3
เรื่องสนุก
เมียคนแรกของทิวากรชื่อว่าเวทกา เธอเป็นนักแสดงสาวคนดังที่ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง เวทกานั้นเป็นผู้หญิงคนเดียวที่เกือบจะทำให้ทิวากรรักได้ เธอสดใส อ่อนหวาน เอาใจเก่ง แต่พอตบแต่งเข้ามาอยู่กับเขาแล้ว เธอกลับสนใจแต่เรื่องเที่ยวเล่นไปวัน ๆ ขนาดเขาให้โอกาสเธอได้ทำงานเป็นนักแสดงต่อไป เธอกลับไม่สนใจที่จะทำอะไรเลย งานในเครืออนันต์ก็ไม่เอา จากที่เคยเป็นคนเอาใจเก่งก็กลายเป็นคนที่เรียกร้องเอาทุกอย่างจากเขา อยากได้ทั้งเงินและเวลา อยากได้ทั้งหน้าตาทางสังคม เธออยากได้หลายสิ่งหลายอย่างจากเขา ทว่าไม่เคยคิดจะเป็นฝ่ายให้ เพราะแบบนั้นทิวากรจึงทนอยู่ไม่ได้ แต่งงานกันได้เพียงหนึ่งปี เขาที่เกือบจะรักเธอ…สุดท้ายก็หันหัวเรือกลับ รักไม่ลงแล้วจ่ายเงินให้เธอเซ็นใบหย่าในที่สุด
คนที่สองคือไปรยา ไม่รู้ว่าแม่เขาไปหาผู้หญิงคนนี้มาจากไหน ลูกชายเพิ่งหย่าได้มันถึงสามเดือนก็มีงานแต่งงานเกิดขึ้นอีกครั้ง และเพื่อตัดความรำคาญ ทิวากรยอมแต่งงานกับไปรยาทั้ง ๆ ที่แทบไม่รู้จักเธอเลย คนนี้แต่งกันได้แปดเดือนก็แยกทาง เพราะไปรยาไม่ต่างอะไรจากมิจฉาชีพ เข้าหาเขาเพื่อกอบโกย ใช้เงินเป็นใบไม้ สืบประวัติอย่างจริงจังทิวากรก็ได้พบว่าเธอนั้นแต่งงานมาแล้วกว่าสิบครั้ง และคนที่เธอแต่งงานด้วยจุดจบไม่สวยแม้แต่คนเดียว ไม่ล้มละลายก็ติดคุก แถมยังมีรายหนึ่งตายคาเตียง รู้แบบนั้นทิวากรก็ตัดสินใจหย่าทันที คนนี้เขาไม่ให้เงินเธอแม้แต่แดงเดียว ไม่เอาเรื่องข้อหาขโมยเพชรในตู้เซฟก็ดีเท่าไหร่แล้ว
สุดท้ายคืออลิชา เมียคนที่สามที่เพิ่งหย่าร้างกันไปเมื่อหนึ่งปีกับสามเดือนก่อน คนนี้เป็นคนที่แต่งงานด้วยสั้นที่สุด…นั่นก็คือเพียงสามเดือนเท่านั้น เหตุผลไม่ใช่เรื่องเงิน แต่เป็นเพราะเรื่องชู้ เพราะการแต่งงานมากถึงสามครั้งและไม่เคยเกิดขึ้นจากการยินดีของทิวากร มันทำให้เขาเอือมระอากับการมีเมีย เขาเบื่อเสียงออดอ้อนที่ไร้ความจริงใจ เหนื่อยกับการต้องทนมองผู้หญิงที่ได้ชื่อว่าเมียเรียกร้องเอาทุกอย่างจากเขา กับอลิชา…ทิวากรนั้นเย็นชาที่สุด เขาแทบไม่เข้าใกล้เธอ แทบไม่กลับบ้านไปให้เธอเห็น เพียงแต่งงานตามใจแม่ให้มันจบ ๆ แล้วก็ต่างคนต่างอยู่ อลิชาอยากไปเที่ยวเขาก็ให้ไป เพียงแต่เธอต้องไปคนเดียว เวทกาอยากได้รถเขาก็ให้ อยากได้เงินเขาไม่ติด แต่เมื่อเธอบอกว่าอยากได้ลูกเขากลับให้ไม่ได้ จนกระทั่งวันที่ท้องมันโตขึ้นมาเรื่อย ๆ ทิวากรถึงได้รู้ว่าการแต่งงานครั้งที่สามถึงเวลาต้องจบลงแล้ว เธอท้องกับใครมาก็ไม่รู้…ท้องมาตั้งแต่ก่อนจะแต่งงานกับเขาเสียอีก ทิวากรมั่นใจว่าเด็กในท้องไม่ใช่ลูกเขา เพราะเขาไม่เคยแตะต้องเธอแม้แต่ปลายนิ้ว คนนี้เขาฟ้องหย่าเธอ เป็นเรื่องเป็นราวใหญ่โต…เสียชื่อ เสียเวลา แย่ที่สุดมันทำให้หุ้นเครืออนันต์ตกฮวบ กว่าจะดึงมันกลับขึ้นมาที่ตำแหน่งเดิมทิวากรเหนื่อยไม่น้อย
การแต่งงานทั้งสามครั้งทำให้ทิวากรปักธงเอาไว้แล้วว่ามันจะไม่มีครั้งที่สี่ เขาย้ำกับตัวเองอย่างเด็ดขาดว่าต่อให้แม่หาผู้หญิงที่ดีที่สุดมากองรวมกันตรงหน้าเขาก็จะไม่แต่งงานอีกแล้ว
การมีเมียอาจไม่ใช่คำตอบของชีวิตเขา
การแต่งงานคือหายนะ เขาเผชิญกับมันด้วยตัวเองมาถึงสามครั้ง
และถ้าเกิดมีอารมณ์หงี่ขึ้นมาเขาก็แค่จ่ายเงินซื้อความสุขชั่วครั้งชั่วคราวเอาก็ได้ ไม่ได้มีอะไรยากเลยสักนิด
ความสุขชั่วครั้งชั่วคราวของทิวากรเกิดขึ้นจากผู้หญิงคนเดิม คนเดียว ไม่เคยเปลี่ยนเป็นคนอื่น ตลอดหนึ่งปีที่ครองสถานะโสดเขาเรียกใช้งานวราลีมานับครั้งไม่ถ้วน ไม่เคยหาเหตุผลว่าทำไมเขาถึงเรียกใช้งานเธอแค่คนเดียว ไม่เคยตั้งคำถามว่ามันเป็นเพราะเขาติดใจเธอ ชอบกลิ่นของเธอ หลงใหลในเสียงครางหวาน ๆ ของเธอ บางทีมันอาจเป็นเพราะเธอสะอาดสะอ้าน ไม่พูดมาก ไม่เรียกร้อง หรืออาจเป็นเพราะเขาขี้เกียจต้องมานั่งวุ่นวายหาผู้หญิงคนใหม่
คืนวันอังคาร พฤหัสและเสาร์คือวันที่เขาจะเรียกเธอมาใช้งาน กิจกรรมสร้างความสุขของเขานั้นกินเวลาทั้งคืน เสร็จกิจก็จะวางเงินสดไว้ให้เป็นจำนวนเงินเท่าไหร่ก็แล้วแต่ความพอใจ ซึ่งมันไม่ใช่จำนวนที่เธอเรียกร้อง เขาจ่ายมันตามความพึงพอใจ จ่ายมาแล้วจนนับจำนวนเงินไม่ได้ แต่ครั้งที่จ่ายให้มากที่สุดคือครั้งแรก…จำได้ลาง ๆ ว่าห้าหมื่นบาท จ่ายเพราะเพิ่งจะรู้เข้าตอนที่แก้ผ้าไม่เหลือสักชิ้นว่าเธอนั้นไม่เคยมีประสบการณ์เรื่องอย่างว่ามาก่อน
ความสัมพันธ์ของทิวากรกับวราลีนั้นเรียบง่าย เขารู้จักเธอหน้าตา ชื่อ เขาไม่เคยถามว่าเธออายุเท่าไหร่ บ้านอยู่ที่ไหน เขาแทบไม่เคยคุยอะไรกับเธอนอกจากเรื่องเซ็กส์ เช่นเดียวกับที่เธอก็ไม่เคยถามอะไรเลย เพียงทำตามที่เขาต้องการ หน้าที่ของเธอมีแค่การทำให้ทิวากรพึงพอใจและมีความสุขเพื่อแลกกับเงิน มันเป็นแบบนี้มาตลอดหนึ่งปี ไม่มีความรักความเสน่หามาเจือปน ไม่มีความผูกพันอะไรทั้งนั้นระหว่างเขาและเธอ ทั้งหมดมันคือการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์
เธอให้ความสุขเขา
เขาให้เงินเธอ
“เธอทำงานให้ลูกชายฉันมากี่ปีแล้วรสา?” พิมพ์ประภาเอ่ยถามกับรสา ขณะที่เลขาสาววัยสามสิบกลาง ๆ ลงมาส่งที่ลานจอดรถของผู้บริหาร รสาเป็นคนเดียวที่รู้ทุกการเคลื่อนไหวของทิวากร
“เจ็ดปีแล้วค่ะคุณพิมพ์” เอ่ยตอบอย่างนอบน้อม รสาไม่ใช่คนพูดมาก
“อยู่มาทุกรุ่นเลยสินะ?” พิมพ์ประภายกยิ้มมุมปาก
“ทุกรุ่น?”
“ก็เธอเห็นเมียทั้งสามคนของตาทิวามาหมดแล้วน่ะสิ…”
“อ๋อ…ค่ะ” รสาเพียงพยักหน้าตอบ แม้จะสงสัยอยู่ในใจว่าแม่ของเจ้านายต้องการจะสื่ออะไรกันแน่ แต่ก็ไม่คิดจะถามออกไป
“เธอว่าในบรรดาเมียทั้งสามคนของตาทิวา…คนไหนตรงสเป็กเขาที่สุด?” พิมพ์ประภาเดินนำหน้ารสาอยู่สามก้าว ไม่ได้ถามออกไปเสียงดังแต่ก็ทำให้คนที่เดินตามอยู่ได้ยินอย่างชัดเจน
“รสาไม่ทราบค่ะ” ต่อให้รู้ก็ไม่กล้าพูด ใครจะกล้าพูดว่าเอาเข้าจริงผู้หญิงทั้งสามคนที่แม่เลือกมานั้นไม่ถูกใจลูกชายแม้แต่คนเดียว
“จะไม่รู้ได้ยังไง เธอได้อยู่ใกล้ทิวามากกว่าฉันที่เป็นแม่เขาเสียอีก…พูดมาเถอะ ฉันไม่ว่าอะไรหรอกน่ะ”
“ไม่มีเลยค่ะ” ในเมื่อพิมพ์ประภาเปิดโอกาสให้พูด รสาก็พูด ซึ่งคำตอบนั้นทำให้คนที่เดินนำหน้าอยู่หยุดเดินในทันที
“ไม่มีเลยงั้นเหรอ?”
“อดีตภรรยาของท่านประธานทั้งสามคนเป็นคนสวยค่ะ สวยมาก แต่รสาคิดว่าท่านประธานไม่ได้สนใจเรื่องรูปร่างหน้าตาเท่าไหร่นัก”
“แล้วเขาสนใจอะไร? ตอบมา…ฉันมั่นใจว่าเธอต้องรู้แน่รสา”
“คนที่อยู่ด้วยแล้วสบายใจค่ะ”
“แค่นั้น?”
“ค่ะ” ที่จริงแล้วไม่ต้องเป็นคนใกล้ชิดกับทิวากรอย่างรสาก็พอจะเดาออกได้ง่าย ๆ ทิวากรนั้นเคร่งเครียดกับการทำงาน เหนื่อยกับการต้องแบกรับความรับผิดชอบและความเสี่ยงทุกอย่าง การที่เขาจะต้องการใครสักคนที่อยู่ด้วยแล้วสบายใจ ไม่เหนื่อย ไม่ต้องมานั่งพยายามเอาใจ มันเป็นเรื่องพื้นฐานที่เข้าใจได้ง่ายมาก
“แล้วใครล่ะที่ทิวาอยู่ด้วยแล้วสบายใจ ต้องไม่ใช่ฉันแน่…หนึ่งปีมานี้ฉันได้เจอลูกแค่ครั้งละห้านาที แถมยังไม่ถึงห้าครั้งอีกต่างหาก” พิมพ์ประภารู้ดีว่าเธอไม่ใช่เซฟโซนของลูกชาย
“อันนี้รสาไม่ทราบจริง ๆ ค่ะว่าใครที่ท่านประธานอยู่ด้วยแล้วสบายใจ” ต่อให้รู้ก็ไม่พูดหรอก ไม่มีทางพูดแน่
“เอาเถอะ ยังไงซะฉันก็ต้องทำให้ทิวาผ่านพ้นเรื่องเลวร้ายไปให้ได้ ฉันทำพลาดมาสามครั้งแล้ว…ตาถั่วไปเลือกผู้หญิงบ้าเงินพวกนั้นมาทำให้ลูกชายต้องด่างพร้อย ครั้งนี้ฉันมั่นใจว่ามันจะเป็นครั้งสุดท้าย ทิวาจะไม่ได้แต่งงานครั้งที่ห้าแน่ มันจะจบที่ครั้งที่สี่” ดูเหมือนว่าคำพูดลูกชายจะเข้าหูซ้ายแล้วทะลุออกหูขวาคนเป็นแม่ “ส่งวันว่างของทิวามาให้ที ฉันอยากให้เขาไปเจอหนูป่านดูสักครั้ง”
“ดูเหมือนว่าภายในเดือนนี้ท่านประธานจะไม่มีวันว่างเลยค่ะ”
“ต้องมีสิ หามาให้ได้รสา นี่ถือเป็นคำสั่งของฉัน”
“แต่ว่า…”
“หรือเธอไม่อยากเห็นเจ้านายมีความสุข? ลองไปหาข้อมูลดูแล้วกัน…ปานชีวา เกียรติโรจนอมร” พิมพ์ประภาทิ้งท้ายเอาไว้แค่นั้นก่อนจะเดินนำหน้าออกไปอีกครั้ง ทิ้งให้รสาได้แต่ยืนมองตามอย่างงง ๆ
ปานชีวา เกียรติโรจนอมร
ไม่ต้องหาข้อมูลให้เสียเวลาเลขาลูกสองคนนี้ก็พอจะรู้ว่าเธอคนนั้นเป็นใคร
พนักงานดูแลลูกค้าวีไอพีประจำเลาจน์มีทั้งหมดหกคน ไม่รวมแอดมินต้อนรับลูกค้าที่หน้าเคาน์เตอร์ บาริสต้า พนักงานเสิร์ฟและคนในครัว แค่หกคนเท่านั้นที่มีหน้าที่เข้าใกล้ลูกค้า คอยดูแลเอาใจ ช่วยรันออเดอร์และเสิร์ฟบ้างเป็นครั้งคราว เลาจน์ของห้างโมเมนตัมแบ่งตามระดับการ์ดที่ลูกค้าถือ ซึ่งสถานที่ที่วราลีทำงานอยู่นั้นคือมีชื่อว่าเดอะ ไดมอนด์ เป็นเลาจน์สำหรับลูกค้าที่ถือแบลค การ์ดและจ่ายเงินให้กับห้างไม่ต่ำกว่าสิบล้านบาทต่อปี แน่นอนว่าคนที่มาใช้บริการเดอะ ไดมอนด์นั้นล้วนแล้วแต่เป็นคุณหญิง คุณนาย เป็นดาราระดับตัวท็อป หรือพวกไฮโซที่มีเงินเป็นถุงเป็นถังมาละลายเล่นเพราะแบบนั้นการจะเข้ามาเป็นพนักงานดูแลลูกค้าระดับนี้ได้จะต้องดูดี มีการศึกษา รู้จักวางตัว ที่สำคัญคือต้องมีรสนิยม ลูกค้าส่วนใหญ่ที่มานั่งในเลาจน์ หากไม่มากับคนใกล้ชิด ก็จะเป็นพวกขี้เหงา ต้องการคนเอาใจ หน้าที่อันดับแรกที่พนักงานดูแลต้องทำคือเข้าไปเอาใจและคอยรับฟัง รวมถึงเสนอสินค้าใหม่ ๆ ของห้าง อย่างที่รู้กันดีว่าหากขายได้ก็มีค่าคอมมิชชัน แบ่งเป็นเปอร์เซ็นต์ตามราคาสินค้าและยังได้ทิปส์อีกด้วยหากว่าดูแลดีจนลูกค้าพึงพอใจวราลีทำงานที่นี่มาสองปี เธ
4ได้โปรดคืนวันพฤหัสเป็นคืนที่มีนัดซื้อขายกับทิวากร วราลีตั้งใจเอาไว้อย่างแน่วแน่ว่าเธอจะต้องล้วงลึกเข้าถึงข้อมูลบางอย่างมาให้ได้ สิ่งหนึ่งที่อยากได้คำตอบก็คือความสัมพันธ์ของเขากับปานชีวาไปถึงไหนกันแล้ว และจุดประสงค์ของความสัมพันธ์นี้คืออะไร แค่คบหากันทั่วไปหรือคิดการใหญ่จนถึงขั้นแต่งงาน วราลีอยากรู้ทุกเรื่อง แต่ติดปัญหาอยู่อย่างเดียวคือเธอจะถามเขายังไง จะถามได้ต้องใช้ความกล้ามาก ต้องเสี่ยงว่าอาจทำให้เขาไม่พอใจ แล้วต่อให้ถามไป…เขาก็อาจจะไม่ตอบหรือว่าต้องมอมเขา?อาจเป็นไปได้ ลองมานึกดูอีกที…มีครั้งหนึ่งที่วราลีเคยดื่มไวน์กับทิวากร คืนนั้นเขาเรียกใช้งานเธอเหมือนปกติ แต่ที่ต่างออกไปคือเขาชวนเธอดื่มก่อนขึ้นเตียง ทั้งสองนั่งดื่มด้วยกันท่ามกลางความเงียบงัน แต่มันคือครั้งแรกและครั้งเดียวที่เธอได้เห็นว่าเขาเมา พอเมาแล้วเขาก็ดูเป็นมิตรมากขึ้น เขายิ้มในบางครั้ง ถ้าจำไม่ผิดเขาหัวเราะด้วย หัวเราะทั้งที่ไม่พูดอะไรด้วยซ้ำพอเห็นหนทางที่พอจะเป็นไปได้ วราลีไม่รอช้า เลิกงานปุ๊บก็รีบเปลี่ยนเสื้อผ้าลงไปที่ร้านขายไวน์ งานนี้ต้องลงทุนหน่อย…เอาเงินห้าพันที่ได้จากการเช็ดรองเท้าไปซื้อไวน์นี่แหละ แต่พอถึงเว
“ทำไมถึงคิดว่าท้อไม่ได้ล่ะ?” วันนี้ทิวากรมาแปลกจริง ๆ จิบไวน์ไปด้วยก็มองวราลีไปด้วย นึกครึ้มอะไรก็ไม่รู้ถึงได้สงสัยใคร่รู้มากขนาดนี้“เพราะมีคนที่รออยู่ ถ้าลีท้อแล้วตายไป…ลีจะไม่ได้เจอเขาอีก”“คนรักเหรอ?” เขาเคยสั่งเอาไว้แล้วว่าหากวันไหนที่วราลีมีแฟนให้บอก เขาไม่ชอบใช้ผู้หญิงร่วมกับใคร“พี่ชายค่ะ ป่วยเป็นเจ้าชายนิทรามาเจ็ดปีแล้ว” เอาล่ะ เวลานี้วราลีเข้าใกล้ปานชีวามาอีกนิดแล้ว แค่ไหลไปตามคำถามของทิวากร ก็เหมือนจะมีช่องทางให้เธอได้ถามเขาบ้าง “คุณทิวากรถามเรื่องของลี ถ้าลีจะขอถามเรื่องคุณบ้างได้ไหม?”“ผมไม่ชอบตอบคำถามใคร” เขาเหนื่อยกับการตอบคำถามมากมายในที่ประชุม นอกเวลางานเลยไม่อยากทำอีก “แต่ก็สงสัยว่าคุณอยากรู้อะไรเกี่ยวกับผม”“เยอะเลยค่ะ แต่ไม่กล้าถาม” วราลีอมยิ้ม“ลองถามมาสิ ถ้าอยากตอบผมจะตอบ” ไวน์เข้าปากแล้วมันก็ง่ายแบบนี้แหละ“จะแต่งงานไหมคะ?”“คิดว่าไงล่ะ ผมอายุสามสิบสองแล้ว…เคยหย่ามาสามครั้งแล้วด้วย” คุณคนขรึมไม่มานั่งสงสัยว่าทำไมวราลีถึงตั้งคำถามแบบนั้น เธอถามก็คงเพราะอยากรู้ และข่าวเรื่องเขาเคยหย่ามาแล้วสามครั้งก็มีให้อ่านตามอินเทอร์เน็ต “คุณคิดว่าผมจะแต่งงานอีกไหม?”“อืม…” ครุ
5งานหยาบชัดเจนแล้วว่ารสนิยมเรื่องเซ็กส์ของทิวากรนั้นแตกต่างจากแต่ก่อนราวฟ้ากับเหว เขาสนุกกับการได้งับกัดผิวกายขาวนวลจนมันแดงก่ำห้อเลือด ไม่มีคำว่าเบามือหรือผ่อนแรง แค่วราลียินยอมให้กระทำ เขาก็พร้อมที่จะจ่ายให้เธอมากขึ้น มากเท่าไรก็ได้ตามความเจ็บปวดที่เธอได้รับ ข้อมือทั้งสองข้างของเธอยังคงถูกมัดเอาไว้ สองคนยังคนนัวเนียกันอยู่บนโซฟาหนังตัวยาว ทิวากรโหมกระหน่ำความซาบซ่านแสนรุนแรงอย่างไม่หยุดยั้ง เข้าสุดออกสุด เน้นหนักกระแทกแรงจนสะเทือนไปทุกส่วนทิวากรจับวราลีกดกระแทกจนร่างบางนั้นแทบจะจมหายลงไปในโซฟา สิ่งที่เธอตอบรับการกระทำของเขาได้ก็มีเพียงเสียงคราง บางครั้งก็ครางเพราะความเสียวรุนแรง แต่หลายครั้งที่เสียวนั้นมาจากความเจ็บปวด ยิ่งเขาเร่งความเร็ว ยิ่งเข้าคว้าเอาสองเต้ามาดูดสลับกัดเธอก็ยิ่งคราง ไม่รู้จริง ๆ ว่าสิ่งที่เขากำลังทำมันเกิดมาจากรสนิยมส่วนตัวที่เพิ่งกล้าเปิดเผย หรือมันมาจากความเครียดที่สั่งสมมานานหลายปี วราลีได้แต่หวัง…หวังเหลือเกินว่ามันจะไม่รุนแรงมากไปกว่านี้“ฮึก! คุณทิวากร…อ๊ะ! ลีเจ็บ! กัดตรงนั้นมันเจ็บมาก…” สองมือที่ถูกมัดเอาไว้ทำให้เธอปัดป่ายเขาออกไปไม่ได้ ได้แต่ส่ายหน้าไป
วราลีชำระค่ารักษาที่คงค้างเอาไว้จนเสร็จสิ้น แต่พอทำเรื่องขอย้ายพี่ชายไปพักที่ห้องผู้ป่วยในซึ่งเป็นห้องพิเศษ ค่าใช้จ่ายมันก็เพิ่มขึ้นมา ยังดีที่พอมีเวลาให้หาเงิน จัดการเรื่องพี่ชายเสร็จก็กลับมาทำงานต่อ ทว่าเธอไม่มีกะจิตกะใจจะทำอะไรแล้ว วันนี้กลับบ้านไปก็ต้องไปเจอกับคนทวงหนี้ แล้วเธอจะทำยังไง…เธอไม่มีเงินไปจ่ายดอกเบี้ย ตอนนี้ทั้งตัวเหลืออยู่แค่สามพันบาท จะให้บากหน้าไปขอยืมจากรสาก็ไม่กล้า เพราะที่ผ่านมาพี่สาวข้างบ้านก็ช่วยเธอมาจนนับครั้งไม่ได้แล้วก็คงต้องยอมโดนซ้อมเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา เวลาที่หาเงินมาจ่ายดอกเบี้ยไม่ทัน…สิ่งเดียวที่ทำได้คือยอมให้พวกลูกน้องของไอ้ชาติซ้อมเธอจนน่วม พอจะไปรับงานกับทิวากรก็แค่หาเครื่องสำอางกับรองพื้นมาโบกทับเข้าไป ไม่มีใครอยากนอนกับคนที่ช้ำไปทั้งตัวหรอก ถ้าเขาเห็นรอยช้ำก็คงหมดอารมณ์เอาเธอไม่ลง แบบนั้นก็เท่ากับว่าเธอเสียรายได้ไป ไม่ได้เด็ดขาด ยังไงก็จะพลาดโอกาสได้ซื้อขายกับทิวากรไปไม่ได้“คุณลี” เสียงหนึ่งเรียกปลุกให้วราลีหลุดออกจากภวังค์แห่งความคิด หันไปทางต้นเสียงก็ได้เห็นปรีติ ลูกค้าวีไอพีของห้างที่ชอบมานั่งรอเวลาที่เลาจน์ และเขาก็ชอบคุยกับเธออย่างเป็นมิต
6คนคุ้นเคย“สรุปว่าคุณลีมีเรื่องไม่สบายใจ แต่ไม่อยากบอกผมว่ามันเป็นเรื่องอะไรใช่ไหม?”ปรีติถามพร้อมรอยยิ้มแสนอบอุ่นก่อนจะจิบอเมริกาโน่ เขานั่งไขว่ห้างในท่าสบาย ๆ มองดูใบหน้าสวยของคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม สบายใจทุกครั้งที่มาที่นี่ รู้สึกดีที่ได้นั่งคุยกับเธอ ที่จริงแล้วปรีติชอบวราลี ไม่รู้หรอกว่าความรู้สึกพิเศษนี้มันใช่เชิงชู้สาวหรือไม่ เขาก็แค่ชอบตัวเองเวลาที่อยู่กับเธอ ชอบเธอเวลาที่อยู่กับเขา มันง่าย ๆ แค่นั้น“คุณปลื้มมานั่งที่นี่เพื่อพักผ่อน แล้วลีจะเอาเรื่องไม่สบายไปใจไปเล่าให้ฟังทำไมล่ะคะ หน้าที่ของลีคือทำให้ลูกค้ารู้สึกผ่อนคลายค่ะ” เล่าไปก็อายเปล่า ๆ จะไปบอกเขาทำไมว่าเธอมีหนี้ก้อนโตรอให้เครียด มีพี่ชายที่ต้องดูแล จะเล่าให้เขาฟังถึงความบัดซบในชีวิตเธอไปเพื่ออะไร ปรีติเป็นคนใจดี เล่าไปวราลีก็พอจะเอาได้ว่าเขาต้องยื่นมือเข้ามาช่วย เธอไม่อยากได้เงินจากเขา ไม่ชอบรับเงินจากใครฟรี ต่อให้ยืมก็เถอะ ถ้าจะเอาเงินจากใครแบบที่จงใจจะเอามาอย่างเดียว ขอให้เงินนั้นเป็นของปานชีวาคนเดียวก็พอ!“เจ็บจี๊ด…คุณลีมองว่าผมเป็นแค่ลูกค้าเองเหรอเนี่ย? ผมคิดว่าเราเป็นเพื่อนกันซะอีก…คิดไปเองตั้งนานว่าเราสนิทก
ในตอนที่เขาลังเลกับชื่ออันคุ้นเคยและลังเลว่าจะรับสายดีหรือไม่ หางตาก็เห็นภาพสะท้อนจากผนังที่เลาจน์ที่เป็นอะลูมิเนียม มันเงาจนสะท้อนเห็นภาพใครบางคนที่ยืนแอบอยู่หลังบาร์เครื่องดื่ม เห็นเธออย่างชัดเจน…เพียงเท่านั้นไอ้เรื่องคุ้น ๆ ทั้งหลายแหล่ก็ถูกเฉลย นิ้วโป้งเคลื่อนปาดหน้าจอรับสายในทันที[ลี! กว่าจะรับสายพี่ได้…ไม่ต้องถามอะไรทั้งนั้นนะ รีบออกมาจากเลาจน์! ออกมาตอนนี้เลย…ออกด้านหลังนะ คุณทิวากรกำลังไป!]“…”[รอดมาให้ได้นะลี! ถ้าโดนจับได้ขึ้นมาพวกเราซวยกันหมดแน่!]“ใช่ พวกคุณซวยกันหมดแน่”[นะ…นั่น! คะ…คุณทิวากรเหรอคะ?!]“ให้เจ้าของโทรศัพท์ไปเจอผมที่เดิม คืนนี้สี่ทุ่ม” จบแค่นั้นทิวากรก็ตัดสายทิ้ง เป็นเวลาเดียวกับที่ปรีติเดินเข้ามานั่งที่โต๊ะเพราะกับพนักงานนำเหล้ามาเสิร์ฟพอดี“รับอะไรเพิ่มเติมไหมคะคุณทิวากร?”“ไม่ แล้วก็ไม่ต้องส่งใครมาดูแล ผมอยากนั่งเงียบ ๆ”“ค่ะ” ทันทีที่พนักงานเดินออกไป ประธานหนุ่มก็คว้าเหล้ามารินใส่แล้ว กระดกดื่มรวดเดียวจนหมด ทำเอาปรีติถึงกับแปลกใจ“ใจเย็นไอ้ทิวา ค่อย ๆ เครียดอะไรขนาดนั้น?”“นางฟ้าของมึง…ชอบมากเลยเหรอ?” นางฟ้าที่เป็นนางบำเรอ ขายตัวรับเงินจากเขา จะเอาไปรัก
7ผมให้ได้แค่นี้วราลีเป็นแค่ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ที่ไม่ได้มีความฝันใหญ่โตอะไร ไม่ได้อยากมีเงินมากมายหรือรวยจนล้นฟ้า เธอแค่ไม่อยากลำบาก ไม่อยากต้องทรมานกับการวิ่งหน้าตั้งหาเงิน ใช้ชีวิตให้ผ่านพ้นไปแต่ละวันเพื่อตื่นขึ้นมาหาเงินใหม่ เธอเหนื่อยเหลือเกินกับชีวิตที่ขาดเงินอยู่ตลอดเวลา เธอก็แค่…อยากมีบ้านเล็ก ๆ ที่ไม่ต้องเช่าเขา อยากทำงานโดยที่สิ้นเดือนแล้วก็ยังมีเงินเก็บเหลือ พอจะไปซื้อของที่อยากได้บ้างสักนิด อยากจะกินของอร่อย ๆ ที่ไม่ต้องมานั่งเสียดายเงิน ได้มีชีวิตที่เรียบง่ายกับพี่ชาย ได้เลี้ยงหลาน ๆ ลูกของพี่ชายไม่ได้ใฝ่ฝันในสิ่งที่ใหญ่โตเกินกว่าตัวเอง บางครั้งที่รู้สึกโดดเดี่ยว ก็แค่อยากได้รับความรัก เธอเพียงอยากรู้สึกถูกรัก แต่เหมือนว่ามันเป็นอะไรที่ยากมากมายเหลือเกิน คนอย่างเธอ…มีดีอะไรให้ถูกรักอย่างนั้นหรือ? วัน ๆ เคยได้ออกไปเจอใครบ้างนอกจากทำงาน แล้วใครกันที่จะมารักผู้หญิงขายตัวอย่างเธอ? ไม่มีหรอก สักวันเธออาจตายก่อนที่พี่ชายจะฟื้นขึ้นมาก็ได้ ก็ไม่รู้จริง ๆ ว่าชีวิตของเธอจะไปสิ้นสุดที่จุดไหน เหนื่อยเหลือเกิน…เหนื่อยเหมือนจะทนไม่ไหวแล้ว“อึก!” ลูกน้องของไอ้ชาติซ้อมเธอจนน่วม ปล่อยให้นอ
พอแดดร่มลมตก สามคนพ่อ แม่ ลูกก็ออกมานั่งที่ริมชายหาด คุณแม่คอยนั่งมองลูกสาวขี่หลังคุณพ่อ พากันวิ่งเล่นไปมาอยู่ริมทะเล เป็นภาพที่เธอเคยวาดฝันเอาไว้ ไม่คิดเลยว่ามันจะเป็นจริงขึ้นมาได้ มองออกไปยังสองคนที่เธอรักเท่าชีวิต ที่ตรงนี้…บนพื้นที่ดินของพ่อแม่ คิดแล้วน้ำตาแห่งความสุขและความคิดถึงก็รื้นขึ้นมา“พ่อขา…แม่ขา…พี่วิน อยู่ข้างบนนั้นเป็นยังไงกันบ้างคะ? ตอนนี้ลีสบายดีมากเลยนะ ยังคิดถึงทั้งสามคนอยู่เสมอนะ ไม่ต้องห่วงอะไรอีกแล้วนะรู้ไหม ลีมีความสุขมาก ได้กินอย่างดี ได้นอนหลับอย่างดี ไม่ต้องทำงานเหนื่อยเหมือนเมื่อก่อน คุณทิวาเขาดูแลลีกับลูกเป็นอย่างดีเลยนะคะ” แหงนหน้ามองท้องฟ้า น้ำตาก็ไหลริน คนที่จากไปแล้วยังอยู่ในหัวใจและความทรงจำของเธอเสมอ และเมื่อคิดถึงพวกเขาก็ต้องมีน้ำตาอยู่ทุกครั้ง แต่มันคือน้ำตาแห่งความคิดถึง“หม่ามี๊! มาเล่นกันเถอะ!” เสียงลูกน้อยตะโกนมาแต่ไกล วราลีก็รีบปาดน้ำตาแล้วลูกขึ้นไปหาทันที “เดินไปตรงโน้น! ด่าดี๊พาจะกายไปตรงโน้น”“ตรงไหนคะ?” ทิวากรมองตามมือที่น้องสกายชี้นิ้วไป ขณะที่ส่งมือตัวเองไปรอรับมือภรรยาสาวมากุมไว้“ตรงโน้นค่ะ ตรงที่มีท้องฟ้ากับทะเลเชื่อมต่อกัน”“โถ่ลูก…เ
32พ่อ แม่ ลูก“พ่อชื่อทิวากรแปลว่าพระอาทิตย์ แม่ชื่อวราลีแปลว่าพระจันทร์ อย่างนั้นลูกก็ต้องชื่อดวงดาวสิ อยู่บนท้องฟ้าเหมือนกัน”อีกสองเดือนลูกจะคลอดแล้วแต่พ่อกับแม่ยังเถียงกันเรื่องตั้งชื่อลูกไม่จบ คนเป็นพ่อดูเหมือนจะชอบของโบราณเป็นพิเศษ ฟังเพลงเก่าไม่พอยังสรรหาชื่อเก่า ๆ ของคนยุคก่อนมาตั้งให้ลูกอีก นวดเท้าให้เมียไปเขาก็พูดชื่อลูกไป เงยหน้าแหงนมองทางนั้นที ทางนี้ทีแต่ไม่คิดจะหันมองหน้าเมียที่ตอนนี้ทำตาเขียวใส่เขาอยู่“หรือจะชื่อดวงดารา?”“พอได้ไหมคะที่รัก? จะดวงดาวหรือดวงดาราน่ะ ไม่ใช่ว่าไม่ดีหรอกนะแต่ว่าลองหาดูสิ…ลีว่าคนล่าสุดเด็กที่ชื่อดวงดาวตอนนี้น่าจะอายุสี่สิบไปแล้ว” ก็ไม่อยากจะบู้บี้คนชื่อดวงดาว แต่นี่มันยุคไหนแล้ว…ตั้งไปแบบนั้นลูกสาวเธอได้ร้องไห้ไม่หยุดเพราะอายเพื่อนที่โรงเรียนพอดี ตอนเด็กน่ะไม่เท่าไร แต่พอโตขึ้นมาล่ะก็โดนล้อแน่ ๆ“ก็แล้วที่รักจะตั้งชื่อว่าอะไรล่ะ? ลูกเราจะคลอดอยู่อีกไม่กี่วัน…ตอนนี้ยังหาชื่อไม่ได้เลย” เมียท้องโตขึ้นทุกวัน แต่ก็ยังไม่ยอมหยุดเดิน พอเดินมาก็ปวดเท้า เขาต้องมานวดให้ก่อนนอนทุกคืน แต่ก็นวดด้วยความเต็มใจ เพราะวันนี้ได้รู้ว่าลูกในท้องนั้นเป็นลูกสาว มั
“ครางดังขนาดนี้ลูกต้องตื่นแล้วล่ะ”“งื้อ! แบบนั้นน่าอาย…” พอคิดว่าไม่อยู่กันสองต่อสองแต่มีลูกน้อยในท้องอยู่ด้วย วราลีก็อดจะเขินอายขึ้นมาไม่ได้ “ลูกจะรู้ไหมว่าพ่อกับแม่ทำอะไรกันอยู่?”“ไว้ผมจะถามตอนเขาคลอดออกมา”“งื้อ! อ๊ะ! คุณทิวา…ฮื่อ…อย่าหยุดนะคะ อ๊ะ! ลีเสียวมากเลย…เสียวเหมือนจะเสร็จ” วราลีเกร็งหนักเพราะความกระสันเสียว เธอร้องขอให้เขาทำต่อไป ครวญครางออกมาด้วยน้ำเสียงกระเส่าสั่น แน่นอนอยู่แล้วว่าทิวากรไม่คิดจะหยุด ที่ผ่านมาให้เธอบำเรอสุขให้เขามามาก ต่อจากนี้ไปเขาเป็นคนบำเรอเธอเอง “อื้อ! อ๊ะ! ใกล้แล้วค่ะ อ๊าห์! คุณทิวา…อื้อ! อึก!”“จุ๊บ! ชอบตอนคุณครางเสร็จ” จูบแก้มเธอพร้อมรอยยิ้มชอบใจที่ทำให้เมียเสร็จได้ เมื่อก่อนไม่เคยจะพูดว่าชอบอะไร แต่เดี๋ยวนี้ล่ะพูดเอาไม่หยุด เดี๋ยวชอบนั่น เดี๋ยวชอบนี่ บอกตลอดเหมือนกลัวเธอจะไม่รับรู้“อึก! เลียให้ลี…” วราลีไม่เขินอายแล้ว เอาจริง ๆ ลูกไม่รู้หรอกว่าพ่อกับแม่ทำอะไรกันอยู่ ร้องขอให้เขาทำแบบนั้น…ทำแบบที่เคยทำ “นะคะ เลียตรงนั้นให้ลีหน่อย”“อ้อนผมอีก”“คุณทิวาขา…ลีอยากเสร็จอีกแล้ว ช่วยเลียให้ลีหน่อยได้ไหมคะ?” เขาอยากให้เธออ้อน เธอก็อ้อน…ก็ตอนนี้มีสิ่งที่
31ขอบคุณที่เกิดมาบนโลกใบนี้อีลี! ไอ้ลี! อีนังชั้นต่ำวราลี!คำจิกหัวเรียกที่โดนมาเกือบทั้งชีวิตถูกแทนที่ด้วยคำว่าคุณวราลี อนันต์ธีรกุล ภรรยาสาวคนสวยของทิวากร อาจพูดได้ว่าเมื่อสถานะเปลี่ยน ชีวิตก็เปลี่ยนตามไปด้วย วราลีไม่ต้องคอยเอาใจใคร ไม่ต้องก้มหัวทำตัวนอบน้อมให้กับใครอีกต่อไปแล้ว ทุกคนพากันยกย่องเธอ ยกเธอขึ้นให้อยู่สูง ทว่าเธอเกลียดวัฒนธรรมแบบนั้นเป็นเมียทิวากรผู้ยิ่งใหญ่แล้วยังไง?มีเงินมากกว่าแล้วยังไง…สุดท้ายก็มีวันต้องตายจากโลกใบนี้เหมือนกันทุกคนอยู่ดี กินน้อย กินเยอะ กินหรู กินแพง กินเข้าไปแล้วก็อิ่ม อิ่มแล้วก็ถ่ายออกมาเป็นก้อนเหมือนกันหมด สิ่งที่วราลีตั้งใจว่าจะไม่ทำก็คือสิ่งที่เธอโดนมาทั้งชีวิต อะไรที่เคยต้องการให้ผู้อื่นปฏิบัติด้วย เธอจะทำ จะให้เกียรติ จะพูดจาดี ๆ จะมองว่าทุกคนก็มีคุณค่าความเป็นมนุษย์ไม่ต่างจากเธอเมื่องานแต่งงานสุดอลังการจบลงคุณสามีก็พาภรรยาสาวของเขากลับมาที่บ้าน บ้านซึ่งเธอไม่เคยรู้ว่าเป็นยังไง บ้านที่เขาไม่เคยเปิดต้อนรับใครหน้าไหนแม้กระทั่งพิมพ์ประภาผู้เป็นแม่ พอมาถึงก็พาเธอเดินชมรอบตัวบ้าน ช่างเป็นบ้านหลังใหญ่ที่กว้างขวางและปลอดโปร่ง ทว่าไร้ชีวิตชีวา ก
รสากลับไปได้สักพักปรีติที่ได้รู้เรื่องก็ตามมาเยี่ยม เขาบอกกับวราลีว่าหากเธอจะตอบรับความรักของทิวากรเขาก็เข้าใจ และหากว่าสุดท้ายเธอจะลาคลอด หรือแม้แต่ลาออกเขาก็ยินดียอมรับการตัดสินใจของเธอ เขาทิ้งท้ายไว้เพียงแค่ว่าเขายังชอบที่ได้มีเธออยู่ในชีวิต จะในฐานะเพื่อนหรือพี่สะใภ้ เขาก็ยินดีทั้งนั้น และเขาไม่ได้เกลียดอะไรทิวากร แค่ยังโกรธที่ญาติเวรตะไลมันชอบวางท่าหวงก้างใส่เขาก็เท่านั้นกระทั่งปรีติขอตัวกลับไปได้พักใหญ่แล้วทิวากรก็ยังไม่ตื่นขึ้นมา วราลีนั่งเฝ้าเขาไม่ยอมห่าง กุมมือหนาเอาไว้ไม่ยอมปล่อย อดคิดไม่ได้ว่าถ้าหากการกระทบกระแทกที่เกิดขึ้นในวันนี้มันไปโดนเส้นประสาทสำคัญจนทำให้เขาไม่ฟื้นหรือกลายเป็นคนไข้ติดเตียงเธอจะทำยังไง ต้องมาเลี้ยงเขาไปทั้งชีวิตหรือ? ไม่เอาด้วยหรอก คอยดูสิว่าถ้าเขาไม่ฟื้นขึ้นมาล่ะก็…เธอทิ้งเขาแน่ จะทิ้งจริง ๆ ด้วย“อื้อ!” คิดได้ไม่เท่าไร คนนอนหลับก็ลืมตาขึ้นมาพร้อมเสียงอู้อี้“ฟื้นแล้วเหรอ?”“ลี…”“ฮึก! ค่อย ๆ ลุกค่ะ ค่อย ๆ นะ” วราลีรีบเข้าไปช่วยเขาปรับท่านั่ง ดึงหมอนขึ้นมารองรับแผ่นหลังของเขาไว้“ทำไมร้องไห้อีกแล้ว?” ตื่นมาก็ได้เห็นน้ำตาเธอเลย นิ่วหน้าไม่ชอบใจ เคยเห็
30จะรักษาไว้อย่างดีทิวากรตีรถจากหัวหินมาถึงกรุงเทพภายในเวลาหนึ่งชั่วโมงเศษ เหยียบคันเร่งแบบไม่คิดชีวิตเพราะอยากไปรับเมียให้ทันเที่ยงคืน เขาบอกไว้แล้วว่าเธอคือเป้าหมายสำคัญสูงสุดในชีวิต แต่ถึงอย่างนั้นก็ใช่ว่าจะทิ้งงานไปเลย ยังไงเขาก็ยังต้องรับผิดชอบหน้าที่การงาน พอจัดการปัญหาเสร็จก็รีบบึ่งมาถึงที่ โชคดีที่มาทัน เวลาสี่ทุ่มบาร์ยังไม่ปิด รีบเข้ามาข้างในทำตัวเป็นลูกค้า เพื่อรอเมียกลับบ้าน วันนี้เขาไม่ได้เจอเธอมาทั้งวัน คิดถึงจนใจจะขาด พอได้เจอก็อยากจะเข้าไปกอดไปหอมให้หายคิดถึง แต่แค่เดินเข้ามาในบาร์…เขากลับต้องยืนนิ่งมองเหตุการณ์วุ่นวายตรงหน้า“ดื่มไม่ได้จริง ๆ ค่ะคุณลูกค้า เวลานี้เป็นเวลาทำงาน…พนักงานไม่ได้รับการอนุญาตให้ดื่ม” ไฟความเป็นผัวมันพลุ่งพล่านเมื่อทิวากรได้เห็นภาพที่ไม่ต้องการจะเห็นไปอีกตลอดชีวิต คือภาพเมียเขาต้องมาคอยก้มหัวเอาใจใคร เวลานี้วราลีกำลังถูกพวกเมาแล้วหื่นลวนลามทางสายตาและคำพูด มันยื่นแก้วเหล้าให้เธอ คะยั้นคะยอให้เธอดื่ม“ดื่มหน่อยเถอะน่ะ ฉันเป็นลูกค้านะ ฉันอนุญาตแล้วใครจะมาว่าอะไรเธอได้? ดื่ม! ฉันสั่งให้เธอดื่ม!”“ดื่มไม่ได้จริง ๆ ค่ะ ต้องขอประทานโทษคุณลูกค้าด้วย
ทิวากรโยนงานของตัวเองให้คนอื่นทำ จะรับพิจารณาเฉพาะเรื่องที่สำคัญมากเท่านั้น เพราะตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับเขาก็คือการตามเมียตามลูก เขามาส่งวราลีที่บาร์ แล้วก็นั่งเฝ้าเธออยู่ในร้าน แม้ว่าเธอจะไล่แล้วไล่อีกแต่เขาก็ไม่ยอมไปไหนทั้งนั้น วันนี้เขารู้ว่าปรีติติดงานที่บริษัทก็เลยไม่ได้เข้ามาที่ร้าน เพราะแบบนั้นก็แปลว่าทางสะดวก ไม่มีหมาตัวอื่นมาวนเวียนอยู่ใกล้เมียเขาแล้ว“ผมทำเอง” เห็นวราลียกถาดรองแก้วเตรียมเอาออกมาจัดเรียก ทิวากรก็รีบเข้าไปแย่งถาดมาถือไว้เอง ที่จริงมันก็ไม่ได้หนักอะไร รู้ว่ายังไงวราลีก็ยกไหวอยู่แล้ว แต่ไม่ได้…เขาจะไม่ให้เธอทำงานใช้แรงงานอีกต่อไปแล้ว“นี่คุณยังไม่กลับไปอีกเหรอ?”“จะรอรับคุณกลับด้วยกัน ให้ยกไปไหนครับ?” เขาพูดครับกับเธอแทบทุกคำ แบบนี้ต่อไปคงได้ตำแหน่งคนกลัวเมียไปครอง“ยกไปไว้ตรงนั้น” วราลีชี้ไปยังพื้นที่หลังเคาน์เตอร์บาร์ ก่อนจะหันไปหยิบไม้ถูพื้นเตรียมจะถูพื้นต่อ แต่ยังไม่ได้ทำอะไรทั้งนั้นทิวากรก็รีบเข้ามาแย่งไม้ถูพื้นจากมือเธอไป“ผมทำเองครับ คุณไปนั่งพักเถอะนะ เดี๋ยวผมจะถูพื้น เช็ดกระจก จัดโต๊ะทั้งหมดนี่เอง”“งั้นไปล้างห้องน้ำด้วยเลยสิ”“โอเคครับ” เธอประชด
29ผมจะเป็นคนที่เหนื่อยเองตุบ!วราลีเปิดประตูห้องออกมาในตอนสิบเอ็ดโมงของวันใหม่ ตกใจไม่น้อยที่ได้เห็นทิวากรนั่งสัปหงกอยู่หน้าห้อง พอเปิดประตูตัวเขาที่หลับไม่รู้เรื่องก็ทิ้งตัวลงไปนอนที่พื้น เมื่อคืนเธอไล่ให้เขากลับไป ก็คิดว่าเขากลับไปแล้ว…ไม่รู้เลยว่าที่แท้ชายหนุ่มมานั่งเฝ้าอยู่หน้าห้องแบบนี้“ลี…” เขางัวเงียลืมตาขึ้นมา พอเห็นเธอก็ยิ้มดีใจ รีบคว้าถุงอะไรสักอย่างลุกขึ้นยืนแล้วยื่นมันให้เธอ“อะไรคะ? แล้วทำไมคุณไม่กลับไปนอนที่บ้าน? มานั่งหลับอยู่หน้าห้องลีทำไม?”“ในถุงมีโจ๊กหมูพิเศษแบบใส่ไข่แล้วก็มีของกินสำหรับบำรุงครรภ์” ทิวากรเฝ้าวราลีตั้งแต่เมื่อคืน โทรไปสั่งงานรสาตอนตีสอง บอกว่าอยากได้หนังสือที่ให้ความรู้เรื่องการดูแลแม่ตั้งครรภ์ สั่งตอนตีสอง! แล้วบอกว่าอยากได้ตอนตีสาม! เป็นงานที่ยากไม่น้อยแต่รสาก็หาให้จนได้ เขาเลยได้นั่งอ่านหนังสือรอเวลาหกโมงเช้า เพื่อที่จะได้ออกไปซื้อโจ๊ก แต่ไม่คิดว่าวราลีจะออกจากห้องมาในตอนสิบเอ็ดโมง“ลีกินมื้อเช้าไปแล้วค่ะ นี่จะออกไปทำงาน แล้วนั่นหนังสืออะไร?” เห็นหนังสือวางอยู่ที่พื้น ก็อดจะสงสัยไม่ได้“หนังสือความรู้เรื่องแม่ตั้งครรภ์ ตอนนี้ผมรู้แล้วนะว่าช่วงเ
ติ๊งต่อง!เสียงกริ่งหน้าห้องที่ดังขึ้นมาในเวลาตีหนึ่งครึ่งทำเอาวราลีสะดุ้ง รีบปาดน้ำตาแล้วออกไปที่ประตู ส่องตาแมวแล้วก็ได้เห็นว่ารปภ. ของคอนโดยืนอยู่ด้านหน้า“มีอะไรหรือเปล่าคะ?” เปิดประตูห้องออกมาถาม ทว่ากลับต้องชะงักงันเมื่อรปภ.หันไปมองทางด้านขวาแล้วเดินออกไปโดยไม่พูดอะไรสักคำ “คุณทิวากร?!”“ผมเอง…ผมรอคุณนานมาก ทำไมกลับดึกขนาดนี้ รู้ไหมว่ากลับดึก ๆ มันอันตราย? ผมซื้อกวยจั๊บเจ้าที่คุณชอบมาด้วยนะ” ทิวากรจ้างให้รปภ. กดกริ่งให้ เพราะรู้ว่าถ้าเขากดเองไม่มีทางที่วราลีจะยอมเปิดประตู เขามารอเธอตั้งแต่สี่ทุ่ม ไม่คิดเลยว่าเธอจะกลับดึกขนาดนี้ แล้วที่รู้ว่าเธออยู่ที่นี่ก็มาจากพนักงานเสิร์ฟร้านนั่นแหละ“มาทำไมคะ? ใครบอกว่าลีอยากกินกวยจั๊บ?! กลับไปเถอะ!” วราลีทำท่าจะปิดประตูห้องใส่หน้าทิวากร ทว่าเขาเอาตัวเองเข้ามาแทรกไว้ได้ทันเวลา“อย่างน้อยก็ขอผมเข้าห้องน้ำหน่อย! รอคุณนานมาก…ผมปวดฉี่จะราดแล้วลี”“ไม่! ไปเข้าที่อื่นสิ! ห้องน้ำยามก็มี!”“ไม่ครับ ผมไม่ใช้ห้องน้ำร่วมกับใครยกเว้นกับคุณ โอ๊ย! ฉี่จะราดแล้วลี…ขอผมเถอะนะ”“ไม่ได้! ออกไปนะ! บอกให้ออกไปไง!” ยังไงก็ให้เขาเข้าห้องน้ำไม่ได้เด็ดขาด เพราะที่ตรว