ลู่หมิงซือเคยถูกตำหนิอย่างรุนแรงต่อหน้าผู้คนเช่นนี้มาก่อนที่ไหน น้ำตานองหน้า ทนความอับอายไม่ไหว รีบลุกขึ้นแล้ววิ่งออกไปทันทีนางหลิ่วเป็นห่วงนาง จึงรีบตามออกไปด้วยซูชิงลั่วมองท่านยายด้วยความซาบซึ้งใจ คาดไม่ถึงว่าท่านยายจะทำเพื่อนางขนาดนี้ เพราะสุดท้ายแล้วไม่ว่าจะอย่างไรทั้งสองคนก็เป็นหลานหญิงชราหันไปบอกกับนางเฉียนว่า "เจ้าลำบากมากแล้ว รีบกลับไปพักผ่อนเสียเถิด"นางเฉียนบรรลุเป้าหมายที่ต้องการแล้ว จึงเดินจากไปด้วยความพึงพอใจหญิงชราจับมือซูชิงลั่วไว้แล้วพูดด้วยท่าทีจริงจัง "ชิงลั่ว เจ้าต้องทนทุกข์มามากแล้ว พรุ่งนี้เจ้ามาเรียนรู้วิธีจัดการร้านกับข้าที่นี่ ต้องยืนหยัดให้ได้โดยเร็ว จะได้ไม่มีใครมารังแกเจ้าได้อีก"ซูชิงลั่วเอนตัวไปซบอก "เจ้าค่ะ ขอบคุณท่านยายเจ้าค่ะ"จากนั้น ซูชิงลั่วก็ไปตรวจสอบบัญชีที่เรือนของหญิงชราในตอนกลางวัน ส่วนตอนกลางคืนก็รีบกลับมาสาละวนกับการเย็บโครง เมื่อเย็บโครงเสร็จ นางก็เริ่มลงมือปักลวดลายบนถุงหอม หวังว่าจะทำเสร็จเร็วๆ เพื่อจะได้มอบให้กับลู่เหิงจือในเร็ววัน...ถึงอย่างไร ก็ดูเหมือนเขาจะไม่มีถุงหอมเลยสักใบวันนี้ซูชิงลั่วก็ไปคารวะหญิงชราแต่เช้าตามปกติแต่
พอได้ยินเรื่องกระโปรงที่ทำตกไว้ ซูชิงลั่วก็ตกใจขึ้นมาทันที...กระโปรงตัวนั้นที่นางโยนทิ้งไป นางลืมเอากลับมาจริงๆหากมีคนเก็บไปได้จริง ไม่รู้เลยว่าจะถูกนำไปขยายความอย่างไรบ้างอวี้จู๋พูดอย่างโกรธเคือง "พวกคนข้างนอกพวกนั้นมันเป็นใครกันแน่ กล้าปั้นเรื่องใส่ร้ายคุณหนูของพวกเราแบบนี้"แต่จื๋อหยวนกลับมองซูชิงลั่วอย่างเป็นกังวล ภาพในหัวของนางย้อนกลับไปในวันที่ลู่เหิงจือค่อยๆ ผูกสายคาดเอวอย่างใจเย็น นางอดคิดไม่ได้ว่าคนในข่าวลือจะเป็น...ลู่เหิงจือหรือไม่ซูชิงลั่ววางบัญชีในมือลง กำมือแน่น...คนที่ทำร้ายนางที่วัดเซิ่งอันปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งแล้วนางครุ่นคิดครู่หนึ่ง แล้วสั่งจื๋อหยวนเสียงเบา "เจ้าไปหาซ่งเหวินที่เรือนหน้า บอกว่าข้าอยากพบกับใต้เท้าลู่"จื๋อหยวนอึ้งไปชั่วครู่ "ตะ...ตอนนี้หรือเจ้าคะ?"ในช่วงเวลานี้ ยังจะนัดพบกับคุณชายเหิงที่สามอีกหรือ คุณหนูของนางชักจะกล้ามากขึ้นทุกทีแล้ว?ซูชิงลั่วผลักนางเบาๆ "รีบไปเร็ว"ตอนนี้นอกจากลู่เหิงจือแล้ว นางไม่มีใครให้พึ่งพาได้อีกเรื่องกระโปรง นางต้องรีบไปขอให้ลู่เหิงจือช่วยจื๋อหยวนพยักหน้า แล้วรีบออกไปทันทีข่าวลือนี้ย่อมทำให้หญิงชราตกใจ หญิง
นางยังพูดไม่จบ แต่เชื่อว่าลู่เหิงจือน่าจะเข้าใจความหมายของนางแน่นอนนางมองลู่เหิงจือด้วยความไม่สบายใจ รู้สึกใจหวิวๆลู่เหิงจือหรี่ตามองนาง น้ำเสียงของเขาดูมั่นใจเต็มเปี่ยม "เขาไม่ทำเช่นนั้นหรอก""ทำไมล่ะ?""เพราะกระโปรงตัวนั้นอยู่กับข้าอย่างไร"น้ำเสียงของเขาราบเรียบ แต่กลับเหมือนสายฟ้าที่ผ่าฟาดลงมากลางหัวของซูชิงลั่ว"อยู่...กับท่าน?"ลู่เหิงจือพยักหน้าตอบเบาๆ "หลังจากที่เจ้าพูดจบวันนั้น ข้าก็สั่งให้ทหารลับไปเอามันกลับมาแล้ว"หัวใจของซูชิงลั่วแทบจะหลุดออกมาทีเดียว นางบิดผ้าเช็ดหน้าที่อยู่ในมือ ใบหน้าแดงร้อน "แล้ว...แล้วทำไมท่านไม่คืนมันให้ข้า?"นั่นมันกระโปรงของนาง เขาจะเก็บสิ่งที่เป็นของส่วนตัวของนางเช่นนั้นไว้ได้อย่างไร?หรือว่าเขาคิดอะไรเกินเลยกับนางจริงๆ?ภายในห้องเงียบสงัดจนเหมือนจะได้ยินเสียงหัวใจของนางเต้นลู่เหิงจือก้าวขาไปหานางก้าวหนึ่งแล้วพูดขึ้นว่า "แล้วเจ้าคิดว่าอย่างไร?"เสียงของเขาดังอยู่เหนือศีรษะของนาง ราวกับสายน้ำใสไหลเอื่อย แต่ก็เหมือนแฝงไปด้วยความยั่วยวนบางอย่างซูชิงลั่วถึงกับหายใจช้าลง นางกำผ้าเช็ดมือแน่นไม่ขยับคำพูดนี้แสดงความนัยอย่างชัดเจน แต่เขา
ที่หน้าประตูจวนลู่ ชาวบ้านที่มามุงดูความวุ่นวายมีเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆชายคนหนึ่งที่ชื่อถังฉวง มีปานดำอยู่ที่คอ เป็นนักเลงที่มีชื่อเสียงในแถบชานเมือง เขาพาลูกน้องสี่ห้าคนมายืนที่หน้าประตูจวนลู่ ในมือถือกระโปรงสีเหลืองอ่อนแกว่งไปมา เอาแต่พูดว่าจะแต่งงานกับซูชิงลั่วคนพวกนี้กล้าหาญมาก แม้แต่คนรับใช้ก็ไล่ไม่ไปหญิงชราเรียกสะใภ้ทั้งหลายมาหารือว่าควรทำอย่างไรนางหลิ่วพูดขึ้นก่อนว่า "ข้าขอถามหน่อย กระโปรงตัวนั้นไม่ใช่ของชิงลั่วจริงๆ หรือเจ้าคะ? แล้วช่วงที่อยู่ที่วัดเซิ่งอันนั้น มันไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นเลยจริงๆ ใช่ไหม?"สีหน้าของนางเฉียนมีความรู้สึกผิดเล็กน้อยนางหลิ่วเหลือบมองไปที่นางเฉียนแล้วหัวเราะ "พี่สะใภ้ ชิงลั่ว หากว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นที่วัดเซิ่งอันจริงๆ ตอนนี้พวกเจ้าก็ควรพูดมันออกมาซะ พวกเราจะได้ช่วยกันคิดหาวิธีแก้ไข ไม่เช่นนั้นอาจจะสายเกินไปนะ"ซูชิงลั่วมองที่นางหลิ่วด้วยสายตาเย็นชาดุจน้ำแข็ง "กระโปรงตัวนั้นไม่มีทางเป็นของข้า ท่านน้ารอง ดูเหมือนว่าท่านจะหวังให้ข้าเกิดเรื่องอะไรขึ้นที่วัดเซิ่งอันมากเลยนะเจ้าคะ"นางหลิ่วหัวเราะ "จะเป็นไปได้อย่างไร น้าก็แค่ห่วงเจ้าหรอก"แต่สีห
นางเหอพูดว่า "นี่…"คนที่มามุงดูมีมากมาย เกรงว่าตอนบ่ายนี้ข่าวคงจะกระจายไปทั่วเมืองหลวงแล้วนางหลิ่วพูดเสียงเย็น "ไม่อยู่แล้ว แต่ก็ดีกว่าการปล่อยให้เขาพูดจาสกปรกอยู่ข้างนอกนั่น"ซูชิงลั่วพูดด้วยน้ำเสียงที่เข้มขึ้นว่า "เขาก็เป็นแค่นักเลงหัวไม้ เขาพูดอะไรมาข้าซูชิงลั่วก็ต้องยอมรับด้วยหรือ? มันมีเหตุผลอย่างนี้ที่ไหนกัน?"นางลุกขึ้นแล้วคารวะ "ท่านยาย ชิงลั่วอยากออกไปเผชิญหน้ากับเขาด้วยตัวเองเจ้าค่ะ"หญิงชรามีสีหน้าเคร่งขรึม ไม่พูดอะไรซูชิงลั่วพูดว่า "ท่านยาย มาถึงขนาดนี้แล้ว ไม่สู้พูดคุยกันอย่างเปิดเผยจะดีกว่า ไม่เช่นนั้นคงไม่มีทางกำจัดเรื่องสกปรกที่เขาใส่ร้ายชิงลั่วออกได้แน่"หญิงชราครุ่นคิดครู่หนึ่งแล้วพูดว่า "เมื่อเรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว ก็คงต้องทำอย่างนั้น"แววตาของซูชิงลั่วแสดงความเยือกเย็นออกมา "ขอให้ท่านยายส่งคนไปแจ้งทางจวนท่านเจ้าเมืองหลวงในทันทีด้วย คนผู้นี้เตรียมตัวมาอย่างดี เกรงว่าคงจะไม่ยอมจากไปโดยง่าย"ซูชิงลั่วหมุนตัวไปและเดินไปยังลานด้านนอกด้วยสีหน้าเคร่งขรึมประตูใหญ่ถูกปิดอยู่ แต่ก็ยังคงได้ยินคำพูดไร้ยางอายของถังฉ่วงดังข้ามมาว่า "ทั้งๆ ที่คุณหนูซูบ้านตระกูลลู่ของ
แสงอาทิตย์ส่องลงมาบนตัวซูชิงลั่ว ทำให้นางดูราวกับเทพธิดาที่ลงมาจุติบนโลกมนุษย์ซูชิงลั่วหยิบกระโปรงสีเหลืองอ่อนที่จื๋อหยวนยื่นให้ขึ้นมา พร้อมกับกล่าวอย่างช้าๆ ว่า "เจ้าอาจจะไม่รู้ แม้ว่าตลอดหลายปีนี้ ข้าจะถูกเลี้ยงดูอยู่ในบ้านตระกูลลู่ แต่ข้าก็เป็นชาวจินหลิงและคุ้นเคยกับการปักผ้าแบบซูโจว ดังนั้นลายปักบนกระโปรงของข้าจึงเป็นฝีมือข้ากับสาวใช้ของข้าเอง""และลักษณะเด่นที่สุดของการปักผ้าแบบซูโจวก็คือการปักสองด้าน" น้ำเสียงของซูชิงลั่วไพเราะกังวาน ราวกับเสียงจากสวรรค์นางพลิกกระโปรงกลับด้านและกางออก "ทุกคนสามารถดูได้ แม้ว่าลายปักนี้จะคล้ายกันมาก แต่ก็เป็นการปักด้านเดียว"จากนั้นนางก็สั่งให้อวี้จู๋ไปเอาชุดของตัวเองมา ไม่นาน อวี้จู๋ก็นำชุดมาให้อีกหลายชุดเพื่อแสดงให้ทุกคนได้ดูซูชิงลั่วถามด้วยใบหน้าเรียบเฉยว่า "เจ้ายังมีอะไรจะพูดอีกหรือไม่?""อย่างนี้นี่เอง ข้าก็ว่าอยู่ว่าจวนลู่ร่ำรวยขนาดนี้ คุณหนูจะลักลอบไปมีสัมพันธ์กับคนอื่นได้อย่างไร""ยังจะต้องดูเสื้อผ้าทำไมอีก เขาแยกแยะไม่ได้กระทั่งใครเป็นสาวใช้หรือคุณหนู ก็แสดงให้เห็นแล้วว่าเขาแค่ไม่รู้ไปได้กระโปรงตัวนี้มาจากไหนแล้วมาโวยวายเพื่อก่อก
เมื่อถังฉ่วงเห็นเช่นนั้น ก็ไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่ จึงรีบพูดเสียงดังว่า "ข้าไม่ควรใส่ร้ายคุณหนู ขอคุณหนูโปรดยกโทษให้ข้าด้วย"ลู่เหิงจือหันกลับมาอย่างรวดเร็ว มองถังฉ่วงด้วยสายตาดุดัน "ในเมื่อเจ้าไม่รู้ว่าอะไรที่ไม่ควรพูด อะไรที่ไม่ควรมอง ก็จงดึงลิ้นและควักลูกตาของเขาออกมาซะ"ซูชิงลั่วอดตกใจไม่ได้ ตอนนี้นางเพิ่งได้เห็นด้วยตาตนเองว่าลู่เหิงจือนั้นโหดเหี้ยมตามคำเล่าลือเพียงใดลู่เหิงจือเดินเข้ามาหยุดตรงหน้านาง ปิดตาของนางไว้ไม่ให้มองไปที่ถังฉ่วง พูดเสียงเรียบว่า "เข้าไปข้างในก่อน"น้ำเสียงเชิงบังคับซูชิงลั่วรีบพาจื๋อหยวนเข้าไปข้างใน หัวใจเต้นระรัวเพิ่งกลับหลังหัน ก็ได้ยินว่ามีทหารจากจวนเจ้าเมืองมาถึงได้ยินเสียงของลู่เหิงจือที่เย็นเยียบราวน้ำแข็ง "บอกใต้เท้าของพวกเจ้า หากภายในวันนี้ไม่สามารถสอบสวนคนผู้นี้ได้เสร็จสิ้น เข้าก็ไม่ต้องเป็นเจ้าเมืองหลวงแล้ว"ซูชิงลั่วกลับไปที่เรือนของหญิงชรา ซึ่งมีคนไปอธิบายเรื่องราวทั้งหมดให้ฟังอยู่ก่อนแล้วนางเฉียนกล่าวชมเสียงดัง นางเหอก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก มีเพียงนางหลิ่วที่ยิ้มออกมาได้อย่างแข็งฝืนเหลือเกินเมื่อซูชิงลั่วมองดูท่าทางของนางหลิ่วก
เหงื่อเย็นไหลออกมาเต็มแผ่นหลังของนางหลิ่วหลังจากที่ลู่จือ ลู่โย่วและลู่เหริน สามพี่น้องมาถึงโดยพร้อมกันแล้ว ลู่เหิงจือก็สั่งให้บ่าวไพร่ทั้งหมดออกไป จากนั้นเขาก็หยิบคำสารภาพจากที่ว่าการเจ้าเมืองออกมาจากแขนเสื้อ แล้วค่อยๆ เล่าถึงที่มาที่ไปของเหตุการณ์ทั้งหมดรวมถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับซูชิงลั่วที่วัดเซิ่งอันด้วย นางถูกบีบให้ต้องกระโดดหน้าต่างเพื่อเอาตัวรอด แล้วบังเอิญได้พบกับลู่เหิงจือที่ไปถวายน้ำมันตะเกียงให้กับบิดาพอดี จึงได้รับการช่วยเหลือขณะนี้ได้สอบสวนจนทราบแล้วว่าถังฉ่วงรู้จักกับน้องชายของอิงเยว่ และถูกอิงเยว่สั่งให้ติดสินบนแม่ชีในวัด พยายามทำลายความบริสุทธิ์ของซูชิงลั่วเพื่อจะแต่งงานกับนางและฮุบสินเดิม กระโปรงตัวนั้นก็เป็นอิงเยว่ที่สั่งคนเอาไปส่งให้เรื่องราวทั้งหมด ชัดเจนแจ่มแจ้งหญิงชราฟังแล้วก็ตกใจ พูดด้วยเสียงสั่นเครือว่า "ชิงลั่ว เจ้าเจอเรื่องแบบนี้ในวัดเซิ่งอัน เหตุใดจึงไม่บอกยาย? แล้วก็นางเฉียนเจ้าด้วย!"ลู่เหิงจือตอบเสียงเรียบ "กราบเรียนท่านยาย หลานกลัวว่าจะทำให้พวกเขาไหวตัวทัน จึงสั่งไม่ให้พวกนางพูดออกไป เรื่องนี้หลานได้ให้ท่านเจ้าเมืองตรวจสอบมาเป็นเวลาเกือบครึ่