ฉันนอนกลิ้งไปมาอยู่บนเตียงขนาดคิงไซส์ ผ้าปูที่นอนสีดำดูเข้ากับโทนสีของห้องอย่างลงตัวบ่งบอกถึงบุคลิกเจ้าของห้อง
“ใจ๋ลุกขึ้นจากเตียง” เสียงทุ้มของเจ้าของห้องที่เพิ่งเดินออกมาจากห้องน้ำออกคำสั่ง “อะไรกันใจ๋เพิ่งมาเอง” ฉันหันมองไปทางห้องน้ำก่อนที่ใบหน้าจะเริ่มขึ้นสีแดงเถือกเพราะบนตัวของพี่เสือมีเพียงผ้าขนหนูเพียงผืนเดียวที่พันอยู่รอบเอว ผมเปียกๆ นั่นเวบานเำมันหยดลงมาทำไมถึงได้ดูดีขนาดนั้นกัน “อย่าให้ต้องพูดซ้ำนะใจ๋” ฉันทำหน้าบึ้งมองพี่เสือผู้เป็นเจ้าของห้อง ตอนเด็กๆ ฉัน จ๋าย ไทเกอร์และพี่เสือ ชอบมาเล่นซ่อนแอบกันในห้องนี้ประจำ ตั้งแต่เด็กจนโตฉันก็มักจะเข้ามาเล่นในห้องของพี่เสือบ่อยๆ พี่เสือเอ็นดูฉันเหมือนน้องสาวคนหนึ่งถึงแม้จะรู้ดีว่า….ฉันคิดยังไงกับเขา แต่ใจ๋คนนี้ไม่ท้อหรอก สักวันพี่เสือจะต้องชอบใจ๋คอยดูสิ “โตแล้วนะใจ๋ อย่าทำแบบนี้ใครมาเห็นมันจะดูไม่ดี” “บ่นใจ๋อีกแล้ว” “พี่บอกตั้งกี่ครั้งว่าอย่าแอบเข้ามาในห้องแบบนี้อีก เราไม่ใช่เด็กๆ กันแล้ว” “ถ้าอย่างนั้น…..” ฉันดีดตัวลุกขึ้นจากเตียงแล้วเดินมาหยุดตรงหน้าของคนตัวสูง ก่อนจะพูดต่อ “พี่เสือก็มาเป็นแฟนใจ๋สิ” แปะ!! ทันทีที่พูดจบพี่เสือก็ยกมือขึ้นมาตีหน้าผากฉันอย่างแรง “แก่แดด เป็นเด็กเป็นเล็ก” “ใจ๋จะยี่สิบแล้วนะ โตพอจะเป็นแฟนพี่เสือได้แล้ว” “หยุดพูดแล้วลงไปข้างล่างพี่จะแต่งตัว” “เดี๋ยวใจรอลงไปพร้อมกัน” “ใจ๋” เมื่อได้ยินเสียงทุ้มต่ำที่เอ่ยเรียกชื่อก็รู้ได้ทันทีว่าพี่เสือกำลังดุ “อือใจ๋ลงไปรอด้านล่างก็ได้” บ้านของฉันกับพี่เสือรั้วติดกันอีกทั้งพ่อแม่ของเราสองคนก็เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่สมัยเรียนทำให้เราสองครอบครัวสนิทกันมากๆ และวันนี้เราก็นัดกินข้าวด้วยกันมันเป็นแบบนี้ปกติอยู่แล้ว ฉันชื่อใจ๋ เรียนอยู่ปีสองมีฝาแฝดหนึ่งคนชื่อจ๋าย แต่จ๋ายไปเรียนที่ต่างประเทศ นานๆ ทีจะกลับมาที่บ้าน “โดนไล่ลงมาอีกแล้วอะดิ” ไทเกอร์น้องชายของพี่เสือเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นว่าฉันเดินหน้าบึ้งลงมาจากบันได “พี่เสือให้ลงมารอข้างล่างไม่ได้ไล่ซะหน่อย” “เป็นผู้หญิงนะใจ๋ขึ้นไปห้องผู้ชายแบบนั้นมันดูไม่ดี เฮียไล่ลงมาก็สมควรแล้ว” “พูดมากน่าไทเกอร์” “ตัดใจเถอะ อย่าไปรู้สึกกับเฮียมันเลย ถ้ามันจะชอบคงชอบไปนานแล้ว” ไทเกอร์อายุเท่ากับฉันและเราก็เรียนมหาวิทยาลัยเดียวกัน คำที่เพิ่งเอ่ยออกมาเขามักจะเตือนฉันประจำ เพราะนอกจากจ๋ายก็มีไทเกอร์ที่รู้เรื่องของฉันทุกเรื่อง เราสนิทกันมากๆ “หิวแล้ววันนี้มีอะไรกินบ้างน้า” ฉันทำเมินคำพูดของไทเกอร์แล้วเดินลูบท้องเข้ามาดูของกินในห้องอาหาร “เถียงไม่ได้ก็หนีตลอด” จริงๆ มันไม่ได้หิวอะไรขนาดนั้นหรอก ก็แค่ไม่อยากพูดเรื่องนั้น ไม่ใช่ไม่รู้ว่าเขาไม่รัก แต่ใจมันรักเขาไปแล้วจะให้ทำยังไง ฉันไม่ใช่คนชอบเที่ยวชอบดื่มเลยสักนิด แต่พอเห็นพี่เสือไปคลับก็อยากจะไปด้วย เรียกว่าไปกันท่าดีกว่า พอเห็นเขาอยู่กับผู้หญิงคนอื่นทีไรใจมันก็เจ็บทุกที@ห้องอาหารของบ้านพี่เสือ
วันนี้เหมือนวันครอบครัวที่เรามารวมตัวกินข้าวด้วยกัน แต่รู้สึกว่าบรรยากาศมันดูแปลกๆ ต่างออกไปจากทุกครั้ง สีหน้าของแม่ของฉันและแม่ของพี่เสือแสดงความกังวลออกมาชัดเจน “น้องใจ๋อายุเท่าไรแล้วนะลูก” แม่ของพี่เสือถามฉัน “ยี่สิบแล้วค่ะ” “โตเต็มวัยแล้วสินะ แบบนี้ก็มีแฟนได้แล้วสิ” “ดื้อแบบนี้ใครจะอยากได้เป็นแฟน” พี่เสือเอ่ยแทรกคำพูดของแม่ ฉันจึงทำปากเบ้บใส่ อยากจะพูดว่าระวังจะได้ใจ๋เป็นแฟนซะเองแต่กลัวผู้ใหญ่ตกใจ ต่อหน้าผู้หลักผู้ใหญ่ต้องเป็นคนดีมีมารยาทนิดนึง เป็นผู้หญิงพูดแบบนั้นมันดูไม่งาม “เอาล่ะ วันนี้พ่อมีเรื่องสำคัญอยากจะถามกับลูก” พ่อของพี่เสือวางช้อนลง ก่อนจะถามลูกชายทั้งสองคน “เสือ ไทเกอร์ ลูกสองคนมีแฟนหรือยัง” “ไม่มีครับ” ทั้งสองคนตอบพร้อมกันและแสดงสีหน้างุนงงออกมา เพราะปกติคุณลุงจะไม่ถามเรื่องแบบนี้ “แล้วหนูใจ๋ล่ะ มีแฟนหรือยัง” “ยะ ยังค่ะ” “อืม ถ้าอย่างนั้นลุงอยากให้หนูเลือก” “คะ?” ฉันขมวดคิ้ว ตอนนี้ทุกคนเงียบกันหมดไม่มีใครเอ่ยคำใดออกมาเลย “คุณลุงจะให้ใจ๋เลือกอะไรหรอคะ” “ระหว่างเสือกับไทเกอร์หนูอยากจะหมั้นกับใคร” “พ่อ!!/พ่อ!!” ทั้งพี่เสือและไทเกอร์ต่างอุทานออกมาพร้อมกันอย่างตกใจรวมทั้งฉันด้วย เพราะไม่คิดว่าจะถูกถามแบบนี้ สมองมันอื้อและขาวโพลนไปหมดไม่เข้าใจว่านี่มันเรื่องอะไร จู่ๆ ทำไมคุณลุงถึงให้มาเลือกอะไรแบบนี้ “……..” “คือเราสองครอบครัวคุยกันไว้ว่าถ้าลูกๆ โตขึ้นก็อยากจะให้หมั้นกัน” “นี่มันยุคสมัยไหนแล้วพ่อ” พี่เสือแสดงสีหน้าไม่สบอารมณ์ออกมาอย่างเห็นได้ชัด “เลือกสิลูก แม่อยากให้ใจ๋เลือกด้วยตัวเอง” แม่หันมาพูดกับฉันที่ยังตกใจกับเหตุการณ์อยู่ ฉันมองหน้าไทเกอร์และพี่เสือสลับกัน แน่นอนว่าหากต้องเลือกมันมีคำตอบตายตัวอยู่ในใจแล้ว และตอนนี้พี่เสือก็กำลังส่ายหน้าบอกเป็นนัยๆ ว่าห้ามเลือกเขา “ใจ๋” เสียงของพ่อที่เรียกทำให้ฉันสะดุ้ง ด้วยความที่พ่อค่อนข้างดุ ความกลัวทำให้ฉันพูดคำตอบที่อยู่ในใจออกมา “พี่เสือค่ะ ใจ๋อยากหมั้นกับพี่เสือ”หลังจากที่เอ่ยประโยคนั้นออกไปสีหน้าของพี่เสือก็เปลี่ยนทันที เขาจ้องฉันเขม็งแสดงความไม่พอใจออกมาให้เห็นจนน่ากลัว เพราะที่ผ่านมาไม่เคยเห็นพี่เสือโกรธขนาดนี้เลย “ควรถามความสมัครใจผมด้วยหรือเปล่าครับ” “น้องเลือกแล้ว แม่เองก็เห็นว่าเสือกับน้องสนิทกันมาตั้งแต่เด็ก อีกอย่างทั้งคู่เหมาะสมกันมากๆ” แม่ของพี่เสือเอ่ยขึ้นพร้อมยิ้มให้ฉัน เหตุการณ์ในตอนนี้คงมีแค่ฉันพี่เสือและไทเกอร์ที่เคร่งเครียดเพราะทางผู้ใหญ่ยิ้มออกมาอย่างยินดี “ถ้าอยากให้น้องหมั้นก็ให้หมั้นกับไอ้ไทเกอร์แทนแล้วกัน อย่าบังคับผมไม่ชอบ” พูดจบพี่เสือก็ลุกขึ้นยืนเต็มความสูงก่อนจะเดินออกไปจากห้องอาหารด้วยท่าทางไม่สบอารมณ์ “ไม่ต้องห่วงเรื่องนี้ฉันจัดการเอง” พ่อของพี่เสือเอ่ยบอกทางครอบครัวของฉัน ตอนนี้ฉันรู้สึกผิดกับสิ่งที่ตัวเองเลือก แต่พูดออกไปแล้วให้ทำยังไงได้ พ่อก็แสดงสีหน้าดุแบบนั้นและกดดันแบบนั้นอีก “หนูขอตัวก่อนนะคะ” ฉันลุกขึ้นจากเก้าอี้จากนั้นก็เดินออกมาตามพี่เสือ เดินหาอยู่ครู่ใหญ่ก็เห็นคนตัวสูงกำลังยืนพ่นควันบุหรี่สีขาวคลุ้งอยู่ที่สวนหลังบ้าน “พะ พี่เสือ” เพราะความกลัวเสียงของฉันมันจึงสั่นเทา แต่เพราะไม่อยากถูกโกรธถึงตา
ฉันเสียใจกับสิ่งที่พี่เสือพูดออกมา มันเหมือนความสัมพันธ์ของเราสองคนถูกตัดขาดไปแล้วจริงๆ จนตอนนี้ฉันก็ยังร้องไห้ไม่หยุด อยากจะคุยอีกสักครั้งแต่พี่เสือออกไปไหนก็ไม่รู้ โทรหาก็ไม่รับแชตไปก็ไม่ตอบ “ใจ๋ลูกอยู่ในห้องใช่ไหม แม่ขอเข้าไปได้ไหมลูก” “อึก~ ค่ะ” ฉันรีบยกมือขึ้นมาเช็ดน้ำตาที่ไหลอาบแก้ม ถึงจะเช็ดออกจนไม่เหลือคราบน้ำตาแต่ดวงตาที่บวมเปล่งก็ไม่สามารถปกบอดได้ว่าผ่านการร้องไห้อย่างหนักมาก่อนหน้า แม่ดูตกใจที่เห็นว่าฉันร้องไห้ก่อนจะเข้ามากอดปลอบ “คนเก่งของแม่ร้องไห้ทำไมคะ เพราะเรื่องวันนี้อย่างนั้นหรอ” “พี่เสือโกรธมากๆ เลยค่ะ อึก~ ใจ๋จะทำยังไงดี” อุตส่าห์คิดว่าจะไม่ร้องไห้ต่อหน้าแม่แล้วแท้ๆ แต่สุดท้ายน้ำตามันก็ไหลอาบแก้มอยู่ดี “พี่เขาคงไม่ได้ตั้งตัว ให้เวลาเสือหน่อยนะลูก”“ใจ๋ผิดเอง แทนที่จะปฏิเสธ” “แม่รู้ว่าใจ๋คิดยังไงกับเสือ”“ตะ แต่ อึก~ พี่เสือไม่เคยคิดอะไรกับใจ๋เลย” “ลูกสาวแม่น่ารักขนาดนี้ เสือต้องชอบหนูแน่ๆ แม่รับประกัน”ฉันรู้ว่าแม่แค่พูดปลอบใจ เพราะไม่มีทางเลยที่พี่เสือจะมาชอบฉัน เขามีคนในใจแล้วนี่ “ขอพ่อให้ยกเลิกเรื่องหมั้นได้ไหมคะ”“ใจ๋ก็รู้ว่าพ่อเป็นยังไง อย่าเลยลูกเดี๋ย
ไทเกอร์พาฉันกลับมาที่บ้านถึงแม้จะไม่เต็มใจก็ตาม แต่สีหน้าของพี่เสือในตอนนี้มันบ่งบอกว่าหากยังดื้อดึงขืนอยู่ต่อได้มีเรื่องแน่ๆ “รอให้เฮียใจเย็นกว่านี้ก่อน อย่าเพิ่งไปวุ่นวาย” ครั้งนี้ไทเกอร์ออกคำสั่ง “อือ จะพยายาม” “อย่าทำให้มันแย่ไปกว่านี้นะใจ๋ ถือว่าขอ” ฉันพยักหน้าตอบ รู้ว่าไทเกอร์ก็พยายามจะช่วยเต็มที่แล้ว ตอนนี้ภายในใจมันเต็มไปด้วยความรู้สึกผิดแต่ก็ไม่สามารถปฏิเสธได้ว่าฉันยินดีในสิ่งที่ตัวเองเลือก มันเป็น ความโลภของฉันเองที่อยากจะรั้งพี่เสือเอาไว้ด้วยวิธีนี้ ถึงเขาจะไม่เต็มใจก็ตาม เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นเป็นเบอร์ของจ๋าย ฉันมองหน้าจอครู่หนึ่งก่อนจะกดรับ “ว่าไงจ๋าย” ( ไม่เห็นโทรมาหากันบ้างเลยนะช่วงนี้ ใจ๋เรียนหนักหรอ ) “อื้อ” ( มีเรื่องไม่สบายใจหรือเปล่า ) “เปล่า” ( เราเป็นแฝดกันนะใจ๋ อย่าโกหกจ๋ายสิ ) ต่อให้พี่เสือชอบจ๋ายฉันก็คงโกรธน้องสาวฝาแฝดของตัวเองไม่ลงหรอก เพราะจ๋ายเป็นคนที่น่ารักและเป็นคนเดียวที่เข้าใจฉันมากที่สุด ตั้งแต่เด็กจนโตเราไม่เคยทะเลาะกันด้วยซ้ำและไม่เคยแยกกันจนดระทั่งจ๋ายตัดสินใจไปเรียนต่อต่างประเทศ “แม่ไม่ได้บอกอะไรใช่ไหม” ( มีอะไรหรือเปล่า จ๋ายยังไม่ได้คุ
พี่เสือจ้องหน้าฉันนานพอสมควรก่อนจะสบถในลำคอ ซึ่งฉันก็ไม่เข้าใจว่าทำไม “หึ” “ไปตอนนี้เลยไหมคะ” ฉันไม่ได้คิดอะไรมากกับคำถามขอบตัวเอง ใช่ว่าไม่เคยขึ้นคอนโดของพี่เสือซักหน่อย ก่อนหน้านี้ก่อนไปเรียนฉันชอบซื้อน้ำเต้าหู้ไปให้“รู้ไหมว่าตอนนี้เหมือนเธอกำลังเสนอตัวให้ฉัน”“จะ ใจ๋ไม่ได้ทำแบบนั้นนะ กะ ก็พี่เสือบอกเองนี่” ฉันรีบส่ายหน้าปฏิเสธทันควันเมื่อถูกกล่าวหาในเรื่องที่ไม่จริง “ไม่ต้องทำตัวใสซื่อในเมื่อเธอแสดงออกมาชัดเจนแล้วว่าอยากได้ฉันขนาดไหน”“ใจ๋ชอบพี่เสือ แต่ไม่เคยคิดเรื่องแบบนั้นเลยนะคะ” “หึ!!” “ขอเวลาให้ใจ๋ได้ทำให้พี่เสือชอบได้ไหม เปิดโอกาสให้ใจ๋หน่อยได้ไหมคะ” มันอาจจะดูน่าตลกที่เป็นฝ่ายเอ่ยปากขอผู้ชายก่อน แต่ทำยังไงได้ในเมื่อฉันชอบพี่เสือจริงๆ “ที่ผ่านมามันยังไม่ชัดเจนอีกรึไงว่าฉันไม่เคยคิดอะไรกับเธอเลย” “เพราะพี่เสือไม่เคยเปิดโอกาสให้ใจ๋เลยต่างหาก” คนตัวสูงพ่นลมหายใจออกมาแรงๆ ราวกับการพูดคุยกับฉันมันเป็นเรื่องที่น่าหงุดหงิดเอามากๆ “กลับไปซะ ถ้าไม่กลับก็ดูแลตัวเองดีๆ เพราะถ้าเกิดอะไรขึ้นฉันจะไม่เข้าไปช่วยเธออีก” “พี่เสือเป็นห่วงใจ๋ใช่ไหม” ฉันยิ้มออกมา เพียงแค่คำสั่งแค่นี้มั
#อาทิตย์ต่อมา ฉันไปเรียนได้แล้วหลังจากที่หยุดเกือบอาทิตย์ พอได้อยู่กับเพื่อนก็ทำให้อาการซึมน้อยลงแต่พออยู่คนเดียวก็เป็นเหมือนเดิม ได้แต่คิดถึงอดีตที่เคยมีความสุข…“พี่เสือใจ๋ขอขี่หลังหน่อย”“โตขนาดนี้แล้วยังจะขอขี่หลังเป็นเด็ก” “เร็วๆ สิ” “เด็กดื้อ” ฉันกระโดดขึ้นหลังของพี่เสือ ถึงแม้จะถูกบ่นแต่ก็ยอมย่อตัวเพื่อรับฉันไว้ไม่ให้ตก จำได้ตราตรึงในหัวใจเลยว่าเหตุการณ์นี้ทำให้ฉันเริ่มรู้ว่าตัวเองชอบพี่เสือเข้าให้แล้ว แต่ในตอนนี้แม้แต่หน้ายังแทบไม่ได้เจอกัน พูดคุยสักคำก็ไม่มี ฉันส่งแชตไปทุกวันแต่พี่เสือไม่เคยเปิดอ่านเลย ไทเกอร์บอกให้ฉันรอ จนมาถึงตอนนี้เริ่มคิดแล้วว่าจะต้องรอไปอีกนานเท่าไร การที่จะตัดใครสักคนออกจากชีวิตสำหรับพี่เสือมันทำง่ายขนาดนั้นเลยหรอ“คุณหนูคะคุณท่านเรียกพบค่ะ” “ค่ะ” ฉันที่กำลังคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อนถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะมาพบคุณพ่อตามคำสั่งที่ห้องทำงาน “พ่อเรียกใจ๋มามีอะไรหรือเปล่าคะ” “พรุ่งนี้ลูกว่างหรือเปล่า” “ใจ๋มีนัดกับยี่หวาค่ะ ทำไมหรอคะ” พรุ่งนี้ฉันนัดไปดูหนังกับยี่หวาที่ห้าง “ยกเลิกนัดกับเพื่อนไปก่อน”“คะ? พ่อจะพาใจ๋ไปไหน” “พรุ่งนี้ลูกต้องไปลองชุดที่จะใส่ง
#อาทิตย์ต่อมา ฉันไปเรียนได้แล้วหลังจากที่หยุดเกือบอาทิตย์ พอได้อยู่กับเพื่อนก็ทำให้อาการซึมน้อยลงแต่พออยู่คนเดียวก็เป็นเหมือนเดิม ได้แต่คิดถึงอดีตที่เคยมีความสุข…“พี่เสือใจ๋ขอขี่หลังหน่อย”“โตขนาดนี้แล้วยังจะขอขี่หลังเป็นเด็ก” “เร็วๆ สิ” “เด็กดื้อ” ฉันกระโดดขึ้นหลังของพี่เสือ ถึงแม้จะถูกบ่นแต่ก็ยอมย่อตัวเพื่อรับฉันไว้ไม่ให้ตก จำได้ตราตรึงในหัวใจเลยว่าเหตุการณ์นี้ทำให้ฉันเริ่มรู้ว่าตัวเองชอบพี่เสือเข้าให้แล้ว แต่ในตอนนี้แม้แต่หน้ายังแทบไม่ได้เจอกัน พูดคุยสักคำก็ไม่มี ฉันส่งแชตไปทุกวันแต่พี่เสือไม่เคยเปิดอ่านเลย ไทเกอร์บอกให้ฉันรอ จนมาถึงตอนนี้เริ่มคิดแล้วว่าจะต้องรอไปอีกนานเท่าไร การที่จะตัดใครสักคนออกจากชีวิตสำหรับพี่เสือมันทำง่ายขนาดนั้นเลยหรอ“คุณหนูคะคุณท่านเรียกพบค่ะ” “ค่ะ” ฉันที่กำลังคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อนถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะมาพบคุณพ่อตามคำสั่งที่ห้องทำงาน “พ่อเรียกใจ๋มามีอะไรหรือเปล่าคะ” “พรุ่งนี้ลูกว่างหรือเปล่า” “ใจ๋มีนัดกับยี่หวาค่ะ ทำไมหรอคะ” พรุ่งนี้ฉันนัดไปดูหนังกับยี่หวาที่ห้าง “ยกเลิกนัดกับเพื่อนไปก่อน”“คะ? พ่อจะพาใจ๋ไปไหน” “พรุ่งนี้ลูกต้องไปลองชุดที่จะใส่ง
พี่เสือจ้องหน้าฉันนานพอสมควรก่อนจะสบถในลำคอ ซึ่งฉันก็ไม่เข้าใจว่าทำไม “หึ” “ไปตอนนี้เลยไหมคะ” ฉันไม่ได้คิดอะไรมากกับคำถามขอบตัวเอง ใช่ว่าไม่เคยขึ้นคอนโดของพี่เสือซักหน่อย ก่อนหน้านี้ก่อนไปเรียนฉันชอบซื้อน้ำเต้าหู้ไปให้“รู้ไหมว่าตอนนี้เหมือนเธอกำลังเสนอตัวให้ฉัน”“จะ ใจ๋ไม่ได้ทำแบบนั้นนะ กะ ก็พี่เสือบอกเองนี่” ฉันรีบส่ายหน้าปฏิเสธทันควันเมื่อถูกกล่าวหาในเรื่องที่ไม่จริง “ไม่ต้องทำตัวใสซื่อในเมื่อเธอแสดงออกมาชัดเจนแล้วว่าอยากได้ฉันขนาดไหน”“ใจ๋ชอบพี่เสือ แต่ไม่เคยคิดเรื่องแบบนั้นเลยนะคะ” “หึ!!” “ขอเวลาให้ใจ๋ได้ทำให้พี่เสือชอบได้ไหม เปิดโอกาสให้ใจ๋หน่อยได้ไหมคะ” มันอาจจะดูน่าตลกที่เป็นฝ่ายเอ่ยปากขอผู้ชายก่อน แต่ทำยังไงได้ในเมื่อฉันชอบพี่เสือจริงๆ “ที่ผ่านมามันยังไม่ชัดเจนอีกรึไงว่าฉันไม่เคยคิดอะไรกับเธอเลย” “เพราะพี่เสือไม่เคยเปิดโอกาสให้ใจ๋เลยต่างหาก” คนตัวสูงพ่นลมหายใจออกมาแรงๆ ราวกับการพูดคุยกับฉันมันเป็นเรื่องที่น่าหงุดหงิดเอามากๆ “กลับไปซะ ถ้าไม่กลับก็ดูแลตัวเองดีๆ เพราะถ้าเกิดอะไรขึ้นฉันจะไม่เข้าไปช่วยเธออีก” “พี่เสือเป็นห่วงใจ๋ใช่ไหม” ฉันยิ้มออกมา เพียงแค่คำสั่งแค่นี้มั
ไทเกอร์พาฉันกลับมาที่บ้านถึงแม้จะไม่เต็มใจก็ตาม แต่สีหน้าของพี่เสือในตอนนี้มันบ่งบอกว่าหากยังดื้อดึงขืนอยู่ต่อได้มีเรื่องแน่ๆ “รอให้เฮียใจเย็นกว่านี้ก่อน อย่าเพิ่งไปวุ่นวาย” ครั้งนี้ไทเกอร์ออกคำสั่ง “อือ จะพยายาม” “อย่าทำให้มันแย่ไปกว่านี้นะใจ๋ ถือว่าขอ” ฉันพยักหน้าตอบ รู้ว่าไทเกอร์ก็พยายามจะช่วยเต็มที่แล้ว ตอนนี้ภายในใจมันเต็มไปด้วยความรู้สึกผิดแต่ก็ไม่สามารถปฏิเสธได้ว่าฉันยินดีในสิ่งที่ตัวเองเลือก มันเป็น ความโลภของฉันเองที่อยากจะรั้งพี่เสือเอาไว้ด้วยวิธีนี้ ถึงเขาจะไม่เต็มใจก็ตาม เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นเป็นเบอร์ของจ๋าย ฉันมองหน้าจอครู่หนึ่งก่อนจะกดรับ “ว่าไงจ๋าย” ( ไม่เห็นโทรมาหากันบ้างเลยนะช่วงนี้ ใจ๋เรียนหนักหรอ ) “อื้อ” ( มีเรื่องไม่สบายใจหรือเปล่า ) “เปล่า” ( เราเป็นแฝดกันนะใจ๋ อย่าโกหกจ๋ายสิ ) ต่อให้พี่เสือชอบจ๋ายฉันก็คงโกรธน้องสาวฝาแฝดของตัวเองไม่ลงหรอก เพราะจ๋ายเป็นคนที่น่ารักและเป็นคนเดียวที่เข้าใจฉันมากที่สุด ตั้งแต่เด็กจนโตเราไม่เคยทะเลาะกันด้วยซ้ำและไม่เคยแยกกันจนดระทั่งจ๋ายตัดสินใจไปเรียนต่อต่างประเทศ “แม่ไม่ได้บอกอะไรใช่ไหม” ( มีอะไรหรือเปล่า จ๋ายยังไม่ได้คุ
ฉันเสียใจกับสิ่งที่พี่เสือพูดออกมา มันเหมือนความสัมพันธ์ของเราสองคนถูกตัดขาดไปแล้วจริงๆ จนตอนนี้ฉันก็ยังร้องไห้ไม่หยุด อยากจะคุยอีกสักครั้งแต่พี่เสือออกไปไหนก็ไม่รู้ โทรหาก็ไม่รับแชตไปก็ไม่ตอบ “ใจ๋ลูกอยู่ในห้องใช่ไหม แม่ขอเข้าไปได้ไหมลูก” “อึก~ ค่ะ” ฉันรีบยกมือขึ้นมาเช็ดน้ำตาที่ไหลอาบแก้ม ถึงจะเช็ดออกจนไม่เหลือคราบน้ำตาแต่ดวงตาที่บวมเปล่งก็ไม่สามารถปกบอดได้ว่าผ่านการร้องไห้อย่างหนักมาก่อนหน้า แม่ดูตกใจที่เห็นว่าฉันร้องไห้ก่อนจะเข้ามากอดปลอบ “คนเก่งของแม่ร้องไห้ทำไมคะ เพราะเรื่องวันนี้อย่างนั้นหรอ” “พี่เสือโกรธมากๆ เลยค่ะ อึก~ ใจ๋จะทำยังไงดี” อุตส่าห์คิดว่าจะไม่ร้องไห้ต่อหน้าแม่แล้วแท้ๆ แต่สุดท้ายน้ำตามันก็ไหลอาบแก้มอยู่ดี “พี่เขาคงไม่ได้ตั้งตัว ให้เวลาเสือหน่อยนะลูก”“ใจ๋ผิดเอง แทนที่จะปฏิเสธ” “แม่รู้ว่าใจ๋คิดยังไงกับเสือ”“ตะ แต่ อึก~ พี่เสือไม่เคยคิดอะไรกับใจ๋เลย” “ลูกสาวแม่น่ารักขนาดนี้ เสือต้องชอบหนูแน่ๆ แม่รับประกัน”ฉันรู้ว่าแม่แค่พูดปลอบใจ เพราะไม่มีทางเลยที่พี่เสือจะมาชอบฉัน เขามีคนในใจแล้วนี่ “ขอพ่อให้ยกเลิกเรื่องหมั้นได้ไหมคะ”“ใจ๋ก็รู้ว่าพ่อเป็นยังไง อย่าเลยลูกเดี๋ย
หลังจากที่เอ่ยประโยคนั้นออกไปสีหน้าของพี่เสือก็เปลี่ยนทันที เขาจ้องฉันเขม็งแสดงความไม่พอใจออกมาให้เห็นจนน่ากลัว เพราะที่ผ่านมาไม่เคยเห็นพี่เสือโกรธขนาดนี้เลย “ควรถามความสมัครใจผมด้วยหรือเปล่าครับ” “น้องเลือกแล้ว แม่เองก็เห็นว่าเสือกับน้องสนิทกันมาตั้งแต่เด็ก อีกอย่างทั้งคู่เหมาะสมกันมากๆ” แม่ของพี่เสือเอ่ยขึ้นพร้อมยิ้มให้ฉัน เหตุการณ์ในตอนนี้คงมีแค่ฉันพี่เสือและไทเกอร์ที่เคร่งเครียดเพราะทางผู้ใหญ่ยิ้มออกมาอย่างยินดี “ถ้าอยากให้น้องหมั้นก็ให้หมั้นกับไอ้ไทเกอร์แทนแล้วกัน อย่าบังคับผมไม่ชอบ” พูดจบพี่เสือก็ลุกขึ้นยืนเต็มความสูงก่อนจะเดินออกไปจากห้องอาหารด้วยท่าทางไม่สบอารมณ์ “ไม่ต้องห่วงเรื่องนี้ฉันจัดการเอง” พ่อของพี่เสือเอ่ยบอกทางครอบครัวของฉัน ตอนนี้ฉันรู้สึกผิดกับสิ่งที่ตัวเองเลือก แต่พูดออกไปแล้วให้ทำยังไงได้ พ่อก็แสดงสีหน้าดุแบบนั้นและกดดันแบบนั้นอีก “หนูขอตัวก่อนนะคะ” ฉันลุกขึ้นจากเก้าอี้จากนั้นก็เดินออกมาตามพี่เสือ เดินหาอยู่ครู่ใหญ่ก็เห็นคนตัวสูงกำลังยืนพ่นควันบุหรี่สีขาวคลุ้งอยู่ที่สวนหลังบ้าน “พะ พี่เสือ” เพราะความกลัวเสียงของฉันมันจึงสั่นเทา แต่เพราะไม่อยากถูกโกรธถึงตา
ฉันนอนกลิ้งไปมาอยู่บนเตียงขนาดคิงไซส์ ผ้าปูที่นอนสีดำดูเข้ากับโทนสีของห้องอย่างลงตัวบ่งบอกถึงบุคลิกเจ้าของห้อง “ใจ๋ลุกขึ้นจากเตียง” เสียงทุ้มของเจ้าของห้องที่เพิ่งเดินออกมาจากห้องน้ำออกคำสั่ง “อะไรกันใจ๋เพิ่งมาเอง” ฉันหันมองไปทางห้องน้ำก่อนที่ใบหน้าจะเริ่มขึ้นสีแดงเถือกเพราะบนตัวของพี่เสือมีเพียงผ้าขนหนูเพียงผืนเดียวที่พันอยู่รอบเอว ผมเปียกๆ นั่นเวบานเำมันหยดลงมาทำไมถึงได้ดูดีขนาดนั้นกัน “อย่าให้ต้องพูดซ้ำนะใจ๋” ฉันทำหน้าบึ้งมองพี่เสือผู้เป็นเจ้าของห้อง ตอนเด็กๆ ฉัน จ๋าย ไทเกอร์และพี่เสือ ชอบมาเล่นซ่อนแอบกันในห้องนี้ประจำ ตั้งแต่เด็กจนโตฉันก็มักจะเข้ามาเล่นในห้องของพี่เสือบ่อยๆ พี่เสือเอ็นดูฉันเหมือนน้องสาวคนหนึ่งถึงแม้จะรู้ดีว่า….ฉันคิดยังไงกับเขา แต่ใจ๋คนนี้ไม่ท้อหรอก สักวันพี่เสือจะต้องชอบใจ๋คอยดูสิ“โตแล้วนะใจ๋ อย่าทำแบบนี้ใครมาเห็นมันจะดูไม่ดี” “บ่นใจ๋อีกแล้ว” “พี่บอกตั้งกี่ครั้งว่าอย่าแอบเข้ามาในห้องแบบนี้อีก เราไม่ใช่เด็กๆ กันแล้ว” “ถ้าอย่างนั้น…..” ฉันดีดตัวลุกขึ้นจากเตียงแล้วเดินมาหยุดตรงหน้าของคนตัวสูง ก่อนจะพูดต่อ “พี่เสือก็มาเป็นแฟนใจ๋สิ” แปะ!! ทันทีที่พูดจบพี่เส