แชร์

บทที่ 439

ผู้เขียน: หอมดังเดิม
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-11-30 18:00:00
ซูชิงลั่วชะงักไปเล็กน้อย

ก่อนจะตอบสนองโดยไม่รู้ตัว "เป็นไปไม่ได้ ข้าเคยอ่านนิยายที่ท่านเขียน ท่านไม่มีความสามารถเช่นนี้"

ลู่เหิงจือ : "..."

หลังจากที่ซูชิงลั่วพูดจบก็รู้สึกเสียใจกับการกระทำของตัวเอง อยากจะเย็บปากตัวเองให้สนิทเสียเดี๋ยวนั้น

แต่นางพลันนึกขึ้นมาได้ว่า เมื่อครู่ตอนที่ยังไม่รู้ว่าลู่เหิงจือเข้ามา นางก็พูดจาทำนองนี้ออกไปเช่นกัน จึงปล่อยวางได้ทันที

พอคิดได้เช่นนี้ นางก็มองไปทางลู่เหิงจืออย่างมั่นอกมั่นใจ ด้วยสีหน้าที่บ่งบอกว่า ท่านไม่มีความสามารถระดับนี้หรอก

ลู่เหิงจือเองก็ไม่ได้ใส่ใจ เปิดเปลือกตาขึ้น "ดังนั้นข้าจึงได้มุมานะศึกษาหนังสือนิยายเหล่านั้นอยู่ครึ่งค่อนเดือนอย่างไรเล่า"

ซูชิงลั่ว "ห้ะ ?"

สาเหตุที่ช่วงนี้เขาไม่มาหานางก็เพราะสิ่งนี้หรอกหรือ

ลู่เหิงจือ : "หนังสือนิยายในท้องตลาด ข้าอ่านมาแทบจะหมดแล้ว"

ซูชิงลั่ว : "..."

ทุ่มเทถึงเพียงนี้เชียวหรือ สร้างความลำบากให้เขาเหลือเกิน

ซูชิงลั่วประหลาดใจเล็กน้อย หลังจากนั้นก็หัวเราะแห้งๆ ออกมา "มิน่าล่ะ ความสามารถของท่านถึงได้ก้าวกระโดดเช่นนี้"

แทบจะเทียบไม่ได้กับก่อนหน้านี้เลยเสียด้วยซ้ำ

"ขอบคุณสำหรับคำชมของน้องหญิง
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อเรื่องนี้บน Application

บทที่เกี่ยวข้อง

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 440

    บัณฑิตพาตัวหญิงสาวออกไปได้อย่างราบรื่น คิดไม่ถึงว่าหญิงสาวกลับโกรธหนักบัณฑิตหนุ่มอธิบายเหตุผลให้ฟัง หญิงสาวกลับไม่ยอมอภัยให้เขาหญิงสาวตำหนิที่เขาไม่ยอมปรึกษากับตนก่อนก็ถือวิสาสะตัดสินใจตามลำพังแล้วเขียนหนังสือหย่าส่งมา ยามนี้ก็ยังมาก่อความวุ่นวายที่งานแต่งโดยไม่บอกไม่กล่าว ทำให้นางไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ใดบัณฑิตคิดไม่ถึงว่าหญิงสาวจะเป็นเช่นนี้ เกิดความรู้สึกประหลาดใจไปชั่วขณะหญิงสาวยืนกรานจะกลับบ้าน บัณฑิตจึงทำได้เพียงแค่ไปส่งนางกลับจวนหลังจากเกิดเรื่องวุ่นวายใหญ่โตไปแล้ว งานแต่งจึงไม่สามารถดำเนินต่อไปได้ ฝ่ายชายขอถอนหมั้น เรื่องนี้กลายเป็นเรื่องตลกให้คนทั้งเมืองหลวงหัวเราะเยาะในชั่วพริบตาบัณฑิตหนุ่มไปรอที่หน้าประตูเรือนของหญิงสาวทุกวัน หวังว่าหญิงสาวจะให้อภัยเขาตอนจบของบทนี้ ไฟในเรือนของหญิงสาวดับหมดแล้วบัณฑิตหนุ่มก็ยังคงรออยู่หน้าประตู แสงจันทร์ที่หนาวเหน็บสาดกระทบลงบนตัวเขา ส่องสว่างร่างที่ผอมบางโดดเดี่ยวของเขา แล้วก็ส่องให้เห็นสีหน้าที่อ้างว้างของเขาจบแล้วหรือซูชิงลั่วพลิกหน้ากระดาษ เป็นหน้าสุดท้ายแล้วจริงๆนางคิดในใจ ลู่เหิงจือน่ารำคาญยิ่งนัก จงใจเขียนนิยายเรื

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-30
  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 441

    คล้ายว่าจะมีลมจากด้านนอกพัดเข้ามาซูชิงลั่วพลันกำตะเกียบที่เกือบจะร่วงเอาไว้แน่น พยายามพูดอย่างใจเย็นที่สุด “ข้าหน้าแดงหรือ คงเพราะในห้องเผาถ่านมากเกินไป เลยทำให้รู้สึกร้อน”หลังจากพูดจบนางถึงจะนึกขึ้นได้ว่าที่นี่คือโรงเตี๊ยม ไม่ใช่ที่เรือน ไม่มีเตาถ่านใดๆ ทั้งสิ้นซูชิงลั่ว : "..."ลู่เหิงจือขำออกมาเบาๆ ภายใต้รอยยิ้มมีความได้ใจแฝงเอาไว้ซูชิงลั่วผลักแขนเขาออก ท่าทางหัวเสียเล็กน้อย “สรุปว่าท่านหิวหรือไม่”ผู้ใดกันที่บอกว่าตนไม่ค่อยได้กินอะไรมาสองวันแล้วลู่เหิงจือกลัวว่าหากมากเกินไปจะทำให้นางรำคาญได้ จึงลุกขึ้นไปเรียกเถ้าแก่เนี้ยโรงเตี๊ยมนอกห้อง บอกใหนางยกเตาถ่านเข้ามา หลังจากนั้นถึงจะกลับไปนั่งที่แล้วเริ่มกินอย่างไม่รีบร้อน"..."ซูชิงลั่วมองดูเตาถ่านสีแดงฉานที่อยู่มุมกำแพง พลางสงสัยว่าเขากำลังเยาะเย้ยตนอยู่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าไม่ได้กินข้าวกับเขามานานมาแล้ว นางเองก็คิดถึงท่าทางการกินข้าวที่ดูสุภาพเรียบร้อยของเขาอยู่เหมือนกันซูชิงลั่วอดมองเขาไม่ได้ ทันทีที่เขารู้สึกตัวก็รีบละสายตาออกมาหลังจากนั้นลู่เหิงจือก็ไม่ได้พูดอะไรอีก บนโต๊ะมีเพียงแค่เสียงตะเกียบกระทบกับถ้วยแต่ซูชิ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-30
  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 442

    หลังจากนั้นก็ได้ยินซ่งเหวินทอดถอนใจ “เจ้าไม่รู้หรอกว่าใต้เท้าเขียนนิยายนั่นด้วยความยากลำบากเพียงใด”“เขาอ่านหนังสือนิยายที่เอากลับมา พลางด่าว่าเขียนสิ่งใดไร้สาระ แต่กลับต้องคอยเรียนรู้จากสิ่งไร้สาระพวกนั้น รู้สึกได้เลยว่าใต้เท้าผมร่วงไปหลายเส้นแล้ว”ซูชิงลั่วมโนภาพของลู่เหิงจือในตอนนั้นก็เกือบจะหลุดขำออกมา*ครั้นแล้วเมื่อถึงตอนกินข้าวเที่ยง ท่าทีที่ซูชิงลั่วมีต่อลู่เหิงจือก็ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดอย่างน้อยก็ไม่ได้แข็งทื่ออย่างเดิมแล้วลู่เหิงจือ : “บนเรือไม่มีไก่เป็น ข้าจึงทำซาลาเปาไส้หมูมาให้ เจ้าลองชิมดู”ซูชิงลั่วรู้สึกเสียดายเล็กน้อยช่วงหลายวันนี้ก็ใช่ว่าจะไม่เคยกินซาลาเปาไส้หมู แต่อย่างไรก็รู้สึกว่าคาวกว่าเนื้อไก่อยู่ดีแต่ไม่ว่าจะพูดเช่นไรก็เป็นซาลาเปาที่ลู่เหิงจือทำเองกับมือ จะต้องรสชาติดีกว่าของโรงเตี๊ยมเมื่อคืนไม่น้อยนางหยิบซาลาเปาลูกเล็กหนึ่งลูกใส่เข้าไป กลิ่นหอมอบอวลแตกต่างไปจากของโรงเตี๊ยม หรือแม้แต่ที่เคยกินในจวนไปโดยสิ้นเชิงซูชิงลั่วตกตะลึงเป็นอย่างยิ่ง “เหตุใดซาลาเปาที่ท่านทำถึงไม่มีกลิ่นคาวเลยสักนิด”ลู่เหิงจือตอบเสียงเรียบ “หั่นเอ็นและเนื้อติดมันใส่ลงไ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-30
  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 443

    เรือโคลงไปโคลงมาเบาๆ คนไม่รับรู้ถึงแรงสั่นนี้ แต่เปลวเทียนกลับกระพริบพลันมืดสนิทไปในพริบตา แล้วกลับมาสว่างอีกครั้งน้ำเสียงของเขาฟังดูแหบเครือกว่าที่เคยท่ามกลางความมืดเพียงชั่วขณะเมื่อครู่นี้คล้ายกับว่ากำลังยับยั้งอะไรบางอย่างทำให้นางใจสั่นขึ้นมาอย่างไร้สาเหตุเขากระซิบขึ้นมาอีกครั้ง “หากเจ้ากลัวว่าข้าจะทำอะไรเจ้า ข้าจะนอนบนพื้น หากกลางดึกเจ้าถีบผ้าห่ม ข้าจะได้ลุกขึ้นมาห่มผ้าให้เจ้า”ซูชิงลั่วสงสัยว่านี่จะเป็นแผนการถอยเพื่อรุกของเขาหรือไม่ เหมือนกับตอนที่เพิ่งแต่งงานกันใหม่ๆ ครานั้นแต่น้ำเสียงของเขาครั้งนี้ฟังดูจริงใจยิ่งนักซูชิงลั่วไม่ได้ตอบอะไรลู่เหิงจือถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะเอ่ย “ชิงลั่ว ข้าไม่ใช่สัตว์ร้าย”ความเจ็บปวดเผยออกมาอย่างชัดเจนในประโยคนี้ซูชิงลั่วใจอ่อนโดยไม่รู้ตัว “เช่นนั้นก็ได้”นางคิดว่าที่ลู่เหิงจือบอกจะนอนด้านล่างเตียงเป็นเพียงแค่ข้ออ้าง อย่างไรก็ต้องคิดหาวิธีขึ้นมาให้ได้ ใครจะรู้ว่าคืนนี้เขากลับสงบเสงี่ยมเจียมตัวยิ่งนักหลังจากปูที่นอนเสร็จก็เอนตัวลงไปบนแผ่นไม้ รออยู่นาน เขาก็ไม่หาข้ออ้างขึ้นมานอนกับนางบนเตียงได้ยินเสียงลมหายใจที่แผ่วเบาของลู่เหิงจ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-01
  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 444

    เนื้อหาเล่าเรื่องขององค์จักรพรรดิและบุตรสาวของขุนนางผู้มีอำนาจซูชิงลั่วเงยหน้าขึ้นไปมองเขาอย่างอดไม่ได้ลู่เหิงจือตอบอย่างกระชับได้ใจความ “เจ้าจะได้ไม่เบื่อ”ความหมายอีกนัยหนึ่งคือ นิยายเรื่องเดิมเรื่องนั้นเขียนต่อไม่ได้ เขาสามารถเขียนเรื่องใหม่ให้นางได้ก็ได้ ถือว่ายอมรับได้ริมฝีปากของซูชิงลั่วยกโค้งด้วยความดีใจนางเริ่มก้มหน้าก้มตาอ่านปฏิเสธไม่ได้เลยว่า นิยายที่ลู่เหิงจือเขียนช่างมีความสร้างสรรค์แปลกใหม่ยิ่งนัก เนื้อเรื่องนี้ยังไม่เคยเห็นในนิยายเรื่องอื่นมาก่อนนางอ่านอย่างออกรสออกชาติตกดึก ลู่เหิงจือก็เข้ามาดูแลนางดังเดิมผ้านวมที่เปียกชื้นตั้งแต่ตอนกลางวันยังไม่แห้งดี เขาก็วางทับลงไปอีกชั้นซูชิงลั่วไม่ได้พูดอะไรที่จริงแล้วนางรอให้ลู่เหิงจือเอ่ยปากเรื่องขอนอนบนเตียงด้วยตัวเขาเอง แต่ไม่รู้เพราะเหตุใด ลู่เหิงจือนอนอยู่หลายคืนก็ไม่มีท่าทีนี้เลย ดูเหมือนจะแค่ต้องการดูแลเท่านั้นจริงๆซูชิงลั่วเองก็ไม่ได้เป็นฝ่ายเอ่ยปากก่อนเป็นเช่นนี้ไปเรื่อยๆ ขณะที่เรือกำลังจะแล่นเข้าหังโจว ฝนห่าใหญ่ตกลงมากะทันหันกลางดึกทั้งๆ ที่เคยถามคนเรือมาก่อนแล้ว ฝนเช่นนี้พวกเขาพบบ่อย ไม่กระทบ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-01
  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 445

    สิบวันต่อมา ซูชิงลั่วพร้อมด้วยคนของนางมาก็ถึงจินหลิงแน่นอนว่านางย่อมต้องไปพบนายหญิงเฒ่าก่อนเป็นสิ่งแรกหญิงชราอาศัยอยู่ที่จวนตระกูลลู่ในจินหลิงเรือนอาศัยตระกูลลู่ค่อนข้างเก่าแก่มากแล้ว แน่นอนว่าเทียบกับเรือนอาศัยของตระกูลซูไม่ได้ สีของเสาบ้านหลุดลอก เป็นลายกระดำกระด่างภายในสวนก็ได้รับการดูแลแบบลวกๆ ยังเห็นใบไม้ร่วงอยู่ที่พื้นเป็นครั้งคราวบ่าวรับใช้ก็มีไม่มาก ระหว่างทางที่เดินเข้าไปค่อนข้างอ้างว้างวังเวงทันใดนั้น ซูชิงลั่วเกิดความรู้สึกเสียใจภายหลังที่ย้ายหญิงชรามาอยู่ที่นี่ ควรจะบอกให้นางเข้าไปอาศัยในจวนตระกูลซูแต่ตอนนั้นหญิงชราปฏิเสธเสียงแข็ง บอกว่านางมีลูกชายมีหลานชาย อย่างไรก็ไม่ถึงขั้นต้องไปอาศัยอยู่กับซูชิงลั่วซูชิงลั่วดวงตาร้อนผ่าว รีบเร่งฝีเท้าให้ไวกว่าเดิมลู่เหิงจือเพียงแค่อยู่เป็นเพื่อนนางเมื่อเข้าไปในห้อง ซูชิงลั่วก็เห็นหญิงชราทันทีตั้งแต่แวบแรกที่มองเข้าไปหญิงชรานั่งเอนตัวอยู่บนหัวเตียง แม้จะสวมเสื้อผ้าสีสันสดใส ทว่าสีหน้ากลับหม่นหมองนางเห็นซูชิงลั่วก็เกิดความตื้นตัน น้ำตาคลอเบ้า "ชิงลั่วมาแล้ว"ซูชิงลั่วรีบเข้าไป นางคุกเข่าลงข้างเตียงพูดด้วยน้ำเสียงส

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-01
  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 446

    นางจ้องบทบรรยายเล่มใหม่ในมือ ครุ่นคิดในใจว่าอ่านให้จบก่อนแล้วค่อยว่ากันก่อนหน้านี้เขียนถึงเรื่องที่องค์ชายอภิเษกสมรสโดยบังเอิญกับสตรีสูงศักดิ์ที่ตนเองหลงรักมากแต่ด้วยความกลัวที่จะถูกแก้แค้น ในคืนวันแต่งงานองค์ชายจึงไม่ได้เสด็จไปนอนในห้องของพระชายา กลับไปนอนในห้องของสนมแทนพระชายาเศร้าใจมาก เมื่อตื่นขึ้นมาในวันรุ่งขึ้นก็ทำสีหน้าเย็นชามององค์ชาย ความสัมพันธ์ของทั้งคู่จึงยิ่งห่างเหินขึ้นไปอีกส่วนสนมก็ยิ่งทำตัวหยิ่งผยอง ดูถูกเหยียดหยามพระชายาอย่างหนักครานี้เขียนถึงเรื่องที่องค์ชายได้ขึ้นครองราชย์ด้วยความพยายามของตนเองในที่สุดคนทั้งปวงล้วนรู้ว่าองค์ชายไม่โปรดปรานพระชายา บางคนถึงขั้นมั่นใจว่าองค์ชายจะถอดถอนพระชายาและตั้งสนมขึ้นเป็นฮองเฮาแต่ไม่มีใครคาดคิดว่าในคืนแรกหลังจากขึ้นครองราชย์ ฮ่องเต้จะเสด็จไปนอนในห้องของพระชายาพื้นในตำหนักกลางเย็นเยือก ฮ่องเต้คุกเข่าบนแผ่นหิน อ้อนวอนให้ฮองเฮายกโทษตนฮองเฮาเพียงจ้องมองเขาอย่างเย็นชา ไม่ได้เอ่ยคำใดซูชิงลั่วรีบพลิกหน้าต่อไป - จบแล้วหรือ?ทันใดนั้น นางตระหนักได้ว่าลู่เหิงจือได้ขุดหลุมพลางไว้ให้นางอีกแล้วนั่นหมายความว่า หากนางไม่ให้อ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-01
  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 447

    ซูชิงลั่วหลับตาลง มือกำผ้าปูที่นอนแน่นแล้วคลายออกวนซ้ำแบบนี้หลายรอบ ร่างกายของนางก็อ่อนระทวยไปทั้งตัวต่อมานางสั่นและถูกลู่เหิงจืออุ้มเข้าไปในอ้อมแขน ใช้เวลาอยู่นานกว่าจะสงบลงไม่รู้ทำไม สิ่งแรกที่นางนึกถึงคือ "เราหย่ากันแล้ว ทำเช่นนี้จะดูไม่เหมาะหรือไม่?"เอ่ยจบ ใบหน้าของนางแดงก่ำขึ้นไปอีกลู่เหิงจือหัวเราะเสียงเบา "ที่เจ้าหมายถึงคือ......เราแอบมีอะไรกันอย่างนั้นหรือ?"ซูชิงลั่วไม่ตอบลู่เหิงจือหัวเราะเบาๆ อีกครั้ง "ก็ได้""ข้ายังไม่เคยแอบมีอะไรกับใครมาก่อนเลย""พรุ่งนี้ข้าจะเขียนลงบทบรรยายเล่มใหม่"ซูชิงลั่ว "......"ไม่ต้องก็ได้นางเนื้อตัวเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ และเหนียวตัวจนน่ารำคาญทว่าร่างกายกลับอ่อนระทวย......จนไม่อยากลุกไปไหนเลยลู่เหิงจือเอามือมาเช็ดเหงื่อให้นางอย่างใส่ใจ แล้วเปลี่ยนผ้าผืนใหม่มาเช็ดให้นางอีกครั้งเมื่อเขายื่นมือมา ซูชิงลั่วก็เผลอปัดออก ใบหน้าแดงก่ำพลางกระซิบว่า "ข้าทำเองได้"ลู่เหิงจือหัวเราะเบาๆ "เจ้าจะทำเองได้อย่างไร"ซูชิงลั่วถึงกับนึกได้ว่ายามนี้นางไม่เหมือนเมื่อก่อน การก้มตัวเริ่มไม่สะดวกแล้วนางจึงหลับตาลงอีกครั้งและซุกหน้าเข้าไปในผ้าห

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-02

บทล่าสุด

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 458

    เสียงของนางแฝงความหมายว่า “รู้แล้วทำไมไม่บอกข้า”ซูชิงลั่วกระซิบว่า “ซือไหวไม่ให้ข้าบอกท่าน และข้าก็กลัวว่าหากบอกท่านไป แล้วจะกระทบความสัมพันธ์ระหว่างพี่สะใภ้กับน้องสาวได้”ลู่เหิงจือเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “แต่เจ้าไม่กลัวว่าจะกระทบความสัมพันธ์ระหว่างสามีภรรยาหรือ”ซูชิงลั่วซบลงในอ้อมอกเขา “จะกระทบหรือ?”ลู่เหิงจือฮึดฮัด น้ำเสียงนั้นชัดเจนว่าไม่เป็นเช่นนั้นซูชิงลั่วอดยิ้มไม่ได้ “อันที่จริงแล้วใต้เท้าอวี๋ก็ไม่เลวเลย”ลู่เหิงจือเอ่ยเสียงเข้มขรึมว่า “ห้ามชมเขา”ซูชิงลั่วตอบอย่างเชื่อฟังว่า “ได้”อวี๋ซื่อชิงเดินมาพร้อมกับลู่ซือไหวลู่เหิงจือมองคนทั้งสองพลางถามว่า “นานแค่ไหนแล้ว?”อวี๋ซื่อชิงตอบอย่างมั่นใจว่า “เกือบปีแล้ว”นานแค่ไหนนะ???เช่นนี้ก็หมายความว่าพวกเขาเริ่มคบหากันหลังจากที่เขาและซูชิงลั่วออกจากเมืองหลวงไม่นานอย่างนั้นหรือ?ลู่เหิงจือหันมองลู่ซือไหว “เจ้ามานี่”อวี๋ซื่อชิงพูดว่า “มีเรื่องอะไรข้าจะคุยกับท่านเอง”ลู่เหิงจือยิ้มเย้ยหยัน “การสนทนาของพวกข้าสองพี่น้อง ไม่เกี่ยวกับเจ้า”ลู่ซือไหวดึงแขนเสื้อของอวี๋ซื่อชิง อวี๋ซื่อชิงจึงถอยออกไปลู่เหิงจือพาลู่ซือไหวออ

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 457

    เซี่ยถิงอวี่เดินเข้ามา มองลู่เหิงจือพลางเอ่ยว่า “เหิงจือ รอบที่แล้วเจ้าแต่งงาน ข้าไม่สะดวกไปร่วมงานเพราะสถานะของข้า รอบนี้เจ้าแต่งงาน ข้าจะต้องมาดูสักครั้ง เพื่อความสบายใจของข้าเอง”เสียงของเขาดูจริงใจ ราวกับกำลังพูดคุยกับมิตรสหายคนหนึ่งลู่เหิงจือเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วเอ่ยว่า “ขอบคุณมาก”ไม่ว่าก่อนหน้านี้จะมีการใช้กันและกันเป็นเครื่องมือหรือไม่ แต่ยามนี้ พวกเขาเป็นสหายที่จริงใจต่อกันมากที่สุดเมิ่งชิงไต้ก็เอ่ยว่า “รอบที่แล้วข้าไม่ได้เข้าร่วมงานแต่งงานของน้องซู ก็รู้สึกเสียดายเหมือนกัน อันที่จริงแล้ว ข้าพาอวี้จู๋และโฉวกว่างมาด้วย”หลังจากลู่เหิงจือและซูชิงลั่วกลับจินหลิง เซี่ยถิงอวี่ก็เรียกโฉวกว่างกลับมาเพราะการส่งองครักษ์ลับที่ผ่านการฝึกฝนอย่างหนักไปยังจินหลิงนั้นดูจะไม่คุ้มค่า ลู่เหิงจือก็ไม่มีความเห็นอะไร อวี้จู๋จึงยังคงอยู่ในเมืองหลวงและติดตามเมิ่งชิงไต้ซูชิงลั่วรู้สึกประหลาดใจและเอ่ยว่า “ขอบคุณพี่เมิ่ง”เซี่ยถิงอวี่หัวเราะออกมาอย่างกะทันหันเพราะปิดหน้าอยู่ ซูชิงลั่วจึงมองไม่เห็นสีหน้าของเขา รู้สึกได้เพียงว่าเสียงของเขามีความเย้าแหย่แฝงอยู่“ใช่แล้ว ข้าพาอวี๋ซื่อชิงมาด้

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 456

    เนื่องจากชุดเครื่องประดับศีรษะชุดนี้ทำค่อนข้างยาก รวมถึงสุขภาพของซูชิงลั่วที่ต้องดูแลเป็นพิเศษ และหลิงเกอเอ๋อร์ยังเล็กอยู่ การแต่งงานรอบสองระหว่างลู่เหิงจือกับซูชิงลั่วจึงเลื่อนออกไปหนึ่งปีทั้งสองเคยแต่งงานกันมารอบหนึ่งแล้ว การแต่งงานรอบสองเป็นเพียงการให้คำมั่นสัญญาแก่กัน และไม่ได้จัดงานใหญ่โต มีเพียงเชิญญาติฝ่ายเรือนสามและญาติของตระกูลซูมาร่วมงานคล้ายคลึงกับงานฉลองอายุครบเดือนของหลิงเกอเอ๋อร์เท่านั้นซูชิงลั่วสวมเครื่องประดับศีรษะที่ลู่เหิงจือคอยดูแลการผลิตด้วยตัวเอง มุมปากก็ยกขึ้นเล็กน้อยจื๋อหยวนเอ่ยว่า “ของที่ใต้เท้าคอยดูแลการผลิตด้วยตัวเองย่อมงดงามมาก”ซูชิงลั่วพยักหน้า ได้ยินมาว่าลู่เหิงจือทำให้ฝีมือของช่างเหล่านั้นพัฒนาขึ้นไปอีกขั้นเลยทีเดียวก่อนหน้านี้ไม่เคยมีงานฝีมือการทอเส้นไหมทองที่ประณีตขนาดนี้มาก่อนอัญมณีสีชมพูที่ใช้ประดับดอกไม้ต้องมีสีที่เหมือนดอกท้อมากที่สุด ได้ยินมาว่าลู่เหิงจือเดินทางไปทั่วเจียงหนานเพื่อคัดเลือกอัญมณีหลายร้อยชิ้น จนกระทั่งพบกับอัญมณีที่มีสีใกล้เคียงกับสีชมพูของดอกท้อมากที่สุดหลิงเกอเอ๋อร์เดินได้มาหนึ่งเดือนกว่าแล้วยามนี้เขาวิ่งเข้ามาอย่างท

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 455

    ลู่เหิงจือนวดหว่างคิ้วเบาๆ ไม่ตอบอะไรซ่งอวี้ครุ่นคิดครู่หนึ่ง “อันที่จริงแล้วข้ามีวิธีฝังเข็มคุมกำเนิดสอนท่านได้ หากท่านไม่ต้องการมีลูก หลังจากมีเพศรักทุกครั้ง ท่านก็สามารถฝังเข็มให้ฮูหยินได้ ไม่มีผลข้างเคียง เพียงแต่อาจจะเรียนรู้ยากหน่อย”ลู่เหิงจือโล่งอก “ข้าเรียน”เขายังเรียนเขียนบทบรรยายได้เลย การฝังเข็มแค่นี้เขาไม่กลัวอยู่แล้วซ่งอวี้ “เรื่องนี้ต้องปรึกษาฮูหยินของท่านด้วย”“แน่นอน ข้าแค่มาถามท่านก่อน” ลู่เหิงจือตอบด้วยน้ำเสียงเป็นธรรมชาติหลังจากส่งซ่งอวี้กลับห้องแล้ว ลู่เหิงจือก็เดินตามทางเดินที่คดเคี้ยวกลับต้องยอมรับว่าจวนตระกูลซูสร้างได้ดีจริงๆ แม้แต่แสงจันทราก็ยังสวยกว่าที่เมืองหลวงเขายกหน้าขึ้นมองพระจันทร์ คิดว่ายามนี้หลิงเกอเอ๋อร์หลับแล้วแน่นอน คงพาซูชิงลั่วออกมาชมจันทร์ได้เขายิ้มมุมปาก จู่ๆ ก็คิดบางอย่าออก รีบก้มดูถุงหอมที่ตนเองห้อย- ถุงหอมที่ซูชิงลั่วให้ลู่ซือไหวล้วนเป็นการปักสองด้านหมด แล้วของเขา......เขารีบเปิดออกนี่คือถุงหอมอันแรกที่ซูชิงลั่วให้เขานางเคยให้เขาสามอัน เขาห้อยอันนี้บ่อยที่สุด เพราะรู้สึกว่าอันแรกมีความหมายที่แตกต่างปลายนิ้วของเขาสั่น

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 454

    ลู่เหิงจือเอ่ยกึ่งติดตลกว่า "หรือว่าข้าจะมาเป็นกรรมการดี?"เขาแค่พูดเล่นๆ แต่ลู่ซือไหวกลับคิดจริงจัง "ดีเลย"นางก็รีบแกะถุงหอมที่ซูชิงลั่วให้นางมาจากเอวซูชิงลั่วรู้สึกประหลาดใจ - นางพกติดตัวตลอดจริงๆลู่เหิงจือหยิบขึ้นมาเทียบกับสร้อยทองในมือของซูชิงลั่ว แล้วเอ่ยเสียงเรียบว่า "ก็สู้ของพี่สะใภ้ไม่ได้หรอก"ลู่ซือไหวไม่ได้รู้สึกไม่พอใจที่ถูกพูดเช่นนี้ ใบหน้าก็ยิ้มแย้ม "ก็เพราะการปักลายสองด้านจำกัดฝีมือของพี่สะใภ้"นางพลิกถุงหอมกลับด้าน ด้านในมีอะไรซ่อนอยู่ลู่เหิงจือรู้สึกเหมือนจะนึกอะไรออกแต่ก็จับไม่ได้ทันที ก็ได้ยินบ่าวรับใช้มารายงานว่าหมอหลวงซ่งจากเมืองหลวงมาถึงแล้วเขาอายุมากแล้ว ฮ่องเต้องค์ใหม่มีหมอหลวงที่ไว้ใจได้ของพระองค์เอง เขาจึงลาออกจากตำแหน่งกลับบ้านเกิดเขาเป็นชาวจินหลิง พอได้ยินว่าลูกชายของลู่เหิงจืออายุครบเดือน ก็รีบมาแสดงความยินดีในวันรุ่งขึ้นทันทีคนอื่นๆ ล้วนเป็นญาติหรือสหายเก่าของตระกูลซูแห่งจินหลิง ลู่เหิงจือไม่จำเป็นต้องไปต้อนรับเป็นพิเศษ แต่เมื่อซ่งอวี้มาเอง เขาต้องไปพบซูชิงลั่วเห็นว่าญาติมาครบแล้ว ก็อุ้มหลิงเกอเอ๋อร์และจูงมือลู่ซือไหวออกไปทักทายทุกคนทัน

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 453

    ถึงจะเป็นเช่นนั้น แต่กระทำกลับอ่อนโยนอย่างไม่เคยมีมาก่อนเห็นได้ชัดว่าเขาดูแลนางเป็นอย่างดีหลังคลอดไม่นานทว่าซูชิงลั่วก็อดร้องออกมาด้วยเสียงที่ทำให้หัวใจเต้นรัวไม่ได้เขาเพิ่งเคยจูบนางเช่นนี้เป็นครั้งแรก จูบที่ทั้งถี่และอ่อนโยนจนแทบจะทั่วทั้งร่างกายของนางสุดท้ายแนบชิดนางอย่างระมัดระวังจูบเสร็จแล้ว ซูชิงลั่วก็เอนตัวลงในอ้อมแขนของเขาและถามว่า “ท่านจะเขียนบทบรรยายให้ข้าอีกหรือไม่”ลู่เหิงจือตอบเสียงเบาว่า “หากเจ้าอยากอ่าน ข้าก็จะเขียน”ซูชิงลั่วตอบว่า “อยากอ่าน”ลู่เหิงจือตอบว่า “ได้”ซูชิงลั่วรู้สึกพึงพอใจและหลับไปในอ้อมแขนของเขา*งานฉลองวันเกิดครบหนึ่งเดือนของหลิงเกอเอ๋อร์ จัดขึ้นเมื่อเขาอายุได้ สามสิบห้าวันซึ่งจัดช้ากว่าที่จินหลิงไม่กี่วันเนื่องจากญาติฝ่ายตระกูลซูเหลือไม่มาก และญาติฝ่ายตระกูลลู่ส่วนใหญ่อยู่ที่เมืองหลวง จำนวนแขกที่มาในงานจึงไม่มาก มีเพียงแค่สองโต๊ะเท่านั้นแต่ภายในบ้านก็ยังคงคึกคักเป็นพิเศษ เพราะไม่ได้มีงานมงคลเช่นนี้มานานแล้วลู่ซือไหวก็ถูกรับกลับมาจินหลิงเช่นกัน เนื่องจากลู่เหิงจือและซูชิงลั่ววางแผนจะอยู่ที่จินหลิงสักสองสามปี นางจึงอยากอยู่กับพี่ช

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 452

    ลู่เหิงจือจึงได้อยู่เดือนเป็นเพื่อนซูชิงลั่วเขาเริ่มสังเกตเห็นว่าเมนูอาหารในบ้านเปลี่ยนไปจากเดิมมากโดยเฉพาะเมนูที่ไม่ค่อยได้ทำมาก่อนแต่ปรากฏในช่วงนี้อยู่บ่อยครั้ง - ตีนเป็ดตุ๋นน้ำแดง เนื้อแพะตุ๋น มะเขือม่วงย่าง และหัวสิงโตนึ่งลู่เหิงจือกินไปหลายวันก็เริ่มฉุกคิดได้ จึงหันไปมองซูชิงลั่ว“ครั้นที่เจ้าไปกินข้าวกับอวี๋ซื่อชิงและหลี่ว์เผิงเทียน แล้วถามเถ้าแก่ว่าข้าชอบกินอะไร”ซูชิงลั่วก็ไม่ได้ปฏิเสธหลังจากคืนดีกับลู่เหิงจือแล้ว พวกเขาทั้งสองก็เข้าใจกันมากขึ้น - สามารถพูดคุยกันได้ทุกเรื่อง ราวกับไม่มีอะไรต้องกังวลอีกแล้วทำให้นางกับลู่เหิงจือต่างรู้สึกสบายใจมากขึ้น“ข้าเพิ่งรู้ว่าที่ผ่านมาท่านเอาใจข้าเรื่องอาหารมากเลย” ซูชิงลั่วเอ่ยติดตลก “ไม่แปลกใจเลยที่ท่านจะไม่ค่อยกลับบ้านมากินข้าว”ลู่เหิงจือเงยหน้าขึ้นมองนางซูชิงลั่วเงยหน้าขึ้นมองเขาพร้อมกับเอียงหัวเล็กน้อย “ที่ผ่านมาเป็นความผิดของข้าเองที่ไม่เคยได้สังเกต”นางเอื้อมมือไปดึงหูเขาเบาๆ พลางเอ่ยว่า "ต่อไปนี้ สามีจะได้กินอาหารถูกปากที่บ้านบ่อยๆ แล้วนะ"การที่นางเรียกเขาว่า "สามี" และดึงหูเขาทำให้สายตาของลู่เหิงจือลึกซึ้งยิ่

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 451

    ซูชิงลั่วหลับไปหนึ่งวันหนึ่งคืนถึงจะฟื้นพอฟื้น คนแรกที่เห็นคือลู่เหิงจือที่นอนอยู่ข้างๆ มือของเขายังจับมือนางไว้อยู่ และฝ่ามือก็เปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อนางขยับมือลู่เหิงจือรู้สึกตัวทันที ไม่ต้องให้นางเอ่ยสิ่งใด เขาก็รีบเทน้ำอุ่นใส่ถ้วย แล้วอุ้มนางเข้ามากอดในอ้อมแขน ป้อนน้ำให้นางซูชิงลั่วดื่มไปหลายถ้วยถึงจุใจ เสียงของนางก็แหบพร่า “ลูกล่ะ”“อยู่ห้องข้างๆ เจ้าน่ะ มีแม่นมเหมยและแม่นมคอยดูแลอยู่ ท่านย่าก็แวะไปดูเป็นระยะๆ เจ้าไม่ต้องห่วง” ลู่เหิงจือถามนาง “หิวหรือไม่”ซูชิงลั่วพยักหน้า หิวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนลู่เหิงจือตอบว่า “ข้าวต้มกับบะหมี่เตรียมไว้แล้ว เจ้าอยากกินอะไร”“แม่นมเหมยบอกว่าเจ้าเพิ่งคลอด ควรกินอาหารอ่อนๆ ไปก่อน”เขาเอื้อมมือไปจัดทรงผมที่ยุ่งเหยิงของนาง “พอเจ้าสบายตัวขึ้นแล้ว ข้าจะลงครัวทำอาหารที่เจ้าชอบกินด้วยตนเอง”ซูชิงลั่วพยักหน้า “บะหมี่แล้วกัน”นางไม่มีแรงแม้แต่จะยกแขนลู่เหิงจือจึงอุ้มนางไว้ในอ้อมแขน ป้อนให้นางทีละคำนางกินบะหมี่ไปสองชามเล็กถึงจะอิ่ม และคิดถึงลูกขึ้นมา จึงถามว่า “ลูกหลับอยู่หรือไม่ หากตื่นแล้วอุ้มมาให้ข้าดูหน่อย”ลู่เหิงจือเอ่ยเสียงทุ้

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 450

    เวลาล่วงเลยเข้าสู่ยามวิกาล ลู่เหิงจือและหญิงชราก็ยังคงรอคอยอยู่ข้างนอกเยว่เออร์จึงปลอบว่า “นายหญิงเฒ่า คุณหนูคงยังไม่คลอดในทันที ท่านควรกลับไปพักผ่อนเสียก่อน มิเช่นนั้น เมื่อคุณหนูคลอดบุตรออกมาแล้ว ร่างกายของท่านจะไม่ไหวเอาได้ คุณหนูก็ต้องมาเป็นห่วงอีก”หญิงชราเอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า “เจ้าไม่ต้องมาปลอบข้าหรอก ข้านอนไม่หลับอยู่แล้ว”เยว่เออร์จึงได้แต่ทำตามคำสั่งโชคดีที่เป็นเดือนหกของจินหลิง ค่ำคืนนี้จึงไม่หนาวลู่เหิงจือได้สั่งให้คนนำนาฬิกาทรายมาวางไว้ในบริเวณลานกว้าง และรู้สึกว่าค่ำคืนนี้ยาวนานเหลือเกินราวกับว่าความอดทนทั้งหมดของเขาหมดไปกับค่ำคืนนี้ฟ้าสางแล้วเสียงร้องครวญครางของซูชิงลั่วก็เบาลง ดูไม่น่ากลัวเหมือนเมื่อคืน และค่อยๆ สงบลงลู่เหิงจือใจร้อนจึงรีบส่งคนเข้าไปถามว่า “เป็นอย่างไรบ้าง”สาวใช้รีบตอบว่า “ใต้เท้าอย่าได้เป็นห่วงเลย ฮูหยินเพียงแค่เหนื่อยจนหลับไปเจ้าค่ะ”นางไม่ได้หลับทั้งคืน เสียงร้องครวญครางก็พยายามกลั้นไว้ คงจะเหนื่อยล้ามากลู่เหิงจือพยักหน้า ไม่ได้เอ่ยสิ่งใดต่อซูชิงลั่วหลับไปเพียงครึ่งชั่วยาม ท้องก็เริ่มปวดอีกครั้งนางตื่นขึ้นมาด้วยความเจ็บป

DMCA.com Protection Status