บทนำ ‘เฮียสอบติดแล้วนะผิง เย็นนี้ไปเลี้ยงฉลองกันหน่อยไหม?’ ‘จริงหรอเฮีย เย้ๆๆ ....ดีใจด้วยนะ แฟนผิงเก่งที่สุดเลยยย’ ‘อีกหน่อยก็คงต้องย้ายไปอยู่หอแล้วล่ะ’ ‘……’ ‘ไม่เอาหน่า สัญญาว่าเฮียจะกลับมาหาบ่อยๆ เลย’ ‘จริงๆ นะ’ ‘จริงสิ หึหึ ...เป็นเด็กดีและก็ตั้งใจเรียนนะรู้ไหม?’ ‘เฮียสัญญานะ ว่าจะโทรคุยกับผิงทุกคืนก่อนนอน’ ‘สัญญาสิ ต้องโทรมาอยู่แล้ว’ ‘ถ้าเฮียเรียนอยู่ใกล้บ้านก็ดีสิ เราจะได้เจอกันทุกวัน’ ‘พอถึงช่วงวัยหนึ่ง เราก็ต้องแยกย้ายกันไปเติบโต ไปทำตามความฝันของตัวเองก่อน.... แล้วค่อยกลับมาเจอกันอีกครั้งไง พอถึงวันนั้นเราจะได้อยู่ด้วยกันนานเลย’ ‘ผิงรักเฮียนะ ฮึกก~’ ‘เฮียก็รักผิง ไม่งอแงนะ โอ๋ๆๆ’ บรรยากาศยามเย็นหลังเลิกเรียน ในช่วงที่พระอาทิตย์กำลังจะค่อยๆ ลับหายไปแบบนี้ มีเด็กสาวเพื่อนซี้สองคนยังอยู่ในชุดนักเรียนมอปลาย ปล่อยเสื้อลอยชายนั่งเล่นอยู่แถวบริเวณอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ อ่างเก็บน้ำบางพระสถานที่ขึ้นชื่อเรื่องความสวยงามทางธรรมชาติ และเป็นแหล่งท่องเที่ยวในจังหวัดชลบุรี ท่ามกลางผู้คนมากมายที่มาสูดอากาศบริสุทธิ์ของสถานที่แห่งนี้ บางคนมาเพื่อชมบรรยากาศ บางคนก็มาวิ่งออกกำลังกาย
[1/1] (ปัจจุบัน) แคร่กกๆ ~~ ปรึ๊นน ...แคร่กก~~~ “โอ๊ยผิง ถ้ามันจะสตาร์ทไม่ติดขนาดนั้นทำไมไม่ไปร้านซ่อมล่ะลูก” เสียงสตาร์ทรถมอเตอร์ไซต์ฟีโน่คันคู่ใจของขนมผิงที่ใช้มันมาตั้งแต่เรียนมัธยมแล้ว และตอนนี้เธอเองก็เพิ่งจะเรียนจบมหา’ ลัยมาหมาดๆ รถคันนี้มันไม่ได้ถูกใช้งานมาหลายปีแล้ว จึงสตาร์ทติดๆ ดับๆ อยู่แบบนี้ เป็นเวลาเกือบชั่วโมงได้แล้วที่เพ็ญพรนั่งมองลูกสาวตัวเองอยู่โต๊ะหินอ่อนหน้าบ้านแบบนี้ ลูกสาวตัวดีของเธอเพิ่งจะกลับมาอยู่บ้านได้ 2 วัน ก็เกิดนึกอยากแว๊นอะไรขึ้นมาตอนนี้ไม่รู้ รถคันนี้มันถูกจอดไว้นานสี่ปีแล้วตั้งแต่ที่ลูกสาวของเธอไปเรียนต่อที่เชียงใหม่ บ้านหลังนี้ก็ไม่มีใครแตะต้องมันอีกเลย ปกติเพ็ญพรกับพ่อของขนมผิงก็ใช้รถยนต์ตลอดอยู่แล้ว ถ้าลูกสาวไม่กลับมาภายในปีนี้เธอก็คิดอยู่ว่าจะขายเพราะเก็บไว้ก็ไม่ได้ใช้งานเลย และขนมผิงเองไปเรียนที่นั่นตั้งหลายปีก็ไม่เคยกลับมาบ้านเลย ตอนแรกเพ็ญพรบอกให้ลูกสาวเอารถคันนี้ไปขับที่นั่นด้วย แต่ก็ไม่ได้เอาไปใช้ด้วยเลย ที่ไม่ให้ก็เพราะเฮียส้งกลัวเรื่องอุบัติเหตุอันตรายเกิดขึ้นกับลูกสาวคนเดียวของเขา ด้วยความที่ขนมผิงชอบทำอะไรแล้วไม่เคยรอบคอบสักอย
Chapter 1 [1/2] วันถัดมาในตอนเช้าเฮียส้งก็เอารถฟีโน่คู่ใจของลูกสาวขึ้นใส่ท้ายกระบะขับมาทิ้งไว้ที่อู่หน้าปากซอยทางเข้าบ้าน หลังจากนั้นก็ขับรถต่อไปขายของที่ร้าน วันนี้เพ็ญพรติดรถมากับเขาด้วยเพราะไม่อยากอยู่กับลูกสาวแล้ว เห็นว่าเมื่อวานงอนอะไรกันสักอย่างเขาเองก็ไม่รู้ “ไอ้จ๋อม... นี่รถใครวะ?” รถมอเตอร์ไซต์คันสีฟ้าทรงเก่าที่มีเลขป้ายทะเบียนติดอยู่ด้านหลัง ทำให้เจ้าของร้านถึงกับต้องเดินเข้ามาดูใกล้ๆ พร้อมกับขยี้ตาดูให้ชัดๆ นี่เขาไม่ได้ตาฝาดไปเองอย่างนั้นใช่ไหม “รถเฮียส้งน่ะเฮีย เอามาทิ้งเอาไว้เห็นบอกพรุ่งนี้จะมารับ” จ๋อมเด็กในร้านบอกเจ้านายหนุ่ม พลางทำงานของตัวเองต่อ “เฮียเขาจะเอามาซ่อมทำไมวะ? ปกติก็เห็นขับแต่รถกระบะทุกวัน” ฉีจำได้ว่ารถคันนี้มันเป็นของลูกสาวตัวดีของเฮียส้ง เขาเคยขับบ่อยครั้งในสมัยที่ไปเรียนด้วยกันกับเจ้าของรถคันนี้ ฉีเองตั้งแต่มากลับมาอยู่ที่บ้านแล้วมาเปิดกิจการอู่ซ่อมรถของตัวเองซึ่งก็หุ้นกับพี่ชายของเขาด้วย แต่กลับมาอยู่ที่นี่ได้หลายปีแล้วยังไม่เจอหน้าเจอตาเจ้าของมันเลย ป่านนี้ไม่รู้ว่าย้ายทะเบียนบ้านไปตั้งหลักปักฐานอยู่เหนือเลยหรืออย่างไร “เห็นว่าลูกสาวเขามา ไม
ตอนที่ 1[1/3]วันนี้หลังจากที่เฮียส้งและเพ็ญพรออกไปขายของที่ร้านแล้ว ขนมผิงจึงได้แต่ติดแงกนอนดูทีวีอยู่ที่บ้านตามลำพัง เพราะไม่สามารถออกไปไหนได้ รถฟีโน่คันโปรดของตัวเองก็เข้าอู่ซ่อมไปแล้วด้วย ดังนั้นจึงได้แต่นอนเปื่อยอยู่แบบทั้งวันจนกระทั่งเป็นเวลาเที่ยงขนมผิงเริ่มจะหิวข้าวแล้ว ก่อนจะเดินเข้าไปดูของกินในครัวที่เพ็ญพรจัดเตรียมเอาไวให้ตั้งแต่ตอนเช้าก่อนจะออกจากบ้านไป“อะไรเนี่ย!? ….แกงจืด?”มือบางเปิดฝาชีที่ครอบอาหารเอาไว้อยู่ ปรากฏว่าอาหารที่เพ็ญพรทำเอาไว้ มีเพียงแค่แกงจืดและข้าวสวยเพียงเท่านั้นอะไรกัน ลูกอยู่บ้านทั้งทีให้กินดีอยู่ดีหน่อยก็ได้ป้ะ? จะให้ลดหุ่นหรือยังไง? “โอ๊ย! แม่นะแม่”บ่นไปแบบนั้นแต่ก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี ถ้าออกไปไหนมาไหนตอนนี้ได้ก็ดีสิ หน้าปากซอยก็คงจะมีของกินเยอะแยะเหมือนเดิมหรือจะข้ามไปอีกฝั่งถนนแถวๆ บ้านแฟนท์ก็มีร้านของกินมากมายเลยจริงสิ…. ไอ้แฟนท์มันต้องมีรถมารับเราแน่ๆ คิดได้ดังนั้นแล้วขนมผิงจึงไม่รีรอรีบต่อสายหาเพื่อนสนิทของตัวเองเลยทนทีผิงลืมคิดไปเลยว่าแฟนท์ก็คงจะมีรถพอที่จะมารับเธอถึงที่บ้านได้ เพราะบ้านของผิงเป็นบ้านสวนอยู่ท้ายซอยเลยซึ่งการที่จะเดินออ
ตอนที่ 2[2/1]สองสาวได้ขับรถมาถึงร้านกาแฟริมชายหาดบางแสนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว กว่าจะมาถึงก็ตากแดดตากลมกันนานทีเดียว หากไม่มีเสื้อและกางเกงที่ปกปิดมิชิดได้ขนาดนี้มีหวังคงตัวไหม้เกรียมกันไปหมดแฟนท์พาขนมผิงเดินเข้ามาในตัวร้านที่ตกแต่งเขากับสไตล์มินิมอลตามเทรนด์ปัจจุบันนี้มากตรงข้ามกับร้านกาแฟแห่งนี้ยังเป็นชายหาดยาวไปจนถึงอีกฝั่งหนึ่งของหาดที่อยู่ติดกันขนมผิงไม่เคยมาร้านนี้เลยเพราะแฟนท์เองก็บอกแล้วว่ามันเพิ่งจะเปิดใหม่ได้ไม่นานแต่ดูจากทรงแล้ววันนี้ไม่รู้ว่าจะมีที่นั่งพอสำหรับสองคนนี้อยู่หรือไม่ เพราะผู้คนเนืองแน่นเต็มร้านขนาดนี้ ก็อย่างว่าแหละช่วงเปิดใหม่ใครๆ ก็อยากมาลองเป็นธรรมดา“ร้านนี้หรอ?” ผิงถามแฟนท์ที่พาเดินเบียดผู้คนเข้ามาถึงหน้าเคาท์เตอร์ของร้านได้“ใช่ ร้านนี้แหละ”“สวัสดีค่ะรับอะไรดีคะ?”“มัจฉะปั่นหวานน้อยค่ะ // กับอเมริกาโน่เย็นแก้วนึงค่ะ”เมื่อมีพนักยืนรับออเดอร์อยู่ที่ตรงนั้น ทั้งคู่ก็รีบส่งทันทีก่อนจะรีบออกไปหาโต๊ะนั่ง เพราะกลัวว่าจะเต็มหมดซะก่อน คนรอสั่งด้านหลังยังมีอีกมากหากไม่รีบจับจองตอนนี้อาจจะได้สั่งกลับบ้านแทนที่จะได้นั่งแอร์เย็นๆ ให้หายเหนื่อย“นี่ๆ มุมนี้เลยมึ
ตอนที่ 2[2/2]“ว่าไงคะน้อง? ตกลงว่ามีอะไร?”ทั้งผิงและเพื่อนสนิทยังมัวแต่ยืนนิ่งอึ้งอยู่ เดินเข้ามาเปิดประเด็นเองแล้วยังมาเงียบใส่คนที่นั่งอยู่โต๊ะตรงนี้อีก ทุกคนก็เลยได้แต่งงกับพฤติกรรมสองสาวคู่นี้ส่วนฉีก็รู้ดีอยู่แก่ใจว่าที่สองคนตรงหน้ายืนอึ้งอยู่แบบนี้ ก็เพราะการได้มาเจอกันกับเขาอย่างที่ไม่ได้คาดคิดมาก่อนฉีรู้ว่าผิงกลับมาอยู่บ้านได้ 2-3 วันแล้ว และรถที่เตี่ยผิงเอามาซ่อมก็ยังอยู่ที่อู่ของเขา แต่ก็ไม่นึกว่าจะเจอผิงที่นี่และคนข้างๆ นี้ก็คงจะเป็นแฟนท์ เพื่อนสนิทของผิงแน่นอนแม้จะผ่านมา 7 ปีแล้วที่ไม่ได้เจอกัน ทว่าสาวรุ่นน้องทั้งสองคนนี้ก็ยังหน้าตาเคล้าเดิม ไม่ค่อยมีอะไรเปลี่ยนแปลงยกเว้นความขาวผ่องออร่าแตกสาวที่เพิ่มมากขึ้น“ว่ายังไงครับ มีปัญหาอะไรหรือเปล่า?”ฉีมองหน้าขนมผิงอย่างมีเลสนัย แต่ก็ยังเก็บอาการทำเป็นเหมือนคนที่ไม่รู้จักกันมาก่อน เขาเองก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงต้องทำแบบนี้“ก็ที่โต๊ะนี่เราสองคนยังจะนั่งอยู่นะคะ แล้วเราก็เอาเสื้อวางไว้ตรงนี้แล้ว พวกคุณไม่เห็นกันหรอ?” กว่าที่ผิงจะรวบรวมสติตัวเองได้ก็กินเวลาไปหลายนาทีแล้ว ก่อนจะอ้างสิทธิ์เรื่องที่นั่งของตนเองและเพื่อน “แล้วไหนล่ะเส
[2/3]“มีอะไรกันรึเปล่าคะ คุณลูกค้า”แต่ก่อนที่ทุกคนจะได้เดินเข้าไปด้านในร้านที่จะดูกล้องวงจรปิด ก็มีผู้หญิงคนหนึ่งเดินเข้ามาทักทั้งยังทำหน้าต้องการคำอธิบายจากพนักงานสาวคนนั้นท่าทางการแต่งตัวดีมากและเหมือนกับว่าเธอจะเป็นเจ้าของร้านเสียด้วยซ้ำ ถ้าเกิดว่าฉีเดาไม่ผิดก็น่าจะเป็นอย่างนั้น“คือว่าลูกค้าเขาอยากจะขอดูกล้องวงจรปิดค่ะพี่เอม”“ดูกล้องวงจรปิด?”“ใช่ครับ พอดีว่ามีคนกล่าวหาว่าพวกผมมาแย่งที่นั่ง และเป็นคนเอาเสื้อของเขาไปทิ้งน่ะครับ คุณเป็นเจ้าของร้านใช่ไหม?”“ใช่ค่ะเอมเป็นเจ้าของร้านนี้เอง และเสื้อที่พวกคุณตามหากันอยู่มันไม่ได้หายไปไหนหรอกนะคะ เอมเป็นคนเก็บไว้เอง”“อ้าว!”“เอมต้องขอโทษด้วยนะคะที่ทำให้เกิดเรื่องวุ่นๆ ขึ้น แต่ทางร้านไม่ได้มีนโยบายให้ลูกค้าจองโต๊ะเอาไว้แบบนี้และเดินไปเล่นที่อื่นนะคะ ถ้าแบบนี้แล้วลูกค้าคนอื่นมาทีหลังเขาก็คงจะไม่ได้นั่งพอดีล่ะค่ะ กว่าคุณจะกลับมานั่งโต๊ะได้ ฉะนั้นเสื้อแขนยาวสองตัวนั้นเอมก็เลยเก็บเอาไว้ให้หลังร้านค่ะ”“ได้ยินชัดแล้วใช่ไหมคะน้อง?” อิ้งค์เดินมาจับแขนฉีแล้วมองหน้ายิ้มเย้ยใส่ผิงและเพื่อนอย่างผู้ชนะ แม้จะเพิ่งรู้จักกันวันนี้แต่กลับหมั่นไส้เด็ก
[3/1]วันนี้ผิงต้องตื่นแต่เช้าเพราะว่าจะมีคนมาหา ซึ่งคนคนนั้นก็คือพอร์ชแฟนหนุ่มของผิงเอง ทั้งคู่คบกันได้ปีกว่าในช่วงที่ผิงไปเรียนที่เชียงใหม่แล้วพอร์ชก็เรียนอยู่ที่นั่นด้วยพอหลังจากที่เรียนจบพร้อมกันมาต่างคนก็ต่างแยกย้ายกลับมาอยู่บ้านของตัวเอง พอร์ชมีบ้านอยู่กรุงเทพฯ และต้องช่วยงานครอบครัวของเขาต่อก่อนหน้านี้เขาเคยคุยกับผิงเรื่องย้ายไปอยู่กรุงเทพฯ ด้วยกัน ทว่าผิงเองก็อยากจะอยู่ที่นี่กับเตี่ยและม๊ามากกว่าอีกอย่างเฮียส้งก็คงไม่ยอมให้ลูกสาวคนเดียวของเขาไปไหนไกลตาได้อีกแล้ว แค่ไปเรียนแล้วไม่กลับมาบ้านเป็นเวลา 4 ปี มันก็มากเกินพอแล้วกลับมาอยู่บ้านเฮียส้งและเพ็ญพรก็เลี้ยงดูลูกสาวตัวเองได้สบายอยู่แล้ว ต่อให้ผิงอยากพักผ่อนหรือยังไม่อยากไปสมัครงานที่ไหน พวกเขาก็พร้อมจะเลี้ยงผิงได้เสมอ ขอแค่อยู่บ้านหลังนี้ไม่ไปไหนตอนนี้ผิงแต่งตัวเสร็จแล้ว ระหว่างรอพอร์ชขับรถมาถึงบ้านก็นั่งเล่นโทรศัพท์รอหน้าโทรทัศน์ไปพลางๆ ก่อน กระทั่งสักพักเกือบๆ ครึ่งชั่วโมงรถคันหรูราคาแพงของแฟนหนุ่มก็ขับเข้ามาจอดไว้หน้าบ้าน จากนั้นก็ได้ยินเสียงกดกริ่งดังขึ้น 2-3 ครั้ง ผิงรับรู้ถึงการมาของพอร์ชแล้ว ก็รีบลุกขึ้นจากโซฟาพร้
ตอนพิเศษ 1[เฮียฉี × น้องผิง]“เฮียว่าชุดนี้มันรัดเกินไปนะ”“หือ? ไม่นะ ผิงใส่แล้วมันพอดีเป๊ะเลย”“แต่เฮียว่ามันโป๊ไป ดูสิแบบนี้มันต่างจากใส่บิกินี่ตรงไหน?” ว่าพร้อมส่งสายตาก้มลงต่ำชวนให้คนตัวเล็กได้มองตาม“ชุดเจ้าสาว มันก็ต้องเห็นอก เอว สะโพกชัดๆ สิ อีกหน่อยม๊าผิงบอกว่าถ้ามีลูกแล้ว จะใส่ชุดเข้าทรงแบบนี้อีกคงลำบากน่าดู อีกอย่าง… นี่ก็งานแต่งงานแค่ครั้งเดียวในชีวิตผิงนะเฮีย ผิงก็ต้องสวยกว่าใครๆ สิ”ว่าที่เจ้าสาวโต้เถียงให้กับว่าที่เจ้าบ่าวของตัวเองอย่างไม่ยอมลงให้ง่ายๆผิงตั้งใจเอาไว้แล้วว่าจะเลือกชุดเจ้าสาวแบบเดียวกับที่เธอใส่อยู่ตอนนี้เพียงเท่านั้น ชุดอื่นๆ ที่ฉีเลือกเอาไว้ให้ใส่วันงาน เธอได้ลองใส่มันแล้ว และไม่เห็นด้วยกับรสนิยมของเขาอย่างยิ่งร่างบางช้อนตามองตามชุดที่ถอดกองเอาไว้ก่อนหน้านี้ พร้อมกับลมหายใจเฮือกใหญ่เสียงดังชัด ซึ่งมันแสดงออกถึงความไม่พอใจอย่างมาก เพราะชุดเหล่านั้นที่มันยังกองอยู่ภายในร้านชุดแต่งงาน มันคือชุดที่ฉีเป็นคนเลือกให้เธอเองบางตัวเป็นชุดไทยเดิมที่บิดมิดตั้งแต่ลำคอไปจนถึงตาตุ่ม ผิงลองใส่แล้วและคิดได้ว่ามันไม่เหมาะกับอากาศที่ร้อนอบอ้้าวในบ้านเรานัก ส่วนอีกชุดก
[END/2] วันนี้หลังจากที่ตะคอกใส่หน้าเขาไปเมื่อช่วงเย็น ผิงก็กลับไปนอนคิดแล้วว่าสิ่งที่ตนเองทำมันมากเกินไป อีกทั้งยังรู้สึกผิดต่อเขาที่เผลอพูดใส่ไปแบบนั้น ถึงได้รีบออกจากบ้านมาตามหาร้านเค้กอร่อยๆ รสชาติที่เขาชอบทานมันประจำ แล้วก็มายืนอยู่ในบ้านของเขาตอนนี้อย่างไรล่ะ ต่อให้เตี่ยจะหาว่าผิงโง่ที่ยอมยกโทษให้ฉีง่ายๆ ก็พร้อมน้อมรับแล้ว ขอแค่ที่ฉีบอกจะไปเมืองนอกนั้นมันไม่ใช่เรื่องจริง และขอแค่ได้ให้โอกาสกับเขาอีกครั้งหนึ่ง อย่างน้อยต่อให้เจ็บอีกครั้ง เธอก็ได้ลองเปิดใจเรียนรู้มันแล้ว “ผิงอุตส่าห์มาหาแล้ว... ฮึก และเฮียจะไปไหนอีก?” “เฮียรักผิงนะ แต่ว่า...” “แต่ว่าขี้ขลาดเกินไปงั้นหรอ!? ถึงต้องหนี” “ขอโทษ” ฉีก้มหน้าตอบ เมื่อไม่สามารถสบสายตาของคนตัวเล็กได้อีกต่อไปแล้ว เขายอมรับว่าเขามันขี้ขลาดตาขาว ยอมแพ้เรื่องนี้ง่ายๆ โดยที่ไม่ทันได้รับรู้ถึงความสิ้นหวังอย่างถึงที่สุดก่อน แต่ก็เพราะว่าเขารู้ตัวแล้ว เขารู้แล้วว่าเขาคงไม่เหมาะกันความรักของผิง ที่ผ่านมาผิงผิดหวังให้ตัวของเขามามาก มันถึงเวลาแล้วที่จะปล่อยให้เธอเป็นอิสระได้สักที สิ่งที่เขาคิดมันก็มีแค่นี้ เท่าที่ทำได้ “ถ้ารักแล้วทำไมไม่อยู่ด
[END/1] 19.30 น. ฉีกลับบ้านมาพร้อมกับความเงียบไม่ยอมพูดจากับใครหลายคนที่อยู่ร่วมฉลองวันเกิดของเขา คนในบ้านที่รอลุ้นเอาช่วยอยู่เมื่อเห็นฉีกลับมามือเปล่าแบบนี้ก็รู้คำตอบดีกันอยู่แล้ว จึงไม่ได้ถามจี้จุดให้เจ้าของวันเกิดเสียอารมณ์กันไปอีก คุณนายเพลงพิณอุตส่าห์ทำอาหารจัดเลี้ยงคนในงานอย่างสุดฝีมือ และแต่ละเมนูที่เธอทำก็ล้วนเป็นคำสั่งของลูกชายตัวเองทั้งนั้น ทั้งที่ไม่ใช่ของโปรดของลูกชายตัวเองเลยแม้แต่จานเดียว ทว่าฉีก็ยังยืนยันว่าอยากให้เธอทำมันอย่างสุดฝีมือ เพราะทั้งหมดบนโต๊ะนี้ล้วนแล้วแต่เป็นของโปรดผิงทั้งนั้น ขวดคริสตัลชั้นดีที่บรรจุน้ำเมาดีกรีแรงอย่าง ซิงเกิ้ลมอลท์วิสกี้ ปี 1920 ในราคาขวดละสามแสนกว่าบาท ตอนนี้มันกำลังถูกรินใส่ลงแก้วเป็นครั้งที่สามแล้วสำหรับค่ำคืนนี้โดยเจ้าของงานเอง เหล้าขวดนี้ฉีไม่ได้ซื้อมาเองเขาจึงกล้ากระดกมันเต็มที่ โดยที่ไม่ได้ใส่ใจเรื่องราคามากนัก ถ้าเขาจำไม่ผิดขวดนี้น่าจะเป็นของเสี่ยชัชชาติที่ซื้อมาตุนไว้ แต่วันนี้เขาไม่เห็นแม้แต่เงาของพ่อตัวเองเลยด้วยซ้ำ เพราะฉะนั้นเขาจะถือว่ามันคือของขวัญสำหรับวันเกิดจากบุพการีผู้ที่ไม่มีเวลาว่างมางานของเขาในคืนนี้ “อ่า... เ
[24/3] ในเมื่อคนทางบ้านของผิงปิดเครื่องหนีไปแล้ว ดังนั้นจึงต้องคิดหาทางเลือกอื่น เพื่อที่จะกลับบ้านให้ทันก่อนที่ฝนจะได้กระหน่ำลงมาเสียก่อน และแล้วตัวเลือกต่อมาของผิงจึงเป็นใครไปไม่ได้นอกจากรถมอเตอร์ไซต์รับจ้าง เพราะถ้าจะให้เธอโทรหาแฟนท์ตอนนี้ก็คงไม่ต่างอะไรกับพ่อแม่ตัวเอง รายนั้นก็กลัวเกินเหตุหนักเอาเรื่องอยู่เหมือนกัน พวกเขาคงลืมไปว่าบนโลกนี้มี นวัตกรรมที่วิเศษอยู่อย่างหนึ่งที่เรียกติดปากกันว่าสายล่อฟ้า และซึ่งต่อให้ผิงจะพูดหรืออธิบายไปจนคอแห้งก็จะเปล่าประโยชน์ เพราะสำหรับบางคนแล้วถ้ามีเรื่องฝังใจมากๆ ก็จะยังกลัวอยู่แบบเดิม เช่นเดียวกับแฟนท์เพื่อนของเธอ ที่เคยมีเหตุการณ์ไม่ดีกับเรื่องฝนฟ้าอากาศในสมัยเด็ก ผิงเดินมาทางฝั่งหน้าตลาดโดยที่ทิ้งรถของตนเองเอาไว้ที่ลานจอดนั่นก่อน เพราะตอนนี้เธอคงต้องพึ่งมอเตอร์ไซต์รับจ้างก่อนแล้ววันนี้ ทว่าพอเดินไปถึงจุดรับส่งผู้โดยสารกลับกลายเป็นว่างเปล่า ไร้รถและไร้เงาคนขับ ไม่มีผ่านตาเธอเลยสักคน ผิงเลยต้องยืนหน้างอคอตกอยู่แบบเดิม “เวรกรรม เฮ้ออ!” อาจจะเป็นเพราะฝนฟ้าไม่เป็นใจ คนแถวนี้ก็เลยทยอยกลับบ้านช่องกันหมดแล้ว ไม่เว้นแม้แต่รถโดยสารหลากหล
[24/2] ผิงยอมจำนนต่อคำขอร้องของพัศกรอย่างเลี่ยงไม่ได้ อีกทั้งในใจเธอเองก็ไม่อยากอยู่ในงานนี้เหมือนกัน ดังนั้นการได้ออกไปรับลมของนอกบ้างก็อาจจะช่วยให้หายลืมความวุ่นวายในงานได้บ้าง เธอหวังเอาไว้แบบนั้น ก่อนที่จะเดินไปยังลานจอดรถที่พัศกรเป็นคนพาไป แต่ก่อนที่จะได้สตาร์ทรถวิ่งออกไปยังเส้นถนนใหญ่ พัศกรได้ยื่นขวดน้ำเปล่าส่งมาให้คนข้างหน้าได้ดื่ม เพราะเห็นเธอบ่นว่าหิวตั้งแต่ตอนที่นั่งอยู่ตรงม้านั่งแล้ว “นี่ครับน้ำดื่ม เห็นผิงบอกหิวน้ำ โชคดีนะที่ในรถพี่มี” “เอ่อ... ค่ะ” มือบางรับขวดน้ำมาจากด้านฝั่งคนขับ ก่อนที่จะเปิดมันขึ้นมาดื่ม เพื่อให้เขาได้เห็นว่าที่เธอพูดก่อนหน้านี้ไม่ได้โกหก ทั้งที่จริงๆ เธอไม่ได้หิวน้ำเลยสักนิด เพียงแต่หาข้ออ้างกลับเข้าไปในงาน เพราะไม่อยากไปกับเขาเท่าไหร่นัก หากงานเลิกแล้วทางบ้านเธออาจจะรอนาน “งั้นไปกันเถอะครับ จะได้กลับมาทันเวลา” “ค่ะ” หลังจากที่เก็บค่าเช่าครบทุกแผงแล้ว ทั้งเจ้านายกับลูกน้องก็ต้องกลับมาตั้งต้นกันใหม่ที่ร้านขายน้ำล็อกหนึ่งในตลาด จากเดิมแผนการที่เฮียฉีบอกกับพวกเขาเอาไว้คือ จะล่อให้ผิงไปร่วมงานวันเกิดของเขาให้ได้ แต่กลับต้องล่มเสียก่อนงานจะเร
[24/1] 2 สัปดาห์ต่อมา...., ตื่นเช้าวันใหม่มาผิงเดินทางกลับมาขายของที่ร้านเฉกเช่นทุกวัน ภายหลังจากที่เกิดเรื่องขึ้นเธอได้ปิดร้านไปหนึ่งสัปดาห์เต็มๆ ก่อนที่จะกลับมาเปิดอีกครั้ง จนตอนนี้เป็นเวลาเกือบหนึ่งสัปดาห์แล้วที่เธอกลับมาขายของตามปกติอีกครั้ง แม้ว่าคนที่บ้านลั่นวาจาสั่งแล้วก็ตามที โอยเฉพาะเฮียส้งยืนกรานอยากให้ลูกสาวปิดกิจการนี้ไปแบบถาวรให้ได้ แต่เธอมองว่าเรื่องนี้มันไม่ได้เกี่ยวกับงานที่ตนเองทำเลยสักนิด ดังนั้นแล้วเรื่องที่ผ่านมาเธอจะลืมมันไป และเริ่มต้นใหม่จริงๆ ได้สักที ไม่ใช่เพราะ ทว่าเพราะตัวเธอเองทั้งนั้น ส่วนเรื่องฉี ...นับตั้งแต่วันนั้นที่เกิดเรื่องขึ้น ผิงก็ไม่ได้เจอกับเขาอีกเลย ตลาดระยะเวลา 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ผิงให้ความสำคัญกับเรื่องงานและแยกแยะออกว่าอันไหนเรื่องงานหรือเรื่องส่วนตัว แม้ว่าจะรู้อยู่แล้วว่าเฮียฉีจะต้องมาตามวอแวเธอถึงที่อย่างแน่นอน แต่กระนั้นใครจะสน ในเมื่อกิจการของเธอยังเป็นไปได้ด้วยดีอยู่ หากจะให้ย้ายร้านไปที่อื่นตอนนี้ก็กลัวว่าจะเสียลูกค้า เพราะที่นี่ก็ถือได้ว่าเป็นที่ทำเลที่ดีที่สุดแล้ว เธอคงไม่ยอมเสียโอกาสนี้ไปง่ายๆ แน่ “เป็นไงบ้าง เมื่อวานกล
[23/3]“ผิง! …ตื่นสิผิง”“อื้มมม ~”“ผิงลุกขึ้นไหวไหม!? ...”“อื้ม... ใครหรอ? เฮีย?”ราวกับว่ามีใครกำลังเรียกเธออยู่ในห้วงของความฝันอย่างไงอย่างงั้นเลย ตอนนี้ผิงคิดว่ามันคงจะใช่แบบนั้น เพราะความรู้สึกของตัวเองมันหวิวราวกับกำลังล่องลอยอยู่ในอากาศอย่างเชื่องช้า เสียงเบาหวิวที่ขึ้นเข้ามาในหัวของเธอ ถ้าจำไม่ผิดมันคือเสียงที่คือคุ้นเคยอย่างดีที่สุดแม้กระทั่งในความฝันเธอยังไม่อาจหนีพ้นคนอย่างฉีได้เลยอย่างนั้นหรือ กี่ครั้งแล้วที่ฝันเห็นเขา กี่ครั้งแล้วที่แอบเผลอใจอ่อนให้กับฉีในเวอร์ชันของความฝัน ที่เขาปฏิบัติต่อตัวเธออย่างอ่อนโยน ซึ่งมันแตกต่างจากในชีวิตจริงเป็นอย่างมาก“อื้ออ.... พาไปไหน?”เพราะในห้วงของความฝันที่คิดว่าตนเองพอจะรับรู้ได้ คือตอนนี้ฉีกำลังอุ้มเธออยู่ ทว่าไม่อาจรู้ได้ว่าเขากำลังอุ้มเธอออกไปที่ไหน และทำไมสีหน้าของคนที่อุ้มเธออยู่กลับแลดูกังวลใจ ราวกับมีเรื่องเลวร้ายเกิดขึ้นอยู่เลย‘เฮียจะพาผิงไปไหน? ขอนอนต่ออีกนิดไม่ได้เหรอ ง่วงเกินทนแล้ว....’ปัจจุบัน@โรงพยาบาลผิงถูกพาตัวออกมาจากโรงแรมแห่งหนึ่งได้อย่างปลอดภัย โดยคนที่พามาจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากฉีเอง ก่อนหน้านี้มันมีเหตุการณ
[23/2]“ว้าว.... ไม่ยักรู้เลยนะครับว่าลูกชายผมก็ใจบุญศุลทานกับเขาด้วย ขอย้ำนะครับว่ารายได้ส่วนหนึ่งในคืนนี้ไม่ได้จะเข้าหระเป๋าผมคนเดียว แต่จะนะไปบริบาคให้ทางองค์การบริหารส่วนตำบลของเรา เพื่อใช้ในการพัฒนาสถานที่สาธารณะของชาวตำบลเรา...”“รีบนับเถอะครับพิธีกร ผมเริ่มเมื่อยมือแล้วครับ” ฉีว่าตัดบทผู้เป็นพ่อก่อนที่เขาจะได้พูดจายืดเยื้อไปมากกว่านี้ ทำเอาเสี่ยชัชชาติที่กำลังจะพูดต่อ ถึงกับเสียหน้าให้แขกทั้งงาน“อะ.. อรึ่ม! เอาล่ะครับ ทุกท่าน องค์นี้ขึ้นมาเป็นสามล้านบาทแล้ว ผมจะเริ่มนับแล้วนะครับ”“1”“2”...“โอเคครับ องค์นี้ลูกชายของผมได้ไปเลยครับ ขอเสียงปรบมือหน่อยครับทุกท่าน”แปะๆๆๆแขกเหรื่อในงานต่างปรบมือเสียงความยินดีกับลูกชายเจ้าของงาน ที่ได้ครอบครัวหลวงพ่อองค์ที่หายากได้สำเร็จ โดยมูลค่าที่ได้มาสูงเกินราคาตลาดไปมาก ตลอดทั้งหลายคนยังแอบชื่นชมลูกชายเจ้าของงานกันปากต่อปากเรื่องความใจกล้าของเขา ทว่ากลับไม่ใช่บุคคลที่นั่งร่วมโต๊ะด้วยกันอย่างเฮียส้งเลย เพราะพระที่เขาอยากได้ตอนนี้มันอยู่ในมือของเด็กเมื่อวานซืนที่เอาเงินมาถลุงปั่นราคาเล่นอย่างฉี“ยินดีด้วยนะหลานชาย ฮ่าๆ ใจบุญใจกุศลจริงๆ เลย
[23/1]การจัดงานประมูลถูกดำเนินไปจนเข้าสู่ช่วงท้ายของงาน ไฮไลต์ภายในค่ำคืนนี้มีพระเครื่องหายากอยู่ทั้งหมด 5 องค์ด้วยกัน ที่จะเริ่มการประมูลขึ้นอีกไม่กี่นาทีต่อจากนี้โดยที่ช่วงดังกล่าวทางเจ้าพระอย่างเสี่ยชัชชาติจะเป็นคนขึ้นดำเนินการเปิดราคาด้วยตนเอง เพื่อที่จะได้มีส่วนร่วมส่งของที่เคยเป็นของเขาเอง ได้มอบมันให้แก่คนที่เสนอราคามาดีที่สุดทั้งยังส่งท้ายรายการทั้งหมดในค่ำคืนนี้ด้วยตนเอง“พระ 5 องค์ต่อจากนี้ที่จะเริ่มการประมูล ผมต้องบอกทุกท่านก่อนนะครับว่า รายได้จากการประมูลส่วนหนึ่ง ผมจะนำไปบริจาคให้กับทางองค์การบริหารส่วนตำบลของเรา เพื่อที่จะนำไปพัฒนาชุมชน และส่วนกลางต่างๆ ภายในชุมชนของเรา ทั้งยังมีโครงการสวนสาธารณะแห่งใหม่ ที่ผมเองเป็นผู้บริจาคอยู่แล้ว .....”“5 องค์ที่เหลือนี้ เฮียส้งมีเล็งๆ ไว้บ้างไหม? ถ้ามีบอกฉันได้นะ เผื่อฉันช่วยได้”ขณะที่ทุกคนกำลังนั่งฟังทางเจ้าภาพกล่าวอธิบายถึงงานในค่ำคืนนี้อยู่ กำนันชมก็หันหน้ามากระซิบพูดกับเฮียส้ง ทั้งยังขันอาสาช่วยเหลือเพราะถือว่ารู้จักกันในวงการนี้มาอย่างยาวนาน“อั๊วก็มีเล็งๆ ไว้อยู่ แต่อั๊วว่าราคาเปิดมันดูแพงเกินไปไหมอากำนัน บอกตามตรงว่าอั๊วก