Share

บทที่ 448

Author: หอมดังเดิม
last update Last Updated: 2024-12-02 18:00:23
"......"

ซูชิงลั่วท้องโตขึ้นแล้ว เวลาเดินนางจะเอามือไปรองพยุงเอวโดยไม่รู้ตัว

นางไม่ได้พูดอะไร ค่อยๆ เดินไปยังเรือนข้างๆ

เรือนข้างๆ เป็นห้องรับแขก มีต้นอู๋ถงต้นใหญ่ปลูกไว้อยู่

แสงตะวันส่องผ่านช่องว่างของใบไม้ ตกลงมาเป็นดวงๆ บนแผ่นหลังของลู่เหิงจือ

เขาคุกเข่าหลังตรง ราวกับต้นหยก

จ้าวจิ้งยืนกอดอกมอง เมื่อเห็นว่าซูชิงลั่วเดินมา เขาก็เงยหน้าเหลือบมองนาง

ซูชิงลั่วรีบทำท่า "ชู่ว์" ให้เงียบ

จ้าวจิ้งจึงไม่พูดอะไร

ซูชิงลั่วรู้สึกเจ็บปวดในใจทันที

นางไม่กล้ามองลง จึงหันกลับไปที่ห้อง ทำเป็นไม่รู้เรื่องนี้

หลังจากลู่เหิงจือคุกเข่าเสร็จ จ้าวจิ้งก็หยิบจดหมายลับออกมา

เซี่ยถิงอวี่บอกเขาว่าแม้จะอยู่ที่จินหลิงก็อย่าได้ว่างงาน ควรคอยระวังสิ่งที่ควรระวัง

ลู่เหิงจือยัดจดหมายลงในแขนเสื้อ ทำหน้าเฉยเมยและเอ่ยว่า “ไม่ส่ง”

*

ลู่เหิงจือกลับเข้าห้อง ซูชิงลั่วได้พาหญิงชราไปตากแดดเสร็จแล้ว และกำลังชงน้ำชาอยู่

เขาอดแปลกใจไม่ได้ “วันนี้ทำไมกลับเร็วเพียงนี้”

ซูชิงลั่วยิ้มเล็กน้อยพลางตอบว่า “วันนี้ท่านยายอยากเดินออกกำลังกายจึงเหนื่อยเร็ว และอยากกลับไปพักน่ะ”

“แล้วเจ้ากลับมาเมื่อใด” ลู่เหิงจือชะงักไปชั่ว
Locked Chapter
Continue to read this book on the APP

Related chapters

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 449

    ซูชิงลั่วไม่ได้สงสัยว่าเขาพูดโกหกเพราะก่อนหน้านี้ลู่เหิงจือเคยบอกว่ามีลูกหรือไม่ก็ไม่สำคัญถามจบ ความง่วงก็มาเยือน นางจึงผล็อยหลับไปนางไม่ได้ฝันมานานแล้วแต่วันนี้กลับฝันขึ้นมาในความฝัน เด็กชายวัยสามสี่ขวบกำลังวิ่งเล่นอย่างสนุกสนาน นางวิ่งตามไปแล้วตะโกนว่า “ช้าหน่อย”เด็กชายหันมามองนางแล้วยิ้มอย่างสดใส “ท่านแม่ รีบมาเร็ว”เอ่ยจบ เด็กชายก็วิ่งต่อไปและกระโดดเข้าไปในอ้อมกอดของลู่เหิงจือซูชิงลั่วมองใบหน้าของเด็กชาย เห็นว่าหน้าตาคล้ายลู่เหิงจือมากกว่า แต่ดวงตากลับเหมือนนางราวกับแกะนางร้องไห้โดยไม่รู้ตัวลู่เหิงจือตื่นแต่เช้า ยามนี้ก็หลับไปแล้ว แต่กลับรู้สึกได้ถึงร่างกายของคนที่อยู่ในอ้อมกอดสั่นเทาเขาลืมตาขึ้นมาทันทีแล้วถามว่า “เป็นอะไรหรือ”ขนตายาวของซูชิงลั่วชุ่มน้ำ และมีหยดน้ำตาเกาะอยู่ที่ปลายขนตานางจ้องมองเขา น้ำเสียงสั่นเครือ “พี่สาม ลูกของเราเป็นผู้ชาย”ลู่เหิงจือน้ำเสียงสั่นเขายังไม่เคยรู้สึกเช่นนี้ขณะรบกับเป่ยตี๋เลยเขาวางมือลงบนท้องของนางอย่างเบามือ “เจ้า......ฝันหรือ”ซูชิงลั่วพยักหน้า “เขาเหมือนท่านมาก”ลู่เหิงจือหลับตาลงเล็กน้อย แล้วก้มลงจูบริมฝีปากของนา

    Last Updated : 2024-12-02
  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 450

    เวลาล่วงเลยเข้าสู่ยามวิกาล ลู่เหิงจือและหญิงชราก็ยังคงรอคอยอยู่ข้างนอกเยว่เออร์จึงปลอบว่า “นายหญิงเฒ่า คุณหนูคงยังไม่คลอดในทันที ท่านควรกลับไปพักผ่อนเสียก่อน มิเช่นนั้น เมื่อคุณหนูคลอดบุตรออกมาแล้ว ร่างกายของท่านจะไม่ไหวเอาได้ คุณหนูก็ต้องมาเป็นห่วงอีก”หญิงชราเอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า “เจ้าไม่ต้องมาปลอบข้าหรอก ข้านอนไม่หลับอยู่แล้ว”เยว่เออร์จึงได้แต่ทำตามคำสั่งโชคดีที่เป็นเดือนหกของจินหลิง ค่ำคืนนี้จึงไม่หนาวลู่เหิงจือได้สั่งให้คนนำนาฬิกาทรายมาวางไว้ในบริเวณลานกว้าง และรู้สึกว่าค่ำคืนนี้ยาวนานเหลือเกินราวกับว่าความอดทนทั้งหมดของเขาหมดไปกับค่ำคืนนี้ฟ้าสางแล้วเสียงร้องครวญครางของซูชิงลั่วก็เบาลง ดูไม่น่ากลัวเหมือนเมื่อคืน และค่อยๆ สงบลงลู่เหิงจือใจร้อนจึงรีบส่งคนเข้าไปถามว่า “เป็นอย่างไรบ้าง”สาวใช้รีบตอบว่า “ใต้เท้าอย่าได้เป็นห่วงเลย ฮูหยินเพียงแค่เหนื่อยจนหลับไปเจ้าค่ะ”นางไม่ได้หลับทั้งคืน เสียงร้องครวญครางก็พยายามกลั้นไว้ คงจะเหนื่อยล้ามากลู่เหิงจือพยักหน้า ไม่ได้เอ่ยสิ่งใดต่อซูชิงลั่วหลับไปเพียงครึ่งชั่วยาม ท้องก็เริ่มปวดอีกครั้งนางตื่นขึ้นมาด้วยความเจ็บป

    Last Updated : 2024-12-02
  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 451

    ซูชิงลั่วหลับไปหนึ่งวันหนึ่งคืนถึงจะฟื้นพอฟื้น คนแรกที่เห็นคือลู่เหิงจือที่นอนอยู่ข้างๆ มือของเขายังจับมือนางไว้อยู่ และฝ่ามือก็เปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อนางขยับมือลู่เหิงจือรู้สึกตัวทันที ไม่ต้องให้นางเอ่ยสิ่งใด เขาก็รีบเทน้ำอุ่นใส่ถ้วย แล้วอุ้มนางเข้ามากอดในอ้อมแขน ป้อนน้ำให้นางซูชิงลั่วดื่มไปหลายถ้วยถึงจุใจ เสียงของนางก็แหบพร่า “ลูกล่ะ”“อยู่ห้องข้างๆ เจ้าน่ะ มีแม่นมเหมยและแม่นมคอยดูแลอยู่ ท่านย่าก็แวะไปดูเป็นระยะๆ เจ้าไม่ต้องห่วง” ลู่เหิงจือถามนาง “หิวหรือไม่”ซูชิงลั่วพยักหน้า หิวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนลู่เหิงจือตอบว่า “ข้าวต้มกับบะหมี่เตรียมไว้แล้ว เจ้าอยากกินอะไร”“แม่นมเหมยบอกว่าเจ้าเพิ่งคลอด ควรกินอาหารอ่อนๆ ไปก่อน”เขาเอื้อมมือไปจัดทรงผมที่ยุ่งเหยิงของนาง “พอเจ้าสบายตัวขึ้นแล้ว ข้าจะลงครัวทำอาหารที่เจ้าชอบกินด้วยตนเอง”ซูชิงลั่วพยักหน้า “บะหมี่แล้วกัน”นางไม่มีแรงแม้แต่จะยกแขนลู่เหิงจือจึงอุ้มนางไว้ในอ้อมแขน ป้อนให้นางทีละคำนางกินบะหมี่ไปสองชามเล็กถึงจะอิ่ม และคิดถึงลูกขึ้นมา จึงถามว่า “ลูกหลับอยู่หรือไม่ หากตื่นแล้วอุ้มมาให้ข้าดูหน่อย”ลู่เหิงจือเอ่ยเสียงทุ้

    Last Updated : 2024-12-03
  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 452

    ลู่เหิงจือจึงได้อยู่เดือนเป็นเพื่อนซูชิงลั่วเขาเริ่มสังเกตเห็นว่าเมนูอาหารในบ้านเปลี่ยนไปจากเดิมมากโดยเฉพาะเมนูที่ไม่ค่อยได้ทำมาก่อนแต่ปรากฏในช่วงนี้อยู่บ่อยครั้ง - ตีนเป็ดตุ๋นน้ำแดง เนื้อแพะตุ๋น มะเขือม่วงย่าง และหัวสิงโตนึ่งลู่เหิงจือกินไปหลายวันก็เริ่มฉุกคิดได้ จึงหันไปมองซูชิงลั่ว“ครั้นที่เจ้าไปกินข้าวกับอวี๋ซื่อชิงและหลี่ว์เผิงเทียน แล้วถามเถ้าแก่ว่าข้าชอบกินอะไร”ซูชิงลั่วก็ไม่ได้ปฏิเสธหลังจากคืนดีกับลู่เหิงจือแล้ว พวกเขาทั้งสองก็เข้าใจกันมากขึ้น - สามารถพูดคุยกันได้ทุกเรื่อง ราวกับไม่มีอะไรต้องกังวลอีกแล้วทำให้นางกับลู่เหิงจือต่างรู้สึกสบายใจมากขึ้น“ข้าเพิ่งรู้ว่าที่ผ่านมาท่านเอาใจข้าเรื่องอาหารมากเลย” ซูชิงลั่วเอ่ยติดตลก “ไม่แปลกใจเลยที่ท่านจะไม่ค่อยกลับบ้านมากินข้าว”ลู่เหิงจือเงยหน้าขึ้นมองนางซูชิงลั่วเงยหน้าขึ้นมองเขาพร้อมกับเอียงหัวเล็กน้อย “ที่ผ่านมาเป็นความผิดของข้าเองที่ไม่เคยได้สังเกต”นางเอื้อมมือไปดึงหูเขาเบาๆ พลางเอ่ยว่า "ต่อไปนี้ สามีจะได้กินอาหารถูกปากที่บ้านบ่อยๆ แล้วนะ"การที่นางเรียกเขาว่า "สามี" และดึงหูเขาทำให้สายตาของลู่เหิงจือลึกซึ้งยิ่

    Last Updated : 2024-12-03
  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 453

    ถึงจะเป็นเช่นนั้น แต่กระทำกลับอ่อนโยนอย่างไม่เคยมีมาก่อนเห็นได้ชัดว่าเขาดูแลนางเป็นอย่างดีหลังคลอดไม่นานทว่าซูชิงลั่วก็อดร้องออกมาด้วยเสียงที่ทำให้หัวใจเต้นรัวไม่ได้เขาเพิ่งเคยจูบนางเช่นนี้เป็นครั้งแรก จูบที่ทั้งถี่และอ่อนโยนจนแทบจะทั่วทั้งร่างกายของนางสุดท้ายแนบชิดนางอย่างระมัดระวังจูบเสร็จแล้ว ซูชิงลั่วก็เอนตัวลงในอ้อมแขนของเขาและถามว่า “ท่านจะเขียนบทบรรยายให้ข้าอีกหรือไม่”ลู่เหิงจือตอบเสียงเบาว่า “หากเจ้าอยากอ่าน ข้าก็จะเขียน”ซูชิงลั่วตอบว่า “อยากอ่าน”ลู่เหิงจือตอบว่า “ได้”ซูชิงลั่วรู้สึกพึงพอใจและหลับไปในอ้อมแขนของเขา*งานฉลองวันเกิดครบหนึ่งเดือนของหลิงเกอเอ๋อร์ จัดขึ้นเมื่อเขาอายุได้ สามสิบห้าวันซึ่งจัดช้ากว่าที่จินหลิงไม่กี่วันเนื่องจากญาติฝ่ายตระกูลซูเหลือไม่มาก และญาติฝ่ายตระกูลลู่ส่วนใหญ่อยู่ที่เมืองหลวง จำนวนแขกที่มาในงานจึงไม่มาก มีเพียงแค่สองโต๊ะเท่านั้นแต่ภายในบ้านก็ยังคงคึกคักเป็นพิเศษ เพราะไม่ได้มีงานมงคลเช่นนี้มานานแล้วลู่ซือไหวก็ถูกรับกลับมาจินหลิงเช่นกัน เนื่องจากลู่เหิงจือและซูชิงลั่ววางแผนจะอยู่ที่จินหลิงสักสองสามปี นางจึงอยากอยู่กับพี่ช

    Last Updated : 2024-12-03
  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 454

    ลู่เหิงจือเอ่ยกึ่งติดตลกว่า "หรือว่าข้าจะมาเป็นกรรมการดี?"เขาแค่พูดเล่นๆ แต่ลู่ซือไหวกลับคิดจริงจัง "ดีเลย"นางก็รีบแกะถุงหอมที่ซูชิงลั่วให้นางมาจากเอวซูชิงลั่วรู้สึกประหลาดใจ - นางพกติดตัวตลอดจริงๆลู่เหิงจือหยิบขึ้นมาเทียบกับสร้อยทองในมือของซูชิงลั่ว แล้วเอ่ยเสียงเรียบว่า "ก็สู้ของพี่สะใภ้ไม่ได้หรอก"ลู่ซือไหวไม่ได้รู้สึกไม่พอใจที่ถูกพูดเช่นนี้ ใบหน้าก็ยิ้มแย้ม "ก็เพราะการปักลายสองด้านจำกัดฝีมือของพี่สะใภ้"นางพลิกถุงหอมกลับด้าน ด้านในมีอะไรซ่อนอยู่ลู่เหิงจือรู้สึกเหมือนจะนึกอะไรออกแต่ก็จับไม่ได้ทันที ก็ได้ยินบ่าวรับใช้มารายงานว่าหมอหลวงซ่งจากเมืองหลวงมาถึงแล้วเขาอายุมากแล้ว ฮ่องเต้องค์ใหม่มีหมอหลวงที่ไว้ใจได้ของพระองค์เอง เขาจึงลาออกจากตำแหน่งกลับบ้านเกิดเขาเป็นชาวจินหลิง พอได้ยินว่าลูกชายของลู่เหิงจืออายุครบเดือน ก็รีบมาแสดงความยินดีในวันรุ่งขึ้นทันทีคนอื่นๆ ล้วนเป็นญาติหรือสหายเก่าของตระกูลซูแห่งจินหลิง ลู่เหิงจือไม่จำเป็นต้องไปต้อนรับเป็นพิเศษ แต่เมื่อซ่งอวี้มาเอง เขาต้องไปพบซูชิงลั่วเห็นว่าญาติมาครบแล้ว ก็อุ้มหลิงเกอเอ๋อร์และจูงมือลู่ซือไหวออกไปทักทายทุกคนทัน

    Last Updated : 2024-12-03
  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 1

    สายฝนพร่างพราย ปกคลุมทั่วท้องฟ้าเมืองฉางอันท้องฟ้ามืดมัว เทียนเล่มหนึ่งที่ถูกจุดสว่างไว้บนเชิงเทียนถูกลมพัดเบาๆ แสงไฟสั่นไหว ฝีเข็มที่กำลังปักตรงหน้าจึงไหวตามไปด้วยเล็กน้อยซูชิงลั่วถูกเข็มทิ่มเข้าที่ปลายนิ้วชี้อย่างไม่ทันระวัง เกิดความเจ็บปวดแผ่ซ่านขึ้นมาทันทีหยดเลือดสีแดงหยดลงบนชุดแต่งงานที่ยังปักไม่เสร็จในมือ และหยดเปื้อนสีแดงลงบนตำแหน่งของนกยวนยางพอดิบพอดีชุดแต่งงานเปื้อนเลือด เป็นลางไม่ดีอย่างมากจื๋อหยวนที่ยืนอยู่ข้างๆ ร้องออกมาด้วยความตกใจแล้วรีบนำผ้าเช็ดหน้ามาปิดแผลของซูชิงลั่วไว้ทันที"คุณหนูวันนี้ฝนตก ท้องฟ้ามืดมัว ไม่สู้ไว้ปักวันอื่นเถิดเจ้าค่ะ อย่างไรก็ยังมีเวลาอีกตั้งครึ่งปี ทันแน่อยู่แล้ว"ซูชิงลั่วก้มหน้าลง ไม่ได้พูดอะไรรับใช้ซูชิงลั่วมาเป็นเวลาหกปี จื๋อหยวนรู้สึกว่าคุณหนูของนางยิ่งสวยขึ้นทุกวัน หรืออาจจะเป็นเพราะโตขึ้นก็ได้ผิวของนางขาวเนียนดุจหยก ดวงตาคู่สวยสดใสดั่งสายน้ำในฤดูใบไม้ร่วง หางตาเชิดขึ้นเล็กน้อย ความงามสดใสของวัยสาวทำให้นางดูมีเสน่ห์ในแบบเด็กสาวปลายนิ้วยาวเรียวพันด้ายเรียบร้อย ซูชิงลั่วพูดเสียงเบาว่า "งั้นก็ไม่ปักแล้ว เราออกไปข้างนอกกัน"จื๋

    Last Updated : 2024-10-29
  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 2

    ฝนยังคงตกและดูเหมือนจะตกหนักขึ้นเรื่อยๆซูชิงลั่วไม่อยากข้องเกี่ยวกับคู่หญิงร้ายชายเลวนี้อีก นางตัดสินใจวิ่งฝ่าฝนกลับไปยังจวนลู่ทันทีโดยไม่รอให้รถม้ามาถึง เพราะอย่างไรระยะทางก็เพียงแค่สองถนนเท่านั้นเมื่อมาถึงตรอกของประตูข้าง นางก็หยุดฝีเท้าลงฉับพลัน ไม่อยากเข้าประตูไป ได้แต่กอดจื๋อหยวนแล้วร้องไห้ออกมาเบาๆ อย่างกลั้นไม่อยู่พ่อแม่ของนางเสียชีวิตตอนนางอายุได้เพียงสิบปี จากนั้นนางจึงได้ติดตามลู่โย่วผู้เป็นน้าชายย้ายจากจินหลิงมายังบ้านตระกูลลู่ของท่านยายในเมืองหลวงแม้ว่าท่านยายจะดูแลนางดียิ่งกว่าหลานสาวแท้ๆ ของตัวเอง แต่นางก็รู้ดีแก่ใจว่าถึงอย่างไรที่นี่ก็เป็นบ้านของคนอื่นหลังจากนั้นลู่เหยียนก็ปรากฏตัวขึ้นเขาเป็นคนที่อ่อนโยนและสุภาพ อีกทั้งมักจะส่งของที่พวกผู้หญิงชื่นชอบมาให้นาง เช่น เครื่องหอมจากตะวันตก ปิ่นหยก แจกันดอกไม้ต่างๆบ้านตระกูลซูเป็นคหบดีที่ร่ำรวยที่สุดในจินหลิง แม้ว่าของพวกนี้นางจะคุ้นเคยมาตั้งแต่เด็ก แต่นางก็รู้สึกว่าลู่เหยียนนั้นใส่ใจในตัวนางภายหลังท่านยายและน้าหญิงของนางจัดแจงให้นางหมั้นหมายกับลู่เหยียน นางก็ไม่ได้คัดค้านอะไร แถมยังเริ่มคาดหวังเรื่องการมีครอบคร

    Last Updated : 2024-10-29

Latest chapter

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 454

    ลู่เหิงจือเอ่ยกึ่งติดตลกว่า "หรือว่าข้าจะมาเป็นกรรมการดี?"เขาแค่พูดเล่นๆ แต่ลู่ซือไหวกลับคิดจริงจัง "ดีเลย"นางก็รีบแกะถุงหอมที่ซูชิงลั่วให้นางมาจากเอวซูชิงลั่วรู้สึกประหลาดใจ - นางพกติดตัวตลอดจริงๆลู่เหิงจือหยิบขึ้นมาเทียบกับสร้อยทองในมือของซูชิงลั่ว แล้วเอ่ยเสียงเรียบว่า "ก็สู้ของพี่สะใภ้ไม่ได้หรอก"ลู่ซือไหวไม่ได้รู้สึกไม่พอใจที่ถูกพูดเช่นนี้ ใบหน้าก็ยิ้มแย้ม "ก็เพราะการปักลายสองด้านจำกัดฝีมือของพี่สะใภ้"นางพลิกถุงหอมกลับด้าน ด้านในมีอะไรซ่อนอยู่ลู่เหิงจือรู้สึกเหมือนจะนึกอะไรออกแต่ก็จับไม่ได้ทันที ก็ได้ยินบ่าวรับใช้มารายงานว่าหมอหลวงซ่งจากเมืองหลวงมาถึงแล้วเขาอายุมากแล้ว ฮ่องเต้องค์ใหม่มีหมอหลวงที่ไว้ใจได้ของพระองค์เอง เขาจึงลาออกจากตำแหน่งกลับบ้านเกิดเขาเป็นชาวจินหลิง พอได้ยินว่าลูกชายของลู่เหิงจืออายุครบเดือน ก็รีบมาแสดงความยินดีในวันรุ่งขึ้นทันทีคนอื่นๆ ล้วนเป็นญาติหรือสหายเก่าของตระกูลซูแห่งจินหลิง ลู่เหิงจือไม่จำเป็นต้องไปต้อนรับเป็นพิเศษ แต่เมื่อซ่งอวี้มาเอง เขาต้องไปพบซูชิงลั่วเห็นว่าญาติมาครบแล้ว ก็อุ้มหลิงเกอเอ๋อร์และจูงมือลู่ซือไหวออกไปทักทายทุกคนทัน

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 453

    ถึงจะเป็นเช่นนั้น แต่กระทำกลับอ่อนโยนอย่างไม่เคยมีมาก่อนเห็นได้ชัดว่าเขาดูแลนางเป็นอย่างดีหลังคลอดไม่นานทว่าซูชิงลั่วก็อดร้องออกมาด้วยเสียงที่ทำให้หัวใจเต้นรัวไม่ได้เขาเพิ่งเคยจูบนางเช่นนี้เป็นครั้งแรก จูบที่ทั้งถี่และอ่อนโยนจนแทบจะทั่วทั้งร่างกายของนางสุดท้ายแนบชิดนางอย่างระมัดระวังจูบเสร็จแล้ว ซูชิงลั่วก็เอนตัวลงในอ้อมแขนของเขาและถามว่า “ท่านจะเขียนบทบรรยายให้ข้าอีกหรือไม่”ลู่เหิงจือตอบเสียงเบาว่า “หากเจ้าอยากอ่าน ข้าก็จะเขียน”ซูชิงลั่วตอบว่า “อยากอ่าน”ลู่เหิงจือตอบว่า “ได้”ซูชิงลั่วรู้สึกพึงพอใจและหลับไปในอ้อมแขนของเขา*งานฉลองวันเกิดครบหนึ่งเดือนของหลิงเกอเอ๋อร์ จัดขึ้นเมื่อเขาอายุได้ สามสิบห้าวันซึ่งจัดช้ากว่าที่จินหลิงไม่กี่วันเนื่องจากญาติฝ่ายตระกูลซูเหลือไม่มาก และญาติฝ่ายตระกูลลู่ส่วนใหญ่อยู่ที่เมืองหลวง จำนวนแขกที่มาในงานจึงไม่มาก มีเพียงแค่สองโต๊ะเท่านั้นแต่ภายในบ้านก็ยังคงคึกคักเป็นพิเศษ เพราะไม่ได้มีงานมงคลเช่นนี้มานานแล้วลู่ซือไหวก็ถูกรับกลับมาจินหลิงเช่นกัน เนื่องจากลู่เหิงจือและซูชิงลั่ววางแผนจะอยู่ที่จินหลิงสักสองสามปี นางจึงอยากอยู่กับพี่ช

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 452

    ลู่เหิงจือจึงได้อยู่เดือนเป็นเพื่อนซูชิงลั่วเขาเริ่มสังเกตเห็นว่าเมนูอาหารในบ้านเปลี่ยนไปจากเดิมมากโดยเฉพาะเมนูที่ไม่ค่อยได้ทำมาก่อนแต่ปรากฏในช่วงนี้อยู่บ่อยครั้ง - ตีนเป็ดตุ๋นน้ำแดง เนื้อแพะตุ๋น มะเขือม่วงย่าง และหัวสิงโตนึ่งลู่เหิงจือกินไปหลายวันก็เริ่มฉุกคิดได้ จึงหันไปมองซูชิงลั่ว“ครั้นที่เจ้าไปกินข้าวกับอวี๋ซื่อชิงและหลี่ว์เผิงเทียน แล้วถามเถ้าแก่ว่าข้าชอบกินอะไร”ซูชิงลั่วก็ไม่ได้ปฏิเสธหลังจากคืนดีกับลู่เหิงจือแล้ว พวกเขาทั้งสองก็เข้าใจกันมากขึ้น - สามารถพูดคุยกันได้ทุกเรื่อง ราวกับไม่มีอะไรต้องกังวลอีกแล้วทำให้นางกับลู่เหิงจือต่างรู้สึกสบายใจมากขึ้น“ข้าเพิ่งรู้ว่าที่ผ่านมาท่านเอาใจข้าเรื่องอาหารมากเลย” ซูชิงลั่วเอ่ยติดตลก “ไม่แปลกใจเลยที่ท่านจะไม่ค่อยกลับบ้านมากินข้าว”ลู่เหิงจือเงยหน้าขึ้นมองนางซูชิงลั่วเงยหน้าขึ้นมองเขาพร้อมกับเอียงหัวเล็กน้อย “ที่ผ่านมาเป็นความผิดของข้าเองที่ไม่เคยได้สังเกต”นางเอื้อมมือไปดึงหูเขาเบาๆ พลางเอ่ยว่า "ต่อไปนี้ สามีจะได้กินอาหารถูกปากที่บ้านบ่อยๆ แล้วนะ"การที่นางเรียกเขาว่า "สามี" และดึงหูเขาทำให้สายตาของลู่เหิงจือลึกซึ้งยิ่

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 451

    ซูชิงลั่วหลับไปหนึ่งวันหนึ่งคืนถึงจะฟื้นพอฟื้น คนแรกที่เห็นคือลู่เหิงจือที่นอนอยู่ข้างๆ มือของเขายังจับมือนางไว้อยู่ และฝ่ามือก็เปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อนางขยับมือลู่เหิงจือรู้สึกตัวทันที ไม่ต้องให้นางเอ่ยสิ่งใด เขาก็รีบเทน้ำอุ่นใส่ถ้วย แล้วอุ้มนางเข้ามากอดในอ้อมแขน ป้อนน้ำให้นางซูชิงลั่วดื่มไปหลายถ้วยถึงจุใจ เสียงของนางก็แหบพร่า “ลูกล่ะ”“อยู่ห้องข้างๆ เจ้าน่ะ มีแม่นมเหมยและแม่นมคอยดูแลอยู่ ท่านย่าก็แวะไปดูเป็นระยะๆ เจ้าไม่ต้องห่วง” ลู่เหิงจือถามนาง “หิวหรือไม่”ซูชิงลั่วพยักหน้า หิวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนลู่เหิงจือตอบว่า “ข้าวต้มกับบะหมี่เตรียมไว้แล้ว เจ้าอยากกินอะไร”“แม่นมเหมยบอกว่าเจ้าเพิ่งคลอด ควรกินอาหารอ่อนๆ ไปก่อน”เขาเอื้อมมือไปจัดทรงผมที่ยุ่งเหยิงของนาง “พอเจ้าสบายตัวขึ้นแล้ว ข้าจะลงครัวทำอาหารที่เจ้าชอบกินด้วยตนเอง”ซูชิงลั่วพยักหน้า “บะหมี่แล้วกัน”นางไม่มีแรงแม้แต่จะยกแขนลู่เหิงจือจึงอุ้มนางไว้ในอ้อมแขน ป้อนให้นางทีละคำนางกินบะหมี่ไปสองชามเล็กถึงจะอิ่ม และคิดถึงลูกขึ้นมา จึงถามว่า “ลูกหลับอยู่หรือไม่ หากตื่นแล้วอุ้มมาให้ข้าดูหน่อย”ลู่เหิงจือเอ่ยเสียงทุ้

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 450

    เวลาล่วงเลยเข้าสู่ยามวิกาล ลู่เหิงจือและหญิงชราก็ยังคงรอคอยอยู่ข้างนอกเยว่เออร์จึงปลอบว่า “นายหญิงเฒ่า คุณหนูคงยังไม่คลอดในทันที ท่านควรกลับไปพักผ่อนเสียก่อน มิเช่นนั้น เมื่อคุณหนูคลอดบุตรออกมาแล้ว ร่างกายของท่านจะไม่ไหวเอาได้ คุณหนูก็ต้องมาเป็นห่วงอีก”หญิงชราเอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า “เจ้าไม่ต้องมาปลอบข้าหรอก ข้านอนไม่หลับอยู่แล้ว”เยว่เออร์จึงได้แต่ทำตามคำสั่งโชคดีที่เป็นเดือนหกของจินหลิง ค่ำคืนนี้จึงไม่หนาวลู่เหิงจือได้สั่งให้คนนำนาฬิกาทรายมาวางไว้ในบริเวณลานกว้าง และรู้สึกว่าค่ำคืนนี้ยาวนานเหลือเกินราวกับว่าความอดทนทั้งหมดของเขาหมดไปกับค่ำคืนนี้ฟ้าสางแล้วเสียงร้องครวญครางของซูชิงลั่วก็เบาลง ดูไม่น่ากลัวเหมือนเมื่อคืน และค่อยๆ สงบลงลู่เหิงจือใจร้อนจึงรีบส่งคนเข้าไปถามว่า “เป็นอย่างไรบ้าง”สาวใช้รีบตอบว่า “ใต้เท้าอย่าได้เป็นห่วงเลย ฮูหยินเพียงแค่เหนื่อยจนหลับไปเจ้าค่ะ”นางไม่ได้หลับทั้งคืน เสียงร้องครวญครางก็พยายามกลั้นไว้ คงจะเหนื่อยล้ามากลู่เหิงจือพยักหน้า ไม่ได้เอ่ยสิ่งใดต่อซูชิงลั่วหลับไปเพียงครึ่งชั่วยาม ท้องก็เริ่มปวดอีกครั้งนางตื่นขึ้นมาด้วยความเจ็บป

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 449

    ซูชิงลั่วไม่ได้สงสัยว่าเขาพูดโกหกเพราะก่อนหน้านี้ลู่เหิงจือเคยบอกว่ามีลูกหรือไม่ก็ไม่สำคัญถามจบ ความง่วงก็มาเยือน นางจึงผล็อยหลับไปนางไม่ได้ฝันมานานแล้วแต่วันนี้กลับฝันขึ้นมาในความฝัน เด็กชายวัยสามสี่ขวบกำลังวิ่งเล่นอย่างสนุกสนาน นางวิ่งตามไปแล้วตะโกนว่า “ช้าหน่อย”เด็กชายหันมามองนางแล้วยิ้มอย่างสดใส “ท่านแม่ รีบมาเร็ว”เอ่ยจบ เด็กชายก็วิ่งต่อไปและกระโดดเข้าไปในอ้อมกอดของลู่เหิงจือซูชิงลั่วมองใบหน้าของเด็กชาย เห็นว่าหน้าตาคล้ายลู่เหิงจือมากกว่า แต่ดวงตากลับเหมือนนางราวกับแกะนางร้องไห้โดยไม่รู้ตัวลู่เหิงจือตื่นแต่เช้า ยามนี้ก็หลับไปแล้ว แต่กลับรู้สึกได้ถึงร่างกายของคนที่อยู่ในอ้อมกอดสั่นเทาเขาลืมตาขึ้นมาทันทีแล้วถามว่า “เป็นอะไรหรือ”ขนตายาวของซูชิงลั่วชุ่มน้ำ และมีหยดน้ำตาเกาะอยู่ที่ปลายขนตานางจ้องมองเขา น้ำเสียงสั่นเครือ “พี่สาม ลูกของเราเป็นผู้ชาย”ลู่เหิงจือน้ำเสียงสั่นเขายังไม่เคยรู้สึกเช่นนี้ขณะรบกับเป่ยตี๋เลยเขาวางมือลงบนท้องของนางอย่างเบามือ “เจ้า......ฝันหรือ”ซูชิงลั่วพยักหน้า “เขาเหมือนท่านมาก”ลู่เหิงจือหลับตาลงเล็กน้อย แล้วก้มลงจูบริมฝีปากของนา

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 448

    "......"ซูชิงลั่วท้องโตขึ้นแล้ว เวลาเดินนางจะเอามือไปรองพยุงเอวโดยไม่รู้ตัวนางไม่ได้พูดอะไร ค่อยๆ เดินไปยังเรือนข้างๆเรือนข้างๆ เป็นห้องรับแขก มีต้นอู๋ถงต้นใหญ่ปลูกไว้อยู่แสงตะวันส่องผ่านช่องว่างของใบไม้ ตกลงมาเป็นดวงๆ บนแผ่นหลังของลู่เหิงจือเขาคุกเข่าหลังตรง ราวกับต้นหยกจ้าวจิ้งยืนกอดอกมอง เมื่อเห็นว่าซูชิงลั่วเดินมา เขาก็เงยหน้าเหลือบมองนางซูชิงลั่วรีบทำท่า "ชู่ว์" ให้เงียบจ้าวจิ้งจึงไม่พูดอะไรซูชิงลั่วรู้สึกเจ็บปวดในใจทันทีนางไม่กล้ามองลง จึงหันกลับไปที่ห้อง ทำเป็นไม่รู้เรื่องนี้หลังจากลู่เหิงจือคุกเข่าเสร็จ จ้าวจิ้งก็หยิบจดหมายลับออกมาเซี่ยถิงอวี่บอกเขาว่าแม้จะอยู่ที่จินหลิงก็อย่าได้ว่างงาน ควรคอยระวังสิ่งที่ควรระวังลู่เหิงจือยัดจดหมายลงในแขนเสื้อ ทำหน้าเฉยเมยและเอ่ยว่า “ไม่ส่ง”*ลู่เหิงจือกลับเข้าห้อง ซูชิงลั่วได้พาหญิงชราไปตากแดดเสร็จแล้ว และกำลังชงน้ำชาอยู่เขาอดแปลกใจไม่ได้ “วันนี้ทำไมกลับเร็วเพียงนี้”ซูชิงลั่วยิ้มเล็กน้อยพลางตอบว่า “วันนี้ท่านยายอยากเดินออกกำลังกายจึงเหนื่อยเร็ว และอยากกลับไปพักน่ะ”“แล้วเจ้ากลับมาเมื่อใด” ลู่เหิงจือชะงักไปชั่ว

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 447

    ซูชิงลั่วหลับตาลง มือกำผ้าปูที่นอนแน่นแล้วคลายออกวนซ้ำแบบนี้หลายรอบ ร่างกายของนางก็อ่อนระทวยไปทั้งตัวต่อมานางสั่นและถูกลู่เหิงจืออุ้มเข้าไปในอ้อมแขน ใช้เวลาอยู่นานกว่าจะสงบลงไม่รู้ทำไม สิ่งแรกที่นางนึกถึงคือ "เราหย่ากันแล้ว ทำเช่นนี้จะดูไม่เหมาะหรือไม่?"เอ่ยจบ ใบหน้าของนางแดงก่ำขึ้นไปอีกลู่เหิงจือหัวเราะเสียงเบา "ที่เจ้าหมายถึงคือ......เราแอบมีอะไรกันอย่างนั้นหรือ?"ซูชิงลั่วไม่ตอบลู่เหิงจือหัวเราะเบาๆ อีกครั้ง "ก็ได้""ข้ายังไม่เคยแอบมีอะไรกับใครมาก่อนเลย""พรุ่งนี้ข้าจะเขียนลงบทบรรยายเล่มใหม่"ซูชิงลั่ว "......"ไม่ต้องก็ได้นางเนื้อตัวเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ และเหนียวตัวจนน่ารำคาญทว่าร่างกายกลับอ่อนระทวย......จนไม่อยากลุกไปไหนเลยลู่เหิงจือเอามือมาเช็ดเหงื่อให้นางอย่างใส่ใจ แล้วเปลี่ยนผ้าผืนใหม่มาเช็ดให้นางอีกครั้งเมื่อเขายื่นมือมา ซูชิงลั่วก็เผลอปัดออก ใบหน้าแดงก่ำพลางกระซิบว่า "ข้าทำเองได้"ลู่เหิงจือหัวเราะเบาๆ "เจ้าจะทำเองได้อย่างไร"ซูชิงลั่วถึงกับนึกได้ว่ายามนี้นางไม่เหมือนเมื่อก่อน การก้มตัวเริ่มไม่สะดวกแล้วนางจึงหลับตาลงอีกครั้งและซุกหน้าเข้าไปในผ้าห

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 446

    นางจ้องบทบรรยายเล่มใหม่ในมือ ครุ่นคิดในใจว่าอ่านให้จบก่อนแล้วค่อยว่ากันก่อนหน้านี้เขียนถึงเรื่องที่องค์ชายอภิเษกสมรสโดยบังเอิญกับสตรีสูงศักดิ์ที่ตนเองหลงรักมากแต่ด้วยความกลัวที่จะถูกแก้แค้น ในคืนวันแต่งงานองค์ชายจึงไม่ได้เสด็จไปนอนในห้องของพระชายา กลับไปนอนในห้องของสนมแทนพระชายาเศร้าใจมาก เมื่อตื่นขึ้นมาในวันรุ่งขึ้นก็ทำสีหน้าเย็นชามององค์ชาย ความสัมพันธ์ของทั้งคู่จึงยิ่งห่างเหินขึ้นไปอีกส่วนสนมก็ยิ่งทำตัวหยิ่งผยอง ดูถูกเหยียดหยามพระชายาอย่างหนักครานี้เขียนถึงเรื่องที่องค์ชายได้ขึ้นครองราชย์ด้วยความพยายามของตนเองในที่สุดคนทั้งปวงล้วนรู้ว่าองค์ชายไม่โปรดปรานพระชายา บางคนถึงขั้นมั่นใจว่าองค์ชายจะถอดถอนพระชายาและตั้งสนมขึ้นเป็นฮองเฮาแต่ไม่มีใครคาดคิดว่าในคืนแรกหลังจากขึ้นครองราชย์ ฮ่องเต้จะเสด็จไปนอนในห้องของพระชายาพื้นในตำหนักกลางเย็นเยือก ฮ่องเต้คุกเข่าบนแผ่นหิน อ้อนวอนให้ฮองเฮายกโทษตนฮองเฮาเพียงจ้องมองเขาอย่างเย็นชา ไม่ได้เอ่ยคำใดซูชิงลั่วรีบพลิกหน้าต่อไป - จบแล้วหรือ?ทันใดนั้น นางตระหนักได้ว่าลู่เหิงจือได้ขุดหลุมพลางไว้ให้นางอีกแล้วนั่นหมายความว่า หากนางไม่ให้อ

DMCA.com Protection Status