หอคณิกาเฟิ่งอี้ บริเวณเรือนท้ายสระน้ำภายในพื้นที่กว้างใหญ่อยู่ในอาณาเขตของหอคณิกาเฟิ่งอี้ เต็มไปด้วยเรือนน้อยหลังงามมากมาย ถูกสร้างขึ้นอย่างสวยงาม ลายละเอียดบนตัวอาคารสิ่งปลูกสร้างบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าเจ้าของหอเฟิ่งอี้นี้ทุนทรัพย์หนาไม่เบาเลยทีเดียว อาคารด้านหน้ามีความสูงขนาดสองชั้น ด้านล่างมีพื้นที่โล่งกว้างใหญ่ สำหรับให้เหล่านางโลมและผู้เชี่ยวชาญทางด้านดนตรีใช้เป็นการแสดงเพื่อบรรเลงเพลงพิณและร่ายรำขับกล่อมให้แก่ผู้คนที่เข้ามาเยือนภายในหอคณิกาอันลือเลื่องแห่งแคว้นฉินในยามนี้ตัวอาคารด้านหน้าเต็มไปด้วยเสียงเพลงขับกล่อมดังออกมาเป็นระยะ ผสานเสียงเอ็ดอึงของแขกที่มาเยือนในหอคณิกาแห่งนี้ ถัดจากตัวอาคารหลักซึ่งใช้เป็นสถานที่ต้อนรับแขกมากมาย เบื้องหลังเป็นเรือนไม้ชั้นเดียวสร้างทอดยาวล้อมรอบสระน้ำขนาดใหญ่เป็นวงกลม ทั่วบริเวณมีแสงสว่างจากโคมไฟห้อยระย้าอย่างวิจิตรสวยงาม เพื่อให้แสงสว่างอยู่เป็นระยะๆ ซึ่งเรือนน้อยที่รายล้อมสระน้ำแห่งนี้เป็นสถานที่สำหรับเหล่านางโลมระดับตัวแม่ต้อนรับแขก รวมไปถึงชายงามซึ่งมีอยู่เพียงไม่กี่คนเท่านั้น และแต่ละคนอายุและสังขารเริ่มวิบัติโรยรามิสามารถดึงดูดความสนใจ
ในขณะที่เจ้าคนเมาก็มีสภาพไม่แตกต่างกันได้แต่ยืนนิ่งงันไปชั่วขณะเลยทีเดียว ครั้นทันทีที่สติหวนกลับคืนมาถุย!!! คนเมาแสดงกิริยากักขฬะออกมาอย่างไม่กลัวเกรง“ไอ้หน้าสวย! บังอาจขึ้นเสียงกับข้าอย่างนั้นรึ! ลำพังจะเอาตัวเองให้รอดยังไม่มีปัญญา แทนที่จะแสดงความอ่อนน้อมต่อข้าซึ่งเป็นผู้อาวุโสกว่าแต่กลับหามีไม่ อยากได้น้ำหนึ่งไหมากอย่างนั้นเหรอ ฝันไปเถอะว่าจะได้ นั่งรออยู่ในคุกอย่างนี้แหละจนกว่าข้าจะพอใจ อยากรู้นักว่าถูกขังในนี้สักสิบวันจะเป็นยังไง” คนเมากล่าวออกมาตามสันดานเดิมในขณะที่เพื่อนคู่หูรีบกล่าวทักท้วงขึ้นมาทันที“แค่น้ำไหเดียวจะเป็นอะไรไป เหตุใดจะต้องคุมขังต่อไปอีก เจ้าลืมไปแล้วหรือไรว่านายหญิงสั่งให้รีบไปแจ้งทันทีที่คนผู้นี้ฟื้นสติกลับคืนมา นางต้องการให้ออกไปทำงานเพื่อต้อนรับแขกโกยเงินเข้าหอเฟิ่งอี้อยู่นะ”ถ้อยคำของเพื่อนคู่หูคนเมาทำให้พระเนตรขององค์ชายปีศาจลุกโชนขึ้นมาโดยพลัน“นางหญิงชั่วผู้นั้นชอบใช้วิธีการต่ำช้าเพื่อให้ได้คนมาทำงานที่หอคณิกาแห่งนี้อย่างนั้นหรอกรึ! ในเมื่อข้าล่วงรู้แล้วเช่นนี้ ต่อไปพวกเจ้าจะไม่มีวันได้หากินและทำเรื่องชั่วช้าเช่นนี้กับผู้ใดอีก!” รับสั่งตอบกลับไปทั
ภายในห้องทำงานของแม่เล้านางแม่เล้าใจโฉดกำลังจรดพู่กันบันทึกข้อความลงบนแผ่นไม้ไผ่ซึ่งเป็นบัญชีรายรับของตนที่จัดทำขึ้นเป็นกรณีพิเศษ ใบหน้าอวบอิ่มในเวลานี้เต็มไปด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะด้วยความชอบอกชอบใจ เมื่อนางได้ขายสินค้าราคาแพงออกไปในค่ำคืนนี้ในมูลค่าถึงหนึ่งพันเตาปี้เลยทีเดียว “ข้าคาดการณ์เอาไว้มิมีผิดว่าเจ้าเด็กหนุ่มหน้าหวานผู้นั้นจะต้องทำเงินให้มากมายยิ่งนัก แต่คาดไม่ถึงเลยว่าจะขายได้มากถึงหนึ่งพันเตาปี้เลยทีเดียว เสียดายที่มิอาจเก็บเจ้าหนุ่มผู้นั้นเอาไว้ในหอเฟิ่งอี้ได้ หาไม่แล้วข้าต้องได้กำไรจากทำการค้าของเด็กหนุ่มผู้นั้นได้นานหลายปีเลยทีเดียว และจะต้องได้มากกว่าหนึ่งพันเตาปี้อย่างแน่นอน” นางแม่เล้าบ่นพึมพำด้วยความรู้สึกเสียดายไม่หาย พลางส่ายหน้าไปมา“แต่ช่างเถอะรักษาชีวิตของข้าเอาไว้ก่อนถือเป็นเรื่องใหญ่ ถ้าห่วงเอาไว้ทำการค้าต้องตายคาคมคาบเป็นแน่ อีกอย่างข้ายังมีเจ้าหนุ่มคนพี่เหลืออยู่ ถึงแม้จะมีรูปร่างใหญ่โต บึกบึนดั่งนักรบมากไปหน่อย แต่อย่างน้อยข้าก็ยังสามารถใช้ความหล่อเหลางดงามดั่งอิสตรีปรนเปรอเหล่าสตรีชั้นสูงไปทั่วแคว้นนี้ได้… มีแต่กำไร! กำไรทั้งนั้น!!!”นางแม่เล้ากล่าวพ
จวนสกุลฮัวร่างอรชรอ้อนแอ้นในคราบบุรุษของจางเพ่ยอัน ถูกพันธนาการด้วยเชือกที่ทำจากหนังสัตว์ ข้อมือเรียวสวยถูกมัดไพล่หลังรวมไปถึงข้อเท้า ใบหน้าหวานสวยถูกผ้าคาดปิดปากเอาไว้จนแน่นเมื่อเธอพยายามขัดขืนและดิ้นรนเพื่อช่วยเหลือตัวเองให้หลุดพ้นจากเหล่าสมุนของนางแม่เล้ามิให้ถูกจับมาส่งให้กับบุรุษที่ซื้อตัวมาดวงตากลมโตกวาดสายตาไปทั่วบริเวณห้องนอนซึ่งตกแต่งเอาไว้อย่างสวยงาม ข้าวของเครื่องใช้รวมไปถึงเครื่องเรือนต่างๆ บ่งบอกฐานะเจ้าของจวนได้เป็นอย่างดีว่ามั่งคั่งมากแค่ไหน หากเป็นเวลาอื่นที่มิใช่สถานการณ์เลวร้ายเช่นนี้หญิงสาวจะต้องตื่นตาตื่นใจกับข้าวของต่างๆ ที่อยู่ในสภาพสมบูรณ์ทุกประการอย่างแน่นอน เพราะในยุคปัจจุบันสิ่งที่เธอเคยเห็นในพิพิธภัณฑ์เหล่านี้ล้วนแตกหัก จำเค้าโครงแท้จริงแทบไม่ได้ นักโบราณคดีและนักประวัติศาสตร์ต้องคาดเดาไปเองว่ามีไว้ใช้สำหรับทำอะไร ทว่าในยามนี้จางเพ่ยอันคิดอย่างเดียวว่าจะสามารถช่วยเหลือตัวเองให้หลุดจากเชือกที่กำลังมัดเธอเอาไว้อย่างแน่นหนาได้อย่างไรดี“ให้ตายสิ! เชือกหนังสัตว์ทำไมมันถึงได้เหนียวและมัดแน่นขนาดนี้ ถ้ารู้ว่าจะต้องถูกจับและโดนมัดเอาไว้แบบนี้ศึกษาวิธีแก้ที่เคยเห
และนั่นทำให้พระหัตถ์ใหญ่ที่กำลังลูบไล้ใบหน้าสวยของหนุ่มน้อยด้วยความหลงใหลอยู่ในขณะนั้นหยุดชะงักทันใดครั้นได้ยินอีกฝ่ายเอ่ยพระนามจริงของพระองค์ออกมา มิหนำซ้ำยังล่วงรู้ด้วยว่าทรงมีฐานันดรศักดิ์เช่นไร“เจ้าล่วงรู้ได้เยี่ยงไร!” รับสั่งถามกลับไปสุรเสียงเข้ม พระหัตถ์ที่ลูบไล้ใบหน้าหวานเตรียมพร้อมขย้ำเข้าที่ลำคอในขณะที่จางเพ่ยอันกำลังทบทวนความทรงจำจากข้อมูลประวัติศาสตร์ซึ่งอยู่ในหัวของเธอทั้งหมด เพื่อหาวิธีเอาตัวเองให้รอดจากสถานการณ์อันล่อแหลมอยู่ในขณะนี้ให้จงได้ หากไม่ทำอะไรเลยความลับซึ่งแท้จริงแล้วเธอคือสตรีหาใช่บุรุษจะต้องถูกเปิดเผยออกมาอย่างแน่นอน “แต่เดี๋ยวสิ! ผู้ชายคนนี้มีใจรักชอบเพศเดียวกันถ้าเขารู้ว่าฉันไม่ใช่ผู้ชายแต่ความจริงแล้วเป็นผู้หญิงก็จะต้องผิดหวังและต้องปล่อยเราไป” หญิงสาวครุ่นคิดอยู่ภายในใจ หากแต่เพียงครู่อีกความคิดกลับแทรกขึ้น“ไม่ได้! เกิดให้รู้ว่าเราเป็นผู้หญิงไม่ใช่ผู้ชายตามรสนิยมของเขา เกิดฆ่าเราขึ้นมาจะทำยังไง แต่ถ้าขืนปล่อยให้เข้าใจแบบนี้ไปตลอด เหตุการณ์ในอนาคตที่พี่หยางกับองค์ชายผู้นี้ลงมือสู้กันในสนามรบจะต้องเกิดขึ้น และชนวนในสนามรบมันบ่งบอกว่ามีสาเหตุมาจากเราด้ว
ฟิ้ววว!!! ลูกธนูมากมายแหวกว่ายกลางอากาศมิรู้มาจากทิศทางใดพุ่งตรงมาหาอย่างรวดเร็ว พร้อมเสียงตะโกนก้องดังเอ็ดอึงไปทั่ว “จับคนผู้นั้นมาให้ข้า! มันกำลังพยายามเอาสมบัติของข้าไป!” สุรเสียงของรัชทายาทจากต้าหลู่แผดกึกก้อง องค์ชายปีศาจใช้ดาบที่อยู่ในพระหัตถ์กวัดแกว่งลูกธนูที่พุ่งตรงมาหาพระองค์จนสามารถทำลายลงได้ทั้งหมด ก่อนจะยกปลายดาบชี้หน้าไปที่อีกฝ่าย “น้องข้าไม่ใช่สมบัติของผู้ใด! อย่าริบังอาจมายึดครองว่าเป็นของตนไอ้คนถ่อย!!!” รับสั่งตวาดกลับไป พระเนตรคู่สวยจับจ้องรัชทายาทจากแคว้นต้าหลู่อย่างน่าสะพรึงกลัว ในขณะที่อีกฝ่ายจับจ้องพระพักตร์องค์ชายปีศาจและจางเพ่ยอันเขม็ง พระโอษฐ์ยกยิ้มออกมาเล็กน้อยเมื่อได้ทอดพระเนตรบุรุษที่มีรูปโฉมงดงามพร้อมกันถึงสองคนในคราเดียวกันอย่างพึงพอพระทัย หากแต่มีเพียงหนุ่มน้อยหน้าหวานเท่านั้นที่ทรงต้องการ “น้องของเจ้าคือสมบัติของข้า! ผู้ใดก็ไม่มีสิทธิ์เอาออกไปได้แม้กระทั่งคนที่ได้ชื่อว่าเป็นพี่ชายเช่นเจ้าก็อย่าหวังว่าจะก้าวออกไปจากจวนนี้! ฆ่ามัน! นำเจ้าคนตัวเล็กกลับมาให้ข้าเดี๋ยวนี้!!!” สิ้นพระสุรเสียง กองทหารองครักษ์จากแคว้นต้าหลู่ในคราบบ่าวรับใช้ภายในจวน ใช้วิชา
จวนแม่ทัพ ครืดดดดดด!!!! เสียงเคลื่อนตัวของกำแพงภายในจวนแม่ทัพขององค์ชายใหญ่ อันเป็นสถานที่พำนักของผู้ที่ดำรงตำแหน่งแม่ทัพใหญ่แห่งแคว้นฉิน ซึ่งเจ้าผู้ครองแคว้นในแต่ละรัชสมัยมอบให้สำหรับบุคคลที่ได้ก้าวขึ้นมาอยู่ในตำแหน่งนี้ ซึ่งตำแหน่งดังกล่าวเป็นขององค์ชายอิ๋งหยาง ที่ฉินเหรินกงอดีตเจ้าผู้ครองแคว้นพระราชบิดาโปรดเกล้าแต่งตั้งให้พระองค์ทรงดำรงตำแหน่งนี้ และด้วยเพราะองค์ชายปีศาจทรงถูกเนรเทศไปพำนักอยู่ในเมืองชายแดน มิอาจหวนคืนกลับมาได้ตามคำทำนายของโหรหลวงประจำราชสำนัก ทำให้จวนแม่ทัพใหญ่เว้นว่างปราศจากครอบครัวหรือแม้แต่เจ้าของตำแหน่งดังกล่าวมาพำนักอยู่อาศัยภายในจวน นานกว่ายี่สิบปี ครั้นองค์ชายอิ๋งหยางเสด็จเข้าเมืองหลวงเพื่อร่วมงานพระศพ พระองค์จึงมีคำสั่งให้เหล่าข้าราชบริพารเข้าทำการปรับปรุงและทำความสะอาดจวนแม่ทัพใหญ่พร้อมใช้เป็นสถานที่สำหรับเรียกประชุมกองกำลังลับของพระองค์ และเป็นสถานที่ประทับนอกเขตพระราชวังในยามที่เสด็จออกมาหาข่าวเคลื่อนไหวต่างๆ ก่อนจะหายสาบสูญไปอย่างไร้ร่องรอยเมื่อสามเดือนก่อน ซึ่งแผนที่ทรงวางเอาไว้ช่างประสบความสำเร็จเกินความคาดหมายเสียนี่กระไร เพราะจากที่แสร้งเก็บพระอ
“เจ้าตัวเล็กมาหาข้า!!!” สุรเสียงองค์ชายปีศาจเพรียกหาน้องชายหน้าหวานดังเอ็ดอึงขึ้นมาทันใด เฮือก!!! หญิงสาวสะดุ้งจนสุดตัวครั้นได้ยินสุรเสียงดังกระหึ่มออกมาจากห้องดังกล่าว “โอ๊ยตกใจหมดเลย! ทำไมพี่หยางเสียงดังขนาดนี้นะ... จะทำยังไงดียังไม่ได้พันผ้าเก็บน้องนมเลย งานเข้าเธอแล้วจางเพ่ยอัน” หญิงสาวบ่นรำพึงรำพัน “อันอัน!!!” สุรเสียงขององค์ชายปีศาจตะโกนก้องออกมาอีกครา “มาแล้ว!!!” เสียงบุรุษห้าวหาญรีบขานรับตอบกลับไปทันที พร้อมก้าวเดินเข้าไปในห้องที่ประทับ สองแขนยังคงยกขึ้นกอดอกตัวเองเอาไว้จนแน่นอยู่เช่นนั้น “ไปมันทั้งแบบนี้แหละใครจะมาทำอะไรฉันได้ว้า” หญิงสาวคิดเข้าข้างตัวเองก่อนจะรีบก้าวเดินเข้าไปในห้องบรรทมอย่างรวดเร็ว ทันทีที่ร่างอรชรก้าวเข้ามาในห้องดังกล่าว ดวงเนตรสีหยาดน้ำผึ้งเห็นองค์ชายปีศาจนั่งประทับอยู่บนแท่นพระบรรทม พระหัตถ์ยกขึ้นจับพระอุระที่ถูกลูกธนูปักคาอยู่เช่นนั้น พระพักตร์ในยามนี้ไม่เขียวคล้ำอีกต่อไปแล้วหากแต่ซีดเซียวและมีพระอาการหอบโยนด้วยเพราะทรงเสียพระโลหิตไปมากนั่นเอง “องค์ชายทรงมีพระอาการไม่สู้ดีเลยพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมจะรีบไปตามหมอหลวงในค่ายให้เข้ามารักษาพระอาการขืนชักช้า
ท่ามกลางความเข้าใจที่ต่างคนล่วงรู้หัวใจของกันและกัน ด้านนอกตำหนักชั้นในขบวนของนางกำนัลจากตำหนักองค์ชายสามกำลังเดินตรงมาที่ห้องพักทางทิศตะวันออก ก่อนจะมาหยุดยืนอยู่หน้าห้องพักซึ่งถูกจัดเตรียมไว้ให้กับขันทีหน้าหวานนั่นเองปัง... ปัง... ปัง เสียงเคาะประตูดังขึ้นอยู่ที่ห้องข้างเคียง“ท่านขันทีน้อยตื่นหรือยังองค์ชายทรงตื่นบรรทมแล้ว มีรับสั่งให้ท่านเข้าเฝ้าด่วน” นางกำนัลประจำพระตำหนักเรียกอยู่ตรงหน้าห้องข้างเคียงในขณะที่เจ้าตัวกำลังถูกองค์ชายปีศาจสวมกอดเอาไว้แนบอกอยู่ในขณะนั้น ทั่วกายมีเพียงผ้าห่มพันเอาไว้“แย่แล้วพี่หยางเสียงบุรุษของข้ามลายหายไปสิ้น จะทำเช่นไรต่อไปดีองค์ชายสามก็ให้คนมาตามแล้ว”ครั้นองค์ชายหนุ่มได้ยินเช่นนั้นทรงไม่เข้าพระทัยที่คนงามของพระองค์กล่าวออกมาแต่อย่างใด“เหตุใดเจ้าจึงเป็นกังวล ท่านตาเตรียมยาเอาไว้ให้มากมายมิใช่หรอกรึ สามารถกินได้อีกนานนับปีแล้วเหตุใดใยไม่รีบนำมากินเสีย” รับสั่งถามกลับไป“เอามากินไม่ได้อีกต่อไปแล้ว เพราะทันทีที่ข้าดื่มเหล้าเข้าไปเส้นเสียงของบุรุษก็ถูกทำลายไปหมดสิ้น ตัวยา
รุ่งอรุณเช้าวันใหม่ห้องพักองค์ชายปีศาจแสงแห่งดวงตะวันเริ่มโผล่พ้นขอบฟ้าเป็นสัญญาณของเช้าวันใหม่ เหล่านกกาเริ่มโผบินสู่เวหาแหวกว่ายไปทั่วพื้นผิวพสุธา พร้อมเสียงร้องแผดกึกก้องดังไปทั่วบริเวณในยามนี้องค์ชายอิ๋งหยางทรงรู้สึกพระองค์และตื่นบรรทมขึ้นมาลุกประทับนั่ง พร้อมทอดพระเนตรน้องสาวคนสวยที่นอนขดตัวอยู่ในผ้าห่มผืนใหญ่แต่เพียงผู้เดียว ดีที่ทรงกอดนางเอาไว้ทั้งคืนจึงทำให้ได้ไออุ่นจากกายสาวช่วยบรรเทาความหนาวเย็นในเวลาค่ำคืนที่ผ่านมาได้“โอ้โฮ!เพิ่งรู้ว่าเจ้านอนดิ้นแรงถึงเพียงนี้ ทำเอาข้าจุกไปหลายคราเลยทีเดียว” รับสั่งพลางทอดพระเนตรดวงหน้างามหมดจดที่กำลังหลับสนิทไม่รู้เรื่องรู้ราวขนตางามงอนยาวเป็นแพสวยกระเพื่อมขึ้นและลงอยู่บ่อยครั้ง เป็นสัญญาณบ่งบอกให้ล่วงรู้ว่าน้องนางกำลังเริ่มรู้สึกตัว ก่อนจะนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ครั้นทรงทอดพระเนตรตัวชุดของนางกำนัลส่วนที่เหลือ ถูกคนงามดึงออกจากร่างไปตอนไหนก็มิอาจรู้ได้ ทำให้ทั่วร่างเปลือยเปล่ามีเพียงผ้าห่มพันไว้รอบกายเท่านั้น ครั้นหันกลับมาสำรวจพระองค์เอง ยังทรงอยู่
ในขณะที่คนเป็นพี่ชายทั้งดีใจและห่วงคนเป็นน้องมากยิ่งไปกว่าเดิมหลายเท่า ด้วยตอนนี้น้องน้อยหาใช่น้องชายหน้าหวานอีกต่อไปแล้วแต่กลับกลายเป็นสตรีสาวแสนสวยและหน้าหวานกลับมาแทนที่ เสียงอ้อแอ้ของน้องนางก็เริ่มดังทวีขึ้นทุกขณะ ด้วยเพราะเสียงนั้นเป็นเสียงสตรีพลางทอดพระเนตรเหล้าดอกท้อหมื่นลี้ที่เหลืออยู่ก้นเหยือก“ดื่มเข้าไปได้ยังไงเกือบหมดเหยือกเช่นนี้ แถมอันอันมิเคยลิ้มลองเหล้าเลยสักครา เมามายขนาดหนักเข้าให้แล้ว” รับสั่งพร้อมรีบคว้าห่อผ้าของพระองค์และน้องน้อยรวมไปถึงล่วมยา รีบนำมาผูกยึดติดไว้กับด้านหลังก่อนจะตรงเข้าอุ้มน้องน้อยจนลอยละลิ่วขึ้นมาจากพื้นอย่างรวดเร็ว ท่ามกลางเสียงหัวเราะคิกคักของเจ้าตัวเป็นการใหญ่“ไปเล่นกันเถอะเจี๋ยเจี๋ย! เล่นซ่อนหากันดีกว่า” หญิงสาวเอ่ยถึงพี่สาวฝาแฝดที่สิ้นชีพไปอย่างน่าเวทนา ก่อนที่จู่ๆ ก็ตะโกนออกมาอีก“จางเจี๋ยอี้ จ้างให้ก็จับข้าไม่ได้! มาไล่จับข้าสิ! มา! มา! ท่านพี่มาจับข้า” หญิงสาวละเมอเรียกชื่อพี่สาวฝาแฝดไม่ขาดสายในขณะที่คนกำลังอุ้มอยู่ในขณะนั้นได้ยินเสียงละเมอดังกล่าวทุกอย่าง พระองค์ทรงคลับคล้ายว่าจ
บริเวณตำหนักชั้นในภายในห้องพัก ร่างระหงประคองพระวรกายใหญ่ลงมาประทับนั่งลงบนตั่งภายในตำหนักชั้นใน ซึ่งจัดเตรียมเป็นสถานที่พักให้กับเธอและพี่หยางหยาง บนโต๊ะกลางตัวเตี้ยเต็มไปด้วยอาหารมากมาย ส่งกลิ่นหอมฟุ้งเล่นเอาแม่สาวน้อยทิ้งพี่ชายตัวโตให้นั่งลงเองทันที พร้อมพาตัวเองไปนั่งลงไปนั่งบนตั่งมองอาหารเลิศรสนานาชนิดๆ วางอยู่ตรงหน้าดาษดื่น “โอ้โฮ! อาหารตั้งมากมายจะกินหมดไหมเนี่ย” หญิงสาวเอ่ยออกมาทันที “เจ้ากินไม่หมดแต่ข้ากินหมดเพราะตอนนี้ข้าหิวมากรู้ไหม!” องค์ชายปีศาจรับสั่งออกไปตามความรู้สึกของพระองค์ พร้อมทอดพระเนตรเหล่านางกำนัลกำลังยกเหยือกเหล้าทยอยเข้ามาถึงห้าเหยือกเลยทีเดียว “ที่ตำหนักขององค์ชายมีเหล้าเลิศรสสะสมอยู่มิใช่น้อย ทรงมีรับสั่งเอาไว้ว่าให้จัดหาให้ทั้งสองท่านอย่าให้ขาดและต้องครบครัน เหล้าทั้งห้าเหยือกนี้ผ่านการหมักบ่มมานานกว่าห้าสิบปี บางเหยือกถูกตักออกมาจากไหเหล้าใบใหญ่ที่หมักเอาไว้นับร้อยปีก็มีเจ้าค่ะ” นางกำนัลผู้นั้นรายงานละเอียดยิบ ท่ามกลางความพึงพอพระทัยขององค์ชายปีศาจ “เข้า
ในขณะที่องค์ชายอิ๋งเฟิ่งถึงกับนิ่งงันไปทันที ครั้นทอดพระเนตรพบบุรุษร่างสูงใหญ่กำยำในเครื่องแบบราชองครักษ์ของพระเชษฐารัชทายาท หลายสิ่งหลายอย่างทำให้อนุชาโฉดชะงักงันไปชั่วขณะ ด้วยรูปร่างที่ใหญ่โต หากแต่องอาจ ผึ่งผาย มิหนำซ้ำรูปโฉมงดงามหล่อเหลาอย่างยิ่งยวดไม่เคยพานพบบุรุษที่มีลักษณะเช่นนี้มาก่อน ทว่ากลับทรงมีความรู้สึกคุ้นเสียงของราชองครักษ์ตรงพระพักตร์เสียนี่กระไร แลดูเส้นเสียงคล้ายพระเชษฐาปีศาจของพระองค์เสียเหลือเกิน “สะ... เสียง... เสียงของเจ้า... เสียงเจ้า!” องค์ชายโฉดได้แต่รับสั่งแต่ถ้อยประโยคเดิม “เสียงของกระหม่อมเป็นเยี่ยงไรกระนั้นหรือพ่ะย่ะค่ะ” องค์ชายปีศาจรับสั่งถามกลับไป พระเนตรคู่สวยจับจ้องอนุชาต่างพระมารดาอยู่เช่นนั้น ด้วยล่วงรู้ดีว่าอิ๋งเฟิ่งไม่สามารถจดจำพระสุรเสียงของพระองค์ได้อย่างแน่นอน เพราะอีกฝ่ายมีโอกาสได้พานพบพระเชษฐาสองครั้งเท่านั้นและสนทนาเพียงไม่กี่ถ้อยประโยค “เหตุใดคนผู้นี้แลดูคล้ายอิ๋งหยางเสียนี่กระไร รูปร่างสูงใหญ่กำยำใกล้เคียงกันมาก อีกทั้งเส้นเสียงฟังคราแรกก็เหมือนจะใกล้เคียงกันเลยทีเดียว หากแต่จะเป็นไปได้เยี่ยงไรกัน ในเมื่อคนผู้นั้นต้องสวมหน้ากากปิดบังใ
พระตำหนักหรดี สองมือเรียวสวยกำลังจับจุดชี่หยางบนพระวรกายขององค์ชายอิ๋งเฟิ่งไปทั่วแผ่นหลังกว้างใหญ่อันเปลือยเปล่า ในขณะเจ้าของร่างนั้นไร้สิ้นความเจ็บปวดไปนานกว่าครึ่งชั่วยามแล้ว จึงเริ่มชะล่าใจว่าอาการดีขึ้นกว่าที่เคยเป็น “เจ้าจับจุดชี่หยางของข้ามานานกว่าครึ่งก้านธูปแล้วนะ ความรู้สึกที่เคยเจ็บปวดได้มลายหายไปหมดสิ้น เมื่อใดเล่าจะสามารถพลิกเปลี่ยนท่าได้บ้าง ข้าอยู่ในท่านี้มานานตั้งแต่เช้าจนนี่พระอาทิตย์ตกดินลงแล้วนะเจ้าหนุ่มหน้าสวย” รับสั่งเรียกขันทีหนุ่มน้อยในเครื่องแบบของนางกำนัลหลวง “กระหม่อมกราบทูลแล้วมิใช่หรือพ่ะย่ะค่ะว่าจะต้องอยู่ในท่านี้สองชั่วยาม ห้ามพลิกเปลี่ยนเป็นอันขาด หาไม่แล้วต่อให้ล่วมยาของกระหม่อมมาถึงก็มิอาจทำให้พระองค์กลับมาพระดำเนินได้ดั่งเดิม จงเชื่อฟังคนรักษาเป็นการดี หาไม่แล้วจะต้องพิการหมดอนาคตไปในบัดดล” หญิงสาวขู่ด้วยน้ำเสียงจริงจัง องค์ชายโฉดหันกลับมาทอดพระเนตรขันทีหน้าหวานทันทีที่ทรงได้ยินเช่นนั้น “เจ้าช่างหาญกล้าเจรจาตีฝีปากกับข้ายิ่งนักหนุ่มน้อย ดูจากใบหน้างดงามแล้วคะเนว่าอายุยังไม่ถึงยี่สิบปีเสียด้วยกระมัง ไม่คิดบ้างหรือไรว่าปากดีเช่นนี้จะตายก่อนที่จะมีโอ
ตำหนักข้าง เพียงชั่วอึดใจพระวรกายขององค์ชายปีศาจหมุนคว้างดั่งลูกข่างมาปรากฏอยู่ภายในตำหนักข้าง โดยใช้เวลาเพียงหนึ่งก้านธูปเท่านั้น วรองค์สูงใหญ่พระดำเนินเข้าไปภายในห้องนอนที่มีห่อผ้าของพระองค์และของน้องน้อยวางตั้งเคียงคู่เอาไว้ด้วยกันอยู่ในขณะนั้น สองพระกรรีบคว้าห่อผ้าทั้งสองเอาไว้อย่างรวดเร็ว พลางสำรวจหาหีบล่วมยาซึ่งภายในนั้นมีตัวยาและอุปกรณ์ในการรักษาพยาบาลของยุคปัจจุบัน “อันอันเอาล่วมยาไปรวมไว้ในหีบใหญ่หรือเปล่านะ ถึงไม่เห็นอยู่แถวนี้” รับสั่งพลางเปิดหีบใหญ่ที่ตั้งอยู่กลางห้องซึ่งโม่โฉวและหรงซิ่วช่วยขนมาไว้ในห้องดังกล่าวตั้งแต่เช้าแล้ว ทันทีที่เปิดหีบใบใหญ่ออกหีบล่วมยาของน้องน้อยปรากฏอยู่ภายในนั้นจริงๆ ก่อนจะถูกยกขึ้นมาอย่างรวดเร็วพร้อมปิดหีบลงตามเดิม “เดี๋ยวค่อยให้โม่โฉวและหรงซิ่วเอาหีบใหญ่ขนตามไปให้ที่ตำหนักหรดีวันหลัง ของสำคัญอะไรก็อยู่เต็มสองแขนนี้แล้ว” รับสั่งพร้อมทอดพระเนตรข้าวของในอ้อมพระกร ก่อนจะหยุดนิ่งไปชั่วขณะครั้นทรงคิดบางอย่างขึ้นมาได้ ข้าวของต่างๆ ในวงแขนถูกวางลงอย่างรวดเร็วเหลือเพียงห่อผ้าส่วนตัวของจางเพ่ยอัน องค์ชายปีศาจยกขึ้นทอดพระเนตรพร้อมภาพเหตุการณ์ที่น้องน
ในเวลาต่อมาเพียงชั่วอึดใจพระวรกายใหญ่ขององค์ชายปีศาจ ลอยละลิ่วลงมาจากขื่อคานของพระตำหนักก่อนจะหมุนคว้างไปมาดั่งลูกข่างเร้นพระวรกายไปทรงหยุดยืนอยู่ด้านนอก ใต้ต้นไม้ใหญ่ที่กำลังแผ่กิ่งก้านสาขาให้ความร่มเย็นพร้อมทำทียืนจับกิ่งไม้ที่ใกล้พระหัตถ์ที่สุดพลางทอดพระเนตรจับจ้องอยู่แต่ทางเข้า เฝ้ารอคอยน้องชายหน้าหวานออกมาพบกับพระองค์และดวงเนตรสีนิลกาฬขององค์ชายปีศาจต้องสั่นไหวระริกขึ้นมาทันใด เมื่อร่างงามอรชรกำลังก้าวเดินออกมาจากพระตำหนักด้วยความเร่งรีบ ใบหน้าหวานของน้องชายเมื่อยู่ในเครื่องแต่งกายของสตรีเช่นนี้ แลดูมิใช่บุรุษแม้แต่น้อยแต่นางคือผู้หญิงชัดๆ “เหมือนมาก! น้องของข้าดั่งเช่นอิสตรีมิมีผิด!” รับสั่งพึมพำออกมาทันทีที่ทอดพระเนตรน้องน้อยข้างฝ่ายจางเพ่ยอันในขณะนั้นกำลังกวาดสายตามองหาร่างใหญ่ของพี่หยางหยางไปทั่วบริเวณ ก่อนจะไปหยุดอยู่ที่ร่างสูงใหญ่กำลังยืนอยู่ใต้ต้นไม้เกาะเกี่ยวกิ่งไม้เล่นอยู่ในขณะนั้น“พี่หยาง! พี่หยาง!” เธอตะโกนก้องด้วยเสียงของบุรุษจนสุดเส้นเสียงพร้อมกระโดดขึ้นลงโบกมือไปมา ก่อนจะวิ่งหน้าตั้งตรงดิ่งมาหาพี่ชายอย่างรวดเร็ว ท่ามกลางสายพระเนตรขององค์ชายปีศาจ“เฮ้อ! พอได้ยิน
พระพักตร์รีบหันกลับไปทอดพระเนตรคนที่มาทำการรักษาพระองค์ พร้อมทำท่าจะลุกขึ้นประทับนั่ง “อย่าลุกขึ้นองค์ชาย! ยังไม่ถึงเวลา… พระองค์จะต้องบรรทมในท่านี้ต่อไปอีกสองชั่วยาม หลังจากนั่นจึงจะลุกประทับนั่งได้ หากลุกนั่งก่อนเวลาอันควรจะทำให้อาการเจ็บปวดรุนแรงกลับมาอีก กระหม่อมเพียงแค่ทำให้ทรงบรรเทาจากอาการเจ็บปวดชั่วคราวเท่านั้น หากต้องการหายจากโรคนี้เป็นปลิดทิ้งจะต้องได้รับการรักษาอย่างต่อเนื่องพ่ะย่ะค่ะ” จางเพ่ยอันอธิบายกลับไปอย่างละเอียด ถ้อยกราบทูลของขันทีหน้าหวานทำให้องค์ชายอิ๋งเฟิ่งทรงดีพระทัยอย่างยิ่งยวดเมื่อล่วงรู้ว่ามีหนทางรักษาอาการปวดหลังของพระองค์ได้อย่างเด็ดขาด ในขณะที่ไม่เคยมีผู้ใดสามารถกราบทูลให้พระองค์ทรงทราบว่าพระอาการที่เป็นอยู่ในขณะนี้สามารถรักษาให้หายขาดได้หรือไม่ “นี่เจ้าหมายความว่าอาการปวดหลังของข้ารักษาให้หายขาดได้ใช่หรือไม่” รับสั่งถามกลับไปเพื่อความแน่พระทัย “รักษาได้พ่ะย่ะค่ะ... แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นจะหายขาดหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับพระองค์ด้วยว่าทำตามขั้นตอนการรักษาของกระหม่อมได้อย่างเคร่งครัดเยี่ยงไร หากเพิกเฉยมินำพาแล้วไซร้ ภายภาคหน้าพระองค์จะมีพระอาการ