โชคดีที่จางซินเยว่ไม่ได้คิดบัญชีกับหลินเฟยแต่อย่างใดเธอเพียงแค่กลอกตามองบนให้กับหลินเฟยเล็กน้อยเท่านั้นจางซินเยว่รู้ดีว่าหลินเฟยไม่ใช่คนที่ดีอะไร แล้วเขาจะปล่อยสาวสวยที่อยู่ข้างกายไปได้อย่างไรกันและแน่นอนว่าก็คงต้องลงเอยเหมือนกับเธอเป็นธรรมดาจางซินเยว่พูดอย่างใจกว้างว่า"หลินเฟย ทำไมยังไม่ดูแลใครเขาดีๆ ล่ะ"หลินเฟยยิ้มๆ และพยักหน้าตอบรับ"แน่นอน ผมต้องดูแลเธอเป็นอย่างดีอยู่แล้วล่ะ"หลินเฟยคิดไม่ถึงเลยว่า จางซินเยว่จะใจกว้างขนาดนี้ได้ดูเหมือนว่าเธอจะไม่สนใจความสัมพันธ์ที่ไม่ธรรมดาระหว่างซูเฉี่ยนเสวี่ยและตัวเองเสียด้วยซ้ำและความคิดที่กล้าหาญก็ผุดขึ้นมาในใจของหลินเฟยทันที...ครั้งต่อไปก็ร่วมสนุกด้วยกัน!ให้ซูเฉี่ยนเสวี่ยและจางซินเยว่อยู่ด้วยกัน และร่วมหลับนอนด้วยกันแบบนี้ขาเรียวยาวที่น่าทึ่งของซูเฉี่ยนเสวี่ยน และอาวุธพิเศษของจางซินเยว่...จุ๊จุ๊ แค่คิดก็ทำให้หลินเฟยเลือดเดือดพล่านแต่ทว่าก่อนที่ทุกอย่างจะเกิดขึ้น จำเป็นต้องมีการเตรียมการสักเล็กน้อยหลังจากที่ผู้หญิงทั้งสองคนได้รู้จักกัน เรื่องราวอะไรพันธุ์นั้นก็คงจะง่ายดายไม่ใช่เหรอ……หลังจากหญิงสาวทั้งสองคนได้แน
ส่วนเจียงเฉินหยู่ได้พยักหน้าอย่างเรียบเฉยมาก"อืม"แม้แต่คำพูดก็โพล่งออกมาเพียงไม่กี่คำเห็นได้ชัดว่าอำนาจของตระกูลเจียงมาถึงระดับนี้แล้วจางซินเยว่สอบถามความคิดเห็นของหลินเฟยแต่หลินเฟยกลับส่ายหน้าทันที แล้วพูดว่า"ไม่ร่วมมือ"เมื่อเห็นว่าหลินเฟยได้สร้างปัญหาขึ้นมาอีกแล้ว เจียงเฉินหยู่จึงพูดอย่างไม่รักษาน้ำใจว่า"ฉันมาพบกับเจ้าของเภสัชกรรมหนานผิง ไม่ใช่คุณสักหน่อย คำพูดของนายจะมีประโยชน์อะไร?"แต่หลินเฟยกลับหัวเราะอย่างไม่แยแส"ตรงนี้ คำพูดของผมมีประโยชน์เสมอ"เจียงเฉินหยู่ยังคงคิดว่าเป็นเพราะหลินเฟยกำลังโกรธเธออยู่จึงพูดอย่างช่วยไม่ได้ขึ้นมาว่า"อย่าก่อกวน คุณหลิน ด้วยพลังของตระกูลเจียงของเรา ไม่เคยมีคนที่จะปฏิเสธความร่วมมือแบบคุณเลย เพราะสุดท้ายแล้ว ไม่มีใครไม่เห็นความสำคัญของเงินทอง"แต่ทว่าคำพูดต่อจากนั้นของจางซินเยว่ได้ทำให้เจียงเฉินหยู่ตกตะลึงอยู่กับที่จางซินเยว่ได้พูดว่า"ไม่ผิดเลย ตรงนี้ คำพูดของเขามีประโยชน์เสมอ ต้องขอโทษด้วยจริงๆ นะคะ ตามความคิดเห็นของหลินเฟย พวกเราไม่สามารถร่วมมือกับพวกคุณได้ค่ะ"เจียงเฉินหยู่ตะลึงงันอยู่กับที่และบนใบหน้าที่งดงามนั้นก็ม
เหยียบสิ่งที่เธอคิดว่าสูงศักดิ์และวิเศษเลิศเลอให้ต่ำยิ่งกว่าหุบเหว ให้เธอตระหนักอย่างลึกซึ้งว่าสำหรับหลินเฟยแล้ว ตระกูลเจียงที่วิเศษวิโสนั้นไม่ได้อยู่ยงคงกระพันแต่อย่างใดหลังจากที่เจียงเฉินหยู่จากไปแล้วลูกค้าที่ต่อแถวยาวโดยรอบก็สอบถามหลินเฟยอย่างประหม่าว่า"คุณหลินคะ คุณจะร่วมมือกับตระกูลเจียงหรือเปล่าคะ? และจะขายยาเสริมความงามนี้เม็ดละห้าล้านหรือเปล่าคะ?"และแน่นอนว่าพวกเขารู้สึกเป็นกังวลในเรื่องนี้มากที่สุดด้วยประสิทธิภาพของยาเสริมความงามที่ดีขนาดนี้ มันสามารถขายได้ในราคาที่สูงจริงๆหากนายทุนที่กดขี่อย่างตระกูลเจียงเข้ามาร่วมแล้วละก็ ราคาของยาเสริมความงามนี้จะพุ่งสูงถึงเม็ดละห้าล้านเลยทีเดียว ซึ่งพวกเขาส่วนใหญ่ไม่สามารถที่จะซื้อมันได้เลยมีเพียงคนที่ร่ำรวยเท่านั้นที่จะสามารถสัมผัสมันได้และมันก็เป็นสิ่งที่พวกเขากังวลมากที่สุดเป็นธรรมดาแต่หลินเฟยกลับส่ายหน้าแล้วพูดว่า"ทุกคนวางใจได้นะ ผมไม่ร่วมมือกับตระกูลเจียงอย่างแน่นอน อีกทั้งเราเองก็สามารถจำหน่ายยาเสริมความงามด้วยตัวเอง ในตอนนี้ยาเสริมความงามยังคงราคาเม็ดละแสนห้าเหมือนเดิม หากต่อไปจะขยับราคาขึ้น เราจะทำการแจ้งในภายหล
แทบจะยุ่งตลอดทั้งวันเลยทีเดียวจนกระทั่งดึกดื่น หลินเฟยและคนอื่นๆ ก็เปิดไฟ โดยตั้งใจจะขายยาเสริมความงามเจ็ดพันเม็ดให้หมดซึ่งรวมยาเสริมความงามล็อตใหม่ที่หลินเฟยได้รีบผลิตออกมาด้วยแต่ถึงกระนั้นก็ยังมีลูกค้าอีกจำนวนหนึ่งที่ยังซื้อยาเสริมความงามไม่ทันหลินเฟยจึงทำได้เพียงพูดขอโทษทุกคนว่า"ต้องขอโทษจริงๆ นะครับ ทุกท่าน วันนี้ยาเสริมความงามได้ขายหมดแล้ว หากทุกท่านยังต้องการที่จะซื้อแล้วละก็ เชิญมาใหม่วันพรุ่งนี้นะครับ""หากดูแลทุกท่านไม่ทั่วถึง ต้องขออภัยจริงๆ นะครับ""หา? ขายหมดแล้วเหรอ แต่เราต่อแถวมาหลายชั่วโมงแล้วนะ""น่าเสียดายจริงๆ ใครเขาที่มาต่อแถวตั้งแต่ช่วงเช้าซื้อได้กันหมดแล้ว ต้องโทษที่เรามาช้าไป งั้นเรามาลุยกันต่อวันพรุ่งนี้ก็แล้วกัน""คุณหลินคะ พรุ่งนี้จะต้องเตรียมสินค้ามาให้พอนะคะ"หลินเฟยและจางซินเยว่ทั้งส่งข้าว ทั้งส่งซุปถั่วเขียวบริการของพวกเขาเหนือกว่าร้านขายยาหลายแห่งอยู่แล้วลูกค้าที่มาซื้อยาเสริมความงามก็รู้ดีว่าตัวเองมาช้าไป เดิมทีก็เป็นเพราะโชคของตัวเองอยู่แล้ว จึงไม่ได้ตำหนิหลินเฟยและคนอื่นๆ แต่อย่างใดท้ายที่สุดก็ทำได้เพียงแค่ทยอยออกไป รอมาต่อแถวตั้งแต
สายเรียกเข้าโทรศัพท์ได้ดังขึ้นและก็เป็นถังรั่วเสวี่ยที่โทรมาพอดีหลินเฟยไม่ได้กลับไปที่บ้านเป็นเวลาสองวันแล้วถังรั่วเสวี่ยรู้สึกเป็นห่วงหลินเฟยมาก จึงตั้งใจโทรมาสอบถามแบบนี้"เสี่ยวเฟย นายไม่ได้กลับมาบ้านสองวันแล้วนะ ไม่เป็นอะไรใช่ไหม?"หลินเฟยตอบกลับไปว่า"ไม่ต้องเป็นห่วงนะครับอาเล็ก ช่วงนี้ผมงานยุ่งเท่านั้นเอง วันนี้ก็จะกลับไปแล้วครับ""ได้ งั้นฉันรอนายอยู่ที่บ้านนะ"น้ำเสียงของถังรั่วเสวี่ยฟังดูแล้วทั้งกังวลและขุ่นเคืองใจในเวลาเดียวกันหลินเฟยได้ตัดสินใจกลับไปยังหมู่บ้านเถาฮวาในคืนนี้ตัวยาที่จะรักษาถังรั่วเสวี่ยอยู่กับตัวเขาตลอด แต่กลับไม่มีเวลากลับไปสักทีหลายวันไม่ได้เจอหน้า เขารู้สึกคิดถึงผู้หญิงสองสามคนนั้นขึ้นมาบ้างแล้วก่อนจากไป หลินเฟยได้หยิบยาเสริมความงามไปสองสามกล่อง และพูดกับจางซินเยว่ว่า"พี่ซินเยว่ คุณกลับไปพักผ่อนเถอะนะ คืนนี้ผมจะกลับไปที่หมู่บ้านแล้ว"จางซินเยว่พยักหน้า และมองดูหลินเฟยอย่างตัดใจไม่ได้อยู่เล็กน้อยแต่เธอก็รู้อยู่แล้วว่าหลินเฟยต้องการที่จะกลับไปแล้ว"โอเค งั้นคุณก็เดินทางปลอดภัยนะ พักผ่อนให้เต็มที่"จางซินเยว่มองไปยังกลุ่มผู้ถือหุ้นที
หลินเฟยถามถังรั่วเสวี่ยว่า"อาเล็กครับ ตอนนี้คุณรู้สึกยังไงบ้าง?"ภายใต้การกระตุ้นของการฝังเข็ม ถังรั่วเสวี่ยจึงมีการตอบสนองที่รุนแรงเป็นธรรมดา"รู้สึกชาที่ดวงตา และรอบๆ ดวงตาก็ชาๆ ด้วย"หลินเฟยลูบไปที่แก้มของถังรั่วเสวี่ย"งั้นตอนนี้คุณค่อยๆ ลืมตาขึ้นช้าๆ อย่ารีบร้อนนะครับ"ถังรั่วเสวี่ยคว้ามือของหลินเฟยเอาไว้อย่างกังวล จากนั้นก็ค่อยๆ ลืมตาคู่สวยแต่สลัวไร้แสงของตัวเองขึ้นท่ามกลางแสงสลัวๆ ถังรั่วเสวี่ยก็ค่อยๆ ฟื้นคืนการมองเห็นมีแสงสลัวๆ ส่งมาจากทั่วทุกสารทิศมันดูซับซ้อนและวุ่นวายอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ถังรั่วเสวี่ยพูดอย่างตื่นเต้นว่า"ฉันมองเห็นแล้ว แต่เพียงมองเห็นได้เล็กน้อยเท่านั้น มันดูคลุมเครือ และมองไม่ค่อยจะชัดสักเท่าไหร่"แต่ต่อให้จะเป็นแบบนี้ โลกที่มีแสงสว่างเกิดขึ้นมา มันทำให้ถังรั่วเสวี่ยตื่นเต้นเอาเสียมากๆเมื่อมองเห็นเงาของคนที่อยู่ตรงหน้า ถังรั่วเสวี่ยก็รู้ว่านั่นคือหลินเฟยนั่นเองเธอจึงกระโจนเข้าไปหาในทันที และร้องไห้ด้วยความดีใจอยู่ในอ้อมกอดของหลินเฟย"ฉันมองเห็นแล้ว ฉันมองเห็นแล้วจริงๆ เยี่ยมไปเลย เสี่ยวเฟย"หลินเฟยก็มีความสุขมากเช่นกันขณะที่ลูบหลัง
ถังรั่วเสวี่ยรู้สึกคุ้นเคยเสียงของพานเสี่ยวเหลียนและซูเสี่ยวโหรวมาตั้งนานแล้วจากน้ำเสียงของคนทั้งสอง มันก็สามารถตัดสินตัวตนของทั้งสองคนได้แล้วหลังจากที่มองเห็นสิ่งต่างๆ ได้แล้วนั้น ถังรั่วเสวี่ยก็อารมณ์ดีเป็นอย่างมากจากนั้นก็มองไปยังรูปลักษณ์และรูปร่างของพานเสี่ยวเหลียนและซูเสี่ยวโหรวอย่างพินิจพิเคราะห์และพยักหน้าชมสองคนนี้ว่า"เสี่ยวเหลียนเธอสวยจริงๆ เสี่ยวโหรวก็ด้วยนะ รูปร่างของพวกเธอดีมาก ออร่าก็สง่างาม เป็นสาวสวยที่หาได้ยากจริงๆ"ไม่ว่าถังรั่วเสวี่ยจะมองอย่างไรก็ไม่เพียงพอ"หากจะพูดก็ต้องพูดว่าเสี่ยวเฟยของเรานั้นโชคดีแค่ไหน ที่สามารถมีผู้หญิงที่สวยขนาดนี้ได้ ใช่ไหมล่ะ?"พานเสี่ยวเหลียนได้คุ้นเคยกับคำชมแบบนี้มาตั้งนานแล้ว แต่ซูเสี่ยวโหรวกลับหน้าแดงระเรื่อขึ้นมาทันทีเห็นได้ชัดว่า คำชมที่ถังรั่วเสวี่ยรวมเธอเอาไว้ในนั้นด้วย มันทำให้เธอตื่นเต้นและดีใจเอาเสียมากๆพานเสี่ยวเหลียนก้าวเข้าไปหาถั่งรั่วเสวี่ยสองก้าว จับมือเธอเอาไว้แล้วดุขึ้นมาว่า"พูดอะไรอย่างนั้นล่ะ ถึงเราสองคนจะสวยแค่ไหน รูปร่างจะดีอย่างไร มันก็เทียบกับคุณได้อย่างไรล่ะ?"เมื่อเห็นดวงตาที่สว่างสดใสของถังรั่ว
ปัญหาเล็ก ๆ น้อย ๆ เหล่านั้นก็พลันหายไป และไม่เพียงแค่เท่านั้นผิวขาวนวลของทั้งสามสาวยังแดงระเรื่อ เลือดฝาดมีน้ำมีนวลเอาเสียมากๆละเอียดอ่อนไร้ที่ติ อวบอิ่มและนุ่มนวลยากเกินกว่าจะปล่อยวางได้ไม่เพียงเท่านั้น พานเสี่ยวเหลียนและถังรั่วเสวี่ยทั้งสองสาวยังคงสดใส ดูขาวใสมีน้ำมีนวลกว่าสาวน้อยที่เห็นทั่วไปด้วยซ้ำ ส่วนออร่าแบบผู้ใหญ่ที่บรรลุนิติภาวะแล้วของภรรยาที่ควรจะมีก็ยังคงมีอยู่ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ มันจึงกลายเป็นความสมบูรณ์แบบไปโดยปริยายหลินเฟยเห็นว่าพานเสี่ยวเหลียนและพวกสาว ๆ มีเสน่ห์มากขึ้นกว่าเดิม เขาเองก็อดไม่ได้ที่จะยื่นมือออกไป บีบผิวขาวและบอบบางที่แค่เป่าก็แทบจะแตกหักได้ของถังรั่วเสวี่ย “เป็นยังไงบ้าง? ผมไม่ได้โกหกพวกคุณใช่ไหมล่ะ”เดิมทีผู้หญิงสามคนเดินอยู่ข้างนอกก็มักจะเป็นศูนย์กลางของสายตาอยู่แล้ว พอมาพิจารณาจากสถานการณ์ปัจจุบันของพวกเธอแล้ว ขืนพวกเธอยังออกไปเดินเพ่นพ่านบนถนนอีก ผู้ชายทุกคนคงจะเป็นบ้ากันหมดพอมาเทียบกับสาวน้อยวัยใสอายุสิบกว่าปี แทบจะไม่มีความแตกต่างอะไรเลย“ที่แท้ก็เป็นเรื่องจริง ฉันเองก็ไม่เคยคิดเหมือนกันว่าตัวเองจะสวยได้ขนาดนี้”พานเสี่ยวเหลียน
ท่ามกลางความสะลึมสะลือ ถังรั่วเสวี่ยก็สัมผัสได้ถึงมือใหญ่ที่อบอุ่นที่แสนจะคุ้นเคยคู่นั้นบนร่างกายของเธอ เป้าหมายของการลูบไล้นั้นชัดเจนเป็นอย่างมากด้วยสัมผัสที่แสนจะคุ้นเคยนี้ มันทำให้ถังรั่วเสวี่ยตื่นขึ้นมาจากความฝัน ทั้งโลภและหลงใหลเป็นอย่างมาก"เสี่ยวเฟย ไม่ได้นะ หยวนหยวนยังอยู่ที่นี่…"ท่ามกลางความมืดในยามราตรี ถังรั่วเสวี่ยมองไม่เห็นหลินเฟย แต่เธอสามารถสัมผัสได้ว่าเป็นหลินเฟยที่อยู่บนตัวเธออุณหภูมิที่ร้อนจัดทำให้ถังรั่วเสวี่ยหายใจถี่ๆ เธอโอบกอดหลินเฟยเอาไว้ และกระซิบเบาๆ ออกมาเดิมทีเธอยังคิดว่าหลินเฟยได้มาตอนกลางวันแล้ว ตอนกลางคืนเขาจะไม่มาเสียอีกคิดไม่ถึงเลยว่าหลินเฟยจะมาตอนดึกดื่นแบบนี้ได้ช่างเป็นหนุ่มน้อยที่บ้าคลั่งเสียจริงๆ..."ไม่เป็นไรหรอกครับอาเล็ก เธอหลับไปแล้ว ผมเบาๆ หน่อยก็โอเคแล้วล่ะ""อาเล็ก อาน้ำลายไหลแล้วนะ คงจะกระหายน่าดู ให้ผมช่วยดับกระหายให้นะ"หลินเฟยหัวเราะเบาๆ พร้อมกับเอื้อมมือไปถอดชุดแนบเนื้อของถังรั่วเสวี่ยออกแม้ว่าจะมืดสนิท แต่สำหรับหลินเฟยแล้ว มันไม่ต่างอะไรจากตอนกลางวันใบหน้าที่แดงระเรื่อ รวมไปถึงดวงตาที่พร่าเบลอของถังรั่วเสวี่ยมันยิ่
เพราะต้องการรู้ความลับของโลกซ่อนเร้นจากตัวของพวกเขานั่นเองผู้หญิงที่เป็นผู้นำมาจากตระกูลอาจารย์หยินหยางที่ได้รับความเคารพนับถือมากที่สุดจากทุกคนในประเทศซากุระ ตั้งแต่บุคคลสำคัญไปจนถึงชาวบ้าน!เชียนเย่เจียจื่อจากตระกูลเชียนเย่โดยที่ตัวเธอเองยังเป็นอาจารย์หยินหยางที่มีสถานะสูง ซึ่งสามารถควบคุมพลังของผีและเทพเจ้าได้!"แม้ว่าบางส่วนของร่างกายจะหายไป แต่เขาเต็มไปด้วยความโกรธแค้น เป็นวัตถุดิบในการปลุกศพได้ดีจริงๆ""พวกนายสองคนไปเอาตัวเขาขึ้นมา"เมื่อได้ยินสิ่งที่ผู้ชายที่อยู่ด้านหลังพูด เชียนเย่เจียจื่อก็หรี่ตาที่เรียวเล็ก พร้อมพูดด้วยน้ำเสียงที่ทรงเสน่ห์จากภายในออกมา"รับทราบรับ ท่านเชียนเย่!"ในไม่ช้า ชายทั้งสองก็ได้เดินลงไปช้อนร่างเจียงอู๋เซี่ยวขึ้นมาจากสระ พร้อมหามมาวางที่หน้าของเชียนเย่เจียจื่อ"ให้พวกนายไปตรวจสอบ ได้ความว่าอย่างไรแล้ว?"เชียนเย่เจียจื่อย่อตัวลง มองสำรวจไปยังร่างของเจียงอู๋เซี่ยวโดยไม่รู้สึกกลัวแต่อย่างใดดูเหมือนว่าเธอจะคุ้นเคยกับมันเป็นอย่างดี พร้อมกับถามโดยไม่เงยหน้าออกมา"ตรวจสอบเรียบร้อยแล้วครับท่านเชียนเย่ พรุ่งนี้เช้าสิบโมง ยอดเขาจิ่วหลงซาน พวกจอมยุ
"ในเมื่ออาจารย์ลุงเอ่ยปากออกมาแล้ว อู๋เซี่ยวจะกล้าขัดได้อย่างไรล่ะครับ?""ไม่รู้ว่าอาจารย์ลุงมีเรื่องอะไรที่รบกวนจิตใจอยู่ พูดให้อู๋เซี่ยวฟังหน่อยสิครับ ไม่แน่ว่าอู๋เซี่ยวอาจจะช่วยอาจารย์ลุงแก้ปัญหาได้"ตอนนี้เจียงอู๋เซี่ยวอยู่ในการคุ้มครองของคนอื่น และยังต้องการให้กู่หรูหลงพาเขากลับโลกซ่อนเร้นอีกต่างหากแน่นอนว่าเขาไม่กล้าที่จะปฏิเสธคำชวนของกู่หรูหลงอยู่แล้ว หลังจากที่ครุ่นคิดอยู่สักพัก เขาก็พูดขึ้นมาว่า"เอาไว้คุยกันตอนที่ออกไปนอกโรงแรมแล้ว ที่นี่หูตามันเยอะ เรื่องบางอย่างไม่สะดวกที่จะพูดในตอนนี้"กู่หรูหลงไม่ได้พูดอะไรออกมาสักคำ เขาหันหลังและนำทางอยู่ข้างหน้าเจียงอู๋เซี่ยวเดินตามกู่หรูหลงออกจากโรงแรม จนมาถึงเชิงเขาของจิ่วหลงซานโดยมีสระน้ำที่ลึกจนมองไม่เห็นก้นสระ"อาจารย์ลุงครับ ท่านได้ให้ศิษย์พี่ฮว่าและศิษย์พี่ฉางเล่อไปซื้อยามาให้หลานไม่ใช่เหรอครับ?""ทำไมสองวันมานี้ อู๋เซี่ยวถึงไม่ได้เจอศิษย์พี่ฮว่าและศิษย์พี่ฉางเล่อเลยล่ะครับ"เจียงอู๋เซี่ยวเป็นฝ่ายเอ่ยถามกู่หรูหลงก่อน"อ้อ ไอ้สองคนนั้นไม่รู้ว่าไปเถลไถลที่ไหนแล้ว นี่ก็สองวันแล้วยังไม่กลับมาเลย""วันนี้ข้าออกไปตามหาก็
"ผมจะเป็นอะไรไปได้ เสี่ยวหยู่คุณอย่าได้เป็นห่วงเลยนะ""วันนี้คุณออกไปทำงานทั้งวัน เหนื่อยหรือเปล่า?""อยากจะให้ผมบีบๆ นวดๆ ขาให้คุณไหมล่ะ?"เมื่อสัมผัสความเป็นห่วงที่เจียงเฉินหยู่มีต่อเขาหลินเฟยอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมาเขาดึงเจียงเฉินหยู่ไปนั่งบนเตียง พร้อมพูดเอาอกเอาใจ"เฮ้อ ฉันวิ่งวุ่นมาทั้งวัน แม้แต่ข้าวปลาก็ไม่ได้กิน คุณว่าฉันเหนื่อยหรือเปล่าล่ะ?""ถือว่าคุณยังมีจิตสำนึกอยู่ ยังรู้จักเป็นห่วงฉัน""เดี๋ยวตอนนวดคุณเบามือหน่อยนะ ฉันล่ะกลัวว่าคุณจะเผลอนวดจนไหล่ของฉันทรุดไปแล้วจริงๆ"เจียงเฉินหยู่พูดล้อเล่น พร้อมกับหันหลังให้กับหลินเฟย"แหะๆ โอเค รับรองว่าผมจะนวดเบาๆ!"หลินเฟยวิ่งไปล้างมือในห้องน้ำ และกลับมาอย่างรวดเร็วเขาวางมือบนไหล่ของเจียงเฉินหยู่และคลำไปจนถึงคอเสื้อของเธอจากนั้นก็เลื่อนไปตามผิวเรียบเนียนไร้ที่ติ พร้อมกับสอดลึกเข้าไป นวด บีบ และหยอกล้อและมันก็ทำให้เจียงเฉินหยู่คร่ำครวญออกมาอย่างทันที"อืม...คนผีทะเล ฉันเหนื่อยจะตายอยู่แล้วนะ""คุณยังคิดจะมาแกล้งฉันอีก ปล่อยเดี๋ยวนี้ อย่ามาเล่นมั่วๆ!"แต่ทว่ามือของหลินเฟยกลับเอาแต่ใจ พร้อมพูดด้วยรอยยิ้มที่ชั่วร้ายว่
"ทำได้ครับ สิ่งเหล่านี้มันเป็นเรื่องที่ง่ายมาก พวกเราสองปู่หลานทำได้อยู่แล้วครับ"กู่หรูหลงทำมือคารวะอย่างชาญฉลาดรวมไปถึงกู่เยว่อิ๋งที่ยืนกรานอย่างแข็งขันเมื่อครู่ที่ผ่านมา เธอก็ได้เปลี่ยนทัศนคติและพยักหน้าตอบรับอย่างถ่อมตัวในทันที"โอเค ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นพวกนายปู่หลานก็กลับไปที่โรงแรมจิ่วหลงซานก่อนเถอะ รอให้ถึงพรุ่งนี้เช้า""ฉันก็จะไปร่วมประลองจอมยุทธ์ด้วยตัวเอง ถึงตอนนั้น หากฉันมีอะไรให้รับใช้ ค่อยเรียกพวกนายปู่หลานก็แล้วกัน"หลินเฟยรำพันอยู่ในใจว่า 'คำสาบานโลหิต' นั้นมีประโยชน์แบบสุดๆ และในเวลาเดียวกัน เขาก็โบกมือเพื่อส่งสัญญาณให้กู่หรูหลงและกู่เยว่อิ๋งถอยออกไปเสียก่อนซึ่งก็เป็นเวลานี้ที่เขาได้ยินเสียงฝีเท้าที่รีบเร่งได้ดังแว่วมา และนั่นก็คือโอวหยางเยี่ยนและโอวหยางชงที่ได้วิ่งตามมานั่นเองเมื่อเห็นหลินเฟยไม่เป็นอะไรเลยแม้แต่น้อยตรงกันข้ามกับกู่หรูหลงที่จากไปโดยเสียแขนไปหนึ่งข้าง และดูแก่กว่าเดิมเป็นอย่างมากแม้แต่กู่เยว่อิ๋งที่เดิมตามหลังก็ก้มหน้าก้มตาราวกับถูกสูบวิญญาณไปอะไรแบบนั้นและนั่นก็ทำให้พวกเขาสองพ่อลูกตกตะลึงจนหน้าถอดสีเลยทีเดียว!"สหายน้อง หรือว่านายจะ
น้ำเสียงของหลินเฟยเผด็จการ และเร่งเร้าอย่างหงุดหงิดเต็มที่"คุณปู่คะ เราจะทำอย่างไรกันดี?""หนูอายุยังน้อย หนูยังไม่อยากตายนะคะคุณปู่ พี่เซียวเฟิงกำลังรอหนูอยู่นะคะ…""เพียงแต่ว่าคุณปู่ หากจะให้หนูยอมเป็นทาสรับใช้เขาแล้วละก็ งั้นหนูก็ยอมตายเสียดีกว่า!"กู่เยว่อิ๋งตื่นตระหนก เธอไม่สามารถตัดสินใจอะไรได้ พร้อมกับร้องไห้สะอึกสะอื้นกับกู่หรูหลง"เยว่อิ๋ง กระบวนท่าที่เจ้าเด็กนั่นใช้ ปู่ไม่เคยพบไม่เคยเห็นมาก่อน ปู่ก็ไร้หนทางด้วยเหมือนกัน""ปู่ก็ไม่อยากจะประนีประนอมเหมือนกัน แต่การมีชีวิตอยู่ ยังไงมันก็ดีกว่าตายเป็นไหนๆ""ยังไงพวกเราก็ยอมๆ ไปเถอะ อย่างแย่ที่สุดต่อไปก็ยังมีโอกาสหลบหนีกลับไปที่โลกซ่อนเร้น และไม่ต้องกลับมาเหยียบที่โลกปัจจุบันอีกก็ได้"และกู่หรูหลงที่เพิ่งจะสำเร็จว่าที่มหาจอมยุทธ์ได้เมื่อครู่ที่ผ่านมา อายุของเขาก็ได้ยืดออกไปกว่าห้าสิบปีแล้วซึ่งในอีกห้าสิบกว่าปีข้างหน้า ไม่แน่ว่าเขาอาจจะมีโอกาสสำเร็จขั้นมหาจอมยุทธ์ก็เป็นไปได้กู่หรูหลงยิ่งไม่อยากตายมากกว่าเดิม เขาลังเลอยู่สักพัก ในที่สุดก็ถอนหายใจหนักๆ ออกมา พร้อมกับกระซิบกับกู่เยว่อิ๋ง"ในเมื่อพวกแกยอมมาเป็นทาสฉัน งั้น
กู่หรูหลงร้องขอความเมตตาอย่างสุดใจ แต่ทว่าหลินเฟยกลับไม่มีความคิดที่จะปล่อยพวกเขาไปแต่อย่างใดล้างแค้นสิบปีก็ยังไม่สาย ความจริงที่แสนจะเรียบง่ายนี้ หลินเฟยยังคงเข้าใจได้ดีแต่อย่างไรก็ตาม หลินเฟยไม่ได้เป็นปีศาจหรือฆาตกร ให้เขาฆ่ากู่หรูหลงและกู่เยว่อิ๋ง เขาก็ทำไม่ได้ด้วยเช่นกัน"พี่สาว งั้นพี่ก็ดูดกำลังภายในของเขาให้หมดสิ้น แล้วผมจะให้ผู้อำนวยการโม่ขังพวกเขาไปตลอดชีวิตก็แล้วกัน"ท้ายที่สุด หลินเฟยก็ถอนหายใจ และพูดตัดสินใจออกมา"ไม่ต้องหรอก คนคนนี้เจ้าโจมตีด้วยตัวเอง""เจ้าก็เก็บเอาไว้เป็นทาสเถอะ""ต่อไปหากพบจอมยุทธ์โบราณที่แข็งแกร่งจริงๆ ถึงตอนนั้นข้าค่อยดูดพลังลมปราณก็ยังไม่สาย""อีกอย่าง ขอแค่เจ้าควบคุมเขาได้ เจ้าก็สามารถสั่งให้เขาไปตามหาหินวิญญาณและหญ้าวิญญาณในโลกซ่อนเร้นได้ แบบนี้จะทำให้เจ้าสามารถบรรลุข้อตกลงกับข้าได้เร็วขึ้นด้วย"สิ่งที่ทำให้หลินเฟยคิดไม่ถึงก็คือ หลงอู่ได้ให้คำตอบแบบนี้ออกมาและในน้ำเสียงนั้น ยังมีการชื่นชมปะปนอยู่ด้วย"ให้ผมรับไว้เป็นทาส? ผมไม่ได้มีบุญคุณกับพวกเขาเหมือนกับโอวหยางเยี่ยนและลูกชายแบบนั้น มีแต่ความแค้นล้วนๆ เลยก็ว่าได้""แล้วพวกเขาจะยอมมาเ
สิ่งนี้ทำให้เขารู้สึกหงุดหงิดและเดือดดาลแบบสุดๆ ในขณะเดียวกัน เขาก็รู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาเรื่อยๆ แล้วในตอนนี้!เพราะวิธีการของหลินเฟย เขาไม่เคยได้พบเห็นมาก่อน!"คุณปู่ คุณปู่รีบถอดเสื้อมาดับไฟเร็วเข้า!"กู่เยว่อิ๋งก็ตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน พร้อมตะโกนเตือนเสียงดังออกไปทันที"ไม่ต้องหรอก ปู่มีวิธีของตัวเอง"กู่หรูหลงถ่ายเทพลังงานลงในแขนที่กำลังลุกไหม้ จากนั้นก็กระทืบเท้าลงไปที่พื้นอย่างเต็มแรงแปร๊ะ แปร๊ะ!แต่ทว่า หลังจากที่กู่หรูหลงได้ดึงแขนออกมา เปลวไฟดวงนั้นก็ยังคงไม่มีทีท่าว่าจะมอดลงไปแต่อย่างใด!กู่หรูหลงถอดเสื้อออก และเปลวไฟก็ไหม้แขนของเขาจนเลือดและเนื้อผสมปนเปกันไปหมด!เมื่อเห็นว่าอีกไม่นาน แขนของเขาก็คงจะไหม้ไปเสียทั้งหมดแล้ว!กู่หรูหลงก็ทำได้เพียงอดกลั้นต่อความเจ็บปวด พร้อมกับดึงมีดออกมาตัดแขนข้างขวาของตัวเองออกไปทั้งหมด!เพราะไม่อย่างนั้นแล้ว เปลวไฟที่แปลกประหลาดนี้ก็จะลามไปทั่วตัวและเผาเขาให้ตายทั้งเป็นอย่างแน่นอน!"ไอ้สารเลว ไอ้เด็กเมื่อวานซืน นี่จริงแกก็ออกมาประจันหน้ากับข้าเลยสิ!""ข้าจะสับแกเป็นชิ้นๆ อย่างแน่นอน!"กู่หรูหลงกุมบาดแผลที่เกิดจากกา
ในขณะนี้ เวลาก็ได้ล่วงเลยมาสองทุ่มกว่าๆ แล้ว ท้องฟ้าไร้ซึ่งดวงจันทร์มีดวงดาวเพียงไม่กี่ดวงที่ส่องแสงกะพริบจางๆ ออกมาภายในภูเขาชิงซาน เมื่อความมืดได้คืบคลานเข้ามา มันจึงทำให้บรรยากาศดูมืดมิดมากยิ่งขึ้นแต่ทว่าความเร็วของหลินเฟยยังไม่ได้ลดลงแต่อย่างใด เขาสามารถหลบหลีกหินที่นูนสูงเหล่านั้นได้อย่างคล่องแคล่วความมืดในยามค่ำคืน ไม่ได้ทำให้ความสามารถในการใช้ตาทิพย์ของเขาลดลงแต่อย่างใดหลินเฟยหันกลับไปมอง และพบว่ากู่หรูหลงไม่ได้เร็วเท่ากับตอนแรกอีกต่อไปหลินเฟยรู้ดีว่า นั่นไม่ใช่เพราะกู่หรูหลงเหนื่อยล้า แต่เป็นเพราะความสามารถในการมองเห็นของกู่หรูหลงลดลงเมื่ออยู่ในตอนกลางคืนนั้นเองส่วนโอวหยางเยี่ยนและลูกชายที่ติดตามมาท้ายสุดก็ถูกสลัดทิ้งโดยไม่เห็นแม้แต่เงาแล้วในตอนนี้!"กู่หรูหลง อย่างน้อยๆ แกก็เป็นถึงว่าที่มหาจอมยุทธ์ ทำไมช้าอย่างกับเต่าแบบนี้?""ขืนแกยังชักช้าอยู่ ฉันก็คงจะเบื่อจนหลับไปแล้วนะ""ด้วยความเร็วแบบนี้ แกยังคิดจะฆ่าฉันอีกงั้นเหรอ? กลับบ้านไปนอนฝันซะดีกว่า!"หลินเฟยตั้งใจชะลอความเร็ว และหันมาพูดเหน็บแนม"ไอ้หนุ่ม แกอย่าได้ชะล่าใจไปเลย แม้ว่าความเร็วของข้าจะสู้แกไม่ได