"เฮ้อ เหนื่อยจังเลยค่ะคุณภู หลานเราไปเอาพลังมาจากไหนเยอะแยะ" เจ๊ต่ายพาบะแต๋งไปเที่ยวเกมเซนเตอร์แต่หนูน้อยวิ่งไล่เล่นไปทีละเครื่อง จนปู่กับย่าไปแลกเหรียญแทบไม่ทัน ไหนจะต้องมาสลับกันเล่นเป็นเพื่อนหลานอีก"สงสัยจะได้พลังมาจากฝั่งไอ้ฟ้ากับครูนับหรือเปล่า บ้านนั้นลูกคนโตอย่างราตรีก็แสบไม่ใช่ย่อย ดีเอ็นเอทะโมนจากแม่มา""ได้เลือดไฮเปอร์มาจากฝั่งตายายแน่ ๆ ไม่น่าจะใช่เราสองคน" คุณย่าผมสั้นการันตีเพราะตัวเองคิดว่าสมัยสาว ๆ ก็ไม่ได้บ้าพลังถึงเพียงนี้"ผมว่าคุณนั่นแหละเต็ม ๆ อย่าลืมนะว่าคุณไปใช้หนี้ให้ผมอยู่บนดอยสามเดือน ไหนจะวิ่งเต้นเดินสายรับจ๊อบเดินแบบประเทศโน้นทีประเทศนี้ที แล้วก็กลับมาเป็นแม่ค้าขายปลาเผา ผมยกย่องคุณจริง ๆ นะปี่สาว""นานแล้วนะคะที่น้องภูไม่ได้เรียกต่ายว่าปี่สาว" เจ๊กระต่ายกุมมือสามี ทั้งสองนั่งระลึกความหลังอันแสนทรหดของตนเอง กว่าจะมีกันและกัน เข้าใจกันเรียกได้ว่าหฤโหดกว่ารุ่นลูกของตนมาก"ป้ออุ้ยแม่อุ้ยแท๋งเล่นเบื่อแล้วจ้าว แท๋งหิวขนาด" บะแต๋งลูบวนหน้าท้อง"งั้นป้ออุ้ยจะพาไปกินมังกรพ่นไฟ" หม่อมเจ้าภูวสินเปรยเมนูเด็ด"มังกรคือเก๊าะซิวล่าก๊ะ""บ่าใช่จะอั้น มันคือมังกรเขียว"จ
มณฑลเจียงซีมีความโดดเด่นเรื่องประวัติศาสตร์ อาหาร สถานที่ท่องเที่ยว และยังเป็นเมืองที่มีอัตลักษณ์โดดเด่นเรื่องเครื่องลายครามที่สร้างชื่อเสียงให้ประเทศจีน ที่สำคัญเจียงซีมีตลาดค้าส่งสินค้าเกษตรและอาหารขนาดใหญ่เหนือฟ้าจึงเลือกพาภาคีมาที่นี่เป็นแห่งแรก"พี่คีคะ ตื่นได้แล้วค่ะ" ลมอุ่นจากริมฝีปากเล็กเป่ารดใบหน้าที่นอนหลับพริ้มอยู่ด้านข้าง "อื้อพี่ไม่ได้นอนสบาย ๆ แบบนี้มานานแล้ว ยังอยากนอนต่ออีกนิดจัง" คนที่ยังสะลืมสะลือยอมลุกขึ้น ขยี้ตาสองข้างมองสาวอวบที่อยู่ในชุดนอนสายเดี่ยวสีชมพู ซึ่งเป็นชุดที่ไม่ได้ปกปิดหน้าอกหน้าใจอันใหญ่โตโอฬารไว้ได้เลย มีแต่จะเพิ่มความกลัดกลุ้มในกายให้กระหายมากขึ้น อีกอย่างนี่ก็เป็นครั้งแรกที่เขากับเหนือฟ้าได้ใช้เวลาร่วมกันสองต่อสอง โดยปราศจากบะแต๋ง จึงไม่อยากพลาดช่วโมงพิเศษเหล่านี้ไป มีโอกาสก็ต้องรุกต้องเต๊าะให้มันสุดทุกทางสิวะ"เราจัดมอนิ่งเซ็กซ์กันเลยดีไหม" ทั้งที่เพิ่งจะลืมตาตื่นนอน แต่กลับถามหากิจกรรมรีดเหงื่อแต่เช้า"ไม่คิดจะกินข้าวก่อนเหรอคะ เอะอะ....ก็จะกินขนุน" ประโยคสุดท้ายค่อนข้างแผ่วบาง แต่ภาคีก็สามารถอ่านปากตามจนเข้าใจ"พูดเองแล้วนะ ว่าให้พี่กินข้าว
"แต๋งครับ กึ๊ดเติงหาอี่แม่ก่อ อี่แม่กึ๊ดเติงหาแต๋งขนาด" เหนือฟ้าอ้อนลูกชาย"กึ๊ดเติงหาอี่แม่กับป้อขนาด วันนี้แท๋งไปฮั้งฉับฉินค้ามาโตย แท๋งได้กินมังกรเขียว เล่นเกมเซ็งเตอร์โตย" หนูน้อยลอยหน้าลอยตาเล่าอย่างมีความสุข"มังกรเขียวคือปิ้งย่างใช่ไหมครับ""ใช่จ้าว ลำขนาด แต่ว่าแท๋งชอบจิ้มแจ่วของป้อมากกว่า บ่าไดพี่คีกับหนุนน้อยจะปิ๊กบ้าน" บะแต๋งทำตาแป๋ว ถึงปากจะไล่พ่อกับแม่ให้ไปไกล ๆ แต่ใจก็คิดถึงเหนือฟ้ากับภาคีตลอดเวลาที่อยู่บ้านปู่กับย่า"พี่คีกับหนุนน้อยจะปิ๊กบ้านเดือนหน้า หนูรอไปอีกยี่สิบวันแม่กับป้อก็ปิ๊กบ้านแล้วครับ" ภาคีเป็นฝ่ายตอบแทน แต่มือก็ยังคงรุ่มร่ามไต่ไปตามเนื้อตัวของเหนือฟ้า"ป้อหยุ๋ดยังคานอี่แม่ซะที แท๋งเห็นป้อฉับตงนั้นทีตงนี้ที โต ๆ กันแล้วต้องยู้ฉักเกียดกัน""รังควานกับให้เกียรติจ้าว แหมจะอบรมสั่งสอนป้อก๊ะ สั่งสอนตัวเองให้รอดก่อนเถอะแตงกวา" ภาคีทำหน้าบึ้งหลังจากวางสายจากบะแต๋งไม่ถึงสองนาที"เหนือพี่หิวแล้ว"เขาอ้อนแล้วล้มตัวลงมานอนบนพุงของเธอ สองมือสอดประสานเข้าใต้แผ่นหลัง"พี่คีอย่าเพิ่งสิคะ ยังไม่ได้อาบน้ำเลย""งั้นไปอาบน้ำกันครับ พี่จะถูหลังให้""โอเคค่ะ"เหนือฟ้านุ่งผ้าข
เหนือฟ้าเลือกจะเป็นฝ่ายรุกเร้าปลุกปั่น เพราะเธอเองก็อยากรู้ว่าตัวเองทำให้ภาคีใจสั่นหวั่นไหวได้มากน้อยเพียงใดเมื่อก่อนเธอเคยเสียความมั่นใจในรูปลักษณ์ของตัวเองเพราะสังคมชอบตีกรอบว่ามาตรฐานความสวยต้องเป็นแบบนั้น แบบนี้ แต่โชคดีที่ยังมีคนบางกลุ่มเข้าใจ เปิดกว้าง และให้กำลังใจซึ่งพลังบวกดี ๆ เหล่านั้นที่เธอได้รับก็มาจากครอบครัว เพื่อนสนิท และที่สำคัญ จากผู้ชายที่ชื่อ ภาคี กฤตกล้าธนาดรเขาคือ พลังงานก้อนใหญ่ที่ทำให้เธอลุกขึ้นมารักตัวเอง เชื่อมั่นในรูปร่างนี้ ไม่เคยพูดทำร้ายให้เธอเสียใจมีแต่ฮีลหัวใจและคอยเติมเต็มด้วยคำพูดดี ๆคนอื่นที่ไม่รู้จักเธอดี มักจะคอยด้อยค่าและบั่นทอน ทั้งที่บางคนเป็นเพื่อนในชั้นเรียน เพื่อนที่มหาลัยที่เห็นหน้าคร่าตากันอยู่ทุกวันแต่กลับสรรหาแต่คำพูดเหยียดหยามและดูหมิ่นร่างกายของเธอผิดกับพี่คีที่มักจะเอ่ยชมเธอไม่ขาดปาก พยายามพิสูจน์ตัวเองหลายครั้ง เพื่อให้เธอเชื่อใจ นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้เธอได้ลองทำอะไรที่ท้าทาย แม้จะเป็นเรื่องบนเตียงที่เธอเองไม่ได้ชำนาญเท่าไหร่แต่ก็อยากให้เขารู้ว่าเธอไม่ใช่ฝ่ายที่รอรับจากเขาอย่างเดียวแต่พร้อมจะรุกและมอบทุกสิ่งให้เขา เช่นเดี
ก่อนกลับเมืองไทยเพียงหนึ่งอาทิตย์ เหนือฟ้ากับภาคีเดินทางด้วยรถไฟเพียงสองชั่วโมงเพื่อไปเยือนพุทธสถานอันโด่งดังที่เมืองอู๋ซี มณฑลเจียงซูและไหว้พระที่วัดหลิงซานที่มีอายุเก่าแก่เกือบหนึ่งพันปี โดดเด่นเรื่องความศักดิ์สิทธิ์ด้านการประทานบุตรสภาพแวดล้อมของภูมิสถาปัตย์โดยรอบของวัดโอบล้อมด้วยขุนเขาทั้งสามด้าน รื่นรมย์ด้วยต้นไม้นานาพรรณ เบื้องหน้าเป็นทะเลสาบกว้างใหญ่ภาคีกับเหนือฟ้าเดินทางถึงวัดช่วงสิบโมงเช้าของวัน บริเวณวัดเต็มด้วยผู้คนมากมาย ทั้งคนจีนและชาวต่างชาติสาวอวบจูงมือสามีที่กำลังกวาดตามองอาณาเขตกว้างขวางอย่างสนใจมายังพระใหญ่หลิงซานต๋าฝอซึ่งเป็นพระพุทธรูปปางประทานพรองค์สำริดที่ใหญ่ที่สุด และติดอันดับหนึ่งในสี่พระใหญ่ของประเทศจีน ซึ่งมีความสูงถึง 88 เมตร มีพระพักตร์งดงามดุจทวยเทพลงมาโปรดมนุษย์โลก และประดิษฐาน ณ ยอดเขาหลิงซานเหนือฟ้าชำเลืองภาคีที่กำลังพนมมือขอพร หลับตานิ่ง เธอจึงอาศัยช่วงเวลานี้หยิบกล้องถ่ายรูปขนาดพกพาขึ้นมากดบันทึกภาคีสามี เพื่อนำไปเก็บลงอัลบั้มรูปครอบครัวหลังจากลงจากยอดเขา ต่อด้วยการขอพรพระสังกัจจายน์องค์ใหญ่ที่รายล้อมด้วยรูปหล่อเด็กตัวเล็กตัวน้อยคอยเกาะแข้งเกาะ
สองปีผ่านไปตอนนี้บะแต๋งอยู่ประถมศึกษาปีที่สองแล้ว และช่วงนี้ก็ปิดเทอมภาคเรียนที่หนึ่ง บะแต๋งจึงตั้งใจว่าจะเก็บเงินไว้ซื้อของขวัญให้พ่อกับแม่ รวมทั้งปังเนย น้องสาวที่เขารักเหมือนน้องแท้ ๆ ลูกสาวของอาเตียวกับพี่เปี๊ยะนอกจากนี้ยังคิดจะแบ่งเงินส่วนหนึ่งไว้ซื้อขนมกับตุ๊กตาให้พี่ปั้นหยา ปี่สาวอายุมากกว่าเกือบหกปีที่แอบปิ๊งมานานเด็กชายจึงตื่นแต่เช้าเพื่อมาช่วยพ่อกับแม่ทำงาน หนูน้อยแต่งตัวเหมือนชาวไร่สวมหมวกไม้ไผ่สาน รองเท้าบูท สวมเสื้อเชิ้ตสีน้ำเงินแสบตา และกางเกงผ้าฝ้ายเบาสบายสีดำขณะที่หนูน้อยกำลังช่วยแม่ดึงหัวเบบี้แครอทอยู่ในแปลงอินเหลาพี่เลี้ยงขี้โวยวายก็ขับซาเล้งคันใหม่เอี่ยมมาจอดบริเวณแปลงปลูกผัก"คุณบะแต๋งครับ แม่บ่ะผางจะคลอดควายน้อยแล้วจ้าว ป้อเลี้ยงเลยให้มาตาม แม่บ่ะผางร้องหาคุณแต๋งกับคุณหนุนน้อยใหญ่เลยจ้าว""คุณอินเหลาไม่ต้องเรียกหนุนน้อยตามบะแต๋งก็ได้นะคะ ฟังแล้วเหมือนมีลูกอีกคนเลย ฮ่าฮ่า" เหนือฟ้ารีบแย้ง เพราะเธอรู้สึกแปลก ๆ ที่พี่เลี้ยงเด็กชาวดอยเรียกว่าหนุนน้อยทั้งที่ปกติฉายานี้มีแค่สามีกับลูกเรียกเท่านั้น"แต๋งครับ
มื้อค่ำของวันแห่งการเฉลิมฉลองที่หุยหุยลืมตาดูโลก เหนือฟ้าจัดการนำผักหลากหลายชนิดในตู้เย็นมารังสรรเมนูประหนึ่งเชฟกะทะรั่ว"ฮ่า ๆ ๆ ขี้แตกแน่นอนผัวขา" เหนือฟ้าผัดยอดใบมันมังกรหยกไฟลุกพรึ่บพรั่บภาคีที่กำลังนั่งศึกษาอาหารสำหรับผู้มีบุตรยากจึงเหล่ดวงตามองแม่ครัวสาวที่กำลังโชว์ฝีไม้ลายมือจนไฟแทบพุ่งทะลุถึงเพดานบ้าน"หนุนน้อย ไฟจะไหม้เฮือนหมู่เฮาก่อ ผัดภาษาอะหยัง ผัดให้ดี ๆ หน่อยเน้อ" บะแต๋งที่กำลังนั่งแทะถั่วลิงสงต้มอยู่บนพื้นรีบตักเตือนแม่ที่กำลังโชว์ฝีมือทำอาหารราวกับจะเผาบ้านของตนเอง"ก็แม่ผัดยอดมันไฟแดงไงครับ มันก็ต้องไฟลุกงี้แหละ" เหนือฟ้าควงตะหลิวโชว์ฟึ่บ! ฟึ่บ!โป๊ก!"โอ้ย!" ภาคีจับหน้าผากของตนเองที่โดนตะหลิวเมียโฉบลงมาโดนหัว "บะหนุนน้อย อ้ายเจ๋บเน้อ""ว้าย เอ่อ เหนือขอโทษนะคะ" เหนือฟ้าปิดเตาแก๊สแล้วเปิดฝาตู้เย็นเอาเจลประคบออกมาส่งให้สามี ยิ้มเจื่อนเล็กน้อยเพราะภาคีทำหน้าบึ้งส่งให้เมื่ออาหารมื้อค่ำโดยเชฟบะหนุนน้อยเสร็จเรียบร้อย "กับข้าวเสร็จแล้วค่ะ โอ้ย เดี๋ยวเหนือไปอึ๊อึ๊ก่อนนะคะ ปวดท้องมาก กินกันไปก่อนเลยนะพ่อลูก" เหนือฟ้ารีบเล่นละครตบตา ตีเนียนตั้งกับข้าวที่มีแต่ผักไว้ให้ลูกกับ
เนื่องจากเมื่อคืนภาคีนอนเกือบตีสาม หลังจากเขาล้มตัวนอนไม่กี่ชั่วโมงเหนือฟ้าก็ตื่นรีบลงไปทำกับข้าว และออกไปรอรถตู้รับเหมาที่เธอจ้างมาพิเศษให้มารับที่ไร่เพื่อเดินทางไปพบหมอเป็นคิวแรกตั้งแต่ตีห้า"คุณเหนือคะ คุณคีไม่ได้มาด้วยกันเหรอคะ" ซึ่งคนขับที่เธอจ้างก็คือ คุณป้าคนขับรถประจำครอบครัวที่ลาออกไป แล้วเริ่มกิจการใหม่ด้วยการเปิดบริการการเหมารถตู้พาเที่ยวเนื่องจากเธออุ่นใจมากกว่าที่จะไปแบบเงียบ ๆ และมีที่ปรึกษาสักคนไว้พูดคุยเพื่อคลายเครียดเผื่อว่าถ้าหากเธอเกิดเป็นโรคร้ายแรง หรือมีสาเหตุเสี่ยงต่าง ๆ ที่ทำให้มีลูกไม่ได้ คนที่จะรู้เพียงคนเดียวก็มีแค่อดีตคุณป้าคนขับรถตู้เท่านั้น"พี่คีทำงานดึกค่ะ เหนืออยากให้เขาพักบ้าง ไปค่ะ เรารีบไปกันดีกว่า เสร็จจากพบหมอเหนือจะเลี้ยงข้าวนะคะ""ขอบคุณมากเลยค่ะ" คุณป้ายิ้มรับด้วยความปลื้มประมาณหกโมงครึ่งบะแต๋งเดินมาปลุกพ่อที่ยังนอนหลับอยู่ "ป้อ ๆ หนุนน้อยไปไหน""ทำไมเหรอ แม่ก็คงจะไปทำอะไรอยู่ในครัวนั่นแหละ ทำกับข้าวอยู่หรือเปล่า" ภาคีพูดเสียงอู้อี้อยู่ใต้ผ้าห่ม"แต๋งไปหาอี่แม่ทั่วบ้านแล้ว ให้พวกหมา ๆ ช่วยดมกลิ่นตามหาอี่แม่ด้วยแต่ไม่เจอเลย ป้อตื่นไปดูหนุนน้อย
บริเวณหน้าบ้านพักสองหลังมีเสียงดังเจี๊ยวจ๊าวของปูเป้กับทนายพิมุกต์ ทั้งสองทะเลาะกันมาตั้งแต่บึงบัวจนถึงบนบก"นี่คุณจะตามฉันไปถึงไหนคุณพิ เมื่อไหร่จะเลิกตามสักที""ผมก็กลัวว่าคุณจะมาทำให้ครอบครัวคนอื่นเขาแตกแยกน่ะสิ" พิมุกต์เดินเร็ว ๆ ขึ้นไปดักหน้าไม่ให้อดีตพิธีกรคนดังกลับเข้าไปในบ้านพักของตน"ถ้าฉันจะทำให้คุณภาคีกับคุณเหนือฟ้าเขาแตกคอ ฉันทำไปตั้งนานแล้วย่ะ และที่ฉันมาพักที่นี่ก็เพราะว่าต้องตระเวนเที่ยวนครนายกเพื่อทำคอนเทนต์ส่งบริษัท" ปูเป้บอกแล้วผลักตัวคนพูดจาไม่รู้เรื่องให้พ้นทาง"ไหนล่ะหลักฐาน ผมต้องการข้อพิสูจน์" ทนายหนุ่มเลิกคิ้วสูง"คุณมันบ้า" ปูเป้หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วเปิดแชตบริษัทให้ดู "ไง จะเชื่อได้ยัง""เชื่อก็ได้ มั้ง" พิมุกต์ทำหน้ายียวน"สุมาเต๊อะคุณทนายปิ๊ ปอดีว่าป้อเลี้ยงให้เปิ้นชวนคุณปิ๊กับคุณปุ๊ไปกินปิ้งย่างที่บ้านเย็นวันนี้จ้าว""ประทานโทษนะคะ เป้ชื่อปูเป้ไม่ใช่ปุ๊ งั้นฝากบอกคุณคีกับคุณเหนือด้วยนะว่าเป้ตกลง" ปูเป้ไม่ปฏิเสธเพราะเธอเองบริสุทธิ์ใจ"ผมเองก็ตกลงครับ" ทนายพิมุกต์รับคำชวนเช่นกัน ที่เขารับเพราะต้องการไปเฝ้าระวังพฤติกรรมปูเป้ อนึ่งเขาต้องการหาทางจีบเธออีกครั้ง
ที่สนามหญ้าหน้าบ้านประดับด้วยไฟปิงปองสีส้มห้อยระโยงระยางไปทั่วต้นไม้ บริเวณนี้ได้กลายจุดปาร์ตี้เล็ก ๆ ของครอบครัวที่มีทั้งคนหมาหกตัวและควายแคระตัวอ้วนป้อมหนึ่งกับแพะปิ๊กมี่อีกสองตัววันนี้ทุกคนจะฉลองวันเกิดบะแต๋งจึงเปิดหนังผีตลกเรื่องหอตุ๋ยตุ้ยดูด้วยกันพร้อมกับกินป๊อปคอร์นและไอศกรีมไปด้วยเพื่อเพิ่มอรรถรสในการรับชม"หุยหุย หนาวไหมลูก" ภาคีหาผ้ามาห่มให้ควายแคระอายุสี่ขวบ ควายทุกตัวเขาล้วนรักเหมือนลูกในไส้"แบ้! แบ้!" บะแว้งกับบะแปปเจ้าแพะแคระตัวน้อยทั้งสองที่สูงยังไม่ถึงหัวเข่าด้วยซ้ำกระโดดเหยง ๆ มาหาภาคี มันเองก็ต้องการผ้าเช่นเดียวกัน"จ้า ๆ" เขาหยิบผ้าอีกผืนห่มให้มัน จากนั้นเจ้าแพะก็ม้วนตัวนั่งลงเคียงข้างหุยหุย"มาล้าว พ๊อกกอน" น่านฟ้าวางถังป๊อปคอร์นรสชีสออกมาจากครัวพร้อมกับเหนือฟ้า นิ่มฟ้าและบะแต๋งหนูน้อยเลือกนั่งข้างพ่อ ส่วนนิ่มฟ้านั่งข้างแม่และบะแต๋งนั่งกับหุยหุยเพราะเด็กชายติดควายแคระตัวนี้มาก เนื่องจากเห็นมันตั้งแต่วันแรกที่ลืมตาดูโลกทุกคนแบ่งป๊อปคอร์นกินด้วยกัน ช่วงแรกที่หนังเริ่มฉายในจอโพรเจกเตอร์กลางสนามหญ้า เสียงเย็นเยียบก็แว่วมาจากที่ไกล ๆ"กินด้วยสิจ๊าาาาา"น่านฟ้ามองหาเส
กว่าจะรู้ตัวว่าตนเองขับรถมาทั้งผ้าขาวม้า พ่อเลี้ยงหนุ่มก็วนรถมาจอดใต้ต้นไม่ใหญ่ซึ่งอยู่ไม่ห่างไกลกับบึงน้ำที่เต็มไปด้วยต้นธูปฤาษีเสียแล้วคนตัวสูงก้าวขาลงจากรถซาเล้งคันโปรดของเหนือฟ้าด้วยความมั่นใจ ยืดอกผายไหล่ผึ่ง เชิดหน้าชูคอพกพาความมั่นหน้ามาเต็มที่"เปิ้นมาแล้ว" ภาคีเท้าสะเอวเชิดหน้าตะโกนเสียงลั่นหาลูกน้องที่กำลังยืนถางหญ้ารกร้างเพื่ออำนวยความสะดวกให้เจ้าหน้าที่ที่กำลังค้นหาหลักฐานเพิ่มเติม"กรี๊ดดดด" กลุ่มลูกน้องชาวสวนรุ่นป้าที่นั่งจกข้าวเหนียวกันอยู่ใต้ต้นไม้พากันร้องวี๊ดว๊ายปิดหูปิดตา"ฉิบหายแล้ว ป้อเลี้ยงหำโผล่" อินเหลาหยิบหมวกสานบนหัวมาบังเป้าให้เจ้านายหนุ่มขณะที่คนอื่น ๆ กรูกันเข้ามาห้อมล้อมดูสภาพของภาคีที่มาในแฟชั่นแบบใหม่แบบสับไฟลุกท่วมลูกตา โดยมีเพียงเสื้อกล้ามสีดำกับผ้าขาวม้าโชว์บิ๊กคีตัวใหญ่วับแวมด้านใน"อุ้ย! ซวยแล้ว" ภาคีรีบกุมไหล่อินเหลาให้ยืนนิ่ง ๆจังหวะเดียวกันนั้นบ่ะยมที่เดินเล็มหญ้ามากับสำรวยก็มีอาการหงุดหงิดเล็กน้อย เมื่อเห็นผู้อุปถัมภ์ของมันอยู่ในชุดไม่ค่อยเข้าหูเข้าตา บ่ะยมเริ่มกระทืบกลีบเท้าจ้องผู้มีพระคุณของมันประหนึ่งเป็นของเล่นชิ้นใหม่"เปิ้นว่าป้อเลี้ยง
เนื่องจากเมื่อคืนออกกำลังกายยิงยาวหลายชั่วโมง ภาคีจึงรู้สึกว่าวันนี้ตนไม่อยากลุกจากเตียง ไหน ๆ เหนือฟ้าก็เอ่ยปากบอกแล้วว่าให้นอนหลับพักผ่อนไม่ต้องไปทำงานงั้นวันนี้ก็นอนให้เต็มที่เลยละกันวะชั่วโมงแห่งการเคลิ้มหลับใกล้เข้ามา เปลือกตาหนาสองชั้นปิดตัวลง ฝ่ามือกระชับผ้าห่มในห้องแอร์เย็นฉ่ำปอด"ป้อเลี้ยง ป้อเลี้ยง"อีกแล้ว ไอ้ห่าอินเหลานี่นอกจากมันจะขัดจังหวะรักของเขา มันยังขัดจังหวะการนอนอีกเหรอวะพ่อเลี้ยงหนุ่มเด้งตัวลงจากเตียง คว้าผ้าขาวม้ามันพันรอบเอวชั่วคราวแล้วเดินออกไปริมระเบียงชะโงกหน้าลงไปหาไอ้ลูกน้องชาวดอยจอมขัด"มีอะหยังกับกูอีกวะไอ้อิน""เกิดเรื่องแล้วน่ะสิป้อเลี้ยง เจ้านี้คนงานไปสางป่าต้นธูปฤาษีหลังสวนอ้อยไข่เลยไปสักประมาณสามร้อยเมตร แล้วก็พบซากโครงกระดูก ไม่รู้ว่าเป็นของคนหรือสัตว์ ป้อเลี้ยงขะใจ๋โวย ๆ หน่อยเน้อ เปิ้นไปก่อน"อินเหลาโบกมือลาแล้วคร่อมรถเอทีวีจากไปภาคีถอนหายใจแรง ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าสิ่งที่เขากลัวได้เกิดขึ้นแล้ว เพราะเห็นตามข่าวอยู่บ่อยครั้งว่าเดี๋ยวนี้ชอบมีพวกอำพรางศพตามสวนนาป่าไร่แต่ไม่คิดว่าจะต้องมาเจอกับตัวเองคนตัวสูงรีบสาวเท้าลงจากบันไดบ้าน ตรงไปที่ห้อง
บทเพลงบรรเลงรักยามรัตติกาลโหมกระหน่ำดั่งพายุร้อนที่พัดผ่านในช่วงปลายฝนต้นหนาวเสียงหอบกระชั้นของชายหญิงคลอประสานเกิดเป็นท่วงทำนองขับขานอันแสนไพเราะผสานด้วยเสียงคราง เสียงกระแทกกระทั้นที่เคลื่อนเข้าออกเป็นจังหวะภายในตัวเหนือฟ้านั้นเกิดเป็นเมโลดี้ที่ระรื่นหู"อ๊ะ อ๊า" ขาอวบสองข้างถูกงอชิดจนถึงอก ความเป็นชายอัดแน่นของภาคีกระซวกแทงเข้าออกจนเนื้อตัวของคนใต้ล่างเขย่าไปมาอย่างรุนแรง หน้าอกภูเขาไฟสะบัดไปมาคล้ายกับเครื่องดื่มมิลค์เชครสละมุนลิ้น"พี่รักเหนือนะ รักที่สุดเลย" ภาคีพร่ำบอกคำหวานแล้วตอกตัวตนเข้าไปอย่างต่อเนื่อง"อ๊า เหนือก็รักพี่คีค่ะ อ๊ะ" เหนือฟ้าขานรับด้วยใบหน้าแดงก่ำ"โบ๋ววววว" หอมบั่วและลูกชุบที่นอนอยู่ชั้นล่างช่วยกันเป็นคอรัส"ฮ่าฮ่า เหนือร้องจนหมาหอนเลย" เขาแซวด้วยเสียงหอบ"ก็พี่คีซอยขนาดนี้ เหนือก็เสียวน่ะสิคะ" มือนุ่มฟาดเบา ๆ ลงมาที่ซิกซ์แพคเซ็กซี่ ค้อนมองด้วยความหมั่นไส้"เหนือรัดพี่จนปวดร้าวไปหมด พี่ก็ต้องเร่งจังหวะสิครับ" เถียงฉอด ๆ ตามด้วยการขยำหน้าอกสองข้างเล่นถึงแม้เบื้องล่างของเธอกับเขาจะดูดกลืนกันอยู่ แต่ปากคมที่เพิ่งเถียงเมื่อครู่ก็ไม่ยอมเว้นว่าง โน้มต่ำลงมาเพื่อตะ
ภาคีนั่งจิกเกร็งอยู่บนเก้าอี้ไม้เมื่อตรงหน้าขาของเขามีดวงหน้าหวานจ่อเกยแนบเข่า คอยละเลียดเล็มแทะกินส่วนลำร้อนที่กำลังปูดโปนด้วยเส้นเลือดตอนนี้เขามิอาจห้ามปรามหรือเอ่ยปากขอสิ่งใด เพราะนักนวดสรรพาวุธกำลังสวาปามท่อนเนื้อของเขาอย่างเอร็ดอร่อย"อ่า...." กายแกร่งกระตุกเมื่อน้ำขาวขุ่นถูกฉีดพ่นออกไปทางปากปล่องทว่ากลับไม่มีร่องรอยเหลือไว้ให้เห็น เพราะโพรงปากอุ่นสูบกลืนผ่านลำคอลงไปจนแห้งเหือดเมื่อตัวตนของความเป็นชายชาตรีถูกปลดปล่อยออกมา แม่คุณขาก็ตามมาโลมเลียเก็บกวาดจนสะอาดหมดจด"พี่คีขา อีกรอบไหมคะ"คุณพระคุณเจ้าช่วยอ้ายโตย เดี๋ยวนี้เมียติดใจไอ้ปืนใหญ่กลางลำตัวเขาจนถอนตัวไม่ขึ้นแล้วหรือ"อีกรอบเป็นของพี่ต่างหาก" ภาคีรั้งหัวไหล่มนขึ้น ดึงเข้ามากอดกดจมูกสูดดมความหอมขอกลิ่นน้ำนมที่เคลือบอยู่บนผิวนุ่ม มือข้างหนึ่งเอื้อมไปปลดกิ๊บหนีบผมออก แล้ววางลงกับเก้าอี้ ใช้ปลายนิ้วทั้งสิบช่วยสางเส้นผมให้เข้าทรง บรรจงทัดเก็บไว้หลังหู"นี่เลย ผมยุ่ง ๆ ของเหนือในวันนั้นที่เพื่อนพี่ถ่ายรูปส่งมาให้" เขาย้ำถึงเหตุการณ์ในความทรงจำ จุดเริ่มต้นเล็ก ๆ ที่ทำให้รู้สึกว่าตนเองนั้นพร้อมจะหยุดที่ผู้หญิงคนนี้เพียงคนเดียว"
มือไม้ที่เต็มด้วยฟองสีขาวควานหาหัวก๊อก เพราะตอนนี้ฟองของยาสระผมกำลังไหลลงมาเคลือบดวงตาจนรู้สึกแสบไปหมด เหนือฟ้าพยายามคลำหา"พี่คีคะ พี่คี" ร่างเปลือยเปล่าตะโกนขอความช่วยเหลือ"ว่าไงเหนือ" ภาคีตื่นตระหนกรีบหากุญแจห้องน้ำแล้วไขเข้าไป เขาสีหน้าแดงระเรื่อทันทีเมื่อเห็นทรวดทรงที่มีน้ำมีนวลปรากฏอยู่ตรงหน้า"ล้างผมให้เหนือหน่อยค่ะ แชมพูเข้าตา" เหนือฟ้าหรี่ตามองพยายามเดินตรงมาหาสามี"อยู่เฉย ๆ เดี๋ยวพี่ล้างให้"ภาคีจูงมือเหนือฟ้าไปนอนแล้วบังคับให้เธอแหงนศีรษะพาดขอบอ่างช่วงเวลาที่เขากำลังละเมียดละไมกับการล้างคราบยาสระผม จึงเริ่มพูดบางสิ่งที่เหนือฟ้าหลงลืมมานาน"เหนือจำได้ไหมที่เราบอกว่ากลับจากจีนแล้วจะไปขุดไทม์แคปซูลขึ้นมา แล้วพวกเราก็ลืมสนิท""จริงด้วยค่ะ เหนือลืมไปแล้วนะเนี่ย งั้นพรุ่งนี้เราพาลูก ๆ ไปขุดกันดีไหมคะ""พี่วานให้เตียวไปขุดมาให้แล้ว" เขาบอกแล้วหยิบผ้าขนหนูมาซับเส้นผมที่เริ่มยาวจนถึงกลางหลัง"จริงเหรอคะ" เหนือฟ้ารีบร้อนดันตัวเองขึ้นจากอ่างก้าวขาออกแล้วเตรียมคว้าผ้าขนหนูมาพันตัว เดินออกจากห้องน้ำ ทว่าภายในห้องนอนกลับเต็มด้วยดอกกุหลาบสีแดง และเทียนไฟฟ้าที่ส่องไสว"เนื่องในโอกาสพิเศ
เสร็จสิ้นงานทำบุญของไร่ภาคีจึงสั่งให้ลูกน้องทุกคนตรวจสอบบริเวณพื้นที่สวนส้มซ่ายี่สิบไล่ไปจนถึงบริเวณแปลงปลูกอ้อยไข่ปลาอีกจำนวนสามสิบไร่วันนี้เหนือฟ้าจึงมาให้กำลังใจสามีกับคนงานโดยการพาลูก ๆ มาปิ๊กนิคนอกสถานที่และมองดูอยู่ห่าง ๆ ใต้เต้นท์ผ้าใบฟลายชีทที่ปักขึงกับพื้นดินรวมทั้งยังมีของกินมากมายที่เดือนเพ็ญ อินเหลาช่วยกันหอบหิ้วมาจากโรงครัวประจำไร่เพื่อเลี้ยงคนงานระหว่างลงพื้นที่ตรวจสอบ"นี่กืออะหยังจ้าว" น่านฟ้านั่งยอง ๆ มองดูแม่กำลังย่างอ้อยไข่ปลาบนเตาถ่าน""อ้อยไข่ หรืออ้อยไข่ปลาครับ อ่ะ เดี๋ยวแม่ให้น่านชิมนะ" เหนือฟ้าคีบอ้อยกลิ่นหอมย่างเนยลักษณะคล้ายไข่ปลาขึ้นมาจากเตาหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ มีน้ำจิ้มให้เลือกสามอย่าง คือ น้ำจิ้มซีฟู้ด น้ำจิ้มบาร์บีคิว และน้ำจิ้มแจ่ว"กอบกุนจ้าว" น่านฟ้าใช้นิ้วหยิบอ้อยไข่ชิ้มพอดีคำเปล่าพ่นความร้อนเล็กน้อยแล้วจุ่มลงไปในถ้วยน้ำจิ้มบาร์บีคิวแล้วโยนใส่ปาก"เป็นไงชอบไหมครับ" เหนือฟ้าลูบหัวลูกชายคนเล็ก"ฮักเลย กิ่นโหมกะหนาด น่านจ้วยเน้อหนุนเหนือ" เด็กชายตัดสินใจหยิบเก้าอี้มานั่งดูแม่ย่างอ้อยไข่ เพื่อรอกินรอบต่อไปส่วนนิ่มฟ้ากำลังช่วยพี่ชายย่างหมูปิ้ง โดยมีอินเหล
วันที่สามของการกลับมาอยู่ที่ไร่พิทักษ์มหิงสาตามเดิม เหนือฟ้าตื่นตั้งแต่หกโมงเช้าแต่กลับมีคนไวกว่า บุคคลที่ว่าก็คือภาคี บะแต๋ง สองคนพ่อลูกที่กำลังช่วยกันเตรียมมื้อเช้าอย่างพิถีพิถันเหนือฟ้ายิ้มกริ่มประทับใจพ่อบ้านกับแก๊งลูกขนุนของตนเอง คุณแม่สายเที่ยวจึงได้โอกาสย่องเบาออกไปจากบ้านพร้อมกับลูกชุบ คุณแม่หมาคู่ขาของเจ้านาย แต่ทว่ากลับมีมือเล็ก ๆ ยื่นมาเกาะข้อเท้ายื้อยุดเอาไว้สาวอวบสะดุ้งเฮือกค่อย ๆ ก้มดูผลปรากฏว่าเป็นลูกแฝดของตนนั่นเอง"หมู่เหาไปโตยเน้อ" นิ่มฟ้าพูดกระซิบ น่านฟ้ายิ้มกว้างช่วยพี่สาวอ้อนวอนแม่"เงียบ ๆ นะจ๊ะ"สามคนแม่ลูกและหมาอีกหนึ่งตัวขับซาเล้งตรงไปที่ไร่ลิ้นจี่ ขับผ่านโรงวนิลาที่เหล่าคนงามกำลังเดินไปมากวักไกว่รอบ ๆ โรงเรือนตั้งแต่เช้าตรู่"หวัดดีครับคุณนาย คุณแฝดตื่นเช้าจังเลยค่า" เสียงคนงานในไร่ตะโกนทักทายด้วยรอยยิ้มสดใส"ซาหวัดดีจ้าว ไผจานอนคุ่มคาลุ่มอยู่ละจ้าว" นิ่มฟ้าตะโกนตอบกลับไป"คุ่มคาลุ่มเหรอจ๊ะ ใช่กุ้มกาลุม ที่แปลว่านอนคลุมโปงหรือเปล่า" คุณแม่ทวนถามเพื่อความแน่ใจว่าเธอกับลูกเข้าใจตรงกันุ"แม่นแล้วอี่แม่" สาวน้อยมัดแกะสองข้างพยักหน้า"แล้วหมู่เหาจาไปตี้ได ปายเข๋