ตอนที่ 3
[3/3] มื้อเย็นวันนี้เฮียส้งเป็นคนลงมือเข้าครัวเองทำเองทุกอย่าง ศรีภรรยาอย่างเพ็ญพรและลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนเลยทำหน้าที่ต้อนรับว่าที่ลูกเขย เพ็ญพรไม่ได้กีดดันเรื่องความรักของลูกสาวเลย เห็นว่าลูกโตพอที่จะมีความรักกับเขาได้แล้ว หากเจอผู้ชายที่เตี่ยกับม๊าเห็นว่าดี การแต่งงานออกเรือนไปมีครอบครัวเป็นของตัวเองของลูกสาวคนนี้ เพ็ญพรเองก็จะได้หมดห่วง ที่ผ่านมาเพ็ญพรกับเฮียส้งได้มีโอกาสไปเยี่ยมขนมผิงถึงหอพักที่เชียงใหม่ ทั้งสองก็เจอพอร์ชอยู่บ่อยครั้งที่นั่นด้วย ช่วงแรกๆ ที่รู้ว่าลูกมีแฟนแล้ว เฮียส้งแทบไม่เป็นอันทำมาหากินอยากจะบินไปเชียงใหม่ทุกๆ เย็น เพราะเป็นห่วงลูกสาวกลัวว่าจะเตลิดออกนอกกรอบจนเสียการเรียน เฮียส้งเขาเป็นคนหวงลูกสาวเกินเหตุเสมอ และเป็นเพ็ญพรนี่แหละที่ทำหน้าที่ห้ามปรามเอาไว้ทุกครั้ง “แล้วนี่พอร์ชจะกลับกรุงเทพฯ วันนี้เลยเหรอม๊าเกรงว่ามันจะมืดค่ำเอานะลูก?” เพ็ญพรรินน้ำเปล่าใส่แก้วต้อนรับว่าที่ลูกเขยพร้อมกับเตรียมของว่างมาไว้ให้เป็นอย่างดี แม้ว่าตัวเองจะเพิ่งกลับมาจากร้านเหนื่อยๆ แต่ด้วยความที่มีแขกมาเยือนถึงที่แบบนี้ เธอก็ทำหน้าที่เจ้าบ้านได้ดีอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง “ก็คงต้องเป็นอย่างนั้นครับม๊า อีกอย่างพรุ่งนี้ผมต้องเข้าไปดูโรงงานแต่เช้าด้วยครับ” “พอดีที่บ้านพอร์ชให้เขาบริหารโรงงานเต็มตัวแล้วค่ะแม่ ก็เลยทำงานหนักหน่อย” ก่อนหน้านี้พอร์ชได้บอกผิงเรื่องนี้แล้ว และผิงเองก็เข้าใจในความที่พอร์ชเองก็เป็นลูกชายคนเดียวของครอบครัวเหมือนกัน ฉะนั้นพอเรียนจบทางบ้านของเขาก็รีบยกโรงงานให้เลย ส่วนพ่อกับแม่แฟนหนุ่มผิงก็เคยเจอยู่ไม่กี่ครั้งเมื่อตอนที่พวกท่านมาเยี่ยมพอร์ชถึงเชียงใหม่ เอาตรงๆ เหมือนพวกท่านจะไม่ชอบหน้าผิงสักเท่าไหร่ มีบางครั้งที่พวกท่านชอบพูดจาอ้อมค้อมราวกับว่ากำลังดูถูกลูกพ่อค้าขายบะหมี่อย่างผิงอยู่ยังไงก็ไม่รู้ แต่ผิงก็ได้แค่เก็บมันเอาไว้ในใจหากพูดไปพ่อแม่ลูกเขาอาจจะผิดใจกันได้ “จริงๆ พ่อกับแม่ผมก็อยากเจอผิงเหมือนกันนะครับ ไว้มีโอกาสผมก็อยากจะขออนุญาตม๊าพาผิงเข้ากรุงเทพฯ สักวันหน่อยครับ” พอร์ชบอกกับเพ็ญพรไปแบบนั้น แต่ทำไมผิงถึงได้รู้สึกแปลกใจอยู่ไม่น้อยเลยกับการที่เขาบอกว่าพ่อกับแม่เขาอยากเจอผิง ทั้งที่ก็เหมือนพวกท่านจะไม่อยากได้ผิงเป็นลูกสะใภ้ด้วยซ้ำ หรือว่าผิงอาจจะคิดมากไปเองอย่างนั้นหรือ “ม๊าน่ะไม่ได้ว่าอะไรหรอก คนที่พอร์ชต้องขอน่ะคือเตี่ยนู้น” “ท่าทางจะอยากอยู่นะครับ ฮ่าๆ” “รายนั้นเขาหวงลูกสาวเกินเหตุจริงๆ” ชายหนุ่มยังพูดติดตลกกับเพ็ญพรอยู่ ทว่าในใจก็ทราบดีว่าเฮียส้งคนหวงลูกสาวอย่างกับไข่ในหินคงจะไม่ยอมง่ายๆ ที่ผ่านมาเฮียส้งบอกอะไรพอร์ชก็ปฏิบัติตามเสมอมาอยู่แล้ว ไม่ให้ชิงสุกก่อนห่ามเขาเองก็รับคำ ทำอย่างที่รับปากไว้เป็นอย่างดีจนบางทีเขายังโดนเพื่อนล้อเลยว่าเป็นพวกไก่อ่อน คบกับแฟนมาเป็นปีแต่กลับไร้น้ำยาสู้พ่อแฟนไม่ได้ “อาผิง! มายกกับข้าวออกไปหน่อย เตี่ยทำเสร็จแล้ว” เสียงตะโกนดังออกมาจากในห้องครัว ทั้งสามคนที่นั่งอยู่ตรงโซฟารับแขกมองหน้ากันก่อนที่เพ็ญพรจะบอกเด็กทั้งสองให้ลุกไปรับอาหารจากเฮียส้งออกมา อาหารหลากหลายเมนูถูกจัดเตรียมไว้บนโต๊ะทานข้าวอย่างน่าทาน ก่อนที่ทั้ง 4 คนจะลงมือจัดการแต่ละเมนูตรงหน้า “กินเยอะๆ นะอาพอร์ช ลื้อจะได้มีแรงขับรถกลับกรุงเทพฯ” “ครับเตี่ย” คำพูดของเฮียส้งทำให้ผิงอยากจะสำลักข้าวในปากออกมาเลย ที่พูดเพราะหวังดีกับเขาหรือกำลังไล่เขาทางอ้อมอยู่กันแน่ ผิงอดหมั่นไส้เตี่ยตัวเองไม่ได้เลยจริงๆ พอร์ชขับรถไปกลับกรุงเทพฯ เหนื่อยๆ หากจะหวังดีกับเขาจริงๆ เฮียส้งก็ควรให้เขาค้างแรมอยู่ที่นี่ด้วย ห้องว่างด้านล่างนี้ก็มี แต่ก็ยังไม่เอ่ยปากบอกเขาสักคำ 20.00 น. “นึกคึกอะไรวะ? ถึงได้ชวนกูมาตั้งวงได้เนี่ย” ปกติอู่ซ่อมของฉีจะปิด 1 ทุ่ม ทว่าวันนี้กลับปิดเร็วตั้งแต่ตอน 6 โมงเย็นแล้ว สาเหตุที่ปิดเร็วก็เพราะว่าเจ้าของอู้ไม่มีอารมณ์ทำงานแล้วก็แค่นั้น “เหี้ยอรรถกว่ามึงจะมาได้นะ” “กูก็มีงานมีการทำไหม? ไม่ได้เป็นเจ้าของอู่แบบมึง นึกอยากจะเปิดปิดตอนไหนก็ตามฉันได้ตลอดอ่ะ” ฉีโทรชวนให้ ‘อรรถ’ มาที่อู้ตั้งแต่ 1 ทุ่มแล้ว แต่เพื่อนของเขามันเพิ่งจะโผล่หัวมาที่นี่ได้ ทั้งๆ ที่บ้านมันก็อยู่ซอยตรงข้ามกับอู่นี่เอง อรรถเป็นเพื่อนกับฉีมานานตั้งแต่เรียนมัธยมด้วยกันแล้ว ตอนไปเรียนมหา’ ลัยก็ยังเรียนที่เดียวกับเลยแต่อยู่คนละคณะฯ พอกลับมาอยู่บ้านก็ยังเจอหน้ากันอีก “ชวนมาแดกของฟรียังจะลีลา” “ครับผม ทีหลังจะไม่เลทอีกนะครับเฮียฉี” “หึ” ฉีไหวไล่ก่อนจะเตรียมชงเหล้าให้เพื่อนสนิทที่อุตส่าห์มาหา “เออ นี่มึงรู้ยังว่าน้องผิงของมึงน่ะกลับมาอยู่บ้านแล้วนะ วันก่อนเห็นผู้ชายที่ไหนไม่รู้ขับรถหรูมารับถึงบ้านเลย ท่าทางจะรวยว่ะ” ฉีเงยหน้าขึ้นมามองเพื่อนที่พูดถึงเรื่องผิงอยู่ ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าผิงมาแล้วก็ในเมื่อตอนกลางวันยังหอบแฟนใหม่มาเย้ยเขาถึงอู่อยู่เลย แถมยังมาต่อปากต่อคำกับฉียกใหญ่ ผิดกับตอนในวัยเด็กที่ว่านอนสอนง่าย เฮียฉีคะ ...เฮียฉีขาอยู่เลย “เผื่อมึงลืมนะว่ากูก็มีแฟนแล้ว ไม่ได้อยากรับรู้เรื่องของเขาอีก” “แหม เอาจริงเถอะมึง กูยังจำได้อยู่เลยว่านั่นรักแรกของมึงเลยนี่นา” “เอาเรื่องของมึงให้รอดก่อนไหม? กูก็ได้ข่าวมาว่าแฟนท์กลับมาอยู่บ้านแล้วเหมือนกัน” รักแรกแล้วยังไงวะในเมื่อจบกันไปนานแล้ว อีกอย่างตอนนี้ฉีเองก็มีอิ้งค์ทั้งคนไม่ใช่แค่ผิงที่มีใหม่ได้ อีกอย่างอรรถควรจะเอาเวลาไปยุ่งเรื่องของตัวเองจะดีกว่ามายุ่งเรื่องของเขาซะด้วยซ้ำ “อะไรของมึง?” “มึงก็รู้ดีนี่” “แดกเหล้าดิวะ ชืดหมดแล้ว” เรื่องน้องสาวไอ้เฟยน่ะมันจะเอาอย่างไรต่อไป ได้ข่าวว่าแฟนท์กลับมาอยู่บ้านแล้วเหมือนกัน ยังจะมาทำท่าทางไม่รู้เรื่องใส่ฉีแบบนี้อีก ทำอย่างกับฉีดูไม่ออกเลยว่าอรรถยังรู้สึกค้างคาใจเรื่องราวในอดีตอยู่ เอาเป็นว่าเรื่องนี้ฉีจะไม่ยุ่งหากไม่จำเป็น เพราะตอนนี้ทั้งคู่ก็พากันผิดใจกับไอ้เฟยพี่ชายของแฟนท์มากแล้วตอนที่ 4 [4/1] ขนมผิงเดินออกมาส่งแฟนหนุ่มถึงหน้าบ้านหลังจากทานอาหารมื้อเย็นรวมกันเสร็จ พอร์ชยังมีงานที่ต้องทำต่อที่โรงงานของเขาพรุ่งนี้ หรือต่อให้ไม่มีงานอย่างอื่นเฮียส้งก็ไม่ใจอ่อนให้ว่าที่ลูกเขยค้างแรมที่นี่ได้เด็ดขาด ดังนั้นการที่พอร์ชจะไปหรือมาที่บ้านหลังนี้ได้ก็ต้องอยู่ในการกำกับของเจ้าบ้านอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ “งั้นพอร์ชไปก่อนนะ” ชายหนุ่มกดปลดล็อกรถหรูเตรียมจะเข้าไปด้านใน ก่อนจะหันหน้ามาสั่งลาแฟนสาวของตน แม้ลึกๆ จะยังไม่อยากกลับ แต่เมื่อหลายอย่างมันไม่เป็นใจพอร์ชก็ได้แต่ทำมัน ตั้งแต่ที่คบกันมาได้ปีกว่าเตี่ยของผิงสั่งห้ามอะไร พอร์ชไม่เคยขัดแม้ในใจอยากจะแย้งออกมาบ้างก็ตาม เพราะความรักเท่านั้นที่ทำให้พอร์ชทนๆ อยู่แบบนี้ ในชีวิตของพอร์ชมีแต่สิ่งที่ต้องทำ และได้แต่เก็บสิ่งที่ตัวเองอยากจะทำเอาไว้ในใจ ไม่ใช่แค่เตี่ยผิงที่ตีกรอบให้พอร์ช แต่ที่บ้านของพอร์ชเองก็เช่นกัน “ขับรถดีๆ นะ ถึงแล้วโทรบอกผิงด้วยล่ะ” “โอเคครับ รีบอาบน้ำเข้านอนเถอะ” รุ่งสางวันใหม่เกิดอีกซ้ำๆ อีกวัน ขนมผิงตื่นตั้งแต่เช้าขึ้นมาพร้อมกับคนอื่นในบ้าน ที่ตื่นเช้าไม่ได้เป็นเพราะขยันอะไรเลยทว่าเป็นเพราะโดนคนในบ้านป
[4/2]“สรุปคือมึงทะเล่อทะล่าเดินขึ้นมาหากูเอง?”“ใช่ดิ”“แล้วมึงไม่โทรมาก่อนวะ?”เหตุการณ์ก่อนหน้านี้คือผิงกรีดร้องลั่นดังเข้าไปถึงด้านในห้องนอนของเพื่อนสนิท จนแฟนท์ต้องหน้าตาตื่นรีบวิ่งออกมาดูต้นตอของเสียงแฟนท์เห็นสภาพพี่ชายคนโตและเพื่อนสนิทยืนอยู่หน้าห้อง โดยที่มีมือของพี่ชายกำลังพยายามห้ามเสียงแปดหลอดของผิงเอาไว้อยู่ ทว่ากลับไม่เป็นผลเมื่อแฟนท์ได้ออกมาถึงหน้าห้องแล้วตอนนี้ทั้งสามคนเข้ามาอยู่ในห้องของแฟนท์ และกำลังโดนสืบสวนชุดหนักอยู่ เนื่องจากกล้ามากที่ทำให้แฟนท์ตื่นขึ้นมาได้ในช่วง 7 โมงเช้าแบบนี้“กูก็นึกว่าใครเป็นอะไร เฮ้อ! คนกำลังจะนอนหลับสบายๆ” แฟนท์ยืนกอดอกจ้องเอาเรื่องกับคนทั้งสองไม่เว้นแม้แต่พี่ชายของตัวเอง ที่ทะลึ่งออกมาจากห้องตัวเองโดยตัวแทบจะไม่เหลือเสื้อผ้าสักชิ้นอยู่แล้วเฮียเฟยพี่ชายคนโตอาศัยอยู่ชั้นเดียวกันกับน้องสาว และเป็นคนที่กวนตีนใช้ได้เลยล่ะ ถ้าได้เห็นตอนสมัยยังเรียนมัธยมอยู่โรงเรียนด้วยกันกับแฟนท์และผิง จะได้รู้ถึงความแสบซ่าของพี่ชายคนนี้แล้วที่เฮียเฟยต้องออกมาเจอกับผิงในตอนเช้าด้วยสถานการณ์ที่ไม่ค่อยสู้ดีนัก สำหรับการเจอกันในรอบหลายปีได้ทว่าที่เขารีบเปิดปร
[4/3]“ไอ้แฟนท์!! ลุกเดี๋ยวนี้โว้ย!” ขนมผิงยังไม่ลดความพยายามปลุกเพื่อน ทำให้คนที่นอนคลุมโปงอยู่ถึงกับเริ่มรำคาญเพื่อนสนิทมากแล้ว จนต้องยอมออกมาจากผ้าห่มของตัวเองแฟนท์ขยี้หัวตัวเองแรงๆ เนื่องจากความหงุดหงิดที่โดนรบกวนตั้งแต่เช้า แต่กระนั้นก็ยอมลุกขึ้นหยิบผ้าเช็ดตัวเดินเข้าห้องน้ำไป ส่วนขนมผิงก็นอนเล่นโทรศัพท์รอเพื่อนที่เตียงนอนแกร่ก!!“อ้าว! เฮียมีอะไรอีก?” เสียงเปิดประตูดังมาถึงหูคนนอนเล่นโทรศัพท์อยู่ จึงต้องหันหน้าไปดูว่ามีแขกที่ไหนมาห้องเพื่อนสนิท ปรากฏว่าเป็นแขกคนเดิมที่เพิ่งจะเจอหน้าไม่กี่นาทีที่แล้วนี่เอง“สั่งน้ำเขาไว้แล้วไม่ลงมาเอาสักที เสียของหมด”คราวนี้เฮียเฟยแต่งตัวใหม่ในชุดพร้อมทำงาน เสื้อเชิ้ตสีเทาเข้มกับกางเกงสแล็คสีดำช่างดูไม่เข้ากับนิสัยกวนตีนของเฮียเฟยเลยสักนิดและจากนั้นก็เดินถือแก้วโอเลี้ยงมาวางไว้ให้ตรงโต๊ะหนังสือของแฟนท์ วางเสร็จแล้วก็หมุนตัวเตรียมออกจากห้องด้วยท่าทางเร่งรีบปังงง!!“ขอบคุณนะเฮีย!” ผิงคิดว่าเฮียน่าจะรีบไปทำงาน ถึงได้ไม่ต่อปากต่อคำด้วยกันอย่างเคย แต่ถึงอย่างไรก็ต้องขอบคุณเขาที่อุตส่าห์ยกขึ้นมาให้ถึงชั้น 3 ของบ้านเฮียเฟยเพิ่งออกไปจากห้องได้ไม่นา
Chapter 5[5/1]แฟนท์พาผิงมาเดินหาที่ทำเลสำหรับเอาไว้ค้าขาย เดิมทีคิดจะเช่าแบบตึกพาณิชย์เล็กๆ สักคูหา ทว่ายังติดขัดเรื่องต้นทุน เพราะทั้งคู่ก็มีเงินกันไม่มากนัก ดังนั้นความเป็นไปได้ในการเปิดร้านของทั้งคู่จึงเป็นที่ตลาดแทน ตลาดบางพระเป็นตัวเลือกที่ใกล้กับบ้านของทั้งคู่ที่สุดแล้ว แถมราคาค่าเช่าก็ไม่แพงมากนัก ถ้าหากจะค้าขายอย่างที่วางแพลนไว้ก็คงจะเหมาะเจาะเอาการอยู่ ทุกอย่างดูราบรื่นดีในวันนี้ เพียงแต่อย่างเดียวที่ยังติดขัดกันอยู่ในตอนนี้ก็คือเจ้าของตลาดแห่งนี้นี่แหละ ที่ทำเอาทั้งคู่ยังยืนลังเลอยู่“ที่นี่ถูกสุดแล้วนะมึง ทำเลก็ดี ...เอาไงดีวะ?” แฟนท์ถามความเห็นเพื่อน“กูก็อยากได้นะแต่ว่า...”“ที่นี่ของพี่ชายเฮียฉี ไม่ใช่ของเฮียฉีสักหน่อย กูว่าเอาเถอะว่ะ”“นี่หนูสองคนน่ะ ตกลงว่าไง? จะเช่าเลยไหม เจ๊จะได้พาเข้าไปคุยกับเจ้าของในออฟฟิศ และก็ทำสัญญาให้เลย” ป้าอีกคนที่ยืนอยู่ด้วยกันชักเริ่มหงุดหงิดกับเด็กสองคนตรงหน้าแล้ว เพราะเห็นทั้งคู่ยืนตัดสินใจกันนานเกินไป “เจ้าของเค้ามาทำงานที่นี่ทุกวันเลยหรอจ๊ะเจ้”“ก็ใช่น่ะสิ อาซานอ่ะนะอีเป็นเจ้าของที่นี่แล้วก็เป็นเจ้าของตลาดหลายที่ทั่วเมืองชลฯ นี่แหละ
[5/2]ทางด้านฉีก็ยังคงใช้ชีวิตอย่างเช่นทุกวันของตัวเองไป การตื่นนอนขึ้นมาเปิดร้านในทุกๆ เช้า มันคือหน้าที่ของเขาจนเริ่มชินแล้ว โชคดีที่มีลูกน้องคู่ใจอย่างจ๋อมและต๋อง ทั้งคู่เป็นเหมือนมือข้างที่ 3 และ 4 ให้กับเจ้านายอย่างฉีได้ดีเสมอ แม้ว่าจะมีบางครั้งที่ซื่อจนสั่งงานไม่ได้ดั่งใจอยู่บ้าง แต่โดยรวมแล้วทั้งคู่ก็ทำงานใช้ได้มากกว่าคนอื่นๆ ในอู่นี้วันนี้เป็นวันทำงานของแฟนสาวอย่างอิ้งค์ ดังนั้นฉีจึงไม่ต้องเสียงานเสียการขับรถไปหาเจ้าตัวไกลถึงบางแสน ไม่เช่นนั้นรถที่รถซ่อมอีก 3-4 คันคงไม่เสร็จแน่นอนถ้าหากวันนี้เป็นวันหยุดของอิ้งค์“เฮีย มาสแตงคันนั้นต๋องยกให้เฮียกับไอ้จ๋อมเลยนะ เดี๋ยวต๋องไปดูคันนั้นเอง”“เออ แล้วแต่มึงเถอะ”“คันไหนราคาแพงนี่มึงไม่อยากจับเลยนะ ไอ้เหี้ย” จ๋อมลูกน้องมือขวาของฉีบ่นให้เพื่อนที่อุตส่าห์จัดแจงวางแผนการทำงานในวันนี้ให้ ส่วนฉีนั้นก็ได้แต่ส่ายหน้าให้ลูกน้องหัวหมออย่างต๋องจากนั้นก็แบ่งทีมกันลงงานตามที่วางแผนเอาไว้ในเช้าวันนี้ ลูกน้องฉีก็ไม่ได้มีแค่ต๋องกับจ๋อมสองคน แต่ยังมีอีก 10 คน ชายฉกรรจ์ ร่างบึกบึนในอู่นี้หน่วยกร้านงานดีใช้ได้และตามที่ฉีได้คัดเลือกมาแล้ว ลูกน้องของเข
[5/3]18.00 น.อาหารมื้อกลางวันผ่านพ้นไปแล้วนับหลายชั่วโมงได้ จนถึงตอนนี้ก็ได้ฤกษ์ทานมื้อเย็นแล้ว วันนี้ลมฝนลมหนาวหรือพายุลูกไหนก็ไม่รู้ที่นำพาคนอย่างฉีมานั่งร่วมโต๊ะอาหารที่บ้านตัวเองได้ปกติแล้วชายหนุ่มจะใช้ชีวิตที่อู่ของตนเองเป็นส่วนใหญ่ แต่เพราะวันนี้ได้ข่าวจากพี่ชายคนโตว่าคุณนายของบ้านไม่สบายนอนซมไข้มาหลายวันแล้ว เมื่อได้ยินดังนั้นมีหรือที่ลูกชายคนเล็กอย่างเขาจะเมินเฉยได้“นี่ถ้าม๊าไม่ป่วยนะแกคิดจะกลับมานอนบ้านบ้างไหม ห๊ะ?” ชายวัยกลางคนผู้นั่งอยู่หัวโต๊ะเอ่ยถามลูกชายคนเล็กของบ้านออกไปเชิงตำหนิ พร้อมกับทิ้งลมหายใจเฮือกใหญ่อย่างเบื่อหน่าย“ช่วงนี้งานยุ่งๆ นะป๊า” ฉีตอบทั้งยังเอื้อมมือไปตักกับข้าวใส่จานให้คนป่วยที่นั่งข้างๆ ตัวเองคุณนายของบ้านอย่างเพลงพินณ์แค่เป็นไข้หวัดธรรมดา ที่หายช้าก็เพราะว่าอายุมากแล้ว ร่างกายมันเลยไม่ค่อยฟื้นฟูได้เท่าสมัยยังสาว แต่พอรู้ว่าลูกชายคนเล็กจะมานอนบ้านในวันนี้ จากที่นอนซมอยู่บนห้องก็รีบลุกขึ้นอาบน้ำแต่งตัว บอกคนใช้ให้รีบเตรียมตั้งโต๊ะกับข้าวไว้รอลูกชายสุดที่รักเลย เพราะนานทีจะได้เห็นหน้า“เปิดอู่ทุกวันไม่เหนื่อยบ้างหรอลูก? พักบ้างก็ได้ จะขยันหาเงินไป
ตอนที่ 6[6/1]“หะ... ห้าววว~”“จิ! เดินเหมือนคนปกติหน่อยซิมึงอ่ะ!”“เฮียนะเฮีย นึกคึกอะไรวะ มาเก็บค่าเช่าแผงแทนเฮียซานเนี่ย” เอาเวลานอนของจ๋อมคืนมาจะได้ไหม แค่ตื่นขึ้นมาทำงานที่อู่ได้แต่ละวันก็ดีเท่าไหร่แล้ว นี่ยังต้องเจียดเวลาอันมีค่ามาทำอะไรแบบนี้นี้ด้วยเหรอฉีไม่ตอบลูกน้องแถมยังเดินเก็บค่าแผงต่อไปราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทั้งๆ ที่สายตาหลายคู่ของแม่ค้าพ่อค้าทั้งตลาดต่างมองมายังเขา เพราะปกติแล้วเห็นก็แต่เฮียซานหรือไม่ก็คุณนายเพลงพินณ์เท่านั้นที่จะผลัดกันมาเก็บ แต่วันนี้ฝนฟ้าคงตกหนักเมื่อเห็นทายาทคนเล็กของเศรษฐีบางพระมาทำหน้าที่ตรงนี้แทนพี่ชาย“เมื่อวานขายดีไหมเจ้?” ฉีเดินมาหยุดที่แผงคนคุ้นเคยพร้อมกับกล่าวทักทาย แม้จะไม่ได้มาที่นี่บ่อยนักแต่ร้านนี้ก็ยังไม่หายไปไหน“ไม่ค่อยเท่าไหร่เลย แล้วนี่อาซานไปไหนหรอ? วันนี้ลื้อถึงได้มาแทนน่ะ?”“เฮียไม่ค่อยสบายนิดหน่อยน่ะเจ้ เลยให้มาแทน” อันที่จริงไม่ใช่อย่างที่เขาพูดเลยสักนิด เพราะเมื่อคืนเขาเป็นคนขอเฮียซานเองว่าจะมาเก็บค่าแผงให้แทน โดยหาข้ออ้างเรื่องเพลงพินณ์ไม่สบายนั่นแหละ เพื่อให้ซานเป็นคนอยู่ดูแลคนป่วยที่บ้านแทน“อ่า... งั้นหรอ ดีแล้วๆ ช่วยๆ
[6/2]ตั้งแต่เช้ามืดแล้วที่ฉีกับอิ้งค์เดินทางออกมาจากที่อู่ เพื่อไปยังงานแต่งงานเพื่อนสนิทของอิ้งค์ เพื่อนคนนี้ฉีเองก็รู้จักดีเพราะเรียนที่มหาวิทยาลัยเดียวกัน งานนี้เห็นทีว่าคนรู้จักของทั้งคู่จะมาร่วมงานกันเยอะมากทีเดียวภายในงานวันนี้ช่างหรูหราสมฐานะของฝ่ายเจ้าบ่าวเอามากๆ ซึ่งเขาแอบได้ยินมาว่าเจ้าบ่าวของงานเป็นถึงทายาทนักธุรกิจชื่อดังเลย แม้จะยังไม่เคยเห็นหน้าเลยสักครั้งแต่ชื่อเสียงกลับดังมาถึงหูของฉีได้ เพราะมีแฟนสาวอย่างอิ้งนี่แหละที่พูดให้ฟัง“ฉีจัดเนกไทดีๆ หน่อยสิ” ว่าพลางเอื้อมมือมาจัดการกับเนกไทส์เจ้าปัญหาให้เพราะอิ้งค์เป็นผู้หญิงที่เห็นความไม่เรียบร้อยของสิ่งที่อยู่รอบๆ ตัวเองไม่ได้ โดยเฉพาะการแต่งตัวเซอๆ ของแฟนหนุ่ม นี่ถ้าเธอไม่สั่งจองชุดสำหรับมางานในวันนี้ให้ ป่านนี้ฉีคงลากแตะและใส่กางเกงยีนส์ขาดๆ ของเขามาแน่นอน ซึ่งถ้าเป็นอย่างนั้นเธอคงขายหน้าเพื่อนๆ หลายคนในงานนี้เป็นแน่“นี่ฉี นาฬิกาที่อิ้งค์เอามาให้เมื่อวานทำไมไม่หยิบมาใส่ ห๊ะ?”“ฉีลืม” ที่จริงเขาไม่ได้ลืมหรอก เพียงแต่ไม่อยากใส่มันก็เท่านั้นเอง นาฬิกาหลักล้านเรือนนั้นเขาไม่ชอบใส่มันนักหรอก“ทีหลังอย่าลืมแบบนี้อีกรู้ไหม
ตอนพิเศษ 1[เฮียฉี × น้องผิง]“เฮียว่าชุดนี้มันรัดเกินไปนะ”“หือ? ไม่นะ ผิงใส่แล้วมันพอดีเป๊ะเลย”“แต่เฮียว่ามันโป๊ไป ดูสิแบบนี้มันต่างจากใส่บิกินี่ตรงไหน?” ว่าพร้อมส่งสายตาก้มลงต่ำชวนให้คนตัวเล็กได้มองตาม“ชุดเจ้าสาว มันก็ต้องเห็นอก เอว สะโพกชัดๆ สิ อีกหน่อยม๊าผิงบอกว่าถ้ามีลูกแล้ว จะใส่ชุดเข้าทรงแบบนี้อีกคงลำบากน่าดู อีกอย่าง… นี่ก็งานแต่งงานแค่ครั้งเดียวในชีวิตผิงนะเฮีย ผิงก็ต้องสวยกว่าใครๆ สิ”ว่าที่เจ้าสาวโต้เถียงให้กับว่าที่เจ้าบ่าวของตัวเองอย่างไม่ยอมลงให้ง่ายๆผิงตั้งใจเอาไว้แล้วว่าจะเลือกชุดเจ้าสาวแบบเดียวกับที่เธอใส่อยู่ตอนนี้เพียงเท่านั้น ชุดอื่นๆ ที่ฉีเลือกเอาไว้ให้ใส่วันงาน เธอได้ลองใส่มันแล้ว และไม่เห็นด้วยกับรสนิยมของเขาอย่างยิ่งร่างบางช้อนตามองตามชุดที่ถอดกองเอาไว้ก่อนหน้านี้ พร้อมกับลมหายใจเฮือกใหญ่เสียงดังชัด ซึ่งมันแสดงออกถึงความไม่พอใจอย่างมาก เพราะชุดเหล่านั้นที่มันยังกองอยู่ภายในร้านชุดแต่งงาน มันคือชุดที่ฉีเป็นคนเลือกให้เธอเองบางตัวเป็นชุดไทยเดิมที่บิดมิดตั้งแต่ลำคอไปจนถึงตาตุ่ม ผิงลองใส่แล้วและคิดได้ว่ามันไม่เหมาะกับอากาศที่ร้อนอบอ้้าวในบ้านเรานัก ส่วนอีกชุดก
[END/2] วันนี้หลังจากที่ตะคอกใส่หน้าเขาไปเมื่อช่วงเย็น ผิงก็กลับไปนอนคิดแล้วว่าสิ่งที่ตนเองทำมันมากเกินไป อีกทั้งยังรู้สึกผิดต่อเขาที่เผลอพูดใส่ไปแบบนั้น ถึงได้รีบออกจากบ้านมาตามหาร้านเค้กอร่อยๆ รสชาติที่เขาชอบทานมันประจำ แล้วก็มายืนอยู่ในบ้านของเขาตอนนี้อย่างไรล่ะ ต่อให้เตี่ยจะหาว่าผิงโง่ที่ยอมยกโทษให้ฉีง่ายๆ ก็พร้อมน้อมรับแล้ว ขอแค่ที่ฉีบอกจะไปเมืองนอกนั้นมันไม่ใช่เรื่องจริง และขอแค่ได้ให้โอกาสกับเขาอีกครั้งหนึ่ง อย่างน้อยต่อให้เจ็บอีกครั้ง เธอก็ได้ลองเปิดใจเรียนรู้มันแล้ว “ผิงอุตส่าห์มาหาแล้ว... ฮึก และเฮียจะไปไหนอีก?” “เฮียรักผิงนะ แต่ว่า...” “แต่ว่าขี้ขลาดเกินไปงั้นหรอ!? ถึงต้องหนี” “ขอโทษ” ฉีก้มหน้าตอบ เมื่อไม่สามารถสบสายตาของคนตัวเล็กได้อีกต่อไปแล้ว เขายอมรับว่าเขามันขี้ขลาดตาขาว ยอมแพ้เรื่องนี้ง่ายๆ โดยที่ไม่ทันได้รับรู้ถึงความสิ้นหวังอย่างถึงที่สุดก่อน แต่ก็เพราะว่าเขารู้ตัวแล้ว เขารู้แล้วว่าเขาคงไม่เหมาะกันความรักของผิง ที่ผ่านมาผิงผิดหวังให้ตัวของเขามามาก มันถึงเวลาแล้วที่จะปล่อยให้เธอเป็นอิสระได้สักที สิ่งที่เขาคิดมันก็มีแค่นี้ เท่าที่ทำได้ “ถ้ารักแล้วทำไมไม่อยู่ด
[END/1] 19.30 น. ฉีกลับบ้านมาพร้อมกับความเงียบไม่ยอมพูดจากับใครหลายคนที่อยู่ร่วมฉลองวันเกิดของเขา คนในบ้านที่รอลุ้นเอาช่วยอยู่เมื่อเห็นฉีกลับมามือเปล่าแบบนี้ก็รู้คำตอบดีกันอยู่แล้ว จึงไม่ได้ถามจี้จุดให้เจ้าของวันเกิดเสียอารมณ์กันไปอีก คุณนายเพลงพิณอุตส่าห์ทำอาหารจัดเลี้ยงคนในงานอย่างสุดฝีมือ และแต่ละเมนูที่เธอทำก็ล้วนเป็นคำสั่งของลูกชายตัวเองทั้งนั้น ทั้งที่ไม่ใช่ของโปรดของลูกชายตัวเองเลยแม้แต่จานเดียว ทว่าฉีก็ยังยืนยันว่าอยากให้เธอทำมันอย่างสุดฝีมือ เพราะทั้งหมดบนโต๊ะนี้ล้วนแล้วแต่เป็นของโปรดผิงทั้งนั้น ขวดคริสตัลชั้นดีที่บรรจุน้ำเมาดีกรีแรงอย่าง ซิงเกิ้ลมอลท์วิสกี้ ปี 1920 ในราคาขวดละสามแสนกว่าบาท ตอนนี้มันกำลังถูกรินใส่ลงแก้วเป็นครั้งที่สามแล้วสำหรับค่ำคืนนี้โดยเจ้าของงานเอง เหล้าขวดนี้ฉีไม่ได้ซื้อมาเองเขาจึงกล้ากระดกมันเต็มที่ โดยที่ไม่ได้ใส่ใจเรื่องราคามากนัก ถ้าเขาจำไม่ผิดขวดนี้น่าจะเป็นของเสี่ยชัชชาติที่ซื้อมาตุนไว้ แต่วันนี้เขาไม่เห็นแม้แต่เงาของพ่อตัวเองเลยด้วยซ้ำ เพราะฉะนั้นเขาจะถือว่ามันคือของขวัญสำหรับวันเกิดจากบุพการีผู้ที่ไม่มีเวลาว่างมางานของเขาในคืนนี้ “อ่า... เ
[24/3] ในเมื่อคนทางบ้านของผิงปิดเครื่องหนีไปแล้ว ดังนั้นจึงต้องคิดหาทางเลือกอื่น เพื่อที่จะกลับบ้านให้ทันก่อนที่ฝนจะได้กระหน่ำลงมาเสียก่อน และแล้วตัวเลือกต่อมาของผิงจึงเป็นใครไปไม่ได้นอกจากรถมอเตอร์ไซต์รับจ้าง เพราะถ้าจะให้เธอโทรหาแฟนท์ตอนนี้ก็คงไม่ต่างอะไรกับพ่อแม่ตัวเอง รายนั้นก็กลัวเกินเหตุหนักเอาเรื่องอยู่เหมือนกัน พวกเขาคงลืมไปว่าบนโลกนี้มี นวัตกรรมที่วิเศษอยู่อย่างหนึ่งที่เรียกติดปากกันว่าสายล่อฟ้า และซึ่งต่อให้ผิงจะพูดหรืออธิบายไปจนคอแห้งก็จะเปล่าประโยชน์ เพราะสำหรับบางคนแล้วถ้ามีเรื่องฝังใจมากๆ ก็จะยังกลัวอยู่แบบเดิม เช่นเดียวกับแฟนท์เพื่อนของเธอ ที่เคยมีเหตุการณ์ไม่ดีกับเรื่องฝนฟ้าอากาศในสมัยเด็ก ผิงเดินมาทางฝั่งหน้าตลาดโดยที่ทิ้งรถของตนเองเอาไว้ที่ลานจอดนั่นก่อน เพราะตอนนี้เธอคงต้องพึ่งมอเตอร์ไซต์รับจ้างก่อนแล้ววันนี้ ทว่าพอเดินไปถึงจุดรับส่งผู้โดยสารกลับกลายเป็นว่างเปล่า ไร้รถและไร้เงาคนขับ ไม่มีผ่านตาเธอเลยสักคน ผิงเลยต้องยืนหน้างอคอตกอยู่แบบเดิม “เวรกรรม เฮ้ออ!” อาจจะเป็นเพราะฝนฟ้าไม่เป็นใจ คนแถวนี้ก็เลยทยอยกลับบ้านช่องกันหมดแล้ว ไม่เว้นแม้แต่รถโดยสารหลากหล
[24/2] ผิงยอมจำนนต่อคำขอร้องของพัศกรอย่างเลี่ยงไม่ได้ อีกทั้งในใจเธอเองก็ไม่อยากอยู่ในงานนี้เหมือนกัน ดังนั้นการได้ออกไปรับลมของนอกบ้างก็อาจจะช่วยให้หายลืมความวุ่นวายในงานได้บ้าง เธอหวังเอาไว้แบบนั้น ก่อนที่จะเดินไปยังลานจอดรถที่พัศกรเป็นคนพาไป แต่ก่อนที่จะได้สตาร์ทรถวิ่งออกไปยังเส้นถนนใหญ่ พัศกรได้ยื่นขวดน้ำเปล่าส่งมาให้คนข้างหน้าได้ดื่ม เพราะเห็นเธอบ่นว่าหิวตั้งแต่ตอนที่นั่งอยู่ตรงม้านั่งแล้ว “นี่ครับน้ำดื่ม เห็นผิงบอกหิวน้ำ โชคดีนะที่ในรถพี่มี” “เอ่อ... ค่ะ” มือบางรับขวดน้ำมาจากด้านฝั่งคนขับ ก่อนที่จะเปิดมันขึ้นมาดื่ม เพื่อให้เขาได้เห็นว่าที่เธอพูดก่อนหน้านี้ไม่ได้โกหก ทั้งที่จริงๆ เธอไม่ได้หิวน้ำเลยสักนิด เพียงแต่หาข้ออ้างกลับเข้าไปในงาน เพราะไม่อยากไปกับเขาเท่าไหร่นัก หากงานเลิกแล้วทางบ้านเธออาจจะรอนาน “งั้นไปกันเถอะครับ จะได้กลับมาทันเวลา” “ค่ะ” หลังจากที่เก็บค่าเช่าครบทุกแผงแล้ว ทั้งเจ้านายกับลูกน้องก็ต้องกลับมาตั้งต้นกันใหม่ที่ร้านขายน้ำล็อกหนึ่งในตลาด จากเดิมแผนการที่เฮียฉีบอกกับพวกเขาเอาไว้คือ จะล่อให้ผิงไปร่วมงานวันเกิดของเขาให้ได้ แต่กลับต้องล่มเสียก่อนงานจะเร
[24/1] 2 สัปดาห์ต่อมา...., ตื่นเช้าวันใหม่มาผิงเดินทางกลับมาขายของที่ร้านเฉกเช่นทุกวัน ภายหลังจากที่เกิดเรื่องขึ้นเธอได้ปิดร้านไปหนึ่งสัปดาห์เต็มๆ ก่อนที่จะกลับมาเปิดอีกครั้ง จนตอนนี้เป็นเวลาเกือบหนึ่งสัปดาห์แล้วที่เธอกลับมาขายของตามปกติอีกครั้ง แม้ว่าคนที่บ้านลั่นวาจาสั่งแล้วก็ตามที โอยเฉพาะเฮียส้งยืนกรานอยากให้ลูกสาวปิดกิจการนี้ไปแบบถาวรให้ได้ แต่เธอมองว่าเรื่องนี้มันไม่ได้เกี่ยวกับงานที่ตนเองทำเลยสักนิด ดังนั้นแล้วเรื่องที่ผ่านมาเธอจะลืมมันไป และเริ่มต้นใหม่จริงๆ ได้สักที ไม่ใช่เพราะ ทว่าเพราะตัวเธอเองทั้งนั้น ส่วนเรื่องฉี ...นับตั้งแต่วันนั้นที่เกิดเรื่องขึ้น ผิงก็ไม่ได้เจอกับเขาอีกเลย ตลาดระยะเวลา 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ผิงให้ความสำคัญกับเรื่องงานและแยกแยะออกว่าอันไหนเรื่องงานหรือเรื่องส่วนตัว แม้ว่าจะรู้อยู่แล้วว่าเฮียฉีจะต้องมาตามวอแวเธอถึงที่อย่างแน่นอน แต่กระนั้นใครจะสน ในเมื่อกิจการของเธอยังเป็นไปได้ด้วยดีอยู่ หากจะให้ย้ายร้านไปที่อื่นตอนนี้ก็กลัวว่าจะเสียลูกค้า เพราะที่นี่ก็ถือได้ว่าเป็นที่ทำเลที่ดีที่สุดแล้ว เธอคงไม่ยอมเสียโอกาสนี้ไปง่ายๆ แน่ “เป็นไงบ้าง เมื่อวานกล
[23/3]“ผิง! …ตื่นสิผิง”“อื้มมม ~”“ผิงลุกขึ้นไหวไหม!? ...”“อื้ม... ใครหรอ? เฮีย?”ราวกับว่ามีใครกำลังเรียกเธออยู่ในห้วงของความฝันอย่างไงอย่างงั้นเลย ตอนนี้ผิงคิดว่ามันคงจะใช่แบบนั้น เพราะความรู้สึกของตัวเองมันหวิวราวกับกำลังล่องลอยอยู่ในอากาศอย่างเชื่องช้า เสียงเบาหวิวที่ขึ้นเข้ามาในหัวของเธอ ถ้าจำไม่ผิดมันคือเสียงที่คือคุ้นเคยอย่างดีที่สุดแม้กระทั่งในความฝันเธอยังไม่อาจหนีพ้นคนอย่างฉีได้เลยอย่างนั้นหรือ กี่ครั้งแล้วที่ฝันเห็นเขา กี่ครั้งแล้วที่แอบเผลอใจอ่อนให้กับฉีในเวอร์ชันของความฝัน ที่เขาปฏิบัติต่อตัวเธออย่างอ่อนโยน ซึ่งมันแตกต่างจากในชีวิตจริงเป็นอย่างมาก“อื้ออ.... พาไปไหน?”เพราะในห้วงของความฝันที่คิดว่าตนเองพอจะรับรู้ได้ คือตอนนี้ฉีกำลังอุ้มเธออยู่ ทว่าไม่อาจรู้ได้ว่าเขากำลังอุ้มเธอออกไปที่ไหน และทำไมสีหน้าของคนที่อุ้มเธออยู่กลับแลดูกังวลใจ ราวกับมีเรื่องเลวร้ายเกิดขึ้นอยู่เลย‘เฮียจะพาผิงไปไหน? ขอนอนต่ออีกนิดไม่ได้เหรอ ง่วงเกินทนแล้ว....’ปัจจุบัน@โรงพยาบาลผิงถูกพาตัวออกมาจากโรงแรมแห่งหนึ่งได้อย่างปลอดภัย โดยคนที่พามาจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากฉีเอง ก่อนหน้านี้มันมีเหตุการณ
[23/2]“ว้าว.... ไม่ยักรู้เลยนะครับว่าลูกชายผมก็ใจบุญศุลทานกับเขาด้วย ขอย้ำนะครับว่ารายได้ส่วนหนึ่งในคืนนี้ไม่ได้จะเข้าหระเป๋าผมคนเดียว แต่จะนะไปบริบาคให้ทางองค์การบริหารส่วนตำบลของเรา เพื่อใช้ในการพัฒนาสถานที่สาธารณะของชาวตำบลเรา...”“รีบนับเถอะครับพิธีกร ผมเริ่มเมื่อยมือแล้วครับ” ฉีว่าตัดบทผู้เป็นพ่อก่อนที่เขาจะได้พูดจายืดเยื้อไปมากกว่านี้ ทำเอาเสี่ยชัชชาติที่กำลังจะพูดต่อ ถึงกับเสียหน้าให้แขกทั้งงาน“อะ.. อรึ่ม! เอาล่ะครับ ทุกท่าน องค์นี้ขึ้นมาเป็นสามล้านบาทแล้ว ผมจะเริ่มนับแล้วนะครับ”“1”“2”...“โอเคครับ องค์นี้ลูกชายของผมได้ไปเลยครับ ขอเสียงปรบมือหน่อยครับทุกท่าน”แปะๆๆๆแขกเหรื่อในงานต่างปรบมือเสียงความยินดีกับลูกชายเจ้าของงาน ที่ได้ครอบครัวหลวงพ่อองค์ที่หายากได้สำเร็จ โดยมูลค่าที่ได้มาสูงเกินราคาตลาดไปมาก ตลอดทั้งหลายคนยังแอบชื่นชมลูกชายเจ้าของงานกันปากต่อปากเรื่องความใจกล้าของเขา ทว่ากลับไม่ใช่บุคคลที่นั่งร่วมโต๊ะด้วยกันอย่างเฮียส้งเลย เพราะพระที่เขาอยากได้ตอนนี้มันอยู่ในมือของเด็กเมื่อวานซืนที่เอาเงินมาถลุงปั่นราคาเล่นอย่างฉี“ยินดีด้วยนะหลานชาย ฮ่าๆ ใจบุญใจกุศลจริงๆ เลย
[23/1]การจัดงานประมูลถูกดำเนินไปจนเข้าสู่ช่วงท้ายของงาน ไฮไลต์ภายในค่ำคืนนี้มีพระเครื่องหายากอยู่ทั้งหมด 5 องค์ด้วยกัน ที่จะเริ่มการประมูลขึ้นอีกไม่กี่นาทีต่อจากนี้โดยที่ช่วงดังกล่าวทางเจ้าพระอย่างเสี่ยชัชชาติจะเป็นคนขึ้นดำเนินการเปิดราคาด้วยตนเอง เพื่อที่จะได้มีส่วนร่วมส่งของที่เคยเป็นของเขาเอง ได้มอบมันให้แก่คนที่เสนอราคามาดีที่สุดทั้งยังส่งท้ายรายการทั้งหมดในค่ำคืนนี้ด้วยตนเอง“พระ 5 องค์ต่อจากนี้ที่จะเริ่มการประมูล ผมต้องบอกทุกท่านก่อนนะครับว่า รายได้จากการประมูลส่วนหนึ่ง ผมจะนำไปบริจาคให้กับทางองค์การบริหารส่วนตำบลของเรา เพื่อที่จะนำไปพัฒนาชุมชน และส่วนกลางต่างๆ ภายในชุมชนของเรา ทั้งยังมีโครงการสวนสาธารณะแห่งใหม่ ที่ผมเองเป็นผู้บริจาคอยู่แล้ว .....”“5 องค์ที่เหลือนี้ เฮียส้งมีเล็งๆ ไว้บ้างไหม? ถ้ามีบอกฉันได้นะ เผื่อฉันช่วยได้”ขณะที่ทุกคนกำลังนั่งฟังทางเจ้าภาพกล่าวอธิบายถึงงานในค่ำคืนนี้อยู่ กำนันชมก็หันหน้ามากระซิบพูดกับเฮียส้ง ทั้งยังขันอาสาช่วยเหลือเพราะถือว่ารู้จักกันในวงการนี้มาอย่างยาวนาน“อั๊วก็มีเล็งๆ ไว้อยู่ แต่อั๊วว่าราคาเปิดมันดูแพงเกินไปไหมอากำนัน บอกตามตรงว่าอั๊วก