พนักงานดูแลลูกค้าวีไอพีประจำเลาจน์มีทั้งหมดหกคน ไม่รวมแอดมินต้อนรับลูกค้าที่หน้าเคาน์เตอร์ บาริสต้า พนักงานเสิร์ฟและคนในครัว แค่หกคนเท่านั้นที่มีหน้าที่เข้าใกล้ลูกค้า คอยดูแลเอาใจ ช่วยรันออเดอร์และเสิร์ฟบ้างเป็นครั้งคราว เลาจน์ของห้างโมเมนตัมแบ่งตามระดับการ์ดที่ลูกค้าถือ ซึ่งสถานที่ที่วราลีทำงานอยู่นั้นคือมีชื่อว่าเดอะ ไดมอนด์ เป็นเลาจน์สำหรับลูกค้าที่ถือแบลค การ์ดและจ่ายเงินให้กับห้างไม่ต่ำกว่าสิบล้านบาทต่อปี แน่นอนว่าคนที่มาใช้บริการเดอะ ไดมอนด์นั้นล้วนแล้วแต่เป็นคุณหญิง คุณนาย เป็นดาราระดับตัวท็อป หรือพวกไฮโซที่มีเงินเป็นถุงเป็นถังมาละลายเล่น
เพราะแบบนั้นการจะเข้ามาเป็นพนักงานดูแลลูกค้าระดับนี้ได้จะต้องดูดี มีการศึกษา รู้จักวางตัว ที่สำคัญคือต้องมีรสนิยม ลูกค้าส่วนใหญ่ที่มานั่งในเลาจน์ หากไม่มากับคนใกล้ชิด ก็จะเป็นพวกขี้เหงา ต้องการคนเอาใจ หน้าที่อันดับแรกที่พนักงานดูแลต้องทำคือเข้าไปเอาใจและคอยรับฟัง รวมถึงเสนอสินค้าใหม่ ๆ ของห้าง อย่างที่รู้กันดีว่าหากขายได้ก็มีค่าคอมมิชชัน แบ่งเป็นเปอร์เซ็นต์ตามราคาสินค้าและยังได้ทิปส์อีกด้วยหากว่าดูแลดีจนลูกค้าพึงพอใจ
วราลีทำงานที่นี่มาสองปี เธอรู้ดีว่าคนรวยส่วนใหญ่ไม่ได้ต้องการจะฟังความเห็นจากคนที่มีน้อยกว่า พวกเขาเพียงแค่อยากพูด อยากอวด อยากระบายความอัดอั้นในใจ สิ่งเดียวที่เธอทำคือฟังแล้วก็ยิ้ม เอ่ยชม ชมและชมเท่านั้น คุณหญิงคุณนายหลายคนชอบใจวราลี เพราะเธอไม่เคยยัดเยียดขายของ เธอแค่มานั่งฟังพวกเขาอวดรวย แถมยังหน้าตาสวย มองดูแล้วสบายหูสบายตา แต่มันก็มีลูกค้าที่ไม่ชอบวราลีเอาเสียเลย เห็นแล้วมันขัดหูขัดตาแปลก ๆ อยู่ใกล้แล้วก็อึดอัด ไม่เข้าใจว่าทำไมวราลีที่ดูเหมือนทำงานไม่ได้เรื่องถึงไม่ถูกไล่ออกไปเสียที
“ทำไมเป็นเธอที่มาดูแลฉัน?” ศรัยฉัตร ดาราสาวคนดังเอ่ยถามกับวราลี ท่าทางและน้ำเสียงบ่งบอกชัดเจนว่าไม่ชอบใจที่วันนี้เป็นยัยหน้าตายคนนี้มาดูแล เธอเกลียดหน้านิ่ง ๆ กับแววตาเย้ยหยันของวราลีเหลือเกิน
“เพราะวันนี้พนักงานที่เหลือติดลูกค้าคนอื่นอยู่ค่ะ ถ้าคุณศรัยฉัตรไม่ต้องให้ลีดูแล ลีจะไปตาม…”
“ไม่ต้อง! เดี๋ยวลูกค้าคนอื่นจะไม่พอใจเอาได้ ถ้าฉันไปแย่งพนักงานของพวกเขามา เธอนั่งนี่แหละ…แล้วก็ช่วยเช็ดรองเท้าให้หน่อย ไม่รู้ว่าไปเหยียบอะไรมา มันเลอะ” ดาราสาวออกคำสั่งพร้อมความมั่นใจ มั่นใจเสียเต็มประดาว่าวราลีผู้ไม่มีทางเลือกจะต้องยอมเช็ดรองเท้าให้ พูดไปพลางหยิบโทรศัพท์มือถือที่มีสายเรียกเข้าขึ้นมากดรับสาย “ว่าไงจ๊ะคนสวย วันนี้โทรหาฉันได้แสดงว่าเธอว่างสินะ?”
“งั้นเหรอ? ตอนนี้ฉันก็อยู่ที่ห้าง มาที่เลาจน์สิ…”
“ทำไมล่ะ? ลองมาสักครั้งเถอะแล้วเธอจะติดใจ เค้กที่นี่รสชาติดีมาก หากินที่อื่นไม่ได้ด้วย”
“มาเถอะน่ะ เธอจ่ายเงินให้ห้างนี้มากกว่าฉันซะอีก มาลองใช้งานเลาจน์ดูสักครั้งเถอะ”
“เยี่ยม ฉันจะรอนะ” ศรัยฉัตรวางสายพร้อมรอยยิ้ม แต่เมื่อหันมาเห็นว่าวราลียังคงยืนนิ่งแถมรองเท้าแบรนด์เนมราคาแพงของเธอก็ยังคงมีรอยเลอะเหมือนเดิม รอยยิ้มก็หายไปในทันที “ทำไมยังไม่เช็ดอีก?”
“เพราะมันไม่ใช่หน้าที่ของลีค่ะ” วราลีเอ่ยด้วยน้ำเสียงนอบน้อม ทว่าสายตาของเธอแข็งกร้าวฉายแววไม่ยอมคน เธอเป็นพนักงานดูแลลูกค้าก็จริง แต่เธอไม่ใช่คนรับใช้ การเช็ดรองเท้าไม่ใช่หน้าที่ของเธอ รวยกว่าศรัยฉัตรหลายสิบเท่าเธอก็เคยเจอมาแล้ว ยิ่งใหญ่กว่านี้เธอเจอมาหมด แต่ยังไม่เคยเจอใครที่กล้าสั่งให้คนอื่นเช็ดรองเท้าให้เลยสักครั้ง
“แล้วหน้าที่เธอคืออะไร?” แม่ดาราสาวถามกลับทันที
“ดูแลลูกค้า อำนวยความสะดวก บริการให้ลูกค้าประทับใจค่ะ”
“ก็นี่ไง…ฉันสั่งให้เธอเช็ดรองเท้า เช็ดรองเท้าฉันเดี๋ยวนี้! แล้วฉันจะประทับใจ!” เสียงแหลม ๆ ของศรัยฉัตรทำให้ลูกค้าคนอื่นต้องหันมามอง
“รบกวนเบาเสียงด้วยค่ะคุณศรัยฉัตร ลีขอโทษจริง ๆ ที่ไม่สามารถเช็ดรองเท้าให้คุณได้ แต่ถ้าคุณต้องการทำให้ลีอำนวยความสะดวกอย่างอื่นให้ ได้โปรดแจ้งมาเลยค่ะ”
“ทำไมเธอเช็ดรองเท้าให้ฉันไม่ได้? แล้วทำไมฉันต้องเบาเสียง?!”
“เพราะมันไปรบกวนลูกค้าท่านอื่นค่ะ และที่เช็ดให้ไม่ได้…ลีก็ได้บอกไปแล้วว่ามันไม่ใช่หน้าที่ของลี”
“ก็เธอเพิ่งบอกเองไม่ใช่เหรอว่าหน้าที่ของเธอคือ… อา! นึกออกแล้ว” อยู่ ๆ ศรัยฉัตรก็เผยรอยยิ้มออกมา “หรือว่าต้องมีรางวัล?”
“…” วราลียังคงวางนิ่ง มองดูศรัยฉัตรหยิบกระเป๋าเงินใบแพงออกมา
“ห้าพัน เช็ดรองเท้าให้ฉัน!” วางเงินใบเทาจำนวนห้าใบพร้อมยกขาขึ้นไขว่ห้าง กอดอกอมยิ้มมองดูว่าวราลีจะทำหน้ายังไง
ห้าพัน!
อีดารานี่แค่อยากจะเอาชนะเรา! เลยยอมเสียเงินตั้งห้าพัน!
เห็นเงินแล้ววราลีก็เริ่มลังเล คนอย่างเธอต่อให้คิดว่าตัวเองก็มีศักดิ์ศรี มีค่าความเป็นมนุษย์ไม่ต่างจากคนอื่น แต่เชื่อได้เลยว่าคนอย่างศรัยฉัตรไม่ได้คิดแบบนั้น และแค่เช็ดรองเท้านิดหน่อยได้ตั้งห้าพัน…เงินนั่นมากพอที่จะจ่ายค่ากินของเธอได้ตั้งครึ่งเดือน ลองคิดดูสิว่าหากเธอยังไม่ยอมทำตาม แน่นอนว่าศรัยฉัตรก็ต้องเอาเรื่อง ตามจองเวรเธอแน่ เธอคงโดนหัวหน้าเรียกไปคาดโทษ เผลอ ๆ อาจหนักจนถึงขั้นไล่ออก แบบนั้นมันไม่คุ้ม มีแต่เสียกับเสีย
“ขออนุญาตค่ะ” คิดได้แล้ววราลีก็นั่งคุกเข่าลงกับพื้น หยิบทิชชูเปียกในกระเป๋าเสื้อสูทออกมาเช็ดรองเท้าให้ศรัยฉัตร
“หึ! อยากได้เงินก็บอกกันตรง ๆ สิ ไอ้ฉันก็คิดว่าเธอมีศักดิ์ศรี ที่แท้ก็แค่…หิวเงิน!” ศรัยฉัตรยิ้มเย้ยมองดูวราลีด้วยสายตาดูถูกดูแคลน เป็นเวลาเดียวกับที่ใครบางคนเดินเข้ามานั่งร่วมโต๊ะ “ไงจ๊ะแม่คนสวยของฉัน”
“อะไรน่ะศรัย? ถึงกับต้องให้เขาเช็ดรองเท้าให้เลยเหรอ?” นำเสียงนี้เหมือนวราลีเคยได้ยินมาก่อน พอเงยหน้าขึ้นมอง…หัวใจของเธอก็เต้นไม่เป็นจังหวะ ผู้หญิงที่มาใหม่คนนี้…คนที่นังดารานิสัยเสียเรียกว่าคนสวย ที่แท้ก็คือคนที่เป็นต้นเหตุทำให้พี่ชายของเธอต้องนอนเป็นผักอยู่ในโรงพยาบาลมาเจ็ดปี!
“นิดหน่อยน่ะป่าน มันเป็นหน้าที่ของเขาอยู่แล้ว” ศรัยฉัตรเอ่ยกับปานชีวา เพื่อนรักเพียงคนเดียวที่ยอมคบกับเธอมาจนถึงทุกวันนี้
“?!” ปานชีวานิ่งไปถนัดตาเมื่อได้เห็นว่าคนตรงหน้าคือวราลี น้องสาวของวริศ…แฟนเก่าที่เธอทิ้งไปเมื่อเจ็ดปีก่อน ทว่าเธอกลับทำเหมือนไม่รู้จัก
“เสร็จแล้วค่ะคุณศรัยฉัตร” วราลีแปลกใจไม่ใช่เล่นที่ปานชีวาวางนิ่งทำเหมือนไม่รู้จักเธอ แต่ก็ยังวางเฉยเอาไว้ก่อน พอทำความสะอาดรองเท้าให้ศรัยฉัตรเสร็จก็หยิบเงินห้าพันบาทมาใส่กระเป๋าเสื้อสูท ยูนิฟอร์มของพนักงานประจำเลาจน์
“ฉันอยากได้เลมอนเค้ก ซิกเนเจอร์ของที่นี่ แล้วก็อเมริกาโน่ร้อนสองแก้ว” ดาราสาวออกคำสั่งอีกครั้ง
“ค่ะ รอสักครู่นะคะ” รับออเดอร์แล้วก็ลุกเดินออกมา ทว่ายังประวิงเวลาเดินให้ช้าลงเพื่อรอฟังว่าลูกค้าสองคนคุยอะไรกัน
“เธอจ่ายเงินให้เขาเช็ดรองเท้าให้เหรอศรัย? แบบนั้นมันดูถูกเขาชัด ๆ” คำถามของปานชีวาดังมาเข้าหูวราลี
“ก็ถ้าไม่จ่าย มีเหรอที่ยัยนั่นจะยอมทำตามคำสั่งฉัน? ก็แค่แกล้งเล่นน่ะ…โทษฐานที่ทำตัวน่าหมั่นไส้ ฉันเหม็นหน้ายัยนั่นมาสักพักแล้ว เกลียดนักสายตาหยิ่ง ๆ เป็นแค่พนักงานห้าง กล้าดียังไงมาทำหยิ่งใส่ลูกค้า?”
“เจอมานานแล้วเหรอ? พนักงานคนนั้นน่ะ?”
“ก็ตั้งแต่ที่ฉันเริ่มเข้ามาใช้งานเลาจน์นี่แหละ ว่าแต่เธอเถอะ…ได้ไปดินเนอร์กับคุณทิวากรหรือยัง?” วราลีเกือบจะเดินเข้าไปด้านในอยู่แล้ว แต่พอได้ยินศรัยฉัตรเอ่ยถึงชื่อทิวากรขึ้นมา สองเท้าก็ชะงักลงในทันที เชื่อได้อย่างเต็มอกว่าทิวากรที่พูดถึงนั้นจะต้องเป็นคนเดียวกับที่เธอรู้จักแน่
“ยังเลย ฉันอยากจะเห็นความพยายามของเขามากกว่านี้น่ะ” หันไปเห็นปานชีวาอมยิ้ม วราลีก็พอจะเดาอะไรออกมาได้บ้าง
“อย่าเล่นตัวนักสิ…คิดว่าใครจะได้รับคำเชิญจากคุณทิวาเขาได้ง่าย ๆ เหรอ?” มันคงไม่มีอะไรนอกเหนือไปจากคนรวยกับคนรวยอยากจะดองกัน และปานชีวาก็คงเล็งทิวากรเอาไว้ เดาได้แบบนั้นวราลีก็แสยะยิ้มออกมาในทันที
มีเรื่องสนุกให้ทำอีกแล้วสินะเรา
4ได้โปรดคืนวันพฤหัสเป็นคืนที่มีนัดซื้อขายกับทิวากร วราลีตั้งใจเอาไว้อย่างแน่วแน่ว่าเธอจะต้องล้วงลึกเข้าถึงข้อมูลบางอย่างมาให้ได้ สิ่งหนึ่งที่อยากได้คำตอบก็คือความสัมพันธ์ของเขากับปานชีวาไปถึงไหนกันแล้ว และจุดประสงค์ของความสัมพันธ์นี้คืออะไร แค่คบหากันทั่วไปหรือคิดการใหญ่จนถึงขั้นแต่งงาน วราลีอยากรู้ทุกเรื่อง แต่ติดปัญหาอยู่อย่างเดียวคือเธอจะถามเขายังไง จะถามได้ต้องใช้ความกล้ามาก ต้องเสี่ยงว่าอาจทำให้เขาไม่พอใจ แล้วต่อให้ถามไป…เขาก็อาจจะไม่ตอบหรือว่าต้องมอมเขา?อาจเป็นไปได้ ลองมานึกดูอีกที…มีครั้งหนึ่งที่วราลีเคยดื่มไวน์กับทิวากร คืนนั้นเขาเรียกใช้งานเธอเหมือนปกติ แต่ที่ต่างออกไปคือเขาชวนเธอดื่มก่อนขึ้นเตียง ทั้งสองนั่งดื่มด้วยกันท่ามกลางความเงียบงัน แต่มันคือครั้งแรกและครั้งเดียวที่เธอได้เห็นว่าเขาเมา พอเมาแล้วเขาก็ดูเป็นมิตรมากขึ้น เขายิ้มในบางครั้ง ถ้าจำไม่ผิดเขาหัวเราะด้วย หัวเราะทั้งที่ไม่พูดอะไรด้วยซ้ำพอเห็นหนทางที่พอจะเป็นไปได้ วราลีไม่รอช้า เลิกงานปุ๊บก็รีบเปลี่ยนเสื้อผ้าลงไปที่ร้านขายไวน์ งานนี้ต้องลงทุนหน่อย…เอาเงินห้าพันที่ได้จากการเช็ดรองเท้าไปซื้อไวน์นี่แหละ แต่พอถึงเว
“ทำไมถึงคิดว่าท้อไม่ได้ล่ะ?” วันนี้ทิวากรมาแปลกจริง ๆ จิบไวน์ไปด้วยก็มองวราลีไปด้วย นึกครึ้มอะไรก็ไม่รู้ถึงได้สงสัยใคร่รู้มากขนาดนี้“เพราะมีคนที่รออยู่ ถ้าลีท้อแล้วตายไป…ลีจะไม่ได้เจอเขาอีก”“คนรักเหรอ?” เขาเคยสั่งเอาไว้แล้วว่าหากวันไหนที่วราลีมีแฟนให้บอก เขาไม่ชอบใช้ผู้หญิงร่วมกับใคร“พี่ชายค่ะ ป่วยเป็นเจ้าชายนิทรามาเจ็ดปีแล้ว” เอาล่ะ เวลานี้วราลีเข้าใกล้ปานชีวามาอีกนิดแล้ว แค่ไหลไปตามคำถามของทิวากร ก็เหมือนจะมีช่องทางให้เธอได้ถามเขาบ้าง “คุณทิวากรถามเรื่องของลี ถ้าลีจะขอถามเรื่องคุณบ้างได้ไหม?”“ผมไม่ชอบตอบคำถามใคร” เขาเหนื่อยกับการตอบคำถามมากมายในที่ประชุม นอกเวลางานเลยไม่อยากทำอีก “แต่ก็สงสัยว่าคุณอยากรู้อะไรเกี่ยวกับผม”“เยอะเลยค่ะ แต่ไม่กล้าถาม” วราลีอมยิ้ม“ลองถามมาสิ ถ้าอยากตอบผมจะตอบ” ไวน์เข้าปากแล้วมันก็ง่ายแบบนี้แหละ“จะแต่งงานไหมคะ?”“คิดว่าไงล่ะ ผมอายุสามสิบสองแล้ว…เคยหย่ามาสามครั้งแล้วด้วย” คุณคนขรึมไม่มานั่งสงสัยว่าทำไมวราลีถึงตั้งคำถามแบบนั้น เธอถามก็คงเพราะอยากรู้ และข่าวเรื่องเขาเคยหย่ามาแล้วสามครั้งก็มีให้อ่านตามอินเทอร์เน็ต “คุณคิดว่าผมจะแต่งงานอีกไหม?”“อืม…” ครุ
5งานหยาบชัดเจนแล้วว่ารสนิยมเรื่องเซ็กส์ของทิวากรนั้นแตกต่างจากแต่ก่อนราวฟ้ากับเหว เขาสนุกกับการได้งับกัดผิวกายขาวนวลจนมันแดงก่ำห้อเลือด ไม่มีคำว่าเบามือหรือผ่อนแรง แค่วราลียินยอมให้กระทำ เขาก็พร้อมที่จะจ่ายให้เธอมากขึ้น มากเท่าไรก็ได้ตามความเจ็บปวดที่เธอได้รับ ข้อมือทั้งสองข้างของเธอยังคงถูกมัดเอาไว้ สองคนยังคนนัวเนียกันอยู่บนโซฟาหนังตัวยาว ทิวากรโหมกระหน่ำความซาบซ่านแสนรุนแรงอย่างไม่หยุดยั้ง เข้าสุดออกสุด เน้นหนักกระแทกแรงจนสะเทือนไปทุกส่วนทิวากรจับวราลีกดกระแทกจนร่างบางนั้นแทบจะจมหายลงไปในโซฟา สิ่งที่เธอตอบรับการกระทำของเขาได้ก็มีเพียงเสียงคราง บางครั้งก็ครางเพราะความเสียวรุนแรง แต่หลายครั้งที่เสียวนั้นมาจากความเจ็บปวด ยิ่งเขาเร่งความเร็ว ยิ่งเข้าคว้าเอาสองเต้ามาดูดสลับกัดเธอก็ยิ่งคราง ไม่รู้จริง ๆ ว่าสิ่งที่เขากำลังทำมันเกิดมาจากรสนิยมส่วนตัวที่เพิ่งกล้าเปิดเผย หรือมันมาจากความเครียดที่สั่งสมมานานหลายปี วราลีได้แต่หวัง…หวังเหลือเกินว่ามันจะไม่รุนแรงมากไปกว่านี้“ฮึก! คุณทิวากร…อ๊ะ! ลีเจ็บ! กัดตรงนั้นมันเจ็บมาก…” สองมือที่ถูกมัดเอาไว้ทำให้เธอปัดป่ายเขาออกไปไม่ได้ ได้แต่ส่ายหน้าไป
วราลีชำระค่ารักษาที่คงค้างเอาไว้จนเสร็จสิ้น แต่พอทำเรื่องขอย้ายพี่ชายไปพักที่ห้องผู้ป่วยในซึ่งเป็นห้องพิเศษ ค่าใช้จ่ายมันก็เพิ่มขึ้นมา ยังดีที่พอมีเวลาให้หาเงิน จัดการเรื่องพี่ชายเสร็จก็กลับมาทำงานต่อ ทว่าเธอไม่มีกะจิตกะใจจะทำอะไรแล้ว วันนี้กลับบ้านไปก็ต้องไปเจอกับคนทวงหนี้ แล้วเธอจะทำยังไง…เธอไม่มีเงินไปจ่ายดอกเบี้ย ตอนนี้ทั้งตัวเหลืออยู่แค่สามพันบาท จะให้บากหน้าไปขอยืมจากรสาก็ไม่กล้า เพราะที่ผ่านมาพี่สาวข้างบ้านก็ช่วยเธอมาจนนับครั้งไม่ได้แล้วก็คงต้องยอมโดนซ้อมเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา เวลาที่หาเงินมาจ่ายดอกเบี้ยไม่ทัน…สิ่งเดียวที่ทำได้คือยอมให้พวกลูกน้องของไอ้ชาติซ้อมเธอจนน่วม พอจะไปรับงานกับทิวากรก็แค่หาเครื่องสำอางกับรองพื้นมาโบกทับเข้าไป ไม่มีใครอยากนอนกับคนที่ช้ำไปทั้งตัวหรอก ถ้าเขาเห็นรอยช้ำก็คงหมดอารมณ์เอาเธอไม่ลง แบบนั้นก็เท่ากับว่าเธอเสียรายได้ไป ไม่ได้เด็ดขาด ยังไงก็จะพลาดโอกาสได้ซื้อขายกับทิวากรไปไม่ได้“คุณลี” เสียงหนึ่งเรียกปลุกให้วราลีหลุดออกจากภวังค์แห่งความคิด หันไปทางต้นเสียงก็ได้เห็นปรีติ ลูกค้าวีไอพีของห้างที่ชอบมานั่งรอเวลาที่เลาจน์ และเขาก็ชอบคุยกับเธออย่างเป็นมิต
6คนคุ้นเคย“สรุปว่าคุณลีมีเรื่องไม่สบายใจ แต่ไม่อยากบอกผมว่ามันเป็นเรื่องอะไรใช่ไหม?”ปรีติถามพร้อมรอยยิ้มแสนอบอุ่นก่อนจะจิบอเมริกาโน่ เขานั่งไขว่ห้างในท่าสบาย ๆ มองดูใบหน้าสวยของคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม สบายใจทุกครั้งที่มาที่นี่ รู้สึกดีที่ได้นั่งคุยกับเธอ ที่จริงแล้วปรีติชอบวราลี ไม่รู้หรอกว่าความรู้สึกพิเศษนี้มันใช่เชิงชู้สาวหรือไม่ เขาก็แค่ชอบตัวเองเวลาที่อยู่กับเธอ ชอบเธอเวลาที่อยู่กับเขา มันง่าย ๆ แค่นั้น“คุณปลื้มมานั่งที่นี่เพื่อพักผ่อน แล้วลีจะเอาเรื่องไม่สบายไปใจไปเล่าให้ฟังทำไมล่ะคะ หน้าที่ของลีคือทำให้ลูกค้ารู้สึกผ่อนคลายค่ะ” เล่าไปก็อายเปล่า ๆ จะไปบอกเขาทำไมว่าเธอมีหนี้ก้อนโตรอให้เครียด มีพี่ชายที่ต้องดูแล จะเล่าให้เขาฟังถึงความบัดซบในชีวิตเธอไปเพื่ออะไร ปรีติเป็นคนใจดี เล่าไปวราลีก็พอจะเอาได้ว่าเขาต้องยื่นมือเข้ามาช่วย เธอไม่อยากได้เงินจากเขา ไม่ชอบรับเงินจากใครฟรี ต่อให้ยืมก็เถอะ ถ้าจะเอาเงินจากใครแบบที่จงใจจะเอามาอย่างเดียว ขอให้เงินนั้นเป็นของปานชีวาคนเดียวก็พอ!“เจ็บจี๊ด…คุณลีมองว่าผมเป็นแค่ลูกค้าเองเหรอเนี่ย? ผมคิดว่าเราเป็นเพื่อนกันซะอีก…คิดไปเองตั้งนานว่าเราสนิทก
ในตอนที่เขาลังเลกับชื่ออันคุ้นเคยและลังเลว่าจะรับสายดีหรือไม่ หางตาก็เห็นภาพสะท้อนจากผนังที่เลาจน์ที่เป็นอะลูมิเนียม มันเงาจนสะท้อนเห็นภาพใครบางคนที่ยืนแอบอยู่หลังบาร์เครื่องดื่ม เห็นเธออย่างชัดเจน…เพียงเท่านั้นไอ้เรื่องคุ้น ๆ ทั้งหลายแหล่ก็ถูกเฉลย นิ้วโป้งเคลื่อนปาดหน้าจอรับสายในทันที[ลี! กว่าจะรับสายพี่ได้…ไม่ต้องถามอะไรทั้งนั้นนะ รีบออกมาจากเลาจน์! ออกมาตอนนี้เลย…ออกด้านหลังนะ คุณทิวากรกำลังไป!]“…”[รอดมาให้ได้นะลี! ถ้าโดนจับได้ขึ้นมาพวกเราซวยกันหมดแน่!]“ใช่ พวกคุณซวยกันหมดแน่”[นะ…นั่น! คะ…คุณทิวากรเหรอคะ?!]“ให้เจ้าของโทรศัพท์ไปเจอผมที่เดิม คืนนี้สี่ทุ่ม” จบแค่นั้นทิวากรก็ตัดสายทิ้ง เป็นเวลาเดียวกับที่ปรีติเดินเข้ามานั่งที่โต๊ะเพราะกับพนักงานนำเหล้ามาเสิร์ฟพอดี“รับอะไรเพิ่มเติมไหมคะคุณทิวากร?”“ไม่ แล้วก็ไม่ต้องส่งใครมาดูแล ผมอยากนั่งเงียบ ๆ”“ค่ะ” ทันทีที่พนักงานเดินออกไป ประธานหนุ่มก็คว้าเหล้ามารินใส่แล้ว กระดกดื่มรวดเดียวจนหมด ทำเอาปรีติถึงกับแปลกใจ“ใจเย็นไอ้ทิวา ค่อย ๆ เครียดอะไรขนาดนั้น?”“นางฟ้าของมึง…ชอบมากเลยเหรอ?” นางฟ้าที่เป็นนางบำเรอ ขายตัวรับเงินจากเขา จะเอาไปรัก
7ผมให้ได้แค่นี้วราลีเป็นแค่ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ที่ไม่ได้มีความฝันใหญ่โตอะไร ไม่ได้อยากมีเงินมากมายหรือรวยจนล้นฟ้า เธอแค่ไม่อยากลำบาก ไม่อยากต้องทรมานกับการวิ่งหน้าตั้งหาเงิน ใช้ชีวิตให้ผ่านพ้นไปแต่ละวันเพื่อตื่นขึ้นมาหาเงินใหม่ เธอเหนื่อยเหลือเกินกับชีวิตที่ขาดเงินอยู่ตลอดเวลา เธอก็แค่…อยากมีบ้านเล็ก ๆ ที่ไม่ต้องเช่าเขา อยากทำงานโดยที่สิ้นเดือนแล้วก็ยังมีเงินเก็บเหลือ พอจะไปซื้อของที่อยากได้บ้างสักนิด อยากจะกินของอร่อย ๆ ที่ไม่ต้องมานั่งเสียดายเงิน ได้มีชีวิตที่เรียบง่ายกับพี่ชาย ได้เลี้ยงหลาน ๆ ลูกของพี่ชายไม่ได้ใฝ่ฝันในสิ่งที่ใหญ่โตเกินกว่าตัวเอง บางครั้งที่รู้สึกโดดเดี่ยว ก็แค่อยากได้รับความรัก เธอเพียงอยากรู้สึกถูกรัก แต่เหมือนว่ามันเป็นอะไรที่ยากมากมายเหลือเกิน คนอย่างเธอ…มีดีอะไรให้ถูกรักอย่างนั้นหรือ? วัน ๆ เคยได้ออกไปเจอใครบ้างนอกจากทำงาน แล้วใครกันที่จะมารักผู้หญิงขายตัวอย่างเธอ? ไม่มีหรอก สักวันเธออาจตายก่อนที่พี่ชายจะฟื้นขึ้นมาก็ได้ ก็ไม่รู้จริง ๆ ว่าชีวิตของเธอจะไปสิ้นสุดที่จุดไหน เหนื่อยเหลือเกิน…เหนื่อยเหมือนจะทนไม่ไหวแล้ว“อึก!” ลูกน้องของไอ้ชาติซ้อมเธอจนน่วม ปล่อยให้นอ
“เพราะลีมันเห็นแก่ตัว ลีคิดถึงแต่ตัวเอง ลีไม่ได้นึกเลยว่าถ้าคุณรู้ความจริงแล้วจะเป็นยังไง ลีทำไปเพราะอยากได้เงิน เพราะเงินลีเลยโกหก”“รู้สึกผิดบ้างไหม?”“คะ?” คำถามนั้นทำให้วราลีต้องเงยหน้าขึ้นมามองทิวากร เวลานั้นเขาเองก็มองเธออยู่ และเมื่อเธอเงยหน้าเขาถึงได้เห็น…ปากที่แตกยับ ใบหน้าฟกช้ำ เลือดยังซึมออกมาตลอด เปรอะเปื้อนที่คอเสื้อ“ไปโดนอะไรมา?” เห็นแบบนั้นเขาก็ลืมคำถามก่อนหน้า คิ้วหนาได้รูปกระตุกวูบ “ผมถามว่าคุณไปโดนอะไรมา!”“โดนตีค่ะ”“ใคร?!”“เจ้าหนี้นอกระบบ” ได้โปรด…ขอให้ทิวากรได้โปรดสงสารลูกหมาตัวนี้ มันโดนซ้อมมา มันหมดทางไป จนตรอกหลังชนฝา ตอนนี้มีแค่เขาคนเดียวที่เป็นพี่พึ่ง “ให้อภัยลีได้ไหมคะ? ลีผิดไปแล้ว…ลีจะไม่โกหกคุณทิวากรอีก อย่าทิ้งลีเลยนะคะ”“ปล่อยให้มันตีทำไม? คุณก็ดูไม่ใช่คนโง่! ทำไมไม่หนี?!” ทิวากรนึกอยากจะแจ้งตำรวจให้มันรู้แล้วรู้รอด! คิดแล้วก็ยิ่งหงุดหงิด! ตอนเขากัดนิดกัดหน่อยทำเป็นร้องเจ็บ ทีโดนตีจนแตกร้าว ช้ำไปหมดขนาดนี้ไม่เห็นร้องสักนิด!“คุณทิวา…กร” เธอกำลังอ้อนวอนเขา แต่ถ้าเขาเอาแต่นิ่งแบบนี้ใจมันก็เริ่มกลัว กราบเขาได้เธอก็จะทำ ให้ก้มลงเอาหน้าแนบเท้าเขาเลยก็ได้ ถ้
พอแดดร่มลมตก สามคนพ่อ แม่ ลูกก็ออกมานั่งที่ริมชายหาด คุณแม่คอยนั่งมองลูกสาวขี่หลังคุณพ่อ พากันวิ่งเล่นไปมาอยู่ริมทะเล เป็นภาพที่เธอเคยวาดฝันเอาไว้ ไม่คิดเลยว่ามันจะเป็นจริงขึ้นมาได้ มองออกไปยังสองคนที่เธอรักเท่าชีวิต ที่ตรงนี้…บนพื้นที่ดินของพ่อแม่ คิดแล้วน้ำตาแห่งความสุขและความคิดถึงก็รื้นขึ้นมา“พ่อขา…แม่ขา…พี่วิน อยู่ข้างบนนั้นเป็นยังไงกันบ้างคะ? ตอนนี้ลีสบายดีมากเลยนะ ยังคิดถึงทั้งสามคนอยู่เสมอนะ ไม่ต้องห่วงอะไรอีกแล้วนะรู้ไหม ลีมีความสุขมาก ได้กินอย่างดี ได้นอนหลับอย่างดี ไม่ต้องทำงานเหนื่อยเหมือนเมื่อก่อน คุณทิวาเขาดูแลลีกับลูกเป็นอย่างดีเลยนะคะ” แหงนหน้ามองท้องฟ้า น้ำตาก็ไหลริน คนที่จากไปแล้วยังอยู่ในหัวใจและความทรงจำของเธอเสมอ และเมื่อคิดถึงพวกเขาก็ต้องมีน้ำตาอยู่ทุกครั้ง แต่มันคือน้ำตาแห่งความคิดถึง“หม่ามี๊! มาเล่นกันเถอะ!” เสียงลูกน้อยตะโกนมาแต่ไกล วราลีก็รีบปาดน้ำตาแล้วลูกขึ้นไปหาทันที “เดินไปตรงโน้น! ด่าดี๊พาจะกายไปตรงโน้น”“ตรงไหนคะ?” ทิวากรมองตามมือที่น้องสกายชี้นิ้วไป ขณะที่ส่งมือตัวเองไปรอรับมือภรรยาสาวมากุมไว้“ตรงโน้นค่ะ ตรงที่มีท้องฟ้ากับทะเลเชื่อมต่อกัน”“โถ่ลูก…เ
32พ่อ แม่ ลูก“พ่อชื่อทิวากรแปลว่าพระอาทิตย์ แม่ชื่อวราลีแปลว่าพระจันทร์ อย่างนั้นลูกก็ต้องชื่อดวงดาวสิ อยู่บนท้องฟ้าเหมือนกัน”อีกสองเดือนลูกจะคลอดแล้วแต่พ่อกับแม่ยังเถียงกันเรื่องตั้งชื่อลูกไม่จบ คนเป็นพ่อดูเหมือนจะชอบของโบราณเป็นพิเศษ ฟังเพลงเก่าไม่พอยังสรรหาชื่อเก่า ๆ ของคนยุคก่อนมาตั้งให้ลูกอีก นวดเท้าให้เมียไปเขาก็พูดชื่อลูกไป เงยหน้าแหงนมองทางนั้นที ทางนี้ทีแต่ไม่คิดจะหันมองหน้าเมียที่ตอนนี้ทำตาเขียวใส่เขาอยู่“หรือจะชื่อดวงดารา?”“พอได้ไหมคะที่รัก? จะดวงดาวหรือดวงดาราน่ะ ไม่ใช่ว่าไม่ดีหรอกนะแต่ว่าลองหาดูสิ…ลีว่าคนล่าสุดเด็กที่ชื่อดวงดาวตอนนี้น่าจะอายุสี่สิบไปแล้ว” ก็ไม่อยากจะบู้บี้คนชื่อดวงดาว แต่นี่มันยุคไหนแล้ว…ตั้งไปแบบนั้นลูกสาวเธอได้ร้องไห้ไม่หยุดเพราะอายเพื่อนที่โรงเรียนพอดี ตอนเด็กน่ะไม่เท่าไร แต่พอโตขึ้นมาล่ะก็โดนล้อแน่ ๆ“ก็แล้วที่รักจะตั้งชื่อว่าอะไรล่ะ? ลูกเราจะคลอดอยู่อีกไม่กี่วัน…ตอนนี้ยังหาชื่อไม่ได้เลย” เมียท้องโตขึ้นทุกวัน แต่ก็ยังไม่ยอมหยุดเดิน พอเดินมาก็ปวดเท้า เขาต้องมานวดให้ก่อนนอนทุกคืน แต่ก็นวดด้วยความเต็มใจ เพราะวันนี้ได้รู้ว่าลูกในท้องนั้นเป็นลูกสาว มั
“ครางดังขนาดนี้ลูกต้องตื่นแล้วล่ะ”“งื้อ! แบบนั้นน่าอาย…” พอคิดว่าไม่อยู่กันสองต่อสองแต่มีลูกน้อยในท้องอยู่ด้วย วราลีก็อดจะเขินอายขึ้นมาไม่ได้ “ลูกจะรู้ไหมว่าพ่อกับแม่ทำอะไรกันอยู่?”“ไว้ผมจะถามตอนเขาคลอดออกมา”“งื้อ! อ๊ะ! คุณทิวา…ฮื่อ…อย่าหยุดนะคะ อ๊ะ! ลีเสียวมากเลย…เสียวเหมือนจะเสร็จ” วราลีเกร็งหนักเพราะความกระสันเสียว เธอร้องขอให้เขาทำต่อไป ครวญครางออกมาด้วยน้ำเสียงกระเส่าสั่น แน่นอนอยู่แล้วว่าทิวากรไม่คิดจะหยุด ที่ผ่านมาให้เธอบำเรอสุขให้เขามามาก ต่อจากนี้ไปเขาเป็นคนบำเรอเธอเอง “อื้อ! อ๊ะ! ใกล้แล้วค่ะ อ๊าห์! คุณทิวา…อื้อ! อึก!”“จุ๊บ! ชอบตอนคุณครางเสร็จ” จูบแก้มเธอพร้อมรอยยิ้มชอบใจที่ทำให้เมียเสร็จได้ เมื่อก่อนไม่เคยจะพูดว่าชอบอะไร แต่เดี๋ยวนี้ล่ะพูดเอาไม่หยุด เดี๋ยวชอบนั่น เดี๋ยวชอบนี่ บอกตลอดเหมือนกลัวเธอจะไม่รับรู้“อึก! เลียให้ลี…” วราลีไม่เขินอายแล้ว เอาจริง ๆ ลูกไม่รู้หรอกว่าพ่อกับแม่ทำอะไรกันอยู่ ร้องขอให้เขาทำแบบนั้น…ทำแบบที่เคยทำ “นะคะ เลียตรงนั้นให้ลีหน่อย”“อ้อนผมอีก”“คุณทิวาขา…ลีอยากเสร็จอีกแล้ว ช่วยเลียให้ลีหน่อยได้ไหมคะ?” เขาอยากให้เธออ้อน เธอก็อ้อน…ก็ตอนนี้มีสิ่งที่
31ขอบคุณที่เกิดมาบนโลกใบนี้อีลี! ไอ้ลี! อีนังชั้นต่ำวราลี!คำจิกหัวเรียกที่โดนมาเกือบทั้งชีวิตถูกแทนที่ด้วยคำว่าคุณวราลี อนันต์ธีรกุล ภรรยาสาวคนสวยของทิวากร อาจพูดได้ว่าเมื่อสถานะเปลี่ยน ชีวิตก็เปลี่ยนตามไปด้วย วราลีไม่ต้องคอยเอาใจใคร ไม่ต้องก้มหัวทำตัวนอบน้อมให้กับใครอีกต่อไปแล้ว ทุกคนพากันยกย่องเธอ ยกเธอขึ้นให้อยู่สูง ทว่าเธอเกลียดวัฒนธรรมแบบนั้นเป็นเมียทิวากรผู้ยิ่งใหญ่แล้วยังไง?มีเงินมากกว่าแล้วยังไง…สุดท้ายก็มีวันต้องตายจากโลกใบนี้เหมือนกันทุกคนอยู่ดี กินน้อย กินเยอะ กินหรู กินแพง กินเข้าไปแล้วก็อิ่ม อิ่มแล้วก็ถ่ายออกมาเป็นก้อนเหมือนกันหมด สิ่งที่วราลีตั้งใจว่าจะไม่ทำก็คือสิ่งที่เธอโดนมาทั้งชีวิต อะไรที่เคยต้องการให้ผู้อื่นปฏิบัติด้วย เธอจะทำ จะให้เกียรติ จะพูดจาดี ๆ จะมองว่าทุกคนก็มีคุณค่าความเป็นมนุษย์ไม่ต่างจากเธอเมื่องานแต่งงานสุดอลังการจบลงคุณสามีก็พาภรรยาสาวของเขากลับมาที่บ้าน บ้านซึ่งเธอไม่เคยรู้ว่าเป็นยังไง บ้านที่เขาไม่เคยเปิดต้อนรับใครหน้าไหนแม้กระทั่งพิมพ์ประภาผู้เป็นแม่ พอมาถึงก็พาเธอเดินชมรอบตัวบ้าน ช่างเป็นบ้านหลังใหญ่ที่กว้างขวางและปลอดโปร่ง ทว่าไร้ชีวิตชีวา ก
รสากลับไปได้สักพักปรีติที่ได้รู้เรื่องก็ตามมาเยี่ยม เขาบอกกับวราลีว่าหากเธอจะตอบรับความรักของทิวากรเขาก็เข้าใจ และหากว่าสุดท้ายเธอจะลาคลอด หรือแม้แต่ลาออกเขาก็ยินดียอมรับการตัดสินใจของเธอ เขาทิ้งท้ายไว้เพียงแค่ว่าเขายังชอบที่ได้มีเธออยู่ในชีวิต จะในฐานะเพื่อนหรือพี่สะใภ้ เขาก็ยินดีทั้งนั้น และเขาไม่ได้เกลียดอะไรทิวากร แค่ยังโกรธที่ญาติเวรตะไลมันชอบวางท่าหวงก้างใส่เขาก็เท่านั้นกระทั่งปรีติขอตัวกลับไปได้พักใหญ่แล้วทิวากรก็ยังไม่ตื่นขึ้นมา วราลีนั่งเฝ้าเขาไม่ยอมห่าง กุมมือหนาเอาไว้ไม่ยอมปล่อย อดคิดไม่ได้ว่าถ้าหากการกระทบกระแทกที่เกิดขึ้นในวันนี้มันไปโดนเส้นประสาทสำคัญจนทำให้เขาไม่ฟื้นหรือกลายเป็นคนไข้ติดเตียงเธอจะทำยังไง ต้องมาเลี้ยงเขาไปทั้งชีวิตหรือ? ไม่เอาด้วยหรอก คอยดูสิว่าถ้าเขาไม่ฟื้นขึ้นมาล่ะก็…เธอทิ้งเขาแน่ จะทิ้งจริง ๆ ด้วย“อื้อ!” คิดได้ไม่เท่าไร คนนอนหลับก็ลืมตาขึ้นมาพร้อมเสียงอู้อี้“ฟื้นแล้วเหรอ?”“ลี…”“ฮึก! ค่อย ๆ ลุกค่ะ ค่อย ๆ นะ” วราลีรีบเข้าไปช่วยเขาปรับท่านั่ง ดึงหมอนขึ้นมารองรับแผ่นหลังของเขาไว้“ทำไมร้องไห้อีกแล้ว?” ตื่นมาก็ได้เห็นน้ำตาเธอเลย นิ่วหน้าไม่ชอบใจ เคยเห็
30จะรักษาไว้อย่างดีทิวากรตีรถจากหัวหินมาถึงกรุงเทพภายในเวลาหนึ่งชั่วโมงเศษ เหยียบคันเร่งแบบไม่คิดชีวิตเพราะอยากไปรับเมียให้ทันเที่ยงคืน เขาบอกไว้แล้วว่าเธอคือเป้าหมายสำคัญสูงสุดในชีวิต แต่ถึงอย่างนั้นก็ใช่ว่าจะทิ้งงานไปเลย ยังไงเขาก็ยังต้องรับผิดชอบหน้าที่การงาน พอจัดการปัญหาเสร็จก็รีบบึ่งมาถึงที่ โชคดีที่มาทัน เวลาสี่ทุ่มบาร์ยังไม่ปิด รีบเข้ามาข้างในทำตัวเป็นลูกค้า เพื่อรอเมียกลับบ้าน วันนี้เขาไม่ได้เจอเธอมาทั้งวัน คิดถึงจนใจจะขาด พอได้เจอก็อยากจะเข้าไปกอดไปหอมให้หายคิดถึง แต่แค่เดินเข้ามาในบาร์…เขากลับต้องยืนนิ่งมองเหตุการณ์วุ่นวายตรงหน้า“ดื่มไม่ได้จริง ๆ ค่ะคุณลูกค้า เวลานี้เป็นเวลาทำงาน…พนักงานไม่ได้รับการอนุญาตให้ดื่ม” ไฟความเป็นผัวมันพลุ่งพล่านเมื่อทิวากรได้เห็นภาพที่ไม่ต้องการจะเห็นไปอีกตลอดชีวิต คือภาพเมียเขาต้องมาคอยก้มหัวเอาใจใคร เวลานี้วราลีกำลังถูกพวกเมาแล้วหื่นลวนลามทางสายตาและคำพูด มันยื่นแก้วเหล้าให้เธอ คะยั้นคะยอให้เธอดื่ม“ดื่มหน่อยเถอะน่ะ ฉันเป็นลูกค้านะ ฉันอนุญาตแล้วใครจะมาว่าอะไรเธอได้? ดื่ม! ฉันสั่งให้เธอดื่ม!”“ดื่มไม่ได้จริง ๆ ค่ะ ต้องขอประทานโทษคุณลูกค้าด้วย
ทิวากรโยนงานของตัวเองให้คนอื่นทำ จะรับพิจารณาเฉพาะเรื่องที่สำคัญมากเท่านั้น เพราะตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับเขาก็คือการตามเมียตามลูก เขามาส่งวราลีที่บาร์ แล้วก็นั่งเฝ้าเธออยู่ในร้าน แม้ว่าเธอจะไล่แล้วไล่อีกแต่เขาก็ไม่ยอมไปไหนทั้งนั้น วันนี้เขารู้ว่าปรีติติดงานที่บริษัทก็เลยไม่ได้เข้ามาที่ร้าน เพราะแบบนั้นก็แปลว่าทางสะดวก ไม่มีหมาตัวอื่นมาวนเวียนอยู่ใกล้เมียเขาแล้ว“ผมทำเอง” เห็นวราลียกถาดรองแก้วเตรียมเอาออกมาจัดเรียก ทิวากรก็รีบเข้าไปแย่งถาดมาถือไว้เอง ที่จริงมันก็ไม่ได้หนักอะไร รู้ว่ายังไงวราลีก็ยกไหวอยู่แล้ว แต่ไม่ได้…เขาจะไม่ให้เธอทำงานใช้แรงงานอีกต่อไปแล้ว“นี่คุณยังไม่กลับไปอีกเหรอ?”“จะรอรับคุณกลับด้วยกัน ให้ยกไปไหนครับ?” เขาพูดครับกับเธอแทบทุกคำ แบบนี้ต่อไปคงได้ตำแหน่งคนกลัวเมียไปครอง“ยกไปไว้ตรงนั้น” วราลีชี้ไปยังพื้นที่หลังเคาน์เตอร์บาร์ ก่อนจะหันไปหยิบไม้ถูพื้นเตรียมจะถูพื้นต่อ แต่ยังไม่ได้ทำอะไรทั้งนั้นทิวากรก็รีบเข้ามาแย่งไม้ถูพื้นจากมือเธอไป“ผมทำเองครับ คุณไปนั่งพักเถอะนะ เดี๋ยวผมจะถูพื้น เช็ดกระจก จัดโต๊ะทั้งหมดนี่เอง”“งั้นไปล้างห้องน้ำด้วยเลยสิ”“โอเคครับ” เธอประชด
29ผมจะเป็นคนที่เหนื่อยเองตุบ!วราลีเปิดประตูห้องออกมาในตอนสิบเอ็ดโมงของวันใหม่ ตกใจไม่น้อยที่ได้เห็นทิวากรนั่งสัปหงกอยู่หน้าห้อง พอเปิดประตูตัวเขาที่หลับไม่รู้เรื่องก็ทิ้งตัวลงไปนอนที่พื้น เมื่อคืนเธอไล่ให้เขากลับไป ก็คิดว่าเขากลับไปแล้ว…ไม่รู้เลยว่าที่แท้ชายหนุ่มมานั่งเฝ้าอยู่หน้าห้องแบบนี้“ลี…” เขางัวเงียลืมตาขึ้นมา พอเห็นเธอก็ยิ้มดีใจ รีบคว้าถุงอะไรสักอย่างลุกขึ้นยืนแล้วยื่นมันให้เธอ“อะไรคะ? แล้วทำไมคุณไม่กลับไปนอนที่บ้าน? มานั่งหลับอยู่หน้าห้องลีทำไม?”“ในถุงมีโจ๊กหมูพิเศษแบบใส่ไข่แล้วก็มีของกินสำหรับบำรุงครรภ์” ทิวากรเฝ้าวราลีตั้งแต่เมื่อคืน โทรไปสั่งงานรสาตอนตีสอง บอกว่าอยากได้หนังสือที่ให้ความรู้เรื่องการดูแลแม่ตั้งครรภ์ สั่งตอนตีสอง! แล้วบอกว่าอยากได้ตอนตีสาม! เป็นงานที่ยากไม่น้อยแต่รสาก็หาให้จนได้ เขาเลยได้นั่งอ่านหนังสือรอเวลาหกโมงเช้า เพื่อที่จะได้ออกไปซื้อโจ๊ก แต่ไม่คิดว่าวราลีจะออกจากห้องมาในตอนสิบเอ็ดโมง“ลีกินมื้อเช้าไปแล้วค่ะ นี่จะออกไปทำงาน แล้วนั่นหนังสืออะไร?” เห็นหนังสือวางอยู่ที่พื้น ก็อดจะสงสัยไม่ได้“หนังสือความรู้เรื่องแม่ตั้งครรภ์ ตอนนี้ผมรู้แล้วนะว่าช่วงเ
ติ๊งต่อง!เสียงกริ่งหน้าห้องที่ดังขึ้นมาในเวลาตีหนึ่งครึ่งทำเอาวราลีสะดุ้ง รีบปาดน้ำตาแล้วออกไปที่ประตู ส่องตาแมวแล้วก็ได้เห็นว่ารปภ. ของคอนโดยืนอยู่ด้านหน้า“มีอะไรหรือเปล่าคะ?” เปิดประตูห้องออกมาถาม ทว่ากลับต้องชะงักงันเมื่อรปภ.หันไปมองทางด้านขวาแล้วเดินออกไปโดยไม่พูดอะไรสักคำ “คุณทิวากร?!”“ผมเอง…ผมรอคุณนานมาก ทำไมกลับดึกขนาดนี้ รู้ไหมว่ากลับดึก ๆ มันอันตราย? ผมซื้อกวยจั๊บเจ้าที่คุณชอบมาด้วยนะ” ทิวากรจ้างให้รปภ. กดกริ่งให้ เพราะรู้ว่าถ้าเขากดเองไม่มีทางที่วราลีจะยอมเปิดประตู เขามารอเธอตั้งแต่สี่ทุ่ม ไม่คิดเลยว่าเธอจะกลับดึกขนาดนี้ แล้วที่รู้ว่าเธออยู่ที่นี่ก็มาจากพนักงานเสิร์ฟร้านนั่นแหละ“มาทำไมคะ? ใครบอกว่าลีอยากกินกวยจั๊บ?! กลับไปเถอะ!” วราลีทำท่าจะปิดประตูห้องใส่หน้าทิวากร ทว่าเขาเอาตัวเองเข้ามาแทรกไว้ได้ทันเวลา“อย่างน้อยก็ขอผมเข้าห้องน้ำหน่อย! รอคุณนานมาก…ผมปวดฉี่จะราดแล้วลี”“ไม่! ไปเข้าที่อื่นสิ! ห้องน้ำยามก็มี!”“ไม่ครับ ผมไม่ใช้ห้องน้ำร่วมกับใครยกเว้นกับคุณ โอ๊ย! ฉี่จะราดแล้วลี…ขอผมเถอะนะ”“ไม่ได้! ออกไปนะ! บอกให้ออกไปไง!” ยังไงก็ให้เขาเข้าห้องน้ำไม่ได้เด็ดขาด เพราะที่ตรว