ทางด้านคนที่ถูกเอ็ดถึงกับถอนหายใจ เขาก็ยังไม่คิดให้บุตรสาวไปดูแลงานที่บริษัทตอนนี้เช่นกัน แค่พูดแหย่เล่นเท่านั้นเอง
“เอาละ ๆ มัวแต่คุยเล่นกันอยู่นี่ตาคินไปบริษัทช้าพอดี” เจ้าบ้านอย่างเขาต้องเปลี่ยนเรื่องคุย ไม่อย่างนั้นเขาคงโดนบ่นจนหูชาอย่างแน่นอน
“ไฟแรงแบบนี้คงพร้อมรับช่วงต่อจากพ่อตัวเองแล้วใช่ไหมล่ะเรา” คุณกัมปนาทหันมาพูดกับชายหนุ่ม ใบหน้าเขายิ้มเล็กน้อย
“ครับ” ภาคินพยักหน้ารับพร้อมกับรอยยิ้ม
“อย่างนั้นลุงก็สบายใจ บริษัทพวกเราจะได้เติบโตขึ้นเรื่อย ๆ เพราะได้ผู้บริหารคนใหม่ไฟแรงมาบริหารงาน” คุณกัมปนาทตบไหล่เบา ๆ เสมือนเป็นการให้กำลังใจจากเขา
ภาคินพยักหน้าอีกครั้ง เขาพอรู้สิ่งที่คุณพ่อของลลิตาต้องการสื่อว่ากำลังคาดหวังให้เขาบริหารบริษัทให้ดีขึ้นจากเดิม
“ถ้าอย่างนั้นผมขอตัวก่อนนะครับ” ภาคินยกมือไหว้ลาผู้ใหญ่ทั้งสองโดยไม่ลืมส่งยิ้มให้ลลิตา ที่ยืนมองเขาด้วยแววตาละห้อย
“พี่ไปก่อนนะ เดี๋ยวเสร็จแล้วพี่จะโทรหานะครับ”
“ขับรถดี ๆ นะคะพี่คิน อ้ายฝากสวัสดีคุณลุงคุณป้าด้วยนะคะ”
เมื่อร่ำลากันเรียบร้อยแล้ว ทุกคนก็พากันเข้าไปรับประทานอาหารร่วมกันแบบพร้อมหน้าในรอบหลายปี บรรยากาศวันนี้จึงเต็มไปด้วยความอบอุ่น
หลังจากรับประทานอาหารเรียบร้อยแล้ว ทั้งสามคนก็แยกย้ายไปทำธุระของตัวเอง คุณกัมปนาทต้องไปอ่านรายงานบริษัทที่เลขาสรุปมาให้ ส่วนลลิตาก็มานั่งดูโทรทัศน์กับคุณหญิงโสภิตที่ห้องนั่งเล่น
“เดินทางมาเหนื่อย ๆ ไม่นอนพักหน่อยเหรอลูก”
“ไม่เอาค่ะ อ้ายอยากอยู่กับคุณแม่มากกว่า”
คุณหญิงโสภิตยิ้มให้กับคำพูดลูกสาวตัวเอง เรื่องขี้อ้อนนี้ไม่มีใครเทียมเท่าจริง ๆ
“แล้วได้คุยกับตาคินบ้างไหมว่าจะมาขอหมั้นลูกตอนไหน?”
“พี่คินขอให้ทุกอย่างเข้าที่เข้าทางก่อน เขาอยากพิสูจน์ตัวเองว่าสามารถดูแลอ้ายได้”
เธอกับภาคินเพิ่งคบกันได้ไม่กี่ปี จึงยังไม่อยากคิดเรื่องแต่งงาน เพราะทั้งเธอและเขายังมีอะไรให้ทำอีกหลายอย่าง หากตกลงใช้ชีวิตคู่ร่วมกันแล้ว ก็ต้องโฟกัสเรื่องครอบครัวเป็นหลัก ดังนั้นพวกเขาจึงขอใช้เวลาศึกษาดูใจกันก่อนเพราะยังไม่อยากมีความสัมพันธ์ผูกมัดในตอนนี้
เรื่องลลิตากับภาคินคบหาดูใจทั้งสองครอบครัวรับรู้มาโดยตลอด เธอไม่ใช่พวกปิดบังพ่อแม่ตัวเองอยู่แล้ว
โชคดีที่พ่อกับแม่เธอไม่ใช่คนหัวโบราณ ที่จะห้ามลูกให้อยู่ในกรอบหรือไข่ในหิน ขอแค่คนที่เข้ามานั้นรักและดูแลลูกสาวเพียงคนเดียวของพวกเขาได้ แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว
ทางด้านภาคิน
หลังจากที่ออกมาจากบ้านลลิตาแล้วเขาก็ขับรถตรงไปยังบริษัทตัวเองทันที เพราะมีบางอย่างที่ต้องไปจัดการ
“สวัสดีค่ะคุณภาคิน” เลขาที่อยู่หน้าห้องกล่าวสวัสดีลูกชายของเจ้านาย
“คุณพ่ออยู่ไหม?”
“เอ่อ...คือ คือว่า” ใบหน้าเธอมีความอึดอัดเล็กน้อย
เห็นท่าทางอ้ำอึ้งของเลขา ภาคินก็พอเดาได้ว่าข้างในนั้นกำลังทำอะไรกันอยู่ เขาไม่รอให้คนในห้องออกมาและถือวิสาสะเปิดประตูเข้าไปทันที
เป็นอย่างที่ภาคินคิดเอาไว้ ภายในห้องปรากฏร่างเปลือยกายของสองคนที่กำลังเข้าด้ายเข้าเข็มกันอยู่ หญิงสาวหน้าตาอายุราวนักศึกษากับชายที่อายุหกสิบต้น ๆ คือบิดาของเขา ธานี วัชรโยธิน ผู้กุมอำนาจบริษัทวัชรโยธินในตอนนี้
“ว้าย!” หญิงสาวร้องขึ้นด้วยความตกใจที่จู่ ๆ มีคนเปิดประตูเข้ามาโดยไม่บอกไม่กล่าว เพราะสภาพเธอในตอนนี้ไม่เหมาะที่จะให้คนอื่นเห็น เธอรีบลุกเดินไปแอบด้านหลังชั้นหนังสือทันที“ใครบังอาจเปิดประตูเข้ามาตอนนี้วะ” ธานีสบถออกมาอย่างหัวเสีย ก่อนจะพบว่าคนที่กล้าเข้ามาขัดเวลาความสุข คือลูกชายของเขานั่นเอง“เดี๋ยวนี้ถึงขั้นเอามากินที่บริษัทเลยเหรอครับ?”“นี่คือประโยคแรกที่แกทักฉันอย่างนั้นเหรอ”ภาคินไม่ได้แยแสต่อคำพูดของพ่อตัวเองแม้แต่น้อย เขาเดินเข้าไปนั่งที่โซฟาโดยไม่ได้มีท่าทีตกใจกับการกระทำของพ่อตน ราวกับว่าเรื่องแบบนี้เขาเห็นเป็นประจำ จนมันเป็นเรื่องชินชาสำหรับเขาไปเสียแล้วสายตาเขามองค้อนไปยังหญิงสาวที่ยังยืนหลบอยู่หลังตู้หนังสือ เธอจึงรีบจัดแจงตัวเองให้เรียบร้อยแล้วเดินออกจากห้องไปทันทีตอนนี้ในห้องจึงเพียงแค่สองคนพ่อลูกอยู่ด้วยกันใต้บรรยากาศที่เต็มไปด้วยความอึดอัด“ไปหาแม่แกหรือยัง?” น้ำเสียงดุดันเอ่ยถามด้วยความไม่สบอารมณ์ เพราะถูกขัดจังหวะความสุข“ยังครับ กะว่าจะไปหาคุณแม่ทีหลัง เพราะเป็นทางผ่านไปคอนโดผมพอดี”“กลับมาทั้งที ไม่คิดจะนอนบ้านเลยหรือไง”“ขนาดคุณพ่อยังไม่ค่อยกลับบ้าน ผมจำเป็นต้
คนที่กำลังตั้งใจตัดแต่งดอกไม้ถึงกับชะงัก หันหน้าไปดูก็เห็นว่าเป็นลูกชายของตน เธอรีบวางกรรไกรแล้วเดินเข้าไปหาทันที“ตาคิน มาถึงตั้งแต่เมื่อไหร่ลูก” น้ำเสียงเต็มไปด้วยความคิดถึง“มาถึงเมื่อวานครับ”คุณหญิงวิไลลักษณ์จูงมือภาคินไปยังศาลาเพื่อไถ่ถาม หลังจากที่ไม่ได้เจอหน้ากันหลายปี เนื่องจากภาคินได้ไปศึกษาอยู่ต่างประเทศตามคำขอร้องของเธอ“ใจร้ายกับแม่จังเลยนะ เรียนจบตั้งนานแล้วไม่ยอมกลับมาสักที” คุณหญิงวิไลลักษณ์บ่นกับลูกชายตัวดีของเธอตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ที่ต้องไปเรียนต่อปริญญาตรีที่ต่างประเทศกลางคัน ภาคินก็ไม่ยอมกลับมาไทยอีกเลย และไม่ค่อยติดต่อกลับมาหาเธอ อ้างเหตุผลต่าง ๆ นานา ต้องตั้งใจเรียนอย่างนั้นอย่างนี้ แต่พอเรียนจบปริญญาโทก็หาเหตุผลอยู่ต่อ ว่ารอกลับประเทศไทยพร้อมแฟนสาวที่กำลังคบหาดูใจกันในตอนนั้นก็คือลลิตา“เป็นยังไงบ้างลูก? แล้วหนูอ้ายล่ะ สบายดีไหม?”“สบายดีครับ อ้ายฝากของมาให้คุณแม่ด้วย”ได้ยินอย่างนั้นคุณหญิงวิไลลักษณ์ก็ยิ้มกว้างอย่างดีใจ คิดว่าอีกไม่นานพวกเธอคงมีข่าวดี“เรียนจบแล้วก็แต่งงานได้แล้วสิ แม่ว่าหนูอ้ายก็เป็นตัวเลือกที่ไม่เลวนะ ถึงจะไม่ใช่ตระกูลผู้ลากมากดีอย่างเรา แต่
“ผมว่าคุณแม่ห่วงเรื่องตัวเองก่อนดีกว่าครับ คุณแม่รู้หรือเปล่าว่าคุณพ่อเอาเด็กไปที่บริษัท”“ช่างพ่อแกสิ” คุณหญิงวิไลลักษณ์พูดเหมือนทองไม่รู้ร้อน“แกก็น่าจะรู้นิสัยพ่อแกดีว่าเป็นยังไง ห้ามไปก็เท่านั้น เพราะถ้าห้ามได้คงไม่มีบ้านเล็กบ้านน้อยเยอะขนาดนี้หรอก”คุณหญิงวิไลลักษณ์ไม่ได้สนใจด้วยซ้ำว่าสามีเธอจะไปมีบ้านเล็กบ้านน้อย หรือไปนอนที่ไหน เธอวางตัวเป็นผู้ดีไม่ไปยุ่งเกี่ยวกับสิ่งเหล่านั้นให้เปรอะเปื้อน เพราะอย่างไรแล้วเธอก็คือภรรยาที่ถูกต้องทั้งนิตินัยและพฤตินัย ผู้หญิงคนอื่นก็เป็นเพียงของเล่นของสนุกให้สามีเธอเท่านั้นสิ่งสำคัญที่สุดในตอนนี้คือ เธอต้องหาทางบีบบังคับบุตรชายให้ไปขอหมั้นลลิตาโดยเร็ว เพราะเรื่องนี้มันจะทำให้เธอเชิดหน้าชูตาในสังคมอย่างมาก ที่ได้บุตรสาวตระกูลโชติธานนท์มาเป็นทองแผ่นเดียวกันคืนนี้ภาคินมีนัดรวมตัวกับเพื่อนของเขาที่ไนต์คลับแห่งหนึ่ง เป็นการเลี้ยงต้อนรับกลับมาของเขาหลังจากที่ไม่ได้เจอกันหลายปี[ pk : พี่มาถึงแล้วนะครับ ]ส่งรูปภาพ[ Aiai : ok. ค่ะ เที่ยวกับเพื่อนให้สนุกนะคะ ][ pk : ครับ ฝันดีล่วงหน้านะครับ พี่รักอ้ายนะ ][ Aiai : เช่นกันค่ะพี่คิน อ้ายรักพี่คินเหมือ
ภาคินมองตาขวางใส่ผู้ชายที่เสนอตัวจะไปส่งอดีตคนรัก เขายืนมองทั้งสองคนยืนคุยกันมาสักพักแล้ว ท่าทางเขินอายของญาดาที่มีให้กับผู้ชายอื่น มันทำให้เขาไม่สบอารมณ์อย่างมาก แล้วสายตาของเขามันดูออกว่าไอ้คนนั้นมันคิดอะไรอยู่ ผีเห็นผียังไงล่ะเขาดึงแขนญาดาแล้วพาไปที่รถ ท่ามกลางความงุนงงของใครหลายคนที่มองเห็นเหตุการณ์“คินเดี๋ยวก่อนสิ นี่มันเรื่องอะไรกัน ทำไมคินต้องลากดามาแบบนี้ด้วย” ญาดาพยายามแกะมือที่กุมแขนเธอเอาไว้แต่ก็ไม่เป็นผล ชายหนุ่มไม่ยอมปล่อยแขนเธอและบีบแขนแน่นขึ้นเรื่อย ๆภาคินพาญาดาเดินมาจนถึงรถตัวเองและดันตัวเธอเข้าไปภายในรถทันที คนที่ถูกดึงตัวมาไม่ได้ขัดขืนแต่อย่างใด เพราะเธอรู้ว่าขัดขืนไปก็เท่านั้น ญาดาจึงเลือกที่จะนั่งเงียบ ๆ ดีกว่าตอนนี้รถขับออกมาจากไนต์คลับไกลมากแล้ว ก็ยังไร้เสียงพูดของทั้งสองคน แม้แต่เสียงเพลงก็ยังไม่มี ทำให้ภายในรถมีแต่ความเงียบสงัด“ไหนว่ามากับเพื่อน แล้วเพื่อนไปไหนหมดทำไมถึงปล่อยให้ดาอยู่กับไอ้หน้าจืดนั่นตามลำพัง”“...” ญาดาหันหน้ามองข้างทาง ไม่สนใจในสิ่งที่ภาคินถามแม้แต่นิดเดียวเห็นท่าทีแง่งอนของหญิงสาว ภาคินรู้แล้วว่าตอนนั้นเขาใช้อารมณ์มากไป ชายหนุ่มพยายามถ
ครืดดด เสียงสั่นของสมาร์ตโฟนพร้อมกับหน้าจอสว่างจากการแจ้งเตือน[ Aiai : พี่คินตื่นหรือยังคะ ][ Aiai : เมื่อคืนกินเลี้ยงสนุกไหมเอ่ย ][ Aiai : ตื่นแล้วอย่าลืมหาอะไรกินนะคะ อ้ายเป็นห่วง ]ญาดานั่งอ่านข้อความบนหน้าจอสมาร์ตโฟนของภาคินเงียบ ๆ เพราะเจ้าของเครื่องกำลังนอนหลับอยู่ โดยไม่มีทีท่าว่าจะตื่นโดยง่ายกินเลี้ยงสนุกไหมเหรอ? สนุกสิ สนุกมากด้วย สนุกจนภาคินไม่มีแรงตื่นเลยแหละเธอเดินไปหยิบสมาร์ตโฟนตัวเองพร้อมกับถือเครื่องของภาคินไปด้วยเพื่อทำอะไรบางอย่าง“ล็อกหน้าจออย่างนั้นเหรอ?”ญาดาลองสุ่มเดารหัสผ่าน รหัสแรกคือวันเดือนปีที่เขาและเธอคบกัน แม้ไม่มั่นใจว่าใช่หรือเปล่าเพราะผ่านมานานมากแล้ว แต่แล้ว...“แค่ครั้งเดียวก็ปลดล็อกได้เลยเหรอ” รอยยิ้มปรากฏที่ใบหน้าของเธออย่างพอใจราวกับว่าเธอคือผู้ชนะหลังจากที่จัดการเรียบร้อยตามที่เธอต้องการแล้ว ญาดาก็เดินกลับไปยังเตียงนอน สายตามองอดีตคนรักที่กำลังนอนหลับสนิท ฝ่ามือเรียวลูบไล้ไปตามใบหน้าเบา ๆ นึกถึงเรื่องเมื่อคืนมุมปากก็ยกยิ้มขึ้นมาทุกอย่างที่เกิดขึ้นเมื่อคืนล้วนเป็นแผนการของเธอเอง ญาดารู้จากเพื่อนของภาคินว่าเขาจะจัดปาร์ตี้ที่นั่น เธอจึงแสร้งทำเ
เรื่องที่เกิดขึ้นในตอนนั้นมันเป็นเพราะเขาหูเบาเชื่อคนง่ายเกินไป จึงเป็นเหตุทำให้เขาและญาดาทะเลาะกัน จนได้เผลอพลั้งปากไล่เธอให้ออกไปจากชีวิตของเขาหลังจากที่ญาดาหายตัวไปตามที่เขาต้องการแล้ว ภาคินก็ได้มารู้ความจริงทีหลัง ว่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นเป็นฝีมือแม่ของเขาเอง มันทำให้เขาคลั่งมากกว่าเดิม ที่แม่มายุ่งวุ่นวายกับความรักของเขา ภาคินรู้ดีว่าแม่ไม่ยินดีกับความรักของพวกเขา จึงได้ทำเรื่องแบบนั้นขึ้นมา‘ผู้หญิงที่ไม่มีหัวนอนปลายเท้าล้วนจะหลอกลูกทั้งนั้น’ คำพูดที่แม่ของชายหนุ่มพร่ำบอกเสมอ ช่วงที่คบหากับญาดา ครอบครัวเขาไม่เคยยินดีเลยแม้แต่น้อยกว่าจะรู้ความจริงทุกอย่างก็สายไปแล้ว ญาดาหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยตามที่เขาต้องการ ภาคินไม่สามารถติดต่อเธอได้ พยายามตามหาทุกวิถีทาง ไม่ว่าจะไปถามกับคนรู้จักหรือไปหาที่บ้าน แต่ก็ไร้วี่แวว จนตอนนั้นเขาเหมือนคนบ้าขาดสติ เรื่องทั้งหมดมันเป็นเพราะเขาหูเบาเชื่อแม่ตัวเองมากเกินไป จึงทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาจบลงแบบนี้...ภาคินได้แต่โทษแม่ของเขาที่ทำให้ทุกอย่างพัง มาบงการความรัก ทำให้เขาต้องไล่ผู้หญิงที่รักมากที่สุดไป โดยที่ไม่รู้ความจริง มันทำให้เขาเสีย
หลังจากเลือกซื้อของที่ต้องการเรียบร้อยแล้ว สองสาวพากันไปรับประทานอาหารที่ร้านแห่งหนึ่ง“ทำไมวันนี้ถึงไม่ชวนแฟนแกมาด้วยยะ”“พี่คินมีประชุมกับลูกค้าน่ะ”ภาคินบอกเธอตั้งแต่เมื่อคืนแล้วว่าวันนี้มีประชุมกับลูกค้าคนสำคัญของบริษัทไม่สามารถเลี่ยงได้ปาลินพยักหน้าอย่างเข้าใจ แล้วถามคำถามต่อ “เออ...ว่าแต่ทำไมแกไม่ไปอยู่คอนโดพี่คินล่ะ”“ไม่เอาอะ คอนโดพี่คินอยู่คนละฝั่งกับบริษัทเลย ฉันขี้เกียจตื่นเช้า”“แล้วแกไม่กลัวว่าเขาจะแอบเอาสาวขึ้นห้องเหรอ?” ปาลินเตือนเพื่อนสาวเธอเคยเรียนมหา’ลัยเดียวกันก่อนที่ภาคินจะย้ายไปเรียนต่างประเทศ ปาลินพอจะได้ยินมาบ้างว่ามีนิสัยเป็นยังไง ตอนที่รู้ข่าวว่าภาคินมาจีบลลิตา เธอก็ได้แค่เตือนเรื่องนิสัยของเขา แต่อย่างว่าแหละ มันเป็นเรื่องของคนสองคน ความรักห้ามกันไม่ได้ ขนาดตัวเธอยังไม่อยากจะรอดเลยลลิตาทำใบหน้าครุ่นคิด “ไม่รู้สิ แต่ถ้าเขาทำจริง ๆ ฉันก็จะมีผัวใหม่ทันที ลองดูสิ!” ลลิตาพูดติดตลกเรื่องภาคินเธอก็ได้ยินจากปาลินมาบ้างว่าเป็นยังไง แต่เธอไม่อยากเอาเรื่องนั้นมาตัดสิน ทุกคนมีอดีตด้วยกันทั้งนั้น อยู่ที่ว่าปัจจุบันจะปรับปรุงตัวหรือเปล่าการที่เธอกับภาคินแยกกันอยู่คนละ
ลลิตาเข้าใจคำนี้เป็นอย่างดี พวกเขาเปลี่ยนท่าทางกัน ภาคินนอนราบไปกับที่นอน มือเรียวลูบตามแผงอกไปจนถึงกางเกงลำลองแล้วค่อย ๆ ถอดกางเกงลำลองออกจากช่วงขา เผยให้เห็นอันเดอร์แวร์ที่อยู่ข้างใน ลลิตาดึงอันเดอร์แวร์นั้นออกไป ทำให้ท่อนเนื้ออยู่ข้างในผงาดออกมา ลิ้นเรียวระรัวไปที่ส่วนปลายก่อนจะดูดกินอย่างเอร็ดอร่อยราวกับเป็นไอศกรีมแท่งโปรด จนภาคินถึงกับคำรามในลำคอ“อ๊า...” และเด้งสะโพกกระแทกสวนกับจังหวะปากของแฟนสาว ปลดปล่อยของเหลวออกมาลลิตาถึงกับสำลักน้ำขาวขุ่นที่ภาคินปล่อยออกมาใส่ปากเธอ ก่อนจะรีบลุกไปหยิบเอากระดาษทิชชูมาเช็ดปากพร้อมกับคายน้ำคาวที่อยู่ในปากทิ้งให้หมด“อ้ายโอเคไหม”ลลิตาส่ายหน้าพร้อมกับยิ้มเล็กน้อย “ไม่เป็นไรค่ะ”เธอยอมรับว่ายังไม่ชินจริง ๆ เวลาที่ภาคินปลดปล่อยใส่ปากเธอแบบนี้ชายหนุ่มดึงแฟนตัวเองมากอด “ช่วงนี้พี่ค่อนข้างเหนื่อยจากงาน ขอโทษนะ” น้ำเสียงที่พูดขึ้นอย่างเหนื่อยล้าพร้อมกับท่อนเนื้อที่กำลังหดลงหลังจากที่ได้ถูกปลดปล่อยแล้ว“ไม่เป็นไรค่ะ อ้ายเข้าใจ” พักหลังมานี้เธอกับแฟนแทบไม่ค่อยได้ร่วมกิจกรรมบนเตียงด้วยกันเหมือนอย่างเดิม แต่ลลิตาก็ไม่ได้น้อยใจแฟนเธอแต่อย่างใด เพราะเข้าใจ
สามเดือนต่อมางานแต่งระหว่างพศวัฒน์กับลลิตาได้ถูกจัดขึ้น ณ ริมชายหาดแห่งหนึ่ง เพราะพวกเขาอยากได้ความเป็นส่วนตัวจึงมีแขกที่ได้รับเชิญมาร่วมงานแต่งครั้งนี้เพียงไม่กี่คนเท่านั้น บรรยากาศโดยรอบตกแต่งไปด้วยสีขาวและมีดอกไม้ประดับต่างจุดต่าง ๆ ทุกคนที่มาร่วมงานต่างพากันตั้งหน้าตั้งตารอเจ้าสาวที่กำลังเดินเข้ามา คนที่ตื่นเต้นสุดเลยคงไม่พ้นเจ้าบ่าวของงานที่ยืนรอเธออยู่แล้วคุณกัมปนาทจูงมือบุตรสาวเดินไปยังทางเดินที่ได้จัดเตรียมไว้ มันเต็มไปด้วยความรู้สึกตื้นตันใจจนเขาน้ำตาคลอ ในที่สุดก็มีวันนี้วันที่ลูกสาวเขาสมหวังกับความรักส่วนคนที่ร้องไห้หนักสุดคงไม่พ้นคุณวิภพ จนทุกคนพากันสงสัยสรุปว่าเขาดีใจหรือเสียใจกันแน่สองพ่อลูกเดินไปจนถึงจุดที่เจ้าบ่าวยืนรอพวกตน มือชายชราที่เหี่ยวย่นตามกาลเวลาจับมือลูกสาวตัวเองส่งให้กับฝ่ามืออีกพศวัฒน์ที่ยื่นรอรับพวกเขาอยู่แล้ว“ถ้าวันหนึ่งข้างหน้าลูกสาวพ่อทำอะไรไม่ได้ดั่งใจ หรือมีเรื่องผิดใจต่อกัน ขอร้องว่าอย่าทำร้ายลูกสาวพ่อนะ และถ้าหมดรักลูกสาวพ่อแล้ว อย่าได้ทิ้งขว้าง อย่าปล่อยให้ยัยอ้ายอยู่คนเดียวตามลำพัง ถึงวันนั้นได้โปรด... ได้โปรดส่งลูกสาวคืนให้พ่อนะ” น้ำเสียงคุ
ตกเย็นขณะที่ลลิตากับพศวัฒน์กำลังนั่งดูหนังด้วยกัน เป็นฉากบอกรักอย่างหวานแหววของตัวเอกในละคร เธอฉุกคิดบางอย่างขึ้นมาได้ จึงได้เอ่ยถามคนข้างกาย“พี่ไนต์ชอบอ้ายตั้งแต่ตอนไหนเหรอคะ? แล้วทำไมถึงมาชอบอ้ายคะ?” ใบหน้าเต็มไปด้วยความสงสัย เอาตามจริงตั้งแต่ตอนแรกจนถึงตอนนี้ เธอยังงงอยู่เลยว่าความสัมพันธ์ของเธอกับเขาเริ่มต้นตั้งแต่ตอนไหนถึงได้มาลงเอยด้วยกันแบบนี้พศวัฒน์หันหน้ามามองคนที่กำลังจ้องเขาตาแป๋ว จนเขาอดไม่ไหวที่จะพรมจูบไปยังหน้าผากมนด้านคนที่โดนจูบแบบไม่ทันตั้งตัวถึงกับใบหน้าแดงด้วยความเขินอาย พศวัฒน์สามารถอ่านกินเธอได้ตลอดเวลาจริง ๆชายหนุ่มโอบกอดตัวเธอ และเอ่ยด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล “พี่ชอบอ้ายตั้งแต่ที่เจอกันครั้งแรกแล้ว”“ตอนไหนคะ? อย่าบอกนะว่าตั้งแต่ที่เราเดินชนกัน” คิ้วงามขมวดเข้าหากันด้วยความสงสัย“ครับ ตั้งแต่วันนั้นเลย”“ไม่เชื่อพี่ไนต์หรอกค่ะ ใครมันจะไปตกหลุมรักแต่แรกเห็น อ้ายไม่เชื่อ” ลลิตากอดอกราวกับเด็กน้อย ชายหนุ่มยิ้มให้เธออย่างเอ็นดู“ถ้าเอาความจริงเลย พี่อยากจูบอ้ายตั้งแต่ตอนนั้นด้วยซ้ำ แต่กลัวอ้ายจะหาว่าพี่เป็นพวกโรคจิต อ้ายไม่รู้หรอกว่าพี่ต้องเก็บอารมณ์ตัวเองขนาดไหน ขนา
เรื่องราวทั้งหมดเกิดขึ้นเป็นความตั้งใจของญาดา ที่เธอกลับมาหาภาคินในครั้งนี้ เพราะเธอตั้งใจดึงภาคินและทุก ๆ คนที่เกี่ยวข้องลงนรกไปด้วยกัน เธอไม่ต้องการให้คนของตระกูลวัชรโยธินมีความสุข ทั้งที่เธอต้องแบกรับความทุกข์ ความเจ็บปวดไว้คนเดียวเธอต้องการแก้แค้นที่ทุกคนพรากลูก พรากความรักไปจากเธอ!ญาดารู้ดีว่าพ่อกับแม่ของภาคินมีตรรกะความคิดป่วยขนาดไหน เธอไม่ต้องการให้ลลิตามาเจอชะตากรรมเดียวกันกับเธอ คนอย่างลลิตาควรไปเจอใครก็ได้ แต่ต้องไม่ใช่ครอบครัวนี้หญิงสาวรู้ว่าภาคินรักเธอขนาดไหน เธอทำทุกวิถีทางเพื่อให้ภาคินรักและหลงเธอคนเดียว จึงได้พยายามดึงภาคินออกมาจากลลิตา เพราะผู้หญิงคนนั้นไม่รู้เรื่องและไม่เกี่ยวอะไรเลยแต่พอนานไปความรักที่ภาคินมอบให้เธอ ความต้องการแก้แค้นมันค่อย ๆ ลดจางหายไปทีละนิด และแปรเปลี่ยนเป็นหึงหวงคนรัก จนหลายต่อหลายครั้งที่เธอเกือบทำร้ายคนที่ไม่รู้เรื่องไปด้วยทุกครั้งที่นอนมองหน้าเขา เรื่องในวันนั้นก็ลอยขึ้นมา ยังไงเธอก็ให้อภัยเขาไม่ลง แม้รักมากขนาดไหน แต่ภาคินคือต้นเหตุที่ทำให้เธอต้องสูญเสียลูกไป แบบตลอดกาล...หลังจากที่ได้ฟังเรื่องราวทั้งหมด ภาพในวันวานผุดขึ้นซ้ำไปซ้ำมา วั
“บางทีฉันก็อยากผ่าสมองพวกแกมาดูว่าทำไมคิดแต่เรื่องใต้สะดือกันนัก หรือเป็นปมของพวกแกกันแน่!”ภาคินได้ยินอย่างนั้นเขาถึงกับขึ้นเสียงใส่มารดา “คุณแม่!”ไม่ต้องบอกก็รู้ว่ามารดาหมายถึงอะไร คำนั้นมันจี้จุดเขาขนาดไหน ลลิตาย้ำคำนั้นกับเขาแล้ว ยังต้องมาเจอผู้ให้กำเนิดย้ำเตือนอีก“พอ! ไม่ต้องพูดอะไร จากนี้พวกแกจะทำอะไรก็ทำ ฉันจะไม่บ้าจี้ตามพวกแกอีกต่อไป แค่นี้หน้าฉันก็แตกยับไม่เหลือชิ้นดีแล้ว!” น้ำเสียงเต็มไปด้วยความเบื่อหน่ายคุณหญิงวิไลลักษณ์เดินขึ้นรถกลับบ้านตัวเองทันที ไม่ได้สนใจภาคินเลยสักนิดว่าจะกลับหรือมีความรู้สึกยังไงภาคินมองดูมารดานั่งรถไปจากเขา ชายหนุ่มเอาเท้าเตะพื้นดินพร้อมกับสบถออกมาอย่างหัวเสีย “โธ่เว้ย-!”วันเวลาผ่านไป...หลังจากเหตุการณ์ในวันนั้นจบลง ทุกอย่างก็เข้าสู่สภาวะปกติ ชีวิตแต่ละคนต่างดำเนินต่อไปเรื่อย ๆ ตามกาลเวลาลลิตามานั่งดื่มกาแฟตรงร้านที่อยู่ด้านล่างของบริษัท ในขณะที่เธอกำลังสูดดมกับกลิ่นกาแฟอยู่นั้น เก้าอี้ด้านหน้าของเธอก็มีคนคนหนึ่งนั่งลง“มีธุระอะไรหรือเปล่าคะ?” เธอเอ่ยถามด้วยใบหน้าเรียบเฉย หญิงสาวไม่คิดจะมองหน้าเขาด้วยซ้ำ เธอยังคงสูดดมรับกลิ่นหอมของกาแฟต่อไป“
ส่วนคนกลางอย่างลลิตาได้แต่ปลงตกที่เห็นพ่อลูกฟาดฟันกันแค่เพราะอยากประมูลให้เธอขณะที่หญิงสาวกำลังพูดปลอบใจพศวัฒน์อยู่นั้น จู่ ๆ ก็มีเสียงพูดแซะขึ้นมาจากโต๊ะข้าง ๆ“ไหนว่ามีเงินพันล้าน? แต่ไม่เห็นประมูลได้สักชิ้น ทั้งที่ของในงานรวมกันทั้งหมดยังไม่ถึงแปดร้อยล้านเลยมั้ง” คุณหญิงวิไลลักษณ์ป้องปากหัวเราะกับบรรดาเพื่อน ๆ เธออย่างสะใจแน่นอนว่าเรื่องที่พศวัฒน์พูดโอ้อวดใส่เธอกับลูกว่ามีเงินเป็นพันล้าน หญิงสูงวัยได้เล่าให้คนในสมาคมฟังหมดแล้วลลิตามองดูสองแม่ลูกและคนอื่น ๆ ที่พากันดูถูกพศวัฒน์ เธอก้มหน้าลงอย่างรู้สึกผิด ไม่ใช่เพราะรู้สึกอับอาย แต่เพราะโกรธตัวเองที่เป็นต้นเหตุทำให้ชายหนุ่มโดนดูถูก หากไม่ใช่เพราะเธอห้ามไม่ให้เขาประมูลแข่งกับบิดา คงไม่เกิดเรื่องแบบนี้พศวัฒน์มองคนข้างกายที่นั่งก้มหน้า เขาเอื้อมไปกุมมือเธอเพื่อเป็นการปลอบโยน “อ้ายไม่ต้องไปสนใจหรอกครับ พี่ไม่เป็นไร” ชายหนุ่มคลี่ยิ้มให้ลลิตาอย่างอ่อนโยน ทว่าในใจเขาคาดโทษบิดาไว้เรียบร้อยขณะที่ทั้งสองกำลังนั่งฟังเสียงของคนที่พูดแซะพวกเธออยู่นั้น พิธีกรบนเวทีก็ได้เอ่ยถามเจ้าของที่ครอบครองเพชรมากที่สุดในค่ำคืนนี้“ทางเราขออนุญาตสอบถามเหต
หลังจากสองแม่ลูกเดินจากไป ลลิตาหันมาพูดกับชายหนุ่มด้วยใบหน้าอมยิ้ม“ร้ายจังเลยนะคะ”“ร้ายตรงไหนครับ พี่ก็แค่พูดความจริง ว่าแต่อ้ายอยากได้ทั้งหมดจริง ๆ เหรอ”“จะบ้าเหรอพี่ไนต์” หญิงสาวทำหน้าดุใส่เขา “เอาแค่ที่ชอบก็พอค่ะ”เธอรู้ว่าพศวัฒน์สามารถซื้อทั้งหมดได้สบาย แต่วันนี้เธอตั้งใจมาดูสักเซตสองเซตก็พอ เพราะมันไม่ใช่สิ่งจำเป็นขนาดนั้น ที่บ้านเธอก็เยอะมากพอแล้ว แล้วไหนจะของหมั้นที่คุณวิภพมอบให้เธออีกตอนนี้ทุกคนล้วนนั่งชมเครื่องเพชรที่เหล่านางแบบใส่ประชันโฉมกัน แต่ละชุดล้วนมีความสวยงามแตกต่างกันไป จนกระทั่งนางแบบใส่เพชรชุดหนึ่งเดินออกมา“ชุดนี้อ้ายว่าสวยดีนะคะ เหมาะกับคุณแม่พอดีเลย” ลลิตาชี้ให้ชายหนุ่มดูชุดเครื่องประดับที่ลลิตาสนใจ เป็นพลอยทับทิมสีแดงล้อมรอบด้วยเพชรเม็ดงามทั้งชุด ทั้งต่างหู สร้อยคอ กำไล หรือแม้แต่แหวน ก็ล้วนเป็นลวดลายเดียวกันทั้งเซตขณะนั้นเองพิธีกรประมูลก็ได้เสนอราคาเพชรชุดนี้ให้กับผู้ที่สนใจ“ราคาชุดนี้เริ่มต้นที่ห้าล้าน...”“สิบล้าน” พศวัฒน์ชูป้ายพร้อมกับบอกราคาประมูลอย่างไม่รีรอ“สิบสองล้าน” เสียงผู้ชายคนหนึ่งดังขึ้นมา เป็นภาคินที่ประมูลแข่งกับเขาพศวัฒน์ชูป้ายพร้อมกั
“ก็ฉันจะประมูลเป็นของขวัญให้ว่าที่ลูกสะใภ้ฉัน แกจะทำไม?” คุณวิภพยังคงพูดด้วยน้ำเสียงยียวนเหมือนเดิมพศวัฒน์ถอนหายใจกับคำพูดที่เอาแต่ใจของบิดา เขาถกเถียงเรื่องนี้กับบิดามาสักพักแล้ว และไม่มีทีท่าว่าชายชราผู้นี้จะยอมตัดใจโดยง่าย“อ้ายเป็นว่าที่ภรรยาผมครับ และจะเป็นแม่ของลูกผมด้วย เพราะฉะนั้นเรื่องนี้ให้เป็นหน้าที่ของผมเถอะครับ” ชายหนุ่มอธิบายเรื่องนี้กับบิดาเป็นรอบที่ร้อยตั้งแต่เจอกันในงานคุณวิภพกอดอกแล้วหันหน้ามองทางอื่น “ไม่รู้แหละ ยังไงฉันก็จะประมูลชุดเพชรเป็นของขวัญให้ว่าที่ลูกสะใภ้ของฉัน” น้ำเสียงเต็มไปด้วยความเอาแต่ใจ ไม่ว่ายังไงเรื่องนี้ก็ไม่ยอมเจ้าตัวดีของเขาเด็ดขาดชายหนุ่มถอนหายใจรอบที่ร้อย ถ้าบิดายืนกรานจะประมูลเพชรแข่งกับเขา ก็คงได้แต่ปล่อยเลยตามเลย ตอนนี้เขาคร้านจะโต้เถียงกับบิดาแล้ว คิดได้อย่างนั้นพศวัฒน์ก็เดินกลับเข้าไปข้างในงานทันที ไม่ได้สนใจชายสูงวัยที่ยืนหันหลังเพราะกำลังแง่งอนตนแม้แต่น้อยทางด้านลลิตาหญิงสาวจิบเครื่องดื่มที่พนักงานนำมาเสิร์ฟ ข้าง ๆ เธอยังคงมีเสียงนกเสียงกาพูดไม่หยุดหย่อน จนกระทั่ง“ป้าคิดว่าเขาไม่เหมาะสมกับหนูอ้ายเลยนะ ดำกับขาวยังไงก็รวมกันไม่ได้อย
รถลีมูซีนหรูหราสีดำขับมาจอดยังหน้าประตูทางเข้าของงานประมูลเครื่องเพชร โดยมีพนักงานคอยต้อนรับและเปิดประตูให้กับคนที่มาร่วมงานในครั้งนี้ประตูทางด้านหลังคนขับทั้งสองฝั่งถูกเปิดโดยพนักงาน เผยให้เห็นคนที่นั่งอยู่ข้างใน ชายหนุ่มสูงสง่าสูงราวหนึ่งร้อยแปดสิบปลาย ๆ อยู่ในชุดสูทสีดำ ใบหน้าหล่อเหลาเหมือนลูกครึ่ง ดวงตาคมบ่งบอกถึงอำนาจมองไปรอบ ๆ บริเวณสถานที่จัดงาน พร้อมกับเดินไปยังอีกฝั่งฝ่ามือหนายื่นมือรอให้คนข้างในเอื้อมมากุมมือ หญิงสาวผมลอนยาวอยู่ในชุดราตรีเรียบหรูสีดำยาวทำให้ขับผิวขาวกระจ่างยิ่งกว่าเดิม ตามร่างกายไม่ว่าจะเป็นใบหูขาว ช่วงลำคอยาวระหง ข้อมือขาว หรือแม้แต่นิ้วนางข้างขวา ล้วนเต็มไปด้วยการสวมใส่เครื่องเพชรเม็ดงามสีเขียวมรกต เป็นของตกทอดสู่รุ่นต่อรุ่นของตระกูลพัฒน์ธนโกศล ซึ่งเป็นของที่คุณวิภพนำมาเป็นของหมั้นให้กับเธอทั้งสองคนเดินเข้าไปในงานท่ามกลางสายตาหลายต่อหลายคู่ที่จับจ้องมองดูหนุ่มสาวคู่หนึ่งที่เดินควงแขนเข้ามาในงาน สาวสวยในชุดราตรีเรียบหรูพวกเขารู้จักเป็นอย่างดี เธอคือบุตรสาวเพียงคนเดียวของบริษัทส่งออกยักษ์ใหญ่ซีทีเอ็น ลลิตา โชติธานนท์แต่ผู้ชายข้างกายที่เธอควงแขนมาด้วยวันน
“เท่านิ้วก้อยไม่พอ เรื่องบนเตียงยังห่วย บางทีฉันก็แปลกใจนะคะ มีแค่นี้ยังอยากเจ้าชู้ หรือเป็นปม?” ลลิตาพูดจี้จุด พร้อมกับหมุนดูนิ้วก้อยไปมา เธอไม่ได้สนใจใบหน้าภาคินด้วยซ้ำว่ามีสีหน้ายังไง หญิงสาวยังคงพูดต่อ“แล้วถ้าเทียบกับบริกรกระจอก ๆ ที่คุณดูถูกละก็...” คราวนี้หญิงสาวเปลี่ยนมายกแขนตัวเองแล้วลูบไล้ช่วงแขนอย่างเย้ายวน"ถ้าจะเทียบให้เห็นภาพถึงความแตกต่าง คุณคือเสากั้นทางเดิน ส่วนสามีฉันคือเสาหลักกิโล พอจะนึกภาพออกไหมคะ?"ระหว่างที่เธอกำลังยียวนกวนประสาทภาคินอยู่นั้น ก็มีเสียงหัวเราะดังมาจากทางด้านหลัง ลลิตาหันหลังไปดูก็เห็นเป็นชายร่างสูงยืนกอดอกพิงประตูกำลังหัวเราะพวกเธออยู่ลลิตาเห็นอย่างนั้นก็รีบเดินเข้าไปหาพศวัฒน์ทันที ภาคินกำลังจะเดินตามไปทว่าถูก Guard ของคลับมายืนขวางทางเขาไว้เสียก่อน“พี่ไนต์มาแอบดูตั้งแต่เมื่อไหร่คะ?” ท้ายเสียงมีความตื่นตระหนก เพราะเธอเผาขนเรื่องของเขาเยอะพอสมควร“มายืนดูได้สักพักแล้วครับ” ชายร่างสูงโน้มตัวลงใกล้ใบหน้าที่กำลังแดง พร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงทะเล้น “ตั้งแต่ตอนที่อ้ายอวดสรรพคุณพี่ให้เขาฟัง...”พศวัฒน์ยิ้มให้คนกำลังหน้าแดงอย่างเอ็นดู เขาไม่คิดว่าคู่หมั้