Share

บทที่ 440

Author: หอมดังเดิม
บัณฑิตพาตัวหญิงสาวออกไปได้อย่างราบรื่น คิดไม่ถึงว่าหญิงสาวกลับโกรธหนัก

บัณฑิตหนุ่มอธิบายเหตุผลให้ฟัง หญิงสาวกลับไม่ยอมอภัยให้เขา

หญิงสาวตำหนิที่เขาไม่ยอมปรึกษากับตนก่อนก็ถือวิสาสะตัดสินใจตามลำพังแล้วเขียนหนังสือหย่าส่งมา ยามนี้ก็ยังมาก่อความวุ่นวายที่งานแต่งโดยไม่บอกไม่กล่าว ทำให้นางไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ใด

บัณฑิตคิดไม่ถึงว่าหญิงสาวจะเป็นเช่นนี้ เกิดความรู้สึกประหลาดใจไปชั่วขณะ

หญิงสาวยืนกรานจะกลับบ้าน บัณฑิตจึงทำได้เพียงแค่ไปส่งนางกลับจวน

หลังจากเกิดเรื่องวุ่นวายใหญ่โตไปแล้ว งานแต่งจึงไม่สามารถดำเนินต่อไปได้ ฝ่ายชายขอถอนหมั้น เรื่องนี้กลายเป็นเรื่องตลกให้คนทั้งเมืองหลวงหัวเราะเยาะในชั่วพริบตา

บัณฑิตหนุ่มไปรอที่หน้าประตูเรือนของหญิงสาวทุกวัน หวังว่าหญิงสาวจะให้อภัยเขา

ตอนจบของบทนี้ ไฟในเรือนของหญิงสาวดับหมดแล้ว

บัณฑิตหนุ่มก็ยังคงรออยู่หน้าประตู แสงจันทร์ที่หนาวเหน็บสาดกระทบลงบนตัวเขา ส่องสว่างร่างที่ผอมบางโดดเดี่ยวของเขา แล้วก็ส่องให้เห็นสีหน้าที่อ้างว้างของเขา

จบแล้วหรือ

ซูชิงลั่วพลิกหน้ากระดาษ เป็นหน้าสุดท้ายแล้วจริงๆ

นางคิดในใจ ลู่เหิงจือน่ารำคาญยิ่งนัก จงใจเขียนนิยายเรื
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Locked Chapter

Related chapters

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 441

    คล้ายว่าจะมีลมจากด้านนอกพัดเข้ามาซูชิงลั่วพลันกำตะเกียบที่เกือบจะร่วงเอาไว้แน่น พยายามพูดอย่างใจเย็นที่สุด “ข้าหน้าแดงหรือ คงเพราะในห้องเผาถ่านมากเกินไป เลยทำให้รู้สึกร้อน”หลังจากพูดจบนางถึงจะนึกขึ้นได้ว่าที่นี่คือโรงเตี๊ยม ไม่ใช่ที่เรือน ไม่มีเตาถ่านใดๆ ทั้งสิ้นซูชิงลั่ว : "..."ลู่เหิงจือขำออกมาเบาๆ ภายใต้รอยยิ้มมีความได้ใจแฝงเอาไว้ซูชิงลั่วผลักแขนเขาออก ท่าทางหัวเสียเล็กน้อย “สรุปว่าท่านหิวหรือไม่”ผู้ใดกันที่บอกว่าตนไม่ค่อยได้กินอะไรมาสองวันแล้วลู่เหิงจือกลัวว่าหากมากเกินไปจะทำให้นางรำคาญได้ จึงลุกขึ้นไปเรียกเถ้าแก่เนี้ยโรงเตี๊ยมนอกห้อง บอกใหนางยกเตาถ่านเข้ามา หลังจากนั้นถึงจะกลับไปนั่งที่แล้วเริ่มกินอย่างไม่รีบร้อน"..."ซูชิงลั่วมองดูเตาถ่านสีแดงฉานที่อยู่มุมกำแพง พลางสงสัยว่าเขากำลังเยาะเย้ยตนอยู่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าไม่ได้กินข้าวกับเขามานานมาแล้ว นางเองก็คิดถึงท่าทางการกินข้าวที่ดูสุภาพเรียบร้อยของเขาอยู่เหมือนกันซูชิงลั่วอดมองเขาไม่ได้ ทันทีที่เขารู้สึกตัวก็รีบละสายตาออกมาหลังจากนั้นลู่เหิงจือก็ไม่ได้พูดอะไรอีก บนโต๊ะมีเพียงแค่เสียงตะเกียบกระทบกับถ้วยแต่ซูชิ

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 442

    หลังจากนั้นก็ได้ยินซ่งเหวินทอดถอนใจ “เจ้าไม่รู้หรอกว่าใต้เท้าเขียนนิยายนั่นด้วยความยากลำบากเพียงใด”“เขาอ่านหนังสือนิยายที่เอากลับมา พลางด่าว่าเขียนสิ่งใดไร้สาระ แต่กลับต้องคอยเรียนรู้จากสิ่งไร้สาระพวกนั้น รู้สึกได้เลยว่าใต้เท้าผมร่วงไปหลายเส้นแล้ว”ซูชิงลั่วมโนภาพของลู่เหิงจือในตอนนั้นก็เกือบจะหลุดขำออกมา*ครั้นแล้วเมื่อถึงตอนกินข้าวเที่ยง ท่าทีที่ซูชิงลั่วมีต่อลู่เหิงจือก็ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดอย่างน้อยก็ไม่ได้แข็งทื่ออย่างเดิมแล้วลู่เหิงจือ : “บนเรือไม่มีไก่เป็น ข้าจึงทำซาลาเปาไส้หมูมาให้ เจ้าลองชิมดู”ซูชิงลั่วรู้สึกเสียดายเล็กน้อยช่วงหลายวันนี้ก็ใช่ว่าจะไม่เคยกินซาลาเปาไส้หมู แต่อย่างไรก็รู้สึกว่าคาวกว่าเนื้อไก่อยู่ดีแต่ไม่ว่าจะพูดเช่นไรก็เป็นซาลาเปาที่ลู่เหิงจือทำเองกับมือ จะต้องรสชาติดีกว่าของโรงเตี๊ยมเมื่อคืนไม่น้อยนางหยิบซาลาเปาลูกเล็กหนึ่งลูกใส่เข้าไป กลิ่นหอมอบอวลแตกต่างไปจากของโรงเตี๊ยม หรือแม้แต่ที่เคยกินในจวนไปโดยสิ้นเชิงซูชิงลั่วตกตะลึงเป็นอย่างยิ่ง “เหตุใดซาลาเปาที่ท่านทำถึงไม่มีกลิ่นคาวเลยสักนิด”ลู่เหิงจือตอบเสียงเรียบ “หั่นเอ็นและเนื้อติดมันใส่ลงไ

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 443

    เรือโคลงไปโคลงมาเบาๆ คนไม่รับรู้ถึงแรงสั่นนี้ แต่เปลวเทียนกลับกระพริบพลันมืดสนิทไปในพริบตา แล้วกลับมาสว่างอีกครั้งน้ำเสียงของเขาฟังดูแหบเครือกว่าที่เคยท่ามกลางความมืดเพียงชั่วขณะเมื่อครู่นี้คล้ายกับว่ากำลังยับยั้งอะไรบางอย่างทำให้นางใจสั่นขึ้นมาอย่างไร้สาเหตุเขากระซิบขึ้นมาอีกครั้ง “หากเจ้ากลัวว่าข้าจะทำอะไรเจ้า ข้าจะนอนบนพื้น หากกลางดึกเจ้าถีบผ้าห่ม ข้าจะได้ลุกขึ้นมาห่มผ้าให้เจ้า”ซูชิงลั่วสงสัยว่านี่จะเป็นแผนการถอยเพื่อรุกของเขาหรือไม่ เหมือนกับตอนที่เพิ่งแต่งงานกันใหม่ๆ ครานั้นแต่น้ำเสียงของเขาครั้งนี้ฟังดูจริงใจยิ่งนักซูชิงลั่วไม่ได้ตอบอะไรลู่เหิงจือถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะเอ่ย “ชิงลั่ว ข้าไม่ใช่สัตว์ร้าย”ความเจ็บปวดเผยออกมาอย่างชัดเจนในประโยคนี้ซูชิงลั่วใจอ่อนโดยไม่รู้ตัว “เช่นนั้นก็ได้”นางคิดว่าที่ลู่เหิงจือบอกจะนอนด้านล่างเตียงเป็นเพียงแค่ข้ออ้าง อย่างไรก็ต้องคิดหาวิธีขึ้นมาให้ได้ ใครจะรู้ว่าคืนนี้เขากลับสงบเสงี่ยมเจียมตัวยิ่งนักหลังจากปูที่นอนเสร็จก็เอนตัวลงไปบนแผ่นไม้ รออยู่นาน เขาก็ไม่หาข้ออ้างขึ้นมานอนกับนางบนเตียงได้ยินเสียงลมหายใจที่แผ่วเบาของลู่เหิงจ

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 444

    เนื้อหาเล่าเรื่องขององค์จักรพรรดิและบุตรสาวของขุนนางผู้มีอำนาจซูชิงลั่วเงยหน้าขึ้นไปมองเขาอย่างอดไม่ได้ลู่เหิงจือตอบอย่างกระชับได้ใจความ “เจ้าจะได้ไม่เบื่อ”ความหมายอีกนัยหนึ่งคือ นิยายเรื่องเดิมเรื่องนั้นเขียนต่อไม่ได้ เขาสามารถเขียนเรื่องใหม่ให้นางได้ก็ได้ ถือว่ายอมรับได้ริมฝีปากของซูชิงลั่วยกโค้งด้วยความดีใจนางเริ่มก้มหน้าก้มตาอ่านปฏิเสธไม่ได้เลยว่า นิยายที่ลู่เหิงจือเขียนช่างมีความสร้างสรรค์แปลกใหม่ยิ่งนัก เนื้อเรื่องนี้ยังไม่เคยเห็นในนิยายเรื่องอื่นมาก่อนนางอ่านอย่างออกรสออกชาติตกดึก ลู่เหิงจือก็เข้ามาดูแลนางดังเดิมผ้านวมที่เปียกชื้นตั้งแต่ตอนกลางวันยังไม่แห้งดี เขาก็วางทับลงไปอีกชั้นซูชิงลั่วไม่ได้พูดอะไรที่จริงแล้วนางรอให้ลู่เหิงจือเอ่ยปากเรื่องขอนอนบนเตียงด้วยตัวเขาเอง แต่ไม่รู้เพราะเหตุใด ลู่เหิงจือนอนอยู่หลายคืนก็ไม่มีท่าทีนี้เลย ดูเหมือนจะแค่ต้องการดูแลเท่านั้นจริงๆซูชิงลั่วเองก็ไม่ได้เป็นฝ่ายเอ่ยปากก่อนเป็นเช่นนี้ไปเรื่อยๆ ขณะที่เรือกำลังจะแล่นเข้าหังโจว ฝนห่าใหญ่ตกลงมากะทันหันกลางดึกทั้งๆ ที่เคยถามคนเรือมาก่อนแล้ว ฝนเช่นนี้พวกเขาพบบ่อย ไม่กระทบ

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 445

    สิบวันต่อมา ซูชิงลั่วพร้อมด้วยคนของนางมาก็ถึงจินหลิงแน่นอนว่านางย่อมต้องไปพบนายหญิงเฒ่าก่อนเป็นสิ่งแรกหญิงชราอาศัยอยู่ที่จวนตระกูลลู่ในจินหลิงเรือนอาศัยตระกูลลู่ค่อนข้างเก่าแก่มากแล้ว แน่นอนว่าเทียบกับเรือนอาศัยของตระกูลซูไม่ได้ สีของเสาบ้านหลุดลอก เป็นลายกระดำกระด่างภายในสวนก็ได้รับการดูแลแบบลวกๆ ยังเห็นใบไม้ร่วงอยู่ที่พื้นเป็นครั้งคราวบ่าวรับใช้ก็มีไม่มาก ระหว่างทางที่เดินเข้าไปค่อนข้างอ้างว้างวังเวงทันใดนั้น ซูชิงลั่วเกิดความรู้สึกเสียใจภายหลังที่ย้ายหญิงชรามาอยู่ที่นี่ ควรจะบอกให้นางเข้าไปอาศัยในจวนตระกูลซูแต่ตอนนั้นหญิงชราปฏิเสธเสียงแข็ง บอกว่านางมีลูกชายมีหลานชาย อย่างไรก็ไม่ถึงขั้นต้องไปอาศัยอยู่กับซูชิงลั่วซูชิงลั่วดวงตาร้อนผ่าว รีบเร่งฝีเท้าให้ไวกว่าเดิมลู่เหิงจือเพียงแค่อยู่เป็นเพื่อนนางเมื่อเข้าไปในห้อง ซูชิงลั่วก็เห็นหญิงชราทันทีตั้งแต่แวบแรกที่มองเข้าไปหญิงชรานั่งเอนตัวอยู่บนหัวเตียง แม้จะสวมเสื้อผ้าสีสันสดใส ทว่าสีหน้ากลับหม่นหมองนางเห็นซูชิงลั่วก็เกิดความตื้นตัน น้ำตาคลอเบ้า "ชิงลั่วมาแล้ว"ซูชิงลั่วรีบเข้าไป นางคุกเข่าลงข้างเตียงพูดด้วยน้ำเสียงส

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 446

    นางจ้องบทบรรยายเล่มใหม่ในมือ ครุ่นคิดในใจว่าอ่านให้จบก่อนแล้วค่อยว่ากันก่อนหน้านี้เขียนถึงเรื่องที่องค์ชายอภิเษกสมรสโดยบังเอิญกับสตรีสูงศักดิ์ที่ตนเองหลงรักมากแต่ด้วยความกลัวที่จะถูกแก้แค้น ในคืนวันแต่งงานองค์ชายจึงไม่ได้เสด็จไปนอนในห้องของพระชายา กลับไปนอนในห้องของสนมแทนพระชายาเศร้าใจมาก เมื่อตื่นขึ้นมาในวันรุ่งขึ้นก็ทำสีหน้าเย็นชามององค์ชาย ความสัมพันธ์ของทั้งคู่จึงยิ่งห่างเหินขึ้นไปอีกส่วนสนมก็ยิ่งทำตัวหยิ่งผยอง ดูถูกเหยียดหยามพระชายาอย่างหนักครานี้เขียนถึงเรื่องที่องค์ชายได้ขึ้นครองราชย์ด้วยความพยายามของตนเองในที่สุดคนทั้งปวงล้วนรู้ว่าองค์ชายไม่โปรดปรานพระชายา บางคนถึงขั้นมั่นใจว่าองค์ชายจะถอดถอนพระชายาและตั้งสนมขึ้นเป็นฮองเฮาแต่ไม่มีใครคาดคิดว่าในคืนแรกหลังจากขึ้นครองราชย์ ฮ่องเต้จะเสด็จไปนอนในห้องของพระชายาพื้นในตำหนักกลางเย็นเยือก ฮ่องเต้คุกเข่าบนแผ่นหิน อ้อนวอนให้ฮองเฮายกโทษตนฮองเฮาเพียงจ้องมองเขาอย่างเย็นชา ไม่ได้เอ่ยคำใดซูชิงลั่วรีบพลิกหน้าต่อไป - จบแล้วหรือ?ทันใดนั้น นางตระหนักได้ว่าลู่เหิงจือได้ขุดหลุมพลางไว้ให้นางอีกแล้วนั่นหมายความว่า หากนางไม่ให้อ

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 447

    ซูชิงลั่วหลับตาลง มือกำผ้าปูที่นอนแน่นแล้วคลายออกวนซ้ำแบบนี้หลายรอบ ร่างกายของนางก็อ่อนระทวยไปทั้งตัวต่อมานางสั่นและถูกลู่เหิงจืออุ้มเข้าไปในอ้อมแขน ใช้เวลาอยู่นานกว่าจะสงบลงไม่รู้ทำไม สิ่งแรกที่นางนึกถึงคือ "เราหย่ากันแล้ว ทำเช่นนี้จะดูไม่เหมาะหรือไม่?"เอ่ยจบ ใบหน้าของนางแดงก่ำขึ้นไปอีกลู่เหิงจือหัวเราะเสียงเบา "ที่เจ้าหมายถึงคือ......เราแอบมีอะไรกันอย่างนั้นหรือ?"ซูชิงลั่วไม่ตอบลู่เหิงจือหัวเราะเบาๆ อีกครั้ง "ก็ได้""ข้ายังไม่เคยแอบมีอะไรกับใครมาก่อนเลย""พรุ่งนี้ข้าจะเขียนลงบทบรรยายเล่มใหม่"ซูชิงลั่ว "......"ไม่ต้องก็ได้นางเนื้อตัวเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ และเหนียวตัวจนน่ารำคาญทว่าร่างกายกลับอ่อนระทวย......จนไม่อยากลุกไปไหนเลยลู่เหิงจือเอามือมาเช็ดเหงื่อให้นางอย่างใส่ใจ แล้วเปลี่ยนผ้าผืนใหม่มาเช็ดให้นางอีกครั้งเมื่อเขายื่นมือมา ซูชิงลั่วก็เผลอปัดออก ใบหน้าแดงก่ำพลางกระซิบว่า "ข้าทำเองได้"ลู่เหิงจือหัวเราะเบาๆ "เจ้าจะทำเองได้อย่างไร"ซูชิงลั่วถึงกับนึกได้ว่ายามนี้นางไม่เหมือนเมื่อก่อน การก้มตัวเริ่มไม่สะดวกแล้วนางจึงหลับตาลงอีกครั้งและซุกหน้าเข้าไปในผ้าห

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 448

    "......"ซูชิงลั่วท้องโตขึ้นแล้ว เวลาเดินนางจะเอามือไปรองพยุงเอวโดยไม่รู้ตัวนางไม่ได้พูดอะไร ค่อยๆ เดินไปยังเรือนข้างๆเรือนข้างๆ เป็นห้องรับแขก มีต้นอู๋ถงต้นใหญ่ปลูกไว้อยู่แสงตะวันส่องผ่านช่องว่างของใบไม้ ตกลงมาเป็นดวงๆ บนแผ่นหลังของลู่เหิงจือเขาคุกเข่าหลังตรง ราวกับต้นหยกจ้าวจิ้งยืนกอดอกมอง เมื่อเห็นว่าซูชิงลั่วเดินมา เขาก็เงยหน้าเหลือบมองนางซูชิงลั่วรีบทำท่า "ชู่ว์" ให้เงียบจ้าวจิ้งจึงไม่พูดอะไรซูชิงลั่วรู้สึกเจ็บปวดในใจทันทีนางไม่กล้ามองลง จึงหันกลับไปที่ห้อง ทำเป็นไม่รู้เรื่องนี้หลังจากลู่เหิงจือคุกเข่าเสร็จ จ้าวจิ้งก็หยิบจดหมายลับออกมาเซี่ยถิงอวี่บอกเขาว่าแม้จะอยู่ที่จินหลิงก็อย่าได้ว่างงาน ควรคอยระวังสิ่งที่ควรระวังลู่เหิงจือยัดจดหมายลงในแขนเสื้อ ทำหน้าเฉยเมยและเอ่ยว่า “ไม่ส่ง”*ลู่เหิงจือกลับเข้าห้อง ซูชิงลั่วได้พาหญิงชราไปตากแดดเสร็จแล้ว และกำลังชงน้ำชาอยู่เขาอดแปลกใจไม่ได้ “วันนี้ทำไมกลับเร็วเพียงนี้”ซูชิงลั่วยิ้มเล็กน้อยพลางตอบว่า “วันนี้ท่านยายอยากเดินออกกำลังกายจึงเหนื่อยเร็ว และอยากกลับไปพักน่ะ”“แล้วเจ้ากลับมาเมื่อใด” ลู่เหิงจือชะงักไปชั่ว

Latest chapter

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 458

    เสียงของนางแฝงความหมายว่า “รู้แล้วทำไมไม่บอกข้า”ซูชิงลั่วกระซิบว่า “ซือไหวไม่ให้ข้าบอกท่าน และข้าก็กลัวว่าหากบอกท่านไป แล้วจะกระทบความสัมพันธ์ระหว่างพี่สะใภ้กับน้องสาวได้”ลู่เหิงจือเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “แต่เจ้าไม่กลัวว่าจะกระทบความสัมพันธ์ระหว่างสามีภรรยาหรือ”ซูชิงลั่วซบลงในอ้อมอกเขา “จะกระทบหรือ?”ลู่เหิงจือฮึดฮัด น้ำเสียงนั้นชัดเจนว่าไม่เป็นเช่นนั้นซูชิงลั่วอดยิ้มไม่ได้ “อันที่จริงแล้วใต้เท้าอวี๋ก็ไม่เลวเลย”ลู่เหิงจือเอ่ยเสียงเข้มขรึมว่า “ห้ามชมเขา”ซูชิงลั่วตอบอย่างเชื่อฟังว่า “ได้”อวี๋ซื่อชิงเดินมาพร้อมกับลู่ซือไหวลู่เหิงจือมองคนทั้งสองพลางถามว่า “นานแค่ไหนแล้ว?”อวี๋ซื่อชิงตอบอย่างมั่นใจว่า “เกือบปีแล้ว”นานแค่ไหนนะ???เช่นนี้ก็หมายความว่าพวกเขาเริ่มคบหากันหลังจากที่เขาและซูชิงลั่วออกจากเมืองหลวงไม่นานอย่างนั้นหรือ?ลู่เหิงจือหันมองลู่ซือไหว “เจ้ามานี่”อวี๋ซื่อชิงพูดว่า “มีเรื่องอะไรข้าจะคุยกับท่านเอง”ลู่เหิงจือยิ้มเย้ยหยัน “การสนทนาของพวกข้าสองพี่น้อง ไม่เกี่ยวกับเจ้า”ลู่ซือไหวดึงแขนเสื้อของอวี๋ซื่อชิง อวี๋ซื่อชิงจึงถอยออกไปลู่เหิงจือพาลู่ซือไหวออ

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 457

    เซี่ยถิงอวี่เดินเข้ามา มองลู่เหิงจือพลางเอ่ยว่า “เหิงจือ รอบที่แล้วเจ้าแต่งงาน ข้าไม่สะดวกไปร่วมงานเพราะสถานะของข้า รอบนี้เจ้าแต่งงาน ข้าจะต้องมาดูสักครั้ง เพื่อความสบายใจของข้าเอง”เสียงของเขาดูจริงใจ ราวกับกำลังพูดคุยกับมิตรสหายคนหนึ่งลู่เหิงจือเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วเอ่ยว่า “ขอบคุณมาก”ไม่ว่าก่อนหน้านี้จะมีการใช้กันและกันเป็นเครื่องมือหรือไม่ แต่ยามนี้ พวกเขาเป็นสหายที่จริงใจต่อกันมากที่สุดเมิ่งชิงไต้ก็เอ่ยว่า “รอบที่แล้วข้าไม่ได้เข้าร่วมงานแต่งงานของน้องซู ก็รู้สึกเสียดายเหมือนกัน อันที่จริงแล้ว ข้าพาอวี้จู๋และโฉวกว่างมาด้วย”หลังจากลู่เหิงจือและซูชิงลั่วกลับจินหลิง เซี่ยถิงอวี่ก็เรียกโฉวกว่างกลับมาเพราะการส่งองครักษ์ลับที่ผ่านการฝึกฝนอย่างหนักไปยังจินหลิงนั้นดูจะไม่คุ้มค่า ลู่เหิงจือก็ไม่มีความเห็นอะไร อวี้จู๋จึงยังคงอยู่ในเมืองหลวงและติดตามเมิ่งชิงไต้ซูชิงลั่วรู้สึกประหลาดใจและเอ่ยว่า “ขอบคุณพี่เมิ่ง”เซี่ยถิงอวี่หัวเราะออกมาอย่างกะทันหันเพราะปิดหน้าอยู่ ซูชิงลั่วจึงมองไม่เห็นสีหน้าของเขา รู้สึกได้เพียงว่าเสียงของเขามีความเย้าแหย่แฝงอยู่“ใช่แล้ว ข้าพาอวี๋ซื่อชิงมาด้

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 456

    เนื่องจากชุดเครื่องประดับศีรษะชุดนี้ทำค่อนข้างยาก รวมถึงสุขภาพของซูชิงลั่วที่ต้องดูแลเป็นพิเศษ และหลิงเกอเอ๋อร์ยังเล็กอยู่ การแต่งงานรอบสองระหว่างลู่เหิงจือกับซูชิงลั่วจึงเลื่อนออกไปหนึ่งปีทั้งสองเคยแต่งงานกันมารอบหนึ่งแล้ว การแต่งงานรอบสองเป็นเพียงการให้คำมั่นสัญญาแก่กัน และไม่ได้จัดงานใหญ่โต มีเพียงเชิญญาติฝ่ายเรือนสามและญาติของตระกูลซูมาร่วมงานคล้ายคลึงกับงานฉลองอายุครบเดือนของหลิงเกอเอ๋อร์เท่านั้นซูชิงลั่วสวมเครื่องประดับศีรษะที่ลู่เหิงจือคอยดูแลการผลิตด้วยตัวเอง มุมปากก็ยกขึ้นเล็กน้อยจื๋อหยวนเอ่ยว่า “ของที่ใต้เท้าคอยดูแลการผลิตด้วยตัวเองย่อมงดงามมาก”ซูชิงลั่วพยักหน้า ได้ยินมาว่าลู่เหิงจือทำให้ฝีมือของช่างเหล่านั้นพัฒนาขึ้นไปอีกขั้นเลยทีเดียวก่อนหน้านี้ไม่เคยมีงานฝีมือการทอเส้นไหมทองที่ประณีตขนาดนี้มาก่อนอัญมณีสีชมพูที่ใช้ประดับดอกไม้ต้องมีสีที่เหมือนดอกท้อมากที่สุด ได้ยินมาว่าลู่เหิงจือเดินทางไปทั่วเจียงหนานเพื่อคัดเลือกอัญมณีหลายร้อยชิ้น จนกระทั่งพบกับอัญมณีที่มีสีใกล้เคียงกับสีชมพูของดอกท้อมากที่สุดหลิงเกอเอ๋อร์เดินได้มาหนึ่งเดือนกว่าแล้วยามนี้เขาวิ่งเข้ามาอย่างท

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 455

    ลู่เหิงจือนวดหว่างคิ้วเบาๆ ไม่ตอบอะไรซ่งอวี้ครุ่นคิดครู่หนึ่ง “อันที่จริงแล้วข้ามีวิธีฝังเข็มคุมกำเนิดสอนท่านได้ หากท่านไม่ต้องการมีลูก หลังจากมีเพศรักทุกครั้ง ท่านก็สามารถฝังเข็มให้ฮูหยินได้ ไม่มีผลข้างเคียง เพียงแต่อาจจะเรียนรู้ยากหน่อย”ลู่เหิงจือโล่งอก “ข้าเรียน”เขายังเรียนเขียนบทบรรยายได้เลย การฝังเข็มแค่นี้เขาไม่กลัวอยู่แล้วซ่งอวี้ “เรื่องนี้ต้องปรึกษาฮูหยินของท่านด้วย”“แน่นอน ข้าแค่มาถามท่านก่อน” ลู่เหิงจือตอบด้วยน้ำเสียงเป็นธรรมชาติหลังจากส่งซ่งอวี้กลับห้องแล้ว ลู่เหิงจือก็เดินตามทางเดินที่คดเคี้ยวกลับต้องยอมรับว่าจวนตระกูลซูสร้างได้ดีจริงๆ แม้แต่แสงจันทราก็ยังสวยกว่าที่เมืองหลวงเขายกหน้าขึ้นมองพระจันทร์ คิดว่ายามนี้หลิงเกอเอ๋อร์หลับแล้วแน่นอน คงพาซูชิงลั่วออกมาชมจันทร์ได้เขายิ้มมุมปาก จู่ๆ ก็คิดบางอย่าออก รีบก้มดูถุงหอมที่ตนเองห้อย- ถุงหอมที่ซูชิงลั่วให้ลู่ซือไหวล้วนเป็นการปักสองด้านหมด แล้วของเขา......เขารีบเปิดออกนี่คือถุงหอมอันแรกที่ซูชิงลั่วให้เขานางเคยให้เขาสามอัน เขาห้อยอันนี้บ่อยที่สุด เพราะรู้สึกว่าอันแรกมีความหมายที่แตกต่างปลายนิ้วของเขาสั่น

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 454

    ลู่เหิงจือเอ่ยกึ่งติดตลกว่า "หรือว่าข้าจะมาเป็นกรรมการดี?"เขาแค่พูดเล่นๆ แต่ลู่ซือไหวกลับคิดจริงจัง "ดีเลย"นางก็รีบแกะถุงหอมที่ซูชิงลั่วให้นางมาจากเอวซูชิงลั่วรู้สึกประหลาดใจ - นางพกติดตัวตลอดจริงๆลู่เหิงจือหยิบขึ้นมาเทียบกับสร้อยทองในมือของซูชิงลั่ว แล้วเอ่ยเสียงเรียบว่า "ก็สู้ของพี่สะใภ้ไม่ได้หรอก"ลู่ซือไหวไม่ได้รู้สึกไม่พอใจที่ถูกพูดเช่นนี้ ใบหน้าก็ยิ้มแย้ม "ก็เพราะการปักลายสองด้านจำกัดฝีมือของพี่สะใภ้"นางพลิกถุงหอมกลับด้าน ด้านในมีอะไรซ่อนอยู่ลู่เหิงจือรู้สึกเหมือนจะนึกอะไรออกแต่ก็จับไม่ได้ทันที ก็ได้ยินบ่าวรับใช้มารายงานว่าหมอหลวงซ่งจากเมืองหลวงมาถึงแล้วเขาอายุมากแล้ว ฮ่องเต้องค์ใหม่มีหมอหลวงที่ไว้ใจได้ของพระองค์เอง เขาจึงลาออกจากตำแหน่งกลับบ้านเกิดเขาเป็นชาวจินหลิง พอได้ยินว่าลูกชายของลู่เหิงจืออายุครบเดือน ก็รีบมาแสดงความยินดีในวันรุ่งขึ้นทันทีคนอื่นๆ ล้วนเป็นญาติหรือสหายเก่าของตระกูลซูแห่งจินหลิง ลู่เหิงจือไม่จำเป็นต้องไปต้อนรับเป็นพิเศษ แต่เมื่อซ่งอวี้มาเอง เขาต้องไปพบซูชิงลั่วเห็นว่าญาติมาครบแล้ว ก็อุ้มหลิงเกอเอ๋อร์และจูงมือลู่ซือไหวออกไปทักทายทุกคนทัน

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 453

    ถึงจะเป็นเช่นนั้น แต่กระทำกลับอ่อนโยนอย่างไม่เคยมีมาก่อนเห็นได้ชัดว่าเขาดูแลนางเป็นอย่างดีหลังคลอดไม่นานทว่าซูชิงลั่วก็อดร้องออกมาด้วยเสียงที่ทำให้หัวใจเต้นรัวไม่ได้เขาเพิ่งเคยจูบนางเช่นนี้เป็นครั้งแรก จูบที่ทั้งถี่และอ่อนโยนจนแทบจะทั่วทั้งร่างกายของนางสุดท้ายแนบชิดนางอย่างระมัดระวังจูบเสร็จแล้ว ซูชิงลั่วก็เอนตัวลงในอ้อมแขนของเขาและถามว่า “ท่านจะเขียนบทบรรยายให้ข้าอีกหรือไม่”ลู่เหิงจือตอบเสียงเบาว่า “หากเจ้าอยากอ่าน ข้าก็จะเขียน”ซูชิงลั่วตอบว่า “อยากอ่าน”ลู่เหิงจือตอบว่า “ได้”ซูชิงลั่วรู้สึกพึงพอใจและหลับไปในอ้อมแขนของเขา*งานฉลองวันเกิดครบหนึ่งเดือนของหลิงเกอเอ๋อร์ จัดขึ้นเมื่อเขาอายุได้ สามสิบห้าวันซึ่งจัดช้ากว่าที่จินหลิงไม่กี่วันเนื่องจากญาติฝ่ายตระกูลซูเหลือไม่มาก และญาติฝ่ายตระกูลลู่ส่วนใหญ่อยู่ที่เมืองหลวง จำนวนแขกที่มาในงานจึงไม่มาก มีเพียงแค่สองโต๊ะเท่านั้นแต่ภายในบ้านก็ยังคงคึกคักเป็นพิเศษ เพราะไม่ได้มีงานมงคลเช่นนี้มานานแล้วลู่ซือไหวก็ถูกรับกลับมาจินหลิงเช่นกัน เนื่องจากลู่เหิงจือและซูชิงลั่ววางแผนจะอยู่ที่จินหลิงสักสองสามปี นางจึงอยากอยู่กับพี่ช

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 452

    ลู่เหิงจือจึงได้อยู่เดือนเป็นเพื่อนซูชิงลั่วเขาเริ่มสังเกตเห็นว่าเมนูอาหารในบ้านเปลี่ยนไปจากเดิมมากโดยเฉพาะเมนูที่ไม่ค่อยได้ทำมาก่อนแต่ปรากฏในช่วงนี้อยู่บ่อยครั้ง - ตีนเป็ดตุ๋นน้ำแดง เนื้อแพะตุ๋น มะเขือม่วงย่าง และหัวสิงโตนึ่งลู่เหิงจือกินไปหลายวันก็เริ่มฉุกคิดได้ จึงหันไปมองซูชิงลั่ว“ครั้นที่เจ้าไปกินข้าวกับอวี๋ซื่อชิงและหลี่ว์เผิงเทียน แล้วถามเถ้าแก่ว่าข้าชอบกินอะไร”ซูชิงลั่วก็ไม่ได้ปฏิเสธหลังจากคืนดีกับลู่เหิงจือแล้ว พวกเขาทั้งสองก็เข้าใจกันมากขึ้น - สามารถพูดคุยกันได้ทุกเรื่อง ราวกับไม่มีอะไรต้องกังวลอีกแล้วทำให้นางกับลู่เหิงจือต่างรู้สึกสบายใจมากขึ้น“ข้าเพิ่งรู้ว่าที่ผ่านมาท่านเอาใจข้าเรื่องอาหารมากเลย” ซูชิงลั่วเอ่ยติดตลก “ไม่แปลกใจเลยที่ท่านจะไม่ค่อยกลับบ้านมากินข้าว”ลู่เหิงจือเงยหน้าขึ้นมองนางซูชิงลั่วเงยหน้าขึ้นมองเขาพร้อมกับเอียงหัวเล็กน้อย “ที่ผ่านมาเป็นความผิดของข้าเองที่ไม่เคยได้สังเกต”นางเอื้อมมือไปดึงหูเขาเบาๆ พลางเอ่ยว่า "ต่อไปนี้ สามีจะได้กินอาหารถูกปากที่บ้านบ่อยๆ แล้วนะ"การที่นางเรียกเขาว่า "สามี" และดึงหูเขาทำให้สายตาของลู่เหิงจือลึกซึ้งยิ่

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 451

    ซูชิงลั่วหลับไปหนึ่งวันหนึ่งคืนถึงจะฟื้นพอฟื้น คนแรกที่เห็นคือลู่เหิงจือที่นอนอยู่ข้างๆ มือของเขายังจับมือนางไว้อยู่ และฝ่ามือก็เปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อนางขยับมือลู่เหิงจือรู้สึกตัวทันที ไม่ต้องให้นางเอ่ยสิ่งใด เขาก็รีบเทน้ำอุ่นใส่ถ้วย แล้วอุ้มนางเข้ามากอดในอ้อมแขน ป้อนน้ำให้นางซูชิงลั่วดื่มไปหลายถ้วยถึงจุใจ เสียงของนางก็แหบพร่า “ลูกล่ะ”“อยู่ห้องข้างๆ เจ้าน่ะ มีแม่นมเหมยและแม่นมคอยดูแลอยู่ ท่านย่าก็แวะไปดูเป็นระยะๆ เจ้าไม่ต้องห่วง” ลู่เหิงจือถามนาง “หิวหรือไม่”ซูชิงลั่วพยักหน้า หิวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนลู่เหิงจือตอบว่า “ข้าวต้มกับบะหมี่เตรียมไว้แล้ว เจ้าอยากกินอะไร”“แม่นมเหมยบอกว่าเจ้าเพิ่งคลอด ควรกินอาหารอ่อนๆ ไปก่อน”เขาเอื้อมมือไปจัดทรงผมที่ยุ่งเหยิงของนาง “พอเจ้าสบายตัวขึ้นแล้ว ข้าจะลงครัวทำอาหารที่เจ้าชอบกินด้วยตนเอง”ซูชิงลั่วพยักหน้า “บะหมี่แล้วกัน”นางไม่มีแรงแม้แต่จะยกแขนลู่เหิงจือจึงอุ้มนางไว้ในอ้อมแขน ป้อนให้นางทีละคำนางกินบะหมี่ไปสองชามเล็กถึงจะอิ่ม และคิดถึงลูกขึ้นมา จึงถามว่า “ลูกหลับอยู่หรือไม่ หากตื่นแล้วอุ้มมาให้ข้าดูหน่อย”ลู่เหิงจือเอ่ยเสียงทุ้

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 450

    เวลาล่วงเลยเข้าสู่ยามวิกาล ลู่เหิงจือและหญิงชราก็ยังคงรอคอยอยู่ข้างนอกเยว่เออร์จึงปลอบว่า “นายหญิงเฒ่า คุณหนูคงยังไม่คลอดในทันที ท่านควรกลับไปพักผ่อนเสียก่อน มิเช่นนั้น เมื่อคุณหนูคลอดบุตรออกมาแล้ว ร่างกายของท่านจะไม่ไหวเอาได้ คุณหนูก็ต้องมาเป็นห่วงอีก”หญิงชราเอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า “เจ้าไม่ต้องมาปลอบข้าหรอก ข้านอนไม่หลับอยู่แล้ว”เยว่เออร์จึงได้แต่ทำตามคำสั่งโชคดีที่เป็นเดือนหกของจินหลิง ค่ำคืนนี้จึงไม่หนาวลู่เหิงจือได้สั่งให้คนนำนาฬิกาทรายมาวางไว้ในบริเวณลานกว้าง และรู้สึกว่าค่ำคืนนี้ยาวนานเหลือเกินราวกับว่าความอดทนทั้งหมดของเขาหมดไปกับค่ำคืนนี้ฟ้าสางแล้วเสียงร้องครวญครางของซูชิงลั่วก็เบาลง ดูไม่น่ากลัวเหมือนเมื่อคืน และค่อยๆ สงบลงลู่เหิงจือใจร้อนจึงรีบส่งคนเข้าไปถามว่า “เป็นอย่างไรบ้าง”สาวใช้รีบตอบว่า “ใต้เท้าอย่าได้เป็นห่วงเลย ฮูหยินเพียงแค่เหนื่อยจนหลับไปเจ้าค่ะ”นางไม่ได้หลับทั้งคืน เสียงร้องครวญครางก็พยายามกลั้นไว้ คงจะเหนื่อยล้ามากลู่เหิงจือพยักหน้า ไม่ได้เอ่ยสิ่งใดต่อซูชิงลั่วหลับไปเพียงครึ่งชั่วยาม ท้องก็เริ่มปวดอีกครั้งนางตื่นขึ้นมาด้วยความเจ็บป

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status