หลังจากเลือกซื้อของที่ต้องการเรียบร้อยแล้ว สองสาวพากันไปรับประทานอาหารที่ร้านแห่งหนึ่ง
“ทำไมวันนี้ถึงไม่ชวนแฟนแกมาด้วยยะ”
“พี่คินมีประชุมกับลูกค้าน่ะ”
ภาคินบอกเธอตั้งแต่เมื่อคืนแล้วว่าวันนี้มีประชุมกับลูกค้าคนสำคัญของบริษัทไม่สามารถเลี่ยงได้
ปาลินพยักหน้าอย่างเข้าใจ แล้วถามคำถามต่อ “เออ...ว่าแต่ทำไมแกไม่ไปอยู่คอนโดพี่คินล่ะ”
“ไม่เอาอะ คอนโดพี่คินอยู่คนละฝั่งกับบริษัทเลย ฉันขี้เกียจตื่นเช้า”
“แล้วแกไม่กลัวว่าเขาจะแอบเอาสาวขึ้นห้องเหรอ?” ปาลินเตือนเพื่อนสาว
เธอเคยเรียนมหา’ลัยเดียวกันก่อนที่ภาคินจะย้ายไปเรียนต่างประเทศ ปาลินพอจะได้ยินมาบ้างว่ามีนิสัยเป็นยังไง ตอนที่รู้ข่าวว่าภาคินมาจีบลลิตา เธอก็ได้แค่เตือนเรื่องนิสัยของเขา แต่อย่างว่าแหละ มันเป็นเรื่องของคนสองคน ความรักห้ามกันไม่ได้ ขนาดตัวเธอยังไม่อยากจะรอดเลย
ลลิตาทำใบหน้าครุ่นคิด “ไม่รู้สิ แต่ถ้าเขาทำจริง ๆ ฉันก็จะมีผัวใหม่ทันที ลองดูสิ!” ลลิตาพูดติดตลก
เรื่องภาคินเธอก็ได้ยินจากปาลินมาบ้างว่าเป็นยังไง แต่เธอไม่อยากเอาเรื่องนั้นมาตัดสิน ทุกคนมีอดีตด้วยกันทั้งนั้น อยู่ที่ว่าปัจจุบันจะปรับปรุงตัวหรือเปล่า
การที่เธอกับภาคินแยกกันอยู่คนละที่ นั่นก็เพราะต่างคนอยากมีเวลาส่วนตัวเป็นของตัวเอง และอยากโฟกัสงานที่บริษัท เธอเองก็เช่นกัน
คนเราถ้าซื่อสัตย์กับคนรักต่อให้อยู่คนละที่หรือมีผู้หญิงมาแก้ผ้าอยู่ตรงหน้าก็ไม่สน แต่ถ้าเกิดเหตุการณ์นั้นกับเธอจริง ๆ ลลิตาบอกได้เลยว่าเธอไม่เอาแน่นอน
หลังจากทานอาหารเรียบร้อยแล้ว ทั้งสองคนก็แยกย้ายกัน เพราะปาลินมีธุระที่ต้องไปทำต่อ ลลิตาก็กลับคอนโดตัวเองเพื่อจัดของที่ซื้อมาในวันนี้ ทันทีที่เธอเปิดประตูห้องก็พบว่ามีใครคนหนึ่งรอเธอที่โซฟากลางห้อง
“อ้าว พี่คินมาตั้งแต่ตอนไหนคะ” ลลิตาถามด้วยความสงสัย เพราะภาคินบอกเธอว่าวันนี้อาจมีประชุมถึงเย็น
ทว่าไร้เสียงตอบกลับ ลลิตาจึงค่อย ๆ เดินไปหาคนที่อยู่บนโซฟาก็พบว่าภาคินกำลังนอนหลับอยู่
“สงสัยเหนื่อยจากการทำงานแน่ ๆ เลย” ลลิตาบ่นเบา ๆ
หญิงสาวไม่ได้ปลุกชายหนุ่มให้ตื่นแต่อย่างใด เธอเดินอ้อมไปยังห้องครัวเพื่อเตรียมอาหาร อีกไม่นานก็ใกล้ค่ำแล้ว
ตั้งแต่ไปเรียนที่ต่างประเทศเธอติดทำอาหารกินเอง เพราะอาหารที่นั่นหากซื้อกินรสชาติไม่ค่อยถูกปากเธอเท่าใดนัก เนื่องจากเธอเป็นคนกินอาหารรสจัด สู้ทำกินเองดีกว่าอยากได้รสชาติไหนก็ปรุงแต่งเองได้เลย
ส่วนตัวนับว่าโชคดี ที่เธอนั้นชอบเข้าครัวช่วยแม่ทำอาหารเป็นประจำ การทำอาหารจึงไม่ยากสำหรับเธอ
เสียงตะหลิวกระทบกับกระทะ คล้ายกำลังผัดอะไรบางอย่างอยู่ในครัว บวกกับกลิ่นอาหารหอมฟุ้งกระจายทั่วห้องทำให้คนที่หลับอยู่โซฟาลืมตาขึ้นมา เขาเดินเข้าไปในครัว ก็เห็นว่าแฟนสาวกำลังทำอาหารเย็นอยู่ ภาคินโอบกอดและหอมแก้มคนที่กำลังตั้งใจทำอาหารเพื่อเป็นการให้กำลังใจ
“ทำอะไรครับ กลิ่นหอมเชียว”
“ทำสปาเกตตีของโปรดพี่คินค่ะ” ลลิตาหันมายิ้มให้ภาคินเล็กน้อยก่อนจะหันกลับไปทำอาหารดังเดิม
ภาคินไม่ได้ชอบกินอาหารรสจัดเหมือนเธอ ลลิตาจึงเลือกทำเมนูนี้ให้เขา เพราะยังไงเธอก็เป็นคนกินง่ายอยู่แล้ว
“กว่าอ้ายทำอาหารเสร็จ พี่คินไปอาบน้ำก่อนได้นะคะจะได้สบายตัว”
ภาคินยิ้มรับอย่างเห็นด้วย วันนี้เขาประชุมงานกับลูกค้ารู้สึกเหนื่อยมากจริง ๆ แต่ก่อนจะไปเขาก็ไม่ลืมหอมแก้มแฟนสาวอีกครั้ง
ห้องของลลิตาไม่ต่างอะไรกับห้องของเขา เพราะพวกเขามีเสื้อผ้าและของใช้ที่เป็นของตัวเองทั้งสองที่ ไม่ว่าเขาจะมานอนที่นี่ หรือลลิตาไปนอนที่คอนโดของเขาก็ไม่ใช่ปัญหา แต่ถ้าถามว่าทำไมถึงไม่มาอยู่ด้วยกัน เป็นเพราะพวกเขาตกลงกันตั้งแต่แรกเรื่องพื้นที่ความเป็นส่วนตัวในช่วงที่ยังไม่ได้แต่งงานกัน
ช่วงที่อยู่ต่างประเทศพวกเขาก็ไม่ได้อยู่ด้วยกันอยู่แล้ว จะอยู่ด้วยกันแค่วันหยุดสุดสัปดาห์เท่านั้น ต่างคนต่างมีหน้าที่เป็นของตัวเอง พอกลับมาไทยก็ตกลงอยู่ตามแบบเดิมอย่างที่พวกเขาเคยอยู่ อีกอย่างบริษัทของทั้งคู่ก็ไม่ได้อยู่ใกล้กัน เรื่องการเดินทางในเขตเมืองหลวงนี้อย่าได้พูดถึงเลย รถติดยิ่งกว่าอะไร
หนุ่มสาวสองคนนั่งกอดกันที่โซฟาสายตาจับจ้องไปยังโทรทัศน์จอขนาดใหญ่กำลังแสดงละครเรื่องโปรดที่ลลิตาติดงอมแงม
“อ้ายจะเริ่มงานที่บริษัทตอนไหนเอ่ย?” ภาคินถามคนข้างกาย
“ต้นเดือนหน้าค่ะ ตอนนี้เลขาคุณพ่อก็กำลังฝึกเลขาคนใหม่ให้อ้ายด้วย”
“ที่จริงพี่ว่าอ้ายอยู่ตำแหน่งสูงกว่านั้นก็ได้นะ ยังไงอ้ายก็เป็นลูกเจ้าของบริษัท ใครจะกล้าว่า”
ลลิตาได้ยินอย่างนั้นก็ส่ายหน้าอย่างไม่เห็นด้วย
“ไม่เอาค่ะ อ้ายอยากพัฒนาฝีมือตัวเองไปเรื่อย ๆ อีกอย่างเป็นตำแหน่งนี้มันก็ตรงกับสายที่เรียนมาด้วย อ้ายว่าค่อย ๆ เรียนรู้ไปดีกว่าค่ะ”
อย่างที่ภาคินพูด เธอสามารถเข้ารับตำแหน่งรองประธานเลยก็ได้ แต่ลลิตาคิดว่าความสามารถของเธอยังไม่ถึงขนาดนั้น เพิ่งเรียนจบมาใหม่ ๆ ยังไม่ค่อยมีประสบการณ์เท่าที่ควร เธออยากค่อยเป็นค่อยไปมากกว่า
ชายหนุ่มพยักหน้าแล้วไม่ได้ถามอะไรต่อ เขาเข้าใจในสิ่งที่ลลิตาพูด เพราะเป็นแบบนี้เขาถึงเลือกตามจีบเธอ รู้จักความสามารถของตัวเองและเข้าใจในสิ่งต่าง ๆ เหมือนกับ...
เขาสลัดความคิดในหัวออกไป ตอนนี้สิ่งที่เขาต้องโฟกัสคือผู้หญิงที่นั่งอยู่ข้าง ๆ เขา
“พี่ว่าเราเลิกดูหนังแล้วไปพัฒนาเรื่องของเราต่อดีกว่า”
พูดจบภาคินก็ลุกขึ้นยืนพร้อมกับอุ้มแฟนสาวตัวเองเดินเข้าห้องนอนทันที
“ดะ เดี๋ยวก่อนค่ะพี่คิน หนังกำลังสนุกเลย” ลลิตาพยายามส่งสายตาอ้อนวอนแฟนหนุ่มแต่ก็ไม่เป็นผล
เธอทำได้แค่ส่งสายตาออดอ้อนเท่านั้น เพราะภาคินก็ยังคงอุ้มเธอเข้าไปยังห้องนอนเหมือนเดิม ไม่ได้สนใจสายตาที่เธอมองเลยสักนิด ลลิตาได้แต่มองจอโทรทัศน์ด้วยสายตาละห้อย ละครกำลังสนุก แต่แฟนของเธอไม่ยอมปล่อย ไม่เป็นไรเอาไว้ดูย้อนหลังก็ได้
ถึงเตียงนอนแล้วภาคินค่อย ๆ วางแฟนสาวลงที่นอน ฝ่ามือลูบไล้ไปตามเรือนร่างบอบบางไม่ว่าจะสัมผัสกี่ครั้ง เขาก็ยังหลงใหลในเรือนร่างนี้อยู่เสมอ
“ทำให้พี่หน่อย”
ลลิตาเข้าใจคำนี้เป็นอย่างดี พวกเขาเปลี่ยนท่าทางกัน ภาคินนอนราบไปกับที่นอน มือเรียวลูบตามแผงอกไปจนถึงกางเกงลำลองแล้วค่อย ๆ ถอดกางเกงลำลองออกจากช่วงขา เผยให้เห็นอันเดอร์แวร์ที่อยู่ข้างใน ลลิตาดึงอันเดอร์แวร์นั้นออกไป ทำให้ท่อนเนื้ออยู่ข้างในผงาดออกมา ลิ้นเรียวระรัวไปที่ส่วนปลายก่อนจะดูดกินอย่างเอร็ดอร่อยราวกับเป็นไอศกรีมแท่งโปรด จนภาคินถึงกับคำรามในลำคอ“อ๊า...” และเด้งสะโพกกระแทกสวนกับจังหวะปากของแฟนสาว ปลดปล่อยของเหลวออกมาลลิตาถึงกับสำลักน้ำขาวขุ่นที่ภาคินปล่อยออกมาใส่ปากเธอ ก่อนจะรีบลุกไปหยิบเอากระดาษทิชชูมาเช็ดปากพร้อมกับคายน้ำคาวที่อยู่ในปากทิ้งให้หมด“อ้ายโอเคไหม”ลลิตาส่ายหน้าพร้อมกับยิ้มเล็กน้อย “ไม่เป็นไรค่ะ”เธอยอมรับว่ายังไม่ชินจริง ๆ เวลาที่ภาคินปลดปล่อยใส่ปากเธอแบบนี้ชายหนุ่มดึงแฟนตัวเองมากอด “ช่วงนี้พี่ค่อนข้างเหนื่อยจากงาน ขอโทษนะ” น้ำเสียงที่พูดขึ้นอย่างเหนื่อยล้าพร้อมกับท่อนเนื้อที่กำลังหดลงหลังจากที่ได้ถูกปลดปล่อยแล้ว“ไม่เป็นไรค่ะ อ้ายเข้าใจ” พักหลังมานี้เธอกับแฟนแทบไม่ค่อยได้ร่วมกิจกรรมบนเตียงด้วยกันเหมือนอย่างเดิม แต่ลลิตาก็ไม่ได้น้อยใจแฟนเธอแต่อย่างใด เพราะเข้าใจ
“พอ พอค่ะพี่ไนต์ ลินไม่อยากรู้แล้ว” ปาลินพูดดักเขาทันที เธอไม่อยากได้ยินหรือเอ่ยชื่อผู้ชายคนนั้น“เอ่ออ้าย คนนี้คือพี่ไนต์” ปาลินชวนเปลี่ยนเรื่องคุย“สวัสดีค่ะ” ลลิตาก้มหัวให้เขาเล็กน้อย “เอ๊ะ! คุณใช่คนที่ฉันเดินชนวันนั้นหรือเปล่าคะ” เพราะตอนที่ปาลินชี้ให้ดู เธอไม่ได้มองให้แน่ชัดว่าหน้าตาเป็นยังไง และช่วงที่เขาคุยกัน เธอมัวแต่นั่งดูบรรยากาศด้านนอกจึงไม่ได้สังเกตใบหน้าของเขา แต่พอได้เห็นหน้าเขาแล้ว ลลิตาจึงจำได้ทันที“ครับ เราเจอกันอีกแล้วนะครับ” พศวัฒน์ตอบกลับ ตอนสบตากับลลิตาดวงตาเขาเหมือนมีประกายแวบผ่านบทสนทนาระหว่างลลิตากับพศวัฒน์ทำเอาปาลินถึงกับคิ้วขมวดเข้าหากันอย่างงุนงง“เดี๋ยวก่อนนะ เธอไปเจอพี่ไนต์ตอนไหน?”“วันที่ฉันชวนเธอไปซื้อของไง แล้วฉันเผลอเดินไปชนพี่เขาน่ะ” พูดถึงเรื่องวันนั้น เธอก้มหัวให้เขาอีกครั้งเพื่อเป็นการขอโทษพศวัฒน์ยื่นแก้วน้ำสีหวานให้ปาลิน บนขอบแก้วมีดอกอัญชันประดับอย่างสวยงาม พร้อมกับถามหญิงสาว“เพื่อนน้องลินเหรอครับ”“ใช่ค่ะเพื่อนลินเอง เพิ่งกลับมาจากต่างประเทศ” ปาลินแนะนำเพื่อนตัวเองให้ชายหนุ่มฟัง“อ้ายค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ”“สวัสดีครับน้องอ้าย ผมไนต์ครั
วันต่อมาตอนนี้ลลิตากำลังขับรถกลับบ้านตัวเองด้วยความรู้สึกอับอาย หลังจากตื่นนอนเมื่อช่วงบ่าย ลลิตาได้ดูคลิปวิดีโอที่ปาลินอัดไว้เมื่อคืน ได้เห็นการกระทำของตัวเองแล้ว เธอคิดว่าคงไม่มีหน้าไปที่นั่นอีก และไม่กล้าเจอหน้าพศวัฒน์ด้วย ไม่รู้ว่าเขาจะมองเธอยังไงบ้าง แค่คิดเธอก็อยากร้องไห้แล้วปกติลลิตาจะแวะมานอนที่บ้านเดือนละครั้ง ก่อนหน้านั้นเธอจะมาทุกอาทิตย์ ทว่าคุณหญิงโสภิตนั้นไม่ค่อยอยากให้ลูกสาวของเธอขับรถไปมาบ่อยนัก มันอันตรายที่ผู้หญิงขับรถไปไหนมาไหนคนเดียว อีกอย่างเธออยากให้ลลิตามีช่วงเวลาชีวิตของตัวเองมากกว่า แต่บุตรสาวของเธอกลับดื้อรั้นเหลือเกิน ไม่รู้ว่าดื้อรั้นเหมือนใคร“มาแล้วเหรอยัยตัวแสบ” คุณหญิงโสภิตกล่าวทักทายพร้อมกับอ้าแขนสวมกอดบุตรสาวด้วยความคิดถึง“คิดถึงคุณแม่ที่สุดเลยค่ะ”พูดจบใบหน้างามหอมไปที่แก้มของแม่ตัวเองฟอดใหญ่ ทำเอาคุณหญิงโสภิตหัวเราะชอบใจกับลูกอ้อนแบบนี้“เป็นยังไงบ้าง งานที่บริษัทเหนื่อยไหม?” น้ำเสียงเอ่ยถามอย่างห่วงใย“นิดหน่อยค่ะคุณแม่ แต่ก็สนุกดีค่ะ” หญิงสาวตอบกลับด้วยรอยยิ้มพิมพ์ใจ“เฮ้อ...สงสัยแม่ต้องไปกำชับพ่อของหนูหน่อย ที่ใช้งานลูกหนักขนาดนี้”คุณหญิงโสภิต
“ไอ้ดีมันก็ดี แต่ลุงชอบแบบหนูอ้ายมากกว่า เฮ้อ...เสียดายที่พ่อหนูบอกว่าหนูอ้ายมีแฟนแล้ว ไม่อย่างนั้นลุงยกขันหมากมาสู่ขอหนูอ้ายเป็นลูกสะใภ้แน่นอน” คุณวิภพพูดขึ้นด้วยความเสียดายเขาอุตส่าห์หมายมั่นไว้ตั้งนาน อยากได้ลลิตามาเป็นลูกสะใภ้ กลับถูกคนอื่นแย่งชิงเสียอย่างนั้น แต่ได้ข่าวมาว่าทางนั้นยังไม่ได้มาสู่ขอลลิตาเป็นทางการ แค่คบหาดูใจตามประสาวัยรุ่นทั่วไปเท่านั้น ถ้าอย่างนั้นคนแก่อย่างเขายังพอมีความหวังเล็ก ๆ อยู่บ้างแหละนะหลังจากรับประทานอาหารเย็นเรียบร้อยแล้ว คุณกัมปนาทและคุณวิภพก็พูดคุยกันต่อสักพัก คุณวิภพก็ได้ขอตัวกลับบ้านตัวเอง“ที่คุณลุงพูดอย่าเก็บไปคิดมากเลยนะลูก คุณวิภพเขาเอ็นดูหนูตั้งแต่เด็ก เลยพูดแบบนั้นออกมา”คุณหญิงโสภิตพูดกับบุตรสาวตัวเองพร้อมกับยื่นแก้วนมมาให้ดื่มก่อนนอน“ขอบคุณค่ะ อ้ายไม่ได้คิดอะไรอยู่แล้ว ก็นะ...คุณแม่มีลูกสาวทั้งสวยทั้งน่ารักอย่างอ้าย ใคร ๆ ก็อยากได้ไปเป็นลูกสะใภ้ อิอิ”เห็นใบหน้าทะเล้นของลูกสาวตัวเองแล้ว คุณหญิงโส ภิตอดที่จะเอานิ้วจิ้มไปที่หน้าผากไม่ได้ ทะเล้นจริง ๆ“นี่ถ้าลุงวิภพเขารู้ว่าคนที่เขาอยากได้เป็นลูกสะใภ้ตั้งแต่ยังเด็ก ทะเล้นขนาดนี้ยังจะอ
ก๊อก ก๊อก ก๊อก“เชิญค่ะ” น้ำเสียงหวานตอบรับ“เป็นยังไงบ้าง เหนื่อยไหม?”วันนี้ภาคินพาทีมมาประชุมที่บริษัทของเธอ เขาจึงมาก่อนเวลาเพื่อแวะมาหาลลิตาที่ห้องทำงาน“ไม่เหนื่อยค่ะ แต่ว่ายุ่งมากเลย”เธอตอบกลับโดยไม่ได้เงยหน้ามองคนที่เข้ามาเลยแม้แต่น้อย เพราะงานที่โต๊ะของเธอตอนนี้สูงเป็นกองพะเนิน เธอต้องรีบจัดการเสียก่อน“พี่ซื้อเค้กร้านโปรดอ้ายมาให้ด้วยนะ มากินก่อนไหม”“ขอบคุณนะคะ แต่อ้ายขอเคลียร์งานแป๊บ”ภาคินได้แต่อมยิ้มอย่างเอ็นดูกับท่าทางของแฟนสาว ยามที่ลลิตาตั้งใจทำงานดูเหมือนเป็นผู้ใหญ่เต็มตัว น่ารักจริง ๆระหว่างที่หญิงสาวตั้งใจเคลียร์งานอยู่นั้น ก็มีขนมเค้กยื่นมาใกล้ ๆ ลลิตาอ้าปากกินอย่างไม่ลังเล“ขอบคุณนะคะ” เธอพูดพร้อมกับเคี้ยวกินอย่างเอร็ดอร่อย เวลาเครียดแบบนี้ ได้กินขนมโปรดตัวเอง พอจะทำให้รู้สึกผ่อนคลายได้บ้างที่ลลิตาหัวหมุนแบบนี้เพราะเลขาคนเก่าของเธอนั้นลาออกแบบกะทันหัน ทำให้หาเลขาคนใหม่มาแทนที่ไม่ทัน ตามหลักความเป็นจริงแล้ว หากพนักงานต้องการลาออกต้องแจ้งบริษัทล่วงหน้าหนึ่งเดือน เพื่อให้ทางบริษัทเปิดรับหรือหาคนมาแทนตำแหน่งที่กำลังจะว่าง และสอนงานพนักงานใหม่เพื่อส่งมอบงานให้เรีย
ลลิตาขับรถมาที่คอนโดของภาคิน โดยไม่ลืมซื้อพวกวัตถุดิบเพื่อทำกับข้าวให้คนป่วยทานด้วย ลลิตาเปิดประตูห้องนอน ก็พบคนป่วยนอนซมอยู่บนเตียงคนเดียวอย่างน่าสงสาร“แล้วบอกไม่เป็นอะไรมาก ขนาดเช็ดตัวให้ยังไม่รู้สึกตัวเลย” ลลิตาได้แต่ส่ายหัวให้กับคนปากแข็งหลังจากเช็ดตัวเรียบร้อยแล้ว เธอเดินไปยังโซนครัว เพื่อเตรียมอาหารเย็นให้กับภาคิน ตอนนี้เวลาก็เย็นมากแล้ว หากภาคินตื่นขึ้นมาก็จะได้กินข้าวและกินยาลดไข้ให้เรียบร้อยส่วนทางด้านคนที่นอนป่วยเริ่มรู้สึกตัว เขารับรู้ได้ว่าตอนนี้เบาตัวกว่าเดิมมาก ไม่รู้สึกหนักตัวเหมือนเมื่อคืนแล้ว อีกทั้งตอนนี้ยังได้กลิ่นอาหารจาง ๆ โชยเข้ามาข้างในห้องนอน ภาคินเดินตามกลิ่นอาหาร ก็เห็นว่าลลิตากำลังทำอาหารให้เขาอย่างขะมักเขม้นหมับ!“อุ๊ย!” ลลิตาร้องขึ้นด้วยความตกใจ เพราะเธอถูกกอดจากทางด้านหลังแบบไม่ทันตั้งตัว“ทำอะไรเหรอ กลิ่นหอมโชยเข้าไปข้างในจนพี่ต้องตื่นขึ้นมาดู” ภาคินทำท่าดมกลิ่นอาหารที่หอมฟุ้งไปทั่วห้อง“ทำข้าวต้มไก่ค่ะ เดี๋ยวจะเสร็จแล้ว พี่คินรอกินได้เลยนะคะจะได้กินยา”ลลิตาหันมาหาแฟนตัวเอง เธอเอื้อมมือไปแตะที่หน้าผากของภาคิน เพื่อเช็กดูว่ายังตัวร้อนเหมือนตอนแรกหรือ
“มาแล้วนะคะ สงสัยจะไปเข้าห้องน้ำ คุณอ้ายอยากได้อะไรเหรอคะ เดี๋ยวพี่พิมพ์หาให้เองค่ะ”“ไม่เป็นไรค่ะ อ้ายรบกวนพี่พิมพ์บอกป้าแก้วชงกาแฟให้อ้ายกับคุณคินหน่อยนะคะ”ป้าแก้วที่ลลิตาพูดถึงก็คือแม่บ้านที่ดูแลความสะอาดบริเวณโซนห้องทำงานเธอ“ได้ค่ะคุณอ้าย” พิมพ์ภารับคำสั่งพิมพ์ภายิ้มให้กับนายตัวเอง สายตาของเธอเปี่ยมไปด้วยความชื่นชมกับการไม่ถือตัวเจ้ายศเจ้าอย่าง และยังให้เกียรติคนอื่นเสมอ ทั้งยังทำงานเก่งเกินวัย สมแล้วที่เป็นบุตรสาวของคุณกัมปนาทพิมพ์ภาเดินไปยังห้องบริการพนักงาน ก็เห็นว่ามีป้าแก้วที่เป็นแม่บ้านและหญิงสาวที่ลลิตาถามหาอยู่ด้วยกันพอดี“น้องดา คุณอ้ายมาแล้วนะคะ คุณอ้ายถามหา แล้วก็ป้าแก้วคุณอ้ายฝากมาบอกว่าขอกาแฟด้วยนะ อ้อ! ชงให้คุณคินด้วยนะจ๊ะ” พิมพ์ภาถ่ายทอดคำสั่งที่รับมาจากเจ้านายแก่ทั้งสองคนป้าแก้วลงมือทำตามคำสั่งที่ได้รับมา เธอกำลังจะหยิบแก้วเพื่อชงกาแฟ ทว่าถูกเลขาคนใหม่ของลลิตาห้ามเอาไว้เสียก่อน“ป้าแก้วคะ เดี๋ยวเรื่องชงกาแฟดาทำเองค่ะ ยังไงดาก็ต้องเข้าไปหาคุณอ้ายอยู่แล้ว ป้าแก้วไปทำอย่างอื่นได้เลยค่ะ” ใบหน้าหวานพูดด้วยรอยยิ้มป้าแก้วพยักหน้าให้อย่างเข้าใจ “ขอบใจมากนะหนูดา งั้นป
“ปล่อย” ญาดามองตาภาคินอย่างไม่หวาดหวั่น “ปล่อยแขนดา”เธอพูดด้วยน้ำเสียงแข็ง ทำให้ภาคินต้องยอมปล่อยแต่โดยดี“แล้วทำไมวันนั้นดาถึงหายไปล่ะ ทำไมไม่รอคินตื่นกะ...”“พี่คินรออะไรเหรอคะ?” ภาคินสะดุ้งตัวเล็กน้อยพอหันไปก็เห็นว่าเป็นลลิตายืดกอดอกมองพวกเขาอยู่ ภาคินถึงกับมีสีหน้าถอดสี “อ้าย!”“ขอตัวก่อนนะคะ” เลขาสาวหอบเอกสารและเดินออกไป เพราะหน้าที่ของเธอสำเร็จแล้ว...ตอนนี้ที่ห้องประชุมจึงมีเพียงลลิตาและภาคินเท่านั้น เธอเอียงคอมองภาคินด้วยความสงสัย ว่าทำไมถึงไม่ยอมตามเธอไปที่ห้องทำงานสักที ทั้ง ๆ ที่ประชุมเสร็จไปสักพักแล้ว“พี่คินยังไม่ตอบคำถามอ้ายเลยนะคะ” เธอมองตาภาคินอย่างไม่กะพริบตา“เอ่อ...พี่” ภาคินถึงกับอ้ำอึ้งเมื่อเจอสายตาที่เหมือนจะกัดกินเขาหากตอบคำถามผิดจริงอยู่ที่ลลิตาเป็นผู้หญิงไม่จู้จี้จุกจิก ไม่งี่เง่าเหมือนคนทั่วไปหรือแม้แต่วันนั้นของเดือน ลลิตาก็ยังเป็นคนมีเหตุผลเสมอ เธอเป็นคนที่เข้าใจง่ายไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตาม แต่สิ่งที่น่ากลัวคือ เธอเป็นคนหูตาไว ถ้ามีเรื่องปกปิด หรือทำผิด ลลิตาจะน่ากลัวยิ่งกว่าทนายความเสียอีก เธอจะคาดคั้นจนกว่าจะได้รู้ความจริง และนั่นคือสิ่งที่ภาคินกลัว“สรุป
สามเดือนต่อมางานแต่งระหว่างพศวัฒน์กับลลิตาได้ถูกจัดขึ้น ณ ริมชายหาดแห่งหนึ่ง เพราะพวกเขาอยากได้ความเป็นส่วนตัวจึงมีแขกที่ได้รับเชิญมาร่วมงานแต่งครั้งนี้เพียงไม่กี่คนเท่านั้น บรรยากาศโดยรอบตกแต่งไปด้วยสีขาวและมีดอกไม้ประดับต่างจุดต่าง ๆ ทุกคนที่มาร่วมงานต่างพากันตั้งหน้าตั้งตารอเจ้าสาวที่กำลังเดินเข้ามา คนที่ตื่นเต้นสุดเลยคงไม่พ้นเจ้าบ่าวของงานที่ยืนรอเธออยู่แล้วคุณกัมปนาทจูงมือบุตรสาวเดินไปยังทางเดินที่ได้จัดเตรียมไว้ มันเต็มไปด้วยความรู้สึกตื้นตันใจจนเขาน้ำตาคลอ ในที่สุดก็มีวันนี้วันที่ลูกสาวเขาสมหวังกับความรักส่วนคนที่ร้องไห้หนักสุดคงไม่พ้นคุณวิภพ จนทุกคนพากันสงสัยสรุปว่าเขาดีใจหรือเสียใจกันแน่สองพ่อลูกเดินไปจนถึงจุดที่เจ้าบ่าวยืนรอพวกตน มือชายชราที่เหี่ยวย่นตามกาลเวลาจับมือลูกสาวตัวเองส่งให้กับฝ่ามืออีกพศวัฒน์ที่ยื่นรอรับพวกเขาอยู่แล้ว“ถ้าวันหนึ่งข้างหน้าลูกสาวพ่อทำอะไรไม่ได้ดั่งใจ หรือมีเรื่องผิดใจต่อกัน ขอร้องว่าอย่าทำร้ายลูกสาวพ่อนะ และถ้าหมดรักลูกสาวพ่อแล้ว อย่าได้ทิ้งขว้าง อย่าปล่อยให้ยัยอ้ายอยู่คนเดียวตามลำพัง ถึงวันนั้นได้โปรด... ได้โปรดส่งลูกสาวคืนให้พ่อนะ” น้ำเสียงคุ
ตกเย็นขณะที่ลลิตากับพศวัฒน์กำลังนั่งดูหนังด้วยกัน เป็นฉากบอกรักอย่างหวานแหววของตัวเอกในละคร เธอฉุกคิดบางอย่างขึ้นมาได้ จึงได้เอ่ยถามคนข้างกาย“พี่ไนต์ชอบอ้ายตั้งแต่ตอนไหนเหรอคะ? แล้วทำไมถึงมาชอบอ้ายคะ?” ใบหน้าเต็มไปด้วยความสงสัย เอาตามจริงตั้งแต่ตอนแรกจนถึงตอนนี้ เธอยังงงอยู่เลยว่าความสัมพันธ์ของเธอกับเขาเริ่มต้นตั้งแต่ตอนไหนถึงได้มาลงเอยด้วยกันแบบนี้พศวัฒน์หันหน้ามามองคนที่กำลังจ้องเขาตาแป๋ว จนเขาอดไม่ไหวที่จะพรมจูบไปยังหน้าผากมนด้านคนที่โดนจูบแบบไม่ทันตั้งตัวถึงกับใบหน้าแดงด้วยความเขินอาย พศวัฒน์สามารถอ่านกินเธอได้ตลอดเวลาจริง ๆชายหนุ่มโอบกอดตัวเธอ และเอ่ยด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล “พี่ชอบอ้ายตั้งแต่ที่เจอกันครั้งแรกแล้ว”“ตอนไหนคะ? อย่าบอกนะว่าตั้งแต่ที่เราเดินชนกัน” คิ้วงามขมวดเข้าหากันด้วยความสงสัย“ครับ ตั้งแต่วันนั้นเลย”“ไม่เชื่อพี่ไนต์หรอกค่ะ ใครมันจะไปตกหลุมรักแต่แรกเห็น อ้ายไม่เชื่อ” ลลิตากอดอกราวกับเด็กน้อย ชายหนุ่มยิ้มให้เธออย่างเอ็นดู“ถ้าเอาความจริงเลย พี่อยากจูบอ้ายตั้งแต่ตอนนั้นด้วยซ้ำ แต่กลัวอ้ายจะหาว่าพี่เป็นพวกโรคจิต อ้ายไม่รู้หรอกว่าพี่ต้องเก็บอารมณ์ตัวเองขนาดไหน ขนา
เรื่องราวทั้งหมดเกิดขึ้นเป็นความตั้งใจของญาดา ที่เธอกลับมาหาภาคินในครั้งนี้ เพราะเธอตั้งใจดึงภาคินและทุก ๆ คนที่เกี่ยวข้องลงนรกไปด้วยกัน เธอไม่ต้องการให้คนของตระกูลวัชรโยธินมีความสุข ทั้งที่เธอต้องแบกรับความทุกข์ ความเจ็บปวดไว้คนเดียวเธอต้องการแก้แค้นที่ทุกคนพรากลูก พรากความรักไปจากเธอ!ญาดารู้ดีว่าพ่อกับแม่ของภาคินมีตรรกะความคิดป่วยขนาดไหน เธอไม่ต้องการให้ลลิตามาเจอชะตากรรมเดียวกันกับเธอ คนอย่างลลิตาควรไปเจอใครก็ได้ แต่ต้องไม่ใช่ครอบครัวนี้หญิงสาวรู้ว่าภาคินรักเธอขนาดไหน เธอทำทุกวิถีทางเพื่อให้ภาคินรักและหลงเธอคนเดียว จึงได้พยายามดึงภาคินออกมาจากลลิตา เพราะผู้หญิงคนนั้นไม่รู้เรื่องและไม่เกี่ยวอะไรเลยแต่พอนานไปความรักที่ภาคินมอบให้เธอ ความต้องการแก้แค้นมันค่อย ๆ ลดจางหายไปทีละนิด และแปรเปลี่ยนเป็นหึงหวงคนรัก จนหลายต่อหลายครั้งที่เธอเกือบทำร้ายคนที่ไม่รู้เรื่องไปด้วยทุกครั้งที่นอนมองหน้าเขา เรื่องในวันนั้นก็ลอยขึ้นมา ยังไงเธอก็ให้อภัยเขาไม่ลง แม้รักมากขนาดไหน แต่ภาคินคือต้นเหตุที่ทำให้เธอต้องสูญเสียลูกไป แบบตลอดกาล...หลังจากที่ได้ฟังเรื่องราวทั้งหมด ภาพในวันวานผุดขึ้นซ้ำไปซ้ำมา วั
“บางทีฉันก็อยากผ่าสมองพวกแกมาดูว่าทำไมคิดแต่เรื่องใต้สะดือกันนัก หรือเป็นปมของพวกแกกันแน่!”ภาคินได้ยินอย่างนั้นเขาถึงกับขึ้นเสียงใส่มารดา “คุณแม่!”ไม่ต้องบอกก็รู้ว่ามารดาหมายถึงอะไร คำนั้นมันจี้จุดเขาขนาดไหน ลลิตาย้ำคำนั้นกับเขาแล้ว ยังต้องมาเจอผู้ให้กำเนิดย้ำเตือนอีก“พอ! ไม่ต้องพูดอะไร จากนี้พวกแกจะทำอะไรก็ทำ ฉันจะไม่บ้าจี้ตามพวกแกอีกต่อไป แค่นี้หน้าฉันก็แตกยับไม่เหลือชิ้นดีแล้ว!” น้ำเสียงเต็มไปด้วยความเบื่อหน่ายคุณหญิงวิไลลักษณ์เดินขึ้นรถกลับบ้านตัวเองทันที ไม่ได้สนใจภาคินเลยสักนิดว่าจะกลับหรือมีความรู้สึกยังไงภาคินมองดูมารดานั่งรถไปจากเขา ชายหนุ่มเอาเท้าเตะพื้นดินพร้อมกับสบถออกมาอย่างหัวเสีย “โธ่เว้ย-!”วันเวลาผ่านไป...หลังจากเหตุการณ์ในวันนั้นจบลง ทุกอย่างก็เข้าสู่สภาวะปกติ ชีวิตแต่ละคนต่างดำเนินต่อไปเรื่อย ๆ ตามกาลเวลาลลิตามานั่งดื่มกาแฟตรงร้านที่อยู่ด้านล่างของบริษัท ในขณะที่เธอกำลังสูดดมกับกลิ่นกาแฟอยู่นั้น เก้าอี้ด้านหน้าของเธอก็มีคนคนหนึ่งนั่งลง“มีธุระอะไรหรือเปล่าคะ?” เธอเอ่ยถามด้วยใบหน้าเรียบเฉย หญิงสาวไม่คิดจะมองหน้าเขาด้วยซ้ำ เธอยังคงสูดดมรับกลิ่นหอมของกาแฟต่อไป“
ส่วนคนกลางอย่างลลิตาได้แต่ปลงตกที่เห็นพ่อลูกฟาดฟันกันแค่เพราะอยากประมูลให้เธอขณะที่หญิงสาวกำลังพูดปลอบใจพศวัฒน์อยู่นั้น จู่ ๆ ก็มีเสียงพูดแซะขึ้นมาจากโต๊ะข้าง ๆ“ไหนว่ามีเงินพันล้าน? แต่ไม่เห็นประมูลได้สักชิ้น ทั้งที่ของในงานรวมกันทั้งหมดยังไม่ถึงแปดร้อยล้านเลยมั้ง” คุณหญิงวิไลลักษณ์ป้องปากหัวเราะกับบรรดาเพื่อน ๆ เธออย่างสะใจแน่นอนว่าเรื่องที่พศวัฒน์พูดโอ้อวดใส่เธอกับลูกว่ามีเงินเป็นพันล้าน หญิงสูงวัยได้เล่าให้คนในสมาคมฟังหมดแล้วลลิตามองดูสองแม่ลูกและคนอื่น ๆ ที่พากันดูถูกพศวัฒน์ เธอก้มหน้าลงอย่างรู้สึกผิด ไม่ใช่เพราะรู้สึกอับอาย แต่เพราะโกรธตัวเองที่เป็นต้นเหตุทำให้ชายหนุ่มโดนดูถูก หากไม่ใช่เพราะเธอห้ามไม่ให้เขาประมูลแข่งกับบิดา คงไม่เกิดเรื่องแบบนี้พศวัฒน์มองคนข้างกายที่นั่งก้มหน้า เขาเอื้อมไปกุมมือเธอเพื่อเป็นการปลอบโยน “อ้ายไม่ต้องไปสนใจหรอกครับ พี่ไม่เป็นไร” ชายหนุ่มคลี่ยิ้มให้ลลิตาอย่างอ่อนโยน ทว่าในใจเขาคาดโทษบิดาไว้เรียบร้อยขณะที่ทั้งสองกำลังนั่งฟังเสียงของคนที่พูดแซะพวกเธออยู่นั้น พิธีกรบนเวทีก็ได้เอ่ยถามเจ้าของที่ครอบครองเพชรมากที่สุดในค่ำคืนนี้“ทางเราขออนุญาตสอบถามเหต
หลังจากสองแม่ลูกเดินจากไป ลลิตาหันมาพูดกับชายหนุ่มด้วยใบหน้าอมยิ้ม“ร้ายจังเลยนะคะ”“ร้ายตรงไหนครับ พี่ก็แค่พูดความจริง ว่าแต่อ้ายอยากได้ทั้งหมดจริง ๆ เหรอ”“จะบ้าเหรอพี่ไนต์” หญิงสาวทำหน้าดุใส่เขา “เอาแค่ที่ชอบก็พอค่ะ”เธอรู้ว่าพศวัฒน์สามารถซื้อทั้งหมดได้สบาย แต่วันนี้เธอตั้งใจมาดูสักเซตสองเซตก็พอ เพราะมันไม่ใช่สิ่งจำเป็นขนาดนั้น ที่บ้านเธอก็เยอะมากพอแล้ว แล้วไหนจะของหมั้นที่คุณวิภพมอบให้เธออีกตอนนี้ทุกคนล้วนนั่งชมเครื่องเพชรที่เหล่านางแบบใส่ประชันโฉมกัน แต่ละชุดล้วนมีความสวยงามแตกต่างกันไป จนกระทั่งนางแบบใส่เพชรชุดหนึ่งเดินออกมา“ชุดนี้อ้ายว่าสวยดีนะคะ เหมาะกับคุณแม่พอดีเลย” ลลิตาชี้ให้ชายหนุ่มดูชุดเครื่องประดับที่ลลิตาสนใจ เป็นพลอยทับทิมสีแดงล้อมรอบด้วยเพชรเม็ดงามทั้งชุด ทั้งต่างหู สร้อยคอ กำไล หรือแม้แต่แหวน ก็ล้วนเป็นลวดลายเดียวกันทั้งเซตขณะนั้นเองพิธีกรประมูลก็ได้เสนอราคาเพชรชุดนี้ให้กับผู้ที่สนใจ“ราคาชุดนี้เริ่มต้นที่ห้าล้าน...”“สิบล้าน” พศวัฒน์ชูป้ายพร้อมกับบอกราคาประมูลอย่างไม่รีรอ“สิบสองล้าน” เสียงผู้ชายคนหนึ่งดังขึ้นมา เป็นภาคินที่ประมูลแข่งกับเขาพศวัฒน์ชูป้ายพร้อมกั
“ก็ฉันจะประมูลเป็นของขวัญให้ว่าที่ลูกสะใภ้ฉัน แกจะทำไม?” คุณวิภพยังคงพูดด้วยน้ำเสียงยียวนเหมือนเดิมพศวัฒน์ถอนหายใจกับคำพูดที่เอาแต่ใจของบิดา เขาถกเถียงเรื่องนี้กับบิดามาสักพักแล้ว และไม่มีทีท่าว่าชายชราผู้นี้จะยอมตัดใจโดยง่าย“อ้ายเป็นว่าที่ภรรยาผมครับ และจะเป็นแม่ของลูกผมด้วย เพราะฉะนั้นเรื่องนี้ให้เป็นหน้าที่ของผมเถอะครับ” ชายหนุ่มอธิบายเรื่องนี้กับบิดาเป็นรอบที่ร้อยตั้งแต่เจอกันในงานคุณวิภพกอดอกแล้วหันหน้ามองทางอื่น “ไม่รู้แหละ ยังไงฉันก็จะประมูลชุดเพชรเป็นของขวัญให้ว่าที่ลูกสะใภ้ของฉัน” น้ำเสียงเต็มไปด้วยความเอาแต่ใจ ไม่ว่ายังไงเรื่องนี้ก็ไม่ยอมเจ้าตัวดีของเขาเด็ดขาดชายหนุ่มถอนหายใจรอบที่ร้อย ถ้าบิดายืนกรานจะประมูลเพชรแข่งกับเขา ก็คงได้แต่ปล่อยเลยตามเลย ตอนนี้เขาคร้านจะโต้เถียงกับบิดาแล้ว คิดได้อย่างนั้นพศวัฒน์ก็เดินกลับเข้าไปข้างในงานทันที ไม่ได้สนใจชายสูงวัยที่ยืนหันหลังเพราะกำลังแง่งอนตนแม้แต่น้อยทางด้านลลิตาหญิงสาวจิบเครื่องดื่มที่พนักงานนำมาเสิร์ฟ ข้าง ๆ เธอยังคงมีเสียงนกเสียงกาพูดไม่หยุดหย่อน จนกระทั่ง“ป้าคิดว่าเขาไม่เหมาะสมกับหนูอ้ายเลยนะ ดำกับขาวยังไงก็รวมกันไม่ได้อย
รถลีมูซีนหรูหราสีดำขับมาจอดยังหน้าประตูทางเข้าของงานประมูลเครื่องเพชร โดยมีพนักงานคอยต้อนรับและเปิดประตูให้กับคนที่มาร่วมงานในครั้งนี้ประตูทางด้านหลังคนขับทั้งสองฝั่งถูกเปิดโดยพนักงาน เผยให้เห็นคนที่นั่งอยู่ข้างใน ชายหนุ่มสูงสง่าสูงราวหนึ่งร้อยแปดสิบปลาย ๆ อยู่ในชุดสูทสีดำ ใบหน้าหล่อเหลาเหมือนลูกครึ่ง ดวงตาคมบ่งบอกถึงอำนาจมองไปรอบ ๆ บริเวณสถานที่จัดงาน พร้อมกับเดินไปยังอีกฝั่งฝ่ามือหนายื่นมือรอให้คนข้างในเอื้อมมากุมมือ หญิงสาวผมลอนยาวอยู่ในชุดราตรีเรียบหรูสีดำยาวทำให้ขับผิวขาวกระจ่างยิ่งกว่าเดิม ตามร่างกายไม่ว่าจะเป็นใบหูขาว ช่วงลำคอยาวระหง ข้อมือขาว หรือแม้แต่นิ้วนางข้างขวา ล้วนเต็มไปด้วยการสวมใส่เครื่องเพชรเม็ดงามสีเขียวมรกต เป็นของตกทอดสู่รุ่นต่อรุ่นของตระกูลพัฒน์ธนโกศล ซึ่งเป็นของที่คุณวิภพนำมาเป็นของหมั้นให้กับเธอทั้งสองคนเดินเข้าไปในงานท่ามกลางสายตาหลายต่อหลายคู่ที่จับจ้องมองดูหนุ่มสาวคู่หนึ่งที่เดินควงแขนเข้ามาในงาน สาวสวยในชุดราตรีเรียบหรูพวกเขารู้จักเป็นอย่างดี เธอคือบุตรสาวเพียงคนเดียวของบริษัทส่งออกยักษ์ใหญ่ซีทีเอ็น ลลิตา โชติธานนท์แต่ผู้ชายข้างกายที่เธอควงแขนมาด้วยวันน
“เท่านิ้วก้อยไม่พอ เรื่องบนเตียงยังห่วย บางทีฉันก็แปลกใจนะคะ มีแค่นี้ยังอยากเจ้าชู้ หรือเป็นปม?” ลลิตาพูดจี้จุด พร้อมกับหมุนดูนิ้วก้อยไปมา เธอไม่ได้สนใจใบหน้าภาคินด้วยซ้ำว่ามีสีหน้ายังไง หญิงสาวยังคงพูดต่อ“แล้วถ้าเทียบกับบริกรกระจอก ๆ ที่คุณดูถูกละก็...” คราวนี้หญิงสาวเปลี่ยนมายกแขนตัวเองแล้วลูบไล้ช่วงแขนอย่างเย้ายวน"ถ้าจะเทียบให้เห็นภาพถึงความแตกต่าง คุณคือเสากั้นทางเดิน ส่วนสามีฉันคือเสาหลักกิโล พอจะนึกภาพออกไหมคะ?"ระหว่างที่เธอกำลังยียวนกวนประสาทภาคินอยู่นั้น ก็มีเสียงหัวเราะดังมาจากทางด้านหลัง ลลิตาหันหลังไปดูก็เห็นเป็นชายร่างสูงยืนกอดอกพิงประตูกำลังหัวเราะพวกเธออยู่ลลิตาเห็นอย่างนั้นก็รีบเดินเข้าไปหาพศวัฒน์ทันที ภาคินกำลังจะเดินตามไปทว่าถูก Guard ของคลับมายืนขวางทางเขาไว้เสียก่อน“พี่ไนต์มาแอบดูตั้งแต่เมื่อไหร่คะ?” ท้ายเสียงมีความตื่นตระหนก เพราะเธอเผาขนเรื่องของเขาเยอะพอสมควร“มายืนดูได้สักพักแล้วครับ” ชายร่างสูงโน้มตัวลงใกล้ใบหน้าที่กำลังแดง พร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงทะเล้น “ตั้งแต่ตอนที่อ้ายอวดสรรพคุณพี่ให้เขาฟัง...”พศวัฒน์ยิ้มให้คนกำลังหน้าแดงอย่างเอ็นดู เขาไม่คิดว่าคู่หมั้