บรรยากาศหน้าบ้านพักที่ไอรดาชวนสองหนุ่มมานั่งดริงค์ด้วยกันค่อนข้างเงียบสงัดและไร้ผู้คน เจ้าของผับสาวเมืองภูเก็ตมีแพลนจะรวบหัวรวบหางกลเมฆกับหมออัยย์จึงชักชวนทั้งคู่แยกตัวออกมาจากงานเลี้ยง"คุณไอผมขอถามอะไรหน่อย" กลเมฆพยักพเยิดหมออัยย์ให้เริ่มบันทึกเสียง"ได้เลยค่ะ" ถึงแม้ไอรดาจะเริ่มมึน ๆ แต่ก็ยังไม่ถึงกับเมาปลิ้น"ผมอยากทราบว่าคุณเวคิน สามีคุณทำงานอะไรเหรอครับ พอดีผมทราบมาจากเฮียซุสว่าสามีคุณช่วยบริหารจัดการผับที่ภูเก็ตและกิจการแปรรูปไม้จนประสบความสำเร็จ ก็เลยอยากชวนมาร่วมบริหารงานที่ PMK สักหน่อย""ฮ่า ๆ ๆ ความจริงแล้วเวคินไม่ได้บริหารจัดการเองหรอกค่ะ ส่วนใหญ่จ้างคนนอกดูแลทั้งนั้น คนแบบนั้นจะทำอะไรได้ นอกจากหาเรื่องไปวัน ๆ กับตระเวนเก็บเงินกู้ทั่วประเทศ" ไอรดาหลุดเล่าออกมาอย่างลืมตัว"คุณไอครับลองวิสกี้แบรนด์นี้หน่อยเป็นไง รสชาตินุ่มลิ้นใช้ได้เลยนะ" กลเมฆกวักมือเรียกบอดี้การ์ดของตนให้เอาวิสกี้ตัวแรงที่ว่ามา การเพิ่มความมึนงงด้วยของฤทธิ์แอลกอฮอล์ทั้งไวน์และวิสกี้สามารถทำให้ศูนย์การควบคุมทางความคิดเกิดความสับสนได้"มาเลยค่ะ รินมาเล้ยยย" ไอรดาลุกขึ้นแล้วล้มลงบนตักกลเมฆ ชายหนุ่มผู้หวงตัวท
เช้านี้พ่อเลี้ยงหนุ่มอารมณ์ดีเป็นพิเศษเพราะโชว์พิเศษกำลังจะเดินทางมาให้ชมในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า เหนือฟ้าที่กำลังยืนผัดข้าวกระทะใหญ่ปิดเตาแก๊สและตักข้าวมาเสริฟ์ลูกกับสามีที่โต๊ะ จิกตาขุ่นเขียวส่งให้อย่างไม่พอใจเนื่องจากหลังจากกลับมาถึงนครนายก สามีก็คอยคุมเรื่องการกินเหล้าดองผลไม้ ห้ามกินยาดอง ห้ามกินทุกอย่างที่มีแอลกฮอล์ ทำให้เธอหงุดหงิดนิดหน่อยที่ถูกสั่งห้ามโน่นห้ามนี่"หนุนน้อยนี่เรียกว่าข้าวอะหยัง" บะแต๋งตักข้าวคำใหญ่ใส่ปากแล้วตักอีกเรื่อย ๆ จนเต็มกระพุ้งแก้มสองข้าง"เรียกว่าข้าวผัดน้ำพริกเผาหอยลายครับ แม่ได้สูตรมาจากอาเตียว""หืม ลำขนาด แท๋งฮักแม่""ฮักแม่ก็ค่อย ๆ กินนะครับ ไม่ต้องรีบกิน""ลำขนาดจริงด้วย" ภาคีพูดตามลูกชาย แต่แม่ครัวกลับไม่สบอารมณ์เท่าไหร่นัก"เหอะ ห้ามคนอื่นกินเหล้ากินเบียร์ แต่ตัวเองกินข้าวได้ ไม่ยุติธรรม" เหนือฟ้าพูดแซะแล้วคดข้าวใส่จนพูนจาน"ก็พี่บอกแล้วไงว่าเหนืออาละวาด เหนือรัดคอพี่กดหัวพี่จนจมลงไปใน...เอ่อ ในนั้นอ่ะ" ภาคีชี้ไปที่หน้าอก บะแต๋งมองตามแล้วเกิดคำถามในใจ"อ้อตี้ป้อบอกแท๋งว่าแม่เกือบข้าตะกำ ที่แท้นมหนุนน้อยก็คือผู้ท่องฉงฉัย""ก็คนมันเมานี่นา แต่พี่
หลายวันมานี้เหนือฟ้าอยากกินผลไม้รสหวานไม่ก็อะไรที่ขม ๆ พอเอ่ยปากบอกภาคี สามีก็กระปรี้กระเปร่าหาของที่เธอยากกินมาให้โดยไม่บ่นสักคำ หรือเป็นเพราะว่าหลังจากที่ส่งเวคินและพรรคพวกที่เหลือให้ตำรวจดำเนินคดีได้สำเร็จ เธอจึงรู้สึกโล่งอกที่คนกระทำความชั่วได้รับโทษทัณฑ์เสียที แม้จะต้องรอคอยมาถึงสี่ปีเต็มแต่ความดีความชอบนี้เธอต้องขอยกให้สามีเป็นพิเศษ ถ้าไม่เป็นเพราะเธอมีคู่ชีวิตที่ดี ป่านนี้คนเลวก็ยังคงเดินเชิดหน้าชูตาอยู่ในสังคมโดยไม่ได้รับผลกรรม"เหนือ พักบ้างก็ได้นะพี่ว่าเหนือไม่ต้องไปดูแลทัวร์จีนด้วยตัวเองหรอก ให้ล่ามในไร่ของเราไปบริการแทนไม่ดีกว่าเหรอ" ภาคีหยิบผ้าเย็นชุบน้ำใส่ขันลอยมะลิกลิ่นหอม บิดผ้าให้หมาดแล้วชุบตามเนื้อตามตัวที่เกรียมแดดของภรรยา"ไม่เป็นไรค่ะ เหนือไหว" สาวอวบยังคงยืนกรานแม้พักนี้เธอจะรู้สึกวิงเวียนอย่างน่าประหลาด "แต่หลังปิดจ๊อบทัวร์จีนพรุ่งนี้เหนือว่าจะไปตรวจไขมันกับค่าน้ำตาลในเลือด ช่วงนี้มึนงง ๆ บอกไม่ถูกค่ะ""ดีเลยพี่พาไปเองนะครับ" ฝ่ามือสากทาบมาที่แก้มป่อง"ขอบคุณมาก ๆ เลยค่ะ" เหนือฟ้าจับมือภาคีเอียงใบหน้าเล็กน้อยช่วงพักกลางวันภาคีแค่แวะเอนตัวนอนสักพักแล้วกะว่าจะออ
มืออุ่นใหญ่กุมมือภรรยาที่นอนหลับสนิทอยู่บนเตียงหลังจากที่หมอบอกว่าเหนือฟ้าแท้งทารกวัยสองเดือนเศษ ซึ่งเป็นผลมาจากการที่โครโมโซมของทารกผิดปกติ กลไกของร่างกายจึงทำการขับออกมาโดยธรรมชาติ ไม่ใช่เพราะเธอดูแลตัวเองไม่ดีอย่างที่พูดพึมพำตลอดครึ่งชั่วโมงแรกตั้งแต่มาถึงโรงพยาบาล กว่าจะหลับตาลงเขาต้องใช้เวลาเกลี้ยกล่อมและพูดให้คนรักเข้าใจว่ามันเป็นเรื่องที่ควบคุมไม่ได้แต่เหนือฟ้าก็เอาแต่โทษตัวเอง นอนร้องห่มร้องไห้จนดวงตาบวมช้ำ เขาซึ่งเป็นหัวหน้าครอบครัวจึงไม่กล้าที่จะแสดงอารมณ์โศกเศร้าให้คนที่เพิ่งสูญเสียลูกไปเห็น เพราะกลัวว่าจะยิ่งเป็นการกระตุ้นให้ภรรยาเสียใจหนักมากขึ้น"ป้อ ป้อไม่นอนก๊ะ" บะแต๋งที่นอนหลับอยู่บนโซฟาเดินมาจับแขนของภาคี"นอนก่อนเลยลูก ป้อนอนไม่หลับครับ" อุ้มลูกชายขึ้นมานั่งบนตัก บะแต๋งจึงขยับตัวหันหน้าเข้าหาโอบกอดพ่อไว้เหมือนลูกลิง"แท๋งคิดว่าน้องต้องกลับมาหาหมู่เหา น้องบอกว่าลืมของฝากของเราสามคน น้องก็เลยกลับไปเอาของ"ภาคีอมยิ้มลูบเส้นผมนุ่มบนศีรษะเล็ก "ลูกรู้ได้ยังไงครับ""แท๋งฝันถึงน้อง" เสียงใสที่กำลังนั่งเล่าบนตักพ่อปลุกให้เหนือฟ้าลืมตาตื่นขึ้น คุณแม่ที่เหนื่อยล้าปรือตามองสอง
ภาคีพาลูกและภรรยาแวะมาหาพ่อกับแม่ที่ร้านปลาเผาแล้วหัดให้บะแต๋งมานอนค้างบ้านปู่กับย่าและตากับยายสลับไปนอนค้างบ้านเตียวหุย เพื่อให้เด็กชายเคยชินกับการนอนสถานที่อื่น ๆ ซึ่งไม่ใช่บ้าน"อะหยังต้องให้แท๋งเก๋บเฉื้อป้าใส่คาเป๋าด้วยอี่แม่ อี่แม่จะเอาแท๋งไปทิ้งวัดก๊ะ" บะแต๋งคิดเองเออเอง"ใช่ซะที่ไหนล่ะครับ แม่จะให้ปู่ย่าตายายพาเที่ยวกรุงเทพไง หัดใช้ชีวิตอยู่ที่นี่จะได้พึ่งพาตัวเองได้" เหนือฟ้าก้มลงนั่งยอง ๆ กุมไหล่เล็กเพื่ออธิบายเหตุผล เพราะความจริงที่เธอกับภาคีต้องการให้บะแต๋งมาอยู่ในความดูแลของคนอื่น เผื่อว่าเธอกับสามีจะเดินทางไปจีนเป็นเวลาหนึ่งเดือนพอถึงตอนนั้นบะแต๋งจะได้ไม่งอแง และเข้าใจว่าพ่อกับแม่จำเป็นต้องไปทำงานจึงพาไปด้วยไม่ได้"ฮ่า ๆ ในที่ฉุดวันนี้ก็มาเติง" เด็กชายเต้นแร้งเต้นกาหมุนตัวไปมาระหว่างรอมื้อเที่ยงที่ย่าต่ายกำลังทยอยมาทำมาให้กิน"อ้าว ๆ มีหยังกั๋น เต้นแฮ้งเต้นกาสนุกสนานใหญ่เลยหลานปู่" หม่อมเจ้าภูวสินทิ้งไร่ชาบนดอยมาได้หลายเดือนแล้วฝากงานให้ผู้จัดการไร่ที่โน่นดูแล ก่อนจะมาอยู่เป็นลูกจ้างร้านปลาเผา"ก็ป้อกับอี่แม่จะให้แท๋งมาอยู่ตอมอ อยู่กับป้ออุ้ยแม่อุ้ยตี้นี่ แท๋งจะได้ไปแอ่ว
"เฮ้อ เหนื่อยจังเลยค่ะคุณภู หลานเราไปเอาพลังมาจากไหนเยอะแยะ" เจ๊ต่ายพาบะแต๋งไปเที่ยวเกมเซนเตอร์แต่หนูน้อยวิ่งไล่เล่นไปทีละเครื่อง จนปู่กับย่าไปแลกเหรียญแทบไม่ทัน ไหนจะต้องมาสลับกันเล่นเป็นเพื่อนหลานอีก"สงสัยจะได้พลังมาจากฝั่งไอ้ฟ้ากับครูนับหรือเปล่า บ้านนั้นลูกคนโตอย่างราตรีก็แสบไม่ใช่ย่อย ดีเอ็นเอทะโมนจากแม่มา""ได้เลือดไฮเปอร์มาจากฝั่งตายายแน่ ๆ ไม่น่าจะใช่เราสองคน" คุณย่าผมสั้นการันตีเพราะตัวเองคิดว่าสมัยสาว ๆ ก็ไม่ได้บ้าพลังถึงเพียงนี้"ผมว่าคุณนั่นแหละเต็ม ๆ อย่าลืมนะว่าคุณไปใช้หนี้ให้ผมอยู่บนดอยสามเดือน ไหนจะวิ่งเต้นเดินสายรับจ๊อบเดินแบบประเทศโน้นทีประเทศนี้ที แล้วก็กลับมาเป็นแม่ค้าขายปลาเผา ผมยกย่องคุณจริง ๆ นะปี่สาว""นานแล้วนะคะที่น้องภูไม่ได้เรียกต่ายว่าปี่สาว" เจ๊กระต่ายกุมมือสามี ทั้งสองนั่งระลึกความหลังอันแสนทรหดของตนเอง กว่าจะมีกันและกัน เข้าใจกันเรียกได้ว่าหฤโหดกว่ารุ่นลูกของตนมาก"ป้ออุ้ยแม่อุ้ยแท๋งเล่นเบื่อแล้วจ้าว แท๋งหิวขนาด" บะแต๋งลูบวนหน้าท้อง"งั้นป้ออุ้ยจะพาไปกินมังกรพ่นไฟ" หม่อมเจ้าภูวสินเปรยเมนูเด็ด"มังกรคือเก๊าะซิวล่าก๊ะ""บ่าใช่จะอั้น มันคือมังกรเขียว"จ
มณฑลเจียงซีมีความโดดเด่นเรื่องประวัติศาสตร์ อาหาร สถานที่ท่องเที่ยว และยังเป็นเมืองที่มีอัตลักษณ์โดดเด่นเรื่องเครื่องลายครามที่สร้างชื่อเสียงให้ประเทศจีน ที่สำคัญเจียงซีมีตลาดค้าส่งสินค้าเกษตรและอาหารขนาดใหญ่เหนือฟ้าจึงเลือกพาภาคีมาที่นี่เป็นแห่งแรก"พี่คีคะ ตื่นได้แล้วค่ะ" ลมอุ่นจากริมฝีปากเล็กเป่ารดใบหน้าที่นอนหลับพริ้มอยู่ด้านข้าง "อื้อพี่ไม่ได้นอนสบาย ๆ แบบนี้มานานแล้ว ยังอยากนอนต่ออีกนิดจัง" คนที่ยังสะลืมสะลือยอมลุกขึ้น ขยี้ตาสองข้างมองสาวอวบที่อยู่ในชุดนอนสายเดี่ยวสีชมพู ซึ่งเป็นชุดที่ไม่ได้ปกปิดหน้าอกหน้าใจอันใหญ่โตโอฬารไว้ได้เลย มีแต่จะเพิ่มความกลัดกลุ้มในกายให้กระหายมากขึ้น อีกอย่างนี่ก็เป็นครั้งแรกที่เขากับเหนือฟ้าได้ใช้เวลาร่วมกันสองต่อสอง โดยปราศจากบะแต๋ง จึงไม่อยากพลาดช่วโมงพิเศษเหล่านี้ไป มีโอกาสก็ต้องรุกต้องเต๊าะให้มันสุดทุกทางสิวะ"เราจัดมอนิ่งเซ็กซ์กันเลยดีไหม" ทั้งที่เพิ่งจะลืมตาตื่นนอน แต่กลับถามหากิจกรรมรีดเหงื่อแต่เช้า"ไม่คิดจะกินข้าวก่อนเหรอคะ เอะอะ....ก็จะกินขนุน" ประโยคสุดท้ายค่อนข้างแผ่วบาง แต่ภาคีก็สามารถอ่านปากตามจนเข้าใจ"พูดเองแล้วนะ ว่าให้พี่กินข้าว
"แต๋งครับ กึ๊ดเติงหาอี่แม่ก่อ อี่แม่กึ๊ดเติงหาแต๋งขนาด" เหนือฟ้าอ้อนลูกชาย"กึ๊ดเติงหาอี่แม่กับป้อขนาด วันนี้แท๋งไปฮั้งฉับฉินค้ามาโตย แท๋งได้กินมังกรเขียว เล่นเกมเซ็งเตอร์โตย" หนูน้อยลอยหน้าลอยตาเล่าอย่างมีความสุข"มังกรเขียวคือปิ้งย่างใช่ไหมครับ""ใช่จ้าว ลำขนาด แต่ว่าแท๋งชอบจิ้มแจ่วของป้อมากกว่า บ่าไดพี่คีกับหนุนน้อยจะปิ๊กบ้าน" บะแต๋งทำตาแป๋ว ถึงปากจะไล่พ่อกับแม่ให้ไปไกล ๆ แต่ใจก็คิดถึงเหนือฟ้ากับภาคีตลอดเวลาที่อยู่บ้านปู่กับย่า"พี่คีกับหนุนน้อยจะปิ๊กบ้านเดือนหน้า หนูรอไปอีกยี่สิบวันแม่กับป้อก็ปิ๊กบ้านแล้วครับ" ภาคีเป็นฝ่ายตอบแทน แต่มือก็ยังคงรุ่มร่ามไต่ไปตามเนื้อตัวของเหนือฟ้า"ป้อหยุ๋ดยังคานอี่แม่ซะที แท๋งเห็นป้อฉับตงนั้นทีตงนี้ที โต ๆ กันแล้วต้องยู้ฉักเกียดกัน""รังควานกับให้เกียรติจ้าว แหมจะอบรมสั่งสอนป้อก๊ะ สั่งสอนตัวเองให้รอดก่อนเถอะแตงกวา" ภาคีทำหน้าบึ้งหลังจากวางสายจากบะแต๋งไม่ถึงสองนาที"เหนือพี่หิวแล้ว"เขาอ้อนแล้วล้มตัวลงมานอนบนพุงของเธอ สองมือสอดประสานเข้าใต้แผ่นหลัง"พี่คีอย่าเพิ่งสิคะ ยังไม่ได้อาบน้ำเลย""งั้นไปอาบน้ำกันครับ พี่จะถูหลังให้""โอเคค่ะ"เหนือฟ้านุ่งผ้าข
ช่วงหัวค่ำเหนือฟ้านั่งเป่าผมอยู่บนเตียงนอนภาคีที่เพิ่งกลับมาจากตรวจความเรียบร้อยภายในงานลอยกระทงจึงโผเข้าสวมกอดจากด้านหลัง เนื้อตัวของเขาหอมกลิ่นหอมนุ่มผสมผสานกับกลิ่นความสดชื่นของผลไม้ เดาได้เลยว่านี่เป็นแป้งของนิ่มฟ้า เพราะถ้ากลิ่นของบะแต๋งกับน่านฟ้าจะเป็นกลิ่นนมน้ำผึ้ง"ไปอาบน้ำที่ไหนมาคะ แถมยังไปเอาแป้งของลูกมาใช้อีก" เหนือฟ้าถามแต่ไม่ได้หมุนตัวกลับไปหาคนด้านหลัง"อาบข้างล่างครับ พี่เห็นแป้งลูกตั้งอยู่ในห้องน้ำก็เลยโรยมาเต็มตัวเลย เผื่อจะปลุกอารมณ์เหนือได้บ้าง" เขาว่าแล้วถอดกางเกงผ้าฝ้ายของตัวเอง ถอดทุกอย่างจนเหลือเพียงผิวกายขาวเหลืองเกรียมแดด"ปลุกอารมณ์อะ...โอ้ว" ดวงตากลมลุกวาวเมื่อภาพสะท้อนในกระจกข้างเตียงโชว์เรือนร่างกำยำตั้งแต่หัวถึงกลางลำตัวที่ปูดบวม"พี่กะว่าจะเติมพลังให้ ถ้าเหนือได้พลังจากพี่ต้องชนะขาดลอยแน่นอน" เขาบอกแล้วทรุดตัวนั่งประกบอยู่ด้านหลัง กางขาออกกว้างแล้วขนาบช่วงสะโพกของเธอ"พี่คีหลงตัวเองเกินไปแล้ว" เจ้าของพวงแก้มขาวเอนหลังลงไปซบกับแผ่นอก ยินยอมพร้อมให้เติมด้วยความเต็มใจ"ใช่ พี่หลงตัวเองแล้วก็หลงเหนือด้วย" สิ้นคำหวานริมฝีปากหยักคมก็ระดมจูบไปตามลำคอ มือไม้เคล
ภาคีเห็นเหนือฟ้ายังไม่ลงมาเขาจึงบอกให้ลูกสาวขึ้นไปตามแม่ นิ่มฟ้าจึงชวนส้มปู๋ สุนัขโกลเด้นตัวโปรดของเธอขึ้นไปเป็นเพื่อน"โฮ่ง!" ส้มปู๋เห็นเหนือฟ้านั่งแกว่งยาดมอยู่บนเตียงมันจึงเดินไปเช็ดเท้าที่พรม บรรจงเขี่ยเท้าหน้าเท้าหลังสองสามทีด้วยความแสนรู้ แล้วกระโดดขึ้นไปหาเจ้านายสาวเอาคางเกยแนบขาอย่างห่วงใย"เกิดอะหยังขึ้นอี่แม่" เด็กหญิงรีบเดินไว ๆ เข้ามาดูแม่ด้วยความเป็นห่วง มือเล็กกอบกุมหน้าแม่ "หนุนเหนือเป็นอารัย หมู่เหาไปโฮงยากั๋นก่อ""แม่เครียดเรื่องงานประกวดพรุ่งนี้ค่ะ ก็เลยรู้สึกเวียนหัวนิดหน่อย แต่ถ้าหนูหอมแก้มแม่สองที แม่จะรีบหายเลยค่ะ" คุณแม่อ้อนลูกสาวจุ๊บ! จุ๊บ!นิ่มฟ้าจุ๊บแก้มแม่ข้างซ้ายข้างขวาอย่างรวดเร็ว "หายแล้วใจ้ก่อ" เด็กหญิงฉีกยิ้มกว้างเห็นฟันหลอจนอาการมึนหัวเมื่อครู่หายเป็นปลิดทิ้ง"ดีขึ้นแล้วค่ะ แล้วนี่ฟันหักเหรอลูก หักเมื่อตอนไหนเนี่ย" แม่แหกปากลูกสาวดูว่ามีตรงไหนแตกหักเพิ่มเติม"หักตอนกิ๋นฉะเต๊ะก๋องปาขี้ เต๊ะหมูปาขี้ตำฟันนิ่งตายกาตี้" นิ่มฟ้าตั้งใจเล่าด้วยสีหน้าจริงจัง"ฟันตายคาที่มันเป็นยังไงคะ""ฟันนิ่งติดกับตัวหมูจ้าว น่าฉงฉานป่านนี้ชาไปเกิดตี้ไหนก็บ่าฮู้""เขาเรียกว่
เสียงแก็งสุนัขเห่าหอนเคล้าดังมาพร้อมกับเสียงเด็ก ๆ สามสี่คน ทำให้คนที่นอนมุดอยู่ใต้ผ้าห่มพยายามดึงตัวขึ้นแล้วเดินไปดูต้นเสียงที่นอกระเบียงห้อง เหนือฟ้าชะโงกหน้าลงไปดูที่สนามหญ้าเห็นครอบครัวของเธอ ครอบครัวสามีและครอบครัวของมะแป่มกำลังจัดโต๊ะอาหารเช้า ส่วนพวกตัวแสบทั้งหลายกำลังวิ่งเล่นอยู่กับสุนัขโกลเด้นทั้งสี่ตัว ขณะที่หอมบั่วกับลูกชุบที่เริ่มอายุมากขึ้นทำเพียงเฝ้ามองดูอยู่ใกล้กับแปลงดอกดาวกระจาย"ไม่นอนต่ออีกหน่อยเหรอ" เสียงเข้มกระซิบแว่วดังมาจากประตูห้อง สาวอวบหมุนกายกลับแล้วตรงเข้าไปสวมกอดพ่อครัวผ้ากันเปื้อนสีหวาน เดี๋ยวนี้เขาไม่เข้าไปคุมงานในไร่เสียแล้วแต่กลับมาคุมครัวที่บ้านแทน"พี่คีคะพรุ่งนี้เหนือก็ประกวดแล้ว ซ้อมแค่วันเดียวจะพอเหรอคะ เหนือไม่ค่อยมั่นใจเลย" เจ้าของวงแขนเจ้าเนื้อโอบรัดรอบแผ่นหลังกว้าง ภาคีโอบกอดกลับซุกใบหน้าลงข้างซอกคอกลิ่นหอม"แต่พี่มั่นใจในตัวเหนือนะ อีกอย่างเรื่องแพ้ชนะพี่ไม่ได้กังวลเลย พี่ก็แค่อยากอวดเมียให้ทุกคนเห็น" เขาชมแล้วเคลื่อนริมฝีปากมาตามขมับแล้วขยับต่ำลงมาถึงสันจมูก"พี่คีปากหวานอีกแล้ว เดี๋ยวเหนือไม่กินมื้อเช้านะคะ เพราะเหนือจะกินพี่คีแทน" เธอบอกแล
เช้าวันต่อมาหลังจบงานประกวดนางนพมาศ"เย้เย้ ชาหลองกั๋นตกกันเต๊อะ" นิ่มฟ้ากระโดดโลดเต้นวิ่งวนไปรอบตัวมะแป่มกับยายนับเก้าหลังจากที่กรรมการประกาศว่าผู้ชนะการประกวดนางนพมาศรุ่นน้อยและรุ่นใหญ่ปีนี้ได้แก่ตัวแทนจากไร่พิทักษ์มหิงสา เด็กหญิงก็ดีใจออกนอกหน้าประหนึ่งว่าตัวเองเป็นผู้เข้าแข่งขัน"จะกิ๋นหยั่งอีก" หม่อมเจ้าภูวสินทักหลานสาวขณะที่กำลังช่วยลูกชายจัดโต๊ะเพื่อฉลองให้กับชัยชนะของนพมาศสองรุ่น"กิ๋นกั๋นตกไงจ้าว ป้ออุ้ยบ่เคยกิ๋นก่อ" เด็กหญิงเดินไปถามปู่ใกล้ ๆ"ปู่กินขันโตกประจำ ปู่เป็นหนุ่มเหนือเน้อ" คุณปู่ยังหนุ่มอุ้มหลานสาวขึ้นมานั่งในวงแขนแกร่ง"นิ่มฟ้าคะมาอาบน้ำได้แล้วค่ะ น้ำกำลังอุ่นเลย" เหนือฟ้าทำน้ำสมุนไพรด้วยการต้มใบมะขามและหอมแดงบุบซึ่งเธอมักจะใช้วิธีนี้เป็นประจำทุกครั้งที่ลูก ๆ เป็นไข้หวัดมะแป่มอาบน้ำเปลี่ยนเป็นชุดเอี๊ยมประโปรงสีฟ้าออกมานั่งแกว่งขารออยู่บนเก้าอี้ตัวยาว ส่วนน่านฟ้ากับบะแต๋งกำลังช่วยปู่ย่าตายายหิ้วตะกร้าผักและเครื่องเคียงออกมาจากในครัวของบ้านแฝดหญิงที่เพิ่งอาบน้ำอาบท่าเสร็จจึงเดินกระโดดดึ๋ง ๆ ออกมาพร้อมกับแพะใส่เสื้อผ้าสองตัว บะแปปกับบะแว้งวิ่งไปทั่วรอบรั้วหน้าบ้าน
ถึงช่วงการประกวดนางนพมาศน้อยและนางนพมาศใหญ่ เมื่อพิธีกรในงานประกาศรายชื่อผู้เข้าแข่งขันซึ่งเป็นตัวแทนจนมาถึงรายชื่อของมะแป่มกับครูนับเก้า สาวงามในชุดไทยต่างรุ่นจึงเดินเยื้องย่างออกมาด้วยท่าทางงดงาม"นางนพมาศน้อยและนางนพมาศรุ่นใหญ่ตัวแทนจากไร่พิทักษ์มหิงสา เด็กหญิงวาริชา มหาจันทร์ น้องมะแป่มอายุสี่ขวบควงคู่มากับคุณทวดนับเก้า.." พิธีกรหนุ่มไม่ทันพูดจบ"ฉันสวยขนาดนี้เป็นทวดเลยเหรอ ฉันคุณยายจ้ะ แค่คุณยาย" ครูนับเก้ารีบสวนกลับว่าตนเป็นยายไม่ใช่ทวด"ขอ ขอประทานโทษครับ" พิธีกรหนุ่มยิ้มเจื่อน "งั้นขอเชิญผู้ประกวดรุ่นใหญ่รุ่นเล็กแนะนำตัวสักเล็กน้อยครับ" ไมค์อันเล็กถูกยื่นมาให้มะแป่มเป็นคนแรก เด็กหญิงมือสั่นเล็กน้อยแต่พอเห็นพี่น่านฟ้าชูสองนิ้วสู้ตายมาให้ ความหวาดหวั่นในหัวใจนั้นแปรเปลี่ยนเป็นความกล้าหาญทันที"ซาวัดดีค่า หนูชื่อเด็กหญิงวายิชา ม๋าชัน ชื่อเย่นว่ามาแพ่ม อยู่อายุบานหยึ่งโรงเรียนอายุบานเวหะโชนยะกาน วันนี้หนูไม่ได้มาเย่น ๆ เพราะหนูมาเอาต้วยยางวันไปฝากปู้จายค่า""ว้ายตาเถร! ที่ซ้อมกันมามันไม่ใช่แบบนี้นี่ลูก" ครูนับเก้ายกมือปิดปาก แต่ผู้ชมด้านล่างกับปรบมือกรี๊ดกร๊าดชอบอกชอบใจกันยกใหญ่ แ
มะแป่มไม่สามารถอยู่เชียร์นิ่มฟ้ากับน่านฟ้าได้จนจบ เพราะหนูน้อยต้องไปเตรียมตัวประกวดนางนพมาศที่จะเริ่มจัดช่วงเย็นจนถึงมืด แซมมี่จึงพาลูกสาวกลับไปแต่งหน้าแต่งตัวที่บ้าน โดยมียายนับเก้าช่วยทำผมเพราะสาวใหญ่ก็ลงประกวดคู่กับมะแป่มเป็นนพมาศรุ่นใหญ่กับรุ่นเด็กที่จะต้องเดินจับมือขึ้นเวทีพร้อมกันปีนี้ภาคีเข้าประชุมกับหน่วยงานท้องถิ่นออกและเสนอไอเดียให้มีกิจกรรมสร้างสรรค์แปลกใหม่ และห้ามให้มีการจุดพลุในไร่และพื้นที่โดยรอบ เพื่อป้องการสิงสาราสัตว์ในไร่แตกตื่น นอกจากนี้ยังห้ามให้มีการลอยกระทงใบตอง มีแต่การลอยกระทงด้วยผักและขนมปังเพื่อลดมลพิษและขยะที่ก่อให้เกิดน้ำเน่าเสียและส่งผลกระทบกับสัตว์น้ำแต่กระนั้นกิจกรรมเช่น การแสดงดนตรีสด เครื่องเล่นต่างที่มาให้บริการในไร่ก็ยังคงมีอยู่ รวมทั้งการประกวดต่าง ๆ เพื่อเพิ่มอรรถรสให้กับคนในงานและชุมชนก็ยังคงมีต่อไปเสร็จสิ้นการแข่งตอบชื่อผักและสมุนไพรนิ่มฟ้ากับน่านฟ้าก็แทบหมดเรี่ยวแรง เพราะแฝดพี่น้องต้องใช้สมองขบคิดค่อนข้างเยอะ ถึงขนาดนิ่มฟ้าที่มัดผมสวยเกาหัวยุ่งจนเป็นยัยเพิ้ง"ปีหน้านิ่งบ่เอาแล้ว นิ่งไม่แก่งอารัยทั้งนั้น อิดขนาด นิ่งอยากขี่ฟายแก่งมากฟ่า" นิ่ม
ช่วงบ่ายนิ่มฟ้าและน่านฟ้าไปเตรียมตัวแข่งขันตอบชื่อผักและสมุนไพรพื้นบ้านโดยมีทุกคนตามไปให้กำลังใจ เด็กทั้งสองเปลี่ยนเป็นชุดหม้อฮ้อมสวมงอบชาวนาให้เข้ากับกติกาเครื่องแต่งกายที่กรรมการตั้งเงื่อนไขถึงแม้นี่จะเป็นโพรเจกต์แรกของโรงเรียนอนุบาลเวหะชลการที่นำโดยกรรมการบริหารอย่างครูนับเก้าเป็นคนไอเดีย แต่ทั้งผอ.ทัพฟ้าที่เป็นผู้บริหารสูงสุดและภรรยากับเลือกที่จะไม่ขอเป็นกรรมการตัดสิน เพื่อให้ไม่เกิดข้อครหาและการซุบซิบนินทาในภายหลัง"เสร็จแล้วค่ะ เดี๋ยวอีกสามสิบนาทีก็แข่งแล้วหนูจะกินข้าวกินอะไรก่อนไหมแม่จะไปซื้อมาให้" เหนือฟ้ามัดผมของนิ่มฟ้าสองข้างแล้วใช้ยางหลากสีสันมัดเป็นข้อเล็ก ๆ แล้วหยิบกระจกให้ลูกสาวส่องดูทรงผม"โค๊ะ! กนอารัยงามย่มเมือง" นิ่มฟ้ากะพริบตาวิบวับใส่กระจกในมือแม่"ไม่ค่อยจะอวยตัวเองเลยเนอะลูกฉัน แล้วสรุปจะกินอะไรไหม""กิ๋นสิจ้าว แต่นิ่งอยากทายิปฉีจุมออนแบบอี่แม่ นิ่งทาได้ก่อ" นิ่มฟ้าจิ้มไปที่ริมฝีปากบางเล็กของเหนือฟ้า"ได้สิคะ แต่แม่จะทาแบบลิปมันวาว ๆ ให้จะได้บำรุงริมฝีปากด้วย" เหนือฟ้าล้วงลิปกลอสแท่งออกมาจากกระเป๋าสะพายข้างแล้วบรรจงละเลงบนปากลูกสาว "เสร็จแล้วค่ะ ส่องกระจกดูสิ"น
ถึงวันแข่งตอบชื่อผักและสมุนไพรพื้นบ้านของนิ่มฟ้าและน่านฟ้า แต่ช่วงเช้าทุกคนรวมตัวไปให้กำลังใจบะแต๋งทำภารกิจแสดงควายร่วมกับหุยหุยพร้อมกับพ่อและตาสำรวยก่อนที่จะไปเชียร์คู่แฝดในรอบบ่าย และรอบเย็นจะเป็นการประกวดนพมาศน้อยในโดมลานการแสดงประจำไร่พิทักษ์มหิงสาซึ่งชุดการแสดงรอบแรกนี้จะถูกเปิดตัวโดยเจ้าภาพจัดงาน และตามมาด้วยการแสดงของฟาร์มควายแคระอีกหลากหลายจังหวัดที่เข้าร่วมด้วยนับสิบรายบนที่นั่งสูงไล่ระดับสองฝั่งซ้ายขวามีป้ายไวนิลสกรีนรูปหุยหุยกับบะแต๋งคู่กัน เมื่อภาคีในชุดผ้าฝ้ายล้านนาพื้นเมืองประยุกต์สีกรมคอจีน และกาเกงผ้าฝ้ายขายาวเข้าคู่กัน โพกผ้าสีขาวสไตล์หนุ่มเหนือ เดินนำทีมจูงพ่อสะเดาควายแคระเผือกเข้ามาในลานการแสดง แถวกลางเป็นหุยหุยลูกของมันพร้อมกับบะแต๋งพี้เลี้ยงคนสนิท ท้ายแถวเป็นแม่บะผางที่จูงโดยตาสำรวยคนคุมควายประจำไร่เมื่อทั้งสามยืนเรียงแถวหน้ากระดานพร้อมกับควายประจำตัวของตน เสียงกรี๊ดกร๊าดละม้ายเหนือฟ้านิ่มฟ้าดังขึ้นแซงหน้าเสียงชาวบ้านที่นั่งชมการแสดงอยู่ฝั่งตรงข้าม"กรี๊ดดด ปาขี้อ้ายแท๋งตาฉำกวย หย่อขนาด หย่อตี้ฉุดในนายกเวจี" นิ่มฟ้าใส่ชุดไทยล้านนาเสื้อผ้าฝ้ายสีชมพูโอรสสวมผ้าซิ่
ช่วงเช้าภาคีสอนลูก ๆ คัดแยกผักพื้นบ้าน สมุนไพรเกือบสามชั่วโมงเต็มแล้วไปสอนบะแต๋งกับหุยหุยเรื่องงานแสดงโชว์ควายแคระประจำไร่ โชคดีที่บะแต๋งคอยฝึกซ้อมกับตาสำรวยและอินเหลาอยู่เป็นประจำ ทำให้หุยหุยฟังคำสั่งเข้าใจ"เดี๋ยวนิ่มกับน่านอยู่บ้านกับป้ออุ้ยแม่อุ้ยนะครับ ป้อจะพาแม่ไปฝากครรภ์ครับ""ปาขี้ฉื้อหนมมาฝากนิ่งกับน่านโตยเน้อ หนุนน้อยเพย์เงินให้ป้อนะ ป้อจะได้มีเงินฉื้อหนม" นิ่มฟ้าตบลงบนก้นแม่"อะไรกันคะ ทำไมแม่ต้องเป็นคนเปย์ ป้อหนูก็มีเงิน" เหนือฟ้าค้อนตาใส่ลูกกับสามี"แต่น่านเห็นแม่เข็บเงินป้อไว้ในตู้เชฟเน้อ" น่านฟ้าชี้ขึ้นไปบนบ้าน"หนูเห็นตอนไหนครับน่านฟ้า หนูอาจจะฝันไปก็ได้" คุณแม่ปฏิเสธทั้งที่เธอเรื่องเก็บเงินของสามีไว้ในตู้เซฟคือเรื่องจริง"เห็นตาหยอดเลย" เด็กชายแหกตาตัวเองให้แม่ดู"ป้อ อี่แม่แต๋งเสร็จแล้ว" ไม่มีครั้งไหนที่แม่ไปโรงพยาบาลแล้วจะไร้เงาลูกชายคนนี้ เพราะเรื่องที่แม่เคยแท้งน้องไปมันยังฝังในใจของบะแต๋งอยู่เสมอ เด็กชายจึงกลัวว่าแม่จะเป็นอะไรไป จึงพยายามเกาะติดแม่ทุกฝีก้าวเพื่อคอยดูแลแม่ให้ดีที่สุด"แย้วอะหยังน่านเติงไปกับหนุนฟ้าบ่ได้ น่านอยากไปดูหมอฉวย ๆ ที่โฮงยา" เด็กชายตัวน้อ