Home / รักโบราณ / แพทย์หญิงย้อนเวลามาเป็นหมอยาต่างยุค / บททที่ 2 วังวนเดิมที่แสนชิงชัง (2)

Share

บททที่ 2 วังวนเดิมที่แสนชิงชัง (2)

last update Last Updated: 2025-02-20 18:43:52

ฟู่หรง "อ้าว หนิงเอ๋อร์ ไม่พักหรือ ออกมาทำไมเล่า"

ฟู่ซูหนิงส่ายศีรษะ "ท่านยายเจ้าคะ ให้ข้าเป็นคนรักษาเขาได้หรือไม่"

ประจวบเหมาะกับที่ต่งควนเดินเข้ามา "ไหนเจ้าบอกจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างไรเล่า"

จริงดังว่า นางไม่อยากข้องเกี่ยวกับเขาสักเสี้ยว ทว่าฟู่ซูหนิงประสงค์ให้ฉืออิ้งเทียนออกจากหุบเขาร้อยโอสถโดยเร็วต่างหาก โอกาสครั้งนี้ฟู่ซูหนิงขอเลือกเป็นหมอหญิงไร้สามารถ มิขออาจเอื้อมก้าวเข้าสู่รั่ววังชั่วชีวิต

"ท่านตาสอนข้าเอง ยามเมื่อเราเห็นคนลำบากก็ต้องรู้จักยื่นมือเข้าช่วยเหลือมิใช่หรือเจ้าคะ อีกอย่างข้าจะได้พัฒนาฝีมือการแพทย์ของตนเองด้วยเจ้าค่ะ"

ฟู่หรงอมยิ้ม มือเหี่ยวย่นลูบไล้เส้นผมสีดำขลับของหลานด้วยความเอ็นดูยิ่ง "ในที่สุดหลานยายก็โตเสียที"

ฟู่ซูหนิงยิ้มแฉ่ง ทว่าภายในใจช่างฝืดฝืนเหลือทน "ท่านตาท่านยายสอนมาดีอย่างไรเจ้าคะ"

"หนาว หนาวเหลือเกิน อย่าทิ้งข้าไป..." เสียงทุ้มแหบพร่าสั่นเครือดังขึ้นตัดบทสนทนา

"ท่านตา ข้าดูแลเขาเองเจ้าค่ะ"

ชายชราชะงักฝีเท้าลง "แน่ใจหรือ"

ฟู่ซูหนิงพยักหน้าหงึกหงัก "เจ้าค่ะ ท่านอย่าลืมว่าหลานของท่านอัจฉริยะเชียวนะเจ้าคะ ท่านลืมแล้วหรือ ว่าข้าท่องตำราการแพทย์ได้ทั้งหมดตั้งแต่อายุเพียงหกขวบ"

ฟู่หรงหัวเราะร่วนกับท่าทีคุยโวโอ้อวดของหลานสาว จากนั้นเหลียวมองผู้เป็นสามี "เอาเถิด ท่านปล่อยให้หลานดูแลเขาดีแล้ว วันนี้กระดิ่งดังไม่หยุดหย่อน คงมีชาวบ้านแวะมาขอความช่วยเหลือเยอะเลย เราออกไปดูเสียหน่อยเถิด"

ต่งควนพยักหน้าด้วยความเข้าใจ สองตายายผละจากไปแล้ว เขาไว้ใจฝีมือการแพทย์ของฟู่ซูหนิงเสมอ นางไม่เคยทำพลาดแม้เพียงครั้งเดียว

ฟู่ซูหนิงมองตามแผ่นหลังสองตายายจนลับสายตา ร่างระหงยอบกายนั่งเก้าอี้ข้างแคร่ไม้ไผ่ นัยน์ตาดอกท้อจดจ้องริมฝีปากซีดขาวซึ่งยังขยับเอ่ยคำว่าหนาว และอย่าทิ้งข้าไป ดุจติดอยู่ในวังวนใดสักอย่าง

ฟู่ซูหนิงระบายลมหายใจอ่อน "เอาล่ะ ข้าจะช่วยเหลือท่านแค่เพียงหนนี้ หลังจากนั้นต่างคนต่างไป อย่าได้หวนมาพบกันอีกเลย อิ้งเทียน"

ฟู่ซูหนิงจับจุดชีพจรบนข้อมือแกร่ง ฉืออิ้งเทียนต้องพิษชนิดเดิมไม่แปรเปลี่ยน เรื่องวางยาพิษในชาติก่อนมิทันคลี่คลาย นางก็ต้องตายจากมาอย่างน่าอนาถ

"อิ้งเทียน นะอิ้งเทียน ท่านไปสร้างศัตรูที่ใดมาบ้างเล่า เหลือเชื่อจริง ๆ รู้จักท่านก็เปรียบดั่งก้าวเท้าลงสู่แดนอเวจีดี ๆ นี่เอง"

"นะ...น้ำ น้ำ"

ฟู่ซูหนิงหยิบป้านชาขึ้น จากนั้นรินชาหอมกรุ่นลงไปยังถ้วยใบเล็ก นางประคองร่างกำยำไว้บนอ้อมแขน จากนั้นป้อนชาอุ่น ๆ ให้อีกฝ่ายเพื่อดับกระหาย

แค่ก แค่ก

"ท่านใจเย็น ๆ ค่อย ๆ ดื่ม"

ฉืออิ้งเทียนเริ่มมีสติรับรู้ ชายหนุ่มเปิดปรือเปลือกตาขึ้นแช่มช้า ทว่าภาพเบื้องหน้าเลือนรางจนนับว่าเกือบมืดสนิท "จะ...เจ้าเป็นใคร"

"ข้าเป็นใครไม่สำคัญ ยามนี้ท่านได้รับพิษซึ่งแทบเรียกว่าไร้ยาถอน แต่ท่านก็ช่างดวงแข็งเสียจริง หลงเข้ามาได้ถึงหุบเขาร้อยโอสถ ข้ามหมอกพิษมาได้คงเพราะพิษที่อยู่ในกายของท่านกระมัง"

คิ้วเข้มขมวดมุ่นแทบผูกเป็นปม "หุบเขาร้อยโอสถ?"

ฟู่ซูหนิงปิดปากฉับ

"อ้อ... ไม่มีอะไร ท่านตาของข้าพบท่านบริเวณพงหญ้าท้ายหุบเขา ท่านจำได้หรือไม่ว่าเกิดสิ่งใดขึ้น"

"ข้าจำได้เพียงเลือนราง แต่ยามนี้ข้ามองไม่เห็นอะไรเลย หรือว่าข้ากำลังจะตาบอดงั้นหรือ"

"อืม...ใช่กระมังเจ้าคะ"

ฉืออิ้งเทียนตะลึงงัน เขาต้องกลายเป็นองค์ชายตาบอดจริงหรือนี่

ฟู่ซูหนิงเหลือบมองท่าทีนิ่งค้างของเขา จึงเอ่ยขึ้น "ท่านไม่ต้องกังวล ในเมื่อท่านตาของข้าช่วยเหลือท่านแล้ว ย่อมไม่ปล่อยให้ท่านตาบอดอย่างแน่นอน"

"ขอบคุณท่านตา และขอบคุณเจ้า ไม่ทราบแม่นางชื่อเสียงเรียงนามใด"

"ท่านและข้า ไม่ต้องรู้จักกันจะดีกว่า เอาเป็นว่าเมื่อร่างกายของท่านแข็งแรงข้าจะเขียนจดหมายให้องครักษ์ของท่านมารับ"

คิ้วเข้มเลิกขึ้นด้วยความฉงน นางทราบได้อย่างไรว่าเขามีองครักษ์ "แม่นาง เจ้าบอกว่าองครักษ์งั้นหรือ เจ้าทราบเรื่องนี้ได้อย่างไร"

ฟู่ซูหนิงกระแอมเบา "อ่า...ข้าเดาจากอาภรณ์บนกายของท่าน ช่างดูมีราคาเสียนี่ปะไร ข้าคงคิดไม่ผิดว่าท่านอาจเป็นคุณชายผู้สูงศักดิ์ หรือไม่ก็อาจเป็นองค์ชายก็ได้ผู้ใดจะรู้ ท่านว่าข้าพูดถูกหรือไม่เจ้าคะ"

ริมฝีปากซีดขาวกระตุกแผ่ว แม้เขามองไม่เห็นใบหน้าของนาง ทว่าสตรีผู้นี้กลับทำให้เขาบังเกิดความสนใจยิ่งนัก "เจ้าช่างเก่งจริงแท้ กระทั่งมองคนปราดเดียวก็ล่วงรู้สถานะอันแท้จริงของคนผู้นั้น ถ้าข้าบอกว่าข้าเป็นเพียงชาวบ้านธรรมดา เจ้าจะเชื่อหรือไม่"

เชื่อก็โง่คนลวงโลก ท่านยังจะเสแสร้งไม่เลิกอีก

"เอาล่ะ เช่นนั้นข้าจะเรียกท่านคุณชายแล้วกันเจ้าค่ะ"

"อิ้งเทียน นามของข้า ฉืออิ้งเทียน"

ชิ! ใครอยากรู้กัน

"เจ้าค่ะ คุณชายฉือ"

ชายหนุ่มส่ายศีรษะ "เจ้าเรียกข้าว่า อิ้งเทียนก็พอ"

หน็อย...มากความนัก นามของท่านวิเศษวิโสมากรึ

"เจ้าค่ะ คุณชาย อิ้ง เทียน"

Related chapters

  • แพทย์หญิงย้อนเวลามาเป็นหมอยาต่างยุค   บทที่ 3 เราต้องได้พบกันอีก (1)

    เป็นเวลากว่าสองสัปดาห์ที่ฉืออิ้งเทียนได้รับการรักษาจากฟู่ซูหนิง ยามนี้อาการบาดเจ็บที่เรือนร่างหายเป็นปลิดทิ้ง ทว่าดวงตายังคงพร่าเบลอไม่ชัดเจน "ต้องขอบคุณท่านหมอที่ช่วยดูแลข้าในทุกวัน ลำบากท่านแล้ว" การเรียกขานฟู่ซูหนิงของเขาเปลี่ยนแปลงไปแล้ว ฉืออิ้งเทียนรับรู้ได้ว่าแม้นางเป็นหลานของผู้มีพระคุณที่เก็บตนกลับมา แต่จากวิธีการดูแลรักษาของนาง ฟู่ซูหนิงคงนับเป็นหมอหญิงที่มีฝีมือเก่งกาจไม่ต่างกัน มิเช่นนั้นผู้ที่นางเรียกว่าท่านตาคงไม่ปล่อยให้ฟู่ซูหนิงดูแลเขาอย่างใกล้ชิดเพียงลำพัง "ท่านไม่ต้องเกรงใจ อีกสองชั่วยามเราจะออกไปข้างนอกกัน" ฟู่ซูหนิงเก็บอุปกรณ์การแพทย์ ถ้วยยา และผ้าเปียกชื้นซึ่งใช้ทำความสะอาดเรือนกายของชายหนุ่มไปพลางเอ่ยไปพลาง ทว่ามิได้จับจ้องใบหน้าบุรุษฝั่งตรงข้าม เดิมทีการเป็นแพทย์ล้วนเคยเห็น ได้สัมผัสเรือนร่างทั้งชายและหญิงมาจนนับไม่ถ้วน ทว่ายามที่ฟู่ซูหนิงต้องปรนนิบัติเขาในแต่ละครั้งกลับรู้สึกว่าตนเก้อกระดากอยู่ไม่น้อย "เราจะไปที่ใด ในเมื่อข้ายังมองไม่เห็นเช่นนี้ อาจทำให้ท่านหมอลำบาก" "ส่งท่านกลับ" "กลับหรือ? แต่ดวงตาของข้ายัง..." "คุณชายอิ้งเทียนไม่ต้องเป็นกังวลเจ้าค่ะ ข้า

    Last Updated : 2025-02-20
  • แพทย์หญิงย้อนเวลามาเป็นหมอยาต่างยุค   บทที่ 3 เราต้องได้พบกันอีก (2)

    "ท่านตา ไม่ต้องห่วงเจ้าค่ะ ยามนี้ร่างกายเขาแข็งแรงม๊ากมาก…ส่วนเรื่องดวงตา แค่มีเทียบยาและวิธีการดูแลให้ญาติของเขาก็เพียงพอแล้วมิใช่หรือ หากรั้งเขาไว้นานญาติของเขาอาจร้อนใจ กระทั่งพลิกแผ่นดินหาก็เป็นได้นะเจ้าคะ" ฟู่ซูหนิงกะพริบตาปริบ ๆต่งควนมันเขี้ยวจึงเคาะกบาลนางไปหนหนึ่ง ฟู่ซูหนิงยกมือลูบศีรษะตนป้อย ๆ "ท่านตาเจ้าคะ หนิงเอ๋อร์ทำอะไรผิดงั้นหรือ" ฟู่ซูหนิงเหลียวมองฟู่หรงหมายขอความช่วยเหลือ ทว่าอีกฝ่ายกลับส่ายศีรษะ"ตาเคยสอนเจ้าว่าอย่างไร ช่วยคนต้องช่วยให้ถึงที่สุดมิใช่หรือ"ฟู่ซูหนิงถลาเข้าซบอกผู้เป็นตา พลางเอ่ยเว้าวอน หากไม่แสร้งว่านอนสอนง่ายแผนของนางต้องพังทลายแน่แท้ "ท่านตาเจ้าคะ หนิงเอ๋อร์รู้ดีเรื่องที่ท่านสอนไว้เสมอ แต่หากท่านหายออกจากบ้านไปเป็นแรมเดือน ข้ากับท่านยายก็ต้องร้อนใจเช่นกัน ท่านยายว่าหรือไม่เจ้าคะ" ฟู่ซูหนิงหันมองผู้เป็นยายเพื่อขอความเห็น ฟู่หรงก็อดใจอ่อนเป็นมิได้"ก็จริงเช่นหลานว่า"ฟู่ซูหนิงยิ้มกว้างอวดฟันเรียงสวย จากนั้นปรับน้ำเสียงให้อ่อนหวานดังเดิม "ท่านตาเจ้าคะ…เขาเป็นบุรุษตัวใหญ่โต ได้ยาดีจากหมอเทวดาเช่นท่าน เหตุใดต้องกังวลใจถึงเพียงนั้น ให้หนิงเอ๋อร์ไปส่งเขาเถอ

    Last Updated : 2025-02-20
  • แพทย์หญิงย้อนเวลามาเป็นหมอยาต่างยุค   บทที่ 4 ความอลหม่านในโรงเตี๊ยม(1)

    "อ๊ะ! นี่ นี่ ท่านเดินระวังหน่อยไม่ได้หรือไร ชนแล้ว ๆ" ฟู่ซูหนิงยกมือคลึงขมับวันนี้นางจะเดินทางไปถึงตัวเมืองหรือไม่ ไฉนเขาเอาแต่เดินเปะปะชนโน่นชนนี่อยู่เรื่อย หรือดวงตาของเขายามนี้กลายเป็นบอดสนิทไปแล้วกันเล่า"ขออภัยท่านหมอ ข้ามองไม่เห็นจริง ๆ""ท่านหยุด ไม่ต้องเดินต่อแล้ว เดินส่งเดชเช่นนี้สามวันก็ไม่ถึงหรอกเจ้าค่ะ"ฉืออิ้งเทียนหยุดฝีเท้าลงทันควัน ริมฝีปากได้รูปยกโค้งจาง ๆ แผนล่อหลอกเพื่อประวิงเวลาสัมฤทธิผลเสียทีฟู่ซูหนิงยกมือแกร่งคล้องลำคอด้วยความจำใจ นอกจากกลิ่นกายหอมกรุ่นดุจบุปผาต้องหยาดฝนของสตรีข้างกาย เส้นทางนี้ยังผสานด้วยกลิ่นอายหอมจรุงจากพืชพรรณโอสถ เพราะยามรบล้วนต้องผ่านการวางแผนและการฝึกฝนมามากจึงทำให้เขาสามารถแยกแยะรูป รส กลิ่น เสียงได้เป็นอย่างดีดอกไห่ถัง หอมยิ่งนัก เครื่องหอมของนางก็คงมาจากบุปผาชนิดนี้"คุณชายอิ้งเทียน ดวงตาท่านมองไม่ชัด แต่ขาของท่านยังสามารถใช้งานได้อยู่กระมัง"ฉืออิ้งเทียนพยักหน้า"เช่นนั้นข้าจะพยุงท่านแล้วเดินไปพร้อมกัน

    Last Updated : 2025-02-21
  • แพทย์หญิงย้อนเวลามาเป็นหมอยาต่างยุค   บทที่ 4 ความอลหม่านในโรงเตี๊ยม(2)

    ฟู่ซูหนิงแหงนหน้าขึ้นแช่มช้า ก็ประสานเข้ากับดวงตาขมึงถึงของบุรุษร่างใหญ่ล่ำบึ้ก"นี่! เจ้าหน้าอ่อน เดินไม่ดูตาม้าตาเรือหรืออย่างไร อยากตายงั้นรึ"อาเป่าถลันเข้ามาค้อมศีรษะขอโทษขอโพยพัลวัน "นายท่าน ต้องขออภัยจริง ๆ ขอรับ นี่เป็นท่านหมอมาส่งผู้ป่วยเท่านั้น ได้โปรดละเว้นด้วย"ชายฉกรรจ์ถ่มถุยน้ำลายลงบนพื้นด้วยท่าทีหยาบโลน จากนั้นผลักอาเป่าซึ่งเรือนกายผอมแห้งจนล้มลงบนพื้น "เป็นแค่ลูกจ้างกระจอกงอกง่อย อย่าริอ่านมาต่อรองกับข้า รู้หรือไม่ว่าข้าเป็นใคร"ฟู่ซูหนิงเหลืออดพลันขบฟันกรอด มือเรียวกำหมัดแน่นเสียจนกายสั่นเทิ้ม ครั้นยันกายของตนขึ้นได้แล้ว ใบหน้าเกลี้ยงเกลาก็เชิดขึ้นด้วยความโอหัง "เจ้าหมีควาย! กระทั่งตัวเจ้ายังไม่รู้ว่าตนเป็นใคร แล้วผู้อื่นเขาจะรู้ด้วยงั้นรึ สมองหมูจริงเชียว ไฉนต้องมายกตนข่มท่าน รังแกผู้คนไม่สนถูกผิด"ชายร่างกำยำตวัดตามองฉับ จากนั้นคว้าสาบเสื้อของฟู่ซูหนิงจนเท้าลอยเหนือพื้น "เจ้าหน้าอ่อน เจ้าเป็นบุรุษอย่างไร ไยหน้าหวานอ่อนแอคล้ายพวกสตรีไม่มีผิด ปากคอก็เราะรายใช่ย่อย มิรู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ ปวกเปียกเช่นนี้ยังกล้าพ่นวาจาดูแคลนข้าอีก!"

    Last Updated : 2025-02-22
  • แพทย์หญิงย้อนเวลามาเป็นหมอยาต่างยุค   บทที่ 5 หลบหลีก (1)

    "อาเหวิ่น ไยพวกเจ้าทำตัวเสียมารยาทนัก"บุรุษร่างสูงแต่งกายด้วยชุดผ้าไหมสีครามงามสง่า บนศีรษะสวมกวานหยกล้ำค่าลายประณีตมือของเขาถือพัดงาช้างพลางโบกสะบัดแช่มช้าใบหน้าของเขาหล่อเหลาทว่ากลับแฝงไปด้วยกลิ่นอายความกะล่อน ครั้นจะให้เปรียบเทียบกับบุรุษอีกคนที่นั่งสงบนิ่งในยามนี้ ชายหนุ่มทั้งสองก็นับว่ารูปงามไม่น้อยหน้ากันสักกระผีกริ้นหล่อเหลาสูงส่งแล้วอย่างไรหากทำตัวอันธพาลก็มิเท่ากับพวกดูดีเพียงรูปแต่จูบไม่หอมอย่างนั้นหรือ ฟู่ซูหนิงมิได้ใส่ใจผู้มาเยือนนัก ใบหน้าเกลี้ยงเกลายับยู่พลางปัดป่ายเพื่อจัดแจงอาภรณ์ซ้ายขวาชายร่างกำยำรวมถึงลูกน้องที่นอนโอดครวญอยู่บนพื้น ต่างลากสังขารไปหลบหลังบุรุษร่างสูงโปร่ง"นายน้อย เจ้าหนุ่มนี่ทำดวงตาของข้ามืดบอดขอรับ" นักเลงหัวไม้ร่างโตเมื่อครู่ก็คืออาเหวิ่นหรือจินเหวิ่น"หุบปากเสีย ร่างกายก็ใหญ่โตกว่าเขาตั้งหลายเท่า ไยขี้ฟ้องดุจเด็กสามขวบ รู้ถึงไหนอายถึงนั่น"จินเหวิ่นและลูกน้องเงียบเสียงลงฉับ บ้างกุมท้องบ้างกุมหน้าผาก ทว่าจินเหวิ่นยังปิดตาของตนไว้แน่นใบหน้าพวกเขาแดงก่ำเหยเ

    Last Updated : 2025-02-23
  • แพทย์หญิงย้อนเวลามาเป็นหมอยาต่างยุค   บทที่ 5 หลบหลีก (2)

    ฟู่ซูหนิงถอนหายใจระอิดระอาตัวโตเสียเปล่าสมองหมูไม่เกินจริง ร้องอย่างกับลาถูกเชือด"ซื่อจื่อ ข้าจะบอกท่านให้ ว่านั่นมิใช่ยาพิษสักนิด ท่านเลิกให้ลูกน้องร่างยักษ์ร้องโอดโอยเป็นหมูถูกเชือดเสียที ผงผัดหน้าธรรมดาไม่รู้จักหรือไร เคืองเล็กน้อยก็ตีโพยตีพายยกใหญ่"ฉืออิ้งเทียนส่ายศีรษะพร้อมรอยยิ้ม จากนั้นยกชาขึ้นจิบอย่างใจเย็น ที่แท้ฟู่ซูหนิงก็มีอุบายเช่นคาดเดาไม่มีผิด นางสามารถทำให้ผู้อื่นอกสั่นขวัญแขวนกันเป็นแถบ ช่างเป็นสตรีตัวแสบไม่เบาทีเดียวได้ยินเช่นนั้นจินเหวิ่นจึงลดฝ่ามือลงแช่มช้า พลันกะพริบตาสองสามคราก็พบว่าตนเพียงระคายเคืองเล็กน้อยเท่านั้น จินเหวิ่นยิ้มแหยเฉกเช่นเด็กน้อยกำลังถูกมารดาดุ ช่างไม่รับกับสีหน้าอันเกรี้ยวกราดนั่นเสียเลย มองดูก็อุจาดตาพิกลเหอหยางส่ายศีรษะเพราะรู้สึกขายหน้าเหลือแสน เขากระแอมแก้เก้อ"ขอบคุณน้องชายที่ยั้งมือไว้ไมตรี แต่ว่า..."หมอนี่ช่างขี้สงสัยจริงแท้"นี่ซื่อจื่อ ท่านเป็นไก่หรือไร ตามจิกตามสงสัยข้าอยู่นั่น เดี๋ยวข้าจับตุ๋นทำน้ำแกงเสียเลย"ลูกน

    Last Updated : 2025-02-24
  • แพทย์หญิงย้อนเวลามาเป็นหมอยาต่างยุค   บทที่ 1 จิตวิญญาณตื่นในคืนฝนพรำ (1)

    ทั่วบริเวณหุบเขาร้อยโอสถ ซึ่งเต็มไปด้วยพืชสมุนไพรหลากหลายชนิดล้วนเปียกชุ่มไปด้วยหยดน้ำพราวระยับ เพราะยามนี้สายฝนกำลังเทกระหน่ำดุจสวรรค์ร่ำไห้ ผืนนภาอันเคยสว่างเจิดจ้าแปรเปลี่ยนเป็นอึมครึมแผ่กลิ่นอายน่าหวาดเกรงเสียงสายฟ้าหวดสะบั้นเฉกเช่นอสนีเคราะห์ ภายในถ้ำแสนอนธการซ้ำยังอับชื้นพลันปรากฏสตรีร่างระหงนอนไร้สติเพียงลำพัง ความเย็นเยียบกำลังกัดลึกกร่อนกระดูกเสียจนหนาวเหน็บ เรือนร่างที่แน่นิ่งมานานจึงเริ่มขยับไหวพร้อมลมหายใจกระเพื่อมถี่ แค่ก แค่ก"หนาวจัง..." เสียงที่เคยสดใสแหบแห้งระคนสั่นเครือ เปลือกตาบางเปิดปรือขึ้นแช่มช้า ครั้นได้สตินางจึงดันกายของตนเพื่อพิงผนังผิวหยาบ อ้อมแขนยกขึ้นโอบกอดเรือนร่างตนหวังคลายความเย็นเยียบ พลางกวาดสายตาสำรวจสรรพสิ่งท่ามกลางความมืดมัว หญิงสาวขยับแขนเพื่อตรวจสอบทีละฝั่งด้วยสีหน้าฉงนสนเท่ห์ "นี่เรายังไม่ตายอีกหรือ" ฟู่ซูหนิงถอนหายใจด้วยความรู้สึกปลดปลง นางจำได้ว่าถูกบั่นศีรษะสิ้นใจไปแล้วตั้งแต่อยู่ในวังหลวง โทษฐานวางยาพิษฮ่องเต้ คาดไม่ถึงว่ายามนี้ฟู่ซูหนิงได้หวนกลับมาในคืนฝนพรำเมื่อคราที่ตนอายุสิบหกหนาวอีกครั้งเหตุใดนางจึงไร้ท่าทีตื่นตระหนกเมื่อทราบว่าต

    Last Updated : 2025-02-20
  • แพทย์หญิงย้อนเวลามาเป็นหมอยาต่างยุค   บทที่ 1 จิตวิญญาณตื่นในคืนฝนพรำ (2)

    ฟู่ซูหนิงหยัดกายยืนขึ้นด้วยความทุลักทุเล ตะกร้าสานซึ่งเต็มไปด้วยพืชสมุนไพรถูกยกขึ้นสะพายบนบ่า ร่างระหงเดินตุปัดตุเป๋ออกจากถ้ำด้วยจิตใจอันล่องลอย สมองของนางเฝ้าตบตีกันซ้ำไปซ้ำมาข้าจะทิ้งให้เขาตายตรงนี้จริงน่ะหรือแต่หากข้าช่วยเขาทุกอย่างก็ต้องวนกลับมาซ้ำรอยเดิม ใครจะอยากถูกตัดศีรษะซ้ำแล้วซ้ำอีก ไม่รู้หรือว่ามันเจ็บเพียงใดฟู่ซูหนิงจึงไม่คิดสนใจบุรุษตรงหน้าอีก ทว่าจิตใจของนางช่างรู้สึกเจ็บปวดเหลือเกิน ยามนี้เขาก็เป็นเพียงชายหนุ่มวัยแรกรุ่นผู้หนึ่ง นางจะใจจืดใจดำทิ้งเขาได้ลงคอเชียวหรือแต่แล้วฟู่ซูหนิงก็ตัดสินใจทิ้งเขาไว้เบื้องหลังในที่สุด ขาเรียวค่อย ๆ เยื้องย่างห่างออกไปกระทั่งหอบสังขารกลับมาถึงจวนไม้ไผ่กลางหุบเขา ร่างระหงก็ฟุบลงด้วยความเหนื่อยล้า"หนิงเอ๋อร์!"หญิงชรารุดประคองเรือนร่างอันโรยแรงของหลานสาวด้วยอาการตื่นตระหนกริมฝีปากซีดขาวเผยรอยยิ้มเบาบาง "ท่านยาย หนิงเอ๋อร์กลับมาแล้วเจ้าค่ะ"จู่ ๆ น้ำสีใสก็ไหลพรากลงตรงหางตา นานเหลือเกินที่ฟู่ซูหนิงจากหุบเขาร้อยโอสถไป นางคิดว่าชาตินี้คงมิได้กลับมาทดแทนคุณของท่านตาท่านยายเสียแล้ว ช่างคิดถึง คิดถึงชีวิตอันแสนเรียบง่ายเช่นนี้เหลือเกินท่า

    Last Updated : 2025-02-20

Latest chapter

  • แพทย์หญิงย้อนเวลามาเป็นหมอยาต่างยุค   บทที่ 5 หลบหลีก (2)

    ฟู่ซูหนิงถอนหายใจระอิดระอาตัวโตเสียเปล่าสมองหมูไม่เกินจริง ร้องอย่างกับลาถูกเชือด"ซื่อจื่อ ข้าจะบอกท่านให้ ว่านั่นมิใช่ยาพิษสักนิด ท่านเลิกให้ลูกน้องร่างยักษ์ร้องโอดโอยเป็นหมูถูกเชือดเสียที ผงผัดหน้าธรรมดาไม่รู้จักหรือไร เคืองเล็กน้อยก็ตีโพยตีพายยกใหญ่"ฉืออิ้งเทียนส่ายศีรษะพร้อมรอยยิ้ม จากนั้นยกชาขึ้นจิบอย่างใจเย็น ที่แท้ฟู่ซูหนิงก็มีอุบายเช่นคาดเดาไม่มีผิด นางสามารถทำให้ผู้อื่นอกสั่นขวัญแขวนกันเป็นแถบ ช่างเป็นสตรีตัวแสบไม่เบาทีเดียวได้ยินเช่นนั้นจินเหวิ่นจึงลดฝ่ามือลงแช่มช้า พลันกะพริบตาสองสามคราก็พบว่าตนเพียงระคายเคืองเล็กน้อยเท่านั้น จินเหวิ่นยิ้มแหยเฉกเช่นเด็กน้อยกำลังถูกมารดาดุ ช่างไม่รับกับสีหน้าอันเกรี้ยวกราดนั่นเสียเลย มองดูก็อุจาดตาพิกลเหอหยางส่ายศีรษะเพราะรู้สึกขายหน้าเหลือแสน เขากระแอมแก้เก้อ"ขอบคุณน้องชายที่ยั้งมือไว้ไมตรี แต่ว่า..."หมอนี่ช่างขี้สงสัยจริงแท้"นี่ซื่อจื่อ ท่านเป็นไก่หรือไร ตามจิกตามสงสัยข้าอยู่นั่น เดี๋ยวข้าจับตุ๋นทำน้ำแกงเสียเลย"ลูกน

  • แพทย์หญิงย้อนเวลามาเป็นหมอยาต่างยุค   บทที่ 5 หลบหลีก (1)

    "อาเหวิ่น ไยพวกเจ้าทำตัวเสียมารยาทนัก"บุรุษร่างสูงแต่งกายด้วยชุดผ้าไหมสีครามงามสง่า บนศีรษะสวมกวานหยกล้ำค่าลายประณีตมือของเขาถือพัดงาช้างพลางโบกสะบัดแช่มช้าใบหน้าของเขาหล่อเหลาทว่ากลับแฝงไปด้วยกลิ่นอายความกะล่อน ครั้นจะให้เปรียบเทียบกับบุรุษอีกคนที่นั่งสงบนิ่งในยามนี้ ชายหนุ่มทั้งสองก็นับว่ารูปงามไม่น้อยหน้ากันสักกระผีกริ้นหล่อเหลาสูงส่งแล้วอย่างไรหากทำตัวอันธพาลก็มิเท่ากับพวกดูดีเพียงรูปแต่จูบไม่หอมอย่างนั้นหรือ ฟู่ซูหนิงมิได้ใส่ใจผู้มาเยือนนัก ใบหน้าเกลี้ยงเกลายับยู่พลางปัดป่ายเพื่อจัดแจงอาภรณ์ซ้ายขวาชายร่างกำยำรวมถึงลูกน้องที่นอนโอดครวญอยู่บนพื้น ต่างลากสังขารไปหลบหลังบุรุษร่างสูงโปร่ง"นายน้อย เจ้าหนุ่มนี่ทำดวงตาของข้ามืดบอดขอรับ" นักเลงหัวไม้ร่างโตเมื่อครู่ก็คืออาเหวิ่นหรือจินเหวิ่น"หุบปากเสีย ร่างกายก็ใหญ่โตกว่าเขาตั้งหลายเท่า ไยขี้ฟ้องดุจเด็กสามขวบ รู้ถึงไหนอายถึงนั่น"จินเหวิ่นและลูกน้องเงียบเสียงลงฉับ บ้างกุมท้องบ้างกุมหน้าผาก ทว่าจินเหวิ่นยังปิดตาของตนไว้แน่นใบหน้าพวกเขาแดงก่ำเหยเ

  • แพทย์หญิงย้อนเวลามาเป็นหมอยาต่างยุค   บทที่ 4 ความอลหม่านในโรงเตี๊ยม(2)

    ฟู่ซูหนิงแหงนหน้าขึ้นแช่มช้า ก็ประสานเข้ากับดวงตาขมึงถึงของบุรุษร่างใหญ่ล่ำบึ้ก"นี่! เจ้าหน้าอ่อน เดินไม่ดูตาม้าตาเรือหรืออย่างไร อยากตายงั้นรึ"อาเป่าถลันเข้ามาค้อมศีรษะขอโทษขอโพยพัลวัน "นายท่าน ต้องขออภัยจริง ๆ ขอรับ นี่เป็นท่านหมอมาส่งผู้ป่วยเท่านั้น ได้โปรดละเว้นด้วย"ชายฉกรรจ์ถ่มถุยน้ำลายลงบนพื้นด้วยท่าทีหยาบโลน จากนั้นผลักอาเป่าซึ่งเรือนกายผอมแห้งจนล้มลงบนพื้น "เป็นแค่ลูกจ้างกระจอกงอกง่อย อย่าริอ่านมาต่อรองกับข้า รู้หรือไม่ว่าข้าเป็นใคร"ฟู่ซูหนิงเหลืออดพลันขบฟันกรอด มือเรียวกำหมัดแน่นเสียจนกายสั่นเทิ้ม ครั้นยันกายของตนขึ้นได้แล้ว ใบหน้าเกลี้ยงเกลาก็เชิดขึ้นด้วยความโอหัง "เจ้าหมีควาย! กระทั่งตัวเจ้ายังไม่รู้ว่าตนเป็นใคร แล้วผู้อื่นเขาจะรู้ด้วยงั้นรึ สมองหมูจริงเชียว ไฉนต้องมายกตนข่มท่าน รังแกผู้คนไม่สนถูกผิด"ชายร่างกำยำตวัดตามองฉับ จากนั้นคว้าสาบเสื้อของฟู่ซูหนิงจนเท้าลอยเหนือพื้น "เจ้าหน้าอ่อน เจ้าเป็นบุรุษอย่างไร ไยหน้าหวานอ่อนแอคล้ายพวกสตรีไม่มีผิด ปากคอก็เราะรายใช่ย่อย มิรู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ ปวกเปียกเช่นนี้ยังกล้าพ่นวาจาดูแคลนข้าอีก!"

  • แพทย์หญิงย้อนเวลามาเป็นหมอยาต่างยุค   บทที่ 4 ความอลหม่านในโรงเตี๊ยม(1)

    "อ๊ะ! นี่ นี่ ท่านเดินระวังหน่อยไม่ได้หรือไร ชนแล้ว ๆ" ฟู่ซูหนิงยกมือคลึงขมับวันนี้นางจะเดินทางไปถึงตัวเมืองหรือไม่ ไฉนเขาเอาแต่เดินเปะปะชนโน่นชนนี่อยู่เรื่อย หรือดวงตาของเขายามนี้กลายเป็นบอดสนิทไปแล้วกันเล่า"ขออภัยท่านหมอ ข้ามองไม่เห็นจริง ๆ""ท่านหยุด ไม่ต้องเดินต่อแล้ว เดินส่งเดชเช่นนี้สามวันก็ไม่ถึงหรอกเจ้าค่ะ"ฉืออิ้งเทียนหยุดฝีเท้าลงทันควัน ริมฝีปากได้รูปยกโค้งจาง ๆ แผนล่อหลอกเพื่อประวิงเวลาสัมฤทธิผลเสียทีฟู่ซูหนิงยกมือแกร่งคล้องลำคอด้วยความจำใจ นอกจากกลิ่นกายหอมกรุ่นดุจบุปผาต้องหยาดฝนของสตรีข้างกาย เส้นทางนี้ยังผสานด้วยกลิ่นอายหอมจรุงจากพืชพรรณโอสถ เพราะยามรบล้วนต้องผ่านการวางแผนและการฝึกฝนมามากจึงทำให้เขาสามารถแยกแยะรูป รส กลิ่น เสียงได้เป็นอย่างดีดอกไห่ถัง หอมยิ่งนัก เครื่องหอมของนางก็คงมาจากบุปผาชนิดนี้"คุณชายอิ้งเทียน ดวงตาท่านมองไม่ชัด แต่ขาของท่านยังสามารถใช้งานได้อยู่กระมัง"ฉืออิ้งเทียนพยักหน้า"เช่นนั้นข้าจะพยุงท่านแล้วเดินไปพร้อมกัน

  • แพทย์หญิงย้อนเวลามาเป็นหมอยาต่างยุค   บทที่ 3 เราต้องได้พบกันอีก (2)

    "ท่านตา ไม่ต้องห่วงเจ้าค่ะ ยามนี้ร่างกายเขาแข็งแรงม๊ากมาก…ส่วนเรื่องดวงตา แค่มีเทียบยาและวิธีการดูแลให้ญาติของเขาก็เพียงพอแล้วมิใช่หรือ หากรั้งเขาไว้นานญาติของเขาอาจร้อนใจ กระทั่งพลิกแผ่นดินหาก็เป็นได้นะเจ้าคะ" ฟู่ซูหนิงกะพริบตาปริบ ๆต่งควนมันเขี้ยวจึงเคาะกบาลนางไปหนหนึ่ง ฟู่ซูหนิงยกมือลูบศีรษะตนป้อย ๆ "ท่านตาเจ้าคะ หนิงเอ๋อร์ทำอะไรผิดงั้นหรือ" ฟู่ซูหนิงเหลียวมองฟู่หรงหมายขอความช่วยเหลือ ทว่าอีกฝ่ายกลับส่ายศีรษะ"ตาเคยสอนเจ้าว่าอย่างไร ช่วยคนต้องช่วยให้ถึงที่สุดมิใช่หรือ"ฟู่ซูหนิงถลาเข้าซบอกผู้เป็นตา พลางเอ่ยเว้าวอน หากไม่แสร้งว่านอนสอนง่ายแผนของนางต้องพังทลายแน่แท้ "ท่านตาเจ้าคะ หนิงเอ๋อร์รู้ดีเรื่องที่ท่านสอนไว้เสมอ แต่หากท่านหายออกจากบ้านไปเป็นแรมเดือน ข้ากับท่านยายก็ต้องร้อนใจเช่นกัน ท่านยายว่าหรือไม่เจ้าคะ" ฟู่ซูหนิงหันมองผู้เป็นยายเพื่อขอความเห็น ฟู่หรงก็อดใจอ่อนเป็นมิได้"ก็จริงเช่นหลานว่า"ฟู่ซูหนิงยิ้มกว้างอวดฟันเรียงสวย จากนั้นปรับน้ำเสียงให้อ่อนหวานดังเดิม "ท่านตาเจ้าคะ…เขาเป็นบุรุษตัวใหญ่โต ได้ยาดีจากหมอเทวดาเช่นท่าน เหตุใดต้องกังวลใจถึงเพียงนั้น ให้หนิงเอ๋อร์ไปส่งเขาเถอ

  • แพทย์หญิงย้อนเวลามาเป็นหมอยาต่างยุค   บทที่ 3 เราต้องได้พบกันอีก (1)

    เป็นเวลากว่าสองสัปดาห์ที่ฉืออิ้งเทียนได้รับการรักษาจากฟู่ซูหนิง ยามนี้อาการบาดเจ็บที่เรือนร่างหายเป็นปลิดทิ้ง ทว่าดวงตายังคงพร่าเบลอไม่ชัดเจน "ต้องขอบคุณท่านหมอที่ช่วยดูแลข้าในทุกวัน ลำบากท่านแล้ว" การเรียกขานฟู่ซูหนิงของเขาเปลี่ยนแปลงไปแล้ว ฉืออิ้งเทียนรับรู้ได้ว่าแม้นางเป็นหลานของผู้มีพระคุณที่เก็บตนกลับมา แต่จากวิธีการดูแลรักษาของนาง ฟู่ซูหนิงคงนับเป็นหมอหญิงที่มีฝีมือเก่งกาจไม่ต่างกัน มิเช่นนั้นผู้ที่นางเรียกว่าท่านตาคงไม่ปล่อยให้ฟู่ซูหนิงดูแลเขาอย่างใกล้ชิดเพียงลำพัง "ท่านไม่ต้องเกรงใจ อีกสองชั่วยามเราจะออกไปข้างนอกกัน" ฟู่ซูหนิงเก็บอุปกรณ์การแพทย์ ถ้วยยา และผ้าเปียกชื้นซึ่งใช้ทำความสะอาดเรือนกายของชายหนุ่มไปพลางเอ่ยไปพลาง ทว่ามิได้จับจ้องใบหน้าบุรุษฝั่งตรงข้าม เดิมทีการเป็นแพทย์ล้วนเคยเห็น ได้สัมผัสเรือนร่างทั้งชายและหญิงมาจนนับไม่ถ้วน ทว่ายามที่ฟู่ซูหนิงต้องปรนนิบัติเขาในแต่ละครั้งกลับรู้สึกว่าตนเก้อกระดากอยู่ไม่น้อย "เราจะไปที่ใด ในเมื่อข้ายังมองไม่เห็นเช่นนี้ อาจทำให้ท่านหมอลำบาก" "ส่งท่านกลับ" "กลับหรือ? แต่ดวงตาของข้ายัง..." "คุณชายอิ้งเทียนไม่ต้องเป็นกังวลเจ้าค่ะ ข้า

  • แพทย์หญิงย้อนเวลามาเป็นหมอยาต่างยุค   บททที่ 2 วังวนเดิมที่แสนชิงชัง (2)

    ฟู่หรง "อ้าว หนิงเอ๋อร์ ไม่พักหรือ ออกมาทำไมเล่า"ฟู่ซูหนิงส่ายศีรษะ "ท่านยายเจ้าคะ ให้ข้าเป็นคนรักษาเขาได้หรือไม่"ประจวบเหมาะกับที่ต่งควนเดินเข้ามา "ไหนเจ้าบอกจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างไรเล่า"จริงดังว่า นางไม่อยากข้องเกี่ยวกับเขาสักเสี้ยว ทว่าฟู่ซูหนิงประสงค์ให้ฉืออิ้งเทียนออกจากหุบเขาร้อยโอสถโดยเร็วต่างหาก โอกาสครั้งนี้ฟู่ซูหนิงขอเลือกเป็นหมอหญิงไร้สามารถ มิขออาจเอื้อมก้าวเข้าสู่รั่ววังชั่วชีวิต"ท่านตาสอนข้าเอง ยามเมื่อเราเห็นคนลำบากก็ต้องรู้จักยื่นมือเข้าช่วยเหลือมิใช่หรือเจ้าคะ อีกอย่างข้าจะได้พัฒนาฝีมือการแพทย์ของตนเองด้วยเจ้าค่ะ"ฟู่หรงอมยิ้ม มือเหี่ยวย่นลูบไล้เส้นผมสีดำขลับของหลานด้วยความเอ็นดูยิ่ง "ในที่สุดหลานยายก็โตเสียที"ฟู่ซูหนิงยิ้มแฉ่ง ทว่าภายในใจช่างฝืดฝืนเหลือทน "ท่านตาท่านยายสอนมาดีอย่างไรเจ้าคะ""หนาว หนาวเหลือเกิน อย่าทิ้งข้าไป..." เสียงทุ้มแหบพร่าสั่นเครือดังขึ้นตัดบทสนทนา"ท่านตา ข้าดูแลเขาเองเจ้าค่ะ"ชายชราชะงักฝีเท้าลง "แน่ใจหรือ"ฟู่ซูหนิงพยักหน้าหงึกหงัก "เจ้าค่ะ ท่านอย่าลืมว่าหลานของท่านอัจฉริยะเชียวนะเจ้าคะ ท่านลืมแล้วหรือ ว่าข้าท่องตำราการแพทย์ได้

  • แพทย์หญิงย้อนเวลามาเป็นหมอยาต่างยุค   บทที่ 2 วังวนเดิมที่แสนชิงชัง (1)

    "ท่านตา...ท่านช่วยเขาหรือเจ้าคะ" "ใช่ ตาช่วยเขาเอง พ่อหนุ่มนี่นอนหมดสติตากฝนอยู่ผู้เดียว ดูเหมือนร่างกายได้รับพิษเสียด้วย อีกอย่างเขายังไม่ถึงคราวตาย" "ท่านตาเจ้าคะ แต่เขาเป็น..." ฟู่ซูหนิงมิได้เอ่ยประโยคถัดไป นางก้มหน้างุดแทบหลั่งน้ำตา นิ้วโป้งสาละวนขึ้นลงพลางเหลือบมองผู้ป่วยบนเตียงด้วยอาการกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เหตุใดข้าต้องโล่งอกด้วยนะ เฮ้อ.. "หนิงเอ๋อร์ เป็นอะไรของเจ้า"ฟู่ซูหนิงยังคงก้มหน้าอยู่เช่นนั้น ต่อให้อธิบายไปก็คงไม่มีใครเชื่อ ว่าบุรุษผู้นี้เปรียบดั่งพญามัจจุราชที่กำลังเข้ามาช่วงชิงชีวิตอันแสนสงบสุขไปจากนางตลอดกาล เจ้าของร่างสูงเบื้องหน้าฟู่ซูหนิงยามนี้คือองค์ชาย'ฉืออิ้งเทียน'แห่งแคว้นซีฮัน อีกไม่นานเขาจะได้รับตำแหน่งชินอ๋องด้วยอายุเพียงสิบแปดปี ชาติก่อนฉืออิ้งเทียนถูกลอบทำร้ายด้วยยาพิษเสียจนดวงตาใกล้มืดบอด ฉืออิ้งเทียนซัดเซพเนจรและได้บังเอิญผ่านมาถึงหุบเขาร้อยโอสถ ทั้งที่ด้านนอกมีค่ายกลขวางกั้นทว่าชายหนุ่มกลับข้ามผ่านเข้ามาได้อย่างน่าอัศจรรย์ ดูเหมือนสวรรค์จงใจส่งองค์ชายผู้นี้เข้ามาเพื่อทดสอบชีวิตรักช้ำของฟู่ซูหนิง หลังจากช่วยเหลือเขาจนหายดี นานวันเข้าความรักระหว่างช

  • แพทย์หญิงย้อนเวลามาเป็นหมอยาต่างยุค   บทที่ 1 จิตวิญญาณตื่นในคืนฝนพรำ (2)

    ฟู่ซูหนิงหยัดกายยืนขึ้นด้วยความทุลักทุเล ตะกร้าสานซึ่งเต็มไปด้วยพืชสมุนไพรถูกยกขึ้นสะพายบนบ่า ร่างระหงเดินตุปัดตุเป๋ออกจากถ้ำด้วยจิตใจอันล่องลอย สมองของนางเฝ้าตบตีกันซ้ำไปซ้ำมาข้าจะทิ้งให้เขาตายตรงนี้จริงน่ะหรือแต่หากข้าช่วยเขาทุกอย่างก็ต้องวนกลับมาซ้ำรอยเดิม ใครจะอยากถูกตัดศีรษะซ้ำแล้วซ้ำอีก ไม่รู้หรือว่ามันเจ็บเพียงใดฟู่ซูหนิงจึงไม่คิดสนใจบุรุษตรงหน้าอีก ทว่าจิตใจของนางช่างรู้สึกเจ็บปวดเหลือเกิน ยามนี้เขาก็เป็นเพียงชายหนุ่มวัยแรกรุ่นผู้หนึ่ง นางจะใจจืดใจดำทิ้งเขาได้ลงคอเชียวหรือแต่แล้วฟู่ซูหนิงก็ตัดสินใจทิ้งเขาไว้เบื้องหลังในที่สุด ขาเรียวค่อย ๆ เยื้องย่างห่างออกไปกระทั่งหอบสังขารกลับมาถึงจวนไม้ไผ่กลางหุบเขา ร่างระหงก็ฟุบลงด้วยความเหนื่อยล้า"หนิงเอ๋อร์!"หญิงชรารุดประคองเรือนร่างอันโรยแรงของหลานสาวด้วยอาการตื่นตระหนกริมฝีปากซีดขาวเผยรอยยิ้มเบาบาง "ท่านยาย หนิงเอ๋อร์กลับมาแล้วเจ้าค่ะ"จู่ ๆ น้ำสีใสก็ไหลพรากลงตรงหางตา นานเหลือเกินที่ฟู่ซูหนิงจากหุบเขาร้อยโอสถไป นางคิดว่าชาตินี้คงมิได้กลับมาทดแทนคุณของท่านตาท่านยายเสียแล้ว ช่างคิดถึง คิดถึงชีวิตอันแสนเรียบง่ายเช่นนี้เหลือเกินท่า

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status