เมืองหลวงณ จวนสกุลจางร่างใหญ่ของอัครเสนาบดีจางฟง ในอาภรณ์สูงค่าบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าเป็นชนชั้นขุนนาง ทั่วเมืองหลวงไม่มีผู้ใดที่ไม่รู้จักขุนนางใหญ่ผู้นี้ ทว่าในเวลานี้ใบหน้าที่เคยมีแต่ความสุขุมเยือกเย็นกลับแลดูร้อนรนอย่างผิดสังเกต ทันทีที่กลับมาถึงจวนแทนที่จะพักผ่อน หากแต่กลับมีคำสั่งให้นำรถม้าออกไปข้างนอกทันทีมือขวายกขึ้นจับยามและวิถีดวงดาว พร้อมใบหน้าแหงนมองท้องฟ้าเบื้องบนเมื่อปรากฏดาวจักรพรรดิในทิศตะวันออกและอยู่ตรงกับเมืองหลวงแล้วในขณะนี้ ท่ามกลางเสียงร้องเรียกของบุตรชายคนโต“ท่านพ่อรอข้าด้วย!” จางฮั่นร้องเรียกตามหลังบิดาด้วยความเป็นห่วง จางฟงหันกลับไปตามเสียงเรียกของบุตรชายคนโตทันใด“จะตามพ่อออกไปทำไมฮั่นเอ๋อร์ จงอยู่เป็นเพื่อนกับท่านแม่ของเจ้าอย่าให้นางอยู่เพียงลำพัง กำลังเจ็บป่วยและเสียใจที่อี้เอ๋อร์จากไปกะทันหันเช่นนั้น มิควรให้ไกลห่าง หาไม่แล้วจะคิดสั้นตายตามน้องของเจ้าไปจะทำเยี่ยงไร!” จางฟงกล่าวกับบุตรชายเสียงเข้ม“ตอนนี้ท่านแม่มีน้องรอง น้องสามและน้องสี่คอยดูแลแล้วขอรับท่านพ่อ ข้าจึงได้ติดตามท่านพ่อออกมา ให้ข้าไปด้วยเถอะขอรับ ในเวลานี้อย่าไปไหนตามลำพังจะดีที่สุด เพราะอ
หอคณิกาเฟิ่งอี้ บริเวณเรือนท้ายสระน้ำภายในพื้นที่กว้างใหญ่อยู่ในอาณาเขตของหอคณิกาเฟิ่งอี้ เต็มไปด้วยเรือนน้อยหลังงามมากมาย ถูกสร้างขึ้นอย่างสวยงาม ลายละเอียดบนตัวอาคารสิ่งปลูกสร้างบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าเจ้าของหอเฟิ่งอี้นี้ทุนทรัพย์หนาไม่เบาเลยทีเดียว อาคารด้านหน้ามีความสูงขนาดสองชั้น ด้านล่างมีพื้นที่โล่งกว้างใหญ่ สำหรับให้เหล่านางโลมและผู้เชี่ยวชาญทางด้านดนตรีใช้เป็นการแสดงเพื่อบรรเลงเพลงพิณและร่ายรำขับกล่อมให้แก่ผู้คนที่เข้ามาเยือนภายในหอคณิกาอันลือเลื่องแห่งแคว้นฉินในยามนี้ตัวอาคารด้านหน้าเต็มไปด้วยเสียงเพลงขับกล่อมดังออกมาเป็นระยะ ผสานเสียงเอ็ดอึงของแขกที่มาเยือนในหอคณิกาแห่งนี้ ถัดจากตัวอาคารหลักซึ่งใช้เป็นสถานที่ต้อนรับแขกมากมาย เบื้องหลังเป็นเรือนไม้ชั้นเดียวสร้างทอดยาวล้อมรอบสระน้ำขนาดใหญ่เป็นวงกลม ทั่วบริเวณมีแสงสว่างจากโคมไฟห้อยระย้าอย่างวิจิตรสวยงาม เพื่อให้แสงสว่างอยู่เป็นระยะๆ ซึ่งเรือนน้อยที่รายล้อมสระน้ำแห่งนี้เป็นสถานที่สำหรับเหล่านางโลมระดับตัวแม่ต้อนรับแขก รวมไปถึงชายงามซึ่งมีอยู่เพียงไม่กี่คนเท่านั้น และแต่ละคนอายุและสังขารเริ่มวิบัติโรยรามิสามารถดึงดูดความสนใจ
ในขณะที่เจ้าคนเมาก็มีสภาพไม่แตกต่างกันได้แต่ยืนนิ่งงันไปชั่วขณะเลยทีเดียว ครั้นทันทีที่สติหวนกลับคืนมาถุย!!! คนเมาแสดงกิริยากักขฬะออกมาอย่างไม่กลัวเกรง“ไอ้หน้าสวย! บังอาจขึ้นเสียงกับข้าอย่างนั้นรึ! ลำพังจะเอาตัวเองให้รอดยังไม่มีปัญญา แทนที่จะแสดงความอ่อนน้อมต่อข้าซึ่งเป็นผู้อาวุโสกว่าแต่กลับหามีไม่ อยากได้น้ำหนึ่งไหมากอย่างนั้นเหรอ ฝันไปเถอะว่าจะได้ นั่งรออยู่ในคุกอย่างนี้แหละจนกว่าข้าจะพอใจ อยากรู้นักว่าถูกขังในนี้สักสิบวันจะเป็นยังไง” คนเมากล่าวออกมาตามสันดานเดิมในขณะที่เพื่อนคู่หูรีบกล่าวทักท้วงขึ้นมาทันที“แค่น้ำไหเดียวจะเป็นอะไรไป เหตุใดจะต้องคุมขังต่อไปอีก เจ้าลืมไปแล้วหรือไรว่านายหญิงสั่งให้รีบไปแจ้งทันทีที่คนผู้นี้ฟื้นสติกลับคืนมา นางต้องการให้ออกไปทำงานเพื่อต้อนรับแขกโกยเงินเข้าหอเฟิ่งอี้อยู่นะ”ถ้อยคำของเพื่อนคู่หูคนเมาทำให้พระเนตรขององค์ชายปีศาจลุกโชนขึ้นมาโดยพลัน“นางหญิงชั่วผู้นั้นชอบใช้วิธีการต่ำช้าเพื่อให้ได้คนมาทำงานที่หอคณิกาแห่งนี้อย่างนั้นหรอกรึ! ในเมื่อข้าล่วงรู้แล้วเช่นนี้ ต่อไปพวกเจ้าจะไม่มีวันได้หากินและทำเรื่องชั่วช้าเช่นนี้กับผู้ใดอีก!” รับสั่งตอบกลับไปทั
ภายในห้องทำงานของแม่เล้านางแม่เล้าใจโฉดกำลังจรดพู่กันบันทึกข้อความลงบนแผ่นไม้ไผ่ซึ่งเป็นบัญชีรายรับของตนที่จัดทำขึ้นเป็นกรณีพิเศษ ใบหน้าอวบอิ่มในเวลานี้เต็มไปด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะด้วยความชอบอกชอบใจ เมื่อนางได้ขายสินค้าราคาแพงออกไปในค่ำคืนนี้ในมูลค่าถึงหนึ่งพันเตาปี้เลยทีเดียว “ข้าคาดการณ์เอาไว้มิมีผิดว่าเจ้าเด็กหนุ่มหน้าหวานผู้นั้นจะต้องทำเงินให้มากมายยิ่งนัก แต่คาดไม่ถึงเลยว่าจะขายได้มากถึงหนึ่งพันเตาปี้เลยทีเดียว เสียดายที่มิอาจเก็บเจ้าหนุ่มผู้นั้นเอาไว้ในหอเฟิ่งอี้ได้ หาไม่แล้วข้าต้องได้กำไรจากทำการค้าของเด็กหนุ่มผู้นั้นได้นานหลายปีเลยทีเดียว และจะต้องได้มากกว่าหนึ่งพันเตาปี้อย่างแน่นอน” นางแม่เล้าบ่นพึมพำด้วยความรู้สึกเสียดายไม่หาย พลางส่ายหน้าไปมา“แต่ช่างเถอะรักษาชีวิตของข้าเอาไว้ก่อนถือเป็นเรื่องใหญ่ ถ้าห่วงเอาไว้ทำการค้าต้องตายคาคมคาบเป็นแน่ อีกอย่างข้ายังมีเจ้าหนุ่มคนพี่เหลืออยู่ ถึงแม้จะมีรูปร่างใหญ่โต บึกบึนดั่งนักรบมากไปหน่อย แต่อย่างน้อยข้าก็ยังสามารถใช้ความหล่อเหลางดงามดั่งอิสตรีปรนเปรอเหล่าสตรีชั้นสูงไปทั่วแคว้นนี้ได้… มีแต่กำไร! กำไรทั้งนั้น!!!”นางแม่เล้ากล่าวพ
จวนสกุลฮัวร่างอรชรอ้อนแอ้นในคราบบุรุษของจางเพ่ยอัน ถูกพันธนาการด้วยเชือกที่ทำจากหนังสัตว์ ข้อมือเรียวสวยถูกมัดไพล่หลังรวมไปถึงข้อเท้า ใบหน้าหวานสวยถูกผ้าคาดปิดปากเอาไว้จนแน่นเมื่อเธอพยายามขัดขืนและดิ้นรนเพื่อช่วยเหลือตัวเองให้หลุดพ้นจากเหล่าสมุนของนางแม่เล้ามิให้ถูกจับมาส่งให้กับบุรุษที่ซื้อตัวมาดวงตากลมโตกวาดสายตาไปทั่วบริเวณห้องนอนซึ่งตกแต่งเอาไว้อย่างสวยงาม ข้าวของเครื่องใช้รวมไปถึงเครื่องเรือนต่างๆ บ่งบอกฐานะเจ้าของจวนได้เป็นอย่างดีว่ามั่งคั่งมากแค่ไหน หากเป็นเวลาอื่นที่มิใช่สถานการณ์เลวร้ายเช่นนี้หญิงสาวจะต้องตื่นตาตื่นใจกับข้าวของต่างๆ ที่อยู่ในสภาพสมบูรณ์ทุกประการอย่างแน่นอน เพราะในยุคปัจจุบันสิ่งที่เธอเคยเห็นในพิพิธภัณฑ์เหล่านี้ล้วนแตกหัก จำเค้าโครงแท้จริงแทบไม่ได้ นักโบราณคดีและนักประวัติศาสตร์ต้องคาดเดาไปเองว่ามีไว้ใช้สำหรับทำอะไร ทว่าในยามนี้จางเพ่ยอันคิดอย่างเดียวว่าจะสามารถช่วยเหลือตัวเองให้หลุดจากเชือกที่กำลังมัดเธอเอาไว้อย่างแน่นหนาได้อย่างไรดี“ให้ตายสิ! เชือกหนังสัตว์ทำไมมันถึงได้เหนียวและมัดแน่นขนาดนี้ ถ้ารู้ว่าจะต้องถูกจับและโดนมัดเอาไว้แบบนี้ศึกษาวิธีแก้ที่เคยเห
และนั่นทำให้พระหัตถ์ใหญ่ที่กำลังลูบไล้ใบหน้าสวยของหนุ่มน้อยด้วยความหลงใหลอยู่ในขณะนั้นหยุดชะงักทันใดครั้นได้ยินอีกฝ่ายเอ่ยพระนามจริงของพระองค์ออกมา มิหนำซ้ำยังล่วงรู้ด้วยว่าทรงมีฐานันดรศักดิ์เช่นไร“เจ้าล่วงรู้ได้เยี่ยงไร!” รับสั่งถามกลับไปสุรเสียงเข้ม พระหัตถ์ที่ลูบไล้ใบหน้าหวานเตรียมพร้อมขย้ำเข้าที่ลำคอในขณะที่จางเพ่ยอันกำลังทบทวนความทรงจำจากข้อมูลประวัติศาสตร์ซึ่งอยู่ในหัวของเธอทั้งหมด เพื่อหาวิธีเอาตัวเองให้รอดจากสถานการณ์อันล่อแหลมอยู่ในขณะนี้ให้จงได้ หากไม่ทำอะไรเลยความลับซึ่งแท้จริงแล้วเธอคือสตรีหาใช่บุรุษจะต้องถูกเปิดเผยออกมาอย่างแน่นอน “แต่เดี๋ยวสิ! ผู้ชายคนนี้มีใจรักชอบเพศเดียวกันถ้าเขารู้ว่าฉันไม่ใช่ผู้ชายแต่ความจริงแล้วเป็นผู้หญิงก็จะต้องผิดหวังและต้องปล่อยเราไป” หญิงสาวครุ่นคิดอยู่ภายในใจ หากแต่เพียงครู่อีกความคิดกลับแทรกขึ้น“ไม่ได้! เกิดให้รู้ว่าเราเป็นผู้หญิงไม่ใช่ผู้ชายตามรสนิยมของเขา เกิดฆ่าเราขึ้นมาจะทำยังไง แต่ถ้าขืนปล่อยให้เข้าใจแบบนี้ไปตลอด เหตุการณ์ในอนาคตที่พี่หยางกับองค์ชายผู้นี้ลงมือสู้กันในสนามรบจะต้องเกิดขึ้น และชนวนในสนามรบมันบ่งบอกว่ามีสาเหตุมาจากเราด้ว
ฟิ้ววว!!! ลูกธนูมากมายแหวกว่ายกลางอากาศมิรู้มาจากทิศทางใดพุ่งตรงมาหาอย่างรวดเร็ว พร้อมเสียงตะโกนก้องดังเอ็ดอึงไปทั่ว “จับคนผู้นั้นมาให้ข้า! มันกำลังพยายามเอาสมบัติของข้าไป!” สุรเสียงของรัชทายาทจากต้าหลู่แผดกึกก้อง องค์ชายปีศาจใช้ดาบที่อยู่ในพระหัตถ์กวัดแกว่งลูกธนูที่พุ่งตรงมาหาพระองค์จนสามารถทำลายลงได้ทั้งหมด ก่อนจะยกปลายดาบชี้หน้าไปที่อีกฝ่าย “น้องข้าไม่ใช่สมบัติของผู้ใด! อย่าริบังอาจมายึดครองว่าเป็นของตนไอ้คนถ่อย!!!” รับสั่งตวาดกลับไป พระเนตรคู่สวยจับจ้องรัชทายาทจากแคว้นต้าหลู่อย่างน่าสะพรึงกลัว ในขณะที่อีกฝ่ายจับจ้องพระพักตร์องค์ชายปีศาจและจางเพ่ยอันเขม็ง พระโอษฐ์ยกยิ้มออกมาเล็กน้อยเมื่อได้ทอดพระเนตรบุรุษที่มีรูปโฉมงดงามพร้อมกันถึงสองคนในคราเดียวกันอย่างพึงพอพระทัย หากแต่มีเพียงหนุ่มน้อยหน้าหวานเท่านั้นที่ทรงต้องการ “น้องของเจ้าคือสมบัติของข้า! ผู้ใดก็ไม่มีสิทธิ์เอาออกไปได้แม้กระทั่งคนที่ได้ชื่อว่าเป็นพี่ชายเช่นเจ้าก็อย่าหวังว่าจะก้าวออกไปจากจวนนี้! ฆ่ามัน! นำเจ้าคนตัวเล็กกลับมาให้ข้าเดี๋ยวนี้!!!” สิ้นพระสุรเสียง กองทหารองครักษ์จากแคว้นต้าหลู่ในคราบบ่าวรับใช้ภายในจวน ใช้วิชา
จวนแม่ทัพ ครืดดดดดด!!!! เสียงเคลื่อนตัวของกำแพงภายในจวนแม่ทัพขององค์ชายใหญ่ อันเป็นสถานที่พำนักของผู้ที่ดำรงตำแหน่งแม่ทัพใหญ่แห่งแคว้นฉิน ซึ่งเจ้าผู้ครองแคว้นในแต่ละรัชสมัยมอบให้สำหรับบุคคลที่ได้ก้าวขึ้นมาอยู่ในตำแหน่งนี้ ซึ่งตำแหน่งดังกล่าวเป็นขององค์ชายอิ๋งหยาง ที่ฉินเหรินกงอดีตเจ้าผู้ครองแคว้นพระราชบิดาโปรดเกล้าแต่งตั้งให้พระองค์ทรงดำรงตำแหน่งนี้ และด้วยเพราะองค์ชายปีศาจทรงถูกเนรเทศไปพำนักอยู่ในเมืองชายแดน มิอาจหวนคืนกลับมาได้ตามคำทำนายของโหรหลวงประจำราชสำนัก ทำให้จวนแม่ทัพใหญ่เว้นว่างปราศจากครอบครัวหรือแม้แต่เจ้าของตำแหน่งดังกล่าวมาพำนักอยู่อาศัยภายในจวน นานกว่ายี่สิบปี ครั้นองค์ชายอิ๋งหยางเสด็จเข้าเมืองหลวงเพื่อร่วมงานพระศพ พระองค์จึงมีคำสั่งให้เหล่าข้าราชบริพารเข้าทำการปรับปรุงและทำความสะอาดจวนแม่ทัพใหญ่พร้อมใช้เป็นสถานที่สำหรับเรียกประชุมกองกำลังลับของพระองค์ และเป็นสถานที่ประทับนอกเขตพระราชวังในยามที่เสด็จออกมาหาข่าวเคลื่อนไหวต่างๆ ก่อนจะหายสาบสูญไปอย่างไร้ร่องรอยเมื่อสามเดือนก่อน ซึ่งแผนที่ทรงวางเอาไว้ช่างประสบความสำเร็จเกินความคาดหมายเสียนี่กระไร เพราะจากที่แสร้งเก็บพระอ
ทันทีที่พระหัตถ์ของรัชทายาทรูปงามสัมผัสกับแก้มนวลเนียนของหญิงสาว ภาพเหตุการณ์ในอนาคตบังเกิดขึ้นมาให้เธอได้เห็นทันทีท่ามกลางกองทหารของทั้งสองฝ่ายกำลังสู้รบกันอย่างดุเดือด ร่างของจางฟงท่านพ่อและจางฮั่นพี่ชายคนโตกำลังใช้ดาบสู้รบกับทหารของต้าหลู่ ในขณะที่พระสวามีปีศาจของเธอกำลังบุกเข้าโจมตีไล่ฟาดฟันองค์ชายหลี่จิ้งจนถอยไม่เป็นท่า“อันอันของข้าอยู่ไหน! ไอ้คนถ่อย! ลักพาตัวชายาของข้าไปไว้ที่ใด!!!” รับสั่งพร้อมบุกไล่ฆ่ากองทหารมากมายที่เข้ามาปกป้ององค์ชายของตน จนล้มตายกองสุมมิรู้กี่ร้อยชีวิตองค์ชายหลี่จิ้งวิ่งหนีการไล่ล่าอย่างบ้าคลั่งของแม่ทัพปีศาจจนวิ่งเข้าไปอยู่ในท้องพระโรง “คนผู้นี้มันบ้าไปแล้ว! ช่างบ้าคลั่งราวปีศาจร้ายยิ่งนัก” รับสั่งพร้อมพยายามหาอาวุธที่สามารถทุ่นแรงของพระองค์ได้ดีกว่าดาบ ก่อนจะไปสะดุดกับคันธนูและลูกธนูรวมไปถึงอาวุธอื่นๆ ที่มีเกลื่อนกลาดท่ามกลางร่างไร้วิญญาณของทหารทั้งสองฝ่ายและขุนนางบางคนที่หนีตายไม่ทันคันธนูถูกหยิบขึ้นจากพื้นพร้อมลูกธนูสามดอก พระหัตถ์ล้วงเข้าไปในอกเสื้อฉลองพระองค์ก่อนจะดึงขวดยาใบน้อยออกมาพร้อมรีบดึงจุกออกเทผงสีขาวลงบนลูกธนูทั้งสามดอกพรึบ! ภาพเหตุการ
บริเวณคุกใต้ดิน ดวงเนตรสีนิลดำใหญ่ทอดสายตามองร่างไร้วิญญาณขององค์ชายอิ๋งเฟิ่ง เจ้าของพระตำหนักหรดีในสภาพศพลิ้นจุกปาก ดวงตาถลนแทบจะทะลักออกมานอกเบ้า รอบลำคอถูกรัดอย่างรุนแรงจนเห็นเป็นรอยโซ่ และสิ่งที่ใช้สังหารองค์ชายโฉดผู้นี้ก็ตกอยู่ใกล้ๆ พระศพนั่นเอง พระพักตร์หล่อเหลาขององค์ชายหลี่จิ้ง ค่อยๆ เงยขึ้นจากพระศพขององค์ชายโฉดพร้อมสำรวจไปทั่วบริเวณคุกใต้ดินไปโดยรอบก่อนจะพบว่า กองทหารของพระองค์ที่คอยรักษาเวรยามตั้งแต่ปากทางเข้าแม่น้ำทางชายป่ารกร้าง จนถึงคุกใต้ดิน มีเพียงทหารยามที่คอยดูแลบริเวณคุกเท่านั้นจบชีวิตทั้งหมด สภาพศพร่างแหลกเหลวและมีรอยโซ่ทิ้งร่องรอยเอาไว้บนศพเหล่านั้น “พวกเจ้าที่เหลือรอดชีวิตล่วงรู้หรือไม่ว่าผู้ใดเข้ามาสังหารผู้คนภายในนี้รวมไปถึงเจ้าของตำหนักนี้ด้วย!” รับสั่งถามกองทหารที่รอดชีวิต “กระหม่อมได้ยินว่าคนผู้นั้นเป็นพี่ชายของเด็กหนุ่มหน้าหวาน ซึ่งถูกจับตัวมาจากตำหนักบูรพาพร้อมกันพ่ะย่ะค่ะ แต่องค์ชายอิ๋งเฟิ่งทรงแยกขังเจ้าคนพี่ไว้ที่คุกใต้ดิน ส่วนคนน้องนำไปขังในตำหนักหรดีเพื่อนำไปมอบให้พระองค์ที่จวนสกุลไป๋ต่อไปพ่ะย่ะค่ะ” ทหารที่รอดชีวิตกราบทูลรายงานอย่างละเอียดเท่าที่ล่ว
พระตำหนักหรดีภายในคุกใต้ดินพระตำหนักหรดีขององค์ชายอิ๋งเฟิ่ง ตั้งอยู่ห่างไกลจากพระตำหนักอื่นๆ อยู่ช่วงท้ายๆ ของพระราชวังมีพื้นที่ติดกับชายป่ารกร้างซึ่งองค์ชายโฉดใช้เป็นเส้นทางลำเลียงอาวุธและกองทหาร ทางเข้าออกต้องดำน้ำลงไป แม่น้ำซึ่งอยู่ติดกับชายป่าและมีทางเข้าเชื่อมต่อขุดไปถึงกับสระบัวในอุทยานส่วนพระองค์ ใช้เป็นเส้นทางเพื่อสะสมฐานกำลังเตรียมพร้อมช่วงชิงบัลลังก์เพื่อขึ้นเป็นเจ้าผู้ครองแคว้นภายในพระตำหนักลึกลงไปใต้ดิน ถูกสร้างเป็นห้องพักมากมายเพื่อใช้สะสมเงินทองและอาวุธรวมไปถึงเสบียงและคุกใต้ดิน เพื่อใช้ลักพาตัวผู้คนที่บังเอิญมาระแคะระคายการกระทำคิดคดทรยศขององค์ชายผู้นี้ และนี่คือสาเหตุว่าทำไมองค์ชายสามจึงไม่อนุญาตให้บุรุษเข้ามาในพระตำหนัก สืบเนื่องมาจากสาเหตุดังกล่าวด้วยส่วนหนึ่งและอีกเหตุผลนั่นก็คือ เกรงกลัวการถูกลอบปลงพระชนม์จากการจ้างวานฆ่าของผู้อื่นนั่นเอง ไม่ว่าจะเป็นพี่น้องร่วมสายโลหิตหรือพันธมิตรที่เคยร่วมมือและรีบหันหลังให้แก่กันทันใดที่หมดประโยชน์ร่วมกันพระวรกายสูงใหญ่ขององค์ชายปีศาจ ถูกล่ามไว้ที่ข้อพระหัตถ์และข้อพระบาทก่อนจะนำไปโยงกับคานที่แขวนไว้ เตรียมเครื่องทรมานเพื่อเ
ยามเหม่าพระราชวังหลวงร่างอรชรแน่งน้อยของจางเพ่ยอันสวมเสื้อผ้าบุรุษสะพายกระเป๋าล่วมยาเดินเคียงคู่มากับพระสวามีปีศาจ ฉลองพระองค์เครื่องแบบราชองครักษ์ฝ่ายใน เดินตามติดชายาคนงามของพระองค์ไปอย่างกระชั้นชิดมิให้คลาดสายพระเนตรไปได้แม้แต่น้อย โดยเป้าหมายในขณะนี้คือพระศพขององค์ชายรองซึ่งจนถึงเวลานี้ มิมีหมอหลวงคนใดล่วงรู้เลยว่าสาเหตุการสิ้นพระชนม์นั้นเกิดจากอะไรกันแน่องค์ชายปีศาจพระดำเนินนำหน้าพร้อมจูงมือพระชายา ผ่านสายตาเหล่านางกำนัลและขันทีมากมายหลายสิบคู่ โดยไม่สนพระทัยสายตาของผู้ใดแม้แต่น้อยที่กำลังจับจ้องบุรุษทั้งสองกำลังเดินจูงมือเคียงคู่ไปด้วยกัน ก่อนจะหยุดลงเมื่อมาถึงพระตำหนักบูรพา ภายในห้องเก็บพระศพ มีผ้าขาวผืนขนาดใหญ่ขวางกั้นโลงพระศพและแท่นบูชาป้ายวิญญาณเพื่อให้เชื้อพระวงศ์และบรรดาขุนนางน้อยใหญ่ เข้ามาเซ่นไหว้บริเวณด้านนอก ภายในห้องดังกล่าวมีนางกำนัลและขันทีคอยทำหน้าที่ดูแลพระศพให้เรียบร้อยอยู่ตลอดเวลา และทันทีที่มาถึงองค์ชายปีศาจมีรับสั่งออกไปทันที“เปิดฝาโลง! องค์ชายอิ๋งเฟิ่งมีรับสั่งให้ท่านหมอมาตรวจหาสาเหตุการสิ้นพระชนม์ขององค์ชายรอง” สิ้นพระสุรเสียงขององค์ชายปีศาจบรรดาขันที
เรือนบูรพา ปัง! ปัง! ปัง! เสียงเคาะประตูห้องดังเอ็ดอึงขึ้นระหว่างกลางดึกในขณะที่คู่สามีภรรยากำลังนอนหลับใหลด้วยความอ่อนเพลียกับบทเสพสังวาสที่มอบให้กันตั้งแต่ยามสายในห้องหนังสือและยังมาต่อเนื่องในห้องนอนกันอีก ก่อนจะพากันหมดแรงไปด้วยกันก็เข้ายามโฉว่ “องค์ชายพ่ะย่ะค่ะ! เกิดเรื่องใหญ่ในวังแล้ว! ทรงตื่นบรรทมอยู่หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ” เสียงของจางฮั่นดังขึ้นอยู่หน้าประตูห้องนอน พร้อมร่างของรองแม่ทัพโม่โฉวและหรงซิ่วต่างพากันยืนอยู่ด้วยพร้อมกันในขณะนี้ เพียงครู่ภายในห้องบรรทมที่มีแต่ความมืดมิดมีแสงสว่างจากโคมไฟขึ้นมาทันที พร้อมเสียงจากคนที่อยู่ด้านในเปิดบานประตูออกด้วยความรวดเร็ว พร้อมพระวรกายสูงใหญ่ขององค์ชายอิ๋งหยางพระดำเนินออกมาหยุดยืนอยู่หน้าห้อง เมื่อเห็นรองแม่ทัพคนสนิททั้งสองปรากฏกายในยามวิกาลเช่นนี้ “มีเหตุสิ่งใดเกิดขึ้นอย่างนั้นรึ! พวกเจ้าจึงรีบร้อนพากันมาหาข้าในยามวิกาลเช่นนี้” รับสั่งถามกลับไปทันใด “องค์ชายรองสิ้นพระชนม์แล้วพ่ะย่ะค่ะ!” โม่โฉวรีบกราบทูลรายงานทันที องค์ชายปีศาจทรงยืนนิ่งไปชั่วขณะครั้นทรงได้ยินรายงานเช่นนั้น “อิ๋งเหว่ยตายได้อย่างไร!” รับสั่งถามกลับไป “ตอนนี้บรรดาหมอ
สามวันผ่านไปภายในห้องหนังสือร่างงามแน่งน้อยในชุดสีขาวลออตาของสตรีสาวที่เต็มไปด้วยยศศักดิ์ ผมสีดำยาวสยายถูกเกล้าขึ้นสูงเป็นสัญลักษณ์ของหญิงที่สมรสแล้ว พรั่งพร้อมด้วยเครื่องประดับผมล้ำค่ามีทั้งทองคำและหยกเนื้องามชั้นดีเสียบไว้ที่บริเวณผมที่ถูกเกล้าขึ้น ใบหน้าแสนสวยถูกแต่งแต้มพองามมิต้องประเคนเครื่องประทินโฉมอะไรมากมาก คนสวยยังไงก็เอาอยู่ดวงตากลมโตสีหยาดน้ำผึ้งกำลังนั่งมองแผ่นไม้ไผ่ที่เป็นตำรายาสูตรลับของหยงเซี๊ยะกำลังถูกเปลวเพลิงเผาไหม้จนลุกโชน ก่อนจะโยนตำราดวงดาวลงไปเผาอีกเช่นกัน ราวกับว่าหญิงสาวล่วงรู้ว่าจะมีเหตุเกิดขึ้นเพราะมีการแย่งชิงตำราดังกล่าวเกิดขึ้นนั่นเองท่ามกลางสายพระเนตรของพระสวามีปีศาจ ทรงพระดำเนินเข้ามาด้วยความแปลกพระทัยเมื่อทอดพระเนตรพระชายาคนงามกำลังเผาตำราโบราณของหยงเซี๊ยะด้วยมือของนางเอง“อันอัน! เหตุใดเจ้าจึงเผาตำราที่ท่านตามอบให้มาเล่า เกิดเหตุสิ่งใดขึ้นหรือไรตำราทั้งสองนั้นเป็นของล้ำค่าทางด้านการรักษาและดูดวงดาวมิใช่รึ” พระองค์รับสั่งถามกลับไปด้วยความสงสัยระคนใคร่รู้ใบหน้าแสน
ในยามนี้ทั่วทั้งจวนตระกูลจางเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะอย่างมีความสุข บรรดาบ่าวไพร่ทั่วทั้งจวนต่างร่วมงานฉลองพิธีแต่งงานของคุณหนูเล็กซึ่งจู่ๆ ก็ปรากฏกายและจัดพิธีแต่งงานขึ้นอย่างปัจจุบันทันด่วนตามติดมา เล่นเอาพากันจ้าละหวั่นไปหมด แม้จะฉุกละหุกแต่ด้วยอิทธิพลที่มีอยู่อย่างล้นเหลือของสกุลจาง ทำให้การจัดเตรียมงามเพียงชั่วข้ามคืนสำเร็จลงไปด้วยดีแขกที่มาร่วมงานในพิธีต่างมาร่วมงานเท่าที่มากันได้ นี่ขนาดพอจะมาได้ก็ไม่ต่ำกว่าร้อยเลยทีเดียว ส่วนใหญ่จะเป็นบรรดาขุนนางที่ใกล้ชิดและทหารคนสนิทขององค์ชายอิ๋งหยาง ในขณะพระญาติทางฝ่ายเจ้าบ่าวมิได้มาร่วมงานสักพระองค์เพราะมิได้ถูกเชิญมานั่นเองแต่ถึงกระนั้นข่าวการแต่งงานขององค์ชายใหญ่แห่งแคว้นฉินก็แพร่สะพัดไปทั่วเมืองหลวง และที่สำคัญข่าวนั้นได้ล่วงรู้ไปถึงรัชทายาหลี่จิ้งแห่งแคว้นต้าหลู่ด้วยเช่นกัน ทว่าพระองค์กลับไม่ทรงเชื่อแต่อย่างใดจวนสกุลไป๋“เหลวไหลสิ้นดี! เจ้านำเอาข่าวอะไรมารายงานให้ข้าฟัง! ภายในจวนสกุลจาง ในขณะนี้กำลังประกอบพิธีแต่งงานของ อิ๋งหยางและบุตรีคนเล็กของจางฟงได้อย่างไ
ฉาด!!! ฝ่ามือหนากระหน่ำตีลงบนหน้าขาของตัวเองทันใด ครั้นจางฮั่นได้ยินเช่นนั้น “เจ้ายอมได้เยี่ยงไร! หยงหยาง!!! ในเมื่อฐานะของเจ้าเป็นบุตรชายคนโตของตระกูล และเกิดจากเมียเอกมิใช่ลูกอนุ เหตุการณ์เช่นไรก็แล้วแต่ที่เกิดขึ้นให้ผู้อื่นนำมาอ้างเพื่อขัดขวางมิให้ขึ้นเป็นผู้นำของตระกูลได้อย่างไรกัน ไม่ว่าอย่างไรก็ตามน้องชายของเจ้าในลำดับต่อไปก็หามีสิทธิ์ไม่” จางฮั่นกล่าวออกไปด้วยน้ำเสียงดุดัน “ท่านคิดเช่นนั้นจริงๆ รึ” องค์ชายปีศาจรับสั่งถามย้ำกลับไปอีกครา “ข้าคิดเช่นนั้นจริง... เจ้ายังมีลมหายใจอยู่นะ มิได้ล้มหายตายจากไปเสียเมื่อไร ท่านพ่อของข้าสั่งสอนอยู่เสมอว่า จะตระกูลเล็กหรือตระกูลใหญ่ก็ต้องปฏิบัติเช่นเดียวกัน แม้กระทั่งระดับชั้นเชื้อพระวงศ์ก็ต้องกระทำเยี่ยงนี้เช่นกัน! ทุกวันนี้ต้าฉินไม่สามารถสถาปนาเจ้าผู้ครองแคว้นพระองค์ใหม่ได้ ก็เพราะท่านพ่อและข้ารวมไปถึงตระกูลจางทั้งหมดต่างสนับสนุนองค์ชายใหญ่ให้ขึ้นเป็นเจ้าผู้ครองแคว้น!!!” จางฮั่นกล่าวตอบโต้ออกไปทันที และถ้อยคำของจางฮั่นดังกล่าวทำให้องค์ชายปีศาจทอดพระเนตรจางฮั่นด้วยความพึงพอพระทัย กับความคิดของพ
บริเวณเรือนจิบน้ำชาเสียงพูดคุยผสานกับเสียงหัวเราะของครอบครัวสกุลจาง และภาพใบหน้าสวยของสตรีสาวที่กำลังยิ้มหวานอยู่ตลอดเวลาทำให้องค์ชายอิ๋งหยางคลี่พระโอษฐ์แย้มยิ้มออกมาบางๆ เมื่อได้เห็นคนรักมีความสุขพร้อมหน้าพร้อมตากับครอบครัว ก่อนจะได้ยินเสียงของจางฮั่นเอ่ยแทรกขึ้นมาทันที ครั้นได้ยินเรื่องราวทั้งหมดออกจากปากของน้องสาวคนเล็ก “ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจะมีผู้คิดค้นสูตรยาลับสามารถเปลี่ยนเสียงสตรีให้เป็นบุรุษได้ มิน่าเล่าเมื่อวานนี้พี่ใหญ่ได้ยินเสียงบุรุษของเจ้ายังขบคิดหัวแทบแตกว่าจะเป็นไปได้เยี่ยงไร บุรุษตัวเล็กกะเปี๊ยกเดียวเช่นนี้ มิหนำซ้ำรูปร่างยังบอบบางเสียนี่กระไร แท้จริงแล้วเป็นชายหาใช่สตรี” จางฮั่นบ่นพึมพำ “จริงสิลูกแม่ท่านตาและท่านยายเป็นผู้มีพระคุณยิ่งนัก ที่ช่วยชีวิตของเจ้าไว้และเฝ้าเลี้ยงดูจนสามารถเติบใหญ่และได้กลับมาพบหน้ากันอีกครั้ง เพราะฉะนั้นหากมีสิ่งใดที่จะสามารถแทนคุณหนี้ชีวิตนี้ได้ เจ้าอย่าได้เพิกเฉยเป็นอันขาดเชียวนะอันเอ๋อร์” ฮูหยินเจียงกำชับบุตรสาวพร้อมเสียงของจางฟงเอ่ยขึ้น “นับได้ว่าท่านตาเป็นผู้รอบรู้ในวิช