เทศกาลบอลลูนประจำปีครั้งที่สี่ถูกจัดขึ้นที่ไร่พิทักษ์มหิงสา ก่อนการจัดงานเพียงสองอาทิตย์เหนือฟ้าเอาแต่ยุ่งและวุ่นวายกับการเตรียมแผนงาน หญิงสาวสลัดคราบคนซุกซน ติดเล่น เปลี่ยนเป็นนักจัดอีเว้นท์ตัวแม่ที่มีทักษะความเป็นผู้นำ"เรียบร้อยดีใช่ไหมคะ" เหนือฟ้าเดินทักทายพ่อค้าแม่ค้าที่ถูกเชิญมาตั้งแผงขายอาหารและเครื่องดื่มภายในไร่ทั้งสิบวัน"เรียบร้อยดีจ้ะแม่หนู""คุณเหนือครับ ผมเดินไฟทางโน้นเสร็จเรียบร้อยแล้วนะครับ" ช่างไฟชี้ไปยังจุดที่ตนเองทำเสร็จ"ขอบคุณมากค่ะ แต่มีอีกจุดนึงฝั่งปากทางเข้างาน เหมือนหลอดไฟจะขาด ช่วยไปเช็คให้หน่อยค่ะ""ได้ครับผม"เสร็จจากตรวจงานระบบเดินไฟ เหนือฟ้าจึงวิ่งเต้นช่วยพนักงานที่รีสอร์ตประสานงานห้องพักให้นักท่องเที่ยวที่หลั่งไหลเข้ามาเช็คอินเกือบครึ่งร้อยแล้วกลับมาตรวจดูความเรียบร้อย พื้นที่กลางไร่ที่ใช้จัดแสดงบอลลูนอีกรอบหลังจากงานวันแรกสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี แต่ความเหน็ดเหนื่อยอ่อนล้ากลับทำให้เหนือฟ้าเผลอหลับฟุบคาโซฟาตั้งแต่ยังไม่สองทุ่ม"แต๋งแม่ล่ะ" ภาคีเองก็ชุลมุนเรื่องงานเทศกาลทั้งวัน ไหนจะต้องไปอยู่ร่วมพิธีเปิดงาน คอยต้อนรับเจ้าหน้าที่จากส่วนราชการภายในจังหวัด แล
มือใหญ่กุมมือเล็กขึ้นไปบนห้องนอนเลื่อนเปิดประตูออกไปยังดาดฟ้าที่เห็นหมู่ดาวทอแสงระยิบระยับในช่วงฤดูหนาวแรกของนครนายก แม้ว่าอากาศไม่ได้หนาวจัด แต่อุณหภูมิของพื้นที่ไร่ซึ่งโอบล้อมด้วยระบบนิเวศอันอุดมสมบูรณ์ก็ทำให้อากาศเย็นลงภาคีบรรจงเปิดน้ำในอ่างทรงกลมใหญ่ที่ตั้งตระหง่านอยู่ใต้ชายคาโล่งกว้างบนยอดสุดของบ้านสไตล์รัสติกนัยน์ตาคมหวานปานน้ำผึ้งเดือนห้าของเขาปรายมองร่างอวบที่กำลังทำท่าอีหลักอีเหลื่อ เพราะรู้ดีว่าถ้าตัดสินใจลงอ่างกับเขา ขั้นตอนต่อไปก็คงไม่พ้นลีลาสวาทใต้สายน้ำ"เอ่อ พี่คีชอบอะไรเป็นพิเศษเหรอคะ" ไม่รู้ว่าจะยิงคำถามโง่ ๆ ออกมาทำไม ก็รู้อยู่แล้วว่าเขาต้องตอบแบบเดิมคือ 'ชอบเธอ'เขารู้ว่าสิ่งที่เธอจะสื่อหมายถึงอะไร เหนือฟ้าคิดจะหาของขวัญสักชิ้นเพื่อมอบให้เขาในวันเกิดที่ใกล้จะถึงหนุ่มกล้ามล่ำเดินเอามือไพล่หลังเข้าไปหา หลุบตามองดูฝ่าเท้าที่มีจุดแดงดำคล้ายรอยยุงกัด "ไปเปลี่ยนเป็นชุดผ้าขนหนูก่อน แล้วพี่จะบอก"ใบหน้าคมขาวตั้งเงื่อนไข ทำไมเขาช่างเป็นคนลีลาเหลือเกิน แค่ตอบมาว่าชอบอะไรมันยากนักหรือไง"ทำไมไม่ไปอีก" ภาคีดุแล้วขยับตัวเข้าไปใกล้ "หรือจะให้พี่เปลี่ยนให้""ค่ะ เปลี่ยนให้หน่อย
หูสองข้างของเหนือฟ้าอื้ออึงไปชั่วขณะ ใช่ว่าเพราะความโกรธ แต่เพราะอดตะลึงและทึ่งในความบ้าบิ่นของผู้ชายคนนี้ไม่ได้จริง ๆ"เงียบทำไมล่ะ ประทับใจล่ะสิ"เผียะ!มือเล็กตีลงมาบนกล้ามแขน ภาคีบึนปากแล้วตรึงแม่แก้มพองลมเข้ามาหา "โมโหพี่เหรอครับ""ก็น่าโมโหอยู่ แต่ขอบคุณนะคะ ฮ่ะ ๆ ๆ พี่คีทำให้เหนือรู้ว่า เหนือก็มีค่าตัวถึงห้าแสนบาทเชียวนะ ผู้ชายอะไรเปย์ตัวเองให้ผู้หญิงกิน"แทนที่จะโกรธแล้วทำตะบึงตะบอน แต่กลับหัวเราะชอบใจ "เพราะตอนนั้นพี่ไนท์บอกความจริงเรื่องที่เหนือทิ้งพี่ไป พี่เลยเข้าใจทุกอย่าง และก็ยอมเหนือตลอดมา" เสียงเขาสั่นเล็กน้อยเมื่อต้องพูดถึงครั้งแรกที่ได้เห็นรูปภาพของเหนือฟ้า ภาพที่ถูกไอ้เวคินทำร้าย"ยังไงเหนือต้องขอบคุณพี่คีอีกครั้งที่วันนั้นยอมตกเป็นคนแรกในชีวิตและเป็นคนสุดท้ายของเหนือ""ฮื่อออ มันเขี้ยวจัง" ภาคีฟัดลงมาบนหน้าอกอวบ"เหนือก็หมั่นไส้พี่คี" คนโต้ตอบก็ไม่ธรรมดากลับนั่งบดเนินเนื้อด้านล่างให้เสียดสีกับเส้นเลือดใหญ่ของเขาการอาบน้ำบนดาดฟ้าในค่ำคืนนั้นจึงเต็มด้วยความรักอบอวลด้วยความเร่าร้อน เสียงของสายน้ำดังซัดสาดล้นขอบอ่างอยู่นานภาคีอุ้มภรรยาร่างท้วมขึ้นมาหย่อนตัวเหนือฟ้าลง
เด็กชายนอนซมอยู่บนเตียงผู้ป่วยในห้องพักพิเศษนานหนึ่งสัปดาห์ เพราะมีอาการของโรคระบบทางเดินหายใจที่ได้รับเชื้อไวรัส RSV ซึ่งโรคนี้มักจะเกิดขึ้นช่วงฤดูฝนและฤดูหนาว ส่งผลให้บะแต๋งมีไข้สูง หายใจเร็ว หอบเหนื่อย ไอแล้วมีเสมหะมาก แต่พอเข้าสู่วันที่เจ็ดหนูน้อยเริ่มดีขึ้นแม้จะมีอาการไอบ้าง แต่ตัวไม่ร้อนแล้ว แถมยังลุกขึ้นมาจ้อได้เหมือนเดิม"อาหารมาแล้วค่ะ"แม่ครัวโรงพยาบาลเข็นอาหารเข้ามา เหนือฟ้าจึงสะกิดเรียกบะแต๋งขึ้นมากินมื้อเที่ยงก่อนกินยา"แต๋งครับ ลุกมากินข้าวก่อนลูก" แม่พยุงลูกชายนั่ง"จ้าว"หลังป้อนข้าวเสร็จพยาบาลกับหมอจึงเข้ามาวัดไข้ "ไหนหมอขอวัดไข้หน่อยนะคะ"ถึงหมอจะดูใจดีแต่บะแต๋งก็ยังกลัวอยู่ดี "หนุนน้อย"แม้จะใช้ชีวิตอยู่ในโรงพยาบาลมาหลายวันแล้ว แต่ก็ยังรู้สึกกลัวอยู่ตลอด หนูน้อยตะโกนโวกเวกโวยวายเรียกแม่ที่อยู่ในห้องน้ำ "มาแล้วครับ ไม่ต้องกลัวนะ ไม่เจ็บ"พยาบาลวัดไข้ในหู ที่หน้าผาก และรักแร้ "โห วันนี้ไข้ลดแล้วกลับบ้านได้แล้วนะคนเก่ง"หมอสาวหุ่นบางร่างน้อยฉีกยิ้มให้กำลังใจคนป่วย"ขอบคุณค่ะคุณหมอ""ยินดีค่ะ ยังไงคุณแม่สามารถพาน้องออกได้เลยนะคะ หมอจะจัดยาที่จำเป็นต้องทานและวิตามินเสริม
"โห ฟ่างหย่ายไพสานมากป้อ แท๋งฮักตี่นี่ขนาด" บะแต๋งเพิ่งได้มีโอกาสมาเที่ยวบ้านเกิดของพ่อเป็นครั้งแรก หนูน้อยลงไปเกลือกกลิ้งหญ้านุ่มนิ่มสีเขียวบนเนินเล็ก ๆ ด้านล่างมีไร่ใบชาหลากหลายสายพันธ์ุส่งกลิ่นหอมอ่อน ๆ ฟุ้งขจรไปทั่วอาณาบริเวณ"แต๋งครับระวังอึหมาอีกนะ ป้อไม่รู้ว่าแถวนี้มีหมาหรือเปล่า" ภาคีตักเตือนลูกชายแสนเซ่อ"แท๋งบ่ะเห๋นหมูหมากาไก่สักตัวเลย" หนูน้อยเถียงฉอด ๆ แล้วกลิ้งตัวเล่นบนเนินอย่างสนุก"ไอ้หนูไม่คันรึไงลูก" เจ้าของไร่ฉายาบิดาควายเดินอกผายไหล่ผึ่งเข้ามาก้มหน้าดูเจ้าตัวเล็กของตระกูลกฤตกล้าธนาดร"ป้ออุ้ยยยย" บะแต๋งเด้งตัวลุกขึ้นแล้วพุ่งเข้าสวมกอดปู่ที่ไม่ได้เจอกันเกือบหนึ่งปี"กิดเติ๊งหาป้ออุ้ยก่อ" หม่อมเจ้าภูวสินอุ้มหลานชายขึ้นมาแล้วจับให้ขี่หลัง"แท๋งกิดเติ๊งป้ออุ้ยกับแม่อุ้ยจ้าว" บะแต๋งโน้มหน้าลงหอมหัวปู่วงแขนเล็กคล้องคอปู่ยังหนุ่ม"ป้อ ระวังหลังยอกเอานะครับ" ภาคีรีบเท้าสะเอวมองพ่อโชว์พละกำลังแข็งแกร่งของตนเองโดยไม่ดูอายุอานามที่เริ่มมากขึ้นทุกวัน"ป้อแข็งแรงน่า ปะ หมู่เฮาไปหาแม่อุ้ยกับแม่เหนือที่บ้านกันเต๊อะ" ปู่ในชุดคาวบอยเดินนำหน้าลูกชายไปพร้อมกับหลานขณะที่ภาคียืนรอกลุ่ม
งานเลี้ยงฉลองครบรอบการดำเนินกิจการของไร่ชากฤตกล้าธนาดรขวักไขว่ไปด้วยผู้คนที่หม่อมเจ้าภูวสินและภาคีลูกชายคนโตเป็นคนเรียนเชิญมา วันนี้ลูกคนเล็กอย่างเชฟเตียวหุยเดินทางมาร่วมงานด้วยหลังจากที่เชฟหนุ่มกลับมาสานต่อกิจการภัตตาคารร้านปลาเผาพุงพุ้ยของแม่ได้เกือบครึ่งปีแล้ว"ขอบคุณนะเตียวที่เตรียมของกินอร่อย ๆ ทั้งหมดนี้ให้พ่อ" บิดาอายุห้าสิบต้นเหนี่ยวคอลูกชายเข้ามาหอม"เตียวยินดีครับ แต่ยังไงพรุ่งนี้เตียวต้องกลับกรุงเทพแล้ว มีถ่ายรายการอาหารครับ""แล้วลูกกับยัยเปี๊ยะเจอกันหรือยัง ไม่ได้เจอหน้ากับหลายปีแล้วนี่"เจอกันเรียบร้อยแล้วครับ เสาร์อาทิตย์นี้ก็ว่าจะพาไปเที่ยวทะล" เชฟหนุ่มบอกขณะรินไวน์ขาวใส่แก้วบิดา"เจ้าซุสมันคงไม่ได้ส่งเลขาเฉินตามประกบอีกนะ กีดกันเด็ก ๆ ไม่ให้เจอกันแถมยังไม่ให้คุยกันอีก จะคุยก็ต้องเขียนเมล์หากันแทน วีดีโอคอลหากันมันก็ต้องนั่งอยู่ด้วย ทุกอย่างต้องอยู่ในสายตามันตลอด มันคิดว่าลูกกูไม่น่าไว้ใจหรือไงวะ" หม่อมเจ้าภูวสินบ่นพึมพำ"ผมว่าเฮียซุสเขาคิดว่าพ่อเป็นไงลูกคงเป็นแบบนั้นมากกว่า วีรกรรมพ่อสมัยหนุ่ม ๆ ที่ทำกับแม่ไว้ก็ไม่ธรรมดานี่ครับ" ภาคีกุมมือลูกกับเมียเข้ามา ทันทีที่บะแต
บรรยากาศหน้าบ้านพักที่ไอรดาชวนสองหนุ่มมานั่งดริงค์ด้วยกันค่อนข้างเงียบสงัดและไร้ผู้คน เจ้าของผับสาวเมืองภูเก็ตมีแพลนจะรวบหัวรวบหางกลเมฆกับหมออัยย์จึงชักชวนทั้งคู่แยกตัวออกมาจากงานเลี้ยง"คุณไอผมขอถามอะไรหน่อย" กลเมฆพยักพเยิดหมออัยย์ให้เริ่มบันทึกเสียง"ได้เลยค่ะ" ถึงแม้ไอรดาจะเริ่มมึน ๆ แต่ก็ยังไม่ถึงกับเมาปลิ้น"ผมอยากทราบว่าคุณเวคิน สามีคุณทำงานอะไรเหรอครับ พอดีผมทราบมาจากเฮียซุสว่าสามีคุณช่วยบริหารจัดการผับที่ภูเก็ตและกิจการแปรรูปไม้จนประสบความสำเร็จ ก็เลยอยากชวนมาร่วมบริหารงานที่ PMK สักหน่อย""ฮ่า ๆ ๆ ความจริงแล้วเวคินไม่ได้บริหารจัดการเองหรอกค่ะ ส่วนใหญ่จ้างคนนอกดูแลทั้งนั้น คนแบบนั้นจะทำอะไรได้ นอกจากหาเรื่องไปวัน ๆ กับตระเวนเก็บเงินกู้ทั่วประเทศ" ไอรดาหลุดเล่าออกมาอย่างลืมตัว"คุณไอครับลองวิสกี้แบรนด์นี้หน่อยเป็นไง รสชาตินุ่มลิ้นใช้ได้เลยนะ" กลเมฆกวักมือเรียกบอดี้การ์ดของตนให้เอาวิสกี้ตัวแรงที่ว่ามา การเพิ่มความมึนงงด้วยของฤทธิ์แอลกอฮอล์ทั้งไวน์และวิสกี้สามารถทำให้ศูนย์การควบคุมทางความคิดเกิดความสับสนได้"มาเลยค่ะ รินมาเล้ยยย" ไอรดาลุกขึ้นแล้วล้มลงบนตักกลเมฆ ชายหนุ่มผู้หวงตัวท
เช้านี้พ่อเลี้ยงหนุ่มอารมณ์ดีเป็นพิเศษเพราะโชว์พิเศษกำลังจะเดินทางมาให้ชมในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า เหนือฟ้าที่กำลังยืนผัดข้าวกระทะใหญ่ปิดเตาแก๊สและตักข้าวมาเสริฟ์ลูกกับสามีที่โต๊ะ จิกตาขุ่นเขียวส่งให้อย่างไม่พอใจเนื่องจากหลังจากกลับมาถึงนครนายก สามีก็คอยคุมเรื่องการกินเหล้าดองผลไม้ ห้ามกินยาดอง ห้ามกินทุกอย่างที่มีแอลกฮอล์ ทำให้เธอหงุดหงิดนิดหน่อยที่ถูกสั่งห้ามโน่นห้ามนี่"หนุนน้อยนี่เรียกว่าข้าวอะหยัง" บะแต๋งตักข้าวคำใหญ่ใส่ปากแล้วตักอีกเรื่อย ๆ จนเต็มกระพุ้งแก้มสองข้าง"เรียกว่าข้าวผัดน้ำพริกเผาหอยลายครับ แม่ได้สูตรมาจากอาเตียว""หืม ลำขนาด แท๋งฮักแม่""ฮักแม่ก็ค่อย ๆ กินนะครับ ไม่ต้องรีบกิน""ลำขนาดจริงด้วย" ภาคีพูดตามลูกชาย แต่แม่ครัวกลับไม่สบอารมณ์เท่าไหร่นัก"เหอะ ห้ามคนอื่นกินเหล้ากินเบียร์ แต่ตัวเองกินข้าวได้ ไม่ยุติธรรม" เหนือฟ้าพูดแซะแล้วคดข้าวใส่จนพูนจาน"ก็พี่บอกแล้วไงว่าเหนืออาละวาด เหนือรัดคอพี่กดหัวพี่จนจมลงไปใน...เอ่อ ในนั้นอ่ะ" ภาคีชี้ไปที่หน้าอก บะแต๋งมองตามแล้วเกิดคำถามในใจ"อ้อตี้ป้อบอกแท๋งว่าแม่เกือบข้าตะกำ ที่แท้นมหนุนน้อยก็คือผู้ท่องฉงฉัย""ก็คนมันเมานี่นา แต่พี่
ช่วงหัวค่ำเหนือฟ้านั่งเป่าผมอยู่บนเตียงนอนภาคีที่เพิ่งกลับมาจากตรวจความเรียบร้อยภายในงานลอยกระทงจึงโผเข้าสวมกอดจากด้านหลัง เนื้อตัวของเขาหอมกลิ่นหอมนุ่มผสมผสานกับกลิ่นความสดชื่นของผลไม้ เดาได้เลยว่านี่เป็นแป้งของนิ่มฟ้า เพราะถ้ากลิ่นของบะแต๋งกับน่านฟ้าจะเป็นกลิ่นนมน้ำผึ้ง"ไปอาบน้ำที่ไหนมาคะ แถมยังไปเอาแป้งของลูกมาใช้อีก" เหนือฟ้าถามแต่ไม่ได้หมุนตัวกลับไปหาคนด้านหลัง"อาบข้างล่างครับ พี่เห็นแป้งลูกตั้งอยู่ในห้องน้ำก็เลยโรยมาเต็มตัวเลย เผื่อจะปลุกอารมณ์เหนือได้บ้าง" เขาว่าแล้วถอดกางเกงผ้าฝ้ายของตัวเอง ถอดทุกอย่างจนเหลือเพียงผิวกายขาวเหลืองเกรียมแดด"ปลุกอารมณ์อะ...โอ้ว" ดวงตากลมลุกวาวเมื่อภาพสะท้อนในกระจกข้างเตียงโชว์เรือนร่างกำยำตั้งแต่หัวถึงกลางลำตัวที่ปูดบวม"พี่กะว่าจะเติมพลังให้ ถ้าเหนือได้พลังจากพี่ต้องชนะขาดลอยแน่นอน" เขาบอกแล้วทรุดตัวนั่งประกบอยู่ด้านหลัง กางขาออกกว้างแล้วขนาบช่วงสะโพกของเธอ"พี่คีหลงตัวเองเกินไปแล้ว" เจ้าของพวงแก้มขาวเอนหลังลงไปซบกับแผ่นอก ยินยอมพร้อมให้เติมด้วยความเต็มใจ"ใช่ พี่หลงตัวเองแล้วก็หลงเหนือด้วย" สิ้นคำหวานริมฝีปากหยักคมก็ระดมจูบไปตามลำคอ มือไม้เคล
ภาคีเห็นเหนือฟ้ายังไม่ลงมาเขาจึงบอกให้ลูกสาวขึ้นไปตามแม่ นิ่มฟ้าจึงชวนส้มปู๋ สุนัขโกลเด้นตัวโปรดของเธอขึ้นไปเป็นเพื่อน"โฮ่ง!" ส้มปู๋เห็นเหนือฟ้านั่งแกว่งยาดมอยู่บนเตียงมันจึงเดินไปเช็ดเท้าที่พรม บรรจงเขี่ยเท้าหน้าเท้าหลังสองสามทีด้วยความแสนรู้ แล้วกระโดดขึ้นไปหาเจ้านายสาวเอาคางเกยแนบขาอย่างห่วงใย"เกิดอะหยังขึ้นอี่แม่" เด็กหญิงรีบเดินไว ๆ เข้ามาดูแม่ด้วยความเป็นห่วง มือเล็กกอบกุมหน้าแม่ "หนุนเหนือเป็นอารัย หมู่เหาไปโฮงยากั๋นก่อ""แม่เครียดเรื่องงานประกวดพรุ่งนี้ค่ะ ก็เลยรู้สึกเวียนหัวนิดหน่อย แต่ถ้าหนูหอมแก้มแม่สองที แม่จะรีบหายเลยค่ะ" คุณแม่อ้อนลูกสาวจุ๊บ! จุ๊บ!นิ่มฟ้าจุ๊บแก้มแม่ข้างซ้ายข้างขวาอย่างรวดเร็ว "หายแล้วใจ้ก่อ" เด็กหญิงฉีกยิ้มกว้างเห็นฟันหลอจนอาการมึนหัวเมื่อครู่หายเป็นปลิดทิ้ง"ดีขึ้นแล้วค่ะ แล้วนี่ฟันหักเหรอลูก หักเมื่อตอนไหนเนี่ย" แม่แหกปากลูกสาวดูว่ามีตรงไหนแตกหักเพิ่มเติม"หักตอนกิ๋นฉะเต๊ะก๋องปาขี้ เต๊ะหมูปาขี้ตำฟันนิ่งตายกาตี้" นิ่มฟ้าตั้งใจเล่าด้วยสีหน้าจริงจัง"ฟันตายคาที่มันเป็นยังไงคะ""ฟันนิ่งติดกับตัวหมูจ้าว น่าฉงฉานป่านนี้ชาไปเกิดตี้ไหนก็บ่าฮู้""เขาเรียกว่
เสียงแก็งสุนัขเห่าหอนเคล้าดังมาพร้อมกับเสียงเด็ก ๆ สามสี่คน ทำให้คนที่นอนมุดอยู่ใต้ผ้าห่มพยายามดึงตัวขึ้นแล้วเดินไปดูต้นเสียงที่นอกระเบียงห้อง เหนือฟ้าชะโงกหน้าลงไปดูที่สนามหญ้าเห็นครอบครัวของเธอ ครอบครัวสามีและครอบครัวของมะแป่มกำลังจัดโต๊ะอาหารเช้า ส่วนพวกตัวแสบทั้งหลายกำลังวิ่งเล่นอยู่กับสุนัขโกลเด้นทั้งสี่ตัว ขณะที่หอมบั่วกับลูกชุบที่เริ่มอายุมากขึ้นทำเพียงเฝ้ามองดูอยู่ใกล้กับแปลงดอกดาวกระจาย"ไม่นอนต่ออีกหน่อยเหรอ" เสียงเข้มกระซิบแว่วดังมาจากประตูห้อง สาวอวบหมุนกายกลับแล้วตรงเข้าไปสวมกอดพ่อครัวผ้ากันเปื้อนสีหวาน เดี๋ยวนี้เขาไม่เข้าไปคุมงานในไร่เสียแล้วแต่กลับมาคุมครัวที่บ้านแทน"พี่คีคะพรุ่งนี้เหนือก็ประกวดแล้ว ซ้อมแค่วันเดียวจะพอเหรอคะ เหนือไม่ค่อยมั่นใจเลย" เจ้าของวงแขนเจ้าเนื้อโอบรัดรอบแผ่นหลังกว้าง ภาคีโอบกอดกลับซุกใบหน้าลงข้างซอกคอกลิ่นหอม"แต่พี่มั่นใจในตัวเหนือนะ อีกอย่างเรื่องแพ้ชนะพี่ไม่ได้กังวลเลย พี่ก็แค่อยากอวดเมียให้ทุกคนเห็น" เขาชมแล้วเคลื่อนริมฝีปากมาตามขมับแล้วขยับต่ำลงมาถึงสันจมูก"พี่คีปากหวานอีกแล้ว เดี๋ยวเหนือไม่กินมื้อเช้านะคะ เพราะเหนือจะกินพี่คีแทน" เธอบอกแล
เช้าวันต่อมาหลังจบงานประกวดนางนพมาศ"เย้เย้ ชาหลองกั๋นตกกันเต๊อะ" นิ่มฟ้ากระโดดโลดเต้นวิ่งวนไปรอบตัวมะแป่มกับยายนับเก้าหลังจากที่กรรมการประกาศว่าผู้ชนะการประกวดนางนพมาศรุ่นน้อยและรุ่นใหญ่ปีนี้ได้แก่ตัวแทนจากไร่พิทักษ์มหิงสา เด็กหญิงก็ดีใจออกนอกหน้าประหนึ่งว่าตัวเองเป็นผู้เข้าแข่งขัน"จะกิ๋นหยั่งอีก" หม่อมเจ้าภูวสินทักหลานสาวขณะที่กำลังช่วยลูกชายจัดโต๊ะเพื่อฉลองให้กับชัยชนะของนพมาศสองรุ่น"กิ๋นกั๋นตกไงจ้าว ป้ออุ้ยบ่เคยกิ๋นก่อ" เด็กหญิงเดินไปถามปู่ใกล้ ๆ"ปู่กินขันโตกประจำ ปู่เป็นหนุ่มเหนือเน้อ" คุณปู่ยังหนุ่มอุ้มหลานสาวขึ้นมานั่งในวงแขนแกร่ง"นิ่มฟ้าคะมาอาบน้ำได้แล้วค่ะ น้ำกำลังอุ่นเลย" เหนือฟ้าทำน้ำสมุนไพรด้วยการต้มใบมะขามและหอมแดงบุบซึ่งเธอมักจะใช้วิธีนี้เป็นประจำทุกครั้งที่ลูก ๆ เป็นไข้หวัดมะแป่มอาบน้ำเปลี่ยนเป็นชุดเอี๊ยมประโปรงสีฟ้าออกมานั่งแกว่งขารออยู่บนเก้าอี้ตัวยาว ส่วนน่านฟ้ากับบะแต๋งกำลังช่วยปู่ย่าตายายหิ้วตะกร้าผักและเครื่องเคียงออกมาจากในครัวของบ้านแฝดหญิงที่เพิ่งอาบน้ำอาบท่าเสร็จจึงเดินกระโดดดึ๋ง ๆ ออกมาพร้อมกับแพะใส่เสื้อผ้าสองตัว บะแปปกับบะแว้งวิ่งไปทั่วรอบรั้วหน้าบ้าน
ถึงช่วงการประกวดนางนพมาศน้อยและนางนพมาศใหญ่ เมื่อพิธีกรในงานประกาศรายชื่อผู้เข้าแข่งขันซึ่งเป็นตัวแทนจนมาถึงรายชื่อของมะแป่มกับครูนับเก้า สาวงามในชุดไทยต่างรุ่นจึงเดินเยื้องย่างออกมาด้วยท่าทางงดงาม"นางนพมาศน้อยและนางนพมาศรุ่นใหญ่ตัวแทนจากไร่พิทักษ์มหิงสา เด็กหญิงวาริชา มหาจันทร์ น้องมะแป่มอายุสี่ขวบควงคู่มากับคุณทวดนับเก้า.." พิธีกรหนุ่มไม่ทันพูดจบ"ฉันสวยขนาดนี้เป็นทวดเลยเหรอ ฉันคุณยายจ้ะ แค่คุณยาย" ครูนับเก้ารีบสวนกลับว่าตนเป็นยายไม่ใช่ทวด"ขอ ขอประทานโทษครับ" พิธีกรหนุ่มยิ้มเจื่อน "งั้นขอเชิญผู้ประกวดรุ่นใหญ่รุ่นเล็กแนะนำตัวสักเล็กน้อยครับ" ไมค์อันเล็กถูกยื่นมาให้มะแป่มเป็นคนแรก เด็กหญิงมือสั่นเล็กน้อยแต่พอเห็นพี่น่านฟ้าชูสองนิ้วสู้ตายมาให้ ความหวาดหวั่นในหัวใจนั้นแปรเปลี่ยนเป็นความกล้าหาญทันที"ซาวัดดีค่า หนูชื่อเด็กหญิงวายิชา ม๋าชัน ชื่อเย่นว่ามาแพ่ม อยู่อายุบานหยึ่งโรงเรียนอายุบานเวหะโชนยะกาน วันนี้หนูไม่ได้มาเย่น ๆ เพราะหนูมาเอาต้วยยางวันไปฝากปู้จายค่า""ว้ายตาเถร! ที่ซ้อมกันมามันไม่ใช่แบบนี้นี่ลูก" ครูนับเก้ายกมือปิดปาก แต่ผู้ชมด้านล่างกับปรบมือกรี๊ดกร๊าดชอบอกชอบใจกันยกใหญ่ แ
มะแป่มไม่สามารถอยู่เชียร์นิ่มฟ้ากับน่านฟ้าได้จนจบ เพราะหนูน้อยต้องไปเตรียมตัวประกวดนางนพมาศที่จะเริ่มจัดช่วงเย็นจนถึงมืด แซมมี่จึงพาลูกสาวกลับไปแต่งหน้าแต่งตัวที่บ้าน โดยมียายนับเก้าช่วยทำผมเพราะสาวใหญ่ก็ลงประกวดคู่กับมะแป่มเป็นนพมาศรุ่นใหญ่กับรุ่นเด็กที่จะต้องเดินจับมือขึ้นเวทีพร้อมกันปีนี้ภาคีเข้าประชุมกับหน่วยงานท้องถิ่นออกและเสนอไอเดียให้มีกิจกรรมสร้างสรรค์แปลกใหม่ และห้ามให้มีการจุดพลุในไร่และพื้นที่โดยรอบ เพื่อป้องการสิงสาราสัตว์ในไร่แตกตื่น นอกจากนี้ยังห้ามให้มีการลอยกระทงใบตอง มีแต่การลอยกระทงด้วยผักและขนมปังเพื่อลดมลพิษและขยะที่ก่อให้เกิดน้ำเน่าเสียและส่งผลกระทบกับสัตว์น้ำแต่กระนั้นกิจกรรมเช่น การแสดงดนตรีสด เครื่องเล่นต่างที่มาให้บริการในไร่ก็ยังคงมีอยู่ รวมทั้งการประกวดต่าง ๆ เพื่อเพิ่มอรรถรสให้กับคนในงานและชุมชนก็ยังคงมีต่อไปเสร็จสิ้นการแข่งตอบชื่อผักและสมุนไพรนิ่มฟ้ากับน่านฟ้าก็แทบหมดเรี่ยวแรง เพราะแฝดพี่น้องต้องใช้สมองขบคิดค่อนข้างเยอะ ถึงขนาดนิ่มฟ้าที่มัดผมสวยเกาหัวยุ่งจนเป็นยัยเพิ้ง"ปีหน้านิ่งบ่เอาแล้ว นิ่งไม่แก่งอารัยทั้งนั้น อิดขนาด นิ่งอยากขี่ฟายแก่งมากฟ่า" นิ่ม
ช่วงบ่ายนิ่มฟ้าและน่านฟ้าไปเตรียมตัวแข่งขันตอบชื่อผักและสมุนไพรพื้นบ้านโดยมีทุกคนตามไปให้กำลังใจ เด็กทั้งสองเปลี่ยนเป็นชุดหม้อฮ้อมสวมงอบชาวนาให้เข้ากับกติกาเครื่องแต่งกายที่กรรมการตั้งเงื่อนไขถึงแม้นี่จะเป็นโพรเจกต์แรกของโรงเรียนอนุบาลเวหะชลการที่นำโดยกรรมการบริหารอย่างครูนับเก้าเป็นคนไอเดีย แต่ทั้งผอ.ทัพฟ้าที่เป็นผู้บริหารสูงสุดและภรรยากับเลือกที่จะไม่ขอเป็นกรรมการตัดสิน เพื่อให้ไม่เกิดข้อครหาและการซุบซิบนินทาในภายหลัง"เสร็จแล้วค่ะ เดี๋ยวอีกสามสิบนาทีก็แข่งแล้วหนูจะกินข้าวกินอะไรก่อนไหมแม่จะไปซื้อมาให้" เหนือฟ้ามัดผมของนิ่มฟ้าสองข้างแล้วใช้ยางหลากสีสันมัดเป็นข้อเล็ก ๆ แล้วหยิบกระจกให้ลูกสาวส่องดูทรงผม"โค๊ะ! กนอารัยงามย่มเมือง" นิ่มฟ้ากะพริบตาวิบวับใส่กระจกในมือแม่"ไม่ค่อยจะอวยตัวเองเลยเนอะลูกฉัน แล้วสรุปจะกินอะไรไหม""กิ๋นสิจ้าว แต่นิ่งอยากทายิปฉีจุมออนแบบอี่แม่ นิ่งทาได้ก่อ" นิ่มฟ้าจิ้มไปที่ริมฝีปากบางเล็กของเหนือฟ้า"ได้สิคะ แต่แม่จะทาแบบลิปมันวาว ๆ ให้จะได้บำรุงริมฝีปากด้วย" เหนือฟ้าล้วงลิปกลอสแท่งออกมาจากกระเป๋าสะพายข้างแล้วบรรจงละเลงบนปากลูกสาว "เสร็จแล้วค่ะ ส่องกระจกดูสิ"น
ถึงวันแข่งตอบชื่อผักและสมุนไพรพื้นบ้านของนิ่มฟ้าและน่านฟ้า แต่ช่วงเช้าทุกคนรวมตัวไปให้กำลังใจบะแต๋งทำภารกิจแสดงควายร่วมกับหุยหุยพร้อมกับพ่อและตาสำรวยก่อนที่จะไปเชียร์คู่แฝดในรอบบ่าย และรอบเย็นจะเป็นการประกวดนพมาศน้อยในโดมลานการแสดงประจำไร่พิทักษ์มหิงสาซึ่งชุดการแสดงรอบแรกนี้จะถูกเปิดตัวโดยเจ้าภาพจัดงาน และตามมาด้วยการแสดงของฟาร์มควายแคระอีกหลากหลายจังหวัดที่เข้าร่วมด้วยนับสิบรายบนที่นั่งสูงไล่ระดับสองฝั่งซ้ายขวามีป้ายไวนิลสกรีนรูปหุยหุยกับบะแต๋งคู่กัน เมื่อภาคีในชุดผ้าฝ้ายล้านนาพื้นเมืองประยุกต์สีกรมคอจีน และกาเกงผ้าฝ้ายขายาวเข้าคู่กัน โพกผ้าสีขาวสไตล์หนุ่มเหนือ เดินนำทีมจูงพ่อสะเดาควายแคระเผือกเข้ามาในลานการแสดง แถวกลางเป็นหุยหุยลูกของมันพร้อมกับบะแต๋งพี้เลี้ยงคนสนิท ท้ายแถวเป็นแม่บะผางที่จูงโดยตาสำรวยคนคุมควายประจำไร่เมื่อทั้งสามยืนเรียงแถวหน้ากระดานพร้อมกับควายประจำตัวของตน เสียงกรี๊ดกร๊าดละม้ายเหนือฟ้านิ่มฟ้าดังขึ้นแซงหน้าเสียงชาวบ้านที่นั่งชมการแสดงอยู่ฝั่งตรงข้าม"กรี๊ดดด ปาขี้อ้ายแท๋งตาฉำกวย หย่อขนาด หย่อตี้ฉุดในนายกเวจี" นิ่มฟ้าใส่ชุดไทยล้านนาเสื้อผ้าฝ้ายสีชมพูโอรสสวมผ้าซิ่
ช่วงเช้าภาคีสอนลูก ๆ คัดแยกผักพื้นบ้าน สมุนไพรเกือบสามชั่วโมงเต็มแล้วไปสอนบะแต๋งกับหุยหุยเรื่องงานแสดงโชว์ควายแคระประจำไร่ โชคดีที่บะแต๋งคอยฝึกซ้อมกับตาสำรวยและอินเหลาอยู่เป็นประจำ ทำให้หุยหุยฟังคำสั่งเข้าใจ"เดี๋ยวนิ่มกับน่านอยู่บ้านกับป้ออุ้ยแม่อุ้ยนะครับ ป้อจะพาแม่ไปฝากครรภ์ครับ""ปาขี้ฉื้อหนมมาฝากนิ่งกับน่านโตยเน้อ หนุนน้อยเพย์เงินให้ป้อนะ ป้อจะได้มีเงินฉื้อหนม" นิ่มฟ้าตบลงบนก้นแม่"อะไรกันคะ ทำไมแม่ต้องเป็นคนเปย์ ป้อหนูก็มีเงิน" เหนือฟ้าค้อนตาใส่ลูกกับสามี"แต่น่านเห็นแม่เข็บเงินป้อไว้ในตู้เชฟเน้อ" น่านฟ้าชี้ขึ้นไปบนบ้าน"หนูเห็นตอนไหนครับน่านฟ้า หนูอาจจะฝันไปก็ได้" คุณแม่ปฏิเสธทั้งที่เธอเรื่องเก็บเงินของสามีไว้ในตู้เซฟคือเรื่องจริง"เห็นตาหยอดเลย" เด็กชายแหกตาตัวเองให้แม่ดู"ป้อ อี่แม่แต๋งเสร็จแล้ว" ไม่มีครั้งไหนที่แม่ไปโรงพยาบาลแล้วจะไร้เงาลูกชายคนนี้ เพราะเรื่องที่แม่เคยแท้งน้องไปมันยังฝังในใจของบะแต๋งอยู่เสมอ เด็กชายจึงกลัวว่าแม่จะเป็นอะไรไป จึงพยายามเกาะติดแม่ทุกฝีก้าวเพื่อคอยดูแลแม่ให้ดีที่สุด"แย้วอะหยังน่านเติงไปกับหนุนฟ้าบ่ได้ น่านอยากไปดูหมอฉวย ๆ ที่โฮงยา" เด็กชายตัวน้อ