“ว้าย!” หญิงสาวร้องขึ้นด้วยความตกใจที่จู่ ๆ มีคนเปิดประตูเข้ามาโดยไม่บอกไม่กล่าว เพราะสภาพเธอในตอนนี้ไม่เหมาะที่จะให้คนอื่นเห็น เธอรีบลุกเดินไปแอบด้านหลังชั้นหนังสือทันที
“ใครบังอาจเปิดประตูเข้ามาตอนนี้วะ” ธานีสบถออกมาอย่างหัวเสีย ก่อนจะพบว่าคนที่กล้าเข้ามาขัดเวลาความสุข คือลูกชายของเขานั่นเอง
“เดี๋ยวนี้ถึงขั้นเอามากินที่บริษัทเลยเหรอครับ?”
“นี่คือประโยคแรกที่แกทักฉันอย่างนั้นเหรอ”
ภาคินไม่ได้แยแสต่อคำพูดของพ่อตัวเองแม้แต่น้อย เขาเดินเข้าไปนั่งที่โซฟาโดยไม่ได้มีท่าทีตกใจกับการกระทำของพ่อตน ราวกับว่าเรื่องแบบนี้เขาเห็นเป็นประจำ จนมันเป็นเรื่องชินชาสำหรับเขาไปเสียแล้ว
สายตาเขามองค้อนไปยังหญิงสาวที่ยังยืนหลบอยู่หลังตู้หนังสือ เธอจึงรีบจัดแจงตัวเองให้เรียบร้อยแล้วเดินออกจากห้องไปทันที
ตอนนี้ในห้องจึงเพียงแค่สองคนพ่อลูกอยู่ด้วยกันใต้บรรยากาศที่เต็มไปด้วยความอึดอัด
“ไปหาแม่แกหรือยัง?” น้ำเสียงดุดันเอ่ยถามด้วยความไม่สบอารมณ์ เพราะถูกขัดจังหวะความสุข
“ยังครับ กะว่าจะไปหาคุณแม่ทีหลัง เพราะเป็นทางผ่านไปคอนโดผมพอดี”
“กลับมาทั้งที ไม่คิดจะนอนบ้านเลยหรือไง”
“ขนาดคุณพ่อยังไม่ค่อยกลับบ้าน ผมจำเป็นต้องกลับบ้านตามที่คุณพ่อต้องการด้วยเหรอครับ” ภาคินยอกย้อนคำของพ่อตัวเอง ทำเอาธานีถึงกับใบหน้าแดงก่ำเพราะความโกรธ
ชายสูงวัยตบโต๊ะทำงาน แล้วชี้หน้าภาคินด้วยความโมโห “ไอ้เด็กนี่!!”
“ผมเรียนจบตามที่คุณพ่อคุณแม่ต้องการแล้ว หวังว่าจะรักษาสัญญาที่ให้ไว้กับผมนะครับ”
“หมดธุระแกแล้วใช่ไหม จะไปไหนก็ไป”
“ผมขอตัวครับ” ภาคินพูดจบก็ลุกออกจากห้องไปทันที ที่มาวันนี้แค่มาทวงคำสัญญาที่ผู้เป็นพ่อเคยให้ไว้กับเขาเท่านั้นเอง...
แต่ก่อนที่เขาจะเดินออกจากห้องไป ก็มีเสียงดังตามหลังมา
“แกจะเริ่มทำงานเมื่อไหร่?” คุณธานีตะโกนถามไล่หลังลูกชาย
“อีกสองสามวันครับ คุณพ่อบอกให้พนักงานเตรียมห้องไว้ให้ผมด้วยแล้วกัน” ภาคินตอบพร้อมกับเดินจากไป
หลังจากที่ภาคินออกไปแล้ว อริสาก็เปิดประตูเข้ามา เพื่อดูอาการเจ้านายตัวเอง เธอเป็นเลขาของธานีตั้งแต่เรียนจบปีแรกจนถึงตอนนี้ก็ร่วมสิบปีแล้ว แม้ว่าจะเข้าสู่วัยเลขสามแต่ใบหน้าและผิวพรรณก็ไม่ได้ต่างไปจากหญิงสาวเลยแม้แต่น้อย อริสาเดินไปที่ข้างหลังนายตัวเองแล้วบีบไหล่นวดให้เบา ๆ เพื่อให้รู้สึกผ่อนคลาย
“อารมณ์ไม่ดีเหรอคะ ให้สาช่วยอะไรไหม?”
คุณธานีจ้องมองแววตาเลขาข้างกายเขา สมแล้วที่ทำงานกับเขามานาน จนรู้ใจเขาไปหมดทุกเรื่อง
“คงมีแต่เธอนี่แหละที่รู้ใจ ถ้าอย่างนั้น... ช่วยทำให้ฉันอารมณ์ดีหน่อยสิ”
“ได้ค่ะ นายท่าน...” อริสารับคำสั่งอย่างไม่อิดออด เพราะนอกจากเธอจะเป็นเลขาข้างกายแล้ว เธอยังเป็นเลขาร่วมเตียงด้วย
ภาคินขับรถมาจนถึงบ้านหลังหนึ่ง เป็นบ้านหลังใหญ่ทรงไทยประยุกต์ เนื่องจากบ้านหลังนี้เป็นบ้านผู้ดีเก่าที่สืบทอดมารุ่นต่อรุ่น จึงมีกลิ่นอายคล้ายบ้านในสมัยก่อนอยู่บ้าง ภาคินเกิดและโตที่นี่ แต่นั่นก็เป็นเพียงความทรงจำที่เลือนรางเท่านั้น เนื่องจากเขาย้ายไปอยู่คอนโดตั้งแต่ช่วงมัธยมปลายแล้ว
“คุณแม่อยู่ไหน?” ภาคินถามสาวใช้ในบ้าน
“คุณผู้หญิงอยู่ที่สวนค่ะ”
หลังได้คำตอบแล้ว ภาคินก็เดินไปยังบริเวณสวนเพื่อไปหาคุณแม่ทันที เขาเดินไปจนถึงสวนก็เห็นใบหน้าคุ้นเคย ใบหน้าที่มีรอยย่นตามอายุ คุณหญิงวิไลลักษณ์ วัชรโยธิน มารดาแท้ ๆ ของภาคิน หรือก็คือภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายของนายธานีและเป็นนายหญิงของบ้านแห่งนี้
“ผมกลับมาแล้วครับ”
คนที่กำลังตั้งใจตัดแต่งดอกไม้ถึงกับชะงัก หันหน้าไปดูก็เห็นว่าเป็นลูกชายของตน เธอรีบวางกรรไกรแล้วเดินเข้าไปหาทันที“ตาคิน มาถึงตั้งแต่เมื่อไหร่ลูก” น้ำเสียงเต็มไปด้วยความคิดถึง“มาถึงเมื่อวานครับ”คุณหญิงวิไลลักษณ์จูงมือภาคินไปยังศาลาเพื่อไถ่ถาม หลังจากที่ไม่ได้เจอหน้ากันหลายปี เนื่องจากภาคินได้ไปศึกษาอยู่ต่างประเทศตามคำขอร้องของเธอ“ใจร้ายกับแม่จังเลยนะ เรียนจบตั้งนานแล้วไม่ยอมกลับมาสักที” คุณหญิงวิไลลักษณ์บ่นกับลูกชายตัวดีของเธอตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ที่ต้องไปเรียนต่อปริญญาตรีที่ต่างประเทศกลางคัน ภาคินก็ไม่ยอมกลับมาไทยอีกเลย และไม่ค่อยติดต่อกลับมาหาเธอ อ้างเหตุผลต่าง ๆ นานา ต้องตั้งใจเรียนอย่างนั้นอย่างนี้ แต่พอเรียนจบปริญญาโทก็หาเหตุผลอยู่ต่อ ว่ารอกลับประเทศไทยพร้อมแฟนสาวที่กำลังคบหาดูใจกันในตอนนั้นก็คือลลิตา“เป็นยังไงบ้างลูก? แล้วหนูอ้ายล่ะ สบายดีไหม?”“สบายดีครับ อ้ายฝากของมาให้คุณแม่ด้วย”ได้ยินอย่างนั้นคุณหญิงวิไลลักษณ์ก็ยิ้มกว้างอย่างดีใจ คิดว่าอีกไม่นานพวกเธอคงมีข่าวดี“เรียนจบแล้วก็แต่งงานได้แล้วสิ แม่ว่าหนูอ้ายก็เป็นตัวเลือกที่ไม่เลวนะ ถึงจะไม่ใช่ตระกูลผู้ลากมากดีอย่างเรา แต่
“ผมว่าคุณแม่ห่วงเรื่องตัวเองก่อนดีกว่าครับ คุณแม่รู้หรือเปล่าว่าคุณพ่อเอาเด็กไปที่บริษัท”“ช่างพ่อแกสิ” คุณหญิงวิไลลักษณ์พูดเหมือนทองไม่รู้ร้อน“แกก็น่าจะรู้นิสัยพ่อแกดีว่าเป็นยังไง ห้ามไปก็เท่านั้น เพราะถ้าห้ามได้คงไม่มีบ้านเล็กบ้านน้อยเยอะขนาดนี้หรอก”คุณหญิงวิไลลักษณ์ไม่ได้สนใจด้วยซ้ำว่าสามีเธอจะไปมีบ้านเล็กบ้านน้อย หรือไปนอนที่ไหน เธอวางตัวเป็นผู้ดีไม่ไปยุ่งเกี่ยวกับสิ่งเหล่านั้นให้เปรอะเปื้อน เพราะอย่างไรแล้วเธอก็คือภรรยาที่ถูกต้องทั้งนิตินัยและพฤตินัย ผู้หญิงคนอื่นก็เป็นเพียงของเล่นของสนุกให้สามีเธอเท่านั้นสิ่งสำคัญที่สุดในตอนนี้คือ เธอต้องหาทางบีบบังคับบุตรชายให้ไปขอหมั้นลลิตาโดยเร็ว เพราะเรื่องนี้มันจะทำให้เธอเชิดหน้าชูตาในสังคมอย่างมาก ที่ได้บุตรสาวตระกูลโชติธานนท์มาเป็นทองแผ่นเดียวกันคืนนี้ภาคินมีนัดรวมตัวกับเพื่อนของเขาที่ไนต์คลับแห่งหนึ่ง เป็นการเลี้ยงต้อนรับกลับมาของเขาหลังจากที่ไม่ได้เจอกันหลายปี[ pk : พี่มาถึงแล้วนะครับ ]ส่งรูปภาพ[ Aiai : ok. ค่ะ เที่ยวกับเพื่อนให้สนุกนะคะ ][ pk : ครับ ฝันดีล่วงหน้านะครับ พี่รักอ้ายนะ ][ Aiai : เช่นกันค่ะพี่คิน อ้ายรักพี่คินเหมือ
ภาคินมองตาขวางใส่ผู้ชายที่เสนอตัวจะไปส่งอดีตคนรัก เขายืนมองทั้งสองคนยืนคุยกันมาสักพักแล้ว ท่าทางเขินอายของญาดาที่มีให้กับผู้ชายอื่น มันทำให้เขาไม่สบอารมณ์อย่างมาก แล้วสายตาของเขามันดูออกว่าไอ้คนนั้นมันคิดอะไรอยู่ ผีเห็นผียังไงล่ะเขาดึงแขนญาดาแล้วพาไปที่รถ ท่ามกลางความงุนงงของใครหลายคนที่มองเห็นเหตุการณ์“คินเดี๋ยวก่อนสิ นี่มันเรื่องอะไรกัน ทำไมคินต้องลากดามาแบบนี้ด้วย” ญาดาพยายามแกะมือที่กุมแขนเธอเอาไว้แต่ก็ไม่เป็นผล ชายหนุ่มไม่ยอมปล่อยแขนเธอและบีบแขนแน่นขึ้นเรื่อย ๆภาคินพาญาดาเดินมาจนถึงรถตัวเองและดันตัวเธอเข้าไปภายในรถทันที คนที่ถูกดึงตัวมาไม่ได้ขัดขืนแต่อย่างใด เพราะเธอรู้ว่าขัดขืนไปก็เท่านั้น ญาดาจึงเลือกที่จะนั่งเงียบ ๆ ดีกว่าตอนนี้รถขับออกมาจากไนต์คลับไกลมากแล้ว ก็ยังไร้เสียงพูดของทั้งสองคน แม้แต่เสียงเพลงก็ยังไม่มี ทำให้ภายในรถมีแต่ความเงียบสงัด“ไหนว่ามากับเพื่อน แล้วเพื่อนไปไหนหมดทำไมถึงปล่อยให้ดาอยู่กับไอ้หน้าจืดนั่นตามลำพัง”“...” ญาดาหันหน้ามองข้างทาง ไม่สนใจในสิ่งที่ภาคินถามแม้แต่นิดเดียวเห็นท่าทีแง่งอนของหญิงสาว ภาคินรู้แล้วว่าตอนนั้นเขาใช้อารมณ์มากไป ชายหนุ่มพยายามถ
ครืดดด เสียงสั่นของสมาร์ตโฟนพร้อมกับหน้าจอสว่างจากการแจ้งเตือน[ Aiai : พี่คินตื่นหรือยังคะ ][ Aiai : เมื่อคืนกินเลี้ยงสนุกไหมเอ่ย ][ Aiai : ตื่นแล้วอย่าลืมหาอะไรกินนะคะ อ้ายเป็นห่วง ]ญาดานั่งอ่านข้อความบนหน้าจอสมาร์ตโฟนของภาคินเงียบ ๆ เพราะเจ้าของเครื่องกำลังนอนหลับอยู่ โดยไม่มีทีท่าว่าจะตื่นโดยง่ายกินเลี้ยงสนุกไหมเหรอ? สนุกสิ สนุกมากด้วย สนุกจนภาคินไม่มีแรงตื่นเลยแหละเธอเดินไปหยิบสมาร์ตโฟนตัวเองพร้อมกับถือเครื่องของภาคินไปด้วยเพื่อทำอะไรบางอย่าง“ล็อกหน้าจออย่างนั้นเหรอ?”ญาดาลองสุ่มเดารหัสผ่าน รหัสแรกคือวันเดือนปีที่เขาและเธอคบกัน แม้ไม่มั่นใจว่าใช่หรือเปล่าเพราะผ่านมานานมากแล้ว แต่แล้ว...“แค่ครั้งเดียวก็ปลดล็อกได้เลยเหรอ” รอยยิ้มปรากฏที่ใบหน้าของเธออย่างพอใจราวกับว่าเธอคือผู้ชนะหลังจากที่จัดการเรียบร้อยตามที่เธอต้องการแล้ว ญาดาก็เดินกลับไปยังเตียงนอน สายตามองอดีตคนรักที่กำลังนอนหลับสนิท ฝ่ามือเรียวลูบไล้ไปตามใบหน้าเบา ๆ นึกถึงเรื่องเมื่อคืนมุมปากก็ยกยิ้มขึ้นมาทุกอย่างที่เกิดขึ้นเมื่อคืนล้วนเป็นแผนการของเธอเอง ญาดารู้จากเพื่อนของภาคินว่าเขาจะจัดปาร์ตี้ที่นั่น เธอจึงแสร้งทำเ
เรื่องที่เกิดขึ้นในตอนนั้นมันเป็นเพราะเขาหูเบาเชื่อคนง่ายเกินไป จึงเป็นเหตุทำให้เขาและญาดาทะเลาะกัน จนได้เผลอพลั้งปากไล่เธอให้ออกไปจากชีวิตของเขาหลังจากที่ญาดาหายตัวไปตามที่เขาต้องการแล้ว ภาคินก็ได้มารู้ความจริงทีหลัง ว่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นเป็นฝีมือแม่ของเขาเอง มันทำให้เขาคลั่งมากกว่าเดิม ที่แม่มายุ่งวุ่นวายกับความรักของเขา ภาคินรู้ดีว่าแม่ไม่ยินดีกับความรักของพวกเขา จึงได้ทำเรื่องแบบนั้นขึ้นมา‘ผู้หญิงที่ไม่มีหัวนอนปลายเท้าล้วนจะหลอกลูกทั้งนั้น’ คำพูดที่แม่ของชายหนุ่มพร่ำบอกเสมอ ช่วงที่คบหากับญาดา ครอบครัวเขาไม่เคยยินดีเลยแม้แต่น้อยกว่าจะรู้ความจริงทุกอย่างก็สายไปแล้ว ญาดาหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยตามที่เขาต้องการ ภาคินไม่สามารถติดต่อเธอได้ พยายามตามหาทุกวิถีทาง ไม่ว่าจะไปถามกับคนรู้จักหรือไปหาที่บ้าน แต่ก็ไร้วี่แวว จนตอนนั้นเขาเหมือนคนบ้าขาดสติ เรื่องทั้งหมดมันเป็นเพราะเขาหูเบาเชื่อแม่ตัวเองมากเกินไป จึงทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาจบลงแบบนี้...ภาคินได้แต่โทษแม่ของเขาที่ทำให้ทุกอย่างพัง มาบงการความรัก ทำให้เขาต้องไล่ผู้หญิงที่รักมากที่สุดไป โดยที่ไม่รู้ความจริง มันทำให้เขาเสีย
หลังจากเลือกซื้อของที่ต้องการเรียบร้อยแล้ว สองสาวพากันไปรับประทานอาหารที่ร้านแห่งหนึ่ง“ทำไมวันนี้ถึงไม่ชวนแฟนแกมาด้วยยะ”“พี่คินมีประชุมกับลูกค้าน่ะ”ภาคินบอกเธอตั้งแต่เมื่อคืนแล้วว่าวันนี้มีประชุมกับลูกค้าคนสำคัญของบริษัทไม่สามารถเลี่ยงได้ปาลินพยักหน้าอย่างเข้าใจ แล้วถามคำถามต่อ “เออ...ว่าแต่ทำไมแกไม่ไปอยู่คอนโดพี่คินล่ะ”“ไม่เอาอะ คอนโดพี่คินอยู่คนละฝั่งกับบริษัทเลย ฉันขี้เกียจตื่นเช้า”“แล้วแกไม่กลัวว่าเขาจะแอบเอาสาวขึ้นห้องเหรอ?” ปาลินเตือนเพื่อนสาวเธอเคยเรียนมหา’ลัยเดียวกันก่อนที่ภาคินจะย้ายไปเรียนต่างประเทศ ปาลินพอจะได้ยินมาบ้างว่ามีนิสัยเป็นยังไง ตอนที่รู้ข่าวว่าภาคินมาจีบลลิตา เธอก็ได้แค่เตือนเรื่องนิสัยของเขา แต่อย่างว่าแหละ มันเป็นเรื่องของคนสองคน ความรักห้ามกันไม่ได้ ขนาดตัวเธอยังไม่อยากจะรอดเลยลลิตาทำใบหน้าครุ่นคิด “ไม่รู้สิ แต่ถ้าเขาทำจริง ๆ ฉันก็จะมีผัวใหม่ทันที ลองดูสิ!” ลลิตาพูดติดตลกเรื่องภาคินเธอก็ได้ยินจากปาลินมาบ้างว่าเป็นยังไง แต่เธอไม่อยากเอาเรื่องนั้นมาตัดสิน ทุกคนมีอดีตด้วยกันทั้งนั้น อยู่ที่ว่าปัจจุบันจะปรับปรุงตัวหรือเปล่าการที่เธอกับภาคินแยกกันอยู่คนละ
ลลิตาเข้าใจคำนี้เป็นอย่างดี พวกเขาเปลี่ยนท่าทางกัน ภาคินนอนราบไปกับที่นอน มือเรียวลูบตามแผงอกไปจนถึงกางเกงลำลองแล้วค่อย ๆ ถอดกางเกงลำลองออกจากช่วงขา เผยให้เห็นอันเดอร์แวร์ที่อยู่ข้างใน ลลิตาดึงอันเดอร์แวร์นั้นออกไป ทำให้ท่อนเนื้ออยู่ข้างในผงาดออกมา ลิ้นเรียวระรัวไปที่ส่วนปลายก่อนจะดูดกินอย่างเอร็ดอร่อยราวกับเป็นไอศกรีมแท่งโปรด จนภาคินถึงกับคำรามในลำคอ“อ๊า...” และเด้งสะโพกกระแทกสวนกับจังหวะปากของแฟนสาว ปลดปล่อยของเหลวออกมาลลิตาถึงกับสำลักน้ำขาวขุ่นที่ภาคินปล่อยออกมาใส่ปากเธอ ก่อนจะรีบลุกไปหยิบเอากระดาษทิชชูมาเช็ดปากพร้อมกับคายน้ำคาวที่อยู่ในปากทิ้งให้หมด“อ้ายโอเคไหม”ลลิตาส่ายหน้าพร้อมกับยิ้มเล็กน้อย “ไม่เป็นไรค่ะ”เธอยอมรับว่ายังไม่ชินจริง ๆ เวลาที่ภาคินปลดปล่อยใส่ปากเธอแบบนี้ชายหนุ่มดึงแฟนตัวเองมากอด “ช่วงนี้พี่ค่อนข้างเหนื่อยจากงาน ขอโทษนะ” น้ำเสียงที่พูดขึ้นอย่างเหนื่อยล้าพร้อมกับท่อนเนื้อที่กำลังหดลงหลังจากที่ได้ถูกปลดปล่อยแล้ว“ไม่เป็นไรค่ะ อ้ายเข้าใจ” พักหลังมานี้เธอกับแฟนแทบไม่ค่อยได้ร่วมกิจกรรมบนเตียงด้วยกันเหมือนอย่างเดิม แต่ลลิตาก็ไม่ได้น้อยใจแฟนเธอแต่อย่างใด เพราะเข้าใจ
“พอ พอค่ะพี่ไนต์ ลินไม่อยากรู้แล้ว” ปาลินพูดดักเขาทันที เธอไม่อยากได้ยินหรือเอ่ยชื่อผู้ชายคนนั้น“เอ่ออ้าย คนนี้คือพี่ไนต์” ปาลินชวนเปลี่ยนเรื่องคุย“สวัสดีค่ะ” ลลิตาก้มหัวให้เขาเล็กน้อย “เอ๊ะ! คุณใช่คนที่ฉันเดินชนวันนั้นหรือเปล่าคะ” เพราะตอนที่ปาลินชี้ให้ดู เธอไม่ได้มองให้แน่ชัดว่าหน้าตาเป็นยังไง และช่วงที่เขาคุยกัน เธอมัวแต่นั่งดูบรรยากาศด้านนอกจึงไม่ได้สังเกตใบหน้าของเขา แต่พอได้เห็นหน้าเขาแล้ว ลลิตาจึงจำได้ทันที“ครับ เราเจอกันอีกแล้วนะครับ” พศวัฒน์ตอบกลับ ตอนสบตากับลลิตาดวงตาเขาเหมือนมีประกายแวบผ่านบทสนทนาระหว่างลลิตากับพศวัฒน์ทำเอาปาลินถึงกับคิ้วขมวดเข้าหากันอย่างงุนงง“เดี๋ยวก่อนนะ เธอไปเจอพี่ไนต์ตอนไหน?”“วันที่ฉันชวนเธอไปซื้อของไง แล้วฉันเผลอเดินไปชนพี่เขาน่ะ” พูดถึงเรื่องวันนั้น เธอก้มหัวให้เขาอีกครั้งเพื่อเป็นการขอโทษพศวัฒน์ยื่นแก้วน้ำสีหวานให้ปาลิน บนขอบแก้วมีดอกอัญชันประดับอย่างสวยงาม พร้อมกับถามหญิงสาว“เพื่อนน้องลินเหรอครับ”“ใช่ค่ะเพื่อนลินเอง เพิ่งกลับมาจากต่างประเทศ” ปาลินแนะนำเพื่อนตัวเองให้ชายหนุ่มฟัง“อ้ายค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ”“สวัสดีครับน้องอ้าย ผมไนต์ครั
“พอ พอค่ะพี่ไนต์ ลินไม่อยากรู้แล้ว” ปาลินพูดดักเขาทันที เธอไม่อยากได้ยินหรือเอ่ยชื่อผู้ชายคนนั้น“เอ่ออ้าย คนนี้คือพี่ไนต์” ปาลินชวนเปลี่ยนเรื่องคุย“สวัสดีค่ะ” ลลิตาก้มหัวให้เขาเล็กน้อย “เอ๊ะ! คุณใช่คนที่ฉันเดินชนวันนั้นหรือเปล่าคะ” เพราะตอนที่ปาลินชี้ให้ดู เธอไม่ได้มองให้แน่ชัดว่าหน้าตาเป็นยังไง และช่วงที่เขาคุยกัน เธอมัวแต่นั่งดูบรรยากาศด้านนอกจึงไม่ได้สังเกตใบหน้าของเขา แต่พอได้เห็นหน้าเขาแล้ว ลลิตาจึงจำได้ทันที“ครับ เราเจอกันอีกแล้วนะครับ” พศวัฒน์ตอบกลับ ตอนสบตากับลลิตาดวงตาเขาเหมือนมีประกายแวบผ่านบทสนทนาระหว่างลลิตากับพศวัฒน์ทำเอาปาลินถึงกับคิ้วขมวดเข้าหากันอย่างงุนงง“เดี๋ยวก่อนนะ เธอไปเจอพี่ไนต์ตอนไหน?”“วันที่ฉันชวนเธอไปซื้อของไง แล้วฉันเผลอเดินไปชนพี่เขาน่ะ” พูดถึงเรื่องวันนั้น เธอก้มหัวให้เขาอีกครั้งเพื่อเป็นการขอโทษพศวัฒน์ยื่นแก้วน้ำสีหวานให้ปาลิน บนขอบแก้วมีดอกอัญชันประดับอย่างสวยงาม พร้อมกับถามหญิงสาว“เพื่อนน้องลินเหรอครับ”“ใช่ค่ะเพื่อนลินเอง เพิ่งกลับมาจากต่างประเทศ” ปาลินแนะนำเพื่อนตัวเองให้ชายหนุ่มฟัง“อ้ายค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ”“สวัสดีครับน้องอ้าย ผมไนต์ครั
ลลิตาเข้าใจคำนี้เป็นอย่างดี พวกเขาเปลี่ยนท่าทางกัน ภาคินนอนราบไปกับที่นอน มือเรียวลูบตามแผงอกไปจนถึงกางเกงลำลองแล้วค่อย ๆ ถอดกางเกงลำลองออกจากช่วงขา เผยให้เห็นอันเดอร์แวร์ที่อยู่ข้างใน ลลิตาดึงอันเดอร์แวร์นั้นออกไป ทำให้ท่อนเนื้ออยู่ข้างในผงาดออกมา ลิ้นเรียวระรัวไปที่ส่วนปลายก่อนจะดูดกินอย่างเอร็ดอร่อยราวกับเป็นไอศกรีมแท่งโปรด จนภาคินถึงกับคำรามในลำคอ“อ๊า...” และเด้งสะโพกกระแทกสวนกับจังหวะปากของแฟนสาว ปลดปล่อยของเหลวออกมาลลิตาถึงกับสำลักน้ำขาวขุ่นที่ภาคินปล่อยออกมาใส่ปากเธอ ก่อนจะรีบลุกไปหยิบเอากระดาษทิชชูมาเช็ดปากพร้อมกับคายน้ำคาวที่อยู่ในปากทิ้งให้หมด“อ้ายโอเคไหม”ลลิตาส่ายหน้าพร้อมกับยิ้มเล็กน้อย “ไม่เป็นไรค่ะ”เธอยอมรับว่ายังไม่ชินจริง ๆ เวลาที่ภาคินปลดปล่อยใส่ปากเธอแบบนี้ชายหนุ่มดึงแฟนตัวเองมากอด “ช่วงนี้พี่ค่อนข้างเหนื่อยจากงาน ขอโทษนะ” น้ำเสียงที่พูดขึ้นอย่างเหนื่อยล้าพร้อมกับท่อนเนื้อที่กำลังหดลงหลังจากที่ได้ถูกปลดปล่อยแล้ว“ไม่เป็นไรค่ะ อ้ายเข้าใจ” พักหลังมานี้เธอกับแฟนแทบไม่ค่อยได้ร่วมกิจกรรมบนเตียงด้วยกันเหมือนอย่างเดิม แต่ลลิตาก็ไม่ได้น้อยใจแฟนเธอแต่อย่างใด เพราะเข้าใจ
หลังจากเลือกซื้อของที่ต้องการเรียบร้อยแล้ว สองสาวพากันไปรับประทานอาหารที่ร้านแห่งหนึ่ง“ทำไมวันนี้ถึงไม่ชวนแฟนแกมาด้วยยะ”“พี่คินมีประชุมกับลูกค้าน่ะ”ภาคินบอกเธอตั้งแต่เมื่อคืนแล้วว่าวันนี้มีประชุมกับลูกค้าคนสำคัญของบริษัทไม่สามารถเลี่ยงได้ปาลินพยักหน้าอย่างเข้าใจ แล้วถามคำถามต่อ “เออ...ว่าแต่ทำไมแกไม่ไปอยู่คอนโดพี่คินล่ะ”“ไม่เอาอะ คอนโดพี่คินอยู่คนละฝั่งกับบริษัทเลย ฉันขี้เกียจตื่นเช้า”“แล้วแกไม่กลัวว่าเขาจะแอบเอาสาวขึ้นห้องเหรอ?” ปาลินเตือนเพื่อนสาวเธอเคยเรียนมหา’ลัยเดียวกันก่อนที่ภาคินจะย้ายไปเรียนต่างประเทศ ปาลินพอจะได้ยินมาบ้างว่ามีนิสัยเป็นยังไง ตอนที่รู้ข่าวว่าภาคินมาจีบลลิตา เธอก็ได้แค่เตือนเรื่องนิสัยของเขา แต่อย่างว่าแหละ มันเป็นเรื่องของคนสองคน ความรักห้ามกันไม่ได้ ขนาดตัวเธอยังไม่อยากจะรอดเลยลลิตาทำใบหน้าครุ่นคิด “ไม่รู้สิ แต่ถ้าเขาทำจริง ๆ ฉันก็จะมีผัวใหม่ทันที ลองดูสิ!” ลลิตาพูดติดตลกเรื่องภาคินเธอก็ได้ยินจากปาลินมาบ้างว่าเป็นยังไง แต่เธอไม่อยากเอาเรื่องนั้นมาตัดสิน ทุกคนมีอดีตด้วยกันทั้งนั้น อยู่ที่ว่าปัจจุบันจะปรับปรุงตัวหรือเปล่าการที่เธอกับภาคินแยกกันอยู่คนละ
เรื่องที่เกิดขึ้นในตอนนั้นมันเป็นเพราะเขาหูเบาเชื่อคนง่ายเกินไป จึงเป็นเหตุทำให้เขาและญาดาทะเลาะกัน จนได้เผลอพลั้งปากไล่เธอให้ออกไปจากชีวิตของเขาหลังจากที่ญาดาหายตัวไปตามที่เขาต้องการแล้ว ภาคินก็ได้มารู้ความจริงทีหลัง ว่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นเป็นฝีมือแม่ของเขาเอง มันทำให้เขาคลั่งมากกว่าเดิม ที่แม่มายุ่งวุ่นวายกับความรักของเขา ภาคินรู้ดีว่าแม่ไม่ยินดีกับความรักของพวกเขา จึงได้ทำเรื่องแบบนั้นขึ้นมา‘ผู้หญิงที่ไม่มีหัวนอนปลายเท้าล้วนจะหลอกลูกทั้งนั้น’ คำพูดที่แม่ของชายหนุ่มพร่ำบอกเสมอ ช่วงที่คบหากับญาดา ครอบครัวเขาไม่เคยยินดีเลยแม้แต่น้อยกว่าจะรู้ความจริงทุกอย่างก็สายไปแล้ว ญาดาหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยตามที่เขาต้องการ ภาคินไม่สามารถติดต่อเธอได้ พยายามตามหาทุกวิถีทาง ไม่ว่าจะไปถามกับคนรู้จักหรือไปหาที่บ้าน แต่ก็ไร้วี่แวว จนตอนนั้นเขาเหมือนคนบ้าขาดสติ เรื่องทั้งหมดมันเป็นเพราะเขาหูเบาเชื่อแม่ตัวเองมากเกินไป จึงทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาจบลงแบบนี้...ภาคินได้แต่โทษแม่ของเขาที่ทำให้ทุกอย่างพัง มาบงการความรัก ทำให้เขาต้องไล่ผู้หญิงที่รักมากที่สุดไป โดยที่ไม่รู้ความจริง มันทำให้เขาเสีย
ครืดดด เสียงสั่นของสมาร์ตโฟนพร้อมกับหน้าจอสว่างจากการแจ้งเตือน[ Aiai : พี่คินตื่นหรือยังคะ ][ Aiai : เมื่อคืนกินเลี้ยงสนุกไหมเอ่ย ][ Aiai : ตื่นแล้วอย่าลืมหาอะไรกินนะคะ อ้ายเป็นห่วง ]ญาดานั่งอ่านข้อความบนหน้าจอสมาร์ตโฟนของภาคินเงียบ ๆ เพราะเจ้าของเครื่องกำลังนอนหลับอยู่ โดยไม่มีทีท่าว่าจะตื่นโดยง่ายกินเลี้ยงสนุกไหมเหรอ? สนุกสิ สนุกมากด้วย สนุกจนภาคินไม่มีแรงตื่นเลยแหละเธอเดินไปหยิบสมาร์ตโฟนตัวเองพร้อมกับถือเครื่องของภาคินไปด้วยเพื่อทำอะไรบางอย่าง“ล็อกหน้าจออย่างนั้นเหรอ?”ญาดาลองสุ่มเดารหัสผ่าน รหัสแรกคือวันเดือนปีที่เขาและเธอคบกัน แม้ไม่มั่นใจว่าใช่หรือเปล่าเพราะผ่านมานานมากแล้ว แต่แล้ว...“แค่ครั้งเดียวก็ปลดล็อกได้เลยเหรอ” รอยยิ้มปรากฏที่ใบหน้าของเธออย่างพอใจราวกับว่าเธอคือผู้ชนะหลังจากที่จัดการเรียบร้อยตามที่เธอต้องการแล้ว ญาดาก็เดินกลับไปยังเตียงนอน สายตามองอดีตคนรักที่กำลังนอนหลับสนิท ฝ่ามือเรียวลูบไล้ไปตามใบหน้าเบา ๆ นึกถึงเรื่องเมื่อคืนมุมปากก็ยกยิ้มขึ้นมาทุกอย่างที่เกิดขึ้นเมื่อคืนล้วนเป็นแผนการของเธอเอง ญาดารู้จากเพื่อนของภาคินว่าเขาจะจัดปาร์ตี้ที่นั่น เธอจึงแสร้งทำเ
ภาคินมองตาขวางใส่ผู้ชายที่เสนอตัวจะไปส่งอดีตคนรัก เขายืนมองทั้งสองคนยืนคุยกันมาสักพักแล้ว ท่าทางเขินอายของญาดาที่มีให้กับผู้ชายอื่น มันทำให้เขาไม่สบอารมณ์อย่างมาก แล้วสายตาของเขามันดูออกว่าไอ้คนนั้นมันคิดอะไรอยู่ ผีเห็นผียังไงล่ะเขาดึงแขนญาดาแล้วพาไปที่รถ ท่ามกลางความงุนงงของใครหลายคนที่มองเห็นเหตุการณ์“คินเดี๋ยวก่อนสิ นี่มันเรื่องอะไรกัน ทำไมคินต้องลากดามาแบบนี้ด้วย” ญาดาพยายามแกะมือที่กุมแขนเธอเอาไว้แต่ก็ไม่เป็นผล ชายหนุ่มไม่ยอมปล่อยแขนเธอและบีบแขนแน่นขึ้นเรื่อย ๆภาคินพาญาดาเดินมาจนถึงรถตัวเองและดันตัวเธอเข้าไปภายในรถทันที คนที่ถูกดึงตัวมาไม่ได้ขัดขืนแต่อย่างใด เพราะเธอรู้ว่าขัดขืนไปก็เท่านั้น ญาดาจึงเลือกที่จะนั่งเงียบ ๆ ดีกว่าตอนนี้รถขับออกมาจากไนต์คลับไกลมากแล้ว ก็ยังไร้เสียงพูดของทั้งสองคน แม้แต่เสียงเพลงก็ยังไม่มี ทำให้ภายในรถมีแต่ความเงียบสงัด“ไหนว่ามากับเพื่อน แล้วเพื่อนไปไหนหมดทำไมถึงปล่อยให้ดาอยู่กับไอ้หน้าจืดนั่นตามลำพัง”“...” ญาดาหันหน้ามองข้างทาง ไม่สนใจในสิ่งที่ภาคินถามแม้แต่นิดเดียวเห็นท่าทีแง่งอนของหญิงสาว ภาคินรู้แล้วว่าตอนนั้นเขาใช้อารมณ์มากไป ชายหนุ่มพยายามถ
“ผมว่าคุณแม่ห่วงเรื่องตัวเองก่อนดีกว่าครับ คุณแม่รู้หรือเปล่าว่าคุณพ่อเอาเด็กไปที่บริษัท”“ช่างพ่อแกสิ” คุณหญิงวิไลลักษณ์พูดเหมือนทองไม่รู้ร้อน“แกก็น่าจะรู้นิสัยพ่อแกดีว่าเป็นยังไง ห้ามไปก็เท่านั้น เพราะถ้าห้ามได้คงไม่มีบ้านเล็กบ้านน้อยเยอะขนาดนี้หรอก”คุณหญิงวิไลลักษณ์ไม่ได้สนใจด้วยซ้ำว่าสามีเธอจะไปมีบ้านเล็กบ้านน้อย หรือไปนอนที่ไหน เธอวางตัวเป็นผู้ดีไม่ไปยุ่งเกี่ยวกับสิ่งเหล่านั้นให้เปรอะเปื้อน เพราะอย่างไรแล้วเธอก็คือภรรยาที่ถูกต้องทั้งนิตินัยและพฤตินัย ผู้หญิงคนอื่นก็เป็นเพียงของเล่นของสนุกให้สามีเธอเท่านั้นสิ่งสำคัญที่สุดในตอนนี้คือ เธอต้องหาทางบีบบังคับบุตรชายให้ไปขอหมั้นลลิตาโดยเร็ว เพราะเรื่องนี้มันจะทำให้เธอเชิดหน้าชูตาในสังคมอย่างมาก ที่ได้บุตรสาวตระกูลโชติธานนท์มาเป็นทองแผ่นเดียวกันคืนนี้ภาคินมีนัดรวมตัวกับเพื่อนของเขาที่ไนต์คลับแห่งหนึ่ง เป็นการเลี้ยงต้อนรับกลับมาของเขาหลังจากที่ไม่ได้เจอกันหลายปี[ pk : พี่มาถึงแล้วนะครับ ]ส่งรูปภาพ[ Aiai : ok. ค่ะ เที่ยวกับเพื่อนให้สนุกนะคะ ][ pk : ครับ ฝันดีล่วงหน้านะครับ พี่รักอ้ายนะ ][ Aiai : เช่นกันค่ะพี่คิน อ้ายรักพี่คินเหมือ
คนที่กำลังตั้งใจตัดแต่งดอกไม้ถึงกับชะงัก หันหน้าไปดูก็เห็นว่าเป็นลูกชายของตน เธอรีบวางกรรไกรแล้วเดินเข้าไปหาทันที“ตาคิน มาถึงตั้งแต่เมื่อไหร่ลูก” น้ำเสียงเต็มไปด้วยความคิดถึง“มาถึงเมื่อวานครับ”คุณหญิงวิไลลักษณ์จูงมือภาคินไปยังศาลาเพื่อไถ่ถาม หลังจากที่ไม่ได้เจอหน้ากันหลายปี เนื่องจากภาคินได้ไปศึกษาอยู่ต่างประเทศตามคำขอร้องของเธอ“ใจร้ายกับแม่จังเลยนะ เรียนจบตั้งนานแล้วไม่ยอมกลับมาสักที” คุณหญิงวิไลลักษณ์บ่นกับลูกชายตัวดีของเธอตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ที่ต้องไปเรียนต่อปริญญาตรีที่ต่างประเทศกลางคัน ภาคินก็ไม่ยอมกลับมาไทยอีกเลย และไม่ค่อยติดต่อกลับมาหาเธอ อ้างเหตุผลต่าง ๆ นานา ต้องตั้งใจเรียนอย่างนั้นอย่างนี้ แต่พอเรียนจบปริญญาโทก็หาเหตุผลอยู่ต่อ ว่ารอกลับประเทศไทยพร้อมแฟนสาวที่กำลังคบหาดูใจกันในตอนนั้นก็คือลลิตา“เป็นยังไงบ้างลูก? แล้วหนูอ้ายล่ะ สบายดีไหม?”“สบายดีครับ อ้ายฝากของมาให้คุณแม่ด้วย”ได้ยินอย่างนั้นคุณหญิงวิไลลักษณ์ก็ยิ้มกว้างอย่างดีใจ คิดว่าอีกไม่นานพวกเธอคงมีข่าวดี“เรียนจบแล้วก็แต่งงานได้แล้วสิ แม่ว่าหนูอ้ายก็เป็นตัวเลือกที่ไม่เลวนะ ถึงจะไม่ใช่ตระกูลผู้ลากมากดีอย่างเรา แต่
“ว้าย!” หญิงสาวร้องขึ้นด้วยความตกใจที่จู่ ๆ มีคนเปิดประตูเข้ามาโดยไม่บอกไม่กล่าว เพราะสภาพเธอในตอนนี้ไม่เหมาะที่จะให้คนอื่นเห็น เธอรีบลุกเดินไปแอบด้านหลังชั้นหนังสือทันที“ใครบังอาจเปิดประตูเข้ามาตอนนี้วะ” ธานีสบถออกมาอย่างหัวเสีย ก่อนจะพบว่าคนที่กล้าเข้ามาขัดเวลาความสุข คือลูกชายของเขานั่นเอง“เดี๋ยวนี้ถึงขั้นเอามากินที่บริษัทเลยเหรอครับ?”“นี่คือประโยคแรกที่แกทักฉันอย่างนั้นเหรอ”ภาคินไม่ได้แยแสต่อคำพูดของพ่อตัวเองแม้แต่น้อย เขาเดินเข้าไปนั่งที่โซฟาโดยไม่ได้มีท่าทีตกใจกับการกระทำของพ่อตน ราวกับว่าเรื่องแบบนี้เขาเห็นเป็นประจำ จนมันเป็นเรื่องชินชาสำหรับเขาไปเสียแล้วสายตาเขามองค้อนไปยังหญิงสาวที่ยังยืนหลบอยู่หลังตู้หนังสือ เธอจึงรีบจัดแจงตัวเองให้เรียบร้อยแล้วเดินออกจากห้องไปทันทีตอนนี้ในห้องจึงเพียงแค่สองคนพ่อลูกอยู่ด้วยกันใต้บรรยากาศที่เต็มไปด้วยความอึดอัด“ไปหาแม่แกหรือยัง?” น้ำเสียงดุดันเอ่ยถามด้วยความไม่สบอารมณ์ เพราะถูกขัดจังหวะความสุข“ยังครับ กะว่าจะไปหาคุณแม่ทีหลัง เพราะเป็นทางผ่านไปคอนโดผมพอดี”“กลับมาทั้งที ไม่คิดจะนอนบ้านเลยหรือไง”“ขนาดคุณพ่อยังไม่ค่อยกลับบ้าน ผมจำเป็นต้