วราลีทำหน้าอยากตายจะขึ้นมาทันทีเมื่อหันไปเห็นปานชีวาเดินควงแขนมากับทิวากร และเมื่อปานชีวาได้เห็นวราลีกับปรีติ เธอเองก็ทำหน้าไม่ถูกเหมือนกัน หันมองคนข้าง ๆ ที่เดินทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้“เจอสองคนนั้นอีกแล้ว นี่ทิวารู้มาก่อนหรือเปล่าว่าพวกเขามาที่นี่?”“ไม่รู้ครับ ผมจะรู้ได้ยังไง” ยักไหล่ตอบ ทั้งที่ก่อนหน้านี้ตอนมาถึงหน้าร้านแล้วขอตัวจากปานชีวาแล้วเดินหลีกออกมาคุยโทรศัพท์ นั่นก็เพื่อโทรเช็กให้แน่ใจว่าปรีติกับวราลีอยู่ที่ร้านนี้แน่ เขาเดาเอาไว้ไม่มีผิดว่าที่วราลีบอกว่ามีธุระ นั่นคือการออกมาเจอปรีติ แล้วก็เดาได้อย่างแม่นยำว่าญาติของเขาจะต้องพอเธอมาที่นี่“เจอกันอีกแล้วนะปลื้ม” ปานชีวาจำใจต้องทักทายเพื่อนสมัยเรียน ก่อนจะหันมามองหน้าวราลี “ลีเองก็เหมือนกัน เจอกันอีกแล้ว”“นั่งสิ ๆ” ปรีติขยับตัวให้ทิวากรมานั่งข้าง ๆ ขณะที่วราลีก็จำใจต้องขยับให้ปานชีวา “สองคนนี้นี่ยังไง? เดตกันแล้วเหรอ?”“คิดว่าไงล่ะ?” เป็นปานชีวาที่ถามกลับ“เอาจริงดิ?” ปรีติหันถามญาติตัวเองที่ตอนนี้เอาแต่จ้องหน้าวราลีไม่วางตา “คบกันแล้วจริงดิ?”“ให้คุณป่านตอบดีกว่า” ทิวากรไม่อยากเป็นคนตอบว่าใช่ เพราะความสัมพันธ์นี้ไม่ได้เกิดจากค
21ผมไม่มีวันรักคุณแม้แต่วันเสาร์ก็ยังเป็นวันที่ทิวากรเข้ามาทำงานที่บริษัท ทว่าจิตใจเขาไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เอาแต่คิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืน เขาสงสัย เขาตั้งคำถาม ว่าเขาทำไมตัวเองถึงไม่สามารถละสายตาไปจากวราลีได้ แล้วทำไมเธอที่บอกว่าอยากได้ความรักจากเขา ถึงไม่มองหน้าเขาเลย ทำไมเธอถึงเอาแต่โกรธเขาอยู่ได้ ไม่ว่าจะพูดอะไร ทำไมมันถึงไม่เข้าหูเธอเลยสักอย่าง แล้วทั้งที่รู้ว่าเขาสั่งห้ามไปเจอกับปรีติ ทำไมเธอถึงยังไม่เจออยู่อีกมันมีคำถามว่าทำไมวิ่งวุ่นอยู่เต็มหัวเขาไปหมดก็ไม่รู้ คิดเท่าไรก็คิดไม่ออก ว่าทำไมหลายวันมานี้วราลีถึงกวนใจเขาไม่หยุด เขารู้สึกกังวลและไม่สบายตัวเวลาที่อยู่ห่างจากเธอ รู้สึกเหมือนอยากรีบทำงานให้มันจบ ๆ แล้วรีบกลับบ้าน แต่พอกลับไปที่บ้านก็รู้สึกว่ามีที่อื่นที่อยากไปมากกว่า สุดท้ายเขาก็ทนไม่ไหวต้องไปที่เพนท์เฮาส์ แต่ไปแล้วกลับต้องมาทะเลาะกับเธอ เขาไม่เข้าใจว่าตัวเองเป็นอะไรกันแน่“คุณทิวากรคะ” รสาเดินเข้ามาหยุดตรงหน้าโต๊ะทำงาน ได้ยินชื่อตัวเองทิวากรก็สามารถหลุดออกจากภวังค์แห่งความคิดได้ “วันนี้ช่วงบ่ายรสาคงต้องเข้าไปพบคุณศรัยฉัตรพร้อมทนายความค่ะ”“ได้เรื่องว่ายังไงบ
ถามว่าวราลีจงเกลียดจงชังหรือเจ้าคิดเจ้าแค้นกับศรัยฉัตรหรือไม่ ตอบได้เลยตรงนี้ว่าเธอไม่ได้แยแสอะไรดาราสาวมากมาย แค่ตอนนั้นได้ตบหน้ากับถีบคืนไปก็ถือว่าได้ความสะใจแล้วก็จบลงแล้ว ไม่ได้ต้องจะต่อความยาวสาวความยืดอะไรอีก แต่กับปานชีวา…มันคนละกรณีกัน คนนี้วราลีเกลียดจริง ๆ เกลียดจนไม่อยากเห็นว่ามีความสุข เกลียดจนอยากจะแย่งชิงทุกอย่างมาให้ได้ล้างจานเสร็จก็นึกขึ้นได้ว่าวันนี้เป็นวันเสาร์ เป็นวันที่ทิวากรจะต้องมาที่นี่เพื่อปลดปล่อยอารมณ์หื่นกามของตัวเอง หันมองดูนาฬิกาพอเห็นว่าใกล้ถึงเวลาที่เขาจะมา เธอก็เตรียมตัวไปอาบน้ำ เหม็นหน้าเขาแค่ไหนแต่ก็ต้องทำตามหน้าที่ ยังไงซะก็ต้องชดใช้ทุกอย่างให้กับเขา ยังไงซะก็ยังอยากจะแย่งเขามาจากปานชีวาให้ได้ คิดถึงเรื่องนี้หัวใจดวงน้อยมันก็หวิวแปลก ๆ ไหนเขาบอกว่าไม่อยากแต่งงานใหม่ ไหนว่าเบื่อการมีเมีย แล้วทำไมอยู่ ๆ ถึงไปคบกับปานชีวา? คบกันแล้วก็แปลว่าเขาชอบเธออย่างนั้นสิยอมไม่ได้หรอก ถ้าคนอย่างทิวากรมีหัวใจจริง…ก็ต้องเป็นเธอที่ได้ครอบครองหัวใจของเขาเอาไว้ เสร็จธุระส่วนตัวแล้วก็ออกมาที่ห้องนั่งเล่นในชุดคลุมอาบน้ำ พอดีกับที่ทิวากรเปิดประตูเข้ามาพร้อมกับถุงกวยจั๊บ
22อยากได้ก็ต้องให้ก่อนทิวากรนอนกับวราลี สัมผัสเธอในทุกส่วนของร่างกาย ทั้งจูบทั้งเลียเธอไปทั่ว เขาหื่นกระหายในรูป รส กลิ่น เสียงของเธอ วราลีเป็นคนเดียวที่ปลดปล่อยเขาได้ เธอคือคนเดียวที่ทำให้เขามีความสุขได้ในชั่วขณะหนึ่ง ทว่าเธอไม่อาจทำให้เขารักได้ ต่อให้เธอบอกว่ารักเขาแล้วก็ตาม ต่อให้บอกว่าจะเทิดทูนเขาไว้เหนือทุกสิ่งบนโลก เขาก็ยังไม่คิดจะรัก อย่างที่บอกว่าหากเธอขอรถ ขอบ้าน เขายินดีจะให้ จะให้ช่วยเธออีกกี่สิบเรื่องก็ได้ เขาอยากช่วยเธออยู่แล้ว พร้อมจะช่วยเสมอเมื่อเธอต้องการ แต่อย่ามาเรียกร้องขอความรักจากเขาสองคนเปลือยเปล่านัวเนียแนบแน่นกันอยู่บนเตียง ทิวากรรัวจูบวราลีอยู่ด้านบนตัวเธอ สอดใส่ลำกายเข้าลึก โยกเข้าโยกออกในจังหวะเชื่องช้า ลมหายใจของทั้งสองสอดประสานกันและกัน จากที่ไม่เคยเล้าโลม ไม่เคยจูบเธอ ตอนนี้ทิวากรกำลังดื่มด่ำกับการลิ้มรสชาติหวานละมุน ดูดลิ้นเล็ก…กวาดโกยเธอไปทั่วทั้งโพรงปาก จูบจนหนำใจก็ถอนออกมาดูดเม้มผิวเนื้อตามลำคอ เคลื่อนต่ำลงมาดูดหน้าอก ละเลงปลายลิ้นปาดเลียจุกสีสวยที่ชูชันเพราะความเสียวสะท้านสั่นไหววราลีแอ่นอกขึ้นรับลิ้น ครวญครางออกมาตามความปรารถนาที่ร้อนรุ่มอยู่ในก
“เขาบอกว่าถ้าอยากได้อะไรจากใคร เราก็ต้องเป็นผู้ให้ก่อน”วราลีเอ่ยกับทิวากรในขณะที่ทั้งสองกำลังกินมื้อเช้าร่วมกัน ที่บอกกับปานชีวาว่าจะให้ทิวากรโทรกลับมันก็แค่เรื่องโกหก เธอแอบปิดโทรศัพท์มือถือเขาไปแล้ว และวันนี้ก็ตั้งใจจะทำให้เขาไม่มีเวลาจับมือถือไปตลอดทั้งวันด้วย“ต้องการจะสื่ออะไร?” เขาถามกลับพร้อมกับใช้ส้อมจิ้มเบคอนลมควันเข้าปาก “กับผม…ไม่ต้องอ้อมค้อมวราลี จะขออะไรก็พูดมา”“ลีแค่อยากบอกว่าลีจะให้ความรักกับคุณทิวาเยอะ ๆ จะไม่เรียกร้องอะไรจากคุณทั้งนั้น ไม่ขอเงิน ไม่ขอบ้าน แต่จะรอคอยความรักคุณทิวาอยู่เงียบ ๆ ลีจะรักคุณเงียบ ๆ รักอยู่ห่าง ๆ ในมุมของตัวเอง แล้วถ้าสักวันคุณมองเห็นค่าของมัน แค่รักกันบ้างก็พอค่ะ ไม่ต้องรักลีทั้งใจ ไม่ต้องรักจนถึงขั้นตายแทนได้ ลีขอแค่นิดเดียวก็พอ แค่เศษเสี้ยวของทั้งหมดที่คุณมี”“หึ!” ดูเธอสิ ทำหน้าตาใสซื่อบอกรักเขา นี่คิดจะจีบเขาหรือไง? คิดว่าเขากับเธอมันเลยขั้นตอนนั้นมามากแล้ว“วันนี้ไปเที่ยวกันไหมคะ? วันอาทิตย์แบบนี้…คุณทิวากรน่าจะว่างนะ” ถามไปก็ลุ้นไป มีความเป็นไปได้แค่หนึ่งเปอร์เซ็นต์เท่านั้นที่เขาจะตอบตกลง แต่ของแบบนี้ ไม่ลองก็ไม่รู้หรอก“นึกยังไงมาชว
23เพราะหวังมากเกินไป“เอากั้งทอดกระเทียม กรรเชียงปูนึ่ง หอยนางรมแล้วก็กุ้งเผา ทั้งหมดผมขอตัวที่ใหญ่ที่สุดนะ”สั่งอาหารจบก็ปิดเมนู สั่งชุดใหญ่ จัดหนักจัดเต็มสไตล์คุณทิวากร ไม่สนว่าวราลีจะกระเป๋าฉีก ไม่แคร์ว่าตอนนี้เธอจะนั่งอ้าปากค้างไล่คำนวณราคาอาหารตามที่เขาสั่ง“คุณผู้หญิงรับอะไรเพิ่มไหมครับ?” บริกรหันถามวราลีที่ตอนนี้กำลังนับนิ้วตัวเองอยู่“ขะ…ข้าวผัดก็แล้วกันค่ะ” ถูกสุดก็น่าจะข้าวผัดนี่แหละมั้ง“รับเป็นข้าวผัดปูหรือข้าวผัดทะเลรวมดีครับ?”“มีข้าวผัดไข่ธรรมดาไหมคะ?” คำถามของหญิงสาวทำเอาทิวากรถึงกับต้องแอบยิ้ม คงกำลังกลัวว่าจะต้องจ่ายแพง ถึงได้ทำหน้าทำตาเหมือนคนถังแตกแบบนั้น“ข้าวผัดปูครับ” เขาสั่งแทนเธอ บริกรรับออร์เดอร์เสร็จก็เดินออกไป“คุณ…จะปล้นลีเหรอ? เงินลีจะหมดเอานะ รู้ไหมว่ากว่าจะหามาได้ต้องเหนื่อยแค่ไหน?”“คิดจะเลี้ยงข้าวผมก็ทำใจให้กว้าง ๆ หน่อย ไม่พาไปกินที่โรงแรมก็ดีแค่ไหนแล้ว” เขาอุตส่าห์เลือกร้านอาหารข้างทางธรรมดา ๆ แล้ว ทำไมเธอถึงมองไม่เห็นความหวังดีของเขาบ้าง“มื้อนี้มีไม่ต่ำกว่าสามพันแน่ ๆ รู้ไหม…เหมือนคุณทิวากำลังแกล้งลีอยู่เลย” ทำหน้าบึ้งใส่เขา คนอย่างเธอปกติกินข้าว
ปานชีวามาที่โรงพยาบาล มาถึงที่ด้วยความโกรธเคืองและเกลียดชัง ไม่เข้าใจว่าทำไมคนที่นอนเป็นผักอยู่บนเตียงจะต้องมามีผลกับชีวิตเธอถึงขนาดนี้ ทั้งที่คิดว่ามันจบไปแล้ว แต่อยู่ ๆ ก็กลับมาทำให้เธอต้องอยู่อย่างหวาดระแวง เธอคือปานชีวา เกียรติโรจนอมร เธอเป็นทายาทของบริษัทใหญ่ระดับประเทศ ทำไมจะต้องมากลัวผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ที่ไม่มีอะไรสู้เธอได้เลยอย่างวราลีเหตุผลก็คือวริศ ผู้ชายที่ไม่มีปัญญาแม้แต่จะหายใจด้วยตัวเอง ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ คอยังต้องเจาะท่อเพื่อให้อาหาร! ผู้ชายที่อ่อนแอคิดลาโลกไปเพราะแค่เธอบอกเลิก เรื่องเดียวที่ปานชีวาคิดว่าตัวเองทำพลาดก็คือการนึกสนุกไปคบกับผู้ชายที่ไม่มีอะไรเลยอย่างวริศ ก้าวเท้าเข้าไปหยุดยืนข้าง ๆ มองเขาที่ไร้นอนหลับตาไม่มีสติวราลีเอาแต่ขู่ไม่หยุด ส่งรูปมาขู่ บอกจะแฉว่าเธอเป็นคนให้พี่ชายต้องตกอยู่ในสภาพนี้ ผู้หญิงไร้ค่าคนนั้นกล่าวหาเธอผิด ต้องการให้เธอสำนึกและมาคุกเข่าขอโทษ ทำไมเธอต้องทำ? เธอไม่ได้ทำอะไรผิดเลยสักนิด วันที่วริศตัดช่องน้อยแต่พอตัวแล้วกระโดดลงมาจากตึกสี่ชั้นจนกลายเป็นข่าวดัง เธอไม่ได้อยู่ด้วยเสียหน่อย ไม่ได้เป็นคนผลักเขาตกลงมา แล้วทำไมเธอถึงเป็นคนผิดล่ะ
24รักตัวเองผ่านมาแล้วสองวันทว่าปานชีวาก็ยังไม่ได้รับคำตอบจากทิวากร เพราะแบบนั้นเธอเลยมาหาเขาถึงออฟฟิศอีกครั้ง ทว่าเมื่อมาถึงกลับเข้าพบไม่ได้เนื่องจากชายหนุ่มมีแขกอยู่แล้ว ซึ่งแขกที่ว่าก็คือเจ้าของที่ดินติดริมทะเลที่หัวหิน นิว เอราได้ทำการเปลี่ยนทำเลที่ตั้งเป็นที่เรียบร้อย ย้ายจากทะเลเมืองจันท์มาเป็นทะเลหัวหิน และได้ทำการเซ็นสัญญาซื้อขายเป็นที่เรียบร้อยในที่สุดโครงการหมื่นล้านก็ได้เริ่มต้นขึ้นเสียที เมื่อทิวากรเสร็จธุระกับเจ้าของที่ดิน รสาก็เดินออกมาหาปานชีวาที่นั่งรออยู่ด้านหน้า ไม่รีรอหญิงสาวรีบเข้ามาพบเขา ทว่ากลับได้ยินสิ่งที่ไม่คิดว่าจะได้ยิน“มีอะไรก็รีบพูดมาครับ ผมมีเวลาให้คุณห้านาที” ทิวากรเอ่ยเสียงเรียบ“หมายความว่ายังไงคะ? มีเวลาให้ป่านห้านาที? นี่ป่านนะคะ…ไม่ใช่พนักงานระดับล่างในออฟฟิศทิวา!”“ถ้าเป็นพนักงานผมมีเวลาให้มากกว่านั้น แต่เพราะเป็นคนนอกที่ไม่อยากเสียเวลาคุยด้วย ก็มีให้แค่ห้านาทีเท่านั้นแหละ”“ทิวา?!”“คุณคงมารอฟังคำตอบจากผม ซึ่งผมเตรียมคำตอบเอาไว้แล้วล่ะ ผมไม่เลือกคุณครับ” ทิวากรคิดได้ตั้งแต่วันนั้นว่าเขาไม่เลือกใครทั้งนั้น จะปานชีวาหรือวราลี เขาไม่เลือกสักคนนั่น
พอแดดร่มลมตก สามคนพ่อ แม่ ลูกก็ออกมานั่งที่ริมชายหาด คุณแม่คอยนั่งมองลูกสาวขี่หลังคุณพ่อ พากันวิ่งเล่นไปมาอยู่ริมทะเล เป็นภาพที่เธอเคยวาดฝันเอาไว้ ไม่คิดเลยว่ามันจะเป็นจริงขึ้นมาได้ มองออกไปยังสองคนที่เธอรักเท่าชีวิต ที่ตรงนี้…บนพื้นที่ดินของพ่อแม่ คิดแล้วน้ำตาแห่งความสุขและความคิดถึงก็รื้นขึ้นมา“พ่อขา…แม่ขา…พี่วิน อยู่ข้างบนนั้นเป็นยังไงกันบ้างคะ? ตอนนี้ลีสบายดีมากเลยนะ ยังคิดถึงทั้งสามคนอยู่เสมอนะ ไม่ต้องห่วงอะไรอีกแล้วนะรู้ไหม ลีมีความสุขมาก ได้กินอย่างดี ได้นอนหลับอย่างดี ไม่ต้องทำงานเหนื่อยเหมือนเมื่อก่อน คุณทิวาเขาดูแลลีกับลูกเป็นอย่างดีเลยนะคะ” แหงนหน้ามองท้องฟ้า น้ำตาก็ไหลริน คนที่จากไปแล้วยังอยู่ในหัวใจและความทรงจำของเธอเสมอ และเมื่อคิดถึงพวกเขาก็ต้องมีน้ำตาอยู่ทุกครั้ง แต่มันคือน้ำตาแห่งความคิดถึง“หม่ามี๊! มาเล่นกันเถอะ!” เสียงลูกน้อยตะโกนมาแต่ไกล วราลีก็รีบปาดน้ำตาแล้วลูกขึ้นไปหาทันที “เดินไปตรงโน้น! ด่าดี๊พาจะกายไปตรงโน้น”“ตรงไหนคะ?” ทิวากรมองตามมือที่น้องสกายชี้นิ้วไป ขณะที่ส่งมือตัวเองไปรอรับมือภรรยาสาวมากุมไว้“ตรงโน้นค่ะ ตรงที่มีท้องฟ้ากับทะเลเชื่อมต่อกัน”“โถ่ลูก…เ
32พ่อ แม่ ลูก“พ่อชื่อทิวากรแปลว่าพระอาทิตย์ แม่ชื่อวราลีแปลว่าพระจันทร์ อย่างนั้นลูกก็ต้องชื่อดวงดาวสิ อยู่บนท้องฟ้าเหมือนกัน”อีกสองเดือนลูกจะคลอดแล้วแต่พ่อกับแม่ยังเถียงกันเรื่องตั้งชื่อลูกไม่จบ คนเป็นพ่อดูเหมือนจะชอบของโบราณเป็นพิเศษ ฟังเพลงเก่าไม่พอยังสรรหาชื่อเก่า ๆ ของคนยุคก่อนมาตั้งให้ลูกอีก นวดเท้าให้เมียไปเขาก็พูดชื่อลูกไป เงยหน้าแหงนมองทางนั้นที ทางนี้ทีแต่ไม่คิดจะหันมองหน้าเมียที่ตอนนี้ทำตาเขียวใส่เขาอยู่“หรือจะชื่อดวงดารา?”“พอได้ไหมคะที่รัก? จะดวงดาวหรือดวงดาราน่ะ ไม่ใช่ว่าไม่ดีหรอกนะแต่ว่าลองหาดูสิ…ลีว่าคนล่าสุดเด็กที่ชื่อดวงดาวตอนนี้น่าจะอายุสี่สิบไปแล้ว” ก็ไม่อยากจะบู้บี้คนชื่อดวงดาว แต่นี่มันยุคไหนแล้ว…ตั้งไปแบบนั้นลูกสาวเธอได้ร้องไห้ไม่หยุดเพราะอายเพื่อนที่โรงเรียนพอดี ตอนเด็กน่ะไม่เท่าไร แต่พอโตขึ้นมาล่ะก็โดนล้อแน่ ๆ“ก็แล้วที่รักจะตั้งชื่อว่าอะไรล่ะ? ลูกเราจะคลอดอยู่อีกไม่กี่วัน…ตอนนี้ยังหาชื่อไม่ได้เลย” เมียท้องโตขึ้นทุกวัน แต่ก็ยังไม่ยอมหยุดเดิน พอเดินมาก็ปวดเท้า เขาต้องมานวดให้ก่อนนอนทุกคืน แต่ก็นวดด้วยความเต็มใจ เพราะวันนี้ได้รู้ว่าลูกในท้องนั้นเป็นลูกสาว มั
“ครางดังขนาดนี้ลูกต้องตื่นแล้วล่ะ”“งื้อ! แบบนั้นน่าอาย…” พอคิดว่าไม่อยู่กันสองต่อสองแต่มีลูกน้อยในท้องอยู่ด้วย วราลีก็อดจะเขินอายขึ้นมาไม่ได้ “ลูกจะรู้ไหมว่าพ่อกับแม่ทำอะไรกันอยู่?”“ไว้ผมจะถามตอนเขาคลอดออกมา”“งื้อ! อ๊ะ! คุณทิวา…ฮื่อ…อย่าหยุดนะคะ อ๊ะ! ลีเสียวมากเลย…เสียวเหมือนจะเสร็จ” วราลีเกร็งหนักเพราะความกระสันเสียว เธอร้องขอให้เขาทำต่อไป ครวญครางออกมาด้วยน้ำเสียงกระเส่าสั่น แน่นอนอยู่แล้วว่าทิวากรไม่คิดจะหยุด ที่ผ่านมาให้เธอบำเรอสุขให้เขามามาก ต่อจากนี้ไปเขาเป็นคนบำเรอเธอเอง “อื้อ! อ๊ะ! ใกล้แล้วค่ะ อ๊าห์! คุณทิวา…อื้อ! อึก!”“จุ๊บ! ชอบตอนคุณครางเสร็จ” จูบแก้มเธอพร้อมรอยยิ้มชอบใจที่ทำให้เมียเสร็จได้ เมื่อก่อนไม่เคยจะพูดว่าชอบอะไร แต่เดี๋ยวนี้ล่ะพูดเอาไม่หยุด เดี๋ยวชอบนั่น เดี๋ยวชอบนี่ บอกตลอดเหมือนกลัวเธอจะไม่รับรู้“อึก! เลียให้ลี…” วราลีไม่เขินอายแล้ว เอาจริง ๆ ลูกไม่รู้หรอกว่าพ่อกับแม่ทำอะไรกันอยู่ ร้องขอให้เขาทำแบบนั้น…ทำแบบที่เคยทำ “นะคะ เลียตรงนั้นให้ลีหน่อย”“อ้อนผมอีก”“คุณทิวาขา…ลีอยากเสร็จอีกแล้ว ช่วยเลียให้ลีหน่อยได้ไหมคะ?” เขาอยากให้เธออ้อน เธอก็อ้อน…ก็ตอนนี้มีสิ่งที่
31ขอบคุณที่เกิดมาบนโลกใบนี้อีลี! ไอ้ลี! อีนังชั้นต่ำวราลี!คำจิกหัวเรียกที่โดนมาเกือบทั้งชีวิตถูกแทนที่ด้วยคำว่าคุณวราลี อนันต์ธีรกุล ภรรยาสาวคนสวยของทิวากร อาจพูดได้ว่าเมื่อสถานะเปลี่ยน ชีวิตก็เปลี่ยนตามไปด้วย วราลีไม่ต้องคอยเอาใจใคร ไม่ต้องก้มหัวทำตัวนอบน้อมให้กับใครอีกต่อไปแล้ว ทุกคนพากันยกย่องเธอ ยกเธอขึ้นให้อยู่สูง ทว่าเธอเกลียดวัฒนธรรมแบบนั้นเป็นเมียทิวากรผู้ยิ่งใหญ่แล้วยังไง?มีเงินมากกว่าแล้วยังไง…สุดท้ายก็มีวันต้องตายจากโลกใบนี้เหมือนกันทุกคนอยู่ดี กินน้อย กินเยอะ กินหรู กินแพง กินเข้าไปแล้วก็อิ่ม อิ่มแล้วก็ถ่ายออกมาเป็นก้อนเหมือนกันหมด สิ่งที่วราลีตั้งใจว่าจะไม่ทำก็คือสิ่งที่เธอโดนมาทั้งชีวิต อะไรที่เคยต้องการให้ผู้อื่นปฏิบัติด้วย เธอจะทำ จะให้เกียรติ จะพูดจาดี ๆ จะมองว่าทุกคนก็มีคุณค่าความเป็นมนุษย์ไม่ต่างจากเธอเมื่องานแต่งงานสุดอลังการจบลงคุณสามีก็พาภรรยาสาวของเขากลับมาที่บ้าน บ้านซึ่งเธอไม่เคยรู้ว่าเป็นยังไง บ้านที่เขาไม่เคยเปิดต้อนรับใครหน้าไหนแม้กระทั่งพิมพ์ประภาผู้เป็นแม่ พอมาถึงก็พาเธอเดินชมรอบตัวบ้าน ช่างเป็นบ้านหลังใหญ่ที่กว้างขวางและปลอดโปร่ง ทว่าไร้ชีวิตชีวา ก
รสากลับไปได้สักพักปรีติที่ได้รู้เรื่องก็ตามมาเยี่ยม เขาบอกกับวราลีว่าหากเธอจะตอบรับความรักของทิวากรเขาก็เข้าใจ และหากว่าสุดท้ายเธอจะลาคลอด หรือแม้แต่ลาออกเขาก็ยินดียอมรับการตัดสินใจของเธอ เขาทิ้งท้ายไว้เพียงแค่ว่าเขายังชอบที่ได้มีเธออยู่ในชีวิต จะในฐานะเพื่อนหรือพี่สะใภ้ เขาก็ยินดีทั้งนั้น และเขาไม่ได้เกลียดอะไรทิวากร แค่ยังโกรธที่ญาติเวรตะไลมันชอบวางท่าหวงก้างใส่เขาก็เท่านั้นกระทั่งปรีติขอตัวกลับไปได้พักใหญ่แล้วทิวากรก็ยังไม่ตื่นขึ้นมา วราลีนั่งเฝ้าเขาไม่ยอมห่าง กุมมือหนาเอาไว้ไม่ยอมปล่อย อดคิดไม่ได้ว่าถ้าหากการกระทบกระแทกที่เกิดขึ้นในวันนี้มันไปโดนเส้นประสาทสำคัญจนทำให้เขาไม่ฟื้นหรือกลายเป็นคนไข้ติดเตียงเธอจะทำยังไง ต้องมาเลี้ยงเขาไปทั้งชีวิตหรือ? ไม่เอาด้วยหรอก คอยดูสิว่าถ้าเขาไม่ฟื้นขึ้นมาล่ะก็…เธอทิ้งเขาแน่ จะทิ้งจริง ๆ ด้วย“อื้อ!” คิดได้ไม่เท่าไร คนนอนหลับก็ลืมตาขึ้นมาพร้อมเสียงอู้อี้“ฟื้นแล้วเหรอ?”“ลี…”“ฮึก! ค่อย ๆ ลุกค่ะ ค่อย ๆ นะ” วราลีรีบเข้าไปช่วยเขาปรับท่านั่ง ดึงหมอนขึ้นมารองรับแผ่นหลังของเขาไว้“ทำไมร้องไห้อีกแล้ว?” ตื่นมาก็ได้เห็นน้ำตาเธอเลย นิ่วหน้าไม่ชอบใจ เคยเห็
30จะรักษาไว้อย่างดีทิวากรตีรถจากหัวหินมาถึงกรุงเทพภายในเวลาหนึ่งชั่วโมงเศษ เหยียบคันเร่งแบบไม่คิดชีวิตเพราะอยากไปรับเมียให้ทันเที่ยงคืน เขาบอกไว้แล้วว่าเธอคือเป้าหมายสำคัญสูงสุดในชีวิต แต่ถึงอย่างนั้นก็ใช่ว่าจะทิ้งงานไปเลย ยังไงเขาก็ยังต้องรับผิดชอบหน้าที่การงาน พอจัดการปัญหาเสร็จก็รีบบึ่งมาถึงที่ โชคดีที่มาทัน เวลาสี่ทุ่มบาร์ยังไม่ปิด รีบเข้ามาข้างในทำตัวเป็นลูกค้า เพื่อรอเมียกลับบ้าน วันนี้เขาไม่ได้เจอเธอมาทั้งวัน คิดถึงจนใจจะขาด พอได้เจอก็อยากจะเข้าไปกอดไปหอมให้หายคิดถึง แต่แค่เดินเข้ามาในบาร์…เขากลับต้องยืนนิ่งมองเหตุการณ์วุ่นวายตรงหน้า“ดื่มไม่ได้จริง ๆ ค่ะคุณลูกค้า เวลานี้เป็นเวลาทำงาน…พนักงานไม่ได้รับการอนุญาตให้ดื่ม” ไฟความเป็นผัวมันพลุ่งพล่านเมื่อทิวากรได้เห็นภาพที่ไม่ต้องการจะเห็นไปอีกตลอดชีวิต คือภาพเมียเขาต้องมาคอยก้มหัวเอาใจใคร เวลานี้วราลีกำลังถูกพวกเมาแล้วหื่นลวนลามทางสายตาและคำพูด มันยื่นแก้วเหล้าให้เธอ คะยั้นคะยอให้เธอดื่ม“ดื่มหน่อยเถอะน่ะ ฉันเป็นลูกค้านะ ฉันอนุญาตแล้วใครจะมาว่าอะไรเธอได้? ดื่ม! ฉันสั่งให้เธอดื่ม!”“ดื่มไม่ได้จริง ๆ ค่ะ ต้องขอประทานโทษคุณลูกค้าด้วย
ทิวากรโยนงานของตัวเองให้คนอื่นทำ จะรับพิจารณาเฉพาะเรื่องที่สำคัญมากเท่านั้น เพราะตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับเขาก็คือการตามเมียตามลูก เขามาส่งวราลีที่บาร์ แล้วก็นั่งเฝ้าเธออยู่ในร้าน แม้ว่าเธอจะไล่แล้วไล่อีกแต่เขาก็ไม่ยอมไปไหนทั้งนั้น วันนี้เขารู้ว่าปรีติติดงานที่บริษัทก็เลยไม่ได้เข้ามาที่ร้าน เพราะแบบนั้นก็แปลว่าทางสะดวก ไม่มีหมาตัวอื่นมาวนเวียนอยู่ใกล้เมียเขาแล้ว“ผมทำเอง” เห็นวราลียกถาดรองแก้วเตรียมเอาออกมาจัดเรียก ทิวากรก็รีบเข้าไปแย่งถาดมาถือไว้เอง ที่จริงมันก็ไม่ได้หนักอะไร รู้ว่ายังไงวราลีก็ยกไหวอยู่แล้ว แต่ไม่ได้…เขาจะไม่ให้เธอทำงานใช้แรงงานอีกต่อไปแล้ว“นี่คุณยังไม่กลับไปอีกเหรอ?”“จะรอรับคุณกลับด้วยกัน ให้ยกไปไหนครับ?” เขาพูดครับกับเธอแทบทุกคำ แบบนี้ต่อไปคงได้ตำแหน่งคนกลัวเมียไปครอง“ยกไปไว้ตรงนั้น” วราลีชี้ไปยังพื้นที่หลังเคาน์เตอร์บาร์ ก่อนจะหันไปหยิบไม้ถูพื้นเตรียมจะถูพื้นต่อ แต่ยังไม่ได้ทำอะไรทั้งนั้นทิวากรก็รีบเข้ามาแย่งไม้ถูพื้นจากมือเธอไป“ผมทำเองครับ คุณไปนั่งพักเถอะนะ เดี๋ยวผมจะถูพื้น เช็ดกระจก จัดโต๊ะทั้งหมดนี่เอง”“งั้นไปล้างห้องน้ำด้วยเลยสิ”“โอเคครับ” เธอประชด
29ผมจะเป็นคนที่เหนื่อยเองตุบ!วราลีเปิดประตูห้องออกมาในตอนสิบเอ็ดโมงของวันใหม่ ตกใจไม่น้อยที่ได้เห็นทิวากรนั่งสัปหงกอยู่หน้าห้อง พอเปิดประตูตัวเขาที่หลับไม่รู้เรื่องก็ทิ้งตัวลงไปนอนที่พื้น เมื่อคืนเธอไล่ให้เขากลับไป ก็คิดว่าเขากลับไปแล้ว…ไม่รู้เลยว่าที่แท้ชายหนุ่มมานั่งเฝ้าอยู่หน้าห้องแบบนี้“ลี…” เขางัวเงียลืมตาขึ้นมา พอเห็นเธอก็ยิ้มดีใจ รีบคว้าถุงอะไรสักอย่างลุกขึ้นยืนแล้วยื่นมันให้เธอ“อะไรคะ? แล้วทำไมคุณไม่กลับไปนอนที่บ้าน? มานั่งหลับอยู่หน้าห้องลีทำไม?”“ในถุงมีโจ๊กหมูพิเศษแบบใส่ไข่แล้วก็มีของกินสำหรับบำรุงครรภ์” ทิวากรเฝ้าวราลีตั้งแต่เมื่อคืน โทรไปสั่งงานรสาตอนตีสอง บอกว่าอยากได้หนังสือที่ให้ความรู้เรื่องการดูแลแม่ตั้งครรภ์ สั่งตอนตีสอง! แล้วบอกว่าอยากได้ตอนตีสาม! เป็นงานที่ยากไม่น้อยแต่รสาก็หาให้จนได้ เขาเลยได้นั่งอ่านหนังสือรอเวลาหกโมงเช้า เพื่อที่จะได้ออกไปซื้อโจ๊ก แต่ไม่คิดว่าวราลีจะออกจากห้องมาในตอนสิบเอ็ดโมง“ลีกินมื้อเช้าไปแล้วค่ะ นี่จะออกไปทำงาน แล้วนั่นหนังสืออะไร?” เห็นหนังสือวางอยู่ที่พื้น ก็อดจะสงสัยไม่ได้“หนังสือความรู้เรื่องแม่ตั้งครรภ์ ตอนนี้ผมรู้แล้วนะว่าช่วงเ
ติ๊งต่อง!เสียงกริ่งหน้าห้องที่ดังขึ้นมาในเวลาตีหนึ่งครึ่งทำเอาวราลีสะดุ้ง รีบปาดน้ำตาแล้วออกไปที่ประตู ส่องตาแมวแล้วก็ได้เห็นว่ารปภ. ของคอนโดยืนอยู่ด้านหน้า“มีอะไรหรือเปล่าคะ?” เปิดประตูห้องออกมาถาม ทว่ากลับต้องชะงักงันเมื่อรปภ.หันไปมองทางด้านขวาแล้วเดินออกไปโดยไม่พูดอะไรสักคำ “คุณทิวากร?!”“ผมเอง…ผมรอคุณนานมาก ทำไมกลับดึกขนาดนี้ รู้ไหมว่ากลับดึก ๆ มันอันตราย? ผมซื้อกวยจั๊บเจ้าที่คุณชอบมาด้วยนะ” ทิวากรจ้างให้รปภ. กดกริ่งให้ เพราะรู้ว่าถ้าเขากดเองไม่มีทางที่วราลีจะยอมเปิดประตู เขามารอเธอตั้งแต่สี่ทุ่ม ไม่คิดเลยว่าเธอจะกลับดึกขนาดนี้ แล้วที่รู้ว่าเธออยู่ที่นี่ก็มาจากพนักงานเสิร์ฟร้านนั่นแหละ“มาทำไมคะ? ใครบอกว่าลีอยากกินกวยจั๊บ?! กลับไปเถอะ!” วราลีทำท่าจะปิดประตูห้องใส่หน้าทิวากร ทว่าเขาเอาตัวเองเข้ามาแทรกไว้ได้ทันเวลา“อย่างน้อยก็ขอผมเข้าห้องน้ำหน่อย! รอคุณนานมาก…ผมปวดฉี่จะราดแล้วลี”“ไม่! ไปเข้าที่อื่นสิ! ห้องน้ำยามก็มี!”“ไม่ครับ ผมไม่ใช้ห้องน้ำร่วมกับใครยกเว้นกับคุณ โอ๊ย! ฉี่จะราดแล้วลี…ขอผมเถอะนะ”“ไม่ได้! ออกไปนะ! บอกให้ออกไปไง!” ยังไงก็ให้เขาเข้าห้องน้ำไม่ได้เด็ดขาด เพราะที่ตรว