พี่เสือจ้องหน้าฉันนานพอสมควรก่อนจะสบถในลำคอ ซึ่งฉันก็ไม่เข้าใจว่าทำไม
“หึ” “ไปตอนนี้เลยไหมคะ” ฉันไม่ได้คิดอะไรมากกับคำถามขอบตัวเอง ใช่ว่าไม่เคยขึ้นคอนโดของพี่เสือซักหน่อย ก่อนหน้านี้ก่อนไปเรียนฉันชอบซื้อน้ำเต้าหู้ไปให้ “รู้ไหมว่าตอนนี้เหมือนเธอกำลังเสนอตัวให้ฉัน” “จะ ใจ๋ไม่ได้ทำแบบนั้นนะ กะ ก็พี่เสือบอกเองนี่” ฉันรีบส่ายหน้าปฏิเสธทันควันเมื่อถูกกล่าวหาในเรื่องที่ไม่จริง “ไม่ต้องทำตัวใสซื่อในเมื่อเธอแสดงออกมาชัดเจนแล้วว่าอยากได้ฉันขนาดไหน” “ใจ๋ชอบพี่เสือ แต่ไม่เคยคิดเรื่องแบบนั้นเลยนะคะ” “หึ!!” “ขอเวลาให้ใจ๋ได้ทำให้พี่เสือชอบได้ไหม เปิดโอกาสให้ใจ๋หน่อยได้ไหมคะ” มันอาจจะดูน่าตลกที่เป็นฝ่ายเอ่ยปากขอผู้ชายก่อน แต่ทำยังไงได้ในเมื่อฉันชอบพี่เสือจริงๆ “ที่ผ่านมามันยังไม่ชัดเจนอีกรึไงว่าฉันไม่เคยคิดอะไรกับเธอเลย” “เพราะพี่เสือไม่เคยเปิดโอกาสให้ใจ๋เลยต่างหาก” คนตัวสูงพ่นลมหายใจออกมาแรงๆ ราวกับการพูดคุยกับฉันมันเป็นเรื่องที่น่าหงุดหงิดเอามากๆ “กลับไปซะ ถ้าไม่กลับก็ดูแลตัวเองดีๆ เพราะถ้าเกิดอะไรขึ้นฉันจะไม่เข้าไปช่วยเธออีก” “พี่เสือเป็นห่วงใจ๋ใช่ไหม” ฉันยิ้มออกมา เพียงแค่คำสั่งแค่นี้มันก็ทำให้คิดไปเองว่าอีกฝ่ายกำลังเป็นห่วง “ถ้าเป็นเมื่อก่อนคงใช่…ห่วงในฐานะน้องสาว” เย็นชาจัง ทั้งสายตาและคำพูด มันเหมือนยิ่งเราใกล้กันฉันก็ยิ่งห่างไกลออกไป การพยายามที่จะพูดคุยมันยิ่งทำให้ทุกอย่างแย่ “โอเคค่ะ ใจ๋จะไม่กวนใจพี่เสืออีก” “ดี” “เพราะยังไงพี่เสือก็หนีใจ๋ไม่พ้น” หัวคิ้วหนาขมวดชนกัน ก่อนจะตวาดถามเสียงเข้ม “อะไรอีกห๊ะ!!” “เราต้องหมั้นกันไงคะ ใจ๋น่ะดีใจที่สุด” ฉันตั้งใจเอ่ยคำยั่วโมโหออกไปเพราะไม่ว่าจะพยายามกี่ครั้งพี่เสือก็ยังแสดงท่าทางไม่ต้อนรับไม่อยากคุยดีนัก ให้มันเป็นอย่างที่ควรจะเป็นไปให้แล้วกัน “ใจ๋!!!” “จ๋ายก็รู้เรื่องแล้วนะคะ ฝากยินดีกับเราสองคนด้วย” “ถ้าไม่อยากให้ฉันใจร้ายกับเธอไปมากกว่านี้ก็ หุบปากซะ” “ตั้งแต่วันนั้นก็ใจร้ายกับใจ๋ตลอดเลยนี่ ร้ายกว่านี้ใจ๋ก็รับมือไหวค่ะ” จู่ๆ พี่เสือก็ยิ้มมุมปากก่อนจะกระชากแขนฉันอย่างแรงจนเซมากระแทกกัยแผงอกแกร่ง ก่อนจะก้มลงมาพูดด้วยน้ำเสียงที่ชวนให้ขนลุก “หึ!! แน่ใจว่ารับไหว” “………” “ถ้าฉันเอาจริงขึ้นมาเธอคงรับมือไม่ไหวหรอก” “จะ ใจ๋เจ็บ” ฉันนิ่วหนาขมวดคิ้วเพราะแรงบีบที่แขนนั้นมันทำให้ปวดหนึบ จากนั้นก็พยายามดิ้นเพื่อให้คนตัวสูงปล่อย “ไอ้เสือ” เสียงของพี่โซ่ทำให้พี่เสือผละตัวออกจากนั้น ก่อนจะหันไปมองเพื่อน “อ้าวน้องใจ๋ มาตั้งแต่เมื่อไร” “พะ เพิ่งมาค่ะ” “มาเที่ยวกับใคร ไปนั่งกับพวกพี่ไหม” ฉันมองพี่เสือแต่ไม่ทันได้อ้าปากตอบรับคำชวนจากพี่โซ่ก็มีเสียงแทรกขึ้นมาซะก่อน “มึงจะชวนเพื่อ?” “ก็กลัวน้องไม่มีเพื่อนดื่ม” “ให้แดกคนเดียวไปดิ” “ไอ้เสือ มึงหยาบคายกับน้องเกินไปแล้ว” “กูไม่ได้ขอให้มา” “ใจ๋กลับก่อนดีกว่าค่ะ ดึกแล้วเดี๋ยวพ่อดุ” ฉันพูดตัดบทเพราะไม่อยากได้ยินคำพูดร้ายๆ อะไรจากคนที่เคยใจดีอย่างพี่เสืออีก จริงๆ ไม่ได้ตั้งใจจะกลับเร็วขนาดนี้หรอกแต่พอได้พูดคุยกับพี่เสือในครั้งนี้ใจมันตั้งรับไม่ไหว ขอกลับไปตั้งหลักก่อนก็แล้วกัน หากฝืนอยู่ต่อมันอาจจะแย่กว่าเดิมก็ได้ เพราะเวลาดื่มฉันมักจะกลายเป็นคนขี้หวง พอเห็นผู้หญิงเข้าไปเกาะแกะพี่เสือก็กลัวจะคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้ แค่นี้ก็กลายเป็นคนไม่ดีในสายตาเขาไปแล้ว อย่าให้มันแย่มากไปกว่านี้เลยTalk - เสือ
“หัวเสียอะไรขนาดนั้นวะไอ้เสือ น้องก็กลับไปแล้ว” ไอ้โซ่ถามขณะที่ผมกำลังสูบบุหรี่ และมองรถของผู้หญิงที่ทำให้หงุดหงิดขับผ่านหน้าไป “ลองมาถูกบังคับให้หมั้นแบบกูดูแล้วมึงจะเข้าใจ” “ไอ้ฉลามบอกกูว่าน้องไม่ได้ตั้งใจ แล้วก็ไม่รู้เรื่องเหมือนกัน” “แต่ใจ๋ตั้งใจเลือกกู” ผมพ่นควันบุหรี่ออกมาด้วยอารมณ์ที่หงุดหงิด “มึงเคยเอ็นดูน้องมากๆ ไม่คิดว่าจะเปลี่ยนไปขนาดนี้” “กูเอ็นดูเหมือนน้องสาว ไม่ได้อยากจะหมั้น” “ไม่ตกหลุมรักน้องเลยหรอ ใจ๋ก็ดูชอบมึงมากๆ” “น่ารำคาญ มึงจะถามเอาอะไรนักหนาในเมื่อคำตอบกูก็เหมือนเดิม” “ถ้ามึงไม่เต็มใจขนาดนั้นทำไมไม่ลองคุยกับที่บ้านดู” “ครอบครัวกูกับใจ๋ทำธุรกิจร่วมกันหลายอย่าง พ่อกูไม่กล้าขัดหรอก พูดไปกูก็โดนบ่น ยิ่งแม่กูตอนนี้คงไปหาฤกษ์ไว้รอแล้ว” “กูเข้าใจมึง แต่กูก็เข้าใจน้องเหมือนกัน” “มึงควรเข้าใจแค่กู” “เอ้าไอ้นี่!! ถ้ากูต้องหมั้นกับน้องใจ๋นะกูคงหลับฝันดีทุกคืน น้องน่ารักชิบหาย ตัวเล็กๆ ตากลมๆ ผิวขาวๆ ปากขมพู ถ้าไม่ติดว่าน้องชอบมึงกูจีบไปแล้ว” “จีบดิ กูไม่ถือ” “มึงจะให้กูจีบคู่หมั้นตัวเอง?” “มึงทำได้ไหมล่ะ ทำให้ใจ๋ชอบมึง จะได้เลิกยุ่งกับกูสักที” ผมบอกไปอย่างไม่รู้สึกอะไร ถ้ามันทำให้ใจ๋ชอบได้ก็เป็นผลดีกับผมเหมือนกัน “ไอ้สัส!! ถ้ากูชอบน้องขึ้นมาจริงๆ แล้วน้องต้องหมั้นกับมึงคิดว่ากูจะทำใจได้รึไง” “………” “น้องสนใจแค่มึงเสือ กูเปลี่ยนใจใจ๋ไม่ได้หรอก” “กูต้องเหี้ยขนาดไหนใจ๋ถึงจะเลิกชอบ” “กูกลัวว่ากว่าจะถึงวันที่ใจ๋เลิกชอบมึง วันนั้นมึงอาจจะชอบน้องกลับอะดิ”#อาทิตย์ต่อมา ฉันไปเรียนได้แล้วหลังจากที่หยุดเกือบอาทิตย์ พอได้อยู่กับเพื่อนก็ทำให้อาการซึมน้อยลงแต่พออยู่คนเดียวก็เป็นเหมือนเดิม ได้แต่คิดถึงอดีตที่เคยมีความสุข…“พี่เสือใจ๋ขอขี่หลังหน่อย”“โตขนาดนี้แล้วยังจะขอขี่หลังเป็นเด็ก” “เร็วๆ สิ” “เด็กดื้อ” ฉันกระโดดขึ้นหลังของพี่เสือ ถึงแม้จะถูกบ่นแต่ก็ยอมย่อตัวเพื่อรับฉันไว้ไม่ให้ตก จำได้ตราตรึงในหัวใจเลยว่าเหตุการณ์นี้ทำให้ฉันเริ่มรู้ว่าตัวเองชอบพี่เสือเข้าให้แล้ว แต่ในตอนนี้แม้แต่หน้ายังแทบไม่ได้เจอกัน พูดคุยสักคำก็ไม่มี ฉันส่งแชตไปทุกวันแต่พี่เสือไม่เคยเปิดอ่านเลย ไทเกอร์บอกให้ฉันรอ จนมาถึงตอนนี้เริ่มคิดแล้วว่าจะต้องรอไปอีกนานเท่าไร การที่จะตัดใครสักคนออกจากชีวิตสำหรับพี่เสือมันทำง่ายขนาดนั้นเลยหรอ“คุณหนูคะคุณท่านเรียกพบค่ะ” “ค่ะ” ฉันที่กำลังคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อนถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะมาพบคุณพ่อตามคำสั่งที่ห้องทำงาน “พ่อเรียกใจ๋มามีอะไรหรือเปล่าคะ” “พรุ่งนี้ลูกว่างหรือเปล่า” “ใจ๋มีนัดกับยี่หวาค่ะ ทำไมหรอคะ” พรุ่งนี้ฉันนัดไปดูหนังกับยี่หวาที่ห้าง “ยกเลิกนัดกับเพื่อนไปก่อน”“คะ? พ่อจะพาใจ๋ไปไหน” “พรุ่งนี้ลูกต้องไปลองชุดที่จะใส่ง
@ภายในห้องลองชุดมันเป็นแค่ห้องสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ ที่ไม่มีหน้าต่าง มีแค่โซฟาตัวเล็ก ตอนนี้หัวใจของฉันเต้นรัวราวกับถูกจับเขย่าแรง ๆ เมื่อเห็นสายตาที่ไม่เป็นมิตรของพี่เสือ“ถอดเสื้อผ้าออก”“ถะ... ถอดทำไมคะ” เมื่อเห็นว่าคนตัวสูงเดินเข้ามาใกล้ขาของฉันก็รีบก้าวถอยหลังหนีอัตโนมัติทันที“กลัวอะไรนัก?”“ยะ... หยุด ตะ... ตรงนั้นก่อนค่ะ” ฉันบอกเสียงสั่น สายตาคมที่จ้องมองทำให้ใบหน้าเริ่มร้อนผ่าว“คิดว่าฉันจะทำอะไรเธอในห้องนี้หรือไง?”“พะ... พี่เสือใจ๋บอกให้หยุด” ยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ พี่เสือก้าวขาเดินมาประชิดตัวฉันพร้อมก้มหน้าลงมากระซิบพูดเสียงเย็น “ห้องแคบ ๆ แบบนี้คงทำไม่สะดวก”ฉันกำมือแน่นจนเปียกชุ่มเหงื่อ ทั้งกลัวและประหม่ากับการกระทำที่ไม่คุ้นเคยจากพี่ชายที่เคยสนิทอย่างพี่เสือ“ลองชุดสิ ฉันจะช่วยเลือก”“อะ... ออกไปข้างนอกสิคะ”“จะเสียเวลาเดินเข้าออกเปลี่ยนชุดทำไม แค่ถอดเปลี่ยนตอนนี้ก็จบ ถ้าเจอชุดที่ถูกใจฉันจะบอกเอง”“แต่พี่เสือก็ต้องลองชุดเหมือนกัน”“อ่า! หรือจะถอดเสื้อผ้าลอง… ชุดพร้อมกันเลย?”ฉันเม้มปากแน่น พอจะเดาออกว่าคนตรงหน้ากำลังสื่อเรื่องอะไร เพราะฉันไม่ได้ใสซื่อขนาดที่จะไม่รู้อะไรเลย“ส
พอมาถึงที่บ้านฉันก็รีบเข้าห้องนอนร้องไห้ขดตัวอยู่ในผ้าห่ม ที่ผ่านมาพี่เสือแทบไม่เอ่ยถึงจ๋ายเลย แต่วันนี้กลับพูดแบบนั้นออกมามันเหมือนสื่อความหมายว่าถึงฉันและจ๋ายจะหน้าเหมือนกันแต่มีคนเดียวที่พี่เสือรู้สึกด้วย ซึ่งมันไม่ใช่ฉันเจ็บปวดขนาดนี้แล้วไม่อยากคิดเลยว่าหากเราหมั้นกันต่อไปจะเป็นยังไง… แต่ฉันยังไม่ยอมแพ้หรอก ยังไงก็อยากจะเอาชนะใจพี่เสือให้ได้ เพราะจ๋ายเองก็ไม่ได้คิดอะไรเกินเลยกับเขาไปมากกว่าพี่ชาย#วันต่อมา มหาวิทยาลัย“ใจ๋หนุ่มคณะแพทย์ตามขายขนมจีบแกมาหลายเดือนแล้วนะไม่สนใจหน่อยหรือไง” ยี่หวาเอ่ยถามเพราะเห็นพี่ยูซื้อขนมมาให้พี่ยูเป็นรุ่นพี่ที่มหาวิทยาลัยเราบังเอิญเจอกันที่โรงพยาบาล พี่เขาเป็นนักศึกษาแพทย์และก็เรียนมหาวิทยาลัยเดียวกัน รู้ว่าเขากำลังตามจีบและฉันก็ปฏิเสธไปแล้วเพราะภายในใจมันไม่เหลือที่ว่างให้ใครเลย“คบแพทย์ไม่มีเวลาให้หรอก” ไทเกอร์บอก“เบาบ้างนิสัยหวงเพื่อนน่ะ ทีกับพี่ชายตัวเองไม่เห็นจะหวง” ยี่หวาถาม ไทเกอร์น่ะเป็นแบบนี้แต่ไหนแต่ไร ถ้ามีผู้ชายเข้ามาจีบฉันกับยี่หวา เขาจะคอยกันท่าให้ตลอด“อันนั้นเพื่อนเราตามจีบเขาหรือเปล่า”“อะพูดถูก สวย ๆ แบบใจ๋ ใครจะไปคิดว่าตามจีบผ
บรรยายกาศถูกความเงียบปกคลุม แม้แต่พี่โซ่ที่เป็นเพื่อนกับพี่เสือก็ไม่กล้าพูดอะไร ฉันและพี่เสือต่างจ้องหน้ากันอย่างไม่ลดละ จนกระทั่งพี่ฉลามและเพื่อนคนอื่น ๆ เดินเข้ามา“ใจ๋ทำไมมาที่นี่” พี่ฉลามถามฉันพร้อมขมวดคิ้วแปลกใจ“พี่เสือจะไปส่งที่บ้านค่ะ”“โดนบังคับไม่ได้เต็มใจ” คนที่ถูกเอ่ยชื่อรับแก้ตัว“ไอ้เสือ” พี่ฉลามเรียกชื่อพี่เสือเสียงเข้ม แต่เขาไม่ได้สนใจหรอก เพราะไม่ชอบฉันไปแล้วนี่“คุณพ่อถามหาพี่ฉลามด้วยนะคะ ว่าง ๆ คงไปเยี่ยมคุณลุง บ่นว่าอยากตีกอล์ฟด้วย” พ่อของฉันและพ่อของพี่ฉลามเป็นพี่น้องกัน ไม่แปลกที่เราทั้งสองบ้านจะมีกิจกรรมที่ทำร่วมกันบ่อย ๆ“จะกลับก็ตามมา มัวแต่พูดมากอยู่ได้” เสียงหงุดหงิดของพี่เสือเอ่ยขึ้น ก่อนจะเดินนำออกไปไม่รอฉันเลย“ใจ๋ พี่ขอเตือนนะว่าไอ้เสือมันร้ายกว่าที่คิด ระวังตัวหน่อยก็ดี” พอพี่เสือเดินออกไปพี่ฉลามก็พูดขึ้นทันที“ใจ๋รู้ค่ะ เห็นกันมาตั้งแต่เด็กทำไมจะไม่รู้”“ใจ๋รู้ในสถานะน้องคนสนิท แต่พี่รู้ในสถานะเพื่อน พี่รู้นิสัยมันดีกว่าเชื่อสิ”“…” ฉันเม้มปากแน่น จะบอกว่ารู้จักพี่เสือดีมันก็ใช่แต่ในมุมที่ดี เขาเป็นพี่ชายที่ดูแลฉันดีคนหนึ่ง แต่ก็อย่างที่พี่ฉลามว่า ความ
คุณแม่ของพี่เสือดูเหมือนจะไม่พอใจคำพูดของลูกชายมาก ๆ ท่านรีบเอ่ยขัดขึ้นทันที“จะให้จ๋ายหมั้นแทนน้องได้ยังไงเสือ”“หน้าเหมือนกันคงไม่มีใครรู้หรอกครับ”“แล้วเสือคิดว่าทางฝั่งน้องจะยอมหรือไง”พี่เสือไหวไหล่ เขาไม่ได้คิดอะไรกับคำพูดของตัวเองมากนัก แต่มันสร้างความเจ็บปวดให้คนที่ได้ฟังจริง ๆ“อย่าดึงจ๋ายมาเกี่ยว เพราะยังไงคนที่จะได้หมั้นและแต่งงานกับเสือก็มีแค่น้องใจ๋เท่านั้น”ฉันลุกขึ้นยืนก่อนจะรีบบอกคุณป้า “ใจ๋ขอตัวกลับก่อนนะคะ”“อย่าถือสาคำพูดพี่เลยนะลูก”ฉันเงียบก่อนจะเดินออกจากห้องอาหาร ไม่มีแม้แต่คำคัดค้านจากพี่เสือ เขาคงพอใจมากที่ทำให้ฉันเสียความรู้สึกขนาดนี้ได้“ใจ๋”ไม่รู้ว่าไทเกอร์เดินตามมาด้วยพอได้ยินเสียงทุ้มของเพื่อนเอ่ยเรียกฉันก็หยุดชะงัก ก่อนจะหันกลับมามอง“ไหวแน่เหรอ?”“อึก~”หยดน้ำตาไหลอาบแก้มเมื่อได้ยินประโยคคำถามนั้น ฉันพุ่งตัวมากอดเพื่อนสนิทแน่นและร้องไห้โฮออกมาอย่างอดกลั้นไม่ได้“เจ็บจัง อึก~”“ถ้าไม่ไหวก็ร้องไห้ออกมาให้หมด” ไทเกอร์บอกแล้วกอดตอบ จำแทบไม่ได้แล้วว่าครั้งสุดท้ายที่ถูกเพื่อนคนนี้ปลอบนั้นเมื่อไรเพราะที่ผ่านมาจะเป็นพี่เสือที่ทำหน้าที่นี้ แต่ทว่าครั้งนี้คนที่
ตอนนี้ฉันนั่งอยู่ในรถของพี่เสือที่กำลังขับมุ่งตรงไปยังคอนโด อาจเป็นคนที่โง่มาก ๆ ถึงได้เลือกแบบนี้ภายในรถไร้เสียงจากบทสนทนามีเพียงเสียงหัวใจของฉันที่เต้นแรงขณะกำลังนั่งเกร็ง มือที่กำแน่นเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ ใช้เวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมงรถหรูก็ขับมาจอดที่คอนโด เจ้าของรถเปิดประตูลงโดยไม่สนใจฉันที่นั่งมาด้วย ทำใจครู่หนึ่งก็เปิดประตูตามพี่เสือออกมาอาการเมาก่อนหน้านี้ถูกแทนที่ด้วยความกลัวและประหม่า ได้แต่เฝ้าถามตัวเองว่าแน่ใจแล้วจริง ๆ เหรอที่เลือกแบบนี้#ภายในห้องมาถึงพี่เสือก็ถอดเสื้อออกแล้วโยนไปพาดบนโซฟาตัวใหญ่ และนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ฉันได้เข้ามาในห้องนี้“ถอดสิ” ทันทีที่ประตูปิดสนิทเสียงทุ้มก็เอ่ยถ้อยคำออกคำสั่ง “ถอดเสื้อผ้าออกให้หมด”“…” ฉันกัดริมฝีปากตัวเองแน่นจนได้กลิ่นคาวของเลือดจาง ๆ มองดูการกระทำของคนที่อายุมากกว่าไม่วางสายตาพี่เสือเดินตรงมาหาฉันที่กำลังถอยมาติดกับประตู ก่อนจะดึงแขนมาประชิดตัวแล้วก้มใบหน้าลงมาหายใจร้อนรดต้นคอ“อยากมากับฉันเองแท้ ๆ แล้วทำไมตัวถึงสั่นขนาดนี้”“จะ... จะ... ใจ๋แค่ไม่เคย”“หึ!! แล้วยังไง จะยอมให้ฉันเป็นผู้ชายคนแรกของเธอ?”“ถ้าเป็นพี่เสือ… ใจ๋ยอมค่ะ”
พอพี่เสือเดินหายเข้าไปในห้องนอนฉันก็รีบลุกขึ้นใส่เสื้อผ้าพร้อมน้ำตาที่ไหลอาบแก้ม เมื่อแต่งตัวเรียบร้อยก็นั่งเหม่อลอยอยู่บนโซฟา สมองมันเอาแต่คิดและรู้สึกอับอายกับสิ่งที่ตัวเองทำลงไป“ทำไมยังไม่กลับ?” พี่เสือเดินออกมาจากห้องพร้อมถามราวกับอยากไล่ให้ฉันออกไปไกล ๆ“มะ... ไม่มีรถกลับค่ะ”“ให้ไอ้ไทเกอร์มารับ”“ไปส่งใจ๋ไม่ได้เหรอคะ” ฉันเม้มปากแน่น ยังรู้สึกอายและเสียใจกับเหตุการณ์เมื่อครู่แต่ก็ยังอยากอยู่กับเขา“ภาระ”“ไทเกอร์คงกลับไปแล้ว”“ถ้าเธอโทรไปหามันคงรีบมารับ” ฉันขมวดคิ้วเป็นปมเพราะดูเหมือนว่าพี่เสือพยายามยัดเยียดฉันให้กับน้องชายของตัวเอง“ถ้าการไปส่งใจ๋มันทำให้พี่เสือลำบากมาก เดี๋ยวใจ๋เรียกรถกลับก็ได้ค่ะ”“เรียกรถเป็น?”“ยี่หวาเคยสอนใจ๋แล้ว”“กล้านั่ง?”“ไม่มีทางเลือกนี่คะ” ไม่แปลกที่จะถูกคนตรงหน้าขมวดคิ้วมองเพราะฉันไม่เคยนั่งพวกแกรปหรือแท็กซี่เลย ปกติจะมีคนที่บ้านคอยไปรับไปส่ง ไม่ก็ขับรถเองบ้างไปกับเพื่อนบ้าง ยังดีที่พี่เสือจำได้ ว่าฉันไม่ชอบนั่งรถกับคนแปลกหน้า“เสียเวลา” พี่เสือสบถออกมาก่อนจะหยิบโทรศัพท์กดเบอร์แล้วยกขึ้นแนบหูคิดว่าจะใจดีไปส่งแต่เปล่าเลย เขาโทรหาน้องชายของตัวเองต่
ไม่ใช่แค่ฉันแต่จ๋ายเองก็อึ้งในคำตอบของพี่เสือไม่ต่างกัน คงมีแค่คนตรงหน้าที่ไม่ได้รู้สึกอะไรกับคำพูดของตัวเอง“กลับกันเถอะใจ๋”จ๋ายดึงมือฉันให้ออกมาจากสถานการณ์ที่น่าอึดอัด เมื่อมาถึงที่บ้านก็ถูกจี้ถามทันที“พี่เสือเปลี่ยนไปขนาดนี้เลยเหรอใจ๋”“อะ… อื้อ”“จ๋ายรู้ว่าใจ๋ชอบพี่เสือ แต่…” ฉันรู้ว่าแฝดน้องของตัวเองจะพูดอะไรจึงรีบขัด “ขอใจ๋ได้พยายามก่อนได้ไหมจ๋าย”“…” เมื่อได้ยินคำขอของฉันจ๋ายก็ถึงกับถอนหายใจออกมา“ใจ๋สัญญาว่าถ้าสุดท้ายแล้วมันไม่ใช่จริง ๆ จะถอย”“สัญญาแล้วนะ จ๋ายจะไม่ห้ามแต่อย่าทำร้ายหัวใจตัวเองจนบอบช้ำ”“อื้อ รักจ๋ายที่สุดเลย”“จ๋ายก็รักใจ๋มาก ๆ ไม่ยอมด้วยถ้าพี่เสือใจร้าย”“รู้ใช่ไหมว่าพี่เสือคิดยังไงกับจ๋าย” ฉันเปิดประเด็นถามออกไป“รู้สิ ถึงได้ตัดสินใจไปเรียนต่อต่างประเทศไง”“จ๋ายไม่ได้ไปเพราะรู้ว่าใจ๋ชอบพี่เสือใช่ไหม”“เพราะไม่อยากให้พี่เสือคิดอะไรกับจ๋ายมากไปกว่าน้องสาวต่างหาก”“พอแล้วไม่อยากพูดเรื่องนี้” ฉันเอ่ยขัดเพราะบทสนทนาของเราสองคนนั้นมันตึงเครียดเกินไป“ไปเรียนที่นู้นมีใครมาจีบไหม?” ฉันถาม“จะบอกว่าไม่มีก็คงโกหกใช่ไหมล่ะ”“แสดงว่ามี”“แต่จ๋ายไม่ได้สนใจใครเลยนะ อยา
หลายเดือนต่อมาฉันย้ายมาพักห้องพิเศษวีไอพีที่โรงพยาบาลเพราะใกล้จะถึงกำหนดคลอดแล้ว จริงๆ ไม่ได้มีวันตายตัว แต่หมอบอกว่าไม่น่าเกินสองวันนี้ เราจึงตกลงกันไว้มาอยู่ที่โรงพยาบาลเพื่อรอคลอดเลยน่าจะสะดวกกว่า เพราะวันก่อนฉันปวดท้องมาก ทีแรกคิดว่าจะคลอดแล้วแต่พอมาถึงโรงพยาบาลอยู่ๆ ก็หายปวดซะงั้น ยัยลูกสาวตัวแสบของฉันขี้แกล้งใช่ไหมล่ะ“จ๋ายตอนนี้เป็นไงบ้าง” ม่านกั้นรอบเตียงถูกเปิดออกพร้อมกับไทเกอร์ที่โผล่หน้าเข้ามาถาม“ยังไม่มีอาการอะไรเลยไทเกอร์” ที่ฉันต้องขอให้พยาบาลปิดม่านไว้ก็เพราะกันไม่ให้ไทเกอร์ตื่นตูมมากเกินไป ตั้งแต่เมื่อวานที่มาถึงจนตอนนี้เขาถามฉันทุกๆ ห้านาทีเลยว่าเป็นยังไงบ้าง ก้นนั่งไม่ติดโซฟาด้วยซ้ำ พอจะเข้าใจว่าตื่นเต้นเพราะเขากำลังจะเป็นพ่อคน แต่มันก็ออกจะเกินไปหน่อย“จ๋าย ฉันว่าเราจ้างหมอให้มายืนรอเตรียมคลอดไว้ตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงเลยดีกว่า เพราะถ้าจะคลอดขึ้นมาจะได้ลงมือทันทีเลย แบบนี้ดีไหม” น้ำเสียงของไทเกอร์ติดๆ ขัดๆ ฟังดูลนลานพูดผิดพูดถูก“ไทเกอร์ใจเย็นๆ ไม่ต้องถึงขั้นนั้นหรอก ถ้าจะคลอดจริงๆ ก็แค่กดปุ่มตามหมอมา” “แต่ว่า..” “ถ้านายดื้อฉันจะกลับบ้านนะ” “อย่านะ ไม่ได้สิ เอาแ
หลังหมั้นได้สามวันฉันกับไทเกอร์นั่งเครื่องไปยังเกาะส่วนตัว ที่ต้องรีบไปเพราะอีกไม่นานมหาวิทยาลัยก็จะเปิดเทอมแล้วคงไม่มีเวลา แถมท้องเริ่มโตขึ้นเรื่อย ๆใช้เวลาเดินทางไม่นานเราสองคนก็มาถึงเกาะส่วนตัว ที่ที่เป็นความทรงจำไม่ดีสักเท่าไรสำหรับฉัน แต่เชื่อว่าครั้งนี้ไทเกอร์สามารถลบเรื่องราวเหล่านั้นออกไปได้อย่างที่เคยให้คำสัญญาเอาไว้เพราะความทรงจำเกิดขึ้นที่นี่มากมาย มองไปทางไหนก็เจอแต่เรื่องราวที่เคยเกิดขึ้นระหว่างเราสองคน“เข้าบ้านกันครับ” ไทเกอร์เดินมาหยุดข้าง ๆ สองมือหิ้วกระเป๋าใบใหญ่ ครั้งนี้เขาอนุญาตให้ฉันใส่บิกินีหรือชุดโชว์หุ่นได้ตามสบาย ไม่ต้องแปลกใจที่ใจดีขนาดนี้เพราะเกาะแห่งนี้ไม่มีใครอยู่เลยนอกจากเราสองคน“เล่นน้ำกันนะ” “หืม?”“ก็นายอนุญาตให้ใส่บิกินีได้ทั้งที” ฉันทำปากมุ่ยมุบมิบเพราะไทเกอร์เอาแต่ขมวดคิ้ว พอตอบไปแล้วเขากลับยิ้มแบบนี้มันแกล้งกันชัด ๆ“แกล้งทำไม”“รู้ไหมเวลาทำปากแบบนี้แล้วน่าจูบขนาดไหน”“ขนาดไหนเหรอคะ” ฉันเขย่งเท้าขึ้นเอาหน้ายื่นไปใกล้ ถึงอย่างนั้นก็ยังสูงไม่เท่าไทเกอร์จนเขาต้องโน้มลงมา แต่พอเขาทำท่าจะจูบก็รีบขยับตัวหนีพร้อมส่งยิ้มหวานให้“เอาคืนแบบนี้?”“ขัดใจเห
ไทเกอร์กับฉันตื่นเช้าด้วยความรู้สึกที่ตื่นเต้น เพราะเราสองคนนับวันจนผ่านมาถึงวันที่เฝ้ารอนั่นคือการไปอัลตราซาวนด์ ครั้งแรกที่เราจะได้เห็นเบบี๋น้อย แต่คนที่ตื่นเต้นมาก ๆ ก็ไม่พ้นคนที่บ้านต่างโทรมาถามกันยกใหญ่ ไทเกอร์รับสายจนแทบไม่ได้พักแล้วพูดคำเดิมซ้ำ ๆ ว่าไม่รู้เพศกำลังจะเข้าห้องไปอัลตราซาวนด์“ตื่นเต้นไหม” ลุงหมอถาม“ตื่นเต้นครับ แต่คนที่บ้านตื่นเต้นกว่า” พอไทเกอร์บอกอย่างนั้นลุงหมอก็หัวเราะเบา ๆ“ธรรมดาหลานคนแรกของตระกูล”ลุงหมอบีบเจลสีใสเนื้อสัมผัสหนืดลงมาบนท้องของฉัน จากนั้นก็เอาเครื่องบางอย่างมาถูวน ๆ ก่อนจะปรากฏภาพในจอตรงหน้าพร้อมเสียงคลื่นหัวใจครั้งแรกที่ได้เห็นทารกตัวน้อยผ่านจอหัวใจของฉันมันก็เต้นรัว รีบเงยหน้ามองไทเกอร์ เขายิ้มให้ฉันพร้อมมือที่บีบแน่น คงตื่นเต้นมากแน่เลยเพราะมือแอบสั่นด้วย“จมูกพุ่งมาเลย” ลุงหมอค่อย ๆ เลื่อนดูไปทีละจุดช้า ๆ พร้อมพูดบอกว่าตรงนั้นคือส่วนไหนของร่างกาย“ปกติแข็งแรงตามอายุครรภ์”“ถึงเวลาดูเพศแล้ว หนูน้อยไหนหันมาให้ลุงดูหน่อยเร็ว”ทั้งฉันและไทเกอร์ต่างเงียบสายตาโฟกัสไปบนจอด้วยความตื่นเต้น ลุงหมอใช้เวลาดูอยู่ไม่นานก็หันมายิ้ม“ผู้หญิงนะ ใช่อย่างที
… ผ่านไปเกือบเดือน ตอนนี้ฉันกำลังนั่งดูแบบชุดที่จะใส่วันหมั้น เราได้ฤกษ์มาแล้วเป็นเดือนหน้า ดูรวบรัดหน่อยต้นเหตุก็เพราะไทเกอร์ขอเลือกวันที่เร็วที่สุดถึงได้หัวหมุนกันอย่างดี โชคดีที่เชิญแค่คนสนิทไม่ใช่งานใหญ่อะไรอย่างที่เคยคุยกันไว้ช่วงนี้ฉันกับไทเกอร์อยู่ที่คอนโดซะมากกว่าที่บ้าน เหตุผลก็เพราะเขาอยากให้เรามีเวลาอยู่ด้วยกันเพิ่มขึ้น ถึงบ้านจะหลังติดกันแต่เข้า ๆ ออก ๆ นอนห้องเดียวกันรู้สึกว่ามันดูไม่ค่อยดี ถึงที่บ้านจะไม่ว่าอะไรก็ตาม เราคุยกันแล้วพ่อกับแม่ก็อนุญาตแต่ช่วงท้องเดือนที่เจ็ดต้องกลับไปอยู่บ้านจะได้มีคนช่วยดู ช่วงนั้นไทเกอร์ก็ต้องเรียนด้วยไม่มีเวลามาคลุกอยู่กับฉันทั้งวันอย่างตอนนี้ “ชุดนี้สวยไหม” ฉันถามคนที่นอนบนตัก ทางร้านส่งแบบมาให้ที่คอนโด หลังจากเลือกแล้วก็จะสั่งคนมาวัดตัว เป็นร้านของเพื่อนสนิทแม่ก็เลยไม่ต้องได้ไปด้วยตัวเอง“ครับ จ๋ายใส่ชุดไหนก็สวย”“หยุดคลั่งรักฉันแล้วลุกขึ้นมาเลือกชุดก่อนดีไหม” ฉันมองค้อนไทเกอร์ เขาไม่เห็นจะเลือกเลยเอาแต่นอนหนุนตักทำปากมุบมิบคุยกับลูกอยู่ได้“หยุดไม่ได้ มีแต่จะคลั่งรักเมียมากขึ้นทุกวัน”แปะ!! พอได้ยินอย่างนั้นก็รีบฟาดมือที่ไหล่เขาทันที
“ทะ... ไทเกอร์พอแล้ว อ๊ะ~” ฉันพยายามใช้มือดันตัวเองออกห่างจากลิ้นสากที่ละเลงเลียเม็ดเสียวอย่างไม่ยอมฟังคำห้าม“อ๊าง~ พอแล้ว อ๊า~”เขามันบ้าเอาแต่ใจตัวเองที่สุด!!!ไม่ว่าจะเอ่ยห้ามสักเท่าไรไทเกอร์ก็ไม่มีท่าทีว่าจะยอมหยุด เขาเร่งจังหวะสัมผัสร้อนแรงขึ้นเรื่อย ๆ จนร่างของฉันสั่นสะท้าน ความร้อนรุ่มร้อนแล่นพล่านไปทั่วร่างกาย สองมือจิกลงบนผ้าปูที่นอน พยายามข่มกลั้นแต่ยิ่งพยายามระงับกลับยิ่งรู้สึกราวกับถูกไฟแผดเผา“หวาน” ใบหน้าหล่อผละออกมาจากกลางลำตัวแล้วพูดพร้อมใช้ลิ้นเลียขอบปาก ฉันที่มองอยู่รู้สึกอายจนไม่รู้จะอายยังไงแล้ว “โรคจิต!!” พอไทเกอร์ลุกขึ้นออกจากเรียวขาก็รีบดึงผ้าห่มมาคลุมท่อนล่างที่เปลือยเปล่าเอาไว้ทันที เขาเห็นอย่างนั้นก็หัวเราะออกมา“มาว่าโรคจิตได้ยังไงจ๋าย เมื่อกี้เธอเพิ่งปลดปล่อยใส่ปากฉันแท้ ๆ”“หยุดพูดเดี๋ยวนี้เลยนะ”“รู้ไหมรสชาติของเธอมันหวานมากเลย”“ทำไมชอบแกล้งกันอยู่เรื่อย”ฉันมุ่ยปากใส่ก่อนจะเบือนหน้าหนีร่างหนาที่กำลังล้มตัวลงนอนข้าง ๆ เขาทำตีมึนตาใสเอาแขนมาวางตรงท้องแล้วลูบไปมาอย่างทุกครั้ง“งอนบ่อย ๆ เดี๋ยวลูกจะขี้งอนตามแม่นะ”“ทฤษฎีไหนของนายอีก” หันกลับมามองคนที่กำลั
เช้าวันใหม่ตื่นขึ้นมาก็ได้กลิ่นหอมโชยเข้ามาในห้อง ฉันพยุงตัวเองลุกขึ้นก่อนจะยกแขนบิดขี้เกียจไปมา จากนั้นก็เดินเข้าห้องน้ำล้างหน้าแปรงฟันหลังทำธุระเสร็จฉันเดินมาหาไทเกอร์ที่ครัว เขาอยู่ในชุดกันเปื้อนกำลังยืนทำอาหารอย่างตั้งใจ โดยทำตามวิธีที่เปิดดูจากยูทูบ“วันนี้ทำอะไรให้ฉันกิน”ฉันเดินมาถามใกล้ ๆ ก่อนคนตัวสูงในชุดกันเปื้อนจะหันมาแล้วก้มลงจูบบนหน้าผาก ก่อนจะตอบ“ผัดผักใส่หมูสับ”“เอาใจเก่งจังเลยนะ”“ไม่ได้ทำเพราะเอาใจ ทำเพราะอยากทำ” ไทเกอร์หันกลับไปสนใจกระทะที่กำลังเปิดไฟร้อนผัดหมู ส่วนฉันก็ขยับออกห่างเล็กน้อยเพราะกลัวไปเกะกะเขา“นายได้ทำอะไรพี่ฝนกับเพลงหรือเปล่า” เพราะรู้สึกว่าสองคนนี้เงียบหายไปเลยไม่มาวุ่นวายกับเราสองคนแล้ว ก็เลยถามดู เขาอาจจะทำอย่างที่เคยทำกับแป้งตอนนั้นที่จู่ ๆ ก็หายไปไม่กล้ายุ่งกับไทเกอร์อีก“ทำไมถามแบบนั้น”“ฉันรู้สึกว่าสองคนนั้นเงียบหายไปเลย นายทำอะไรหรือเปล่า”“เธอห้าม แล้วฉันจะกล้าขัดคำสั่งได้ยังไง” เขาตอบโดยไม่หันมามอง เอาแต่ก้มหน้าก้มตาสนใจของที่อยู่ในกระทะ“ถ้าทำฉันก็ไม่ว่าอะไร แค่ไม่อยากให้โกหก”จู่ ๆ ไทเกอร์ก็วางตะหลิวในมือก่อนจะปิดแก๊สแล้วหมุนตัวหันมาป
หนึ่งอาทิตย์ผ่านไปคอนโด วันนี้ไทเกอร์เป็นคนขอพ่อกับแม่ว่าจะพาฉันนอนที่คอนโด พอเขาพูดแม่ก็ไม่เคยห้ามอะไรเลยคิดดูสิว่ารักลูกเขยคนนี้มากขนาดไหน ตั้งแต่เด็กจนโตแม่ชมไทเกอร์นับครั้งไม่ถ้วน“ดูสิท้องเริ่มออกแล้ว” ฉันเลิกเสื้อขึ้นโชว์ให้ไทเกอร์ที่กำลังนั่งอยู่บนโซฟาดู เมื่อกี้ส่องกระจกในห้องน้ำแล้วเห็นว่ามันนูนขึ้นมากกว่าเดิมก็เลยรีบบอกเขาด้วยความตื่นเต้น“รู้แล้ว” “ได้ยังไง นายรู้ก่อนฉันได้ยัง”“ฉันลูบท้องเธอทุกวัน”นั่นสิไม่น่าถามเลย ไทเกอร์น่ะลูบท้องฉันบ่อยมาก ๆ เวลานั่งใกล้กันมือของเขาจะวางตรงท้องอัตโนมัติทันที แต่ฉันนี่สิไม่สังเกตดูตัวเองเลย“มานั่งตักพี่เร็วคนสวย” ไม่พูดเปล่าเขาตบมือลงบนท่อนขาของตัวเองเพื่อเรียกให้ฉันไปนั่ง“ไม่เอา นายชอบลวนลาม”“โธ่จ๋าย แค่จับนิดบีบหน่อยเท่านั้นเอง” คนตัวสูงทำหน้าอ้อนและก็เป็นฉันที่แพ้อีกเช่นเคย มองสายตาที่หวานเยิ้มคู่นั้นก่อนจะเดินมานั่งลงบนตัก“คิดถึงตอนนั้นที่เราชอบดูหนังด้วยกัน แต่แทบไม่รู้เลยว่าเนื้อหาหนังที่ดูเป็นยังไง รู้ตัวไหมว่าขี้อ่อยขนาดไหน” เขาถามแล้วยกมือขึ้นมาบีบแก้มของฉันเบา ๆ ก่อนจะโน้มใบหน้ามาเอาปลายจมูกโด่งลากไล้พร้อมหอมฟอดใหญ่“คิ
ลืมตาตื่นขึ้นในตอนเช้าก่อนจะคิดถึงเรื่องราวเมื่อคืนจนทำให้ใบหน้าร้อนผ่าว ตอนนี้ฉันกำลังนอนอยู่ในอ้อมกอดของไทเกอร์ ภาพที่เขาจูบลงบนท้องซ้ำ ๆ ยังวนเวียนอยู่ในหัวทำให้ใจเต้นแรงเวลานึกถึงค่อย ๆ ขยับตัวหันมานอนตะแคงมองใบหน้าหล่อของคนที่กำลังหลับอยู่ ดีใจที่เขากลับมาเป็นรอยยิ้มให้อีกครั้งอย่างที่เคยพูดเอาไว้ ไม่ใช่แค่ไทเกอร์ที่อยากขอบคุณ ฉันเองก็อยากขอบคุณเขาเหมือนกันผ่านไปครู่ใหญ่ไทเกอร์ก็ลืมตาขึ้น สิ่งแรกที่เขาทำคือยิ้มแล้วขยับริมฝีปากมาจูบลงบนหน้าผากของฉันแผ่วเบา ก่อนจะเลื่อนมาหอมแก้มสองข้างและปิดท้ายด้วยการกดจูบลงบนริมฝีปาก“ตื่นนานหรือยัง”“ไม่นาน ก่อนที่นายจะตื่นแป๊บเดียวเอง”“ดีใจ ฉันดีใจมากจริง ๆ” พูดจบเขาก็ดึงให้ฉันเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดแน่น แล้วกดจูบลงบนหน้าผากซ้ำ ๆ หลายรอบ“รู้แล้วว่าดีใจแต่อย่ากอดแน่นมากหายใจไม่ออกแล้ว” พอบอกอย่างนั้นแขนแกร่งก็ค่อย ๆ ผ่อนแรงแต่ไม่ได้ปล่อยกอด“ขอบคุณครับ ขอบคุณที่ให้อภัยกัน” ฉันไม่ได้ตอบอะไรหวนคิดถึงเมื่อคืนที่ไทเกอร์ร้องไห้ออกมาหลังพูดคำว่าให้อภัย เขาทำให้รู้สึกได้ว่ารักฉันมากและรอคอยคำนี้มาตลอด พอได้ยินก็เหมือนถูกปลดล็อกทุกอย่าง“ขอบคุณนายเหมือน
เมื่อรู้ว่าใกล้จะหยุดตัวเองไม่ได้ ไทเกอร์เป็นฝ่ายผละออก เขาเอาหน้าผากของตัวเองแตะลงมาบนหน้าผากของฉันแล้วค้างไว้อย่างนั้นเป็นเวลานานถึงเวลาสักที ตอนนี้ฉันเองก็พร้อมจะเริ่มต้นใหม่แล้วเหมือนกัน เสียงจากความรู้สึกมันร้องบอกอย่างนั้น ฉันค่อย ๆ ยกมือขึ้นประคองใบหน้าคมคาย ก่อนจะขยับริมฝีปากมาจูบแผ่วเบาบนปากหยัก เป็นจูบที่ไม่รุกล้ำไปกว่าการเอาปากแตะกันแค่นั้น ทบทวนกับตัวเองอีกครั้งถึงการเริ่มต้นใหม่เพื่อย้ำเตือนว่าครั้งนี้ระหว่างเราสองคนจะไม่มีอะไรผิดพลาดอีก“ให้อภัย… ฉันให้อภัยนาย” หลังที่ต่างเงียบไปนาน ฉันเป็นฝ่ายพูดก่อน ราวกับอีกคนหูดับไปชั่วขณะ ไทเกอร์นิ่งไม่ขยับจนฉันต้องค่อย ๆ ผละใบหน้าออกห่างเพื่อมองว่าตอนนี้เขากำลังทำสีหน้าแบบไหน“… ขอบคุณครับ… ขอบคุณที่ให้อภัย” เสียงทุ้มปนสั่นเครือตอบแผ่วเบา หลังเอ่ยคำนั้นน้ำสีใสก็ไหลอาบแก้มเขาใช่แล้วเขาร้องไห้ร่างหนาสั่นโยนจากแรงสะอื้นทำให้ฉันเริ่มทำตัวไม่ถูก เพราะไม่คิดว่าประโยคสั้น ๆ นั้น จะทำให้ไทเกอร์ร้องไห้หนักขนาดนี้“ฉันรอ ฮึก~ รอคำนั้นมาตลอดเลยจ๋าย”“ฮึก~ ขอบคุณ”“ขอบคุณที่กลับมาเริ่มต้นใหม่กับคนเอาแต่ใจ ฮึก~ อย่างฉัน”“หยุดร้องไห้ก่อนไทเ