Share

บทที่ 197

Author: อี้ซัวเยียนอวี่
ทหารกองทัพใต้มีคุณธรรมน้ำมิตรจึงลุกขึ้นมากันทั้งหมด

“แม่ทัพซุน เห็นแก่หน้าของท่าน พวกเราเต็มใจยอมรับการลงโทษ ทว่าพวกเราไม่คิดว่าตัวเองทำอะไรผิด!”

“ใช่ พวกเราไม่ได้ทำอะไรผิด!”

“พวกเราเป็นทหารกองทัพใต้ ถือสิทธิ์อะไรถึงจะให้พวกเรารักษากฎของกองทัพเหนือ?”

ที่สุดแล้วแม่ทัพซุนก็เข้าข้างคนของตน จึงหันกลับไปมองเฟิ่งจิ่วเหยียน

“ที่พวกเขาพูดก็ใช่ว่าไร้เหตุผล แม่ทัพน้อยเมิ่ง ค่ายกองทัพเหนือของพวกท่านมีกฎของค่ายกองทัพเหนือ และค่ายกองทัพแต่ละแห่งของพวกเราก็ล้วนมี...”

สายตาของเฟิ่งจิ่วเหยียนหนาวเหน็บเข้ากระดูก

“แม่ทัพซุนทำใจไม่ได้งั้นหรือ”

แม่ทัพซุนตกตะลึง “ไม่ใช่ว่าทำใจไม่ได้ ทว่าหากไม่ให้เหตุผล เกรงว่าพลทหารจะไม่ยินยอม ทำให้ไม่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน”

แม่ทัพหลายคนเองก็มาช่วยไกล่เกลี่ยแบบขอไปที

“แม่ทัพน้อยเมิ่งพอได้แล้วกระมัง เหตุใดจึงต้องทำให้ทหารของหนานฉีเราลำบากใจเพื่อชาวบ้านของรัฐเหลียงด้วยเล่า?”

“แม่ทัพซุน เจ้าก็ทำเป็นลงโทษเล็ก ๆ น้อย ๆ เสียหน่อย นี่ก็ใกล้จะเข้าไปโจมตีเมืองหลวงรัฐเหลียงแล้ว ให้ผู้ใต้บังคับบัญชาเจ้าควบคุมของที่อยู่ในกางเกงให้ดี ๆ หน่อย อย่าทำให้แม่ทัพน้อยเมิ่งต้องลำบา
Locked Chapter
Continue Reading on GoodNovel
Scan code to download App
Comments (6)
goodnovel comment avatar
Sawarost Sontijai
ชั่วจริงยิ่งกว่าชั่วอีกทหารชายแดนใต้พวกเปรตนี้ แม่งไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาด่า
goodnovel comment avatar
Naramol Olsson
ตอน 196 กับ 197 มันต่อกันมั้ยคะไรท์ งงๆนะคะ
goodnovel comment avatar
Yu Ketmanee
หายไปบทนึง เพราะซ้ำ คุณไรท์ไม่แก้ไขเลย
VIEW ALL COMMENTS

Related chapters

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 198

    ภายใต้หน้ากาก สีหน้าของเฟิ่งจิ่วเหยียนแข็งทื่อ เพราะชั่วพริบตาหนึ่งใบหน้าของเด็กสาวคนนั้นกลายเป็นใบหน้าของเวยเฉียง...เด็กสาวนางนั้นไร้อาภรณ์คลุมกาย ร่างกายฟกช้ำไปทั้งร่างเลือดสด ๆ ไหลออกมาจากหว่างขา ร่างของนางกระตุกอย่างเจ็บปวดก่อนตาย ดวงตาสองข้างเบิกมองแม่ทัพน้อยที่เพิ่งลงจากหลังม้าเฟิ่งจิ่วเหยียนก้าวไปข้างหน้าโดยไม่พูดอะไร นางถอดเสื้อคลุมนำมาคลุมปิดร่างของเด็กสาวเอาไว้ ดวงตาเอ่อล้นไปด้วยความหนาวเหน็บอย่างที่สุดเด็กสาวใช้แรงเฮือกสุดท้ายคว้ามือของนางไว้ เล็บจิกลึกลงไปที่หลังมือของนาง ระบายความโกรธเกลียดเมื่อเปิดปาก เลือดสด ๆ ก็ไหลทะลักออกมาจากปากของนาง“ทำ...ไมกัน...”แล้วสุดท้ายนางก็ตายจากไปท่ามกลางความเกลียดชังและความสงสัยเหตุการณ์ทั้งหมดนี้เวลาผ่านไปเพียงไม่กี่อึดใจเท่านั้นเมื่ออู๋ไป๋เงยหน้าขึ้นไปมองก็เห็นเงาร่างที่ลุกลี้ลุกลนของทหารหลายคน เพียงแค่สบตาก็รีบหนีหายไปอย่างรวดเร็วเฟิ่งจิ่วเหยียนช่วยลูบปิดดวงตาทั้งสองข้างให้เด็กสาวที่ตายตาไม่หลับคนนั้น จากนั้นก็ลุกขึ้นเดินเข้าไปในหอสุราอู๋ไป๋รีบติดตามไปด้านหลังแล้วจัดการลงกลอนประตูด้วยท่าทีที่ดูเป็นธรรมชาติเป็นอย่างมา

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 199

    ภายใต้หน้ากาก ดวงตาทั้งสองข้างของเฟิ่งจิ่วเหยียนแดงก่ำบุตรชายของท่านอาจารย์...เมิ่งสิงโจวตัวจริงนั้นได้ตายจากไปนานแล้วนี่คือเรื่องที่เจ็บปวดที่สุดของท่านอาจารย์และอาจารย์หญิงเจ้าคนสกุลซุนนี่ สมควรตาย!แม่ทัพซุนรีบตะเกียดตะกายลุกขึ้นมา แล้วมองไปที่เฟิ่งจิ่วเหยียนอย่างไม่อยากจะเชื่อ“เจ้า...นี่เจ้ากล้าถีบข้ารึ?!”แม่ทัพที่เหลือล้วนมายืนอยู่กับแม่ทัพซุน “เมิ่งสิงโจว ถึงอย่างไรพวกเราก็ล้วนเป็นผู้อาวุโสของเจ้านะ เจ้า..”“ถีบได้ดี!” ฮูหยินเมิ่งพลันเดินเข้ามาด้วยท่าทางที่แฝงความเย็นชาอย่างลึกล้ำแม่ทัพเมิ่งเห็นฮูหยินมาจึงรีบเดินเข้าไปหา“ฮูหยิน ยามนี้ท่านอย่าเพิ่งสร้างเรื่องเพิ่มเลยนะ”ฮูหยินเมิ่งผลักสามีออกไป แล้วเดินไปอยู่ข้างกายเฟิ่งจิ่วเหยียน เผชิญหน้ากับเหล่าแม่ทัพที่ทำท่าว่าตนเหนือกว่าแล้วหัวเราะเย็น ๆ ทีหนึ่ง“สิงโจวของเราขจัดคนชั่วพิทักษ์ราษฎร ทำความผิดที่ไหนกัน? กลับเป็นพวกเจ้าที่แยกแยะถูกผิดไม่เป็น พอยึดเมืองชวนได้ก็ไปทำเรื่องอย่างโจรชั้นต่ำ ทำลายชื่อเสียงแม่ทัพและทหารของหนานฉีเราเสื่อมเสีย“สิงโจว เจ้าเขียนเรื่องนี้รายงานฝ่าบาท ให้พระองค์ได้ทรงทราบว่าทหารพวกนี้ทำเรื่

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 200

    เมื่อเริ่มลงไม้พลองทหาร เสียงร้องอย่างน่าอนาถก็ดังขึ้นอย่างต่อเนื่องในขณะเดียวกันกุนซือของแม่ทัพซุนก็เดินไปทั่วทุกสารทิศเพื่อกล่อมให้แม่ทัพท่านอื่นยอมช่วยพูดต่อหน้าเฟิ่งจิ่วเหยียน“ท่านแม่ทัพน้อยเมิ่ง แกะดำในฝูงถูกกำจัดไปแล้ว ท่านก็อย่าต่อว่าแม่ทัพซุนอีกเลย”“กองทัพใต้ทำศึกสงครามอย่างกล้าหาญ หากไม่ให้พวกเขาร่วมขบวนทัพด้วย ออกจะน่าเสียดายไปหน่อย”เฟิ่งจิ่วเหยียนมีสมาธิอยู่กับการดื่มชา ท่าทางดูเย็นชาและห่างเหินหลังจากการโบยหนึ่งร้อยครั้งด้วยไม้พลองทหารจบลง นางก็วางถ้วยชาลง“การบุกโจมตีเมืองหลวงรัฐเหลียงให้กองทัพใต้เป็นแนวหน้า สร้างผลงานชดใช้ความผิด”เมื่อได้ยินคำพูดนี้ เหล่าแม่ทัพท่านอื่นต่างเผยสีหน้าตกตะลึงออกมา......จากสี่สิบกว่าคน คนที่ยังรอดชีวิตมีเพียงเฉินเซิ่งคนเดียวเท่านั้นเมื่อได้ยินว่าเมิ่งสิงโจวยอมให้กองทัพใต้อยู่ต่อ ทั้งยังให้พวกเขาได้เป็นแนวหน้า แม่ทัพซุนก็รู้สึกโล่งใจเหมือนยกภูเขาออกจากอก ทั้งยังรู้สึกดีใจราวกับเก็บสมบัติล้ำค่าได้ในเวลาเดียวกันเขากำมัดคารวะไปทางกระโจมหลัก“ข้าน้อยน้อมรับคำสั่ง!”จากนั้นก็ยกมือเรียกให้คนยกหลานชายเดินจากไปเฟิ่งจิ่วเหยียนเด

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 201

    ภายในกระโจมหลัก เฟิ่งจิ่วเหยียนยืนอยู่ข้างถาดทราย มองดูแผนที่ภูมิศาสตร์จำลองของรัฐเหลียง อย่างมิได้ตั้งใจนัก ทว่าไม่ลดสายตาเหยียดหยามต่อโลกที่เฉียบคม อู๋ไป๋เร่งรีบเดินเข้ามา “แม่ทัพน้อย เฉินเซิ่งตายแล้วขอรับ” เฟิ่งจิ่วเหยียนมิได้แปลกใจแม้แต่น้อย ถามโดยไม่เงยหน้าขึ้นมอง “แล้วพ่อกับพี่ชายของสตรีนางนั้นอยู่ไหน?” “ข้าน้อยได้ส่งพวกเขาออกจากค่ายทหารอย่างปลอดภัยแล้ว ไม่มีผู้ใดเห็นว่าพวกเขาก่อเหตุขอรับ” เฟิ่งจิ่วเหยียนกดคางลงเล็กน้อย “อืม ถ้าเช่นนั้นก็ไม่เป็นไร” อู๋ไป๋พูดอย่างกังวล “แม่ทัพน้อย หลานชายของแม่ทัพซุนเสียชีวิต เขายังสามารถทำศึกด้วยจิตใจที่สงบได้หรือขอรับ?” เฟิ่งจิ่วเหยียนน้ำเสียงเมินเฉย “มิใช่ว่าหลานชายของคนทั้งกองทัพชายแดนใต้เสียชีวิต “หากแม่ทัพไร้ความคิดจะสู้รบ เพียงแค่ถอนตัว ขอเพียงกองทัพชายแดนใต้ยังสามารถต่อสู้ได้ มันก็มิใช่ปัญหาใหญ่” “ขอรับ!” อู๋ไป๋เพิ่งจะเดินออกไป ก็พบกับแม่ทัพซุนที่เดินเข้ามาอย่างเร่งรีบจนน่าสงสัย เขาหยุดอีกฝ่ายไว้ “ท่านมาหาแม่ทัพน้อยหรือ?” แม่ทัพซุนโกรธเป็นฟืนไฟ ผลักอู๋ไป๋ให

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 202

    กองทัพใหญ่หนานฉีชนะทุกศึก โจมตีมิเคยพลาด กรีธาทัพขึ้นเหนือสู่เมืองหลวงรัฐเหลียง ด้วยขวัญกำลังใจเหลือล้น กองทัพใหญ่รัฐเหลียงต่อต้านอย่างดึงดัน ทว่า ยังคงถูกล้อมทุกด้าน ได้แต่มองดูสหายนักรบที่อยู่รอบกายล้มลงทีละคน ความสิ้นหวังแผ่ซ่านทั่วร่าง ตูม—— ประตูเมืองที่แข็งแกร่งถูกกระแทกให้เปิดออก กองทัพแนวหน้าของหนานฉีบุกเข้ามา พร้อมเสียงร้องคำราม “ทำลายรัฐเหลียง! จับตัวฮ่องเต้เหลียง!” บนหอประตูเมือง อัครเสนาบดีรัฐเหลียงนำทัพออกไปต่อต้านด้วยตนเอง ในยามที่เห็นศัตรูถาโถมเข้ามาดุจเมฆทมิฬ และเมื่อเห็นแม่ทัพน้อยผู้สวมหน้ากากควบอาชานั้น มือของเขาก็สั่นระริกอย่างหนัก มาแล้ว นั่นคือเมิ่งสิงโจว! ในช่วงเวลาหนึ่ง เขารู้สึกว่าพวกเขาได้สบสายตากันด้วย หลังจากนั้นจึงสั่นสะท้านทั้งกาย “อัครเสนาบดี ระวัง!” ทหารนายหนึ่งรีบวิ่งเข้ามา ได้สกัดกั้นการโจมตีที่ถึงแก่ชีวิตให้เขา อัครเสนาบดีล้มลงกับพื้น ได้แต่มองดูธงประจำกองทัพรัฐเหลียงถูกปลดลง และถูกแทนที่ด้วยสัญลักษณ์ของแคว้นหนานฉี เขาแผดเสียงคำรามด้วยหัวใจที่ไม่ยินยอม ทหารหนานฉีกลุ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 203

    ผลัวะ! ประตูห้องฌานเพิ่งเปิดออก หลิวซื่อเหลียงก็เห็นเงาด้านหลังผู้หนึ่ง ปรากฏมาอยู่ด้านหน้าของเขา ในเวลาเดียวกันก็ปิดบังสายตาของเขา และปิดประตูลงอย่างรวดเร็วอีกครั้ง คนผู้นั้นหันกลับมา ที่แท้เป็นเจ้าอาวาสแห่งวัดต้าเจา——ปรมาจารย์เหลี่ยวคง ปรมาจารย์ผู้นี้มีอายุราวห้าสิบกว่า ทว่าเคลื่อนไหวว่องไว ในความอ่อนโยนแฝงด้วยความแข็งแกร่ง เฉกเช่นวิถีแห่งไท่เก๊ก “การอธิษฐานขอพรต้องทำให้เสมอต้นเสมอปลาย ฮองเฮาสวดมนต์อย่างสันโดษ อาตมาได้รับการไหว้วาน คอยห้ามมิให้ผู้ใดเข้าไปรบกวน” หลิวซื่อเหลียงเคยได้ทราบวีรกรรมสำคัญของปรมาจารย์เหลี่ยวคงมาก่อน ในรัชสมัยของอดีตฮ่องเต้ เหลี่ยวคงผู้นี้ก็เป็นแม่ทัพลือนามเช่นกัน เนื่องจากรู้สึกผิดบาปจากการฆ่าคนมากเกินไป จึงอุทิศตนให้แก่พุทธศาสนา นอกจากนี้ยังมีวัดฉือจี้ขนาดเล็กที่ใกล้กับวัดต้าเจา ถูกสร้างขึ้นโดยเหลี่ยวคงเช่นกัน เพื่อรับเลี้ยงเด็กกำพร้า และคนเร่ร่อน เขากระทำแต่สิ่งดี ๆ มีชื่อเสียงในหมู่ราษฎรอย่างมาก เมื่อมีเขาเฝ้าประตูอยู่ หลิวซื่อเหลียงจึงต้องจำใจยอมแพ้ ไม่กล้าดึงดันจะบุกรุกอีก ทว่าฮองเฮาอยู่ข้างในหรือไม่ ยั

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 204

    สองชั่วยามต่อมา ด้านนอกของวัดต้าเจา ท่ามกลางราตรีที่มืดมิด เซียวอวี้ควบอาชา สวมอาภรณ์ผ้าแพรสีดำปักดิ้นเงิน ดวงตาดุจรัตติกาลแหลมคม เฉินจี๋ติดตามอยู่ด้านหลังของเขา ฮ่องเต้มีราชกิจรัดตัว ทว่าด้วยเรื่องของฮองเฮา กลับเสด็จมาที่นี่กลางดึก ค่อนข้างจะทุ่มเทสุดตัวจริง ๆ ในยามค่ำคืนวัดต้าเจาเงียบสงบเป็นพิเศษ เมื่อทราบข่าวฮ่องเต้เสด็จมา เจ้าอาวาสเหลี่ยวคงจึงออกมารับเสด็จที่ประตูวัด เหลี่ยวคงสงบนิ่งมาก ๆ “ฝ่าบาท ฮองเฮาสวดอธิษฐานทั้งวันทั้งคืน...” เซียวอวี้มิได้ยอมออกไปโดยง่ายเหมือนหลิวซื่อเหลียง ไม่รอให้เหลี่ยวคงพูดจบ เขาพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มลึก “ทำไม เรามาจะทำลายความโชคดีหรือ?” “อาตมามิได้หมายความเช่นนั้น” เหลี่ยวคงก้มศีรษะลงเล็กน้อย เพื่อแสดงความเคารพ เซียวอวี้จึงเดินตรงเข้าไปในวัด จนกระทั่งถึงห้องฌาน เหลี่ยวคงยืนนิ่งพลางมองตามแผ่นหลังของเขา สีหน้าเคร่งขรึม…… มาถึงห้องฌานแล้ว เหล่าองครักษ์ล้วนแปลกใจที่ฮ่องเต้เสด็จมาด้วยองค์เอง ทำความเคารพทีละคน เซียวอวี้โบกมือหนึ่งครา ส่งสัญญาณให้พวกเขาถอยไป เหลียนซวงเฝ้าอยู่นอกป

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 205

    ฮ่องเต้และฮองเฮานั่งอยู่ในรถม้าคันเดียวกัน คนอื่นควบอาชา เหลียนซวงเป็นสตรี จึงนั่งบนคานรถม้า ด้านหน้าวัดต้าเจา เจ้าอาวาสเฝ้ามองรถม้าแล่นออกไป สามเณรที่อยู่ด้านข้างกล่าวอย่างกังวล “อาจารย์ ฮองเฮากลับไปก่อนสวดอธิษฐานขอพรเสร็จ คงไม่มีผลกระทบอะไรใช่ไหมขอรับ?” เหลี่ยวคงพนมมือ กล่าวอย่างมีความนัยลึกซึ้ง “ไม่หรอก คำอธิษฐานสัมฤทธิ์ผลแล้ว” ภายในรถม้า เฟิ่งจิ่วเหยียนตื่นขึ้นไวมาก ทว่ายังไม่ตื่นเต็มที่ การรับรู้ของนางยังไม่ชัดเจน ราวกับอยู่ในความฝัน หมอบอกว่านางติดเชื้อไข้หวัด ความจริงคือเกิดจากการเร่งรีบกลับเมืองหลวง บาดแผลจึงไม่ได้รับการดูแลที่ดี จึงทำให้เกิดมีไข้ขึ้นมา นางไม่สบายไปหมดทั้งตัว ในห้องโดยสารรถม้าก็ร้อนอบอ้าว นางจึงทำตามความต้องการโดยสัญชาตญาณ เปิดม่าน เพื่อรับลมบ้าง ทันใดนั้นก็มีมือใหญ่ยื่นมา จับนางกลับไปทันที ในโสตได้ยินเสียงเตือนที่เย็นชาแหบแห้งของบุรุษ “วุ่นวายอะไร!” เพียงแค่นั้น เฟิ่งจิ่วเหยียนก็ถูกบังคับให้กลับมาอยู่ที่เดิม การเดินทางโคลงเคลง นางกึ่งหลับกึ่งตื่น ยากที่จะทรงตัว ทิ้งร่างกายส่วนใหญ่พ

Latest chapter

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 946

    ด้านนอกประตูวังนั้นหลิวอิ๋งและบุตรสาวของนางถูกไล่ออกไปทันทีไม่ว่าพวกนางจะเอ่ยย้ำว่าเป็นเครือญาติของฮองเฮามากเท่าไหร่เหล่าองครักษ์พลางกล่าวออกมาด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ว่า: “ฮองเฮามีรับสั่งว่า ไม่พบ!”สาวใช้ของพวกนางพลันก้าวเข้าไปข้างหน้า ก่อนจะซักถามพวกเขาว่า“มีตาหามีแววไม่! พวกเจ้ามิได้ไปแจ้งให้ฮองเฮาทราบอย่างแน่นอนเลย!”องครักษ์ที่ทำหน้ารักษาประตูวังจึงชักอาวุธออกมา“หากกล้าก่อเรื่องที่หน้าประตูวัง คงมิอยากจะมีชีวิตอยู่แล้วใช่หรือไม่!”เมื่อหลิวอิ๋งและอีกสองคนเห็นสถานการณ์ที่อยู่ตรงหน้า พวกนางจึงค่อย ๆ ล่าถอยออกไปแต่โดยดีทว่า พวกนางหาได้คิดยอมแพ้ไม่!เจิ้งจีบุตรสาวของนางพลันเป็นเดือดเป็นร้อนไปในทันที ก่อนจะจับแขนมารดาของตน พลางเอ่ยถาม“ท่านแม่ ฮองเฮามิให้พวกเราเข้าพบเช่นนี้ พวกเราจักทำเช่นไรกันดีเจ้าคะ? แคว้นพันธมิตรต่างก็เปิดเส้นทางการค้าขายมากมาย โดยเฉพาะแคว้นตงซาน จำนวนพ่อค้าหลวงเองก็มีจำกัด พวกเรามิอาจปล่อยให้ตกไปอยู่ในมือของผู้อื่นได้นะเจ้าคะ”สายตาอของหลิวอิ๋งพลันเจือไปด้วยความเย็นชาเล็กน้อย เผยให้เห็นท่าทีสงบและฉลาดหลักแหลม“ไม่ต้องรีบร้อนไป ในเมื่อคนเป็นลูกมิยอมใ

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 945

    เมื่อต้องมาเผชิญหน้ากับการปรากฏตัวของท่านน้าหญิงของตนเองเช่นนี้ เฟิ่งจิ่วเหยียนจึงสั่งให้คนไปตรวจสอบตัวตนของนางมาเสียก่อนการสืบหาในครานี้ กินเวลาไปเกือบทั้งวันด้านนอกประตูวัง ยังมีแม่ลูกคู่หนึ่งยืนอยู่ พร้อมด้วยสาวใช้ของนางเมื่อเหล่าองครักษ์เห็นว่านางเรียกตนเองว่าเป็นเครือญาติของฮองเฮานั้น พวกเขาก็หาได้กล้าทำอะไรไม่ พลางพาพวกนางไปพักที่ศาลาเพื่อรอฮองเฮาเรียกตัวเข้าพบใกล้พลบค่ำหว่านชิวพลันเดินเข้ามาภายในตำหนักในขณะเดียวกัน เฟิ่งจิ่วเหยียนที่กำลังอ่านจดหมายจากท่านอาจารย์ของนาง เนื้อหาพลันระบุเอาไว้ ชายแดนเหนือได้ทำการวางแนวป้องกันแบบใหม่ลงไปแล้ว มิกลัวว่าฝั่งเป่ยเยี่ยนจะลอบเข้ามาโจมตีอีกต่อไปหว่านชิวพลางโค้งกายคำนับ“ฮองเฮาเพคะ สืบพบแล้วเพคะ สตรีผู้นี้มีนามว่า ‘หลิวอิ๋ง’ เป็นท่านน้าหญิงของพระองค์จริง ๆ เพคะ ทว่า...” หว่านชิวพลันเปลี่ยนหัวเรื่อง “องครักษ์ยังสืบพบอีกว่า มารดาของท่านได้ทำการตัดสายสัมพันธ์กับตระกูลเดิมไปเมื่อยี่สิบปีที่แล้ว ท่านน้าหญิงของฮองเฮาผู้นี้ มิทราบว่าสมควรจักให้พบหรือไม่ให้พบดีเพคะ”เฟิ่งจิ่วเหยียนวางจดหมายในมือของนางลง ก่อนจะสั่งการว่า“เจ้าไปที่

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 944

    เจียงหลินจึงเอ่ยอธิบายก่อน: “สำหรับเส้นทางการค้าลับนั้น ตระกูลเจียงเองก็เคยใช้งานเช่นเดียวกัน ทว่า เรื่องมนุษย์โอสถนั้น หาได้เกี่ยวข้องอันใดกับตระกูลเจียงไม่”เรียวนิ้วของเฟิ่งจิ่วเหยียนพลันเขี่ยไปที่รอบปากจอกสุรา สายตาของนางหาได้สนใจสิ่งใดไม่“เล่าต่อเถิด ว่าเรื่องเป็นมาเช่นไร”เจียงหลินพลันกัดฟันเอ่ยออกมา“ข้ากลัวว่าท่านจักเป็นกังวล จึงมิกล้าเอ่ยเรื่องนี้ขึ้นมาให้ท่านฟัง”“เส้นทางการค้าลับนั้นมีมานานนับหลายสิบปีแล้ว การค้าของตระกูลเจียงนั้นมีบางครั้งก็จำเป็นต้องใช้งานพวกเขาบ้าง“สิ่งที่ข้าสืบพบก็คือ ไม่กี่ปีที่ผ่านมานั้นการค้าของพวกมนุษย์โอสถรุ่งเรืองยิ่งนัก ทว่า มิรู้เพราะเหตุใดช่วงนี้ราวกับพวกเขาได้ยินข่าวลืออะไรบางอย่าง จึงไม่มีการเคลื่อนไหวใด ๆ มานานแล้ว“ข้าเองก็ได้ส่งคนไปซุ่มรอตรวจสอบอยู่ หากพบว่ามีการค้าขายเกี่ยวกับมนุษย์โอสถเมื่อใดนั้น ย่อมต้องแจ้งให้ท่านทราบอย่างแน่นอน“ทว่า ในยามนี้หาได้พบสิ่งใดไม่”หลังจากเฟิ่งจิ่วเหยียนได้ฟังจนจบแล้วนั้น อย่างน้อยนางก็มั่นใจได้เรื่องหนึ่งว่า มนุษย์โอสถไปมาระหว่างแคว้นตงซานกับหนานฉีจริง ๆ ……ช่วงนี้ นับตั้งแต่ฮ่องเต้จนไปถึงขุนน

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 943

    ปั้ง!ถานไถเหยี่ยนยกมือขึ้นข้างหนึ่ง หยวนจั้นที่ตกใจจนมิทันได้ป้องกันตนเองนั้น ก็ถูกกำลังภายในอันแข็งแกร่งกระแทกออกไปในทันทีหยวนจั้นที่ได้สติกลับมานั้น จึงปรับสมดุลกำลังภายในในร่างกายของตนเองให้มั่นคง ทว่า ก็ยังไม่อาจยืนหยัดได้อย่างมั่นคงนักร่างกายของหยวนจั้นซวนเซถอยหลังไปสองสามก้าว พร้อมทั้งแผ่นหลังที่ไปกระแทกเข้ากับประตูห้องขังที่อยู่ด้านหลังเขาเมื่อเงยหน้าขึ้นไปมองนั้น พลันเห็นว่าถานไถเหยี่ยนได้ทำลายกุญแจประตูห้องขัง ก่อนจะค่อย ๆ เดินเข้ามาหาเขา...หยวนจั้นเอามือกุมหน้าอกของตนเองเอาไว้ ดวงตาค่อย ๆ หรี่ลง พร้อมด้วยเปลือกตาของเขาที่สั่นไหวไปเล็กน้อยคนผู้นี้ มีความสามารถล้ำลึกถึงเพียงนี้เลยหรือ?เพียงไม่กี่อึดใจเดียว ถานไถเหยี่ยนก็เดินมาหยุดอยู่เบื้องหน้าของเขา พลางยกมือขึ้นมาวางบนไหล่ของหยวนจั้นหยวนจั้นที่คิดว่าถานไถเหยี่ยนจะลงมือกับตนเองนั้น กลับเห็นว่าเขาเพียงแค่ปัดฝุ่นออกจากหัวไหล่ให้ตนเองเท่านั้นเสมือนกับว่า เขายังคงเป็นอาจารย์ที่เต็มไปด้วยความอ่อนโยนในความทรงจำของเขาอยู่จากนั้น ถานไถเหยี่ยนพลันจัดแจงอาภรณ์ที่เต็มไปด้วยรอยยับให้เรียบร้อย พวกเขาราวกับศิษย์อาจารย์ที

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 942

    หลังจากจับกุมพัศดีได้นั้น เขาหาได้มีท่าทีสำนึกผิดไม่“ฮองเฮาพ่ะย่ะค่ะ ข้าน้อยทำสิ่งใดผิดไปงั้นหรือ…”เฟิ่งจิ่วเหยียนหาได้คิดมองเขาไม่ นัยน์ตาที่เต็มไปด้วยความเย็นชาพลางกล่าวออกมาว่า“ในฐานะพัศดีนั้น กลับกระทำการรับสินบน ติดต่อกับศัตรูต่างแคว้น ย่อมต้องถูกโทษประหาร!”พัศดีพลันมีสีหน้าซีดเผือดไปในทันทีเหตุใดถึง?ฮองเฮาทรงทราบว่าเขาลอบทำสิ่งใดเช่นนั้นหรือ?ผู้ใดเป็นคนทรยศเขากัน!พัศดีพลันรีบก้มลง พร้อมโขกหัวลงบนพื้นเพื่อ ร้องขอความเมตตา“ฮองเฮาได้โปรดไว้ชีวิตข้าน้อยด้วยเถิดพ่ะย่ะค่ะ ข้าน้อยมิกล้าอีกแล้ว! ฮองเฮาได้โปรดไว้ชีวิตข้าน้อยด้วยเถิด ได้โปรด...”เฟิ่งจิ่วเหยียนหาได้คิดฟังเรื่องไร้สาระจากเขาไม่ พลางหันไปสั่งการกับเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบคุกเทียนเหลาว่า“ข้าจักให้เวลาพวกเจ้าสามวัน ไปทำการสืบค้นเหล่าผู้ใต้บังคับบัญชาของเจ้าเสีย”“พ่ะย่ะค่ะ!” เจ้าหน้าที่ที่เป็นผู้รับผิดชอบนั้นพลันก้มหน้าลงด้วยความละอายใจเฟิ่งจิ่วเหยียนจึงหันไปกล่าวกับพัศดีคนอื่น ๆ ที่ยืนเนื้อตัวสั่นเทาว่า“ภายในสามวันนี้ หากผู้ใดยอมสารภาพออกมาแต่โดยดี จักได้รับโทษสถานเบา หากว่าทำการสืบหาตัวมาได้เมื่อใดนั

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 941

    เฟิ่งจิ่วเหยียนมาพบกับถานไถเหยี่ยนอีกครั้ง แววตาของเขายังคงสงบเงียบดังเดิม ทว่า มิได้ไร้ชีวิตชีวาเหมือนดังแต่ก่อนอีกด้วย“ถานไถเหยี่ยน เจ้ารู้หรือไม่ว่า แคว้นตงซานได้ส่งราชทูตมาขอพาตัวเจ้ากลับไปจัดการด้วย?”ถานไถเหยี่ยนพลางเอ่ยออกมาด้วยท่าทีเฉยเมย“คิดไว้แล้วว่าจักต้องเป็นเช่นนี้“พวกเขาหาได้มาเพื่อข้าไม่ แต่มาเพื่อ ‘ใยแมงมุม’ ของตระกูลถานไถต่างหาก”เฟิ่งจิ่วเหยียนมีท่าเคร่งขรึมไปในทันที“เจ้าจึงคิดใช้ประโยชน์จากคนทุกคน รวมไปถึงแคว้นตงซานด้วยหรือ”ถานไถเหยี่ยนพลันหัวเราะเยาะตนเองออกมา“ดังนั้น ชีวิตนั้นแสนสั้น อย่างไรย่อมต้องถูกผู้อื่นสังหารตามอำเภอใจ”เขารู้ดีว่า หากตนเองกลับไปถึงแคว้นตงซานเมื่อใดนั้น จุดจบคงมิได้ดีนักทว่า เขาหาได้กลัวตายไม่ ทั้งยังมองดูความตายอย่างไม่ยี่หระอีกด้วยเฟิ่งจิ่วเหยียนจึงเอ่ยตรงเข้าประเด็นในทันที“เจ้าคิดดีแล้วหรือ”เรียวคิ้วดวงตาที่งดงามของถานไถเหยี่ยน พลันเผยให้เห็นท่าทีเด็ดขาดออกมาหากเขายังตัดสินใจไม่ได้ เขาคงมิมาขอพบนางเช่นนี้“กระหม่อมเต็มใจที่จะช่วยให้หนานฉีรวมใต้หล้าเป็นหนึ่งพ่ะย่ะค่ะ” พูดจบ เขาพลันโค้งกายคำนับเฟิ่งจิ่วเหยียนในทันที

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 940

    ราชทูตหลี่หลิงแสดงสีหน้าประหลาดใจทันทีทำการค้า?นี่เป็นการบังคับฝืนใจกันโดยแท้แคว้นตงซานพวกเขาไม่เคยทำการค้ากับแคว้นอื่นมาก่อนทว่าหากไม่ยินยอม เกรงว่าฮ่องเต้ฉีจักต้องให้พวกเขาชดเชยด้วยการยกดินแดนให้เป็นแน่!ต้องโทษที่เขาผิดพลาดเพราะคำพูด จนสร้างปัญหาเช่นนี้!หลี่หลิงรู้สึกเสียใจอย่างมาก พร้อมกับมองไปทางหยวนจั้นที่อยู่ข้างกันหยวนจั้นพยักหน้าเบา ๆหลังจากหลี่หลิงได้รับอนุญาต ถึงได้ก้าวไปข้างหน้า“เรื่องทำการค้า ถือเป็นประโยชน์ต่อทั้งสองแคว้น กระหม่อมจะนำเจตนารมณ์นี้กราบทูลต่อกษัตริย์ของกระหม่อม!”เวลายิ่งนานอุปสรรคยิ่งมาก เฟิ่งจิ่วเหยียนไม่มีทางให้โอกาสพวกเขาได้กลับคำ“ฝ่าบาท แม้จริงอยู่ที่ว่าเรื่องดี ๆ มักจะเต็มไปด้วยอุปสรรค แต่หม่อมฉันกลัวว่าเวลาจะไม่คอยท่า มิสู้ให้คนร่างหนังสือข้อตกลงขึ้นมา แล้วให้ราชทูตลงนาม จากนั้นค่อยนำกลับไปยังแคว้นตงซาน พร้อมกับออกสาส์นตราตั้งอย่างเป็นทางการ?”ราชทูตถูกส่งมา ก็ถือเป็นตัวแทนของฮ่องเต้นั่นเอง ทันทีที่ลงนาม ก็จะไม่มีทางกลับคำเซียวอวี้ยิ้มน้อย ๆ และกุมมือเฟิ่งจิ่วเหยียนต่อหน้าฝูงชน“นับว่าฮองเฮาวิเคราะห์ได้รอบคอบ“ใครก็ได้ ไปร่า

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 939

    แคว้นตงซานมีราชทูตสองคนหลี่หลิงผู้นั้นตกหลุมพรางกับคำพูด เมื่อเห็นว่าทำให้แคว้นตนกำลังตกอยู่ในอันตราย เหงื่อก็เริ่มผุดออกมาเต็มใบหน้าเขามองไปทางราชทูตอีกผู้หนึ่ง---หยวนจั้นชายหนุ่มรูปร่างซูบผอม ท่าทางดูเหมือนใจเย็น ตั้งแต่แรกจนถึงตอนนี้ แทบจะมิได้เอ่ยสิ่งใดเลยในยามนี้ เขาเอ่ยอย่างช้า ๆ “กระหม่อมได้ยินว่า ครั้งนี้หนานฉีเอาชนะแต่ละแคว้นได้ เป็นเพราะมีตัวช่วยอย่าง ‘ใยแมงมุม’ ที่ดัดแปลงโดยตระกูลตงฟาง ทว่าการค้นพบ ‘ใยแมงมุม’ ก็เป็นความดีความชอบของถานไถเหยี่ยนเช่นกัน“ดังนั้น กระหม่อมสงสัยว่า ถานไถเหยี่ยนยุยงให้เกิดข้อพิพาท ก็เพื่อล่อลวงกองกำลังของแต่ละแคว้นมาที่หนานฉี ทำให้ง่ายต่อการที่จะทำลายแต่ละแคว้น“มิเช่นนั้นจะทำไปเพื่อเหตุใด ตามหลักเหตุผล แคว้นท่านจักต้องเกลียดชังถานไถเหยี่ยนจนเข้ากระดูก ทว่าตอนนี้แค่เพียงจับเขาคุมขังไว้?“หากมองจากสิ่งนี้ แคว้นท่านไม่ยินยอมที่จะมอบถานไถเหยี่ยนให้ในตอนนี้ ก็เพื่อต้องการจะปกป้องชีวิตถานไถเหยี่ยน”ขุนนางหนานฉีเริ่มโมโห“ช่างพูดจาใส่ร้ายอย่างชั่วช้า! คนเลวนั้นกล่าวโทษคนอื่นเพื่อปกปิดความผิดตน!”“เมื่อครู่ยังพูดว่าถานไถเหยี่ยนเป็นคนของแคว

  • แม่ทัพหญิงปราบพยศฮ่องเต้ร้าย   บทที่ 938

    ราชทูตแคว้นตงซานมาพร้อมกับผ้าทอและอาชา เริ่มจากปฏิบัติด้วยความสุภาพก่อน“แคว้นตงซานเราไม่เคยเกี่ยวข้องกับข้อพิพาทระหว่างแคว้น ครั้งนี้แต่ละแคว้นมาล้อมโจมตีหนานฉี ฮ่องเต้พวกเราก็ได้ยินข่าวลือเหล่านี้เช่นกัน ต่างพูดกันว่า ข้อพิพาทนี้ ต้นเหตุมาจากการยุยงของแคว้นตงซาน”ราชทูตแคว้นอื่นต่างมองหน้ากันราชทูตแคว้นตงซานผู้นี้หมายความว่าอย่างไร? คำนึงแต่ตนเองไม่สนใจผู้อื่นรึ?ในตอนแรก มิใช่แคว้นตงซานพวกเขาส่งคนมาพูดหว่านล้อมว่า หากร่วมมือกับพวกเขาโจมตีหนานฉี จะแบ่งดินแดนหนานฉีให้หรอกหรือ!หลี่หลิงราชทูตแคว้นตงซานกล่าวต่อ“หลังจากสืบสวนอยู่หลายทาง พวกเราถึงสืบพบว่า เดิมทีแล้ว ทั้งหมดนี้ถานไถเหยี่ยนเป็นคนทำ“เขาหลอกลวงอวดอ้าง จนได้รับความไว้วางพระทัยจากฝ่าบาทของเรา ถูกยกย่องให้เป็นราชครู และถือเป็นแขกผู้ทรงเกียรติของแคว้นตงซานด้วย “นึกไม่ถึงว่า เขายังไม่พึงพอใจกับสิ่งนี้ เจตนาจะหลอกล่อกษัตริย์ของเรา ให้กษัตริย์ของเราโจมตีหนานฉี เพื่อจะได้เป็นมหาอำนาจ กษัตริย์ของเรามีสติ จึงไม่หลงกลการยั่วยุ“นึกไม่ถึงว่าเขายังไม่ยอมหยุดความคิดชั่วร้าย ยังแอบตระเวนไปยังแต่ละแคว้น เพื่อยุยงให้แต่ละแคว้นล้อ

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status