!”เฟิ่งจิ่วเหยียนใช้กริชเชยคางของเขาขึ้นมา“ทำไมพวกเจ้าต้องฟังคำสั่งเฉียวม่อ”ชายขายผักเสียเลือดมาก จนอ่อนแรงอย่างยิ่ง“พวกเรา... พวกเราล้วนถูกราชสำนักออกหมายนำจับ...เป็นโจรเจียงหยาง หากไม่เชื่อฟังนาง ก็จะส่งตัวพวกเราไปให้ทางการ”“เชื่อฟังนาง นางให้เงินพวกเราได้ใช้จ่าย...”“อีกอย่าง...นางวางยาพิษพวกเรา...ให้ยาถอนพิษพวกเราตามเวลาที่กำหนด ไม่อย่างนั้น...ก็จะตาย”“ท่านผู้กล้า ตอนนี้ข้าหักหลังนาง ไม่มีทางรอดแล้ว“ขอร้องท่าน...ให้ข้าได้ตายอย่างรวดเร็วด้วยเถอะ!”แววตาเฟิ่งจิ่วเหยียนเยือกเย็นชา พร้อมพูดขึ้นมาว่า “ได้”จากนั้นนางยกมีดขึ้นมาแล้วปาดลง ปาดคอชายขายผักตายเดิมก็เป็นอาชญากรรายใหญ่ ต

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 314

    อู๋ไป๋บาดเจ็บสาหัสอย่างมาก หลังจากฟื้นขึ้นมาแล้วเห็นแม่ทัพน้อย ก็รู้ว่าตนเองมีชีวิตรอดแล้วร่างกายท่อนบนของเขา พันเต็มไปด้วยผ้าพันแผล สีหน้าซีดอ่อนแรง“แม่...”ทันใดนั้นก็เห็นว่าภายในห้องยังมีคนอื่น จึงรีบเปลี่ยนเป็นร้องเรียกขึ้นมาว่า “นายท่าน”เฟิ่งจิ่วเหยียนที่สวมหน้ากากเงินครึ่งชิ้น หันมามองดูเขาหมอกำลังบอกนางเกี่ยวกับข้อควรระวังของผู้บาดเจ็บหลังจากนางฟังแล้วก็จดจำไว้ จากนั้นก็จ่ายค่ารักษา ออกมาส่งหมอด้วยตนเองผ่านไปครู่หนึ่ง นางกลับเข้ามาในห้องอีกครั้ง แล้วเห็นอู๋ไป๋พยายามจะลุกขึ้นมานั่งนางรีบพูดสั่งทันทีว่า“อย่าเคลื่อนไหว”เขาบาดเจ็บสาหัสอย่างมาก ไม่รู้สึกเลยสักนิดหรือ?อู๋ไป๋รีบนอนลงอย่างเชื่อฟัง ฉีกยิ้มอย่างขมขื่น พร้อมพูดขึ้นมาว่า“นายท่าน กระหม่อมผิวหยาบเนื้อหนา ไม่เป็นไร”พูดว่าไม่เป็นไรนั้นเป็นความเท็จเขายังจำได้ มีดที่แทงลงมาหลายทีนั้น เจ็บปวดอย่างมาก“นายท่าน ชายขายผักคนนั้น...”“จับตัวมาได้แล้ว” เฟิ่งจิ่วเหยียนพูดแทรกคำพูดของเขาอู๋ไป๋ยังอยากพูดอะไรอีก ก็มีชายหนุ่มแปลกหน้าคนหนึ่งวิ่งเข้ามา“รองผู้นำพันธมิตร! เมื่อครู่ชายขายผักคนนั้นยังคิดอยากวิ่งหนี

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 313

    ตำหนักเย็น เฟิ่งจิ่วเหยียนได้รับลูกศรมาหนึ่งอันบนหัวลูกศร เสียบกระดาษไว้หนึ่งแผ่นเป็นลายมือของเฉียวม่อ...[ศิษย์พี่ ติดหนี้ชีวิตเจ้าอีกหนึ่งชีวิตแล้ว แต่ข้าจะให้เจ้าหาเจอทางหนีสุดท้ายได้ง่ายๆ ได้อย่างไร? คราวหน้าส่งคนที่ฉลาดกว่านี้หน่อยนะ]เฟิ่งจิ่วเหยียนรู้ว่า เกิดเรื่องกับอู๋ไป๋แล้วนางขมวดคิ้วแน่น ไม่กล้าชักช้าแม้ชั่วขณะเดียว ฟ้ายังไม่มืดก็ออกจากวังแล้วอู๋ไป๋ติดตามนางจากค่ายเป่ยต้า มาจนถึงเมืองหลวงเขาไม่เพียงเป็นลูกน้องคนสนิท ลูกน้องที่มีความสามารถของนาง ยังเป็นเพื่อนของนางเพื่อต่อสู้กับนาง เฉียวม่อทำร้ายคนตายไปอย่างมากมายแล้วอู๋ไป๋ นางจะต้องตามหาให้เจอ!……ท่ามกลางผู้คนมากมาย ภายใต้สถานการณ์ที่ไม่มีเบาะแสอะไรเลย ตามหาคนหนึ่ง เหมือนงมเข็มในมหาสมุทรวันนี้ เฟิ่งจิ่วเหยียนไม่รู้ว่าวิ่งไปมากี่ที่ที่นางสามารถตามหา ก็มีเพียงชายขายผักจากคำบอกเล่าของชาวบ้านบริเวณรอบๆ นางวาดภาพชายขายผักคนนั้นขึ้นมาเวลาพลบค่ำโรงรับจำนำแห่งหนึ่งในเขตชานเมือง คนงานกำลังเตรียมปิดร้าน ชายสวมหน้ากากเงินคนหนึ่ง คว้าจับกรอบประตูไว้ ไม่สนใจความเจ็บปวดที่ถูกประตูหนีบ พูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเยือ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 312

    ไทฮองไทเฮาหันมองไปข้างนอก ดวงตาเบิกโตอย่างไม่รู้ตัว“ฮ่องเต้? เจ้ามาทำอะไร!”นางมาจัดการฮองเฮาเป็นการส่วนตัว ไม่ได้บอกเซียวอวี้รับรู้เซียวอวี้ก้าวเท้ายาวเข้ามาในตำหนัก ใช้เท้ากระทืบข้าหลวงที่คิดจะลงมือทำร้ายเฟิ่งจิ่วเหยียน พร้อมทั้งปกป้องนางไว้ข้างหลัง เผชิญหน้ากับไทฮองไทเฮาโดยตรง“เสด็จย่า ควรเป็นเราถามท่าน ท่านทำอะไรอยู่ที่นี่”เขาสวมอาภรณ์สีม่วง สีหน้าเยือกเย็นชา เป็นเหมือนดั่งหุบเขาหิมะ คนเห็นแล้วรู้สึกหวาดกลัวเฟิ่งจิ่วเหยียนแอบเก็บอาวุธลับไว้ ไทฮองไทเฮานั่งอยู่ตรงนั้น พูดขึ้นมาอย่างไม่รู้สึกผิดเลยสักนิดว่า“ข้าทำเช่นนี้ ล้วนเพื่อความมั่นคงของแผ่นดิน“สตรีตระกูลเฟิ่งไม่ควรเข้าวัง ยิ่งไม่ควรเป็นฮองเฮาของเจ้า”ฮ่องเต้กตัญญูต่อนางมาตลอด นางไม่เชื่อว่า ฮ่องเต้จะไม่เชื่อฟังนางเพราะเหตุนี้ดวงตาสีเข้มของเซียวอวี้หนักหน่วงมืดมน“เราได้ให้นางมาอยู่ในตำหนักเย็นแล้ว เสด็จย่าอย่าบีบคั้นกันจนเกินไป ยิ่งไปกว่านั้น เราเคยพูดแล้วว่า เราไม่เคยเชื่อในคำทำนายของหนังสือแห่งโชคชะตาในปีนั้น”ปัง!ไทฮองไทเฮาฟาดตบโต๊ะอย่างโกรธโมโห“ฮ่องเต้ เจ้าจะเลอะเลือนไม่ได้!“ผู้หญิงคนนี้...นางจะเป

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 311

    ไทฮองไทเฮาเสด็จมายังตำหนักเย็นด้วยพระองค์เอง แฝงไปด้วยความแปลกประหลาดและแล้ว ลางสังหรณ์เฟิ่งจิ่วเหยียนนั้นไม่มีผิดคนที่มาไม่ได้มีเพียงไทฮองไทเฮา ยังมีนางข้าหลวงหนึ่งคนนางข้าหลวงคนนั้นถือถาดไม้สีดำ สิ่งของที่วางอยู่บนถาด ทำให้คนเห็นแล้วอกสั่นขวัญแขวนมีผ้าขาว สุราหนึ่งจอก ยังมีกริชเล่มหนึ่งเหลียนซวงแสดงสีหน้าหวาดกลัว เบิกตาโตอย่างไม่อยากเชื่อไทฮองไทเฮาต้องการที่จะ...ประหารฮองเฮา? ! !นางรีบหันไปมองพระนางของตนเองเฟิ่งจิ่วเหยียนยืนถวายความเคารพ สวมอาภรณ์ธรรมดา ยากที่จะบดบังความสง่างามของนางได้นางก็มองเห็นสิ่งของพวกนั้นแล้ว ท่าทีสงบนิ่ง สีหน้าไม่เปลี่ยนแปลง แม้ภูเขาไท่พังทลายลงต่อหน้าก็ตาม“ถวายบังคมไทฮองไทเฮา”สายตาไทฮองไทเฮามองผ่านนาง มีคนประคองเดินไปนั่งบนที่นั่งหลักอย่างเชื่องช้า“ตอนนี้ข้าดูแลจัดการวังหลัง ควรแบ่งเบาความกังวลของฝ่าบาท”“ฮองเฮา เจ้ารู้ไหม ระยะนี้ที่วังหน้า เกิดปัญหาวุ่นวายเพราะเรื่องของเจ้า?”แววตาน้ำเสียงไทฮองไทเฮา ล้วนเต็มไปด้วยความตำหนิติเตียนราวกับเฟิ่งจิ่วเหยียนก็คือคนร้ายคนนั้นเฟิ่งจิ่วเหยียนขยับริมฝีปากพูดขึ้นมาว่า “หม่อมฉันอยู่ในตำหนักเ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 310

    “มันลวกข้า!” “อ๊าก! ร้อน!” บรรดาพลทหารต่างพากันโยนปืนหอกไฟที่พาดอยู่บนหัวไหล่ทิ้งไป ลูกปืนสูญเสียการควบคุม พุ่งมายังแท่นเฝ้าชมตรงฝั่งนี้แทน “คุ้มครองฮ่องเต้!” เฉินจี๋ราชองครักษ์หูตาว่องไว พลิกโต๊ะอาหารขึ้นเป็นเกราะกำบัง เซียวอวี้นั่งนิ่งไม่สะทกสะท้าน หัวคิ้วขมวดแน่น ดูเหมือนว่าปืนหอกไฟแบบใหม่อันนี้ ก็ไม่ได้สมบูรณ์แบบทุกด้าน ขุนนางท่านอื่นล้วนพุ่งหาที่กำบังอย่างคล่องแคล่วรวดเร็ว พริบตาเดียว สถานการณ์พลันโกลาหล กระทั่งลูกปืนถูกยิงจนหมด สถานการณ์เลวร้ายได้ผ่านพ้นไปแล้ว เหล่าขุนนางทั้งหลายค่อยยื่นศีรษะออกมาอีกครั้ง ชะเง้อคอมอง อยากสืบเสาะถึงต้นสายปลายเหตุที่แท้จริง เฉียวม่อยามนี้ก็สติหลุดลอยไปแล้วเช่นกัน เหตุใดถึงร้อนลวกขึ้นมา? พิมพ์เขียวนั่นก็มีแผ่นกันความร้อนเขียนไว้อยู่ไม่ใช่หรือ! หัวหน้าคนอื่นก็ตรวจสอบแล้ว ทุกคนล้วนคิดตรงกันว่าสมบูรณ์แบบ! เซียวอวี้หยัดกายขึ้น เงาร่างสูงใหญ่บดบังแสงอาทิตย์ เขาจ้องมองสถานที่เกิดเหตุอย่างดูแคลน ก่อนจะทิ้งสายตามองบนตัวเฉียวม่อในตอนสุดท้าย แม้ว่าไม่มีเสียงตำหนิใดถูกเอื้อนเอ่ยออกมา กระนั้นแล้วยังทำให้คนพรั่นพรึงจนสั่นสะท้านได้

DMCA.com Protection Status