แชร์

บทที่ 424

ผู้เขียน: หอมดังเดิม
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-11-26 18:00:00
ลมหายใจอันเย็นเยือกของเขาอยู่ใกล้แค่เอื้อม

ซูชิงลั่วรู้สึกไม่สบายใจ จึงหันหน้าหนี

ภาพคุ้นเคยผุดขึ้นมาในสมอง

ราวกับเย้อนกลับไปยังป่าไผ่เมื่อนานมาแล้ว เขาก็ทำแบบนี้กับนางเช่นกัน

ป่าไผ่สั่นไหวด้วยเสียงลม ราวกับกับเสียงลมในยามนี้ ทำให้นางรู้สึกไม่เป็นจริง

ซูชิงลั่วพยายามจะเอ่ยปากพูดบางอย่าง แต่เพราะฝ่ามือของเขาที่วางอยู่บนไหล่อย่างแผ่วเบา ทำให้นางลืมทุกอย่างไปชั่วขณะ

กิ่งไม้แห้งที่ถูกพายุพัดสั่นระรัว

ลู่เหิงจือสายตามองลงมา ราวกับจะเอื้อมมือไปลูบหน้าท้องของนางเบาๆ แต่ก็อดทนไว้

ซูชิงลั่วก้มลงมอง เห็นเท้าของเขาอยู่ภายในประตู นางสงสัยว่านี่เป็นแผนของเขาหรือไม่

ลู่เหิงจือเงยหน้าขึ้นมองนาง ดวงตาของเขามืดมิดราวกับท้องฟ้ายามค่ำคืน

เขาออกแรงกดไหล่ของนาง

ซูชิงลั่วรู้สึกอึดอัด จึงยกไหล่ขึ้นเบาๆ เขาก็ยอมปล่อยนางทันที

นางมองออกว่าลู่เหิงจือไม่อยากจากไป แต่หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็เอ่ยเสียงอ่อนโยนว่า “เจ้ากลับไปเถิด กลับไปพักผ่อนเถิด”

ซูชิงลั่วตอบ "อืม" เสียงเบา

ลู่เหิงจือเอ่ยต่อว่า “หากต้องการสิ่งใดเพิ่มก็ให้คนมาบอกข้าได้ ข้าอยู่เรือนข้างๆ”

ซูชิงลั่วตอบรับอีกครั้ง พอตอบเสร็จก็เงยหน้าขึ้นร
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อเรื่องนี้บน Application

บทที่เกี่ยวข้อง

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 425

    มือที่แข็งชาสัมผัสกับความอบอุ่นของเตาอุ่นมือ ความรู้สึกชาก่อนหน้านี้ก็ค่อยๆ ดีขึ้นลู่เหิงจือมองตามหลังซูชิงลั่วไปพลาง ปล่อยให้ลมพัดผ่านเสื้อผ้าอย่างไม่ใส่ใจทันใดนั้นก็รู้สึกว่าฤดูหนาวในเมืองหลวงก็ไม่หนาวเย็นอะไรนัก*ซูชิงลั่วรู้สึกเสียใจที่รับชุดคลุมของลู่เหิงจือมาในขณะที่เขายืนอยู่คนเดียวอย่างโดดเดี่ยว นางรู้สึกใจอ่อนขึ้นมาทันทีและรับชุดคลุมของเขาไปโดยไม่ทันคิดชุดคลุมในฤดูหนาวมักจะหนักอยู่แล้ว ยิ่งชุดคลุมของลู่เหิงจือซึ่งไม่รู้ว่าทำจากหนังอะไร จึงหนักเป็นพิเศษซูชิงลั่วเดินไปไม่กี่ก้าวก็รู้สึกหายใจไม่ทัน เพราะชุดคลุมสองผืนที่สวมอยู่ ทำให้เหงื่อแตกพล่านแต่ข้างนอกลมแรงมาก นางเองก็ไม่กล้าที่จะถอดชุดคลุมออก จึงรีบเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นเมื่อกลับถึงห้อง นางจึงถอดผ้าคลุมออก และรู้สึกตื่นเต้นในใจในค่ำคืนนี้ ลู่เหิงจือเปิดเผยความรู้สึกของเขาออกมาอย่างตรงไปตรงมา บอกทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ในใจให้นางฟังทำให้นางรู้สึกมีความสุขมากตั้งแต่เข้ามาในห้อง จื๋อหยวนก็ก้มศีรษะลงด้วยความหวั่นกลัว คิดว่าจะถูกตำหนิในทันทีอันที่จริงแล้ว นางก็ลังเลใจที่จะส่งข่าวให้ลู่เหิงจือแบบลับๆแต่เ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-26
  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 426

    "ไม่ได้" ซูชิงลั่วปฏิเสธเสียงเรียบทันทีลู่เหิงจือนี่ช่างคำนวณได้รอบคอบเสียจริง นางแค่ขอร้องเขาเล็กน้อย เขาก็รีบขอกลับทันทีแล้วซ่งเหวินไม่ใช่ลูกน้องของเขาหรอกหรือเรื่องนี้ก็ไม่ใช่เรื่องของนางคนเดียวลู่เหิงจือรออยู่หน้าประตูจวนตระกูลซูตั้งแต่เข้าเฝ้าเสร็จ เห็นคำปฏิเสธว่า "ไม่ได้" แล้วอดที่จะเอามือไปขยี้ขมับไม่ได้ถือว่าคาดการณ์ไว้แล้วพอหันกลับไป ก็เจออวี๋ซื่อชิงพอดีอวี๋ซื่อชิงถือไก่สดสองตัวมาด้วย มองเขาด้วยสายตาที่เหมือนจะยิ้มแต่ไม่ยิ้ม"โอ้ ใต้เท้าลู่ท่านยังเข้าไปไม่ได้อีกหรือ?อากาศเย็นขนาดนี้ จะให้คนไปเอาสุรามาสักกามาอบอุ่นร่างกายหน่อยหรือไม่?"ลู่เหิงจือตอบเสียงเรียบ "ไม่จำเป็น"เขาเงยหน้ามองและเอ่ยเสียงเรียบว่า "ข้าอยู่เรือนข้างๆ หากท่านอวี๋ต้องการ ก็แวะมาได้"“……”“เกรงว่าจะไม่มีเวลาว่าง” อวี๋ซื่อชิงเอ่ยเสียงเบา “หลังจากเยี่ยมแม่แล้ว ข้าก็ต้องมาพบแมานางซู ถึงตอนนั้นให้ข้าออดอ้อนแม่นางซูแทนเจ้าหรือไม่?”ลู่เหิงจือ "......"นี่เป็นการโอ้อวดที่เปิดเผยอย่างโจ่งแจ้งเสียจริงๆอวี๋ซื่อชิงเอ่ยว่า “ถ้าเช่นนั้นข้าขอตัวก่อน”ลู่เหิงจือมองตามหลังเขา แล้วเรียกฉางชิงมาถามว

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-26
  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 427

    เนื่องจากเหตุการณ์ที่จักรพรรดิหลวงเสด็จหนีเมื่อกองทัพกบฏเข้าใกล้เมือง ทำให้ราษฎรโกรธแค้นจักรพรรดิหลวงอย่างมากจักรพรรดิหลวงทรงเห็นฎีกา ขอให้ทรงสละราชสมบัติจำนวนมากที่กองอยู่เบื้องหน้าจนแทบกระอักฮ่องเต้ทรงไม่เคยเห็นฎีกา ขอให้สละราชสมบัติมากมายเช่นนี้มาก่อนลู่เหิงจือพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยราวกับกำลังพูดถึงเรื่องเล็กน้อย“เขียนเถิดพ่ะย่ะค่ะ”จักรพรรดิหลวงทรงโกรธมากที่ลู่เหิงจือพูดเช่นนั้น “เจ้าคิดจะให้ข้าเขียนคำประกาศสละบัลลังก์ ไม่มีทาง”ในประวัติศาสตร์ทุกยุคทุกสมัยจะเคยมีแต่ฮ่องเต้ที่ทำผิดพลาดร้ายแรงจึงจะต้องเขียนคำประกาศสละบัลลังก์การกระทำเช่นนี้ถูกบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์เป็นรอยด่างให้คนทั้งแผ่นดินดูหมิ่นเหยียดหยามลู่เหิงจือหัวเราะเบาๆ“ข้าให้เจ้าเขียนก็เพื่อเป็นโอกาสสุดท้ายของเจ้าเท่านั้น เจ้าคิดว่าหากเจ้าไม่เขียนคำประกาศสละบัลลังก์แล้ว เจ้าจะยังคงมีชีวิตอยู่ได้อีกหรือ”จักรพรรดิหลวง “เจ้ากล้า... เจ้ากล้าดีอย่างไร”ลู่เหิงจือ “เมื่อเจ้าตายไปแล้ว ข้าจะให้คนอื่นมาเขียนคำประกาศสละบัลลังก์เลียนแบบลายมือของเจ้า แล้วประทับตรา และจัดส่งไปยังทั่วทั้งแผ่นดิน จะมีใครรู้บ้างเล่าว

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-27
  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 428

    จนกระทั่งลู่ซือไหวได้พบกับซูชิงลั่ว นางก็เข้าใจความรู้สึกแปลกๆ ของวันนั้นเสียทีเมื่อลงจากรถม้า ลู่ซือไหวก็เห็นป้ายชื่อ "จวนตระกูลซู" บนประตูใหญ่ของจวนลู่ซือไหวรู้สึกถึงลางสังหรณ์บางอย่างในใจ และลางสังหรณ์นั้นก็ได้รับการยืนยันเมื่อได้พบกับซูชิงลั่วซูชิงลั่วมาต้อนรับนางที่ประตูด้วยตัวเองนางสวมชุดสีเหลืองอ่อน ดูสง่างามมากเนื่องจากตั้งครรภ์ ใบหน้าของนางจึงปราศจากเครื่องแป้ง เพียงแค่รวบผมด้วยปิ่นแบบเรียบง่าย ราวกับดอกบัวในน้ำใส แต่ยังแฝงไปด้วยความยั่วยวนอย่างเป็นธรรมชาติซูชิงลั่วจับมือนางแล้วเอ่ยว่า "น้องสาวเดินทางมาจากเซวียนเฉิงคงเหนื่อยมากแน่"ลู่ซือไหวตอบทันทีว่า "ขอบคุณพี่สะใภ้ที่เป็นห่วง ข้ามีคนดูแลตลอดทาง ไม่รู้สึกเหนื่อยเลย"ซูชิงลั่วเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า "บัดนี้เจ้าเรียกข้าว่าพี่สะใภ้ไม่ได้แล้ว ข้ากับพี่ชายเจ้าหย่าขาดกันแล้ว เรียกข้าว่าพี่สาวจะดีกว่านะ"อันที่จริงแล้ว อายุของลู่ซือไหวมากกว่านางหนึ่งปีแต่ลู่ซือไหวก็ต้องเรียกนางว่าพี่สะใภ้ในอนาคตอยู่ดี จะให้นางเรียกตัวเองว่าน้องสาวก็ดูไม่เหมาะสมเมื่อลู่ซือไหวได้ยินเช่นนั้นก็รู้ว่าซูชิงลั่วยังไม่ให้อภัยพี่ชายขอ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-27
  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 429

    ลู่ซือไหวเอ่ยเสียงเบาว่า "ขออยู่ใกล้พี่สะใภ้ก็พอแล้ว"ซูชิงลั่วจับมือนางเบาๆ "ข้าพาไปดูก่อนแล้วค่อยตัดสินใจ"ลู่ซือไหวรีบบอกว่า "ไม่รบกวนพี่สะใภ้แล้ว ให้จื๋อหยวนพาไปก็ได้"ลู่ซือไหวเพิ่งได้ยินชื่อจื๋อหยวนไปเพียงครั้งเดียวก็จำได้แล้วซูชิงลั่วเอ่ยเสียงนุ่มนวลว่า "ไม่เป็นไร แม่นมเหมยกำชับข้าให้ออกไปเดินเล่นทุกวัน"ซูชิงลั่วพาลู่ซือไหวไปดูเรือนสองหลังนางเห็นลู่ซือไหวดูเหมือนจะชอบเรือนหลังใหญ่กว่า แต่หลังจากดูเสร็จ นางก็เอ่ยเพียงว่า "ข้าขออยู่ใกล้พี่สะใภ้ก็พอแล้ว"ซูชิงลั่วยิ้มเล็กน้อยแล้วเอ่ยว่า "เราอยู่จวนเดียวกัน จะไกลได้สักแค่ไหนเชียว? ชอบหลังไหนก็เลือกเลย จะว่าไปไกลกว่าแค่ไม่กี่ก้าว แล้วจะไม่มาหาข้ารึ?"ลู่ซือไหวลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แล้วเงยหน้ามองนางอีกครั้ง ก่อนจะตอบว่า "ถ้าเช่นนั้นข้าขอเลือกหลังใหญ่ก็แล้วกัน"ซูชิงลั่วตอบว่า "ได้เลย ประเดี๋ยวข้าให้คนไปจัดการ"ลู่ซือไหวพยักหน้า แล้วค่อยๆ ก้มศีรษะลง มองเห็นภาพตรงหน้าพร่ามัวรู้สึกเหมือนนานมากแล้วที่ไม่ได้ใช้ชีวิตตามใจตัวเองเลยตั้งแต่เจอพี่ชาย พี่ชายก็ดูแลนางดีมาก แต่พี่ชายมีเรื่องต้องสะสางจำนวนมาก ย่อมไม่มีเวลาใส่ใจในรายละ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-27
  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 430

    ซูชิงลั่วรู้สึกประหลาดใจนางคิดว่าคำพูดที่ลู่ซือไหวบอกว่าจะอยู่ข้างนาง เป็นเพียงคำพูดปากเปล่าเท่านั้น แต่แล้วในวันรุ่งขึ้น นางก็พิสูจน์ให้เห็นในทันทีนางเห็นลู่เหิงจือกระตุกมุมปากอย่างไม่สบอารมณ์ ก็อดขำไม่ได้และเมื่อเห็นรอยคล้ำใต้ตาของลู่เหิงจือ นางก็อดเอ่ยขึ้นมาไม่ได้ว่า “น้องสาวพูดถูก ท่านควรพักผ่อนอยู่ที่จวน”น้องสาวซูชิงลั่วจงใจแน่นอนลู่เหิงจือมองลู่ซือไหวเงียบๆ ลู่ซือไหวกะพริบตาให้เขาอย่างขี้เล่นซึ่งหมายความว่า - รอข่าวดีจากข้าลู่เหิงจือก้มสีรษะลง แล้วเอ่ยว่า “ถ้าเช่นนั้นพวกเจ้าก็ระวังกันด้วย ข้าจะอยู่ที่จวน หากมีอะไรให้คนมาบอกข้าก็แล้วกัน”ซูชิงลั่วพยักหน้าตอบตกลง แล้วลุกขึ้นเตรียมตัวขึ้นรถม้าลู่เหิงจือยื่นมือไปประคองนางอย่างเป็นธรรมชาติซูชิงลั่วยกมือขึ้นโดยสัญชาตญาณ เมื่อสัมผัสกับฝ่ามือเย็นของเขา นางก็รู้ตัวว่าถูกเขาประคอง หัวใจของนางเต้นเร็วขึ้นทันที แล้วรีบขึ้นรถม้าไปลู่ซือไหวอดยิ้มไม่ได้*ลู่ซือไหวคิดว่าซูชิงลั่วจะพานางไปซื้อเสื้อผ้า เครื่องประดับ แต่นึกไม่ถึงว่าซูชิงลั่วจะพานางไปที่ร้านช่างไม้ที่คุ้นเคยก่อนซูชิงลั่วบอกกับเถ้าแก่ว่าจะเตรียมเครื่องเรือ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-27
  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 431

    นางก้มลงมองไม้เสียบในมือของเด็กชายผู้นั้นทิ่มเข้าไปที่แขนของลู่เหิงจือจากปลายแหลมไปถึงส่วนกลางของด้ามไม้เสื้อคลุมตัวยาวสีขาวนวลมีคราบเลือดสีแดงสดซึมออกมาเป็นจุดราวกับกลีบดอกท้อกลีบหนึ่งนางพลันสูดหายใจเข้าลึกหนึ่งฟอดเด็กชายผู้นั้นเห็นว่าตนได้ก่อเรื่องเข้าแล้วก็เกิดอาการตื่นตกใจ ยืนอึ้งอยู่กับที่ระหว่างนั้นเองคนที่ยืนมุงอยู่รอบๆ คนหนึ่งพูดขึ้นมา "ผู้นี้เป็นถึงท่านอัครมหาเสนาบดีเชียวนะ ยืนนิ่งอยู่ใย ยังไม่รีบคุกเข่าอีก"ทันใดนั้น หญิงสาวนางนั้นก็ตามมาถึงได้ยินเสียงวิพากษ์วิจารณ์ของฝูนชน หญิงสาวรีบโอบเด็กชายไว้ในอ้อมกอด ก่อนจะคุกเข่าลงไปพูดเสียงสั่น "ท่านอัครมหาเสนาบดี ข้าน้อยควรตาย ข้าน้อยดูแลลูกไม่ดีเอง ขอท่านโปรดอภัยให้ข้าด้วย"หากเป็นเมื่อก่อน ไม่ว่าอย่างไรลู่เหิงจือก็ต้องลงโทษผู้ที่ชนซูชิงลั่วให้ได้แต่เขาเห็นเด็กผู้ชายไร้เดียงสาที่เพิ่งจะอายุได้สามสี่ขวบนั่งคุกเข่าด้วยความตื่นกลัวอยู่บนพื้น ก่อนจะหันไปมองท้องที่นูนออกมาเล็กน้อยของซูชิงลั่ว พลันเกิดความกังวลว่าลูกของตนในอนาคตก็คงซุกซนเช่นนี้แววตาของลู่เหิงจืออ่อนโยนลงมา น้ำเสียงกลับยังคงเย็นชาเล็กน้อย "เด็กวัยนี้กำล

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-28
  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 432

    ลู่เหิงจือเหลือบมองลู่ซือไหวนิ่งๆ ปราดหนึ่ง ลู่ซือไหวไม่กล้าพูดอะไรสุ่มสี่สุ่มห้าอีก เพียงแค่เลื่อนสายตาไปมองยังถังหูลู่สีแดงสดในมือนางเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเหตุใดนางถึงได้ถือมาตลอดทางเช่นนี้ลู่เหิงจือทำทีเป็นมองคราบเลือดบนแขนเสื้อของตนอย่างไม่ใส่ใจ ก่อนจะเลิกแขนเสื้อขึ้นมาด้วยความธรรมชาติ เผยให้เห็นท่อนแขนที่กำยำเห็นเส้นเลือดชัดเจนทั้งๆ ที่รู้ดีอยู่แล้วว่าลู่เหิงจือจงใจให้นางมอง แต่ซูชิงลั่วก็ยังอดมองไม่ได้อยู่ดีบาดแผลไม่ใหญ่มาก แต่ลึกพอสมควร บริเวณรอบๆ บวมเป่ง ทั้งยังเป็นรอยช้ำสีม่วงซูชิงลั่วพลันรู้สึกบีบคั้นหัวใจไปชั่วขณะ ดูแล้วสาหัสอยู่ไม่น้อยลู่เหิงจือเลิกคิ้วเล็กน้อย "แผลนี่ดูเหมือนจะเจ็บขึ้นเรื่อยๆ ข้าเข้าไปใส่ยาทำแผลใหม่ได้หรือไม่"น้ำเสียงขณะที่เขาพูดว่าแผลนี่ดูเหมือนจะเจ็บขึ้นเรื่อยๆ ฟังดูแข็งเกร็ง ไม่เป็นธรรมชาติอย่างสังเกตเห็นได้ชัดความไม่เป็นธรรมชาตินี้ดึงซูชิงลั่วออกมาจากภวังค์ความรู้สึกเห็นใจทันทีซูชิงลั่วมองเขาปราดหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยเสียงเรียบ "ท่านพักอยู่เรือนข้างๆ ไม่ใช่หรือ ท่านกลับไปทำแผลที่นั่นได้"ลู่เหิงจือ : "..."เขาตอบหน้าตาย "ครอบครัวของใต้เท

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-28

บทล่าสุด

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 458

    เสียงของนางแฝงความหมายว่า “รู้แล้วทำไมไม่บอกข้า”ซูชิงลั่วกระซิบว่า “ซือไหวไม่ให้ข้าบอกท่าน และข้าก็กลัวว่าหากบอกท่านไป แล้วจะกระทบความสัมพันธ์ระหว่างพี่สะใภ้กับน้องสาวได้”ลู่เหิงจือเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “แต่เจ้าไม่กลัวว่าจะกระทบความสัมพันธ์ระหว่างสามีภรรยาหรือ”ซูชิงลั่วซบลงในอ้อมอกเขา “จะกระทบหรือ?”ลู่เหิงจือฮึดฮัด น้ำเสียงนั้นชัดเจนว่าไม่เป็นเช่นนั้นซูชิงลั่วอดยิ้มไม่ได้ “อันที่จริงแล้วใต้เท้าอวี๋ก็ไม่เลวเลย”ลู่เหิงจือเอ่ยเสียงเข้มขรึมว่า “ห้ามชมเขา”ซูชิงลั่วตอบอย่างเชื่อฟังว่า “ได้”อวี๋ซื่อชิงเดินมาพร้อมกับลู่ซือไหวลู่เหิงจือมองคนทั้งสองพลางถามว่า “นานแค่ไหนแล้ว?”อวี๋ซื่อชิงตอบอย่างมั่นใจว่า “เกือบปีแล้ว”นานแค่ไหนนะ???เช่นนี้ก็หมายความว่าพวกเขาเริ่มคบหากันหลังจากที่เขาและซูชิงลั่วออกจากเมืองหลวงไม่นานอย่างนั้นหรือ?ลู่เหิงจือหันมองลู่ซือไหว “เจ้ามานี่”อวี๋ซื่อชิงพูดว่า “มีเรื่องอะไรข้าจะคุยกับท่านเอง”ลู่เหิงจือยิ้มเย้ยหยัน “การสนทนาของพวกข้าสองพี่น้อง ไม่เกี่ยวกับเจ้า”ลู่ซือไหวดึงแขนเสื้อของอวี๋ซื่อชิง อวี๋ซื่อชิงจึงถอยออกไปลู่เหิงจือพาลู่ซือไหวออ

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 457

    เซี่ยถิงอวี่เดินเข้ามา มองลู่เหิงจือพลางเอ่ยว่า “เหิงจือ รอบที่แล้วเจ้าแต่งงาน ข้าไม่สะดวกไปร่วมงานเพราะสถานะของข้า รอบนี้เจ้าแต่งงาน ข้าจะต้องมาดูสักครั้ง เพื่อความสบายใจของข้าเอง”เสียงของเขาดูจริงใจ ราวกับกำลังพูดคุยกับมิตรสหายคนหนึ่งลู่เหิงจือเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วเอ่ยว่า “ขอบคุณมาก”ไม่ว่าก่อนหน้านี้จะมีการใช้กันและกันเป็นเครื่องมือหรือไม่ แต่ยามนี้ พวกเขาเป็นสหายที่จริงใจต่อกันมากที่สุดเมิ่งชิงไต้ก็เอ่ยว่า “รอบที่แล้วข้าไม่ได้เข้าร่วมงานแต่งงานของน้องซู ก็รู้สึกเสียดายเหมือนกัน อันที่จริงแล้ว ข้าพาอวี้จู๋และโฉวกว่างมาด้วย”หลังจากลู่เหิงจือและซูชิงลั่วกลับจินหลิง เซี่ยถิงอวี่ก็เรียกโฉวกว่างกลับมาเพราะการส่งองครักษ์ลับที่ผ่านการฝึกฝนอย่างหนักไปยังจินหลิงนั้นดูจะไม่คุ้มค่า ลู่เหิงจือก็ไม่มีความเห็นอะไร อวี้จู๋จึงยังคงอยู่ในเมืองหลวงและติดตามเมิ่งชิงไต้ซูชิงลั่วรู้สึกประหลาดใจและเอ่ยว่า “ขอบคุณพี่เมิ่ง”เซี่ยถิงอวี่หัวเราะออกมาอย่างกะทันหันเพราะปิดหน้าอยู่ ซูชิงลั่วจึงมองไม่เห็นสีหน้าของเขา รู้สึกได้เพียงว่าเสียงของเขามีความเย้าแหย่แฝงอยู่“ใช่แล้ว ข้าพาอวี๋ซื่อชิงมาด้

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 456

    เนื่องจากชุดเครื่องประดับศีรษะชุดนี้ทำค่อนข้างยาก รวมถึงสุขภาพของซูชิงลั่วที่ต้องดูแลเป็นพิเศษ และหลิงเกอเอ๋อร์ยังเล็กอยู่ การแต่งงานรอบสองระหว่างลู่เหิงจือกับซูชิงลั่วจึงเลื่อนออกไปหนึ่งปีทั้งสองเคยแต่งงานกันมารอบหนึ่งแล้ว การแต่งงานรอบสองเป็นเพียงการให้คำมั่นสัญญาแก่กัน และไม่ได้จัดงานใหญ่โต มีเพียงเชิญญาติฝ่ายเรือนสามและญาติของตระกูลซูมาร่วมงานคล้ายคลึงกับงานฉลองอายุครบเดือนของหลิงเกอเอ๋อร์เท่านั้นซูชิงลั่วสวมเครื่องประดับศีรษะที่ลู่เหิงจือคอยดูแลการผลิตด้วยตัวเอง มุมปากก็ยกขึ้นเล็กน้อยจื๋อหยวนเอ่ยว่า “ของที่ใต้เท้าคอยดูแลการผลิตด้วยตัวเองย่อมงดงามมาก”ซูชิงลั่วพยักหน้า ได้ยินมาว่าลู่เหิงจือทำให้ฝีมือของช่างเหล่านั้นพัฒนาขึ้นไปอีกขั้นเลยทีเดียวก่อนหน้านี้ไม่เคยมีงานฝีมือการทอเส้นไหมทองที่ประณีตขนาดนี้มาก่อนอัญมณีสีชมพูที่ใช้ประดับดอกไม้ต้องมีสีที่เหมือนดอกท้อมากที่สุด ได้ยินมาว่าลู่เหิงจือเดินทางไปทั่วเจียงหนานเพื่อคัดเลือกอัญมณีหลายร้อยชิ้น จนกระทั่งพบกับอัญมณีที่มีสีใกล้เคียงกับสีชมพูของดอกท้อมากที่สุดหลิงเกอเอ๋อร์เดินได้มาหนึ่งเดือนกว่าแล้วยามนี้เขาวิ่งเข้ามาอย่างท

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 455

    ลู่เหิงจือนวดหว่างคิ้วเบาๆ ไม่ตอบอะไรซ่งอวี้ครุ่นคิดครู่หนึ่ง “อันที่จริงแล้วข้ามีวิธีฝังเข็มคุมกำเนิดสอนท่านได้ หากท่านไม่ต้องการมีลูก หลังจากมีเพศรักทุกครั้ง ท่านก็สามารถฝังเข็มให้ฮูหยินได้ ไม่มีผลข้างเคียง เพียงแต่อาจจะเรียนรู้ยากหน่อย”ลู่เหิงจือโล่งอก “ข้าเรียน”เขายังเรียนเขียนบทบรรยายได้เลย การฝังเข็มแค่นี้เขาไม่กลัวอยู่แล้วซ่งอวี้ “เรื่องนี้ต้องปรึกษาฮูหยินของท่านด้วย”“แน่นอน ข้าแค่มาถามท่านก่อน” ลู่เหิงจือตอบด้วยน้ำเสียงเป็นธรรมชาติหลังจากส่งซ่งอวี้กลับห้องแล้ว ลู่เหิงจือก็เดินตามทางเดินที่คดเคี้ยวกลับต้องยอมรับว่าจวนตระกูลซูสร้างได้ดีจริงๆ แม้แต่แสงจันทราก็ยังสวยกว่าที่เมืองหลวงเขายกหน้าขึ้นมองพระจันทร์ คิดว่ายามนี้หลิงเกอเอ๋อร์หลับแล้วแน่นอน คงพาซูชิงลั่วออกมาชมจันทร์ได้เขายิ้มมุมปาก จู่ๆ ก็คิดบางอย่าออก รีบก้มดูถุงหอมที่ตนเองห้อย- ถุงหอมที่ซูชิงลั่วให้ลู่ซือไหวล้วนเป็นการปักสองด้านหมด แล้วของเขา......เขารีบเปิดออกนี่คือถุงหอมอันแรกที่ซูชิงลั่วให้เขานางเคยให้เขาสามอัน เขาห้อยอันนี้บ่อยที่สุด เพราะรู้สึกว่าอันแรกมีความหมายที่แตกต่างปลายนิ้วของเขาสั่น

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 454

    ลู่เหิงจือเอ่ยกึ่งติดตลกว่า "หรือว่าข้าจะมาเป็นกรรมการดี?"เขาแค่พูดเล่นๆ แต่ลู่ซือไหวกลับคิดจริงจัง "ดีเลย"นางก็รีบแกะถุงหอมที่ซูชิงลั่วให้นางมาจากเอวซูชิงลั่วรู้สึกประหลาดใจ - นางพกติดตัวตลอดจริงๆลู่เหิงจือหยิบขึ้นมาเทียบกับสร้อยทองในมือของซูชิงลั่ว แล้วเอ่ยเสียงเรียบว่า "ก็สู้ของพี่สะใภ้ไม่ได้หรอก"ลู่ซือไหวไม่ได้รู้สึกไม่พอใจที่ถูกพูดเช่นนี้ ใบหน้าก็ยิ้มแย้ม "ก็เพราะการปักลายสองด้านจำกัดฝีมือของพี่สะใภ้"นางพลิกถุงหอมกลับด้าน ด้านในมีอะไรซ่อนอยู่ลู่เหิงจือรู้สึกเหมือนจะนึกอะไรออกแต่ก็จับไม่ได้ทันที ก็ได้ยินบ่าวรับใช้มารายงานว่าหมอหลวงซ่งจากเมืองหลวงมาถึงแล้วเขาอายุมากแล้ว ฮ่องเต้องค์ใหม่มีหมอหลวงที่ไว้ใจได้ของพระองค์เอง เขาจึงลาออกจากตำแหน่งกลับบ้านเกิดเขาเป็นชาวจินหลิง พอได้ยินว่าลูกชายของลู่เหิงจืออายุครบเดือน ก็รีบมาแสดงความยินดีในวันรุ่งขึ้นทันทีคนอื่นๆ ล้วนเป็นญาติหรือสหายเก่าของตระกูลซูแห่งจินหลิง ลู่เหิงจือไม่จำเป็นต้องไปต้อนรับเป็นพิเศษ แต่เมื่อซ่งอวี้มาเอง เขาต้องไปพบซูชิงลั่วเห็นว่าญาติมาครบแล้ว ก็อุ้มหลิงเกอเอ๋อร์และจูงมือลู่ซือไหวออกไปทักทายทุกคนทัน

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 453

    ถึงจะเป็นเช่นนั้น แต่กระทำกลับอ่อนโยนอย่างไม่เคยมีมาก่อนเห็นได้ชัดว่าเขาดูแลนางเป็นอย่างดีหลังคลอดไม่นานทว่าซูชิงลั่วก็อดร้องออกมาด้วยเสียงที่ทำให้หัวใจเต้นรัวไม่ได้เขาเพิ่งเคยจูบนางเช่นนี้เป็นครั้งแรก จูบที่ทั้งถี่และอ่อนโยนจนแทบจะทั่วทั้งร่างกายของนางสุดท้ายแนบชิดนางอย่างระมัดระวังจูบเสร็จแล้ว ซูชิงลั่วก็เอนตัวลงในอ้อมแขนของเขาและถามว่า “ท่านจะเขียนบทบรรยายให้ข้าอีกหรือไม่”ลู่เหิงจือตอบเสียงเบาว่า “หากเจ้าอยากอ่าน ข้าก็จะเขียน”ซูชิงลั่วตอบว่า “อยากอ่าน”ลู่เหิงจือตอบว่า “ได้”ซูชิงลั่วรู้สึกพึงพอใจและหลับไปในอ้อมแขนของเขา*งานฉลองวันเกิดครบหนึ่งเดือนของหลิงเกอเอ๋อร์ จัดขึ้นเมื่อเขาอายุได้ สามสิบห้าวันซึ่งจัดช้ากว่าที่จินหลิงไม่กี่วันเนื่องจากญาติฝ่ายตระกูลซูเหลือไม่มาก และญาติฝ่ายตระกูลลู่ส่วนใหญ่อยู่ที่เมืองหลวง จำนวนแขกที่มาในงานจึงไม่มาก มีเพียงแค่สองโต๊ะเท่านั้นแต่ภายในบ้านก็ยังคงคึกคักเป็นพิเศษ เพราะไม่ได้มีงานมงคลเช่นนี้มานานแล้วลู่ซือไหวก็ถูกรับกลับมาจินหลิงเช่นกัน เนื่องจากลู่เหิงจือและซูชิงลั่ววางแผนจะอยู่ที่จินหลิงสักสองสามปี นางจึงอยากอยู่กับพี่ช

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 452

    ลู่เหิงจือจึงได้อยู่เดือนเป็นเพื่อนซูชิงลั่วเขาเริ่มสังเกตเห็นว่าเมนูอาหารในบ้านเปลี่ยนไปจากเดิมมากโดยเฉพาะเมนูที่ไม่ค่อยได้ทำมาก่อนแต่ปรากฏในช่วงนี้อยู่บ่อยครั้ง - ตีนเป็ดตุ๋นน้ำแดง เนื้อแพะตุ๋น มะเขือม่วงย่าง และหัวสิงโตนึ่งลู่เหิงจือกินไปหลายวันก็เริ่มฉุกคิดได้ จึงหันไปมองซูชิงลั่ว“ครั้นที่เจ้าไปกินข้าวกับอวี๋ซื่อชิงและหลี่ว์เผิงเทียน แล้วถามเถ้าแก่ว่าข้าชอบกินอะไร”ซูชิงลั่วก็ไม่ได้ปฏิเสธหลังจากคืนดีกับลู่เหิงจือแล้ว พวกเขาทั้งสองก็เข้าใจกันมากขึ้น - สามารถพูดคุยกันได้ทุกเรื่อง ราวกับไม่มีอะไรต้องกังวลอีกแล้วทำให้นางกับลู่เหิงจือต่างรู้สึกสบายใจมากขึ้น“ข้าเพิ่งรู้ว่าที่ผ่านมาท่านเอาใจข้าเรื่องอาหารมากเลย” ซูชิงลั่วเอ่ยติดตลก “ไม่แปลกใจเลยที่ท่านจะไม่ค่อยกลับบ้านมากินข้าว”ลู่เหิงจือเงยหน้าขึ้นมองนางซูชิงลั่วเงยหน้าขึ้นมองเขาพร้อมกับเอียงหัวเล็กน้อย “ที่ผ่านมาเป็นความผิดของข้าเองที่ไม่เคยได้สังเกต”นางเอื้อมมือไปดึงหูเขาเบาๆ พลางเอ่ยว่า "ต่อไปนี้ สามีจะได้กินอาหารถูกปากที่บ้านบ่อยๆ แล้วนะ"การที่นางเรียกเขาว่า "สามี" และดึงหูเขาทำให้สายตาของลู่เหิงจือลึกซึ้งยิ่

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 451

    ซูชิงลั่วหลับไปหนึ่งวันหนึ่งคืนถึงจะฟื้นพอฟื้น คนแรกที่เห็นคือลู่เหิงจือที่นอนอยู่ข้างๆ มือของเขายังจับมือนางไว้อยู่ และฝ่ามือก็เปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อนางขยับมือลู่เหิงจือรู้สึกตัวทันที ไม่ต้องให้นางเอ่ยสิ่งใด เขาก็รีบเทน้ำอุ่นใส่ถ้วย แล้วอุ้มนางเข้ามากอดในอ้อมแขน ป้อนน้ำให้นางซูชิงลั่วดื่มไปหลายถ้วยถึงจุใจ เสียงของนางก็แหบพร่า “ลูกล่ะ”“อยู่ห้องข้างๆ เจ้าน่ะ มีแม่นมเหมยและแม่นมคอยดูแลอยู่ ท่านย่าก็แวะไปดูเป็นระยะๆ เจ้าไม่ต้องห่วง” ลู่เหิงจือถามนาง “หิวหรือไม่”ซูชิงลั่วพยักหน้า หิวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนลู่เหิงจือตอบว่า “ข้าวต้มกับบะหมี่เตรียมไว้แล้ว เจ้าอยากกินอะไร”“แม่นมเหมยบอกว่าเจ้าเพิ่งคลอด ควรกินอาหารอ่อนๆ ไปก่อน”เขาเอื้อมมือไปจัดทรงผมที่ยุ่งเหยิงของนาง “พอเจ้าสบายตัวขึ้นแล้ว ข้าจะลงครัวทำอาหารที่เจ้าชอบกินด้วยตนเอง”ซูชิงลั่วพยักหน้า “บะหมี่แล้วกัน”นางไม่มีแรงแม้แต่จะยกแขนลู่เหิงจือจึงอุ้มนางไว้ในอ้อมแขน ป้อนให้นางทีละคำนางกินบะหมี่ไปสองชามเล็กถึงจะอิ่ม และคิดถึงลูกขึ้นมา จึงถามว่า “ลูกหลับอยู่หรือไม่ หากตื่นแล้วอุ้มมาให้ข้าดูหน่อย”ลู่เหิงจือเอ่ยเสียงทุ้

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 450

    เวลาล่วงเลยเข้าสู่ยามวิกาล ลู่เหิงจือและหญิงชราก็ยังคงรอคอยอยู่ข้างนอกเยว่เออร์จึงปลอบว่า “นายหญิงเฒ่า คุณหนูคงยังไม่คลอดในทันที ท่านควรกลับไปพักผ่อนเสียก่อน มิเช่นนั้น เมื่อคุณหนูคลอดบุตรออกมาแล้ว ร่างกายของท่านจะไม่ไหวเอาได้ คุณหนูก็ต้องมาเป็นห่วงอีก”หญิงชราเอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า “เจ้าไม่ต้องมาปลอบข้าหรอก ข้านอนไม่หลับอยู่แล้ว”เยว่เออร์จึงได้แต่ทำตามคำสั่งโชคดีที่เป็นเดือนหกของจินหลิง ค่ำคืนนี้จึงไม่หนาวลู่เหิงจือได้สั่งให้คนนำนาฬิกาทรายมาวางไว้ในบริเวณลานกว้าง และรู้สึกว่าค่ำคืนนี้ยาวนานเหลือเกินราวกับว่าความอดทนทั้งหมดของเขาหมดไปกับค่ำคืนนี้ฟ้าสางแล้วเสียงร้องครวญครางของซูชิงลั่วก็เบาลง ดูไม่น่ากลัวเหมือนเมื่อคืน และค่อยๆ สงบลงลู่เหิงจือใจร้อนจึงรีบส่งคนเข้าไปถามว่า “เป็นอย่างไรบ้าง”สาวใช้รีบตอบว่า “ใต้เท้าอย่าได้เป็นห่วงเลย ฮูหยินเพียงแค่เหนื่อยจนหลับไปเจ้าค่ะ”นางไม่ได้หลับทั้งคืน เสียงร้องครวญครางก็พยายามกลั้นไว้ คงจะเหนื่อยล้ามากลู่เหิงจือพยักหน้า ไม่ได้เอ่ยสิ่งใดต่อซูชิงลั่วหลับไปเพียงครึ่งชั่วยาม ท้องก็เริ่มปวดอีกครั้งนางตื่นขึ้นมาด้วยความเจ็บป

DMCA.com Protection Status