ตอนที่ 2
[2/2] “ว่าไงคะน้อง? ตกลงว่ามีอะไร?” ทั้งผิงและเพื่อนสนิทยังมัวแต่ยืนนิ่งอึ้งอยู่ เดินเข้ามาเปิดประเด็นเองแล้วยังมาเงียบใส่คนที่นั่งอยู่โต๊ะตรงนี้อีก ทุกคนก็เลยได้แต่งงกับพฤติกรรมสองสาวคู่นี้ ส่วนฉีก็รู้ดีอยู่แก่ใจว่าที่สองคนตรงหน้ายืนอึ้งอยู่แบบนี้ ก็เพราะการได้มาเจอกันกับเขาอย่างที่ไม่ได้คาดคิดมาก่อน ฉีรู้ว่าผิงกลับมาอยู่บ้านได้ 2-3 วันแล้ว และรถที่เตี่ยผิงเอามาซ่อมก็ยังอยู่ที่อู่ของเขา แต่ก็ไม่นึกว่าจะเจอผิงที่นี่และคนข้างๆ นี้ก็คงจะเป็นแฟนท์ เพื่อนสนิทของผิงแน่นอน แม้จะผ่านมา 7 ปีแล้วที่ไม่ได้เจอกัน ทว่าสาวรุ่นน้องทั้งสองคนนี้ก็ยังหน้าตาเคล้าเดิม ไม่ค่อยมีอะไรเปลี่ยนแปลงยกเว้นความขาวผ่องออร่าแตกสาวที่เพิ่มมากขึ้น “ว่ายังไงครับ มีปัญหาอะไรหรือเปล่า?” ฉีมองหน้าขนมผิงอย่างมีเลสนัย แต่ก็ยังเก็บอาการทำเป็นเหมือนคนที่ไม่รู้จักกันมาก่อน เขาเองก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงต้องทำแบบนี้ “ก็ที่โต๊ะนี่เราสองคนยังจะนั่งอยู่นะคะ แล้วเราก็เอาเสื้อวางไว้ตรงนี้แล้ว พวกคุณไม่เห็นกันหรอ?” กว่าที่ผิงจะรวบรวมสติตัวเองได้ก็กินเวลาไปหลายนาทีแล้ว ก่อนจะอ้างสิทธิ์เรื่องที่นั่งของตนเองและเพื่อน “แล้วไหนล่ะเสื้อ?” ฉีย้อนถามอีกคนที่กำลังตั้งหน้าตั้งตาบอกอย่างเอาเรื่อง ตั้งแต่ที่เขากับอิ้งค์มาถึงโต๊ะนี้ก็ไม่เห็นว่ามันจะมีเสื้อของใครวางเอาไว้ก่อนหน้านี้เลย พอเห็นมันว่างก็เดินมานั่งไม่ได้ตั้งใจอยากจะแย่งใคร “ก็เมื่อกี้มันยังอยู่บนโต๊ะนี้อยู่เลยนะ” เหมือนคำพูดของฉีที่ถามออกไปจะทำผิงเริ่มไม่มั่นใจขึ้นแล้ว และเธอก็กำลังจะมองหาที่ยืนยันว่าตัวเองกับเพื่อนเป็นเจ้าของโต๊ะนี้จริง “แต่พี่กับแฟนมานั่งที่โต๊ะนี้ ก็ไม่เห็นมีอะไรวางไว้นะคะน้อง จำผิดโต๊ะรึเปล่า?” “แฟน?” พอได้ยินอิ้งค์พูดแบบนั้น แฟนท์ย้ำคำพูดที่ผู้หญิงตรงหน้าบอกเมื่อครู่ พลันทำหน้าตื่นเขย่าแขนเพื่อนเบาๆ และดูสีหน้าของเพื่อนในตอนนี้แฟนท์รู้เลยว่าแม้ผิงจะเก็บอาการได้อยู่จริง แต่ในฐานะที่เป็นเพื่อนกันมานานแค่แววตาของผิงที่มองไปยังสองคนนั้นสลับกัน แค่นี้... แฟนท์ก็รู้แล้วว่าผิงคิดอะไรอยู่ “งั้นไปเรียกพนักงานมาถามเลยไหมคะน้อง? ว่าสิ่งที่น้องพูดมามันใช่เรื่องจริงไหม?” “ก็ดีค่ะ จะได้รู้กันไปเลย” ผิงรวบรวมความมั่นใจว่าสิ่งที่ตัวเองพูดมันคือความจริง และจะไม่ยอมเสียโต๊ะตรงนี้ไปง่ายๆ แน่ เพราะกว่าจะขับรถมาถึงมันก็เหนื่อยมากแล้ว ยังมาเจอคนชุบมือเปิบแย่งโต๊ะไปแบบนี้อีก ยิ่งรู้ว่าคนที่มาแย่งโต๊ะคือใครแบบนี้เธอยิ่งยอมให้ไม่ได้เลย แม้ว่าอากาศข้างนอกร้อนมากมายเท่าไหร่ไม่รู้ แต่ตอนนี้ในใจผิงร้อนมากกว่าทุกอย่างไปหมดแล้ว อันที่จริงจะว่าไปสองคนนี้อาจจะเป็นคนหยิบเสื้อของพวกเธอไปทิ้งไว้ที่ไหนสักที่ก็ได้ ...ใครจะไปรู้ “แค่นี้ไม่ต้องทำให้มันเป็นเรื่องใหญ่ก็ได้มั้ง เราให้น้องเค้านั่งเถอะอิ้งค์ สงสารเด็กตาดำๆ น่ะ... เรากลับบ้านกันดีกว่า” “ได้ไงล่ะฉี นี่เราก็เพิ่งจะมาเหมือนกันนะ เราไม่ผิดก็เรียกให้พนักงานมาตรวจสอบกันไปเลยสิ” “ไอ้ผิง... กลับกันเถอะ เดี๋ยวกูพาไปนั่งร้านอื่นก็ได้” แฟนท์ดึงแขนของเพื่อนสาวให้ถอยออกมา เพราะกลัวจะมีเรื่องกันในร้านนี้จริงๆ นอกจากจะเรื่องโต๊ะนั่งแล้ว ยังมาเจอแฟนเก่าของผิงเป็นคู่กรณีอีก แบบนี้เรื่องมันจะไปกันใหญ่เอาได้ “ไม่! เราจะไม่ไปไหนทั้งนั้น ปล่อย... พี่คะ! พี่คะเชิญทางนี้หน่อยค่ะ” แล้วมีหรือที่ผิงจะยอมให้ง่ายๆ แขนเรียวรีบสะบัดมือเพื่อนออกได้แล้ว ก็รีบยกมือเรียกหาพนักงานในร้านคนหนึ่งให้เดินมาที่โต๊ะเกิดเหตุเลย และไม่นานพนักงานในร้านก็เดินเข้ามา “มีอะไรกันหรอคะลูกค้า?” “คือว่าหนูกับเพื่อนยังไม่ได้คืนโต๊ะนี้นะคะ เราแค่ออกไปถ่ายรูปกัน แต่ยังเอาของวางไว้ตรงนี้อยู่ แล้วพี่ผู้หญิงกับพี่ผู้ชายสองคนนี้ก็มานั่งที่ของเราค่ะ” “แล้วของลูกค้าอยู่ไหนคะ?” “ตอนนี้ไม่รู้ว่าใครหยิบมันไปค่ะ แต่ยืนยันได้ว่าเอาไว้ตรงนี้จริงๆ” ประโยคนี้ผิงจงใจมองหน้าฉีตรงๆ เหมือนกำลังปักใจเชื่อว่าอาจจะเป็นคนที่มาแย่งโต๊ะนี่เอง ที่เป็นคนเอาเสื้อแขนยาวของพวกเธอไปซ่อน “งั้นผมขอย้อนดูกล้องหน่อยได้ไหมครับ? เผื่อน้องเค้าจะได้รู้สักทีว่าใคร... เป็นคนเอาไป” ฉีพอเดาสายตาคู่นั้นออกว่าผิงคิดอะไรอยู่ คงจะคิดว่าเขาเป็นคนเอาของไปซ่อนสินะ แล้วเขาจะทำอย่างนั้นทำไมกัน “เดี๋ยวรอสักครู่นะคะ ดิฉันจะจัดการให้เดี๋ยวนี้เลยค่ะ” “งั้นขอเข้าไปดูด้วยนะคะ” “ผมก็ด้วยครับ” ฉีเองก็อยากไปเห็นกับตาเหมือนกันว่าใครเป็นคนเอาไป ทีนี้จะได้ไม่ต้องเห็นผิงมาทำสายตาเหมือนจับผิดเขาอยู่แบบนี้ “งั้นก็ไปกันหมดนี่เลยค่ะ” อิ้งค์เริ่มตงิดอยู่ในใจว่าทำไมสายตาของผู้หญิงตรงหน้ากับฉีที่เป็นแฟนของตัวเอง พวกเขามองหน้ากันแปลกๆ เหมือนสองคนนี้รู้จักกันมาก่อนอย่างนั้นเลย แล้วผู้หญิงคนนี้ดูๆ ไปก็รู้สึกคุ้นหน้าคุ้นตาอยู่เหมือนกัน ไม่รู้ว่าเคยเจอเธอที่ไหนแต่ก็ยังนึกไม่ออก[2/3]“มีอะไรกันรึเปล่าคะ คุณลูกค้า”แต่ก่อนที่ทุกคนจะได้เดินเข้าไปด้านในร้านที่จะดูกล้องวงจรปิด ก็มีผู้หญิงคนหนึ่งเดินเข้ามาทักทั้งยังทำหน้าต้องการคำอธิบายจากพนักงานสาวคนนั้นท่าทางการแต่งตัวดีมากและเหมือนกับว่าเธอจะเป็นเจ้าของร้านเสียด้วยซ้ำ ถ้าเกิดว่าฉีเดาไม่ผิดก็น่าจะเป็นอย่างนั้น“คือว่าลูกค้าเขาอยากจะขอดูกล้องวงจรปิดค่ะพี่เอม”“ดูกล้องวงจรปิด?”“ใช่ครับ พอดีว่ามีคนกล่าวหาว่าพวกผมมาแย่งที่นั่ง และเป็นคนเอาเสื้อของเขาไปทิ้งน่ะครับ คุณเป็นเจ้าของร้านใช่ไหม?”“ใช่ค่ะเอมเป็นเจ้าของร้านนี้เอง และเสื้อที่พวกคุณตามหากันอยู่มันไม่ได้หายไปไหนหรอกนะคะ เอมเป็นคนเก็บไว้เอง”“อ้าว!”“เอมต้องขอโทษด้วยนะคะที่ทำให้เกิดเรื่องวุ่นๆ ขึ้น แต่ทางร้านไม่ได้มีนโยบายให้ลูกค้าจองโต๊ะเอาไว้แบบนี้และเดินไปเล่นที่อื่นนะคะ ถ้าแบบนี้แล้วลูกค้าคนอื่นมาทีหลังเขาก็คงจะไม่ได้นั่งพอดีล่ะค่ะ กว่าคุณจะกลับมานั่งโต๊ะได้ ฉะนั้นเสื้อแขนยาวสองตัวนั้นเอมก็เลยเก็บเอาไว้ให้หลังร้านค่ะ”“ได้ยินชัดแล้วใช่ไหมคะน้อง?” อิ้งค์เดินมาจับแขนฉีแล้วมองหน้ายิ้มเย้ยใส่ผิงและเพื่อนอย่างผู้ชนะ แม้จะเพิ่งรู้จักกันวันนี้แต่กลับหมั่นไส้เด็ก
[3/1]วันนี้ผิงต้องตื่นแต่เช้าเพราะว่าจะมีคนมาหา ซึ่งคนคนนั้นก็คือพอร์ชแฟนหนุ่มของผิงเอง ทั้งคู่คบกันได้ปีกว่าในช่วงที่ผิงไปเรียนที่เชียงใหม่แล้วพอร์ชก็เรียนอยู่ที่นั่นด้วยพอหลังจากที่เรียนจบพร้อมกันมาต่างคนก็ต่างแยกย้ายกลับมาอยู่บ้านของตัวเอง พอร์ชมีบ้านอยู่กรุงเทพฯ และต้องช่วยงานครอบครัวของเขาต่อก่อนหน้านี้เขาเคยคุยกับผิงเรื่องย้ายไปอยู่กรุงเทพฯ ด้วยกัน ทว่าผิงเองก็อยากจะอยู่ที่นี่กับเตี่ยและม๊ามากกว่าอีกอย่างเฮียส้งก็คงไม่ยอมให้ลูกสาวคนเดียวของเขาไปไหนไกลตาได้อีกแล้ว แค่ไปเรียนแล้วไม่กลับมาบ้านเป็นเวลา 4 ปี มันก็มากเกินพอแล้วกลับมาอยู่บ้านเฮียส้งและเพ็ญพรก็เลี้ยงดูลูกสาวตัวเองได้สบายอยู่แล้ว ต่อให้ผิงอยากพักผ่อนหรือยังไม่อยากไปสมัครงานที่ไหน พวกเขาก็พร้อมจะเลี้ยงผิงได้เสมอ ขอแค่อยู่บ้านหลังนี้ไม่ไปไหนตอนนี้ผิงแต่งตัวเสร็จแล้ว ระหว่างรอพอร์ชขับรถมาถึงบ้านก็นั่งเล่นโทรศัพท์รอหน้าโทรทัศน์ไปพลางๆ ก่อน กระทั่งสักพักเกือบๆ ครึ่งชั่วโมงรถคันหรูราคาแพงของแฟนหนุ่มก็ขับเข้ามาจอดไว้หน้าบ้าน จากนั้นก็ได้ยินเสียงกดกริ่งดังขึ้น 2-3 ครั้ง ผิงรับรู้ถึงการมาของพอร์ชแล้ว ก็รีบลุกขึ้นจากโซฟาพร้
ตอนที่ 3[3/2]“ผมเปลี่ยนอะไหล่นอกและอะไหล่ในรวมทั้งน้ำมันเครื่องเรียบร้อยหมดแล้วนะครับ”ทีแรกต๋องเป็นคนที่รับผิดชอบรถจักรยานยนต์คันนี้เอง แต่เมื่อวานเจ้าของอู่เกิดคึกอะไรขึ้นมาก็ไม่รู้ หลังจากที่ไปหาแฟนสาวกลับมา ก็มาแย่งงานลูกน้องทำเลยทำจนดึกเช็คให้ทุกตารางนิ้ว อย่างกับใช้งานเอง เมื่อคืนต๋องก็เลยอยู่เป็นลูกมือเจ้าของอู่เกือบๆ ตีสองถึงเสร็จ“ขอบคุณค่ะ”“ทางร้านซ่อมแล้ว ล้างรถให้เรียบร้อยแล้วนะครับ”“ล้างรถ?”“ครับผม คือมันเป็นหนึ่งในบริการเสริมในช่วงโปรโมชันทางร้านน่ะครับ”“ถ้ามีอะไรเพิ่มเติม หรือว่าเครื่องมีปัญหาขึ้นมาอีก ทางร้านเรามีประกันตามระยะเวลาในบิลเลยนะครับ”“บิล?”ปกติทางร้านบริการดีแบบนี้อยู่แล้ว แต่เฉพาะรถคันนี้โดนเจ้าของร้านเพิ่งออปชั่นเสริมขึ้นมาอีกอย่าง คือนอกจากซ่อมให้แล้วยังใช้ให้ต๋องต้องเอารถเขาไปล้างให้อีกก็แค่รถจักรยานยนต์คันเล็กๆ ทำไมต้องบริการดีขนาดนี้ด้วยต๋องยังงงอยู่เลย“อ่อ! จริงสิ เกือบลืมไปเลยครับ แฮร่ๆ ...ลูกค้าชำระค่าซ่อมด้านในออฟฟิศได้เลยนะครับ เสร็จแล้วลูกค้าจะได้ใบเสร็จมา ในนั้นมันจะมีประกันบอกไว้อยู่ว่ารับเคลมถึงวันไหนน่ะครับ”ร้านเฮียฉีดูแลลูกค้าดุจ
ตอนที่ 3[3/3]มื้อเย็นวันนี้เฮียส้งเป็นคนลงมือเข้าครัวเองทำเองทุกอย่าง ศรีภรรยาอย่างเพ็ญพรและลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนเลยทำหน้าที่ต้อนรับว่าที่ลูกเขยเพ็ญพรไม่ได้กีดดันเรื่องความรักของลูกสาวเลย เห็นว่าลูกโตพอที่จะมีความรักกับเขาได้แล้ว หากเจอผู้ชายที่เตี่ยกับม๊าเห็นว่าดี การแต่งงานออกเรือนไปมีครอบครัวเป็นของตัวเองของลูกสาวคนนี้ เพ็ญพรเองก็จะได้หมดห่วงที่ผ่านมาเพ็ญพรกับเฮียส้งได้มีโอกาสไปเยี่ยมขนมผิงถึงหอพักที่เชียงใหม่ ทั้งสองก็เจอพอร์ชอยู่บ่อยครั้งที่นั่นด้วยช่วงแรกๆ ที่รู้ว่าลูกมีแฟนแล้ว เฮียส้งแทบไม่เป็นอันทำมาหากินอยากจะบินไปเชียงใหม่ทุกๆ เย็น เพราะเป็นห่วงลูกสาวกลัวว่าจะเตลิดออกนอกกรอบจนเสียการเรียนเฮียส้งเขาเป็นคนหวงลูกสาวเกินเหตุเสมอ และเป็นเพ็ญพรนี่แหละที่ทำหน้าที่ห้ามปรามเอาไว้ทุกครั้ง“แล้วนี่พอร์ชจะกลับกรุงเทพฯ วันนี้เลยเหรอม๊าเกรงว่ามันจะมืดค่ำเอานะลูก?”เพ็ญพรรินน้ำเปล่าใส่แก้วต้อนรับว่าที่ลูกเขยพร้อมกับเตรียมของว่างมาไว้ให้เป็นอย่างดี แม้ว่าตัวเองจะเพิ่งกลับมาจากร้านเหนื่อยๆ แต่ด้วยความที่มีแขกมาเยือนถึงที่แบบนี้ เธอก็ทำหน้าที่เจ้าบ้านได้ดีอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง“ก็คงต้องเป
ตอนที่ 4 [4/1] ขนมผิงเดินออกมาส่งแฟนหนุ่มถึงหน้าบ้านหลังจากทานอาหารมื้อเย็นรวมกันเสร็จ พอร์ชยังมีงานที่ต้องทำต่อที่โรงงานของเขาพรุ่งนี้ หรือต่อให้ไม่มีงานอย่างอื่นเฮียส้งก็ไม่ใจอ่อนให้ว่าที่ลูกเขยค้างแรมที่นี่ได้เด็ดขาด ดังนั้นการที่พอร์ชจะไปหรือมาที่บ้านหลังนี้ได้ก็ต้องอยู่ในการกำกับของเจ้าบ้านอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ “งั้นพอร์ชไปก่อนนะ” ชายหนุ่มกดปลดล็อกรถหรูเตรียมจะเข้าไปด้านใน ก่อนจะหันหน้ามาสั่งลาแฟนสาวของตน แม้ลึกๆ จะยังไม่อยากกลับ แต่เมื่อหลายอย่างมันไม่เป็นใจพอร์ชก็ได้แต่ทำมัน ตั้งแต่ที่คบกันมาได้ปีกว่าเตี่ยของผิงสั่งห้ามอะไร พอร์ชไม่เคยขัดแม้ในใจอยากจะแย้งออกมาบ้างก็ตาม เพราะความรักเท่านั้นที่ทำให้พอร์ชทนๆ อยู่แบบนี้ ในชีวิตของพอร์ชมีแต่สิ่งที่ต้องทำ และได้แต่เก็บสิ่งที่ตัวเองอยากจะทำเอาไว้ในใจ ไม่ใช่แค่เตี่ยผิงที่ตีกรอบให้พอร์ช แต่ที่บ้านของพอร์ชเองก็เช่นกัน “ขับรถดีๆ นะ ถึงแล้วโทรบอกผิงด้วยล่ะ” “โอเคครับ รีบอาบน้ำเข้านอนเถอะ” รุ่งสางวันใหม่เกิดอีกซ้ำๆ อีกวัน ขนมผิงตื่นตั้งแต่เช้าขึ้นมาพร้อมกับคนอื่นในบ้าน ที่ตื่นเช้าไม่ได้เป็นเพราะขยันอะไรเลยทว่าเป็นเพราะโดนคนในบ้านป
[4/2]“สรุปคือมึงทะเล่อทะล่าเดินขึ้นมาหากูเอง?”“ใช่ดิ”“แล้วมึงไม่โทรมาก่อนวะ?”เหตุการณ์ก่อนหน้านี้คือผิงกรีดร้องลั่นดังเข้าไปถึงด้านในห้องนอนของเพื่อนสนิท จนแฟนท์ต้องหน้าตาตื่นรีบวิ่งออกมาดูต้นตอของเสียงแฟนท์เห็นสภาพพี่ชายคนโตและเพื่อนสนิทยืนอยู่หน้าห้อง โดยที่มีมือของพี่ชายกำลังพยายามห้ามเสียงแปดหลอดของผิงเอาไว้อยู่ ทว่ากลับไม่เป็นผลเมื่อแฟนท์ได้ออกมาถึงหน้าห้องแล้วตอนนี้ทั้งสามคนเข้ามาอยู่ในห้องของแฟนท์ และกำลังโดนสืบสวนชุดหนักอยู่ เนื่องจากกล้ามากที่ทำให้แฟนท์ตื่นขึ้นมาได้ในช่วง 7 โมงเช้าแบบนี้“กูก็นึกว่าใครเป็นอะไร เฮ้อ! คนกำลังจะนอนหลับสบายๆ” แฟนท์ยืนกอดอกจ้องเอาเรื่องกับคนทั้งสองไม่เว้นแม้แต่พี่ชายของตัวเอง ที่ทะลึ่งออกมาจากห้องตัวเองโดยตัวแทบจะไม่เหลือเสื้อผ้าสักชิ้นอยู่แล้วเฮียเฟยพี่ชายคนโตอาศัยอยู่ชั้นเดียวกันกับน้องสาว และเป็นคนที่กวนตีนใช้ได้เลยล่ะ ถ้าได้เห็นตอนสมัยยังเรียนมัธยมอยู่โรงเรียนด้วยกันกับแฟนท์และผิง จะได้รู้ถึงความแสบซ่าของพี่ชายคนนี้แล้วที่เฮียเฟยต้องออกมาเจอกับผิงในตอนเช้าด้วยสถานการณ์ที่ไม่ค่อยสู้ดีนัก สำหรับการเจอกันในรอบหลายปีได้ทว่าที่เขารีบเปิดปร
[4/3]“ไอ้แฟนท์!! ลุกเดี๋ยวนี้โว้ย!” ขนมผิงยังไม่ลดความพยายามปลุกเพื่อน ทำให้คนที่นอนคลุมโปงอยู่ถึงกับเริ่มรำคาญเพื่อนสนิทมากแล้ว จนต้องยอมออกมาจากผ้าห่มของตัวเองแฟนท์ขยี้หัวตัวเองแรงๆ เนื่องจากความหงุดหงิดที่โดนรบกวนตั้งแต่เช้า แต่กระนั้นก็ยอมลุกขึ้นหยิบผ้าเช็ดตัวเดินเข้าห้องน้ำไป ส่วนขนมผิงก็นอนเล่นโทรศัพท์รอเพื่อนที่เตียงนอนแกร่ก!!“อ้าว! เฮียมีอะไรอีก?” เสียงเปิดประตูดังมาถึงหูคนนอนเล่นโทรศัพท์อยู่ จึงต้องหันหน้าไปดูว่ามีแขกที่ไหนมาห้องเพื่อนสนิท ปรากฏว่าเป็นแขกคนเดิมที่เพิ่งจะเจอหน้าไม่กี่นาทีที่แล้วนี่เอง“สั่งน้ำเขาไว้แล้วไม่ลงมาเอาสักที เสียของหมด”คราวนี้เฮียเฟยแต่งตัวใหม่ในชุดพร้อมทำงาน เสื้อเชิ้ตสีเทาเข้มกับกางเกงสแล็คสีดำช่างดูไม่เข้ากับนิสัยกวนตีนของเฮียเฟยเลยสักนิดและจากนั้นก็เดินถือแก้วโอเลี้ยงมาวางไว้ให้ตรงโต๊ะหนังสือของแฟนท์ วางเสร็จแล้วก็หมุนตัวเตรียมออกจากห้องด้วยท่าทางเร่งรีบปังงง!!“ขอบคุณนะเฮีย!” ผิงคิดว่าเฮียน่าจะรีบไปทำงาน ถึงได้ไม่ต่อปากต่อคำด้วยกันอย่างเคย แต่ถึงอย่างไรก็ต้องขอบคุณเขาที่อุตส่าห์ยกขึ้นมาให้ถึงชั้น 3 ของบ้านเฮียเฟยเพิ่งออกไปจากห้องได้ไม่นา
Chapter 5[5/1]แฟนท์พาผิงมาเดินหาที่ทำเลสำหรับเอาไว้ค้าขาย เดิมทีคิดจะเช่าแบบตึกพาณิชย์เล็กๆ สักคูหา ทว่ายังติดขัดเรื่องต้นทุน เพราะทั้งคู่ก็มีเงินกันไม่มากนัก ดังนั้นความเป็นไปได้ในการเปิดร้านของทั้งคู่จึงเป็นที่ตลาดแทน ตลาดบางพระเป็นตัวเลือกที่ใกล้กับบ้านของทั้งคู่ที่สุดแล้ว แถมราคาค่าเช่าก็ไม่แพงมากนัก ถ้าหากจะค้าขายอย่างที่วางแพลนไว้ก็คงจะเหมาะเจาะเอาการอยู่ ทุกอย่างดูราบรื่นดีในวันนี้ เพียงแต่อย่างเดียวที่ยังติดขัดกันอยู่ในตอนนี้ก็คือเจ้าของตลาดแห่งนี้นี่แหละ ที่ทำเอาทั้งคู่ยังยืนลังเลอยู่“ที่นี่ถูกสุดแล้วนะมึง ทำเลก็ดี ...เอาไงดีวะ?” แฟนท์ถามความเห็นเพื่อน“กูก็อยากได้นะแต่ว่า...”“ที่นี่ของพี่ชายเฮียฉี ไม่ใช่ของเฮียฉีสักหน่อย กูว่าเอาเถอะว่ะ”“นี่หนูสองคนน่ะ ตกลงว่าไง? จะเช่าเลยไหม เจ๊จะได้พาเข้าไปคุยกับเจ้าของในออฟฟิศ และก็ทำสัญญาให้เลย” ป้าอีกคนที่ยืนอยู่ด้วยกันชักเริ่มหงุดหงิดกับเด็กสองคนตรงหน้าแล้ว เพราะเห็นทั้งคู่ยืนตัดสินใจกันนานเกินไป “เจ้าของเค้ามาทำงานที่นี่ทุกวันเลยหรอจ๊ะเจ้”“ก็ใช่น่ะสิ อาซานอ่ะนะอีเป็นเจ้าของที่นี่แล้วก็เป็นเจ้าของตลาดหลายที่ทั่วเมืองชลฯ นี่แหละ
ตอนพิเศษ 1[เฮียฉี × น้องผิง]“เฮียว่าชุดนี้มันรัดเกินไปนะ”“หือ? ไม่นะ ผิงใส่แล้วมันพอดีเป๊ะเลย”“แต่เฮียว่ามันโป๊ไป ดูสิแบบนี้มันต่างจากใส่บิกินี่ตรงไหน?” ว่าพร้อมส่งสายตาก้มลงต่ำชวนให้คนตัวเล็กได้มองตาม“ชุดเจ้าสาว มันก็ต้องเห็นอก เอว สะโพกชัดๆ สิ อีกหน่อยม๊าผิงบอกว่าถ้ามีลูกแล้ว จะใส่ชุดเข้าทรงแบบนี้อีกคงลำบากน่าดู อีกอย่าง… นี่ก็งานแต่งงานแค่ครั้งเดียวในชีวิตผิงนะเฮีย ผิงก็ต้องสวยกว่าใครๆ สิ”ว่าที่เจ้าสาวโต้เถียงให้กับว่าที่เจ้าบ่าวของตัวเองอย่างไม่ยอมลงให้ง่ายๆผิงตั้งใจเอาไว้แล้วว่าจะเลือกชุดเจ้าสาวแบบเดียวกับที่เธอใส่อยู่ตอนนี้เพียงเท่านั้น ชุดอื่นๆ ที่ฉีเลือกเอาไว้ให้ใส่วันงาน เธอได้ลองใส่มันแล้ว และไม่เห็นด้วยกับรสนิยมของเขาอย่างยิ่งร่างบางช้อนตามองตามชุดที่ถอดกองเอาไว้ก่อนหน้านี้ พร้อมกับลมหายใจเฮือกใหญ่เสียงดังชัด ซึ่งมันแสดงออกถึงความไม่พอใจอย่างมาก เพราะชุดเหล่านั้นที่มันยังกองอยู่ภายในร้านชุดแต่งงาน มันคือชุดที่ฉีเป็นคนเลือกให้เธอเองบางตัวเป็นชุดไทยเดิมที่บิดมิดตั้งแต่ลำคอไปจนถึงตาตุ่ม ผิงลองใส่แล้วและคิดได้ว่ามันไม่เหมาะกับอากาศที่ร้อนอบอ้้าวในบ้านเรานัก ส่วนอีกชุดก
[END/2] วันนี้หลังจากที่ตะคอกใส่หน้าเขาไปเมื่อช่วงเย็น ผิงก็กลับไปนอนคิดแล้วว่าสิ่งที่ตนเองทำมันมากเกินไป อีกทั้งยังรู้สึกผิดต่อเขาที่เผลอพูดใส่ไปแบบนั้น ถึงได้รีบออกจากบ้านมาตามหาร้านเค้กอร่อยๆ รสชาติที่เขาชอบทานมันประจำ แล้วก็มายืนอยู่ในบ้านของเขาตอนนี้อย่างไรล่ะ ต่อให้เตี่ยจะหาว่าผิงโง่ที่ยอมยกโทษให้ฉีง่ายๆ ก็พร้อมน้อมรับแล้ว ขอแค่ที่ฉีบอกจะไปเมืองนอกนั้นมันไม่ใช่เรื่องจริง และขอแค่ได้ให้โอกาสกับเขาอีกครั้งหนึ่ง อย่างน้อยต่อให้เจ็บอีกครั้ง เธอก็ได้ลองเปิดใจเรียนรู้มันแล้ว “ผิงอุตส่าห์มาหาแล้ว... ฮึก และเฮียจะไปไหนอีก?” “เฮียรักผิงนะ แต่ว่า...” “แต่ว่าขี้ขลาดเกินไปงั้นหรอ!? ถึงต้องหนี” “ขอโทษ” ฉีก้มหน้าตอบ เมื่อไม่สามารถสบสายตาของคนตัวเล็กได้อีกต่อไปแล้ว เขายอมรับว่าเขามันขี้ขลาดตาขาว ยอมแพ้เรื่องนี้ง่ายๆ โดยที่ไม่ทันได้รับรู้ถึงความสิ้นหวังอย่างถึงที่สุดก่อน แต่ก็เพราะว่าเขารู้ตัวแล้ว เขารู้แล้วว่าเขาคงไม่เหมาะกันความรักของผิง ที่ผ่านมาผิงผิดหวังให้ตัวของเขามามาก มันถึงเวลาแล้วที่จะปล่อยให้เธอเป็นอิสระได้สักที สิ่งที่เขาคิดมันก็มีแค่นี้ เท่าที่ทำได้ “ถ้ารักแล้วทำไมไม่อยู่ด
[END/1] 19.30 น. ฉีกลับบ้านมาพร้อมกับความเงียบไม่ยอมพูดจากับใครหลายคนที่อยู่ร่วมฉลองวันเกิดของเขา คนในบ้านที่รอลุ้นเอาช่วยอยู่เมื่อเห็นฉีกลับมามือเปล่าแบบนี้ก็รู้คำตอบดีกันอยู่แล้ว จึงไม่ได้ถามจี้จุดให้เจ้าของวันเกิดเสียอารมณ์กันไปอีก คุณนายเพลงพิณอุตส่าห์ทำอาหารจัดเลี้ยงคนในงานอย่างสุดฝีมือ และแต่ละเมนูที่เธอทำก็ล้วนเป็นคำสั่งของลูกชายตัวเองทั้งนั้น ทั้งที่ไม่ใช่ของโปรดของลูกชายตัวเองเลยแม้แต่จานเดียว ทว่าฉีก็ยังยืนยันว่าอยากให้เธอทำมันอย่างสุดฝีมือ เพราะทั้งหมดบนโต๊ะนี้ล้วนแล้วแต่เป็นของโปรดผิงทั้งนั้น ขวดคริสตัลชั้นดีที่บรรจุน้ำเมาดีกรีแรงอย่าง ซิงเกิ้ลมอลท์วิสกี้ ปี 1920 ในราคาขวดละสามแสนกว่าบาท ตอนนี้มันกำลังถูกรินใส่ลงแก้วเป็นครั้งที่สามแล้วสำหรับค่ำคืนนี้โดยเจ้าของงานเอง เหล้าขวดนี้ฉีไม่ได้ซื้อมาเองเขาจึงกล้ากระดกมันเต็มที่ โดยที่ไม่ได้ใส่ใจเรื่องราคามากนัก ถ้าเขาจำไม่ผิดขวดนี้น่าจะเป็นของเสี่ยชัชชาติที่ซื้อมาตุนไว้ แต่วันนี้เขาไม่เห็นแม้แต่เงาของพ่อตัวเองเลยด้วยซ้ำ เพราะฉะนั้นเขาจะถือว่ามันคือของขวัญสำหรับวันเกิดจากบุพการีผู้ที่ไม่มีเวลาว่างมางานของเขาในคืนนี้ “อ่า... เ
[24/3] ในเมื่อคนทางบ้านของผิงปิดเครื่องหนีไปแล้ว ดังนั้นจึงต้องคิดหาทางเลือกอื่น เพื่อที่จะกลับบ้านให้ทันก่อนที่ฝนจะได้กระหน่ำลงมาเสียก่อน และแล้วตัวเลือกต่อมาของผิงจึงเป็นใครไปไม่ได้นอกจากรถมอเตอร์ไซต์รับจ้าง เพราะถ้าจะให้เธอโทรหาแฟนท์ตอนนี้ก็คงไม่ต่างอะไรกับพ่อแม่ตัวเอง รายนั้นก็กลัวเกินเหตุหนักเอาเรื่องอยู่เหมือนกัน พวกเขาคงลืมไปว่าบนโลกนี้มี นวัตกรรมที่วิเศษอยู่อย่างหนึ่งที่เรียกติดปากกันว่าสายล่อฟ้า และซึ่งต่อให้ผิงจะพูดหรืออธิบายไปจนคอแห้งก็จะเปล่าประโยชน์ เพราะสำหรับบางคนแล้วถ้ามีเรื่องฝังใจมากๆ ก็จะยังกลัวอยู่แบบเดิม เช่นเดียวกับแฟนท์เพื่อนของเธอ ที่เคยมีเหตุการณ์ไม่ดีกับเรื่องฝนฟ้าอากาศในสมัยเด็ก ผิงเดินมาทางฝั่งหน้าตลาดโดยที่ทิ้งรถของตนเองเอาไว้ที่ลานจอดนั่นก่อน เพราะตอนนี้เธอคงต้องพึ่งมอเตอร์ไซต์รับจ้างก่อนแล้ววันนี้ ทว่าพอเดินไปถึงจุดรับส่งผู้โดยสารกลับกลายเป็นว่างเปล่า ไร้รถและไร้เงาคนขับ ไม่มีผ่านตาเธอเลยสักคน ผิงเลยต้องยืนหน้างอคอตกอยู่แบบเดิม “เวรกรรม เฮ้ออ!” อาจจะเป็นเพราะฝนฟ้าไม่เป็นใจ คนแถวนี้ก็เลยทยอยกลับบ้านช่องกันหมดแล้ว ไม่เว้นแม้แต่รถโดยสารหลากหล
[24/2] ผิงยอมจำนนต่อคำขอร้องของพัศกรอย่างเลี่ยงไม่ได้ อีกทั้งในใจเธอเองก็ไม่อยากอยู่ในงานนี้เหมือนกัน ดังนั้นการได้ออกไปรับลมของนอกบ้างก็อาจจะช่วยให้หายลืมความวุ่นวายในงานได้บ้าง เธอหวังเอาไว้แบบนั้น ก่อนที่จะเดินไปยังลานจอดรถที่พัศกรเป็นคนพาไป แต่ก่อนที่จะได้สตาร์ทรถวิ่งออกไปยังเส้นถนนใหญ่ พัศกรได้ยื่นขวดน้ำเปล่าส่งมาให้คนข้างหน้าได้ดื่ม เพราะเห็นเธอบ่นว่าหิวตั้งแต่ตอนที่นั่งอยู่ตรงม้านั่งแล้ว “นี่ครับน้ำดื่ม เห็นผิงบอกหิวน้ำ โชคดีนะที่ในรถพี่มี” “เอ่อ... ค่ะ” มือบางรับขวดน้ำมาจากด้านฝั่งคนขับ ก่อนที่จะเปิดมันขึ้นมาดื่ม เพื่อให้เขาได้เห็นว่าที่เธอพูดก่อนหน้านี้ไม่ได้โกหก ทั้งที่จริงๆ เธอไม่ได้หิวน้ำเลยสักนิด เพียงแต่หาข้ออ้างกลับเข้าไปในงาน เพราะไม่อยากไปกับเขาเท่าไหร่นัก หากงานเลิกแล้วทางบ้านเธออาจจะรอนาน “งั้นไปกันเถอะครับ จะได้กลับมาทันเวลา” “ค่ะ” หลังจากที่เก็บค่าเช่าครบทุกแผงแล้ว ทั้งเจ้านายกับลูกน้องก็ต้องกลับมาตั้งต้นกันใหม่ที่ร้านขายน้ำล็อกหนึ่งในตลาด จากเดิมแผนการที่เฮียฉีบอกกับพวกเขาเอาไว้คือ จะล่อให้ผิงไปร่วมงานวันเกิดของเขาให้ได้ แต่กลับต้องล่มเสียก่อนงานจะเร
[24/1] 2 สัปดาห์ต่อมา...., ตื่นเช้าวันใหม่มาผิงเดินทางกลับมาขายของที่ร้านเฉกเช่นทุกวัน ภายหลังจากที่เกิดเรื่องขึ้นเธอได้ปิดร้านไปหนึ่งสัปดาห์เต็มๆ ก่อนที่จะกลับมาเปิดอีกครั้ง จนตอนนี้เป็นเวลาเกือบหนึ่งสัปดาห์แล้วที่เธอกลับมาขายของตามปกติอีกครั้ง แม้ว่าคนที่บ้านลั่นวาจาสั่งแล้วก็ตามที โอยเฉพาะเฮียส้งยืนกรานอยากให้ลูกสาวปิดกิจการนี้ไปแบบถาวรให้ได้ แต่เธอมองว่าเรื่องนี้มันไม่ได้เกี่ยวกับงานที่ตนเองทำเลยสักนิด ดังนั้นแล้วเรื่องที่ผ่านมาเธอจะลืมมันไป และเริ่มต้นใหม่จริงๆ ได้สักที ไม่ใช่เพราะ ทว่าเพราะตัวเธอเองทั้งนั้น ส่วนเรื่องฉี ...นับตั้งแต่วันนั้นที่เกิดเรื่องขึ้น ผิงก็ไม่ได้เจอกับเขาอีกเลย ตลาดระยะเวลา 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ผิงให้ความสำคัญกับเรื่องงานและแยกแยะออกว่าอันไหนเรื่องงานหรือเรื่องส่วนตัว แม้ว่าจะรู้อยู่แล้วว่าเฮียฉีจะต้องมาตามวอแวเธอถึงที่อย่างแน่นอน แต่กระนั้นใครจะสน ในเมื่อกิจการของเธอยังเป็นไปได้ด้วยดีอยู่ หากจะให้ย้ายร้านไปที่อื่นตอนนี้ก็กลัวว่าจะเสียลูกค้า เพราะที่นี่ก็ถือได้ว่าเป็นที่ทำเลที่ดีที่สุดแล้ว เธอคงไม่ยอมเสียโอกาสนี้ไปง่ายๆ แน่ “เป็นไงบ้าง เมื่อวานกล
[23/3]“ผิง! …ตื่นสิผิง”“อื้มมม ~”“ผิงลุกขึ้นไหวไหม!? ...”“อื้ม... ใครหรอ? เฮีย?”ราวกับว่ามีใครกำลังเรียกเธออยู่ในห้วงของความฝันอย่างไงอย่างงั้นเลย ตอนนี้ผิงคิดว่ามันคงจะใช่แบบนั้น เพราะความรู้สึกของตัวเองมันหวิวราวกับกำลังล่องลอยอยู่ในอากาศอย่างเชื่องช้า เสียงเบาหวิวที่ขึ้นเข้ามาในหัวของเธอ ถ้าจำไม่ผิดมันคือเสียงที่คือคุ้นเคยอย่างดีที่สุดแม้กระทั่งในความฝันเธอยังไม่อาจหนีพ้นคนอย่างฉีได้เลยอย่างนั้นหรือ กี่ครั้งแล้วที่ฝันเห็นเขา กี่ครั้งแล้วที่แอบเผลอใจอ่อนให้กับฉีในเวอร์ชันของความฝัน ที่เขาปฏิบัติต่อตัวเธออย่างอ่อนโยน ซึ่งมันแตกต่างจากในชีวิตจริงเป็นอย่างมาก“อื้ออ.... พาไปไหน?”เพราะในห้วงของความฝันที่คิดว่าตนเองพอจะรับรู้ได้ คือตอนนี้ฉีกำลังอุ้มเธออยู่ ทว่าไม่อาจรู้ได้ว่าเขากำลังอุ้มเธอออกไปที่ไหน และทำไมสีหน้าของคนที่อุ้มเธออยู่กลับแลดูกังวลใจ ราวกับมีเรื่องเลวร้ายเกิดขึ้นอยู่เลย‘เฮียจะพาผิงไปไหน? ขอนอนต่ออีกนิดไม่ได้เหรอ ง่วงเกินทนแล้ว....’ปัจจุบัน@โรงพยาบาลผิงถูกพาตัวออกมาจากโรงแรมแห่งหนึ่งได้อย่างปลอดภัย โดยคนที่พามาจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากฉีเอง ก่อนหน้านี้มันมีเหตุการณ
[23/2]“ว้าว.... ไม่ยักรู้เลยนะครับว่าลูกชายผมก็ใจบุญศุลทานกับเขาด้วย ขอย้ำนะครับว่ารายได้ส่วนหนึ่งในคืนนี้ไม่ได้จะเข้าหระเป๋าผมคนเดียว แต่จะนะไปบริบาคให้ทางองค์การบริหารส่วนตำบลของเรา เพื่อใช้ในการพัฒนาสถานที่สาธารณะของชาวตำบลเรา...”“รีบนับเถอะครับพิธีกร ผมเริ่มเมื่อยมือแล้วครับ” ฉีว่าตัดบทผู้เป็นพ่อก่อนที่เขาจะได้พูดจายืดเยื้อไปมากกว่านี้ ทำเอาเสี่ยชัชชาติที่กำลังจะพูดต่อ ถึงกับเสียหน้าให้แขกทั้งงาน“อะ.. อรึ่ม! เอาล่ะครับ ทุกท่าน องค์นี้ขึ้นมาเป็นสามล้านบาทแล้ว ผมจะเริ่มนับแล้วนะครับ”“1”“2”...“โอเคครับ องค์นี้ลูกชายของผมได้ไปเลยครับ ขอเสียงปรบมือหน่อยครับทุกท่าน”แปะๆๆๆแขกเหรื่อในงานต่างปรบมือเสียงความยินดีกับลูกชายเจ้าของงาน ที่ได้ครอบครัวหลวงพ่อองค์ที่หายากได้สำเร็จ โดยมูลค่าที่ได้มาสูงเกินราคาตลาดไปมาก ตลอดทั้งหลายคนยังแอบชื่นชมลูกชายเจ้าของงานกันปากต่อปากเรื่องความใจกล้าของเขา ทว่ากลับไม่ใช่บุคคลที่นั่งร่วมโต๊ะด้วยกันอย่างเฮียส้งเลย เพราะพระที่เขาอยากได้ตอนนี้มันอยู่ในมือของเด็กเมื่อวานซืนที่เอาเงินมาถลุงปั่นราคาเล่นอย่างฉี“ยินดีด้วยนะหลานชาย ฮ่าๆ ใจบุญใจกุศลจริงๆ เลย
[23/1]การจัดงานประมูลถูกดำเนินไปจนเข้าสู่ช่วงท้ายของงาน ไฮไลต์ภายในค่ำคืนนี้มีพระเครื่องหายากอยู่ทั้งหมด 5 องค์ด้วยกัน ที่จะเริ่มการประมูลขึ้นอีกไม่กี่นาทีต่อจากนี้โดยที่ช่วงดังกล่าวทางเจ้าพระอย่างเสี่ยชัชชาติจะเป็นคนขึ้นดำเนินการเปิดราคาด้วยตนเอง เพื่อที่จะได้มีส่วนร่วมส่งของที่เคยเป็นของเขาเอง ได้มอบมันให้แก่คนที่เสนอราคามาดีที่สุดทั้งยังส่งท้ายรายการทั้งหมดในค่ำคืนนี้ด้วยตนเอง“พระ 5 องค์ต่อจากนี้ที่จะเริ่มการประมูล ผมต้องบอกทุกท่านก่อนนะครับว่า รายได้จากการประมูลส่วนหนึ่ง ผมจะนำไปบริจาคให้กับทางองค์การบริหารส่วนตำบลของเรา เพื่อที่จะนำไปพัฒนาชุมชน และส่วนกลางต่างๆ ภายในชุมชนของเรา ทั้งยังมีโครงการสวนสาธารณะแห่งใหม่ ที่ผมเองเป็นผู้บริจาคอยู่แล้ว .....”“5 องค์ที่เหลือนี้ เฮียส้งมีเล็งๆ ไว้บ้างไหม? ถ้ามีบอกฉันได้นะ เผื่อฉันช่วยได้”ขณะที่ทุกคนกำลังนั่งฟังทางเจ้าภาพกล่าวอธิบายถึงงานในค่ำคืนนี้อยู่ กำนันชมก็หันหน้ามากระซิบพูดกับเฮียส้ง ทั้งยังขันอาสาช่วยเหลือเพราะถือว่ารู้จักกันในวงการนี้มาอย่างยาวนาน“อั๊วก็มีเล็งๆ ไว้อยู่ แต่อั๊วว่าราคาเปิดมันดูแพงเกินไปไหมอากำนัน บอกตามตรงว่าอั๊วก