Share

2.ดอกบัวแสนต่ำต้อย (2)

Author: rasita_suin
last update Last Updated: 2025-02-23 14:26:14

“และคนผู้นั้นก็คือ เทียนเหวิน เจ้านั่นเอง”

ปลายนิ้วชี้ของศิษย์พี่ใหญ่ชี้มายังผู้ที่ยืนเบื้องหลังอาจารย์ฝูหมิง ทุกสายตามองตามทันที

เทียนเหวินยืนนิ่ง มีเพียงสีหน้าประหลาดใจที่อยู่ๆ หลี่ไห่ฉินก็โยนหินมาที่ตัวเอง พร้อมสบตากับห้าวอี้ที่มองมายังตนด้วยสายตามีคำถาม

“อะไรทำให้เจ้าคิดเช่นนั้น”

เป็นอาจารย์ฝูหมิงถามน้ำเสียงราบเรียบ สีหน้ายังนิ่งเฉย ไม่ได้นึกสงสัยลูกศิษย์ของตน แม้หลายเสียงจะเริ่มซุบซิบอื้ออึง

“อาจารย์อาอาจเชื่อมั่นในศิษย์ของท่าน เราทุกคนรู้ว่าเขาเป็นใคร และนั่นอาจทำให้เขาต้องการมีพลังยิ่งใหญ่โดยเร็ว”

คิ้วเข้มของเทียนเหวินกระตุก ไม่ใช่เพราะหลี่ไห่ฉิน แต่เพราะเซียนน้อยดอกบัวจ้องมายังเขาเช่นกัน ชายหนุ่มกำลังคิดว่านางจะเอ่ยสิ่งใดขึ้นมาหรือไม่

“ก็จริงนะ”

“อาจเป็นไปได้”

หลายเสียงของศิษย์ในสำนักเริ่มเห็นด้วย จนอาจารย์ต้องยกมือขึ้นห้ามเสียงจึงเงียบลง

“ไห่ฉิน จะเอ่ยสิ่งใดควรมีหลักฐาน เจ้าเป็นถึงศิษย์พี่ใหญ่แห่งสำนักซ่างเซียนเหนือ ไม่ควรปรักปรำผู้อื่นลอยๆ”

“อาจารย์ปู่ เพราะศิษย์เห็นกับตา ว่าระหว่างที่ทุกคนกำลังตามหาผู้บุกรุก เทียนเหวินไปยังน้ำตกด้วยท่าทีรีบร้อน และศิษย์ตามไปถึงที่นั่นกลับไม่พบผู้ใด หากเทียนเหวินให้คำตอบได้ว่าเขาหายไปไหนในตอนนั้น ข้าก็จะเชื่อว่าเขาไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเรื่องคัมภีร์จันทราหายไป”

นับว่าหลี่ไห่ฉินมีความคิดไม่น้อย เพราะเทียนเหวินไม่อาจให้คำตอบได้

“ว่าอย่างไรเล่าเทียนเหวิน”

เมื่อเขายังเงียบศิษย์พี่ใหญ่ก็ถามย้ำ

“หรือให้ข้าตอบแทน เพียงเห็นชุดของภูตดอกบัวก็รู้แล้วว่านางมาจากสำนักฝั่งใต้แน่นอน วันนั้นเจ้าอาจแฝงตัวเข้าไปฝั่งใต้เพื่อลอบพบกับนางก็เป็นได้”

“หึ ข้าเพิ่งรู้ว่าเหล่าเทพเซียนปั้นน้ำเป็นตัวเก่งนัก”

เสียงของหญิงสาวดึงความสนใจของทุกคนให้หันมอง

“เจ้าว่าใครปั้นน้ำเป็นตัว”

หลี่ไห่ฉินเสียงเข้มอย่างไม่พอใจ

“ท่านพูดเองยังไม่รู้ว่าเป็นผู้ใดอีกหรือ”

“เจ้า...”

“ไห่ฉิน”

อาจารย์ปู่หยุดชายหนุ่มไว้เช่นเคย ก่อนถามกับเซียนน้อยตรงหน้า

“เจ้าเป็นศิษย์สำนักฝั่งใต้ใช่หรือไม่ ไยจึงทำผิดกฎ เข้ามายังฝั่งเหนือโดยไม่ได้รับอนุญาต”

ริมฝีปากอิ่มขยับราวจะพูดบางอย่าง หากกลับเปลี่ยนเป็นก้มหน้าหลบเลี่ยงแทน

“หากเจ้าไม่พูดความจริง ข้าจะพาเจ้าไปส่งยังสำนักฝั่งใต้ ให้อาจารย์ใหญ่ของเจ้าทำการสอบสวน”

“ใช่อาจารย์ปู่ เราจะได้ถือโอกาสไปค้นหาคัมภีร์จันทราที่นั่นด้วย”

หลี่ไห่ฉินยังปักใจเชื่อว่าเซียนน้อยผู้นี้ร่วมมือกับเทียนเหวิน และเอาคัมภีร์จันทราไปซ่อนยังสำนักฝั่งใต้

เมื่อเห็นว่าผู้บุกรุกไม่ยอมเอ่ยสิ่งใด อาจารย์ใหญ่จี๋เฟิ่งจึงจำต้องบอกกับขุนพลสวรรค์

“เราคงต้องนำตัวนางไปยังสำนักฝั่งใต้”

“ได้ ท่านเจ้าสำนัก”

ห้าวอี้รับคำ แล้วพยักหน้าให้ทหารของตนจับผู้ที่ถูกมัดเอาไว้ เพื่อพาเดินทางไปพร้อมกัน

“ข้าไม่ข้องเกี่ยวกับสำนักซ่างเซียนใต้ พาข้าไปที่นั่นก็ไม่มีประโยชน์อันใด”

หญิงสาวรีบพูดทันที แต่ดูเหมือนไม่มีผู้ใดเชื่อนาง เพราะชุดที่นางใส่คือชุดของศิษย์สำนักซ่างเซียนใต้จริง

เทียนเหวินสังเกตสีหน้าไม่ดีนักของหญิงสาวแล้วก็คิดว่าแปลกอยู่ไม่น้อย นางเป็นเพียงภูตดอกบัวที่เพิ่งสำเร็จเซียนไม่นาน หาใช่เทพเซียน เป็นไปไม่ได้ที่จะเป็นศิษย์สำนักซ่างเซียน

“เจ้าจะอ้างอย่างไรก็ได้ ไปสำนักซ่างเซียนใต้ก็จะได้รู้คำตอบเอง”

หลี่ไห่ฉินเอ่ยด้วยความมั่นอกมั่นใจ

“เช่นนั้นก็ไปกันเลย อาจารย์ฝูหมิงกับศิษย์อาวุโสไปกับข้า”

“ช้าก่อนอาจารย์ปู่ ไม่ควรปล่อยเทียนเหวินไว้ที่นี่ลำพัง เขาจะได้ไม่สามารถปลีกตัวเอาไปคัมภีร์จันทราไปซ่อนที่อื่น ให้เราหาไม่พบ”

ผู้เป็นศิษย์พี่ใหญ่ยังไม่ยอมปล่อยวางเรื่องของเทียนเหวิน

“ดูเหมือนเจ้าปักใจเชื่อไปแล้วเป็นฝีมือเทียนเหวิน”

แม้อาจารย์ฝูหมิงไม่ได้ออกตัวเต็มที่ หากทุกคนต่างมองออกว่าปกป้องศิษย์ของตน

“ข้ายินดีไปที่สำนักซ่างเซียนใต้กับทุกคน”

เทียนเหวินไม่อยากให้อาจารย์ของตนถูกมองไม่ดีนัก และเขาบริสุทธิ์ ไม่ได้ขโมยคัมภีร์จันทรา ไม่จำเป็นต้องเกรงกลัวความผิด

“ดี งั้นก็ไปกัน พวกเราช่วยจับตาเทียนเหวินไว้ให้ดี”

หลี่ไห่ฉินหันไปพนักหน้าให้เฉิงเคอศิษย์น้องคนสนิทที่ยืนอยู่ในบรรดาศิษย์อาวุโสของสำนักอย่างไว้วางใจให้อีกฝ่ายช่วยตนดูเทียนเหวิน เจ้าตัวก็พยักหน้ารับพร้อมสีหน้านิ่ง

“พร้อมกันแล้วก็เดินทาง”

อาจารย์ใหญ่จี๋เฟิงออกคำสั่ง ทุกคนก็กระโดดขึ้นสูงร่ายเวทเคลื่อนย้ายไปปรากฏยังหน้าสำนักซ่างเซียนฝั่งใต้ในไม่กี่อึดใจ

=====

เสี่ยวเหลียนเป็นศิษย์สำนักฝั่งใต้หรือเปล่า หรือมีอะไรแอบแฝงกันแน่? ^^

Related chapters

  • เหมันต์เหน็บหนาว จันทราเดียวดาย   2.ดอกบัวแสนต่ำต้อย (3)

    และในเวลาเดียวกันผู้ทำหน้าที่เฝ้าหน้าประตูสองคนก็ลอยลงมาขวางด้านหน้าบันไดทางขึ้นเช่นกัน“ข้าน้อยล่วงเกินแล้ว ไม่ทราบว่าอาจารย์ปู่มาสำนักฝั่งใต้ด้วยเรื่องอันใด”หนึ่งในนั้นเอ่ยสีหน้าจริงจัง“มีผู้บุกรุกสำนักฝั่งเหนือ และขโมยของสำคัญไป ทางเราจับคนน่าสงสัยมาได้และนางใส่ชุดศิษย์สำนักฝั่งใต้ ข้าจึงนำตัวมาให้ศิษย์น้องสามสอบสวน”อาจารย์ใหญ่จี๋เฟิ่งตอบทันใดสายตาของผู้เฝ้าเวรยามสองคนเหลือบมองไปยังร่างที่ถูกควบคุมตัวเอาไว้ อีกฝ่ายยิ่งก้มหน้างุดดูมีพิรุธ“เช่นนั้น ขอเชิญอาจารย์ปู่ที่ลานฝึกกระบี่ก่อน ข้าน้อยจะไปเรียนให้ท่านเจ้าสำนักทราบ”จากนั้นคนหนึ่งก็เร่งรีบขึ้นบันได อีกคนนำทางไปอีกด้าน ซึ่งไม่นานก็ถึงลานกว้างมีป่าไผ่สูงรายล้อมเทียนเหวินมีเฉิงเคอกับศิษย์อาวุโสอีกคนตามประกบไม่ห่าง ทว่าชายหนุ่มไม่ได้กังวลสิ่งใด สายตาคู่คมกริบเพียงคอยจับตาดูเจ้าของร่างเล็กที่ท่าทางดูลุกลี้ลุกลน ทั้งสีหน้าก็กระวนวายอย่างเห็นได้ชัดมากกว่า“ห่วงคนของเจ้าสินะ”หลี่ไห่ฉินหันมากระซิบน้ำเสียงหยัน ทว่าเทียนเหวินกลับไม่โต้ตอบเพียงไม่นานอาจารย์เจียงซินเจ้าสำนักฝั่งใต้ก็มาพร้อมศิษย์ทั้งสำนักเลยทีเดียว“ขออภัยศิษย์พี่ที่ต

    Last Updated : 2025-02-23
  • เหมันต์เหน็บหนาว จันทราเดียวดาย   3.ผู้ขโมยคัมภีร์ (1)

    “กรี๊ดดด”เทียนเหวินไม่อาจยืนนิ่งได้อีกแล้ว แม้รู้แก่ใจว่าหลี่ไห่ฉินกำลังจ้องจับผิดตนอยู่ ทว่าเขาเคยช่วยนางมาครั้งหนึ่งแล้ว ครั้งนี้จะให้มองเฉยย่อมทำไม่ได้ ทว่าเพียงขยับเท้ากลับต้องชะงัก เมื่อมีร่างของใครคนหนึ่งโผล่พรวดออกมาจากบรรดาศิษย์ของสำนักฝั่งใต้“อาจารย์ใหญ่”ทว่าหญิงสาวที่เพิ่งก้าวออกมาเอ่ยได้เพียงคำเดียว พลังเทพเซียนรุนแรงก็แผ่ออกจากร่างของเสี่ยวเหลียนราวต่อต้าน โดยที่ไม่มีผู้ใดคาดถึง และกระแทกเข้าใส่เจ้าสำนักเจียงซินที่ลงมือจนได้รับบาดเจ็บ ทั้งเจียอิน หลี่ไห่ฉิน และผู้ที่เพิ่งก้าวเข้ามาต่างผงะไถลถอยหลังไปหลายก้าวด้วยแรงปะทะ“พลังนั่น”อาจารย์ใหญ่จี๋เฟิ่งกับอาจารย์ฝูหมิงต่างก็หันไปทางเทียนเหวิน ทั้งสองรู้ในทันใดว่าเป็นปราณเทพเซียนมังกร เพราะทั้งสองต่างก็เป็นเทพมังกรเช่นลูกศิษย์หนุ่มผู้เป็นทายาทสวรรค์ร่างบอบบางของเสี่ยวเหลียนทรุดลงแล้วถึงกับกระอักเลือดออกมา ด้วยไม่อาจสะกดปราณที่มากเกินตัวของตนเอาไว้ สีหน้าเจ้าตัวเต็มไปด้วยความทรมาน“เสี่ยวเหลียน”ศิษย์สำนักฝั่งใต้รีบขยับเข้ามาก่อนผู้อื่น หากก็ไม่สามารถเข้าใกล้อีกฝ่ายได้“หลินเฟย เจ้ารู้จักนางหรือ”เจิยอินที่ช่วยประคองเจ้าสำนั

    Last Updated : 2025-02-23
  • เหมันต์เหน็บหนาว จันทราเดียวดาย   3.ผู้ขโมยคัมภีร์ (2)

    “หากเป็นเช่นนั้น ข้ากับศิษย์อาวุโสของสำนักเรา จะเข้าไปค้นด้วยตนเอง ได้หรือไม่ อาจารย์ปู่ อาจารย์อา”หลี่ไห่ฉินเสนอตัวอย่างหน้าตาเฉย“อย่างไรเราก็เป็นศิษย์สำนักซ่างเซียนไม่ต่างกัน”“เจ้าจะดูถูกสำนักฝั่งใต้มากเกินไปแล้ว”เจียอินก้าวมาเผชิญหน้ากับหลี่ไห่ฉินอย่างไม่พอใจ ศิษย์ทั้งสองต่างส่งสายตาฟาดฟันอย่างไม่มีใครยอมใคร“เช่นนั้นสำนักฝั่งใต้จะแสดงความบริสุทธิ์ใจอย่างไร ในเมื่อนาง...”หลี่ไห่ฉินชี้ไปยังเสี่ยวเหลียนอย่างจงใจกล่าวหา“ลักลอบเข้าไปในสำนักฝั่งเหนือจริง หากท่านเจ้าสำนักไม่มีสิ่งใดปิดบังซ่อนเร้น ย่อมสามารถให้พวกเราเข้าไปค้นหาคัมภีร์ภายในได้ ไม่เช่นนั้น ท่านขุนพลห้าวอี้คงไม่อาจทูลองค์จักรพรรดิสวรรค์ได้ว่าสำนักฝั่งใต้ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้”คำพูดของหลี่ไห่ฉินนั้นใช้ห้าวอี้ขึ้นมาอ้าง ทว่าความนัยต้องการเอ่ยถึงเทียนเหวิน เพราะหากขุนพลสวรรค์ไม่อาจหาผู้ขโมยคัมภีร์จันทราพบ หรือตามหาคัมภีร์กลับคืนมาได้ ก็ไม่อาจล้างมลทินให้เทียนเหวินทายาทสวรรค์ได้เช่นกัน“ข้าเพียงหลงเข้าไปที่นั่น ไม่ได้ลักลอบเข้าไป”เพราะตนถูกใส่ความ ถูกพันธนาการจนถึงตอนนี้ ทั้งยังถูกลงทัณฑ์ทำลายปราณเซียน แม้จะมีพลังประห

    Last Updated : 2025-02-23
  • เหมันต์เหน็บหนาว จันทราเดียวดาย   4.มีเพียงข้าช่วยเจ้าได้ (1)

    “รายงาน”ไม่นานนักทหารสวรรค์นายหนึ่งก็กลับมา“คนร้ายหลบหนีไปโลกมนุษย์ ทหารบางส่วนตามติดไปแล้วขอรับ”ห้าวอี้พยักหน้ารับ แล้วหันมาบอกกับเจ้าสำนักทั้งสอง“ข้าจะไปกับศิษย์ของพวกท่านเอง พวกท่านไม่ต้องกังวลไป”ผู้เป็นขุนพลสวรรค์เอ่ยปากเองเช่นนี้ เจ้าสำนักทั้งสองยิ่งวางใจมากขึ้นไปอีก“ลำบากท่านขุนพลแล้ว”อาจารย์ใหญ่จี๋เฟิ่งเอ่ย ความรู้สึกผิดยังเต็มล้น หวังเพียงว่าจะสามารถนำเอาคัมภีร์จันทรากลับมาได้ในเร็ววันเทียนเหวินยิ้มมุมปากเล็กน้อย รู้ทันห้าวอี้ว่านอกจากตามไปจับตัวคนผิดมาลงโทษแล้ว ยังต้องการดูพฤติกรรมของตนด้วย“ดูแลตัวเอง และดูแลหลินเฟยด้วย”เจ้าสำนักเจียงซินสั่งกับเจียอินเจ้าตัวรับคำแม้จะขัดใจที่อาจารย์ใหญ่ฝากฝังหลินเฟยกับตนอีกเช่นเคย แน่นอนว่าอีกฝ่ายนับเป็นภาระของนางมากกว่าจะช่วยเหลือสิ่งใดได้มีหลินเฟยติดตามนางคงลำบากมากกว่าไปเพียงลำพังเสียอีก“ออกเดินทางกันเลยเถิด ชักช้ากว่านี้คนร้ายอาจคลาดกับทหารของข้า และยิ่งมีเวลากลบเกลื่อนร่องรอยในโลกมนุษย์”ห้าวอี้บอกแล้วหันไปสั่งให้ทหารนำทาง“อาจารย์ ข้าขอพาเสี่ยวเหลียนไปด้วยได้หรือไม่เจ้าคะ นางอยู่กับข้ามาตลอด และเวลานี้นางก็อาการไม่ค่อยดีนัก

    Last Updated : 2025-02-27
  • เหมันต์เหน็บหนาว จันทราเดียวดาย   4.มีเพียงข้าช่วยเจ้าได้ (2)

    “ต้องมีใครสักคนช่วยเหลือนางไว้ และเขาผู้นั้นก็มอบพลังปราณนั้นให้นาง”“ไยเขาต้องมอบพลังให้ข้า”ได้ฟังเช่นนี้เสี่ยวเหลียนยิ่งงุนงง คนผู้นั้นต้องการฆ่านางอย่างนั้นหรือ พลังสูงส่งเช่นนี้นางจะรับไว้ได้อย่างไร“นั่นสิ ทำเช่นนี้ยิ่งทำให้เสี่ยวเหลียนทรมาน”หลินเฟยเองก็ไม่เข้าใจเช่นกัน“มีทางเดียว คือเจ้าอาจกำลังจะตาย”สองสหายสาวต่างหันมองกันเองแล้วยิ่งหน้าซีดกับคำบอกของเจียอิน“อย่างนั้นก็หมายว่า ที่อาจารย์ปู่พูดเป็นความจริง เสี่ยวเหลียนมีเวลาเหลืออีกไม่นานอย่างนั้นหรือ”“ใช่ เทพเซียนผู้นั้นมอบพลังปราณให้เจ้าเพื่อยื้อชีวิตเอาไว้ สิ่งที่เจ้าต้องทำให้ได้คือ หลอมรวมปราณของเจ้าให้เป็นหนึ่งเดียวกับปราณเทพให้ได้”เจียอินตอบหน้าตาย ไม่มีความอนาทรต่อชีวิตของเซียนดอกบัวที่ตนไม่รู้จัก“เช่นนั้นควรทำอย่างไรดี”หลินเฟยเป็นห่วงสหายของตนอย่างมาก นางไม่เคยมองเสี่ยวเหลียนเป็นเพียงภูตรับใช้ ถือว่าอีกฝ่ายเป็นสหายเป็นเหมือนพี่น้องด้วยซ้ำ“จะทำอย่างไรได้ มีเพียงนางที่ต้องพึ่งพาตนเอง”เมื่อดูเหมือนจะไร้หนทางเสี่ยวเหลียนจึงถอนหายใจ ทว่ายังจับมือหลินเฟยปลอบใจ“อย่าเพิ่งกังวลไปนักเลย ระหว่างนี้ข้าจะค่อยๆ บำเพ็ญเพียร

    Last Updated : 2025-02-27
  • เหมันต์เหน็บหนาว จันทราเดียวดาย   4.มีเพียงข้าช่วยเจ้าได้ (3)

    ‘หรือธาตุไฟกำลังเข้าแทรก’เสี่ยวเหลียนตัวสั่นเทา ลูบแขนตนเองทั้งที่เหงื่อชุ่มกาย ปากแห้งคอแห้ง ร่างบอบบางพยายามขยับลุกขึ้น ต้องหาแหล่งน้ำบริสุทธิ์โดยเร็วนางเป็นภูตดอกบัว เมื่อร่างกายได้รับบาดเจ็บ การกลายร่างกลับเป็นร่างดอกบัวดังเดิมแช่ในน้ำจะสามารถช่วยบรรเทาความเจ็บปวดลงได้ เหมือนการจำศีลเข้าฌาน ช่วยให้นางบำเพ็ญเพียรได้เต็มความสามารถ เพราะกายทิพย์ของเซียนน้อยเช่นนางไม่ได้มีกำลังมากนักหญิงสาวเดินโผเผไปจนถึงประตู แม้ไม่รู้ว่าตนจะหาแหล่งน้ำพบได้อย่างไร ทว่าก็ไม่อาจนั่งเฉยอยู่เพียงในห้องนี้ได้ แต่ประตูเปิดออกกลับต้องผงะถอยหลังเมื่อพบคนผู้หนึ่ง“ท่าน”เสียงหวานพึมพำระคนงุนงง“ข้ามาช่วยเจ้า”คิ้วเรียวงามขมวดอย่างไม่เข้าใจ หากร่างสูงใหญ่กลับก้าวพรวดมาหาจนนางถอยไม่เป็นกระบวนอย่างตกใจเกือบล้มลง แต่อีกฝ่ายโอบไหล่ช่วยพยุงได้ทัน“ปล่อยข้านะ”“ข้าบอกแล้วว่ามาช่วยเจ้า”“ท่านจะช่วยข้าได้อย่างไร”เสี่ยวเหลียนจ้องใบหน้าขาวคมที่ก้มลงมาใกล้ของศิษย์สำนักซ่างเซียนเหนือแล้วความรู้สึกหนึ่งก็แวบเข้ามานางเคยเห็นใบหน้าเช่นนี้ในระยะใกล้มาแล้วมือบางรีบผลักอีกฝ่ายทันที ความหวาดกลัวฉายชัดในแววตาพร้อมสะบัดกายหน

    Last Updated : 2025-02-27
  • เหมันต์เหน็บหนาว จันทราเดียวดาย   5.คู่หมายของหลินเฟย (1)

    “หากยังอยากมีชีวิตอยู่ เจ้าก็ต้องเชื่อใจข้า”“ท่านขู่ข้า?”หญิงสาวหันกลับมามองอีกฝ่าย แม้รู้สึกว่าใบหน้าของตนใกล้กับใบหน้าขาวคมมากเกินไป ทว่าในตอนนี้ชีวิตของนางอยู่ในช่วงความเป็นความตายที่ไม่รู้ว่าปราณเทพจะแผลงฤทธิ์ขึ้นมาเมื่อไร หากไม่อาจบำเพ็ญเพียรได้ นางก็ไม่อาจหาทางหลอมรวมปราณได้เช่นกัน“ข้ามีเจตนาดีแต่แรก เพียงแต่เจ้าไม่เชื่อข้าเอง”คราวนี้เทียนเหวินเอ่ยอย่างจริงจัง“ในเมื่อช่วยเจ้ามาก่อนหน้านี้แล้วทำให้เจ้าต้องลำบาก ข้าก็กังวลใจไม่น้อยเลย จึงได้อยากช่วยเจ้าให้ถึงที่สุด”เสี่ยวเหลียนเริ่มมีสีหน้าลังเล ชายหนุ่มจึงย้ำ“ในทุกครั้งที่เจ้าพยายามใช้พลังปราณ ร่างกายของเจ้าจะยิ่งทรมานเพราะพลังที่มากเกินจะรับไหว ดวงจิตวิญญาณที่บาดเจ็บของเจ้าจะยิ่งบอบช้ำ เมื่อถึงที่สุด เจ้าก็จะแหลกสลาย”แม้จะยังไม่ไว้ใจอีกฝ่าย หากนางก็ไม่มีทางเลือกใดอีกแล้ว“ข้าต้องทำอย่างไร”เทียนเหวินแทบจะลอบถอนหายใจเมื่อหญิงสาวเหมือนจะยินยอมให้ตนช่วยแล้ว“นั่งนิ่งๆ หลับตา ข้าจัดการเอง”คำพูดอีกฝ่ายดูมีเลศนัยทำให้คิ้วเรียวงามขมวดมุ่น สีหน้าแววตาสงสัยชัดเจน“เถิดน่า หากไม่รีบ คนอื่นกลับมาระหว่างนี้แล้วมาพบเข้า ข้ากับเจ้าอา

    Last Updated : 2025-02-27
  • เหมันต์เหน็บหนาว จันทราเดียวดาย   5.คู่หมายของหลินเฟย (2)

    ร่างกายของเสี่ยวเหลียนดีขึ้นเพียงชั่วข้ามคืน หญิงสาวรู้สึกตัวในเช้าวันถัดมาเป็นเวลาเดียวกันกับที่เจียอินเข้ามาในห้องพอดี อีกฝ่ายมองนางแวบเดียวแล้วนั่งลงบนโต๊ะรินน้ำชาจิบ“เอ่อ หลินเฟยไปไหนหรือ”“ล้างหน้าล้างตา”นางพยักหน้ารับแล้วเงียบไปอย่างทำตัวไม่ถูก เพราะไม่เคยพูดคุยหรืออยู่ตามลำพังกับศิษย์พี่ของหลินเฟยมาก่อนเจียอินเองก็ไม่เอ่ยสิ่งใดไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดขึ้นลอยๆ พลางจิบชา“เป็นเพียงภูตรับใช้ แต่กลับบนนอนเตียงอย่างสบาย ปล่อยให้เทพเซียนต้องนั่งหลังขดหลังแข็ง ทั้งที่ออกไปตะลอนข้างนอกมาหลายชั่วยาม”เสี่ยวเหลียนรู้ตัวในทันใดว่าถูกตำหนิ เพราะตนยังนั่งบนเตียง ร่างเล็กขยับลงจากเตียงและหลินเฟยก็เข้ามาพอดี“อ้าว ฟื้นแล้วหรือเสี่ยวเหลียน”“อื้อ”“ไปล้างหน้าสิจะได้สดชื่นขึ้น ข้าพบท่านขุนพลข้างนอก เห็นบอกว่าได้เรื่องแล้ว หลังทานข้าวเช้ากันแล้วค่อยมาวางแผนกันว่าจะทำอย่างไรต่อไป”เมื่อสหายสนิทบอกเช่นนั้นเสี่ยวเหลียนก็รีบพยักหน้าแล้วไปทำธุระส่วนตัวให้เรียบร้อยโดยเร็ว เพราะมีเพียงตนที่ไม่ได้ออกไปช่วยคนอื่นๆ เมื่อวาน เกรงว่าจะมีคนไม่พอใจ“เจ้าให้ความสำคัญกับภูตรับใช้เกินไปแล้ว”เสียงของเจียอินทำให้

    Last Updated : 2025-02-27

Latest chapter

  • เหมันต์เหน็บหนาว จันทราเดียวดาย   7.ชีวิตข้าไร้ความหมาย (3)

    “ท่านบอกว่าเสี่ยวเหลียน...”หลินเฟยพึมพำเสียงเบาพร้อมสีหน้าเจ็บปวด ก้าวถอยหลังพลางโซเซนั่งลงบนเก้าอี้ราวขาอ่อนแรง น้ำตาค่อยๆ เอ่อล้นก่อนจะไหลรินอาบแก้ม ความเสียใจถาโถมเข้าใส่ นางไม่เคยคิดว่าจะมีวันนี้เลย สำหรับนางแล้วเสี่ยวเหลียนจะอยู่ด้วยกันไปจนแก่เท่าหลายหมื่นปี“โธ่...เสี่ยวเหลียน เป็นข้าเองที่ผิด”หากไม่เพราะตนดื้อดึงอยากพิสูจน์ความสามารถตัวเอง ต้องการให้เทียนเหวินหันมามอง เสี่ยวเหลียนก็คงจะไม่ทำเช่นนี้ อีกฝ่ายต้องการปกป้องตนจากภัยอันตรายจึงต้องลงเอยเช่นนี้“ท่านเองก็ไม่น่าปล่อยให้นางปลอมตัวแทนเลย”นางอดตำหนิศิษย์พี่ของตนไม่ได้ อีกฝ่ายเก่งกาจมีฝีมือ แต่กลับปล่อยผู้ที่อ่อนแอกว่าให้แบกรับเรื่องเสี่ยงอันตราย“เจ้ามาโทษข้าได้อย่างไร นางมั่นใจนักหนาว่าจัดการได้ และหากไม่ใช่เจ้าเสนอตัวก่อน ทำให้นางเป็นห่วง ข้าย่อมปลอมเป็นอู๋ชิวอิ่งตามที่คุยกันไว้แต่แรกอยู่แล้ว ข้าไม่ได้บังคับใคร ทั้งเจ้าทั้งนาง พวกเจ้าสองคนเองต่างหากที่อาสาทำแทนข้า”เจียอินไม่พอใจที่ถูกดึงไปเกี่ยวด้วย“เรื่องอันตรายและเป็นเรื่องใหญ่ ไยพวกเจ้าโยนกันไปมาเป็นของเล่นเช่นนี้”ขุนพลสวรรค์ตำหนิ เมื่อได้ฟังสองสาวคุยกันแล้วรู้ว่

  • เหมันต์เหน็บหนาว จันทราเดียวดาย   7.ชีวิตข้าไร้ความหมาย (2)

    “พวกท่านอย่าได้กังวลเลย ข้าเป็นเพียงภูตต่ำต้อย...”“เจ้าเงียบไปเถิดน่า”เทียนเหวินดุเซียนดอกบัวอีกแล้ว เขาไม่ชอบเลยที่นางบอกว่าตนต้อยต่ำราวไม่เห็นคุณค่าในตัวเอง ทั้งที่เขาพยายามทุกวิถีทางเพื่อช่วยชีวิตนาง ทำราวสิ่งที่เขาทำไปไม่มีคุณค่าใด“หึ นางดูไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้ว เช่นนั้นก็จบชีวิตไปเลยก็แล้วกัน”“อย่า!”“หยุดนะ!”เสียงเทียนเหวินดังขึ้นพร้อมห้าวอี้ เห็นชัดว่ามือหนาที่คอของเสี่ยวเหลียนออกแรงบีบ ใบหน้าซีดของหญิงสาวแดงขึ้นส่วนหลี่ไห่ฉินเห็นว่าเฉิงเคอกำลังสะใจ และพอใจกับสีหน้าตกใจของทายาทสวรรค์รวมทั้งห้าวอี้ โดยละสายตาจากตน เขายืนเยื้องมาทางด้านข้าง ซึ่งแขนของเฉิงเคอโอบกายเซียนดอกบัวเพื่อบีบคอ คิดว่าคงไม่ทันสังเกต จึงฉวยโอกาสซัดพลังใส่อีกฝ่ายตั้งใจให้ถูกด้านข้างทว่าเฉิงเคอรับรู้จากปลายหางตาจึงหันมองแล้วเห็นว่าผู้เป็นศิษย์พี่โจมตีตน เขาผลักร่างเล็กของหญิงสาวเข้าไปปะทะกับพลังของหลี่ไห่ฉินแทนตนทันทีร่างบอบบางถลาไปเผชิญกับพลังทำลายรุนแรงของหลี่ไห่ฉินจนกระอักเลือด“อึก”“เสี่ยวเหลียน!”เทียนเหวินพุ่งกายเข้ามาหาร่างเล็กที่ผงะหงายหลัง ดวงตาคู่กลมโตยังมองเขา ทว่าเพียงชั่วอึดใจเพราะเสียงตะ

  • เหมันต์เหน็บหนาว จันทราเดียวดาย   7.ชีวิตข้าไร้ความหมาย (1)

    “รีบตามเร็ว”เทียนเหวินขยับตัวหายวับไปก่อนที่ห้าวอี้จะบอกเสียอีกชายหนุ่มทั้งสามยังไม่อาจเข้ามาได้เพราะคนของจวนทั้งสองยังแอบฟังเสียงนายตนอยู่หน้าห้องพักหนึ่งก่อนจากไป หากมีการต่อสู้หรือเสียงประหลาดคนพวกนั้นอาจเข้ามาช่วยนายน้อยของพวกเขา ผู้เป็นขุนพลสวรรค์ไม่ต้องการให้มนุษย์ต้องเกี่ยวข้องกับเรื่องของเซียนเพิ่มอีก เพียงเมิ่งจือหยวนตายไปคนหนึ่งก็มากเพียงพอแล้วไม่คิดว่าผู้ที่อยู่ในห้องหอจะเป็นเสี่ยวเหลียนที่ฝีมือยังอ่อนหัดและปราณไม่แข็งแรงพอจะจัดการกับเฉิงเคอได้ทั้งสามรีบรุดตามอีกฝ่ายไปโดยเร็ว กระดิ่งที่ห้าวอี้พกติดตัวบ่งบอกทิศทางให้พวกเขาตามไปได้ถูกต้อง ที่สำคัญเฉิงเคอไม่มีทางเล็ดลอดสายตาของเล่าทหารสวรรค์ที่รายล้อมเมืองนี้ไว้อย่างแน่นอนหลี่ไห่ฉินพุ่งไปด้านหน้าเร็วขึ้นทันทีที่เห็นด้านหลังของเฉิงเคอ ทั้งยังยกมือขึ้นร่ายเวทจะปล่อยพลังเข้าใส่ ทว่าเทียนเหวินจับมือเอาไว้ก่อน“ยั้งข้าไว้ทำไม”“เสี่ยวเหลียนอยู่ในมือเขา ท่านก็เห็นแล้ว”“หากไม่รีบจัดการเสียตอนนี้ เฉิงเคอก็ยิ่งหนีไปไกล”“แต่...”“พวกท่านหยุดเถียงกันสักที เร่งตามเฉิงเคอเร็ว เขาหนียังไปหุบเขาเบื้องหน้าแล้ว คงตั้งใจหนีเข้าป่าเพราะเร

  • เหมันต์เหน็บหนาว จันทราเดียวดาย   6.อู๋ชิวอิ่งตัวปลอม (2)

    “เหตุใดเจ้าจึงทำร้ายศิษย์น้องข้า”“ข้าช่วยนางต่างหาก”เสี่ยวเหลียนเอ่ยโดยไม่หลบสายตาเจียอิน“หากจะหาต้นเหตุของปัญหาทั้งหมด ย่อมเป็นข้า และข้าจะไม่ยอมให้หลินเฟยตกอยู่ในอันตราย”“อ้อ ภักดีเสียจริง สมกับเป็นภูตรับใช้ของหลินเฟย”เจียอินพยักหน้าพลางยิ้มเยาะ“แล้วจะทำอย่างไรต่อไป จะให้ข้าปลอมตัวเป็นนางเช่นเดิมหรือ ภูตรับใช้เช่นเจ้า ไม่มีสิทธิ์สั่งข้า หากข้าไม่ทำ เจ้าจะทำอย่างไร”“ข้าไม่กล้าสั่งท่านแน่นอน ข้าจะปลอมเป็นอู๋ชิวอิ่งเอง”ดวงตาคู่เรียวของเจียอินมองภูตดอกบัวราวประเมิน“เซียนชั้นต้นอ่อนแอเช่นเจ้า ข้าจะมั่นใจได้อย่างไรว่ามีฝีมือพอจะไม่ทำแผนพัง จับเฉิงเคอได้”“อย่างน้อยท่านก็เห็นแล้วว่า ข้าสามารถทำให้เขาหมดสติได้แน่”เสี่ยวเหลียนเองก็เชิดหน้าเอ่ยอย่างมั่นใจ หากนางแสดงท่าทางไม่มั่นใจในตัวเอง เจียอินก็คงไม่เชื่อว่านางทำได้ ใช่ว่านางเก่งหรืออวดดี แต่สถานการณ์เช่นนี้นางทำได้เพียงกันหลินเฟยออกไปก่อน“เช่นนั้นก็ดี รีบปลอมตัวเสีย ข้าจะพาอู๋ชิวอิ่งกับหลินเฟยกลับโรงเตี๊ยม หึ สุดท้ายนางก็เป็นภาระของข้าอยู่เช่นที่ผ่านมา”คนได้ยินเม้มริมฝีปาก ไม่ชอบที่เจียอินมักดูถูกหลินเฟย สหายของนางเพียงไม่ได้ร

  • เหมันต์เหน็บหนาว จันทราเดียวดาย   6.อู๋ชิวอิ่งตัวปลอม (1)

    วันแต่งงานของเมิ่งจือหยวนกับอู๋ชิวอิ่งมาถึง“ท่านชายทั้งสองปลอมเป็นผู้ไปร่วมงานและคอยจับตาดูเฉิงเคอไว้ ข้าจะไปรอที่ห้องหอกับแม่นางเจียอิน เผื่อมีสิ่งใดจะได้รีบช่วยเหลือได้ทัน”ขุนพลห้าวอี้ย้ำในสิ่งที่เขาคิดไว้“พวกข้าขอไปด้วยได้หรือไม่ อาจารย์ส่งข้ามาช่วยศิษย์พี่ หากไม่ทำสิ่งใดเลย คงไม่ดีนัก”หลินเฟยเอ่ยขอ นางเองก็อยากช่วยจับเฉิงเคอกันเช่น“ท่านหญิงกับเสี่ยวเหลียน รออยู่ที่นี่เถิด”“อย่างน้อย หลังจากศิษย์พี่เจียอินปลอมตัวเป็นอู๋ชิวอิ่งแล้ว ข้ากับเสี่ยวเหลียนจะได้พานางมาซ่อนที่นี่ เพื่อไม่ให้พวกท่านต้องกังวลเผื่อต้องต่อสู้กับเฉิงเคอ อีกอย่างพวกท่านจะได้ไม่ต้องเสียเวลาพานางกลับไปกลับมา เช่นนี้ไม่ดีกว่าหรือ”ฟังสิ่งที่หลินเฟยบอกแล้วสุดท้ายห้าวอี้ก็ตกลง ด้วยเห็นว่าหากมีพวกนางไปด้วยก็สามารถช่วยดูแลความปลอดภัยของอู๋ชิวอิ่งได้ขณะอยู่ในงานแต่งงานจวนนายอำเภอ ก่อนเกี้ยวเจ้าสาวมาถึง เฉิงเคอในร่างของเมิ่งจือหยวนค่อนข้างสงบนิ่งกว่าตัวตนแท้จริง แน่นอนว่าช่วงหลายวันมานี้แม้คนในบ้านจะรู้สึกว่านายน้อยแปลกไป จากที่ออกไปบ่อนทุกวันกลับไม่ย่างก้าวออกไปไหน แต่ต่างก็คิดว่าเพราะกำลังจะแต่งงานเมิ่งจือหยวนจึง

  • เหมันต์เหน็บหนาว จันทราเดียวดาย   5.คู่หมายของหลินเฟย (3)

    กลางดึกคืนหนึ่งช่างแสนอบอ้าว เสี่ยวเหลียนซึ่งปูที่นอนนอนบนพื้นรู้สึกไม่ค่อยสดชื่นนัก นับแต่มาถึงโลกมนุษย์นางยังไม่มีโอกาสอาบน้ำหรือแช่น้ำเลยสักครั้ง ดวงจิตวิญญาณของนางยังไม่แข็งแรงพอ ยังต้องแปลงร่างเป็นดอกบัวอยู่ในน้ำเหมือนเช่นเวลาที่อยู่ในสำนักซ่างเซียนใต้ร่างบอบบางลุกขึ้นนั่งเมื่อไม่อาจทนได้อีกแล้ว หันไปมองหลินเฟยซึ่งหลับบนเตียงกับศิษย์พี่เจียอินก็เกรงใจ ไม่อยากรบกวนยามพักผ่อนของอีกฝ่าย จึงตัดสินใจออกไปจากห้องให้เบาที่สุดนางจำได้ว่าด้านหลังโรงเตี๊ยมมีบ่อน้ำเล็กที่เอาไว้ตักน้ำขึ้นมาใช้สอย หญิงสาวชี้สองนิ้วใช้พลังหย่อนถังลงไปตักแล้วดึงขึ้น ก่อนจะเทลงใส่ตนเองทั้งหัวจรดปลายเท้า ทว่าเทไปสามถังจนกายชุ่มโชกแล้วก็ยังรู้สึกไม่เพียงพอ ราวผิวกลีบบัวบอบบางเหี่ยวเฉา จึงอดบ่นพึมพำไม่ได้“ต้องเทอีกกี่ถังกัน”เสี่ยวเหลียนรู้สึกว่าน้ำแต่ละถังนั้นน้อยเกินไป หญิงสาวโน้มกายมองลงไปในบ่อน้ำที่ลึกจนไม่อาจมองเห็นเบื้องล่าง นิ่งคิดเพียงชั่วอึดใจเจ้าตัวก็ก้าวขาข้ามขอบบ่อน้ำตั้งใจลงไปแช่ในนั้น เพราะคิดว่าอย่างไรตนก็สามารถใช้เวทลอยกลับขึ้นมาได้“เจ้าจะทำอะไรน่ะ”ร่างสูงใหญ่ก้าวพรวดเข้ามาทำเอาเสี่ยวเหลียนตกใจ

  • เหมันต์เหน็บหนาว จันทราเดียวดาย   5.คู่หมายของหลินเฟย (2)

    ร่างกายของเสี่ยวเหลียนดีขึ้นเพียงชั่วข้ามคืน หญิงสาวรู้สึกตัวในเช้าวันถัดมาเป็นเวลาเดียวกันกับที่เจียอินเข้ามาในห้องพอดี อีกฝ่ายมองนางแวบเดียวแล้วนั่งลงบนโต๊ะรินน้ำชาจิบ“เอ่อ หลินเฟยไปไหนหรือ”“ล้างหน้าล้างตา”นางพยักหน้ารับแล้วเงียบไปอย่างทำตัวไม่ถูก เพราะไม่เคยพูดคุยหรืออยู่ตามลำพังกับศิษย์พี่ของหลินเฟยมาก่อนเจียอินเองก็ไม่เอ่ยสิ่งใดไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดขึ้นลอยๆ พลางจิบชา“เป็นเพียงภูตรับใช้ แต่กลับบนนอนเตียงอย่างสบาย ปล่อยให้เทพเซียนต้องนั่งหลังขดหลังแข็ง ทั้งที่ออกไปตะลอนข้างนอกมาหลายชั่วยาม”เสี่ยวเหลียนรู้ตัวในทันใดว่าถูกตำหนิ เพราะตนยังนั่งบนเตียง ร่างเล็กขยับลงจากเตียงและหลินเฟยก็เข้ามาพอดี“อ้าว ฟื้นแล้วหรือเสี่ยวเหลียน”“อื้อ”“ไปล้างหน้าสิจะได้สดชื่นขึ้น ข้าพบท่านขุนพลข้างนอก เห็นบอกว่าได้เรื่องแล้ว หลังทานข้าวเช้ากันแล้วค่อยมาวางแผนกันว่าจะทำอย่างไรต่อไป”เมื่อสหายสนิทบอกเช่นนั้นเสี่ยวเหลียนก็รีบพยักหน้าแล้วไปทำธุระส่วนตัวให้เรียบร้อยโดยเร็ว เพราะมีเพียงตนที่ไม่ได้ออกไปช่วยคนอื่นๆ เมื่อวาน เกรงว่าจะมีคนไม่พอใจ“เจ้าให้ความสำคัญกับภูตรับใช้เกินไปแล้ว”เสียงของเจียอินทำให้

  • เหมันต์เหน็บหนาว จันทราเดียวดาย   5.คู่หมายของหลินเฟย (1)

    “หากยังอยากมีชีวิตอยู่ เจ้าก็ต้องเชื่อใจข้า”“ท่านขู่ข้า?”หญิงสาวหันกลับมามองอีกฝ่าย แม้รู้สึกว่าใบหน้าของตนใกล้กับใบหน้าขาวคมมากเกินไป ทว่าในตอนนี้ชีวิตของนางอยู่ในช่วงความเป็นความตายที่ไม่รู้ว่าปราณเทพจะแผลงฤทธิ์ขึ้นมาเมื่อไร หากไม่อาจบำเพ็ญเพียรได้ นางก็ไม่อาจหาทางหลอมรวมปราณได้เช่นกัน“ข้ามีเจตนาดีแต่แรก เพียงแต่เจ้าไม่เชื่อข้าเอง”คราวนี้เทียนเหวินเอ่ยอย่างจริงจัง“ในเมื่อช่วยเจ้ามาก่อนหน้านี้แล้วทำให้เจ้าต้องลำบาก ข้าก็กังวลใจไม่น้อยเลย จึงได้อยากช่วยเจ้าให้ถึงที่สุด”เสี่ยวเหลียนเริ่มมีสีหน้าลังเล ชายหนุ่มจึงย้ำ“ในทุกครั้งที่เจ้าพยายามใช้พลังปราณ ร่างกายของเจ้าจะยิ่งทรมานเพราะพลังที่มากเกินจะรับไหว ดวงจิตวิญญาณที่บาดเจ็บของเจ้าจะยิ่งบอบช้ำ เมื่อถึงที่สุด เจ้าก็จะแหลกสลาย”แม้จะยังไม่ไว้ใจอีกฝ่าย หากนางก็ไม่มีทางเลือกใดอีกแล้ว“ข้าต้องทำอย่างไร”เทียนเหวินแทบจะลอบถอนหายใจเมื่อหญิงสาวเหมือนจะยินยอมให้ตนช่วยแล้ว“นั่งนิ่งๆ หลับตา ข้าจัดการเอง”คำพูดอีกฝ่ายดูมีเลศนัยทำให้คิ้วเรียวงามขมวดมุ่น สีหน้าแววตาสงสัยชัดเจน“เถิดน่า หากไม่รีบ คนอื่นกลับมาระหว่างนี้แล้วมาพบเข้า ข้ากับเจ้าอา

  • เหมันต์เหน็บหนาว จันทราเดียวดาย   4.มีเพียงข้าช่วยเจ้าได้ (3)

    ‘หรือธาตุไฟกำลังเข้าแทรก’เสี่ยวเหลียนตัวสั่นเทา ลูบแขนตนเองทั้งที่เหงื่อชุ่มกาย ปากแห้งคอแห้ง ร่างบอบบางพยายามขยับลุกขึ้น ต้องหาแหล่งน้ำบริสุทธิ์โดยเร็วนางเป็นภูตดอกบัว เมื่อร่างกายได้รับบาดเจ็บ การกลายร่างกลับเป็นร่างดอกบัวดังเดิมแช่ในน้ำจะสามารถช่วยบรรเทาความเจ็บปวดลงได้ เหมือนการจำศีลเข้าฌาน ช่วยให้นางบำเพ็ญเพียรได้เต็มความสามารถ เพราะกายทิพย์ของเซียนน้อยเช่นนางไม่ได้มีกำลังมากนักหญิงสาวเดินโผเผไปจนถึงประตู แม้ไม่รู้ว่าตนจะหาแหล่งน้ำพบได้อย่างไร ทว่าก็ไม่อาจนั่งเฉยอยู่เพียงในห้องนี้ได้ แต่ประตูเปิดออกกลับต้องผงะถอยหลังเมื่อพบคนผู้หนึ่ง“ท่าน”เสียงหวานพึมพำระคนงุนงง“ข้ามาช่วยเจ้า”คิ้วเรียวงามขมวดอย่างไม่เข้าใจ หากร่างสูงใหญ่กลับก้าวพรวดมาหาจนนางถอยไม่เป็นกระบวนอย่างตกใจเกือบล้มลง แต่อีกฝ่ายโอบไหล่ช่วยพยุงได้ทัน“ปล่อยข้านะ”“ข้าบอกแล้วว่ามาช่วยเจ้า”“ท่านจะช่วยข้าได้อย่างไร”เสี่ยวเหลียนจ้องใบหน้าขาวคมที่ก้มลงมาใกล้ของศิษย์สำนักซ่างเซียนเหนือแล้วความรู้สึกหนึ่งก็แวบเข้ามานางเคยเห็นใบหน้าเช่นนี้ในระยะใกล้มาแล้วมือบางรีบผลักอีกฝ่ายทันที ความหวาดกลัวฉายชัดในแววตาพร้อมสะบัดกายหน

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status