แชร์

บทที่ 120

ผู้เขียน: หอมดังเดิม
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-09-16 18:00:00
ซูชิงลั่วใจเต้นถี่ขึ้นมาทันที - นางจะไปรู้จักการหวีผมให้ผู้ชายได้อย่างไร

จึงต้องหาข้ออ้างปฏิเสธก่อน “ท่านต้องทำงานราชการต่อใช่หรือไม่ หรือว่า...พรุ่งนี้?”

ประเดี๋ยวกลับไปลองฝึกกับจื๋อหยวนก่อน

ไม่รู้ว่าลู่เหิงจือจะดูออกหรือไม่ว่านางโกหก

ลู่เหิงจือเพียงตอบรับเสียงเบา แล้วเก็บหวีหยกใส่กล่องไม้ และวางไว้บนโต๊ะหนังสือ

ฉางกุ้ยถือกล่องอาหารเข้ามา วางกล่องอาหารลงก็รีบถอยออกไป

ซูชิงลั่วถอดเสื้อคลุมลุกขึ้น ยื่นมือเปิดกล่องอาหาร “พี่สามลองชิมดู หากชอบ ข้าจะสั่งให้ครัวทำน้ำแกงให้พี่อีก”

ลู่เหิงจือเหลือบมองซุปไก่ที่ลอยมันอยู่ด้านบน โรยหน้าด้วยต้นหอมหั่นไม่เท่ากัน ดูแล้วไม่ใช่ฝีมือพ่อครัวเลย

นางฉลาดขึ้นแล้ว ไม่กล้าบอกว่าเป็นฝีมือตัวเองอีกแล้ว

ลู่เหิงจือยิ้มมุมปากเล็กน้อย “มานั่งกินด้วยกันหน่อยได้หรือไม้”

ซูชิงลั่วตอบเสียงเบาว่า “ได้”

เมื่อครู่นางไม่มีอารมณ์อยากอาหาร แต่ตอนนี้รู้สึกหิวขึ้นมาบ้างแล้ว จึงนั่งลงหยิบขนมมาทาน มองลู่เหิงจือเป็นระยะๆ

ขาค่อยๆ ดื่มน้ำแกงไก่จนหมดชามแล้วพูดว่า “ชอบมาก”

ซูชิงลั่วโล่งอก ตาเป็นประกาย ยิ้มกว้าง “ถ้าอย่งนั้นก็ดีแล้ว”

ลู่เหิงจือวางน้ำแกงไก่ไว้ในกล่องอาห
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อเรื่องนี้บน Application
ความคิดเห็น (1)
goodnovel comment avatar
Jiraporn Klongsee
อัพเยอะๆหน่อยจ้าให้มัยจบสักเรื่องม่ะ
ดูความคิดเห็นทั้งหมด

บทที่เกี่ยวข้อง

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 121

    ลมด้านนอกพัดแรงขึ้นอย่างกะทันหัน เสียงลมร้องโหยหวนดังลั่น ทำให้หน้าต่างสั่นสะเทือนราวกับฝนจะตกซูชิงลั่วลุกขึ้นเตรียมตัวกลับหากอีกสักครู่ฝนตกขึ้นมาคงลำบาก และยามนี้ก็ดึกมากแล้วนางยังไม่ทันได้เอ่ยปาก ก็ได้ยินเสียงลู่เหิงจือพูดเสียงนิ่วเฉยว่า “คืนนี้พักที่นี่เถิด ลมแรงฝนตกหนัก กลับไปคงลำบาก”เขาเงยหน้าขึ้น มองมาที่ดวงตาของนางราวกับมีมนต์สะกด “ยิ่งไปกว่านั้น ในเมื่อเจ้ามาแล้ว ยังส่งเจ้ากลับ บ่าวทั้งหลายจะเข้าใจผิดคิดว่าข้าไม่รักเจ้า”ซูชิงลั่วเม้มริมฝีปาก “แต่หากข้าย้ายมาอยู่ที่นี่ สาวใช้…”ลู่เหิงจือตอบ “ต่อไปนี้ จื๋อหยวนกับอวี้จู๋สามารถเข้ามาในบริเวณนี้ได้ตลอดเวลา”"แล้วเตียงนั่น..."ลู่เหิงจือเลิกคิ้วขึ้น “ดึกแล้วและฝนกำลังจะตกด้วย อาจไม่ค่อยสะดวก ฮูหยินฝืนทนสักหน่อย คืนนี้ใช้ของข้าไปก่อนได้หรือไม่”ซูชิงลั่วกอดหนังสือและตอบรับเสียงเบาลู่เหิงจือกระตุกมุมปากขึ้นเล็กน้อย “หากเมื่อใดง่วงไปนอนที่ห้องข้างๆ ก่อนก็ได้”ซูชิงลั่วเหลือบมองเขา แล้วรู้สึกขึ้นมาทันทีว่า เมื่อครู่เขาขอให้นางอยู่เป็นเพื่อนเขาสักครู่ ที่แท้เขาตั้งใจจะให้นางค้างคืนอยู่แล้วแม้ฝนไม่ตก ลมไม่แรง เขาก็ต้อง

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-09-17
  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 122

    เช้าวันต่อมา ทั้งคู่ตื่นขึ้นมาแล้วแยกย้ายกันไปอาบน้ำแต่งตัว ทั้งสองรู้สึกไม่ค่อยสบายใจเท่าไหร่นัก บรรยากาศจึงไม่ผ่อนคลายเหมือนเคยขณะที่กำลังผูกเข็มขัดให้ลู่เหิงจือ ซูชิงลั่วก็แอบสติหลุดเล็กน้อย ผูกไม่ติดหลายครั้งลู่เหิงจือจึงเอ่ยเสียงเรียบว่า “ข้าผูกเอง”เขาเอื้อมมือไปจับเข็มขัดโดยไม่มองนาง แล้วผูกเอง ซูชิงลั่วรู้สึกไม่รู้จะทำอย่างไรจึงยืนนิ่งอยู่กับที่สักครู่ จึงหันไปที่โต๊ะเมื่อเห็นอวี้จู๋นำกล่องอาหารมาให้ในใจรู้สึกหดหู่เล็กน้อยหลังจากจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ทั้งคู่ก็กินข้าวเงียบๆ ลู่เหิงจือเดินออกจากห้องไปยังห้องหนังสือข้างๆ ทันทีอวี้จู๋สังเกตเห็นว่ามีอะไรผิดปกติ จึงถามด้วยความระมัดระวังว่า “ฮูหยิน ท่านทะเลาะกับนายท่านหรือเจ้าคะ”การทะเลาะกันอาจจะดีกว่าด้วยซ้ำซูชิงลั่วรู้สึกเสียใจเล็กน้อยที่เมื่อวานได้พูดถึงเรื่องการแต่งงานหลอกๆ เพราะกลัวว่าจะไปทำให้เขาคิดว่าความรักที่แสดงออกมาก็เป็นเรื่องหลอกลวงด้วย จนทำให้เขากลับไปเป็นคนเย็นชาเหมือนเดิมนางจึงส่ายหัวแล้วตอบว่า “ไปหาท่านยายกันเถอะ”อวี้จู๋ขานรับเสียงเบา แต่ในใจกลับค่อนข้างรู้สึกแปลกๆตั้งสติแล้วไปน้อมทักอรุณสวั

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-09-17
  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 123

    เถ้าแก่เฉียนยิ้ม “คุณหนูไม่ทราบหรอกว่า คุณชายทผู้นี้ชื่ออวี๋ซื่อชิง เป็นบัณฑิตที่กำลังจะไปสอบเข้าเมืองหลวง แม้ว่าฝีมือการวาดภาพจะพอใช้ได้ แต่ก็ยากจนมาก ให้แค่ไม่กี่ตำลึงก็ยอมขายแล้ว”บัณฑิตที่กำลังจะไปสอบเข้าเมืองหลวงอย่างนั้นหรือ...ซูชิงลั่วหลับตาลง แล้วนึกถึงท่านพ่อซูจุ่นขึ้นมาทันทีท่านพ่อของนางเป็นที่รู้จักในนามท่านซูผู้ใจบุญแห่งเมืองจินหลิง เพราะท่านมักจะช่วยเหลือคนยากจน โดยเฉพาะบัณฑิตผู้ยากไร้ครั้นที่นางยังเด็ก ท่านต้องออกไปค้าขายทางทะเลเพื่อเลี้ยงครอบครัว สร้างฐานะมั่นคง แต่สิ่งที่ท่านเสียใจตลอดชีวิตคือ ไม่เคยมีโอกาสได้เรียนหนังสือ ไม่เคยสอบจนได้ชื่อเสียงโด่งดัง จึงเอ็นดูบัณฑิตเป็นพิเศษตลอดชีวิตของท่าน ไม่รู้ว่าช่วยเหลือบัณฑิตในเมืองจินหลิงไปกี่คนแล้ว เป็นที่ยกย่องของคนในท้องถิ่นซูชิงลั่วครุ่นคิดสักครู่แล้วพูดว่า “เถ้าแก่เฉียน เขาเป็นคนใฝ่เรียน อนาคตอาจสอบได้เป็นขุนนางก็ได้ ลองทำบุญให้เขาสักสิบนึงสิบตำลึงก็แล้วกัน”เถ้าแก่เฉียนมองมาที่คุณหนูผู้เป็นฮูหยินน้อยคนใหม่ด้วยความประหลาดใจ และรีบตอบว่า “ขอครับ”แล้วรีบเดินออกไป พูดชมเชยเด็กหนุ่มผู้นั้นด้วยรอยยิ้มว่าอนาคตสดใส

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-09-17
  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 124

    รถม้าเคลื่อนตัวไปข้างหน้าช้าๆ ท้องฟ้าข้างนอกมืดครึ้มลงทันที และมีกระแสลมพัดผ่าน ราวกับว่าฝนกำลังจะตกอีกครั้งในพื้นที่แคบๆ รอบตัวลู่เหิงจือดูเหมือนจะมีความโกรธแค้นปกคลุมอยู่ซูชิงลั่วไม่เคยเห็นเขาเป็นเช่นนี้มาก่อน กระดูกไหปลาร้าข้างซ้ายของนางเจ็บเล็กน้อยเพราะเพิ่งถูกเขากด แต่ก็ไม่กล้าพูดอะไรรถม้าทั้งคันตกอยู่ในความเงียบงันซูชิงลั่วเงยหน้าขึ้นมองลู่เหิงจือ เขานั่งหลับตาลงครึ่งหนึ่งและนั่งอยู่ในรถม้า ไม่ได้เหลือบมองนางเลยแม้แต่น้อยผ่านพักใหญ่ เขาถึงพูดขึ้นมาอย่างกะทันหันด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยอย่างมาก “เจ้าออกมาทำไม”หรือว่าเขาจะโกรธเพราะนางออกจากจวนโดยไม่ได้บอกล่วงหน้า?ไม่น่าจะใช่ นางใช้คนของเขาเอง น่าจะรายงานเขาไปแล้วยิ่งไปกว่านั้น เมื่อวานเขาบอกว่าเวลาของนางสามารถจัดการได้ตามอำเภอใจซูชิงลั่วคาดเดาไม่ออกว่าเหตุใดเขาถึงโกรธ จึงพูดอย่างระมัดระวังว่า “ข้าออกมาเพื่อไปรับด้ายที่ร้านขายด้าย แล้วก็คิดว่าท่านยุ่งอยู่ จึงไปดูร้านขายภาพวาดที่ขายไม่ค่อยดีสักหน่อย คุณชายเมื่อครู่เป็นคนมาขายภาพวาด อาจเป็นเพราะข้าให้เเถ้าแก่ซื้อภาพวาดของเขาในราคาสิบตำลึง เขาจึงมาขอบคุณข้าน่ะ...”แน่นอนว

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-09-17
  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 125

    ซูชิงลั่วรู้สึกเจ็บมือจากการถูกเขาบีบ จึงอดกระซิบเสียงเบาไม่ได้ว่า "ท่านชายสาม..."เขาไม่สนใจ พานางเดินกลับห้องไป แล้วโยนนางลงบนเก้าอี้หวายยาวแต่กลายเป็นว่าแรงที่โยนไม่แรงมาก ซูชิงลั่วแค่ถูกแรงผลักให้ไปนั่งบนเก้าอี้หวายเท่านั้น ไม่ได้รู้สึกเจ็บปวดอะไรจื๋อหยวนที่ตามมาด้วย ตกใจจนถามขึ้นมาว่า "นายท่าน เกิดอะไรขึ้น...""ออกไป" ลู่เหิงจือตะคอกเสียงทุ้มต่ำซูชิงลั่วตกใจจนเนื้อตัวสั่นโดยไม่รู้ตัวจื๋อหยวนก็ตกใจเช่นกัน ไม่ต้องการออกไป แต่ถูกซ่งเหวินส่งสายตาและลากออกไปประตูถูกปิดลง และมีฟ้าแลบส่องสว่างห้องมืดมิด สาดส่องไปยังใบหน้าที่เย็นชาของลู่เหิงจือในยามนี้ซูชิงลั่วรู้สึกหวาดกลัวเล็กน้อยจึงถอยหลังไปการกระทำนี้กลับทำให้ลู่เหิงจือโกรธขึ้นมา"เจ้ากลัวอะไร" ลู่เหิงจือถามเสียงราบเรียบความสงบเงียบนี้ช่างน่ากลัว ราวกับพายุฝนกำลังก่อตัวเขาไม่ได้ถามนางอีกว่ากลัวหรือไม่ แต่ถามนางอย่างแน่วแน่ว่ากลัวอะไรกันแน่ลู่เหิงจือยืนอยู่ตรงหน้านาง ร่างสูงของเขาปกคลุมนางจนมิด...ตกลงกลัวอะไรกันแน่? ข้ายังไม่ดีพอสำหรับเจ้าหรือความมืดมนในดวงตาของเขาทำให้ซูชิงลั่วถอยหลังไปโดยไม่รู้ตัวนางไม่ได

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-09-18
  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 126

    ท่ามกลางแสงสลัว ริมฝีปากของนางถูกจูบ รู้สึกถึงลมหายใจเย็นชื่นที่โอบล้อมเข้ามาซูชิงลั่วรู้สึกตั้งตัวไม่ทันคางของนางถูกจับขลึงไว้ ขณะที่รับจูบที่เต็มไปด้วยความโกรธและความตื่นเต้นอย่างไม่เต็มใจน้ำตายังคงไหลอยู่บนใบหน้า แต่นางก็ยังไม่เข้าใจ...เหตุใดเมื่อครู่เขาถึงพูดกับนางเช่นนั้น แล้วจู่ๆ ก็มาจูบนางนางเผลอตัวผลักอกเขา แต่แรงเพียงน้อยนิด กลับทำให้เขาตื่นเต้นมากขึ้นไปอีกมือที่จับคางของนางคลายออก พยุงตัวอยู่บนเก้าอี้หวาย ขาขวายัดเข้าไประหว่างเข่าของนางอย่างก้าวร้าว เข่าคุกเข่าอยู่ที่ขอบเก้าอี้หวาย แล้วผลักนางจนนางล้มลงไปด้านหลังโดยไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ ทำให้ร่างกายท่อนบนนอนเอนอยู่บนเก้าอี้หวาย และขาของนางห้อยอยู่กลางอากาศ หาจุดยึดไม่ได้ลู่เหิงจือประคองเอวของนางไว้ และจูบนางไปพร้อมกับดึงร่างกายของนางเข้ามา ทำให้ขาของนางวางอยู่บนเก้าอี้ยาวร่างกายของนางเหมือนถูกกอดรัด ขยับตัวไม่ได้ มีเพียงมือทั้งสองข้างที่ยังวางอยู่บนอกของเขาแต่ในวินาทีต่อมา ลู่เหิงจือใช้มือข้างเดียวรวบแขนทั้งสองข้างของนางขึ้นเหนือศีรษะ แล้วกดไว้บนที่วางแขนของเก้าอี้หวายเสียงหายใจหอบของเขาเล็ดลอดเข้าไปในห

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-09-18
  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 127

    "หากเราจะทำทุกอย่างที่คู่สามีภรรยาทำกัน เหตุใดคืนวันแต่งงานท่านถึงไปนอนบนเก้าอี้ยาวเล่า"“……”นางโกรธจัดจนพลั้งปากพูดออกมาโดยไม่คิดภายในห้องเงียบสงัดลงทันที เหลือเพียงเสียงฝนฤดูใบไม้ร่วงโปรยปรายเบาๆ ดังมาจากนอกหน้าต่างอึดอัดคำพูดนี้ราวกับถามเขาว่าในคืนวันแต่งงานเหตุใดถึงไม่นอนกับตนซูชิงลั่วกำผ้าเช็ดหน้าไว้แน่นแล้วถอยหลังอีกนิด แม้ว่าจะไม่มีที่ให้ถอยแล้วก็ตามลู่เหิงจือยืนนิ่งมองนางอยู่ครู่หนึ่ง แล้วเอ่ยเสียงเรียบว่า “ข้าไม่เคยคิดว่าเจ้าเป็นคนเจ้าชู้เลย”เขาแสดงสีหน้าจริงจังเกินไป ซูชิงลั่วรู้สึกสบายใจขึ้นมาก"แล้วเหตุใดท่านถึง...ถึงมาจูบข้าล่ะ?" นางหันหน้าหนีไปแล้วพูดว่า "ไม่ได้โดนวางยารักสักหน่อย"ลู่เหิงจือแทบหัวเราะเสียงแหบแห่งออกมา "ใครบอกว่าต้องโดนวางยารักถึงจูบเจ้าได้เล่า"เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ อย่างช้าๆ มองด้วยแววตาลุ่มลึก "เจ้าไม่คิดถึงความเป็นไปได้อื่นบ้างเลยหรือ"ซูชิงลั่วรู้สึกงุนงง "ความเป็นไปได้อะไร?"ลู่เหิงจือเพียงแต่ก้มศีรษะลง ไม่ตอบ“ทำไมเงียบไป” ซูชิงลั่วเงยหน้าเหลือมองเขา “ที่นี่ก็ไม่มีบาวรับใช้ ไม่จำเป็นต้องแสดงความรักให้ใครเห็นหรอก……” ในใจเริ่มตัด

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-09-18
  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 128

    เรื่องที่ซูชิงลั่วทะเลาะกับลู่เหิงจือและไล่เขาออกจากห้องเมื่อค่ำคืนนั้นแพร่สะพัดไปทั่วจวนลู่ภายในคืนเดียวเช้าวันรุ่งขึ้น จื๋อหยวนช่วยซูชิงลั่วแต่งตัวอย่างระมัดระวังตนก็รู้สึกหนาวสั่นหลังจากนอนมาทั้งคืนในกระจกทองแดง ซูชิงลั่วกอดอกไว้ ใบหน้าขาวซีดเผือดและเผยความสับสนเล็กน้อยเมื่อคืนนี้นางฝันแปลกมาก ในความฝันราวกับเป็นเรื่องราวที่ต่อเนื่องจากภพชาติที่แล้วนางกับลู่เหยียนแต่งงานกันและเสียชีวิตทั้งคู่หลังจากนั้น ลู่เหิงจือก็ออกมาเปิดโปงความผิดของลู่เหยียน ทั้งเรื่องซื้อตำแหน่ง ติดสินบน หนีทหาร และลงมือประหารชีวิตเขาด้วยตัวเองส่วนหลิ่วเยียนหรานก็แอบหนีออกจากจวนลู่เรือนสาม พร้อมกับขโมยเงินทองไปและทิ้งเด็กๆ ไว้ต่อมา ลู่เหิงจือก็มาที่หลุมศพของนาง นำอาหารจากจินหลิงมาให้จำนวนมาก ทั้งซาลาเปาไก่ตุ๋น นมพิราบต้มเค็ม บะหมี่ไก่ฉีก ต้มเนื้อวัว และยังคารวะสุราและเผากระดาษเงินให้ด้วยใบหน้าของเขาดูเย็นชาและเศร้าสร้อย ขณะที่ลูบสัมผัสสุสานของนาง ก็ถามขึ้นมาว่า “เจ้าเห็นด้วยใช่หรือไม่ เขาไม่เคยทำดีกับเจ้าเลย”เห็นด้วยที่เขาฆ่าลู่เหยียนหรือ? แน่นอนว่าเห็นด้วยในความฝัน นางพยักหน้า แล้วทันใดน

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-09-18

บทล่าสุด

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 458

    เสียงของนางแฝงความหมายว่า “รู้แล้วทำไมไม่บอกข้า”ซูชิงลั่วกระซิบว่า “ซือไหวไม่ให้ข้าบอกท่าน และข้าก็กลัวว่าหากบอกท่านไป แล้วจะกระทบความสัมพันธ์ระหว่างพี่สะใภ้กับน้องสาวได้”ลู่เหิงจือเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “แต่เจ้าไม่กลัวว่าจะกระทบความสัมพันธ์ระหว่างสามีภรรยาหรือ”ซูชิงลั่วซบลงในอ้อมอกเขา “จะกระทบหรือ?”ลู่เหิงจือฮึดฮัด น้ำเสียงนั้นชัดเจนว่าไม่เป็นเช่นนั้นซูชิงลั่วอดยิ้มไม่ได้ “อันที่จริงแล้วใต้เท้าอวี๋ก็ไม่เลวเลย”ลู่เหิงจือเอ่ยเสียงเข้มขรึมว่า “ห้ามชมเขา”ซูชิงลั่วตอบอย่างเชื่อฟังว่า “ได้”อวี๋ซื่อชิงเดินมาพร้อมกับลู่ซือไหวลู่เหิงจือมองคนทั้งสองพลางถามว่า “นานแค่ไหนแล้ว?”อวี๋ซื่อชิงตอบอย่างมั่นใจว่า “เกือบปีแล้ว”นานแค่ไหนนะ???เช่นนี้ก็หมายความว่าพวกเขาเริ่มคบหากันหลังจากที่เขาและซูชิงลั่วออกจากเมืองหลวงไม่นานอย่างนั้นหรือ?ลู่เหิงจือหันมองลู่ซือไหว “เจ้ามานี่”อวี๋ซื่อชิงพูดว่า “มีเรื่องอะไรข้าจะคุยกับท่านเอง”ลู่เหิงจือยิ้มเย้ยหยัน “การสนทนาของพวกข้าสองพี่น้อง ไม่เกี่ยวกับเจ้า”ลู่ซือไหวดึงแขนเสื้อของอวี๋ซื่อชิง อวี๋ซื่อชิงจึงถอยออกไปลู่เหิงจือพาลู่ซือไหวออ

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 457

    เซี่ยถิงอวี่เดินเข้ามา มองลู่เหิงจือพลางเอ่ยว่า “เหิงจือ รอบที่แล้วเจ้าแต่งงาน ข้าไม่สะดวกไปร่วมงานเพราะสถานะของข้า รอบนี้เจ้าแต่งงาน ข้าจะต้องมาดูสักครั้ง เพื่อความสบายใจของข้าเอง”เสียงของเขาดูจริงใจ ราวกับกำลังพูดคุยกับมิตรสหายคนหนึ่งลู่เหิงจือเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วเอ่ยว่า “ขอบคุณมาก”ไม่ว่าก่อนหน้านี้จะมีการใช้กันและกันเป็นเครื่องมือหรือไม่ แต่ยามนี้ พวกเขาเป็นสหายที่จริงใจต่อกันมากที่สุดเมิ่งชิงไต้ก็เอ่ยว่า “รอบที่แล้วข้าไม่ได้เข้าร่วมงานแต่งงานของน้องซู ก็รู้สึกเสียดายเหมือนกัน อันที่จริงแล้ว ข้าพาอวี้จู๋และโฉวกว่างมาด้วย”หลังจากลู่เหิงจือและซูชิงลั่วกลับจินหลิง เซี่ยถิงอวี่ก็เรียกโฉวกว่างกลับมาเพราะการส่งองครักษ์ลับที่ผ่านการฝึกฝนอย่างหนักไปยังจินหลิงนั้นดูจะไม่คุ้มค่า ลู่เหิงจือก็ไม่มีความเห็นอะไร อวี้จู๋จึงยังคงอยู่ในเมืองหลวงและติดตามเมิ่งชิงไต้ซูชิงลั่วรู้สึกประหลาดใจและเอ่ยว่า “ขอบคุณพี่เมิ่ง”เซี่ยถิงอวี่หัวเราะออกมาอย่างกะทันหันเพราะปิดหน้าอยู่ ซูชิงลั่วจึงมองไม่เห็นสีหน้าของเขา รู้สึกได้เพียงว่าเสียงของเขามีความเย้าแหย่แฝงอยู่“ใช่แล้ว ข้าพาอวี๋ซื่อชิงมาด้

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 456

    เนื่องจากชุดเครื่องประดับศีรษะชุดนี้ทำค่อนข้างยาก รวมถึงสุขภาพของซูชิงลั่วที่ต้องดูแลเป็นพิเศษ และหลิงเกอเอ๋อร์ยังเล็กอยู่ การแต่งงานรอบสองระหว่างลู่เหิงจือกับซูชิงลั่วจึงเลื่อนออกไปหนึ่งปีทั้งสองเคยแต่งงานกันมารอบหนึ่งแล้ว การแต่งงานรอบสองเป็นเพียงการให้คำมั่นสัญญาแก่กัน และไม่ได้จัดงานใหญ่โต มีเพียงเชิญญาติฝ่ายเรือนสามและญาติของตระกูลซูมาร่วมงานคล้ายคลึงกับงานฉลองอายุครบเดือนของหลิงเกอเอ๋อร์เท่านั้นซูชิงลั่วสวมเครื่องประดับศีรษะที่ลู่เหิงจือคอยดูแลการผลิตด้วยตัวเอง มุมปากก็ยกขึ้นเล็กน้อยจื๋อหยวนเอ่ยว่า “ของที่ใต้เท้าคอยดูแลการผลิตด้วยตัวเองย่อมงดงามมาก”ซูชิงลั่วพยักหน้า ได้ยินมาว่าลู่เหิงจือทำให้ฝีมือของช่างเหล่านั้นพัฒนาขึ้นไปอีกขั้นเลยทีเดียวก่อนหน้านี้ไม่เคยมีงานฝีมือการทอเส้นไหมทองที่ประณีตขนาดนี้มาก่อนอัญมณีสีชมพูที่ใช้ประดับดอกไม้ต้องมีสีที่เหมือนดอกท้อมากที่สุด ได้ยินมาว่าลู่เหิงจือเดินทางไปทั่วเจียงหนานเพื่อคัดเลือกอัญมณีหลายร้อยชิ้น จนกระทั่งพบกับอัญมณีที่มีสีใกล้เคียงกับสีชมพูของดอกท้อมากที่สุดหลิงเกอเอ๋อร์เดินได้มาหนึ่งเดือนกว่าแล้วยามนี้เขาวิ่งเข้ามาอย่างท

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 455

    ลู่เหิงจือนวดหว่างคิ้วเบาๆ ไม่ตอบอะไรซ่งอวี้ครุ่นคิดครู่หนึ่ง “อันที่จริงแล้วข้ามีวิธีฝังเข็มคุมกำเนิดสอนท่านได้ หากท่านไม่ต้องการมีลูก หลังจากมีเพศรักทุกครั้ง ท่านก็สามารถฝังเข็มให้ฮูหยินได้ ไม่มีผลข้างเคียง เพียงแต่อาจจะเรียนรู้ยากหน่อย”ลู่เหิงจือโล่งอก “ข้าเรียน”เขายังเรียนเขียนบทบรรยายได้เลย การฝังเข็มแค่นี้เขาไม่กลัวอยู่แล้วซ่งอวี้ “เรื่องนี้ต้องปรึกษาฮูหยินของท่านด้วย”“แน่นอน ข้าแค่มาถามท่านก่อน” ลู่เหิงจือตอบด้วยน้ำเสียงเป็นธรรมชาติหลังจากส่งซ่งอวี้กลับห้องแล้ว ลู่เหิงจือก็เดินตามทางเดินที่คดเคี้ยวกลับต้องยอมรับว่าจวนตระกูลซูสร้างได้ดีจริงๆ แม้แต่แสงจันทราก็ยังสวยกว่าที่เมืองหลวงเขายกหน้าขึ้นมองพระจันทร์ คิดว่ายามนี้หลิงเกอเอ๋อร์หลับแล้วแน่นอน คงพาซูชิงลั่วออกมาชมจันทร์ได้เขายิ้มมุมปาก จู่ๆ ก็คิดบางอย่าออก รีบก้มดูถุงหอมที่ตนเองห้อย- ถุงหอมที่ซูชิงลั่วให้ลู่ซือไหวล้วนเป็นการปักสองด้านหมด แล้วของเขา......เขารีบเปิดออกนี่คือถุงหอมอันแรกที่ซูชิงลั่วให้เขานางเคยให้เขาสามอัน เขาห้อยอันนี้บ่อยที่สุด เพราะรู้สึกว่าอันแรกมีความหมายที่แตกต่างปลายนิ้วของเขาสั่น

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 454

    ลู่เหิงจือเอ่ยกึ่งติดตลกว่า "หรือว่าข้าจะมาเป็นกรรมการดี?"เขาแค่พูดเล่นๆ แต่ลู่ซือไหวกลับคิดจริงจัง "ดีเลย"นางก็รีบแกะถุงหอมที่ซูชิงลั่วให้นางมาจากเอวซูชิงลั่วรู้สึกประหลาดใจ - นางพกติดตัวตลอดจริงๆลู่เหิงจือหยิบขึ้นมาเทียบกับสร้อยทองในมือของซูชิงลั่ว แล้วเอ่ยเสียงเรียบว่า "ก็สู้ของพี่สะใภ้ไม่ได้หรอก"ลู่ซือไหวไม่ได้รู้สึกไม่พอใจที่ถูกพูดเช่นนี้ ใบหน้าก็ยิ้มแย้ม "ก็เพราะการปักลายสองด้านจำกัดฝีมือของพี่สะใภ้"นางพลิกถุงหอมกลับด้าน ด้านในมีอะไรซ่อนอยู่ลู่เหิงจือรู้สึกเหมือนจะนึกอะไรออกแต่ก็จับไม่ได้ทันที ก็ได้ยินบ่าวรับใช้มารายงานว่าหมอหลวงซ่งจากเมืองหลวงมาถึงแล้วเขาอายุมากแล้ว ฮ่องเต้องค์ใหม่มีหมอหลวงที่ไว้ใจได้ของพระองค์เอง เขาจึงลาออกจากตำแหน่งกลับบ้านเกิดเขาเป็นชาวจินหลิง พอได้ยินว่าลูกชายของลู่เหิงจืออายุครบเดือน ก็รีบมาแสดงความยินดีในวันรุ่งขึ้นทันทีคนอื่นๆ ล้วนเป็นญาติหรือสหายเก่าของตระกูลซูแห่งจินหลิง ลู่เหิงจือไม่จำเป็นต้องไปต้อนรับเป็นพิเศษ แต่เมื่อซ่งอวี้มาเอง เขาต้องไปพบซูชิงลั่วเห็นว่าญาติมาครบแล้ว ก็อุ้มหลิงเกอเอ๋อร์และจูงมือลู่ซือไหวออกไปทักทายทุกคนทัน

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 453

    ถึงจะเป็นเช่นนั้น แต่กระทำกลับอ่อนโยนอย่างไม่เคยมีมาก่อนเห็นได้ชัดว่าเขาดูแลนางเป็นอย่างดีหลังคลอดไม่นานทว่าซูชิงลั่วก็อดร้องออกมาด้วยเสียงที่ทำให้หัวใจเต้นรัวไม่ได้เขาเพิ่งเคยจูบนางเช่นนี้เป็นครั้งแรก จูบที่ทั้งถี่และอ่อนโยนจนแทบจะทั่วทั้งร่างกายของนางสุดท้ายแนบชิดนางอย่างระมัดระวังจูบเสร็จแล้ว ซูชิงลั่วก็เอนตัวลงในอ้อมแขนของเขาและถามว่า “ท่านจะเขียนบทบรรยายให้ข้าอีกหรือไม่”ลู่เหิงจือตอบเสียงเบาว่า “หากเจ้าอยากอ่าน ข้าก็จะเขียน”ซูชิงลั่วตอบว่า “อยากอ่าน”ลู่เหิงจือตอบว่า “ได้”ซูชิงลั่วรู้สึกพึงพอใจและหลับไปในอ้อมแขนของเขา*งานฉลองวันเกิดครบหนึ่งเดือนของหลิงเกอเอ๋อร์ จัดขึ้นเมื่อเขาอายุได้ สามสิบห้าวันซึ่งจัดช้ากว่าที่จินหลิงไม่กี่วันเนื่องจากญาติฝ่ายตระกูลซูเหลือไม่มาก และญาติฝ่ายตระกูลลู่ส่วนใหญ่อยู่ที่เมืองหลวง จำนวนแขกที่มาในงานจึงไม่มาก มีเพียงแค่สองโต๊ะเท่านั้นแต่ภายในบ้านก็ยังคงคึกคักเป็นพิเศษ เพราะไม่ได้มีงานมงคลเช่นนี้มานานแล้วลู่ซือไหวก็ถูกรับกลับมาจินหลิงเช่นกัน เนื่องจากลู่เหิงจือและซูชิงลั่ววางแผนจะอยู่ที่จินหลิงสักสองสามปี นางจึงอยากอยู่กับพี่ช

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 452

    ลู่เหิงจือจึงได้อยู่เดือนเป็นเพื่อนซูชิงลั่วเขาเริ่มสังเกตเห็นว่าเมนูอาหารในบ้านเปลี่ยนไปจากเดิมมากโดยเฉพาะเมนูที่ไม่ค่อยได้ทำมาก่อนแต่ปรากฏในช่วงนี้อยู่บ่อยครั้ง - ตีนเป็ดตุ๋นน้ำแดง เนื้อแพะตุ๋น มะเขือม่วงย่าง และหัวสิงโตนึ่งลู่เหิงจือกินไปหลายวันก็เริ่มฉุกคิดได้ จึงหันไปมองซูชิงลั่ว“ครั้นที่เจ้าไปกินข้าวกับอวี๋ซื่อชิงและหลี่ว์เผิงเทียน แล้วถามเถ้าแก่ว่าข้าชอบกินอะไร”ซูชิงลั่วก็ไม่ได้ปฏิเสธหลังจากคืนดีกับลู่เหิงจือแล้ว พวกเขาทั้งสองก็เข้าใจกันมากขึ้น - สามารถพูดคุยกันได้ทุกเรื่อง ราวกับไม่มีอะไรต้องกังวลอีกแล้วทำให้นางกับลู่เหิงจือต่างรู้สึกสบายใจมากขึ้น“ข้าเพิ่งรู้ว่าที่ผ่านมาท่านเอาใจข้าเรื่องอาหารมากเลย” ซูชิงลั่วเอ่ยติดตลก “ไม่แปลกใจเลยที่ท่านจะไม่ค่อยกลับบ้านมากินข้าว”ลู่เหิงจือเงยหน้าขึ้นมองนางซูชิงลั่วเงยหน้าขึ้นมองเขาพร้อมกับเอียงหัวเล็กน้อย “ที่ผ่านมาเป็นความผิดของข้าเองที่ไม่เคยได้สังเกต”นางเอื้อมมือไปดึงหูเขาเบาๆ พลางเอ่ยว่า "ต่อไปนี้ สามีจะได้กินอาหารถูกปากที่บ้านบ่อยๆ แล้วนะ"การที่นางเรียกเขาว่า "สามี" และดึงหูเขาทำให้สายตาของลู่เหิงจือลึกซึ้งยิ่

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 451

    ซูชิงลั่วหลับไปหนึ่งวันหนึ่งคืนถึงจะฟื้นพอฟื้น คนแรกที่เห็นคือลู่เหิงจือที่นอนอยู่ข้างๆ มือของเขายังจับมือนางไว้อยู่ และฝ่ามือก็เปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อนางขยับมือลู่เหิงจือรู้สึกตัวทันที ไม่ต้องให้นางเอ่ยสิ่งใด เขาก็รีบเทน้ำอุ่นใส่ถ้วย แล้วอุ้มนางเข้ามากอดในอ้อมแขน ป้อนน้ำให้นางซูชิงลั่วดื่มไปหลายถ้วยถึงจุใจ เสียงของนางก็แหบพร่า “ลูกล่ะ”“อยู่ห้องข้างๆ เจ้าน่ะ มีแม่นมเหมยและแม่นมคอยดูแลอยู่ ท่านย่าก็แวะไปดูเป็นระยะๆ เจ้าไม่ต้องห่วง” ลู่เหิงจือถามนาง “หิวหรือไม่”ซูชิงลั่วพยักหน้า หิวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนลู่เหิงจือตอบว่า “ข้าวต้มกับบะหมี่เตรียมไว้แล้ว เจ้าอยากกินอะไร”“แม่นมเหมยบอกว่าเจ้าเพิ่งคลอด ควรกินอาหารอ่อนๆ ไปก่อน”เขาเอื้อมมือไปจัดทรงผมที่ยุ่งเหยิงของนาง “พอเจ้าสบายตัวขึ้นแล้ว ข้าจะลงครัวทำอาหารที่เจ้าชอบกินด้วยตนเอง”ซูชิงลั่วพยักหน้า “บะหมี่แล้วกัน”นางไม่มีแรงแม้แต่จะยกแขนลู่เหิงจือจึงอุ้มนางไว้ในอ้อมแขน ป้อนให้นางทีละคำนางกินบะหมี่ไปสองชามเล็กถึงจะอิ่ม และคิดถึงลูกขึ้นมา จึงถามว่า “ลูกหลับอยู่หรือไม่ หากตื่นแล้วอุ้มมาให้ข้าดูหน่อย”ลู่เหิงจือเอ่ยเสียงทุ้

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 450

    เวลาล่วงเลยเข้าสู่ยามวิกาล ลู่เหิงจือและหญิงชราก็ยังคงรอคอยอยู่ข้างนอกเยว่เออร์จึงปลอบว่า “นายหญิงเฒ่า คุณหนูคงยังไม่คลอดในทันที ท่านควรกลับไปพักผ่อนเสียก่อน มิเช่นนั้น เมื่อคุณหนูคลอดบุตรออกมาแล้ว ร่างกายของท่านจะไม่ไหวเอาได้ คุณหนูก็ต้องมาเป็นห่วงอีก”หญิงชราเอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า “เจ้าไม่ต้องมาปลอบข้าหรอก ข้านอนไม่หลับอยู่แล้ว”เยว่เออร์จึงได้แต่ทำตามคำสั่งโชคดีที่เป็นเดือนหกของจินหลิง ค่ำคืนนี้จึงไม่หนาวลู่เหิงจือได้สั่งให้คนนำนาฬิกาทรายมาวางไว้ในบริเวณลานกว้าง และรู้สึกว่าค่ำคืนนี้ยาวนานเหลือเกินราวกับว่าความอดทนทั้งหมดของเขาหมดไปกับค่ำคืนนี้ฟ้าสางแล้วเสียงร้องครวญครางของซูชิงลั่วก็เบาลง ดูไม่น่ากลัวเหมือนเมื่อคืน และค่อยๆ สงบลงลู่เหิงจือใจร้อนจึงรีบส่งคนเข้าไปถามว่า “เป็นอย่างไรบ้าง”สาวใช้รีบตอบว่า “ใต้เท้าอย่าได้เป็นห่วงเลย ฮูหยินเพียงแค่เหนื่อยจนหลับไปเจ้าค่ะ”นางไม่ได้หลับทั้งคืน เสียงร้องครวญครางก็พยายามกลั้นไว้ คงจะเหนื่อยล้ามากลู่เหิงจือพยักหน้า ไม่ได้เอ่ยสิ่งใดต่อซูชิงลั่วหลับไปเพียงครึ่งชั่วยาม ท้องก็เริ่มปวดอีกครั้งนางตื่นขึ้นมาด้วยความเจ็บป

DMCA.com Protection Status