ตอนที่ 1 นิยายเฮงซวย
วันหนึ่งมีกล่องปริศนากล่องหนึ่งมาวางอยู่หน้าบ้านของฉัน บนกล่องไม่ได้เขียนระบุอะไรไว้เลยแม้แต่ชื่อผู้ส่งก็ไม่มีระบุ ฉันก็เลยไม่รู้ว่ามันคือของใครและมาจากไหนและไม่รู้เลยว่าข้างในมีอะไร ด้วยความอยากรู้อยากเห็นฉันก็เลยลองเปิดดู
ในกล่องมีนิยายเล่มหนึ่ง หน้าปกนิยายมีสีดำทั้งหมดและบนปกมีชื่อเรื่องเขียนไว้ว่า ‘ปกป้องหัวใจวาริน’
แหม ชื่อเหมือนแฟนหนุ่มสุดที่รักของฉันเลยนะ
และในกล่องก็ยังมีการ์ดใบหนึ่งที่เขียนไว้ว่า…
ถึง คุณเลอา
คุณคือผู้โชคดีที่ได้อ่านนิยายพิเศษเรื่อง ปกป้องหัวใจวาริน เนื่องจากว่านิยายเรื่องนี้ไม่เคยมีการวางขายในโลกนี้จึงมีเพียงเล่มเดียวในโลก ขอให้สนุกกับการอ่านนิยาย!
ฉันสงสัยจริงว่านิยายเรื่องนี้มีอะไรพิเศษกัน ทำไมถึงมีแค่เล่มเดียวในโลก มันคือนิยายขายไม่ออกใช่ไหม?
ด้วยความอยากรู้อยากเห็นเช่นเคยฉันก็เลยลองเปิดอ่านนิยายเรื่อง ‘ปกป้องหัวใจวาริน’ นิยายเริ่มต้นมาด้วยบทนำ ตัวละครเอกชื่อ วาริน ปรากฏตัวทันทีในบรรทัดแรกพร้อมกับแฟนสาวชื่อ เลอา ฉันแปลกใจมากเพราะชื่อตัวละครทั้งสองมีชื่อเหมือนกับฉันและแฟนของฉัน และสถานะของตัวละครทั้งสองมีก็ดูเหมือนจะเหมือนกับฉันและแฟนด้วย
มันคือพรหมลิขิตสินะ! ฉันมีความอยากอ่านนิยายเรื่องนี้มากขึ้นเยอะเลย
บทนำได้เล่าถึงความหวานแหววของฉันและแฟน...ฉันหมายถึงตัวละครในนิยายที่มีชื่อว่าวารินและเลอา พวกเขากำลังเดินเที่ยวกันในเดินเที่ยวย่านการค้าแห่งหนึ่ง พวกเขาดูรักกันมากกก
ในบทนำฉันไม่สนใจอ่านอะไรมากนักนอกจากความรักของตัวละครวารินและเลอา ฉันมองข้ามคำบรรยายของตัวละครสำคัญตัวอื่นไปหมด อันที่จริงฉันไม่คิดว่าพวกเขาสำคัญเพราะคำบรรยายทำเหมือนกับว่าพวกเขาเป็นฉากประกอบเท่านั้น และบทนำก็จบลงไปพร้อมกับประโยคน่าสงสัยว่า
ทว่าความสงบสุขเหล่านี้กลับอยู่ได้ไม่นาน มันเป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น...
ฉันรู้สึกสังหรณ์ใจว่าบทต่อไปจะต้องเป็นบทที่ทำให้ฉันอยากฉีกหนังสือทิ้ง ซึ่งมันก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ บทที่หนึ่งของนิยายเรื่อง ‘ปกป้องหัวใจวาริน’ เริ่มมาด้วยฉากสยองขวัญ ตัวละครเลอาเดินไปตามซอยเปลี่ยวและถูกฆาตกรโรคจิตฆ่าตาย ตอนฆาตกรโรคจิตกำลังฆ่าตัวละครเลอามันถูกบรรยายละเอียดซะจนฉันต้องอ่านข้ามไปด้วยอารมณ์ขุ่นมัว
เปิดฉากมาซะหวาน ไหงพอตัดฉากมามันถึงกลายเป็นฉากฆาตกรรมไปได้! แล้วทำไมตัวละครเลอาที่ควรเป็นนางเอกถึงได้ตายอนาถแบบนี้!
หลังจากข้ามฉากฆาตกรไปฉากก็ตัดไปยังฉากที่ตัวละครวารินรู้สึกสงสัยว่าทำไมแฟนสาวกลับมาบ้านช้า ด้วยความเป็นห่วงก็เลยออกไปตามหาและพบกับสภาพศพสุดเละเทะของแฟนสาวเข้า
ฉากนี้บรรยายได้สะเทือนใจฉันมาก ฉันห้ามหัวใจไม่ให้เจ็บปวดได้เลย ตัวละครวารินมีชื่อและมีนิสัยคล้ายกับแฟนของฉันมาก ฉันก็เลยเผลอคิดว่าตัวละครวารินคือแฟนของฉัน ฉันถนอมและปกป้องแฟนมาตลอดเพราะงั้นฉันจึงไม่อยากให้เขาเจ็บปวดเลย ฉันอยากปกป้องดูแลเขาให้ดีที่สุด ดีชนิดที่ว่าฉันจะไม่ยอมให้มีตัวสกปรกสักอย่างมาแตะต้องแม้แต่ปลายผมของเขาได้
หลังจากพบศพตัวละครเลอา วารินก็กรีดร้องและร้องไห้อย่างเศร้าเสียใจ เขาสติแตกมากจนกระทั่งเสาไฟสาธารณะและไฟฟ้าในบ้านใกล้เคียงถูกทำลายจนหมด ทันใดนั้นเองชายคนหนึ่งก็ปรากฏตัว การบรรยายการปรากฏตัวของชายคนนั้นโดดเด่นมากและการบรรยายลักษณะภายนอกของเขาก็ดูน่าประทับใจเช่นกัน อ่านโดยรวมแล้วให้ความรู้สึกว่าชายคนนั้นหล่อมาก
ดวงตาสีเหลืองทองราวกับตาแมว เส้นผมสีเงินเป็นประกายสีแดงเมื่อต้องกับแสงจันทร์
บรรยายซะไม่เหมือนลักษณะของมนุษย์ ฉันเบะปากไม่ชอบใจ ไม่รู้ทำไม แต่ฉันรู้สึกไม่ชอบผู้ชายที่เพิ่งปรากฏตัวออกมามาก สัญชาตญาณความเป็นหญิงของฉันบอกว่าเขาเป็นศัตรู และก็ดูเหมือนว่าลางสังหรณ์ของฉันจะแม่นยำเช่นเดิม ชายตาแมวคนนั้นเดินเข้าไปใกล้วารินที่กำลังเสียสติได้อย่างง่ายดายโดยที่ไม่ได้รับความเสียหายจากการอาละวาดของวารินเลย จากนั้นชายตาแมวคนนั้นก็กระชากผมวารินของฉัน!
ไอ้*** ทำอะไรกับสุดที่รักของฉัน!
ฉันโมโหมากเมื่ออ่านถึงบรรทัดนี้และฉันยิ่งโมโหมากกว่าเดิมในบรรทัดต่อไปเพราะผู้ชายตาแมวคนนั้นก้มลงจูบตัวละครวาริน! จูบแบบ...ดุดื่มด้วย จากนั้นชายตาแมวก็แอบเอาเข็มฉีดยาบางอย่างแทงต้นคอของตัวละครวารินจนเขาสลบไป จากนั้นตัวละครวารินก็ถูกอุ้มไป...
ฉันปิดหนังสือทันทีและมองปกหนังสืออย่างละเอียดทั้งด้านหน้าและด้านหลัง และฉันก็พบว่ามันอยู่ในหมวด BL หมวดชายรักชาย! และไม่ใช่แค่นั้นมัน 3P ด้วย! ฉันไม่ได้มีอคติกับชายรักชายหรอกนะ แต่นิยายเล่มนี้มันเฮงซวย!
ตัวละครชื่อเหมือนฉันตายทันทีในบทแรกและตัวละครที่มีชื่อเหมือนแฟนของฉันก็ถูกผู้ชายที่ไหนก็ไม่รู้จูบและอุ้มไป ไม่ต้องอ่านจนจบก็รู้ได้เลยว่าตัวละครวารินคือ...นายเอก!
ไม่ยอม! ฉันไม่ยอมให้แฟนสุดน่ารักของฉันถูกผู้ชายอื่นฉกไปแน่! เขาต้องแต่งงานกับฉัน มีลูกกับฉัน!
ฉันโยนนิยายเรื่อง ‘ปกป้องหัวใจวาริน’ ทิ้งและไม่สนใจไยดีมันอีก อ่านแค่ห้าหน้าฉันก็อินขนาดนี้แล้ว ถ้าฉันยังอ่านอีกฉันคงอกแตกตายแน่
“กลับมาแล้ว” ในขณะที่ฉันกำลังหัวเสียวารินก็กลับมาถึงบ้านพอดี
“ยินดีต้อนรับกลับบ้าน” ฉันตะโกนตอบกลับไปแล้ววิ่งไปที่ประตูเพื่อต้อนรับวาริน
ฉันและวารินคบกันมาได้เจ็ดปีแล้ว เราได้ตกลงที่จะอยู่ด้วยกันจึงซื้อบ้านหลังเล็กหลังหนึ่งและได้ย้ายมาอยู่ด้วยกันที่บ้านหลังใหม่ได้สามวันแล้ว
“ฉันจัดของในบ้านเสร็จเรียบร้อยแล้ว เป็นไงบ้าง? ของทุกอย่างใหม่เอี่ยมไม่มีของมือสอง เธอไม่ต้องระวังตอนจับสิ่งของในบ้านก็ได้นะ” ฉันอวดผลงานที่ทำมาทั้งวันทันที เนื่องจากวันนี้วารินมีงานฉันก็เลยต้องจัดบ้านที่เพิ่งย้ายมาคนเดียว
“ดีมากเลย ขอโทษนะที่ไม่ได้อยู่ช่วย” วารินเอ่ยเสียงเบาและนิ่มนวลตามลักษณะนิสัยของเขา
“ไม่เป็นไร แค่นี้เอง เธอน่าจะเหนื่อยมากกว่านะต้องสอนเด็กทั้งวันเลยนี่นา” พอฉันพูดจบวารินก็โผเข้ากอดฉันอย่างหมดแรง
“มีแต่เด็กดื้อทั้งนั้น” เขาอดบ่นไม่ได้
วารินคือครูสอนดนตรีในโรงเรียนประถม ไม่แปลกที่เขาจะหมดแรงแบบนี้ แตกต่างจากงานของฉันที่เป็นนักแปล ฉันสามารถนั่งทำงานในบ้านได้ทั้งวันโดยที่ไม่ต้องไปไหน ไม่เหนื่อยแต่เมื่อยแทนและแอบมีปัญหาเรื่องปวดกล้ามเนื้อเล็กน้อย…
แต่ฉันก็ชอบงานนี้เพราะได้เงินดี ฉันอ่านเขียนได้หลายภาษาก็เลยได้เซ็นสัญญาที่จะเป็นนักแปลนิยายให้กับสำนักพิมพ์หนึ่ง งานก็เลยมีเข้ามาเรื่อยๆ แต่ถ้าไม่มีงานฉันก็จะรับแปลเอกสารต่างๆ แม้จะต้องทำงานแบบไม่มีเวลาว่างแต่ก็คุ้มดี
“ไปนั่งพักสักหน่อยแล้วกัน วันนี้ฉันจะรับหน้าที่ทำอาหารเอง” ฉันว่าพลางลากเด็กโตไปนั่งโซฟา แต่กลายเป็นว่าเขาล้มตัวลงไปนอนแทนและลากฉันไปนอนทับ “อะไรกัน วันนี้อยากอ้อนเหรอ?”
“งืม..” วารินบ่นงึมงำในลำคอ ฉันเอื้อมมือไปบีบแก้มของเขาอย่างเอ็นดู “วันนี้ผมบังเอิญแตะตัวเด็กคนหนึ่ง...”
เขาเกริ่นนำเสียงแผ่วเบา ฉันจึงเงียบรอฟังเขาเล่าพลางกอดเขาเพื่อปลอบประโลมเขา
“เด็กคนนั้นสูญเสียครอบครัวทั้งหมด...เขายังเด็กมาก...” วารินพึมพำเสียงเศร้าสร้อย ทันใดนั้นไฟในบ้านก็กะพริบ หลอดไฟใหม่ที่เพิ่งติดตั้งเหมือนจะพัง
“ไม่เป็นไร เด็กคนนั้นต้องผ่านไปได้แน่ เราแค่ต้องให้กำลังใจเขา ฉันเชื่อว่าเขาจะเติบโตขึ้นมาเป็นผู้ใหญ่ที่ดีได้แน่” ฉันเอ่ยพลางลูบแขนของวาริน ไฟในบ้านจึงกลับเข้าสู่สภาวะปกติ “ถ้าเราช่วยเหลือเขาเท่าที่เราจะทำได้ชีวิตของเด็กคนนั้นก็อาจจะไม่โดดเดี่ยวมากเกินไป”
“ผมจะคุยกับเด็กคนนั้นวันพรุ่งนี้” วารินกล่าวอย่างมุ่งมั่น
“เล่นดนตรีให้เขาฟังสิ เสียงดนตรีของเธอคือยาดีสำหรับรักษาจิตใจเลย” ฉันยิ้มให้กำลังใจเขา วารินยิ้มรับด้วยสีหน้าเขินอายเล็กน้อย
“วันนี้ผมจะเป็นคนทำอาหารแล้วกันนะครับ” เมื่ออารมณ์ดีขึ้นมาแล้ววารินก็เหมือนจะฟื้นตัวจากความเหนื่อยทันที เขาเสนอตัวที่จะทำอาหารเย็นในวันนี้ ฉันไม่ขัดใจเขาและปล่อยให้เขาเข้าครัวทำอาหาร เดิมทีแล้วหน้าที่ทำอาหารคือของเขาอยู่แล้วเพราะว่าเขาทำอาหารได้อร่อยมากกว่าฉัน ฝีมือทำอาหารของฉันค่อนข้างจะธรรมดาและแอบเอนเอียงไปทางไม่ค่อยจะกินได้เพราะทุกครั้งที่ปรุงอาหารถ้าไม่เค็มเกินไปมันก็จะหวานเกินไป สักวันคงเป็นโรคร้ายสักโรค
“อา วารินช่วยชีวิตฉันไว้เลย” ฉันโผเข้ากอดวารินจากทางด้านหลัง วารินสะดุ้งเบาๆ
“ผมทำอาหารอยู่นะ” วารินคล้ายจะทำเสียงดุอย่างไม่จริงจังนัก
“อาหารของวารินช่วยไม่ให้ฉันมีโรคร้าย ดีจริงๆ” ฉันเอ่ยพลางลูบเอววารินอย่างตั้งใจ วารินยังคงเป็นผู้ชายเอวบางเช่นเดิม แม้จะไม่ได้บางเหมือนผู้หญิงแต่ก็บางกว่าผู้ชายทั่วไปเล็กน้อย เพราะงั้นฉันเลยหวงเขามากไง
“รู้แล้วครับ ไปนั่งรอก่อนนะ อีกไม่นานอาหารก็จะเสร็จแล้ว” วารินพูดเสียงหวานพร้อมรอยยิ้มอ่อน หัวใจของฉันเหมือนจะละลาย...
ฉันก็เลยยอมไปนั่งรอทานอาหารเย็นอย่างสงบเสงี่ยม ขณะเดียวกันก็จ้องมองทุกท่วงท่าขณะทำอาหารของวาริน เขาช่างเป็นพ่อบ้านที่น่ารักจริงๆ! ยิ่งมองฉันก็ยิ่งหลงเขา หลงยิ่งกว่าตอนเจอกันครั้งแรกซะอีก ฉันยังจำตอนที่เขาทำหน้าตกใจตอนฉันจับก้นได้อยู่เลย
งืม~ คิดแล้วอยากจับก้นแน่นๆ นั่น
“เลอา ผมรู้สึกถึงสายตาหื่นกามของคุณ” วารินหันมายิ้มให้ฉันอย่างรู้ทัน
“แหม นิดเดียวเอง” ฉันหัวเราะพลางส่งสายตาวิบวับ “ว่าแต่เราไม่ได้ไปเดตกันนานแล้วนะ”
“งั้นวันเสาร์นี้เราไปเดตกันไหม?” วารินเอ่ยอย่างเอาใจ
“แน่นอนว่าฉันไปแน่!” ฉันตอบรับอย่างยินดี
และแล้ววันเสาร์ก็มาถึงอย่างรวดเร็ว ในตอนเช้าของวันเสาร์ฉันรีบตื่นขึ้นมาเลือกชุดและแต่งหน้าเพราะฉันอยากสวยที่สุดในวันที่ได้เดตกับวาริน
“คุณชอบทำเหมือนกับว่ามันเป็นเดตแรกเสียทุกครั้ง” วารินหัวเราะด้วยความเอ็นดู
“วารินคือเดตแรกของฉันเสมอ” ฉันว่าพลางขยิบตาและส่งยิ้มไปให้วาริน วารินยิ้มรับและเดินเข้ามาหอมแก้มของฉันเร็วๆ ก่อนจะหนีไปแต่งตัวบ้าง แต่คิดเหรอว่าจะหนีหลังจากขโมยหอมแก้มฉันไปน่ะ!
ในขณะที่วารินกำลังติดกระดุมเสื้อฉันก็พุ่งเข้าไปใกล้เขาและล้วงมือเข้าไปในเสื้อของเขาอย่างชำนาญ “ยังนุ่มนิ่มเหมือนเคย”
“อ๊ะ เดี๋ยวเถอะเลอา” วารินทำเสียงดุเพื่อห้ามปรามมืออันอยู่ไม่สุขของฉัน
“น่าเศร้านะที่สร้างกล้ามเนื้อไม่ได้สักที แต่ไม่เป็นไร ฉันชอบแบบนี้ล่ะ” ฉันหัวเราะคิกคักพลางลูบไล้ไปทั่วร่างกายของวาริน
“หยุดเลยไม่งั้นวันนี้ก็ไม่ได้ออกไปข้างนอกนะ” แววตาของวารินเปลี่ยนไป หัวใจของฉันเต้นแรงด้วยความวาบหวาม
“อีกใจหนึ่งก็อยากออกไปแต่อีกใจหนึ่งก็อยากอยู่บ้านต่อซะแล้วสิ” ฉันกล่าวพลางกุมหัวใจของตัวเองด้วยท่าทางเขินอาย วารินส่ายหัวปลงและหันไปติดกระดุมเสื้อต่อ ฉันก็เลยรีบไปจัดการตัวเองให้เสร็จ พอแต่งตัวแล้วจะได้ออกไปทันที
ซึ่งในขณะที่ฉันกำลังเตรียมของใส่กระเป๋าสะพายฉันก็เหลือบไปเห็นสเปรย์พริกไทยที่วางอยู่บนโต๊ะ ฉันไม่รู้ว่าทำไมแต่ฉันมีความรู้ว่าจะได้เจอศัตรูที่น่าเกลียดชังฉันก็เลยหยิบมันใส่กระเป๋า และหลังจากเตรียมตัวเสร็จแล้วพวกเราก็พร้อมออกไปเดต
วันนี้เราเลือกที่จะไปเดตในย่านการค้าแห่งหนึ่งเพราะการที่เราได้เดินเล่นและดูนั่นดูนี่ไปด้วยกันมันคือความสุขของพวกเรา
“วันเสาร์คึกคักอย่างนี้สินะ” ฉันมองรอบข้างที่เต็มไปด้วยผู้คน “ใส่ถุงมือเรียบร้อยแล้วใช่ไหม?” ฉันหันไปถามวาริน
“ผมพอควบคุมได้แล้ว ไม่มีปัญหาหรอก” เขายิ้มกว้างเพื่อให้ฉันสบายใจ
“ดื้อ แต่เอาเถอะวันนี้อากาศร้อน ถ้าใส่ถุงมือคงอึดอัดน่าดู”
จากนั้นเราก็เดินเล่นไปทั่ว ซื้อนั่นซื้อนี่หลายอย่าง ซึ่งส่วนมากก็เป็นอาหารกินเล่นทั้งนั้น
ฉันและวารินเดินเล่นกันไปตามประสาคู่รักออกเดต ทุกอย่างราบรื่นดีจนกระทั่งบางอย่างสะกิดใจให้ฉันสังเกตมองคนที่เดินผ่านไปผ่านมาตามถนน ห่างไกลออกไปไม่กี่ก้าวจากฉันกับวารินมีชายร่างสูงคนหนึ่งถือร่มเดินมาตามถนน คนถือร่มในวันแดดออกจัดก็ไม่ถือว่าแปลก ทุกคนเข้าใจกันดีว่าแดดมันร้อน แต่ไม่รู้ทำไมฉันรู้ตะขิดตะขวงใจแปลกๆ
ในจังหวะที่ฉันและวารินเดินผ่านผู้ชายถือร่มคนนั้น พวกเราได้หันหน้ามาสบตากันโดยบังเอิญ ชายคนนั้นสวมแว่นตากันแดดแต่ในมุมมองของฉัน ฉันเห็นดวงตาสีทองเหมือนตาแมวของชายคนนั้น และสิ่งที่สะดุดตามากกว่านั้นก็คือเส้นผมสีเงินประกายสีแดง
ทำไมฉันรู้สึกคุ้นๆ ทั้งที่ไม่น่าจะเคยเห็นนะ…
“อ๊ะ ขอโทษครับ” เสียงของวารินทำให้ฉันที่กำลังเหม่อลอยได้สติกลับมา เมื่อฉันหันไปหาวารินฉันก็พบว่าเขาเดินไปชนชายชุดดำกลุ่มหนึ่ง
“วาริน เป็นอะไรรึเปล่า” ฉันรีบวิ่งไปหาแฟนหนุ่มทันที ฉันใช้แขนโอบเอววารินและจ้องกลุ่มชายชุดดำเขม็ง
กลุ่มชายชุดดำพวกนั้นน่าจะเป็นบอดี้การ์ดเพราะมีชายหน้าตาหล่อเหลาคนหนึ่งยืนอยู่กลางวง ชายคนนั้นมีผมสีดำและดวงตาสีฟ้าสวยงาม
ฉันรู้สึกคุ้นอีกแล้ว
“ไป” ชายตาฟ้าคนนั้นเปรยตามองพวกฉันแวบหนึ่งและเดินไปขึ้นรถหรู จากนั้นพวกเขาก็ขับรถจากไป
“คนพวกนั้นแอบน่ากลัวเนอะ” วารินพูดเสียงเบา
“คราวหน้าก็ระวังสิ”
“เลอา ตรงนั้นมีร้านดอกไม้ด้วย เราแวะไปดูกัน” วารินหันมาเอ่ยชักชวน ดูเหมือนเขาไม่ได้ฟังประโยคเมื่อกี้ของฉันเลย
“อืม ไปสิ” ฉันก็ได้แต่เดินตามเขาไป
และเมื่อเราไปถึงร้านขายดอกไม้พนักงานร้านก็เดินมาต้อนรับ พนักงานคนนั้นเป็นเด็กหนุ่มที่มีผมสีทองและตาสีเขียว
ทำไมฉันรู้สึกคุ้นอีกแล้ว…
“ยินดีต้อนรับครับ อยากได้อะไรเป็นพิเศษไหมครับ” พนักงานหนุ่มถาม
“ผมอยากได้ต้นไม้เล็กๆ ประดับโต๊ะหรือไม่ก็หน้าต่างบ้าน” วารินกล่าว จะว่าไปบ้านที่พวกเราเพิ่งย้ายไปยังไม่มีต้นไม้หรือดอกไม้ประดับสักต้นเลย
“ผมช่วยแนะนำได้นะครับ”
จากนั้นวารินและพนักงานคนนั้นก็เดินเข้าไปเลือกต้นไม้ในร้าน ฉันมองพวกเขาด้วยสีหน้าครุ่นคิด
ฉันเดาว่าในอนาคตอันใกล้นี้วารินจะสั่งกล้วยไม้สีขาวสามต้น กระบองเพชรอีกหนึ่งและเบญจมาศอีกสามต้น และเขาจะขอให้ทางร้านส่งไปให้ถึงบ้าน และจากนั้นวารินก็จะถือดอกกุหลาบมาให้ฉันและพูดว่า…
“ดอกไม้แห่งความรักเหมาะที่จะให้กับคนที่ผมรักที่สุด”
ใช่ ประโยคนี้แหละที่วารินจะพูด
“พูด พูดแบบนั้นฉันก็เขินสิ” ฉันรับดอกกุหลาบที่วารินยืนมาให้ด้วยรอยยิ้ม ในขณะเดียวกันหัวใจของฉันเริ่มเต้นกระหน่ำ แต่ไม่ใช่เพราะเขินแน่นอน “ว่าแต่สั่งซื้ออะไรไปบ้างล่ะ?”
“ผมสั่งซื้อกล้วยไม้สีขาวสามต้น เบญจมาศอีกสามต้น และกระบองเพชรอีกหนึ่ง ไม่เกินสามวันเขาบอกว่าจะส่งมาให้ถึงบ้าน” วารินตอบด้วยรอยยิ้มสดใส
“งั้นเหรอ ดีเลย!” ฉันฝืนยิ้มตอบส่วนในใจก็กรีดร้อง
ชัดเลย! มันชัดมาก! เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนี้มันเหมือนกับเหตุการณ์ที่ถูกเขียนไว้ในนิยายเรื่อง ‘ปกป้องหัวใจวาริน’ ไม่มีผิด!
ฉากลับฉากหนึ่งในนิยาย ปกป้องหัวใจวาริน
หลังฉาก : วาริน
บ่อยครั้งเขาก็สงสัยว่าทำไมเขาต้องมารับรู้เรื่องราวและความรู้สึกของคนอื่น ความเศร้า ความสุข ความกลัว ความโกรธ ความสิ้นหวัง ความรู้สึกพวกนั้นมักถาโถมเข้ามาในหัวของเขาทุกครั้งที่เขาสัมผัสสิ่งของบางอย่างโดยที่ไม่ได้ตั้งใจและเมื่ออารมณ์ของเขาแปรปรวนเขาก็มักจะทำไฟดับและบางครั้งก็พังข้าวของอย่างไม่ได้ตั้งใจ มันเป็นแบบนี้มาตั้งแต่เขายังเด็ก นั่นทำให้เขาถูกมองว่าเป็นตัวอันตรายและเป็นเด็กเสียสติเพราะเขามักกรีดร้องด้วยความกลัวเมื่อได้เห็นสิ่งที่ไม่ต้องการจากการสัมผัสสิ่งของแปลกปลอม
เขาควบคุมมันไม่ได้เขาก็เลยต้องเห็นพวกมัน เขาไม่เคยต้องการพลังเช่นนี้เลยเพราะพลังนี้มันทำให้พ่อแม่ของเขากังวลและ...หวาดกลัว
เพราะอย่างนั้นเขาจึงพยายามซ่อนพลังของตัวเองไม่ให้ใครได้เห็นหรือได้รับรู้ แม้จะต้องเจ็บปวดเพราะพลังที่อัดแน่นอยู่ในร่างกายเขาก็จะอดทนกับมัน เขาหวังว่าเขาจะได้อยู่กับครอบครัวอย่างมีความสุขไร้ซึ่งความกังวลและหวาดกลัว
แต่อุบัติเหตุก็ได้พรากชีวิตของพ่อแม่ของเขาไป นั่นทำให้เขาต้องไปอยู่กับญาติของเขาที่มีแต่ปัญหาชีวิตและไม่แม้แต่จะเต็มใจรับเลี้ยงเขา ทุกวันเขาจะต้องรับรู้ถึงความรู้สึกด้านลบของคนที่เลี้ยงดูเขา นั่นทำให้เขารู้ตัวว่าแสงสว่างนำทางในชีวิตของเขาได้หายไปแล้ว...
เขามีชีวิตอย่างไร้จุดหมาย จิตใจของเขาเริ่มรู้สึกว่างเปล่าและอ้างว้าง เขาจึงยิ้มและยิ้มเพื่อกลบฝังความว่างเปล่าในใจ จนกระทั่งโชคชะตาได้ทำให้เขาได้มีโอกาสพบคนที่เป็นแสงสว่างของตัวเองอีกครั้ง หญิงสาวที่ไม่เคยถูกโชคชะตาเข้าข้าง
“ชื่อวารินเหรอ? ว้าวชื่อเพราะดีเหมาะสำหรับมาเป็นกระเป๋าเงินของฉัน”
เป็นกระเป๋าเงินหมายความว่าเขาจะต้องให้เงินกับเธออย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง หรือก็คือเขาถูกรีดไถเงิน...ในตอนแรกเขาก็ไม่ได้คิดหรอกนะว่าเธอคนนี้จะมาเป็นแสงสว่างให้กับเขา
“ทั้งที่มีพลังน่าปวดหัวแบบนั้นแต่วารินก็ยังเป็นวารินอย่างทุกวันนี้ได้ ทั้งอ่อนโยน ใจดี ยิ้มสวย ดูนุ่มนิ่มน่าปกป้อง อ่า...เธอน่ารักจังชักชอบแล้วสิ” ไม่พูดเปล่าเธอยังลูบไปทั่วหน้าของเขาด้วยสีหน้า...ไม่น่าไว้ใจนัก แต่ก็ไม่ใช่ว่าเขาไม่ชอบ
ทั้งที่มือคู่นี้เคยต่อยปากคนจนฟันหลุดมาแล้วแท้ๆ แต่สัมผัสจากมือของเธอกลับให้ความรู้สึกที่อ่อนโยนราวกับกำลังปลอบประโลมและเติมเต็มความว่างเปล่าในจิตใจของเขา
“ดูเหมือนว่าฉันจะตกหลุมรักเธอแล้วล่ะวาริน”
เหมือนกัน...
เพื่อยึดเธอไว้ไม่ให้จากไปเขาจะต้องทำตัวน่ารักและน่าปกป้องอย่างที่เธอต้องการ
“อย่าหวังว่าชีวิตนี้เธอจะหนีไปจากฉันได้!”
คุณก็เช่นกันเลอา ผมจะจับมือคุณไว้ไม่ยอมปล่อยเด็ดขาด
ตอนที่ 2 นิยายบอกอนาคตเมื่อกลับถึงบ้านฉันก็รีบตรงดิ่งไปหาหนังสือนิยายเรื่อง ‘ปกป้องหัวใจวาริน’ และเปิดอ่านบทนำของนิยายเพื่ออ่านให้แน่ใจว่าตัวเองจำไม่ผิด ซึ่งปรากฏว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับฉันและวารินวันนี้มันตรงกับสิ่งที่เขียนไว้ในบทนำของนิยายเก้าในสิบส่วนมันเป็นไปได้ยังไง!?จะบอกว่านิยายเล่มนี้เขียนตามสิ่งที่เกิดขึ้นกับฉันและวารินก็ไม่ใช่เพราะนิยายเล่มนี้ส่งมาก่อนที่ฉันจะไปออกเดตกับวารินซะอีก นั่นหมายความว่านิยายเล่มนี้เขียนสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต...สิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต...นั่นหมายความว่าฉันจะตายเรอะ!? แถมวารินยังจะกลายเป็นของผู้ชายคนอื่น! ฉันอยากกระอักเลือด นั่นเป็นสิ่งที่ฉันยอมรับไม่ได้ วารินเป็นของฉัน!ฉันไม่เชื่อในทันทีว่าในนิยายเล่มนี้เขียนสิ่งที่เกิดขึ้นในอนาคต ฉันอดทนอ่านต่อจากตรงที่อ่านค้างไว้เพื่อหาเบาะแส หลังจากวารินในนิยายถูกชายตาแมวอุ้มไปฉากก็ตัดมาที่วารินตื่นขึ้นมาในห้องแห่งหนึ่งที่เหมือนห้องพักฟื้นในโรงพยาบาล แต่มันไม่ใช่โรงพยาบาล มันคือศูนย์วิจัยพลังจิตแห่งหนึ่ง เมื่อฉันอ่านถึงตรงนี้ฉันไม่ได้คิดว่าศูนย์วิจัยนี้เป็นศูนย์วิจัยที่ไร้สาระหรือแต่งเกินจริงเพราะฉันรู้ว
ตอนที่ 3 อ่านบทต่อไป สามวันแล้วที่ฉันและวารินย้ายมาอยู่ที่คอนโดมิเนียมสุดหรูที่มีระบบการรักษาความปลอดภัยระดับสูงของอาเธอร์ ยอมรับเลยว่าไม่เพียงแค่ระบบรักษาความปลอดภัยที่ดีเยี่ยม ห้องพักที่พวกฉันได้รับมันยอดเยี่ยมมากจริงๆ เพราะมันมีพร้อมทุกอย่างไม่ว่าจะห้องน้ำสองห้อง ห้องนอนสองห้อง ห้องครัวและห้องนั่งเล่นที่กว้างมาก มันกว้างใหญ่พอที่จะอยู่เป็นครอบครัวใหญ่เลยเชียวล่ะและมันทั้งหรูหราและสะดวกสบาย อีกทั้งวิวของห้องพักของพวกฉันก็สวยมากด้วยเพราะพวกฉันได้อยู่ชั้นสิบ ห่างจากชั้นสูงสุดเพียงแค่ห้าชั้นเท่านั้น แต่ที่ดีที่สุดคงไม่พ้นเรื่องที่ว่าฉันและวารินสามารถพักที่นี่ได้ฟรีจนกว่าจะจับฆาตกรได้สำเร็จ คุณตำรวจเมลอะไรนั่นดูเหมือนจะต่อรองไว้แบบนั้น ฉันก็เลยสบายใจเรื่องเงินและพักที่คอนโดของอาเธอร์อย่างไม่คิดจะเกรงใจและหวังจะเอากำไรจากมันให้ได้มากที่สุดแต่เพราะยังรู้สึกไม่คุ้นเคยและรู้สึกแปลกที่ไปหน่อยฉันและวารินจึงยังไม่ได้ไปสำรวจที่ไหนนอกจากห้องสุดหรูที่ได้มาแบบไม่ต้องเสียเงิน และพอเริ่มรู้สึกสบายใจแล้วว่าอยู่ที่นี่จะปลอดภัยไม่มีปัญหาพวกฉันก็เริ่มที่จะจัดข้าวของของตัวเองให้เข้าที่“ทั้งที่เมื่อไม่
ตอนที่ 4 ผะ ผี?วารินไม่สามารถออกไปทำงานได้และฉันก็จะไม่มีงานเข้ามาสักพัก พวกเราจึงว่างมาก ด้วยความว่างจัดฉันและวารินจึงตกลงกันว่าจะไปสำรวจชั้นหนึ่งถึงชั้นห้าของคอนโดมิเนียมที่มีพื้นที่ส่วนกลางไว้พักผ่อนด้วย มันมีทั้งสระว่ายน้ำ สถานที่ออกกำลังกายและสนามกีฬาในร่ม สวนไม้ และโซนสำหรับนั่งทำงานและอ่านหนังสือเงียบๆ มันมีโซนร้านอาหารด้วย ถ้าไม่แวะไปใช้บริการเสียหน่อยคงไม่คุ้มค่าที่ได้อยู่ที่นี่ฟรีโซนแรกที่พวกฉันไปก็คือโซนร้านอาหาร เพราะอาหารคือสิ่งสำคัญ! ถ้าอาหารไม่อร่อยและมีไม่หลากหลายฉันคงไม่สามารถหมกตัวอยู่แต่ในคอนโดได้ ถึงจะมีวารินทำอาหารให้กินก็เถอะ แต่บางครั้งก็อยากเปลี่ยนบรรยากาศบ้าง อีกอย่างพวกฉันไม่สามารถออกไปเลือกวัตถุดิบอาหารได้ด้วยตัวเอง ถ้าวัตถุดิบหมดก็ต้องรอให้พนักงานมาส่งให้ ซึ่งฉันอาจจะรอไม่ได้“มีร้านขนมหวานด้วย” เมื่อมาถึงโซนอาหารสายตาของฉันไปสะดุดกับร้านของหวานทันที“กินไหม? ผมได้ยินมาด้วยว่าถ้าอาศัยอยู่ที่คอนโดแห่งนี้เราก็จะได้ส่วนลดพิเศษด้วย” วารินพูด“กิน!” ฉันไม่รอช้ารีบเดินเข้าไปในร้านของหวานทันที ฉันกวาดสายตามองทั่วร้านรอบหนึ่งและเลือกโต๊ะที่อยู่ติดกับหน้าต่างกระจก
ตอนที่ 5 มิติซ้อนทับณ ห้องพักฟื้นผู้ป่วยในโรงพยาบาล“ป้าดีใจที่วารินมาเยี่ยมป้านะ เราไม่ได้เจอกันนานเลย” คนป่วยบนเตียงเอ่ยพลางฉีกยิ้ม“ครับ อาการป่วยของคุณป้าเป็นยังไงบ้างครับ?” วารินถามด้วยความเป็นห่วง“ก็...แค่ก! แค่ก!” ป้าของวารินไอ้อย่างหนักเป็นคำตอบว่า ป่วยหนักมาก!“คุณแม่!” ลูกชายของคุณป้าของวารินหรือธันวารีบเข้าไปประคองแม่ของตัวเอง“เดี๋ยวผมรินน้ำให้นะครับ” วารินรีบหันไปรินน้ำให้ป้าของเขาฉันยืนมองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตรงหน้าเหมือนนั่งดูละคร ฉันล่ะรังเกียจนักที่ป้าของวารินทำท่าเหมือนดีใจที่วารินมาเยี่ยมทั้งที่ใจจริงไม่เคยคิดจะสนใจวารินเลยและลูกชายของยัยป้านั่นด้วย มาทำตัวกตัญญูอะไรตอนนี้“ถ้าได้ผ่าตัดละก็คุณแม่จะต้องดีขึ้นแน่ๆ เลยแต่เงินที่เรามีกลับไม่พอ” ธันวากล่าวขึ้นมาด้วยสีหน้าทุกข์ใจฉันยืนกลอกตาอย่างรำคาญอยู่มุมห้องให้ขณะที่คนอื่นในห้องกำลังทำท่าทางทุกข์ใจอย่างมาก เกริ่นนำขึ้นมาแบบนี้มีหรือที่ฉันจะไม่รู้เจตนาของเขา เรียกวารินมาเพื่อขอเงินชัดๆ“เดี๋ยวผมจะช่วยจ่ายเอง” วารินก็ใจดีเสนอเงินให้แบบไม่หวง“จริงเหรอ!? ดีจริงๆ” ธันวามีสีหน้าชื่นบานขึ้นมาทันที ความทุกข์ใจก่อนหน้านี้
ตอนที่ 6 เพื่อนเก่าในนิยายเรื่อง ‘ปกป้องหัวใจวาริน’ หลังจากที่วารินได้ดอกไม้จากเด็กส่งดอกไม้ชื่อภาคินฉากก็ตัดไปที่บทสนทนาผ่านโทรศัพท์ของอาเธอร์และคนที่น่าจะเป็นผู้ลงทุนในงานวิจัยของอาเธอร์ จากบทสนทนาของพวกเขาจับใจความได้ว่าผู้ลงทุนคนนั้นชื่อว่าโนอาห์และเป็นเพื่อนคนสนิทของอาเธอร์และเป็นผู้มีพลังจิตที่สามารถถอดจิตได้และเขากำลังมีปัญหาเกี่ยวกับพลังของเขามากเพราะพลังของเขาทำงานเองโดยที่เขาไม่ได้ตั้งใจหรือก็คือเขาควบคุมมันไม่ได้ มันทำให้จิตของเขาสามารถหลุดออกจากร่างได้ตลอดเวลามันเป็นปัญหาในชีวิตประจำวันพอสมควรและอาจจะอันตรายถึงชีวิตด้วยเพราะถ้าเขาไม่รู้ว่าจิตตัวเองออกจากร่างและปล่อยให้จิตออกจากร่างนานเกินไปเขาก็จะตายในที่สุด[เมื่อไหร่ยาตัวใหม่จะสำเร็จ ฉันไม่ได้ชอบล้มตัวนอนทุกที่ทุกเวลาแบบนี้หรอกนะ] น้ำเสียงเครียดปนร้อนรนของโนอาห์ดังผ่านโทรศัพท์ของอาเธอร์“ก็คงอีกสักพักล่ะนะ หนูทดลองคราวนี้ฉันอยากจะทะนุถนอมสักหน่อย” อาเธอร์หัวเราะและยิ้มกว้างเมื่อนึกถึงหนูทดลองของเขา ซึ่งนั่นก็คือวาริน[คนที่นายบอกว่าน่าสนใจสินะ...ฉันอยากเจออยู่เหมือนกัน] โนอาห์คล้ายสนใจขึ้นมา“ฉันจองแล้ว อย่ายุ่งเชียวล่
ตอนที่ 7 ฝึกร่างกายก่อนเริ่มฝึกการใช้พลังจิตและวิชาการต่อสู้ อย่างแรกที่ควรทำก่อนหน้านั้นก็คือการเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับร่างกาย วันนี้ฉันและวารินจึงไปที่ฟิตเนส แน่นอนว่าเป็นฟิตเนสที่อยู่ในเวลเลอร์คอนโดมิเนียมเพราะถ้าไปข้างนอกพวกฉันอาจจะไปสะดุดตาของพรรคพวกของเจ้าฆาตกรนั่นอีกรอบเมื่อวันก่อนพวกฉันไม่ได้ระวังตัวให้ดีจึงถูกดึงเข้าไปในมิติซ้อนทับ แม้ว่าฉันและวารินจะรอดมาได้โดยไม่มีบาดแผลยกเว้นดรีมที่ได้รับบาดเจ็บเพราะมาปกป้องฉัน แต่ในสถานการณ์ที่หลุดเข้าไปในเขตของศัตรูแบบนั้นมันถือว่าอันตรายมาก ในตอนนั้นศัตรูโผล่มาสองคนน่าจะเป็นเพราะพวกฉันปรากฏตัวอย่างกะทันหันเกินไป คนพวกนั้นก็เลยเตรียมคนมาไล่ฆ่าพวกฉันไม่ทัน อีกทั้งคนที่เป็นเจ้าของมิติซ้อนทับไม่แม้แต่จะปรากฏตัวให้พวกฉันเห็นหรือพยายามมาขวางทางพวกฉันไม่ให้ไปออกจากมิติซ้อนทับด้วยซ้ำนั่นหมายความว่าเมื่อวันก่อนฝ่ายนั้นไม่ได้คิดจะล่าวารินอย่างจริงจังหรือพวกนั้นอาจจะแค่อยากจะทดสอบบางอย่างก็ได้ เพราะอย่างนั้นฉันจึงเห็นความจำเป็นที่วารินจะต้องฝึกฝนใช้พลังของเขาเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งมากขึ้น ฉันจำเป็นต้องเก็บความรู้สึกไม่พอใจไว้ในใจและช่วยวารินฝึ
ตอนที่ 8 แก๊ง DHฉันทิ้งตัวลงนอนคว่ำหน้าบนเตียงอย่างหมดแรง หลังจากกินข้าวอาบน้ำเสร็จเรียบร้อยฉันก็พบว่าร่างกายมันปวดเมื่อยยิ่งกว่าเดิม ทำเอาฉันไม่อยากจะขยับตัวเลยเพราะไม่ว่าจะขยับท่าไหนก็จะรู้สึกเจ็บกล้ามเนื้อไปหมด“ไม่น่าฝืนร่างกายเลย” ฉันก็ได้แต่บ่นกับตัวเองเพราะทำตัวเองล้วนๆ ซึ่งขณะที่ฉันกำลังนอนทรมานอยู่บนเตียงใครบางคนก็มานวดขาให้กันฉัน คนคนนั้นเป็นใครไปไม่ได้นอกจากแฟนหนุ่มของฉัน“ผมจะนวดให้ คุณจะได้ไม่รู้สึกปวดกว่าเดิมในวันพรุ่งนี้” วารินเอ่ยพลางยิ้มอ่อนโยน ไม่เพียงเท่านั้น การนวดของเขายังอ่อนโยนมากด้วย แรงที่เขาใช้นวดไม่มากหรือไม่น้อยเกินไปและจับถูกจุด การนวดของเขาจึงให้ความรู้สึกสบายและหายปวดเมื่อยไม่น้อย “ถ้าเจ็บตรงไหนก็บอกนะครับ” วารินพูดอย่างใส่ใจขณะนวดตั้งแต่ข้อเท้าของฉันจนถึงขาอ่อน“สบายมากเลยล่ะ” ฉันพึมพำและหายใจเข้าออกอย่างสบายตัว วารินจึงนวดต่อไปโดยไม่พูดอะไร หลังจากนวดขาแล้วเรียบร้อยเขาก็เลื่อนขึ้นมานวดสะโพกและหลังของฉัน มันสบาย
ตอนที่ 9 เตือนฉันแปลกใจเล็กน้อยเมื่อได้ทราบว่าบริษัท DH บริษัทสร้างเกมออนไลน์เติบโตขึ้นมากกว่าเมื่อก่อนมาก ทั้งที่เมื่อก่อนมีคนทำงานไม่ถึงยี่สิบคนด้วยซ้ำ แต่ตอนนี้กลับมีมากกว่าร้อยคนแล้ว ส่วนไนต์คลับที่มีชื่อว่า Dark Night ก็ขยายร้านสาขาได้มากถึงยี่สิบสาขาภายในสี่ปี น่าตกใจที่มันมาไกลกว่าที่คาดหวังไว้ในตอนแรกบริษัทเกม DH และ DN ไนต์คลับถูกก่อตั้งขึ้นมาเมื่อเจ็ดปีก่อนโดยแก๊ง DH ของพวกฉัน จุดเริ่มต้นที่ฉันและเพื่อนๆ ได้ก่อตั้งบริษัทพวกนี้ขึ้นมามันเริ่มมาจากว่าพวกฉันชอบเล่นเกมมากและติดเกมแบบสุดๆ และไม่รู้ว่านึกคึกคะนองอะไรขึ้นมาถึงตัดสินใจที่จะสร้างเกมขึ้นมาเล่นเอง พอดีว่าเจมส์มีความรู้เรื่องการเขียนโปรแกรมค่อนข้างมากพวกฉันจึงพอจะสร้างเกมออกมาเล่นได้ แต่เพราะอยากสร้างเกมที่ดีว่านี้พอเข้ามหาลัยพวกฉันจึงกระโดดเข้าไปเรียนวิศวะกันหมดทุกคนด้วยความที่พยายามศึกษาอย่างหนักในที่สุดก็สร้างเกมที่แสนยอดเยี่ยมออกมาเล่นได้สำเร็จและด้วยความที่อยากอวดให้คนอื่นได้เห็นว่าตัวเองสร้างเกมสุดยอดออกมาได้ก็เลยปล่อยขายเกมที่ช่วยกันสร้างขึ้นมา ซึ่งมันก็ดันประสบความสำเร็จสุดๆ พวกฉันจึงช่วยกันก่อตั้งบริษัทเล็กๆ
ตอนที่ 64 วารินแปลกไป“ขอบคุณที่ให้ผมได้เจอกับเลอาอีกครั้ง”“แต่คุณ….จะไม่บอกเลอางั้นเหรอ?”“ผมไม่ต้องการให้เลอารู้เรื่องที่เกิดขึ้นทางฝั่งนั้น….เธอจะเสียใจ”“…อย่างไรก็ตามผมหวังว่าคุณจะไม่ทำอะไรเกินเลยกันเลอา”“เลอาก็แฟนฉัน”“ไม่ เธอคือแฟนของผม”“…เราจะเถียงกันทำไมในเมื่อเรา---”“เลอาคือแฟนของผม”“…ก็ได้!”…………จากคำยืนยันจากวาริน ผู้นำผู้ก่อการร้ายอย่างอิระและหน้ากากอีกาได้เสียชีวิตแล้ว หลังจากนั้นสองวันหมอกสีแดงก็ถูกกำจัด เจ้าหน้าที่มุ่งหน้าจับกุมคนร้ายเพื่อคืนความสงบสุข อาจจะใช้เวลานานในการฟื้นฟูความเสียหายที่เกิดขึ้นแต่ทุกอย่างจะต้องถูกจัดการเก็บกวาดในท้ายที่สุดในขณะที่เจ้าหน้าที่ไล่จับกุมผู้มีพลังพิเศษที่ถูกสงสัยว่าเป็นผู้ก่อความไม่สงบแก๊ง DH ที่อยู่ในสถานที่เกิดเหตุด้วยเกือบจะถูกจับกุมไปด้วย แต่โชคดีที่พวกเขาได้รับการคุ้มครองจากอาเธอร์ที่ได้รับความดีความชอบที่สามารถกำจัดหมอกแดงได้และยังได้รับการยืนยันจากนายกว่าพวกเขาเป็นพลเมืองที่ถูกบีบให้ต่อสู้เพื่อปกป้องตัวเอง พวกเขาจึงยังไม่ได้รับบทลงโทษอะไรที่ใช้พลังเมื่อเลอาได้ทราบถึงเรื่องที่อาเธอร์ช่วยเหลือเธอก็แค่บิดยิ้มออกมาและกลอกตา
ตอนที่ 63 บทสุดท้ายของ ´ปกป้องหัวใจวาริน´ บทสุดท้ายของ ‘ปกป้องหัวใจวาริน’เขาแก้แค้นสำเร็จ เขาทำสำเร็จแล้ววารินยืนนิ่งท่ามกลางซากปรักหักพังของบ้านเมืองที่พังทลาย ไฟจากพลังจิตของอิระยังโหมกระหน่ำรอบตัวเขาแต่เจ้าของพลังจิตอย่างอิระได้ตายจากไปแล้ว ด้วยฝีมือของวารินเอง ไฟฟ้าของวารินเริ่มสงบลง ไม่สิ มันราวกับกำลังสูญเสียพลัง แก้แค้นสำเร็จแล้วอย่างไรต่อ? สุดท้ายแล้วคนรักของเขาก็ไม่อาจกลับมาได้ เขาสูญเสียจิตใจที่จะใช้พลังวารินไร้จุดมุ่งหมายที่จะมีชีวิตไปแล้ว เขาเดินข้ามศัตรูคนสุดท้ายของเขา ก้าวข้ามผู้ที่บอกว่ารักเขา โนอาห์ ก้าวข้ามอาเธอร์ที่เคยบอกว่าหลงใหลเขา วารินมองโนอาห์และอาเธอร์เพียงหาตา แม้ว่าที่ผ่านมาเขาจะโอนอ่อนต่อคำบอกรักของพวกเขา แต่แท้จริงแล้วเขาไม่เคยรู้สึกรักเลย แท้จริงแล้วเขาก็แค่หลอกใช้คนพวกนี้แล้วเขาจะทำอะไรต่อไปดีนะ…วารินเร่ร่อนอยู่นาน จนโลกที่วุ่นวายจากการกระทำของอิระเริ่มฟื้นตัว ทุกอย่างกลับมาสงบสุขดั่งเช่นวันวานแต่วารินรู้ว่าเขาไม่อาจเป็นดั่งเช่นวันวานได้“นายอยากได้จุดจบใหม่งั้นเหรอ?”วารินไม่แน่ใจนักว่าใครเป็นพูดกับเขา เขาพยักหน้าตอบกลับแต่ก็คิดใหม่และส่ายหน้า “ไม
ตอนที่ 62 ดวงจันทร์สีแดงวารินสัมผัสได้ถึงสายฟ้าที่แล่นอยู่บนฝ่ามือของเขา ศัตรูอยู่ตรงหน้าเขาแล้ว หากเป็นตัวเขาเมื่อก่อนที่หวาดกลัวพลังของตัวเองจะต้องไม่กล้าใช้พลังนี้ออกมาอย่างแน่นอน แต่ตอนนี้วารินรับรู้ดีว่าเขาเปลี่ยนไปแล้ว… ไม่สิ ความจริงแล้วตัวตนอันเย็นชานี้อาจเป็นตัวตนที่เขาพยายามเก็บไว้ในส่วนลึกของจิตใจมาตลอดวารินคิดว่าในตอนนี้เขาสามารถสังหารศัตรูได้โดยไม่รู้สึกอะไรเลยวารินและอิระยืนเผชิญหน้ากันอยู่ในสนามของโรงเรียน“คุณมาถึงขั้นนี้แล้วคงไม่คิดจะถอยสินะครับ และคงน่าจะเตรียมใจไว้แล้ว” วารินเอ่ย“เตรียมใจอะไรกัน? ถ้าเตรียมใจที่จะกลายเป็นราชาของมนุษย์ยุคใหม่ละก็ใช่” อิระเอ่ยขณะที่ปัดฝุ่นบนตัวที่ติดมาตอนที่ถูกลากออกมาจากโรงยิม “ว่าแต่ทำไมต้องเป็นนายทุกครั้งเลยนะที่ฉันต้องสู้ด้วย และทุกครั้งฉันก็กำจัดนายไม่ได้สักที โชคดีเกินไปแล้ว”วารินอดนึกถึงหนังสือเล่มหนึ่งขึ้นมาไม่ได้ ตัวเอกของหนังสือมักถูกโชคชะตาเข้าข้าง แต่หากเป็นเช่นนั้นจริงเขาไม่รู้สึกว่าถูกโชคชะตาเข้าข้างเลย เพราะการที่ต้องสูญเสียคนรักไปมันเป็นคำสาปมากกว่ามือของทั้งสองข้างของวารินถือปืนไว้ ทันใดนั้นเสียงเสียดสีบางอย่างก็
ตอนที่ 61 ห้องบอสพวกเราถูกย้าย หลายคนที่นี่ ผู้มีพลังจิตคนอื่น- บอส ที่นี่นั่นคือสัญญาณขอความช่วยเหลือสุดท้ายที่ระบบขอความช่วยเหลือของแก๊ง DH ได้รับ ผู้ขอความช่วยเหลือไม่ได้อธิบายสถานการณ์อย่างละเอียดหมายความว่าสถานการณ์ที่เขากำลังเผชิญอยู่ไม่ค่อยจะดีนัก“ผมพอจะเข้าใจสถานการณ์ได้คร่าวๆ เลยพยายามหนีออกจากที่นี่แล้ว แค่ดูเหมือนจะไม่ทัน” วารินอธิบายอย่างกังวลใจถูกย้าย ผู้มีพลังจิตคนอื่น…. ทันใดนั้นฉันก็นึกถึงผู้หญิงหน้ากากกวางฉันเห็นเมื่อครู่ เธอมีพลังเคลื่อนย้ายไม่ผิดแน่ เธอจะต้องเคลื่อนย้ายคนอื่นๆ ไปรวมกันในที่เดียว เธออะไรบางอย่าง‘บอส ที่นี่’ ในข้อความอาจจะหมายถึงพวกเขาถูกพาไปหาอิระ แล้วอิระทำไปเพื่ออะไรบางอย่างที่ไม่น่าจะดีนัก…คงไม่ใช่แผนอย่างกำจัดศัตรูให้หมดก่อนที่ศัตรูจะได้ตั้งตัวนะ พอคิดแบบนั้นฉันก็มองกำแพงหมอก ยิ่งคิดสีหน้ายิ่งแย่ลงเอาจริงดิ?[มีการแจ้งเตือนจาก ถล่มให้แหลก]การแจ้งเตือนเด้งขึ้นมาอย่างกะทันหัน ถล่มให้แหลก เนี่ยหมายถึงแอปสื่อสารพิเศษที่พวกเจมส์สร้างขึ้นมานั่นเอง ฉันก็ลืมมันไปเลยเพราะไม่ค่อยได้ใช้ในห้องแช็ตกลุ่มเจมส์: เลอาเจมส์: มีข้อความจากเจ้าคนที่ชื่อลันก
ตอนที่ 60 หมอกแดงคุณต้องการเข้าร่วมก่อนช่วยเหลือหรือไม่?[เข้าร่วม] [ปฏิเสธ]ข้อความจากผู้ขอความช่วยเหลือ : ช่วยด้วย! พวกเราถูกจับเป็นตัวประกัน! (ส่งตำแหน่งที่อยู่)ฉันแค่เข้ามาอวดพลัง : เจ้าจะให้ข้าไปช่วยเหลือเจ้าอย่างไร? นั้นมันกลางเมืองที่รัฐบาลประกาศว่าเป็นเขตอันตรายสูงไม่ใช่รึไง!? และโดยรอบเมืองถูกกองทัพทหารปิดกันเส้นทางไว้หมดแล้ว!ฉันแค่เข้ามาเล่นเกม : ไม่ใช่ว่าเราต้องรอฟังคำสั่งนอกรอบไม่ใช่รึไง ไหงไปอยู่ตรงนั้นได้โลกเริ่มอยู่ยากมากขึ้น : ถึงฉันจะอยู่ใกล้ก็ไปช่วยไม่ได้หรอก…ฉันไม่ได้มีพลังขนาดนั้น!พริกไทยป่น : สมาชิกหลักของแก๊งน่าจะอยู่ไม่ไกลนะ พวกเขาอาจไปช่วยได้สมาชิกวงใน : อันที่จริงหัวหน้ากับหัวหน้าใหญ่ก็อยู่ใกล้ๆ นั่นล่ะพริกไทยป่น : พวกเขาจะไปช่วยเหรอ? (สติกเกอร์ตื้นเต้น)สมาชิกวงใน : ไม่สมาชิกวงใน : หัวหน้าเลออนเล่นเกมอยู่ หัวใหญ่ก็นอนกกแฟนอยู่มะเขือ: !?มะละกอ: !!???อ่านแล้วสัมผัสถึงความไร้ความผิดชอบอย่างมาก ฉันก็เลยต้องยอมออกจากบ้านมาทำงานสักที ก็อยากจะปล่อยให้ทหารหรือไม่ก็หน่วยพิเศษจัดการเองอยู่หรอกแต่ก็ไร้ความรับผิดชอบเกินไป ดูเหมือนว่ากลุ่มแก๊งเล็กๆ ของฉันเหมือน
ตอนที่ 59 สิ่งไม่สำคัญก็ลืมมันไปการใช้ร่างจิตมีประโยชน์ตรงที่ไม่มีใครสังเกตเห็นตัวตนได้ มันเหมาะที่จะใช้สำหรับสังเกตการณ์ ฉันจึงใช้พลังถอดจิตของโนอาห์เพื่อที่จะได้มาสังเกตการณ์การต่อสู้ของวารินและอิระอย่างใกล้ชิด แต่ตอนนี้การต่อสู้เงียบมาสักพักแล้ว ฉันไม่เห็นว่าพวกเขาไปอยู่ส่วนไหนของเมืองที่เสียหายแห่งนี้แล้ว“งั้นคงต้องไปสำรวจรอบๆ ก่อน” ตอนนี้ฉันยังไม่รู้อย่างชัดเจนว่าลูกน้องของอิระซุ่มรอเวลาลงมืออยู่ที่ไหน ถึงจะคาดไว้ว่าพวกนั้นอาจจะกำลังซุ่มอยู่ในมิติขนาดของหน้ากากหมี แต่มันก็ยังไม่มีอะไรมายืนยันอีกทั้งมันค่อนข้างน่าสงสัยที่พวกนั้นยังอยู่เงียบๆ โดยไม่ยอมลงมือทำอะไรเลย อย่างอิระมันจะยอมให้ลูกน้องรออยู่เฉยๆ เพื่อช่วยตัวเองยามสู้กับวารินไม่ไหวเหรอ? ไม่น่าใช่ เจ้านั่นน่าจะสั่งให้ลูกน้องทำลายทุกอย่างที่ความขวางหน้าเพื่อเป้าหมายของตัวเองมากกว่าฉันจึงลองออกไปสำรวจรอบเมืองแต่ก็ไม่พบคนที่น่าจะเป็นคนของอิระ แต่ฉันพบคนธรรมดาแทน พวกเขาอยู่ในเขตที่น่าจะมีการอพยพไปแล้ว ไม่คิดเลยว่าจะมีคนที่ยังหลงเหลืออยู่และไม่ได้ถูกลูกหลงจากการต่อสู้ของวารินและอิระประชาชนมากมายได้รับความเสียหายจากความวุ่นวาย
ตอนที่ 58 ความสัมพันธ์ที่น่าสงสัยรู้สึกเหมือนนอนฝันร้ายไปเลย…ฉันตื่นขึ้นมาพร้อมกับอาการงัวเงียและพยายามลุกออกจากเตียงที่นุ่มนิ่มเพราะต้องการดื่มน้ำให้หายคอแห้ง พอเดินโซเซไปถึงห้องครัวและหยิบขวดน้ำมาดื่มฉันก็เดินไปนั่งงีบบนโต๊ะโดยที่หน้าหันไปทางหน้าต่าง ในตอนนั้นเองฉันมองออกไปนอกหน้าต่างของห้องครัวฉันรู้สึกไม่คุ้นเคยกับวิวทิวทัศน์นอกหน้าต่างเสียเท่าไหร่เลย วันสิ้นโลกมาถึงเมื่อไหร่กัน?นึกสงสัยว่าข้างบ้านเป็นซากประหลักหักพังตั้งแต่เมื่อไหร่ นึกไปนึกมาพอดื่มน้ำแล้วสมองก็ตื่นเต็มที่และพร้อมประมวลผลและในที่สุดฉันก็จำได้เสียทีว่าก่อนหน้านี้เกิดอะไรขึ้น ฉันถึงกับสำลักน้ำที่กำลังกลืนลงคอแล้วรีบวิ่งไปหน้าบ้านทันทีกวาดสายตามองซากประหลักหักพังครู่หนึ่งก่อนจะเหลือบไปเจอคนที่ตามหาอีกคนยืนอยู่บนตึก อีกคนลอยอยู่บนฟ้า ดูแล้วไม่มีฝ่ายไหนบาดเจ็บเลย ทั้งที่รอบตัวของพวกเขามีสภาพราวกับถูกขีปนาวุธยิงถล่มแค่สองคนนั้นเหรอที่ทำเมืองเละขนาดนี้? การต่อสู้ของผู้มีพลังจิตมันน่ากลัวจริงๆ ว่าแต่กองกำลังพิเศษหายไปไหนทำไมไม่โผล่มาเลยนะ ไม่สิ อย่างอิระคงไม่ยอมให้ใครเข้ามาขัดขวางศึกตัดสินนี้ของเขา มีความเป็นไปได้ว
ตอนที่ 57 ต่อสู้หรือระเบิดเมืองเลอารู้สึกสับสน ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเธอช็อกที่พบว่าไนต์คลับถูกเผาไม่เหลือซากและกลิ่นอายแห่งความตายรอบตัวหรือไม่ แต่เธอนึกอะไรไม่ออกเลยจริงๆ สิ่งที่วนเวียนอยู่ในหัวของเธอมีเพียง เลออนและคนอื่นๆ ของแก๊ง DH ที่ได้ตายไปแล้วพวกเขาตายแล้ว…มันเป็นความผิดของเธอ? เพราะเธอเองรึเปล่าที่ลากพวกเขาให้มายุ่งกับเรื่องนี้จนพวกเขาต้องถูกฆ่าและเผาอย่างโหดเหี้ยม…สมองของเลอาว่างเปล่า เธอกำลังปฏิเสธสิ่งที่ปรากฏอยู่ตรงหน้า เธอตัดสินใจถอยหลังและคิดจะวิ่งหนีออกจากตรงนี้ แต่เมื่อหันหลังเธอก็เห็นวารินกำลังเดินโซเซเข้ามาหา…ด้วยร่างที่โชคเลือด“เลอา…ช่วยผมด้วย” เสียงอันแหบแห้งของเขาเอ่ยเรียกเธอเลอายืนนิ่งดวงตาเบิกกว้างอย่างตกตะลึง เธออยากตะโกนเรียกวารินสุดเสียงแต่กลับไม่มีเสียงใดเปล่งออกมาจากลำคอของเธอ เธออยากจะวิ่งไปประคองวารินที่ซวนเซใกล้ล้มลง แต่ขาของเธอไม่ขยับ เธอไม่อยากจะเข้าไปสัมผัสเพราะไม่อยากรับรู้ว่าสิ่งที่เห็นตรงหน้านั้นเป็นของจริงหรือไม่ถ้ามันเป็นจริง…ไม่ มันต้องเป็นเรื่องโกหก! แต่…มันเหมือนจริงเกินไป“วาริน!” ท้ายที่สุดเลอาก็ทำลายความอ่อนแอและหวาดกลัวในใจทิ้งและรีบเข
ตอนที่ 56 ถูกทำลายDN ไนต์คลับก็เหมือนกับไนต์คลับทั่วไปหลังจากเปิดต้อนรับเหล่าผีเสื้อกลางคืนมาตลอดราตรีมันก็ต้องปิดลงหลังจากฟ้าสว่าง แต่ก็มีผีเสื้อราตรีบางตัวที่ไม่ยอมกลับบ้านกลับช่องหลังจากร้านปิด“คุณเลออน เช้าแล้วครับ” โกลเด้นปลุกคนที่เขาเคารพในความแข็งแกร่งที่กำลังนอนแผ่อยู่บนโซฟาหลังจากดื่มหนักมาเกือบทั้งคืน“อย่ามากวนน่า” เลออนไม่มีทีท่าจะยอมตื่นแต่อย่างใด“ลุกขึ้นมาทำงานครับ”“ฉันทำงานมาตลอดทั้งคืนแล้ว!”การที่คุณไปสังสรรค์กับลูกค้าแล้วดื่มเหล้าของร้านตัวเองทั้งคืนมันเรียกว่างานเหรอครับ? โกลเด้นไม่ได้ถามอย่างในความคิดแต่เขาพูดเรื่องงานขึ้นมาแทน “พวกเรากำลังจะทำความสะอาดร้านใหม่ทั้งร้านครับ อาจจะต้องทำความสะอาดแล้วจัดใหม่เลย เพราะงั้นตื่นขึ้นมาดูแลงานในฐานะเจ้าของร้านด้วย”เลออนตื่นขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ เขาสลัดคาบหนุ่มขี้เมาเช้ายันค่ำทิ้งและสวมคาบนักธุรกิจหนุ่มอย่างรวดเร็ว “ฉัน นัดหัวหน้ามาจัดปาร์ตี้ที่นี่ในอาทิตย์หน้า ฉันต้องทำให้ที่นี่ดูดีที่สุดหัวหน้าจะได้รู้ว่าตลอดสี่ปีมานี้ฉันพยายามแค่ไหนเพื่อให้สิ่งที่พวกเราร่วมสร้างกันมาเติบโตอย่างยิ่งใหญ่!”“ครับ!” โกลเด้นตะโกนตอบกลับเสี