“บางทีฉันก็อยากผ่าสมองพวกแกมาดูว่าทำไมคิดแต่เรื่องใต้สะดือกันนัก หรือเป็นปมของพวกแกกันแน่!”ภาคินได้ยินอย่างนั้นเขาถึงกับขึ้นเสียงใส่มารดา “คุณแม่!”ไม่ต้องบอกก็รู้ว่ามารดาหมายถึงอะไร คำนั้นมันจี้จุดเขาขนาดไหน ลลิตาย้ำคำนั้นกับเขาแล้ว ยังต้องมาเจอผู้ให้กำเนิดย้ำเตือนอีก“พอ! ไม่ต้องพูดอะไร จากนี้พวกแกจะทำอะไรก็ทำ ฉันจะไม่บ้าจี้ตามพวกแกอีกต่อไป แค่นี้หน้าฉันก็แตกยับไม่เหลือชิ้นดีแล้ว!” น้ำเสียงเต็มไปด้วยความเบื่อหน่ายคุณหญิงวิไลลักษณ์เดินขึ้นรถกลับบ้านตัวเองทันที ไม่ได้สนใจภาคินเลยสักนิดว่าจะกลับหรือมีความรู้สึกยังไงภาคินมองดูมารดานั่งรถไปจากเขา ชายหนุ่มเอาเท้าเตะพื้นดินพร้อมกับสบถออกมาอย่างหัวเสีย “โธ่เว้ย-!”วันเวลาผ่านไป...หลังจากเหตุการณ์ในวันนั้นจบลง ทุกอย่างก็เข้าสู่สภาวะปกติ ชีวิตแต่ละคนต่างดำเนินต่อไปเรื่อย ๆ ตามกาลเวลาลลิตามานั่งดื่มกาแฟตรงร้านที่อยู่ด้านล่างของบริษัท ในขณะที่เธอกำลังสูดดมกับกลิ่นกาแฟอยู่นั้น เก้าอี้ด้านหน้าของเธอก็มีคนคนหนึ่งนั่งลง“มีธุระอะไรหรือเปล่าคะ?” เธอเอ่ยถามด้วยใบหน้าเรียบเฉย หญิงสาวไม่คิดจะมองหน้าเขาด้วยซ้ำ เธอยังคงสูดดมรับกลิ่นหอมของกาแฟต่อไป“
เรื่องราวทั้งหมดเกิดขึ้นเป็นความตั้งใจของญาดา ที่เธอกลับมาหาภาคินในครั้งนี้ เพราะเธอตั้งใจดึงภาคินและทุก ๆ คนที่เกี่ยวข้องลงนรกไปด้วยกัน เธอไม่ต้องการให้คนของตระกูลวัชรโยธินมีความสุข ทั้งที่เธอต้องแบกรับความทุกข์ ความเจ็บปวดไว้คนเดียวเธอต้องการแก้แค้นที่ทุกคนพรากลูก พรากความรักไปจากเธอ!ญาดารู้ดีว่าพ่อกับแม่ของภาคินมีตรรกะความคิดป่วยขนาดไหน เธอไม่ต้องการให้ลลิตามาเจอชะตากรรมเดียวกันกับเธอ คนอย่างลลิตาควรไปเจอใครก็ได้ แต่ต้องไม่ใช่ครอบครัวนี้หญิงสาวรู้ว่าภาคินรักเธอขนาดไหน เธอทำทุกวิถีทางเพื่อให้ภาคินรักและหลงเธอคนเดียว จึงได้พยายามดึงภาคินออกมาจากลลิตา เพราะผู้หญิงคนนั้นไม่รู้เรื่องและไม่เกี่ยวอะไรเลยแต่พอนานไปความรักที่ภาคินมอบให้เธอ ความต้องการแก้แค้นมันค่อย ๆ ลดจางหายไปทีละนิด และแปรเปลี่ยนเป็นหึงหวงคนรัก จนหลายต่อหลายครั้งที่เธอเกือบทำร้ายคนที่ไม่รู้เรื่องไปด้วยทุกครั้งที่นอนมองหน้าเขา เรื่องในวันนั้นก็ลอยขึ้นมา ยังไงเธอก็ให้อภัยเขาไม่ลง แม้รักมากขนาดไหน แต่ภาคินคือต้นเหตุที่ทำให้เธอต้องสูญเสียลูกไป แบบตลอดกาล...หลังจากที่ได้ฟังเรื่องราวทั้งหมด ภาพในวันวานผุดขึ้นซ้ำไปซ้ำมา วั
ตกเย็นขณะที่ลลิตากับพศวัฒน์กำลังนั่งดูหนังด้วยกัน เป็นฉากบอกรักอย่างหวานแหววของตัวเอกในละคร เธอฉุกคิดบางอย่างขึ้นมาได้ จึงได้เอ่ยถามคนข้างกาย“พี่ไนต์ชอบอ้ายตั้งแต่ตอนไหนเหรอคะ? แล้วทำไมถึงมาชอบอ้ายคะ?” ใบหน้าเต็มไปด้วยความสงสัย เอาตามจริงตั้งแต่ตอนแรกจนถึงตอนนี้ เธอยังงงอยู่เลยว่าความสัมพันธ์ของเธอกับเขาเริ่มต้นตั้งแต่ตอนไหนถึงได้มาลงเอยด้วยกันแบบนี้พศวัฒน์หันหน้ามามองคนที่กำลังจ้องเขาตาแป๋ว จนเขาอดไม่ไหวที่จะพรมจูบไปยังหน้าผากมนด้านคนที่โดนจูบแบบไม่ทันตั้งตัวถึงกับใบหน้าแดงด้วยความเขินอาย พศวัฒน์สามารถอ่านกินเธอได้ตลอดเวลาจริง ๆชายหนุ่มโอบกอดตัวเธอ และเอ่ยด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล “พี่ชอบอ้ายตั้งแต่ที่เจอกันครั้งแรกแล้ว”“ตอนไหนคะ? อย่าบอกนะว่าตั้งแต่ที่เราเดินชนกัน” คิ้วงามขมวดเข้าหากันด้วยความสงสัย“ครับ ตั้งแต่วันนั้นเลย”“ไม่เชื่อพี่ไนต์หรอกค่ะ ใครมันจะไปตกหลุมรักแต่แรกเห็น อ้ายไม่เชื่อ” ลลิตากอดอกราวกับเด็กน้อย ชายหนุ่มยิ้มให้เธออย่างเอ็นดู“ถ้าเอาความจริงเลย พี่อยากจูบอ้ายตั้งแต่ตอนนั้นด้วยซ้ำ แต่กลัวอ้ายจะหาว่าพี่เป็นพวกโรคจิต อ้ายไม่รู้หรอกว่าพี่ต้องเก็บอารมณ์ตัวเองขนาดไหน ขนา
สามเดือนต่อมางานแต่งระหว่างพศวัฒน์กับลลิตาได้ถูกจัดขึ้น ณ ริมชายหาดแห่งหนึ่ง เพราะพวกเขาอยากได้ความเป็นส่วนตัวจึงมีแขกที่ได้รับเชิญมาร่วมงานแต่งครั้งนี้เพียงไม่กี่คนเท่านั้น บรรยากาศโดยรอบตกแต่งไปด้วยสีขาวและมีดอกไม้ประดับต่างจุดต่าง ๆ ทุกคนที่มาร่วมงานต่างพากันตั้งหน้าตั้งตารอเจ้าสาวที่กำลังเดินเข้ามา คนที่ตื่นเต้นสุดเลยคงไม่พ้นเจ้าบ่าวของงานที่ยืนรอเธออยู่แล้วคุณกัมปนาทจูงมือบุตรสาวเดินไปยังทางเดินที่ได้จัดเตรียมไว้ มันเต็มไปด้วยความรู้สึกตื้นตันใจจนเขาน้ำตาคลอ ในที่สุดก็มีวันนี้วันที่ลูกสาวเขาสมหวังกับความรักส่วนคนที่ร้องไห้หนักสุดคงไม่พ้นคุณวิภพ จนทุกคนพากันสงสัยสรุปว่าเขาดีใจหรือเสียใจกันแน่สองพ่อลูกเดินไปจนถึงจุดที่เจ้าบ่าวยืนรอพวกตน มือชายชราที่เหี่ยวย่นตามกาลเวลาจับมือลูกสาวตัวเองส่งให้กับฝ่ามืออีกพศวัฒน์ที่ยื่นรอรับพวกเขาอยู่แล้ว“ถ้าวันหนึ่งข้างหน้าลูกสาวพ่อทำอะไรไม่ได้ดั่งใจ หรือมีเรื่องผิดใจต่อกัน ขอร้องว่าอย่าทำร้ายลูกสาวพ่อนะ และถ้าหมดรักลูกสาวพ่อแล้ว อย่าได้ทิ้งขว้าง อย่าปล่อยให้ยัยอ้ายอยู่คนเดียวตามลำพัง ถึงวันนั้นได้โปรด... ได้โปรดส่งลูกสาวคืนให้พ่อนะ” น้ำเสียงคุ
ณ คอนโดใจกลางกรุงเทพฯ แห่งหนึ่ง“พี่คินคะ ตื่นได้แล้วค่ะเช้าแล้ว”“พี่ขอนอนต่ออีกครึ่งชั่วโมงได้ไหม” คนถูกปลุกให้ตื่นพูดด้วยน้ำเสียงอู้อี้“ไม่ได้นะ เดี๋ยวพ่อกับแม่อ้ายรอนาน พี่คินลุกขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัวเดี๋ยวนี้เลย”ลลิตาพยายามดึงตัวแฟนหนุ่มที่ซุกอยู่ในผ้าห่มให้ลุกจากเตียงนอนอย่างยากลำบากการที่แฟนหนุ่มจะมีอาการงอแงไม่อยากตื่นก็ไม่ใช่เรื่องแปลก กว่าจะเดินทางมาถึงประเทศไทยนั่งเครื่องบินข้ามวันข้ามคืน แถมมาเจออากาศร้อนของที่นี่ทำให้ปรับตัวแทบไม่ทัน แต่ลลิตาจะมัวโอ้เอ้ไม่ได้ เพราะพ่อกับแม่ต่างใจจดใจจ่อรอลูกสาวกลับบ้านเช่นกัน“คืนนี้อ้ายจะไปปาร์ตี้กับพี่ไหม?”“ไม่เอาดีกว่าค่ะ ขอนอนพักอยู่ที่บ้านดีกว่า อ้ายไม่รู้จักใคร ไปก็ไม่สนุก”เธอไม่ได้รู้จักกลุ่มเพื่อนภาคินเลยแม้แต่คนเดียว เธอเพิ่งเจอภาคินตอนไปเรียนที่ต่างประเทศ ฉะนั้นเธอจึงเลือกนอนพักอยู่บ้านดีกว่า“โอเคครับ” ภาคินลูบหัวคนข้างกายอย่างเอ็นดูทั้งคู่ขับรถมาแถบชานเมือง เพราะพ่อกับแม่ของลลิตาไม่ชอบบรรยากาศรถติดในเมืองกรุง พวกท่านจึงเลือกมาสร้างบ้านแถบชานเมืองแทน เพื่อหลีกหนีปัญหาเหล่านั้นรถยนต์คันหรูขับเข้ามาในคฤหาสน์หลังหนึ่ง ภายในเต็
ทางด้านคนที่ถูกเอ็ดถึงกับถอนหายใจ เขาก็ยังไม่คิดให้บุตรสาวไปดูแลงานที่บริษัทตอนนี้เช่นกัน แค่พูดแหย่เล่นเท่านั้นเอง“เอาละ ๆ มัวแต่คุยเล่นกันอยู่นี่ตาคินไปบริษัทช้าพอดี” เจ้าบ้านอย่างเขาต้องเปลี่ยนเรื่องคุย ไม่อย่างนั้นเขาคงโดนบ่นจนหูชาอย่างแน่นอน“ไฟแรงแบบนี้คงพร้อมรับช่วงต่อจากพ่อตัวเองแล้วใช่ไหมล่ะเรา” คุณกัมปนาทหันมาพูดกับชายหนุ่ม ใบหน้าเขายิ้มเล็กน้อย“ครับ” ภาคินพยักหน้ารับพร้อมกับรอยยิ้ม“อย่างนั้นลุงก็สบายใจ บริษัทพวกเราจะได้เติบโตขึ้นเรื่อย ๆ เพราะได้ผู้บริหารคนใหม่ไฟแรงมาบริหารงาน” คุณกัมปนาทตบไหล่เบา ๆ เสมือนเป็นการให้กำลังใจจากเขาภาคินพยักหน้าอีกครั้ง เขาพอรู้สิ่งที่คุณพ่อของลลิตาต้องการสื่อว่ากำลังคาดหวังให้เขาบริหารบริษัทให้ดีขึ้นจากเดิม“ถ้าอย่างนั้นผมขอตัวก่อนนะครับ” ภาคินยกมือไหว้ลาผู้ใหญ่ทั้งสองโดยไม่ลืมส่งยิ้มให้ลลิตา ที่ยืนมองเขาด้วยแววตาละห้อย“พี่ไปก่อนนะ เดี๋ยวเสร็จแล้วพี่จะโทรหานะครับ”“ขับรถดี ๆ นะคะพี่คิน อ้ายฝากสวัสดีคุณลุงคุณป้าด้วยนะคะ”เมื่อร่ำลากันเรียบร้อยแล้ว ทุกคนก็พากันเข้าไปรับประทานอาหารร่วมกันแบบพร้อมหน้าในรอบหลายปี บรรยากาศวันนี้จึงเต็มไปด้วยควา
“ว้าย!” หญิงสาวร้องขึ้นด้วยความตกใจที่จู่ ๆ มีคนเปิดประตูเข้ามาโดยไม่บอกไม่กล่าว เพราะสภาพเธอในตอนนี้ไม่เหมาะที่จะให้คนอื่นเห็น เธอรีบลุกเดินไปแอบด้านหลังชั้นหนังสือทันที“ใครบังอาจเปิดประตูเข้ามาตอนนี้วะ” ธานีสบถออกมาอย่างหัวเสีย ก่อนจะพบว่าคนที่กล้าเข้ามาขัดเวลาความสุข คือลูกชายของเขานั่นเอง“เดี๋ยวนี้ถึงขั้นเอามากินที่บริษัทเลยเหรอครับ?”“นี่คือประโยคแรกที่แกทักฉันอย่างนั้นเหรอ”ภาคินไม่ได้แยแสต่อคำพูดของพ่อตัวเองแม้แต่น้อย เขาเดินเข้าไปนั่งที่โซฟาโดยไม่ได้มีท่าทีตกใจกับการกระทำของพ่อตน ราวกับว่าเรื่องแบบนี้เขาเห็นเป็นประจำ จนมันเป็นเรื่องชินชาสำหรับเขาไปเสียแล้วสายตาเขามองค้อนไปยังหญิงสาวที่ยังยืนหลบอยู่หลังตู้หนังสือ เธอจึงรีบจัดแจงตัวเองให้เรียบร้อยแล้วเดินออกจากห้องไปทันทีตอนนี้ในห้องจึงเพียงแค่สองคนพ่อลูกอยู่ด้วยกันใต้บรรยากาศที่เต็มไปด้วยความอึดอัด“ไปหาแม่แกหรือยัง?” น้ำเสียงดุดันเอ่ยถามด้วยความไม่สบอารมณ์ เพราะถูกขัดจังหวะความสุข“ยังครับ กะว่าจะไปหาคุณแม่ทีหลัง เพราะเป็นทางผ่านไปคอนโดผมพอดี”“กลับมาทั้งที ไม่คิดจะนอนบ้านเลยหรือไง”“ขนาดคุณพ่อยังไม่ค่อยกลับบ้าน ผมจำเป็นต้
คนที่กำลังตั้งใจตัดแต่งดอกไม้ถึงกับชะงัก หันหน้าไปดูก็เห็นว่าเป็นลูกชายของตน เธอรีบวางกรรไกรแล้วเดินเข้าไปหาทันที“ตาคิน มาถึงตั้งแต่เมื่อไหร่ลูก” น้ำเสียงเต็มไปด้วยความคิดถึง“มาถึงเมื่อวานครับ”คุณหญิงวิไลลักษณ์จูงมือภาคินไปยังศาลาเพื่อไถ่ถาม หลังจากที่ไม่ได้เจอหน้ากันหลายปี เนื่องจากภาคินได้ไปศึกษาอยู่ต่างประเทศตามคำขอร้องของเธอ“ใจร้ายกับแม่จังเลยนะ เรียนจบตั้งนานแล้วไม่ยอมกลับมาสักที” คุณหญิงวิไลลักษณ์บ่นกับลูกชายตัวดีของเธอตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ที่ต้องไปเรียนต่อปริญญาตรีที่ต่างประเทศกลางคัน ภาคินก็ไม่ยอมกลับมาไทยอีกเลย และไม่ค่อยติดต่อกลับมาหาเธอ อ้างเหตุผลต่าง ๆ นานา ต้องตั้งใจเรียนอย่างนั้นอย่างนี้ แต่พอเรียนจบปริญญาโทก็หาเหตุผลอยู่ต่อ ว่ารอกลับประเทศไทยพร้อมแฟนสาวที่กำลังคบหาดูใจกันในตอนนั้นก็คือลลิตา“เป็นยังไงบ้างลูก? แล้วหนูอ้ายล่ะ สบายดีไหม?”“สบายดีครับ อ้ายฝากของมาให้คุณแม่ด้วย”ได้ยินอย่างนั้นคุณหญิงวิไลลักษณ์ก็ยิ้มกว้างอย่างดีใจ คิดว่าอีกไม่นานพวกเธอคงมีข่าวดี“เรียนจบแล้วก็แต่งงานได้แล้วสิ แม่ว่าหนูอ้ายก็เป็นตัวเลือกที่ไม่เลวนะ ถึงจะไม่ใช่ตระกูลผู้ลากมากดีอย่างเรา แต่
สามเดือนต่อมางานแต่งระหว่างพศวัฒน์กับลลิตาได้ถูกจัดขึ้น ณ ริมชายหาดแห่งหนึ่ง เพราะพวกเขาอยากได้ความเป็นส่วนตัวจึงมีแขกที่ได้รับเชิญมาร่วมงานแต่งครั้งนี้เพียงไม่กี่คนเท่านั้น บรรยากาศโดยรอบตกแต่งไปด้วยสีขาวและมีดอกไม้ประดับต่างจุดต่าง ๆ ทุกคนที่มาร่วมงานต่างพากันตั้งหน้าตั้งตารอเจ้าสาวที่กำลังเดินเข้ามา คนที่ตื่นเต้นสุดเลยคงไม่พ้นเจ้าบ่าวของงานที่ยืนรอเธออยู่แล้วคุณกัมปนาทจูงมือบุตรสาวเดินไปยังทางเดินที่ได้จัดเตรียมไว้ มันเต็มไปด้วยความรู้สึกตื้นตันใจจนเขาน้ำตาคลอ ในที่สุดก็มีวันนี้วันที่ลูกสาวเขาสมหวังกับความรักส่วนคนที่ร้องไห้หนักสุดคงไม่พ้นคุณวิภพ จนทุกคนพากันสงสัยสรุปว่าเขาดีใจหรือเสียใจกันแน่สองพ่อลูกเดินไปจนถึงจุดที่เจ้าบ่าวยืนรอพวกตน มือชายชราที่เหี่ยวย่นตามกาลเวลาจับมือลูกสาวตัวเองส่งให้กับฝ่ามืออีกพศวัฒน์ที่ยื่นรอรับพวกเขาอยู่แล้ว“ถ้าวันหนึ่งข้างหน้าลูกสาวพ่อทำอะไรไม่ได้ดั่งใจ หรือมีเรื่องผิดใจต่อกัน ขอร้องว่าอย่าทำร้ายลูกสาวพ่อนะ และถ้าหมดรักลูกสาวพ่อแล้ว อย่าได้ทิ้งขว้าง อย่าปล่อยให้ยัยอ้ายอยู่คนเดียวตามลำพัง ถึงวันนั้นได้โปรด... ได้โปรดส่งลูกสาวคืนให้พ่อนะ” น้ำเสียงคุ
ตกเย็นขณะที่ลลิตากับพศวัฒน์กำลังนั่งดูหนังด้วยกัน เป็นฉากบอกรักอย่างหวานแหววของตัวเอกในละคร เธอฉุกคิดบางอย่างขึ้นมาได้ จึงได้เอ่ยถามคนข้างกาย“พี่ไนต์ชอบอ้ายตั้งแต่ตอนไหนเหรอคะ? แล้วทำไมถึงมาชอบอ้ายคะ?” ใบหน้าเต็มไปด้วยความสงสัย เอาตามจริงตั้งแต่ตอนแรกจนถึงตอนนี้ เธอยังงงอยู่เลยว่าความสัมพันธ์ของเธอกับเขาเริ่มต้นตั้งแต่ตอนไหนถึงได้มาลงเอยด้วยกันแบบนี้พศวัฒน์หันหน้ามามองคนที่กำลังจ้องเขาตาแป๋ว จนเขาอดไม่ไหวที่จะพรมจูบไปยังหน้าผากมนด้านคนที่โดนจูบแบบไม่ทันตั้งตัวถึงกับใบหน้าแดงด้วยความเขินอาย พศวัฒน์สามารถอ่านกินเธอได้ตลอดเวลาจริง ๆชายหนุ่มโอบกอดตัวเธอ และเอ่ยด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล “พี่ชอบอ้ายตั้งแต่ที่เจอกันครั้งแรกแล้ว”“ตอนไหนคะ? อย่าบอกนะว่าตั้งแต่ที่เราเดินชนกัน” คิ้วงามขมวดเข้าหากันด้วยความสงสัย“ครับ ตั้งแต่วันนั้นเลย”“ไม่เชื่อพี่ไนต์หรอกค่ะ ใครมันจะไปตกหลุมรักแต่แรกเห็น อ้ายไม่เชื่อ” ลลิตากอดอกราวกับเด็กน้อย ชายหนุ่มยิ้มให้เธออย่างเอ็นดู“ถ้าเอาความจริงเลย พี่อยากจูบอ้ายตั้งแต่ตอนนั้นด้วยซ้ำ แต่กลัวอ้ายจะหาว่าพี่เป็นพวกโรคจิต อ้ายไม่รู้หรอกว่าพี่ต้องเก็บอารมณ์ตัวเองขนาดไหน ขนา
เรื่องราวทั้งหมดเกิดขึ้นเป็นความตั้งใจของญาดา ที่เธอกลับมาหาภาคินในครั้งนี้ เพราะเธอตั้งใจดึงภาคินและทุก ๆ คนที่เกี่ยวข้องลงนรกไปด้วยกัน เธอไม่ต้องการให้คนของตระกูลวัชรโยธินมีความสุข ทั้งที่เธอต้องแบกรับความทุกข์ ความเจ็บปวดไว้คนเดียวเธอต้องการแก้แค้นที่ทุกคนพรากลูก พรากความรักไปจากเธอ!ญาดารู้ดีว่าพ่อกับแม่ของภาคินมีตรรกะความคิดป่วยขนาดไหน เธอไม่ต้องการให้ลลิตามาเจอชะตากรรมเดียวกันกับเธอ คนอย่างลลิตาควรไปเจอใครก็ได้ แต่ต้องไม่ใช่ครอบครัวนี้หญิงสาวรู้ว่าภาคินรักเธอขนาดไหน เธอทำทุกวิถีทางเพื่อให้ภาคินรักและหลงเธอคนเดียว จึงได้พยายามดึงภาคินออกมาจากลลิตา เพราะผู้หญิงคนนั้นไม่รู้เรื่องและไม่เกี่ยวอะไรเลยแต่พอนานไปความรักที่ภาคินมอบให้เธอ ความต้องการแก้แค้นมันค่อย ๆ ลดจางหายไปทีละนิด และแปรเปลี่ยนเป็นหึงหวงคนรัก จนหลายต่อหลายครั้งที่เธอเกือบทำร้ายคนที่ไม่รู้เรื่องไปด้วยทุกครั้งที่นอนมองหน้าเขา เรื่องในวันนั้นก็ลอยขึ้นมา ยังไงเธอก็ให้อภัยเขาไม่ลง แม้รักมากขนาดไหน แต่ภาคินคือต้นเหตุที่ทำให้เธอต้องสูญเสียลูกไป แบบตลอดกาล...หลังจากที่ได้ฟังเรื่องราวทั้งหมด ภาพในวันวานผุดขึ้นซ้ำไปซ้ำมา วั
“บางทีฉันก็อยากผ่าสมองพวกแกมาดูว่าทำไมคิดแต่เรื่องใต้สะดือกันนัก หรือเป็นปมของพวกแกกันแน่!”ภาคินได้ยินอย่างนั้นเขาถึงกับขึ้นเสียงใส่มารดา “คุณแม่!”ไม่ต้องบอกก็รู้ว่ามารดาหมายถึงอะไร คำนั้นมันจี้จุดเขาขนาดไหน ลลิตาย้ำคำนั้นกับเขาแล้ว ยังต้องมาเจอผู้ให้กำเนิดย้ำเตือนอีก“พอ! ไม่ต้องพูดอะไร จากนี้พวกแกจะทำอะไรก็ทำ ฉันจะไม่บ้าจี้ตามพวกแกอีกต่อไป แค่นี้หน้าฉันก็แตกยับไม่เหลือชิ้นดีแล้ว!” น้ำเสียงเต็มไปด้วยความเบื่อหน่ายคุณหญิงวิไลลักษณ์เดินขึ้นรถกลับบ้านตัวเองทันที ไม่ได้สนใจภาคินเลยสักนิดว่าจะกลับหรือมีความรู้สึกยังไงภาคินมองดูมารดานั่งรถไปจากเขา ชายหนุ่มเอาเท้าเตะพื้นดินพร้อมกับสบถออกมาอย่างหัวเสีย “โธ่เว้ย-!”วันเวลาผ่านไป...หลังจากเหตุการณ์ในวันนั้นจบลง ทุกอย่างก็เข้าสู่สภาวะปกติ ชีวิตแต่ละคนต่างดำเนินต่อไปเรื่อย ๆ ตามกาลเวลาลลิตามานั่งดื่มกาแฟตรงร้านที่อยู่ด้านล่างของบริษัท ในขณะที่เธอกำลังสูดดมกับกลิ่นกาแฟอยู่นั้น เก้าอี้ด้านหน้าของเธอก็มีคนคนหนึ่งนั่งลง“มีธุระอะไรหรือเปล่าคะ?” เธอเอ่ยถามด้วยใบหน้าเรียบเฉย หญิงสาวไม่คิดจะมองหน้าเขาด้วยซ้ำ เธอยังคงสูดดมรับกลิ่นหอมของกาแฟต่อไป“
ส่วนคนกลางอย่างลลิตาได้แต่ปลงตกที่เห็นพ่อลูกฟาดฟันกันแค่เพราะอยากประมูลให้เธอขณะที่หญิงสาวกำลังพูดปลอบใจพศวัฒน์อยู่นั้น จู่ ๆ ก็มีเสียงพูดแซะขึ้นมาจากโต๊ะข้าง ๆ“ไหนว่ามีเงินพันล้าน? แต่ไม่เห็นประมูลได้สักชิ้น ทั้งที่ของในงานรวมกันทั้งหมดยังไม่ถึงแปดร้อยล้านเลยมั้ง” คุณหญิงวิไลลักษณ์ป้องปากหัวเราะกับบรรดาเพื่อน ๆ เธออย่างสะใจแน่นอนว่าเรื่องที่พศวัฒน์พูดโอ้อวดใส่เธอกับลูกว่ามีเงินเป็นพันล้าน หญิงสูงวัยได้เล่าให้คนในสมาคมฟังหมดแล้วลลิตามองดูสองแม่ลูกและคนอื่น ๆ ที่พากันดูถูกพศวัฒน์ เธอก้มหน้าลงอย่างรู้สึกผิด ไม่ใช่เพราะรู้สึกอับอาย แต่เพราะโกรธตัวเองที่เป็นต้นเหตุทำให้ชายหนุ่มโดนดูถูก หากไม่ใช่เพราะเธอห้ามไม่ให้เขาประมูลแข่งกับบิดา คงไม่เกิดเรื่องแบบนี้พศวัฒน์มองคนข้างกายที่นั่งก้มหน้า เขาเอื้อมไปกุมมือเธอเพื่อเป็นการปลอบโยน “อ้ายไม่ต้องไปสนใจหรอกครับ พี่ไม่เป็นไร” ชายหนุ่มคลี่ยิ้มให้ลลิตาอย่างอ่อนโยน ทว่าในใจเขาคาดโทษบิดาไว้เรียบร้อยขณะที่ทั้งสองกำลังนั่งฟังเสียงของคนที่พูดแซะพวกเธออยู่นั้น พิธีกรบนเวทีก็ได้เอ่ยถามเจ้าของที่ครอบครองเพชรมากที่สุดในค่ำคืนนี้“ทางเราขออนุญาตสอบถามเหต
หลังจากสองแม่ลูกเดินจากไป ลลิตาหันมาพูดกับชายหนุ่มด้วยใบหน้าอมยิ้ม“ร้ายจังเลยนะคะ”“ร้ายตรงไหนครับ พี่ก็แค่พูดความจริง ว่าแต่อ้ายอยากได้ทั้งหมดจริง ๆ เหรอ”“จะบ้าเหรอพี่ไนต์” หญิงสาวทำหน้าดุใส่เขา “เอาแค่ที่ชอบก็พอค่ะ”เธอรู้ว่าพศวัฒน์สามารถซื้อทั้งหมดได้สบาย แต่วันนี้เธอตั้งใจมาดูสักเซตสองเซตก็พอ เพราะมันไม่ใช่สิ่งจำเป็นขนาดนั้น ที่บ้านเธอก็เยอะมากพอแล้ว แล้วไหนจะของหมั้นที่คุณวิภพมอบให้เธออีกตอนนี้ทุกคนล้วนนั่งชมเครื่องเพชรที่เหล่านางแบบใส่ประชันโฉมกัน แต่ละชุดล้วนมีความสวยงามแตกต่างกันไป จนกระทั่งนางแบบใส่เพชรชุดหนึ่งเดินออกมา“ชุดนี้อ้ายว่าสวยดีนะคะ เหมาะกับคุณแม่พอดีเลย” ลลิตาชี้ให้ชายหนุ่มดูชุดเครื่องประดับที่ลลิตาสนใจ เป็นพลอยทับทิมสีแดงล้อมรอบด้วยเพชรเม็ดงามทั้งชุด ทั้งต่างหู สร้อยคอ กำไล หรือแม้แต่แหวน ก็ล้วนเป็นลวดลายเดียวกันทั้งเซตขณะนั้นเองพิธีกรประมูลก็ได้เสนอราคาเพชรชุดนี้ให้กับผู้ที่สนใจ“ราคาชุดนี้เริ่มต้นที่ห้าล้าน...”“สิบล้าน” พศวัฒน์ชูป้ายพร้อมกับบอกราคาประมูลอย่างไม่รีรอ“สิบสองล้าน” เสียงผู้ชายคนหนึ่งดังขึ้นมา เป็นภาคินที่ประมูลแข่งกับเขาพศวัฒน์ชูป้ายพร้อมกั
“ก็ฉันจะประมูลเป็นของขวัญให้ว่าที่ลูกสะใภ้ฉัน แกจะทำไม?” คุณวิภพยังคงพูดด้วยน้ำเสียงยียวนเหมือนเดิมพศวัฒน์ถอนหายใจกับคำพูดที่เอาแต่ใจของบิดา เขาถกเถียงเรื่องนี้กับบิดามาสักพักแล้ว และไม่มีทีท่าว่าชายชราผู้นี้จะยอมตัดใจโดยง่าย“อ้ายเป็นว่าที่ภรรยาผมครับ และจะเป็นแม่ของลูกผมด้วย เพราะฉะนั้นเรื่องนี้ให้เป็นหน้าที่ของผมเถอะครับ” ชายหนุ่มอธิบายเรื่องนี้กับบิดาเป็นรอบที่ร้อยตั้งแต่เจอกันในงานคุณวิภพกอดอกแล้วหันหน้ามองทางอื่น “ไม่รู้แหละ ยังไงฉันก็จะประมูลชุดเพชรเป็นของขวัญให้ว่าที่ลูกสะใภ้ของฉัน” น้ำเสียงเต็มไปด้วยความเอาแต่ใจ ไม่ว่ายังไงเรื่องนี้ก็ไม่ยอมเจ้าตัวดีของเขาเด็ดขาดชายหนุ่มถอนหายใจรอบที่ร้อย ถ้าบิดายืนกรานจะประมูลเพชรแข่งกับเขา ก็คงได้แต่ปล่อยเลยตามเลย ตอนนี้เขาคร้านจะโต้เถียงกับบิดาแล้ว คิดได้อย่างนั้นพศวัฒน์ก็เดินกลับเข้าไปข้างในงานทันที ไม่ได้สนใจชายสูงวัยที่ยืนหันหลังเพราะกำลังแง่งอนตนแม้แต่น้อยทางด้านลลิตาหญิงสาวจิบเครื่องดื่มที่พนักงานนำมาเสิร์ฟ ข้าง ๆ เธอยังคงมีเสียงนกเสียงกาพูดไม่หยุดหย่อน จนกระทั่ง“ป้าคิดว่าเขาไม่เหมาะสมกับหนูอ้ายเลยนะ ดำกับขาวยังไงก็รวมกันไม่ได้อย
รถลีมูซีนหรูหราสีดำขับมาจอดยังหน้าประตูทางเข้าของงานประมูลเครื่องเพชร โดยมีพนักงานคอยต้อนรับและเปิดประตูให้กับคนที่มาร่วมงานในครั้งนี้ประตูทางด้านหลังคนขับทั้งสองฝั่งถูกเปิดโดยพนักงาน เผยให้เห็นคนที่นั่งอยู่ข้างใน ชายหนุ่มสูงสง่าสูงราวหนึ่งร้อยแปดสิบปลาย ๆ อยู่ในชุดสูทสีดำ ใบหน้าหล่อเหลาเหมือนลูกครึ่ง ดวงตาคมบ่งบอกถึงอำนาจมองไปรอบ ๆ บริเวณสถานที่จัดงาน พร้อมกับเดินไปยังอีกฝั่งฝ่ามือหนายื่นมือรอให้คนข้างในเอื้อมมากุมมือ หญิงสาวผมลอนยาวอยู่ในชุดราตรีเรียบหรูสีดำยาวทำให้ขับผิวขาวกระจ่างยิ่งกว่าเดิม ตามร่างกายไม่ว่าจะเป็นใบหูขาว ช่วงลำคอยาวระหง ข้อมือขาว หรือแม้แต่นิ้วนางข้างขวา ล้วนเต็มไปด้วยการสวมใส่เครื่องเพชรเม็ดงามสีเขียวมรกต เป็นของตกทอดสู่รุ่นต่อรุ่นของตระกูลพัฒน์ธนโกศล ซึ่งเป็นของที่คุณวิภพนำมาเป็นของหมั้นให้กับเธอทั้งสองคนเดินเข้าไปในงานท่ามกลางสายตาหลายต่อหลายคู่ที่จับจ้องมองดูหนุ่มสาวคู่หนึ่งที่เดินควงแขนเข้ามาในงาน สาวสวยในชุดราตรีเรียบหรูพวกเขารู้จักเป็นอย่างดี เธอคือบุตรสาวเพียงคนเดียวของบริษัทส่งออกยักษ์ใหญ่ซีทีเอ็น ลลิตา โชติธานนท์แต่ผู้ชายข้างกายที่เธอควงแขนมาด้วยวันน
“เท่านิ้วก้อยไม่พอ เรื่องบนเตียงยังห่วย บางทีฉันก็แปลกใจนะคะ มีแค่นี้ยังอยากเจ้าชู้ หรือเป็นปม?” ลลิตาพูดจี้จุด พร้อมกับหมุนดูนิ้วก้อยไปมา เธอไม่ได้สนใจใบหน้าภาคินด้วยซ้ำว่ามีสีหน้ายังไง หญิงสาวยังคงพูดต่อ“แล้วถ้าเทียบกับบริกรกระจอก ๆ ที่คุณดูถูกละก็...” คราวนี้หญิงสาวเปลี่ยนมายกแขนตัวเองแล้วลูบไล้ช่วงแขนอย่างเย้ายวน"ถ้าจะเทียบให้เห็นภาพถึงความแตกต่าง คุณคือเสากั้นทางเดิน ส่วนสามีฉันคือเสาหลักกิโล พอจะนึกภาพออกไหมคะ?"ระหว่างที่เธอกำลังยียวนกวนประสาทภาคินอยู่นั้น ก็มีเสียงหัวเราะดังมาจากทางด้านหลัง ลลิตาหันหลังไปดูก็เห็นเป็นชายร่างสูงยืนกอดอกพิงประตูกำลังหัวเราะพวกเธออยู่ลลิตาเห็นอย่างนั้นก็รีบเดินเข้าไปหาพศวัฒน์ทันที ภาคินกำลังจะเดินตามไปทว่าถูก Guard ของคลับมายืนขวางทางเขาไว้เสียก่อน“พี่ไนต์มาแอบดูตั้งแต่เมื่อไหร่คะ?” ท้ายเสียงมีความตื่นตระหนก เพราะเธอเผาขนเรื่องของเขาเยอะพอสมควร“มายืนดูได้สักพักแล้วครับ” ชายร่างสูงโน้มตัวลงใกล้ใบหน้าที่กำลังแดง พร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงทะเล้น “ตั้งแต่ตอนที่อ้ายอวดสรรพคุณพี่ให้เขาฟัง...”พศวัฒน์ยิ้มให้คนกำลังหน้าแดงอย่างเอ็นดู เขาไม่คิดว่าคู่หมั้