พี่เสือจ้องหน้าฉันนานพอสมควรก่อนจะสบถในลำคอ ซึ่งฉันก็ไม่เข้าใจว่าทำไม
“หึ” “ไปตอนนี้เลยไหมคะ” ฉันไม่ได้คิดอะไรมากกับคำถามขอบตัวเอง ใช่ว่าไม่เคยขึ้นคอนโดของพี่เสือซักหน่อย ก่อนหน้านี้ก่อนไปเรียนฉันชอบซื้อน้ำเต้าหู้ไปให้ “รู้ไหมว่าตอนนี้เหมือนเธอกำลังเสนอตัวให้ฉัน” “จะ ใจ๋ไม่ได้ทำแบบนั้นนะ กะ ก็พี่เสือบอกเองนี่” ฉันรีบส่ายหน้าปฏิเสธทันควันเมื่อถูกกล่าวหาในเรื่องที่ไม่จริง “ไม่ต้องทำตัวใสซื่อในเมื่อเธอแสดงออกมาชัดเจนแล้วว่าอยากได้ฉันขนาดไหน” “ใจ๋ชอบพี่เสือ แต่ไม่เคยคิดเรื่องแบบนั้นเลยนะคะ” “หึ!!” “ขอเวลาให้ใจ๋ได้ทำให้พี่เสือชอบได้ไหม เปิดโอกาสให้ใจ๋หน่อยได้ไหมคะ” มันอาจจะดูน่าตลกที่เป็นฝ่ายเอ่ยปากขอผู้ชายก่อน แต่ทำยังไงได้ในเมื่อฉันชอบพี่เสือจริงๆ “ที่ผ่านมามันยังไม่ชัดเจนอีกรึไงว่าฉันไม่เคยคิดอะไรกับเธอเลย” “เพราะพี่เสือไม่เคยเปิดโอกาสให้ใจ๋เลยต่างหาก” คนตัวสูงพ่นลมหายใจออกมาแรงๆ ราวกับการพูดคุยกับฉันมันเป็นเรื่องที่น่าหงุดหงิดเอามากๆ “กลับไปซะ ถ้าไม่กลับก็ดูแลตัวเองดีๆ เพราะถ้าเกิดอะไรขึ้นฉันจะไม่เข้าไปช่วยเธออีก” “พี่เสือเป็นห่วงใจ๋ใช่ไหม” ฉันยิ้มออกมา เพียงแค่คำสั่งแค่นี้มันก็ทำให้คิดไปเองว่าอีกฝ่ายกำลังเป็นห่วง “ถ้าเป็นเมื่อก่อนคงใช่…ห่วงในฐานะน้องสาว” เย็นชาจัง ทั้งสายตาและคำพูด มันเหมือนยิ่งเราใกล้กันฉันก็ยิ่งห่างไกลออกไป การพยายามที่จะพูดคุยมันยิ่งทำให้ทุกอย่างแย่ “โอเคค่ะ ใจ๋จะไม่กวนใจพี่เสืออีก” “ดี” “เพราะยังไงพี่เสือก็หนีใจ๋ไม่พ้น” หัวคิ้วหนาขมวดชนกัน ก่อนจะตวาดถามเสียงเข้ม “อะไรอีกห๊ะ!!” “เราต้องหมั้นกันไงคะ ใจ๋น่ะดีใจที่สุด” ฉันตั้งใจเอ่ยคำยั่วโมโหออกไปเพราะไม่ว่าจะพยายามกี่ครั้งพี่เสือก็ยังแสดงท่าทางไม่ต้อนรับไม่อยากคุยดีนัก ให้มันเป็นอย่างที่ควรจะเป็นไปให้แล้วกัน “ใจ๋!!!” “จ๋ายก็รู้เรื่องแล้วนะคะ ฝากยินดีกับเราสองคนด้วย” “ถ้าไม่อยากให้ฉันใจร้ายกับเธอไปมากกว่านี้ก็ หุบปากซะ” “ตั้งแต่วันนั้นก็ใจร้ายกับใจ๋ตลอดเลยนี่ ร้ายกว่านี้ใจ๋ก็รับมือไหวค่ะ” จู่ๆ พี่เสือก็ยิ้มมุมปากก่อนจะกระชากแขนฉันอย่างแรงจนเซมากระแทกกัยแผงอกแกร่ง ก่อนจะก้มลงมาพูดด้วยน้ำเสียงที่ชวนให้ขนลุก “หึ!! แน่ใจว่ารับไหว” “………” “ถ้าฉันเอาจริงขึ้นมาเธอคงรับมือไม่ไหวหรอก” “จะ ใจ๋เจ็บ” ฉันนิ่วหนาขมวดคิ้วเพราะแรงบีบที่แขนนั้นมันทำให้ปวดหนึบ จากนั้นก็พยายามดิ้นเพื่อให้คนตัวสูงปล่อย “ไอ้เสือ” เสียงของพี่โซ่ทำให้พี่เสือผละตัวออกจากนั้น ก่อนจะหันไปมองเพื่อน “อ้าวน้องใจ๋ มาตั้งแต่เมื่อไร” “พะ เพิ่งมาค่ะ” “มาเที่ยวกับใคร ไปนั่งกับพวกพี่ไหม” ฉันมองพี่เสือแต่ไม่ทันได้อ้าปากตอบรับคำชวนจากพี่โซ่ก็มีเสียงแทรกขึ้นมาซะก่อน “มึงจะชวนเพื่อ?” “ก็กลัวน้องไม่มีเพื่อนดื่ม” “ให้แดกคนเดียวไปดิ” “ไอ้เสือ มึงหยาบคายกับน้องเกินไปแล้ว” “กูไม่ได้ขอให้มา” “ใจ๋กลับก่อนดีกว่าค่ะ ดึกแล้วเดี๋ยวพ่อดุ” ฉันพูดตัดบทเพราะไม่อยากได้ยินคำพูดร้ายๆ อะไรจากคนที่เคยใจดีอย่างพี่เสืออีก จริงๆ ไม่ได้ตั้งใจจะกลับเร็วขนาดนี้หรอกแต่พอได้พูดคุยกับพี่เสือในครั้งนี้ใจมันตั้งรับไม่ไหว ขอกลับไปตั้งหลักก่อนก็แล้วกัน หากฝืนอยู่ต่อมันอาจจะแย่กว่าเดิมก็ได้ เพราะเวลาดื่มฉันมักจะกลายเป็นคนขี้หวง พอเห็นผู้หญิงเข้าไปเกาะแกะพี่เสือก็กลัวจะคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้ แค่นี้ก็กลายเป็นคนไม่ดีในสายตาเขาไปแล้ว อย่าให้มันแย่มากไปกว่านี้เลยTalk - เสือ
“หัวเสียอะไรขนาดนั้นวะไอ้เสือ น้องก็กลับไปแล้ว” ไอ้โซ่ถามขณะที่ผมกำลังสูบบุหรี่ และมองรถของผู้หญิงที่ทำให้หงุดหงิดขับผ่านหน้าไป “ลองมาถูกบังคับให้หมั้นแบบกูดูแล้วมึงจะเข้าใจ” “ไอ้ฉลามบอกกูว่าน้องไม่ได้ตั้งใจ แล้วก็ไม่รู้เรื่องเหมือนกัน” “แต่ใจ๋ตั้งใจเลือกกู” ผมพ่นควันบุหรี่ออกมาด้วยอารมณ์ที่หงุดหงิด “มึงเคยเอ็นดูน้องมากๆ ไม่คิดว่าจะเปลี่ยนไปขนาดนี้” “กูเอ็นดูเหมือนน้องสาว ไม่ได้อยากจะหมั้น” “ไม่ตกหลุมรักน้องเลยหรอ ใจ๋ก็ดูชอบมึงมากๆ” “น่ารำคาญ มึงจะถามเอาอะไรนักหนาในเมื่อคำตอบกูก็เหมือนเดิม” “ถ้ามึงไม่เต็มใจขนาดนั้นทำไมไม่ลองคุยกับที่บ้านดู” “ครอบครัวกูกับใจ๋ทำธุรกิจร่วมกันหลายอย่าง พ่อกูไม่กล้าขัดหรอก พูดไปกูก็โดนบ่น ยิ่งแม่กูตอนนี้คงไปหาฤกษ์ไว้รอแล้ว” “กูเข้าใจมึง แต่กูก็เข้าใจน้องเหมือนกัน” “มึงควรเข้าใจแค่กู” “เอ้าไอ้นี่!! ถ้ากูต้องหมั้นกับน้องใจ๋นะกูคงหลับฝันดีทุกคืน น้องน่ารักชิบหาย ตัวเล็กๆ ตากลมๆ ผิวขาวๆ ปากขมพู ถ้าไม่ติดว่าน้องชอบมึงกูจีบไปแล้ว” “จีบดิ กูไม่ถือ” “มึงจะให้กูจีบคู่หมั้นตัวเอง?” “มึงทำได้ไหมล่ะ ทำให้ใจ๋ชอบมึง จะได้เลิกยุ่งกับกูสักที” ผมบอกไปอย่างไม่รู้สึกอะไร ถ้ามันทำให้ใจ๋ชอบได้ก็เป็นผลดีกับผมเหมือนกัน “ไอ้สัส!! ถ้ากูชอบน้องขึ้นมาจริงๆ แล้วน้องต้องหมั้นกับมึงคิดว่ากูจะทำใจได้รึไง” “………” “น้องสนใจแค่มึงเสือ กูเปลี่ยนใจใจ๋ไม่ได้หรอก” “กูต้องเหี้ยขนาดไหนใจ๋ถึงจะเลิกชอบ” “กูกลัวว่ากว่าจะถึงวันที่ใจ๋เลิกชอบมึง วันนั้นมึงอาจจะชอบน้องกลับอะดิ”#อาทิตย์ต่อมา ฉันไปเรียนได้แล้วหลังจากที่หยุดเกือบอาทิตย์ พอได้อยู่กับเพื่อนก็ทำให้อาการซึมน้อยลงแต่พออยู่คนเดียวก็เป็นเหมือนเดิม ได้แต่คิดถึงอดีตที่เคยมีความสุข…“พี่เสือใจ๋ขอขี่หลังหน่อย”“โตขนาดนี้แล้วยังจะขอขี่หลังเป็นเด็ก” “เร็วๆ สิ” “เด็กดื้อ” ฉันกระโดดขึ้นหลังของพี่เสือ ถึงแม้จะถูกบ่นแต่ก็ยอมย่อตัวเพื่อรับฉันไว้ไม่ให้ตก จำได้ตราตรึงในหัวใจเลยว่าเหตุการณ์นี้ทำให้ฉันเริ่มรู้ว่าตัวเองชอบพี่เสือเข้าให้แล้ว แต่ในตอนนี้แม้แต่หน้ายังแทบไม่ได้เจอกัน พูดคุยสักคำก็ไม่มี ฉันส่งแชตไปทุกวันแต่พี่เสือไม่เคยเปิดอ่านเลย ไทเกอร์บอกให้ฉันรอ จนมาถึงตอนนี้เริ่มคิดแล้วว่าจะต้องรอไปอีกนานเท่าไร การที่จะตัดใครสักคนออกจากชีวิตสำหรับพี่เสือมันทำง่ายขนาดนั้นเลยหรอ“คุณหนูคะคุณท่านเรียกพบค่ะ” “ค่ะ” ฉันที่กำลังคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อนถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะมาพบคุณพ่อตามคำสั่งที่ห้องทำงาน “พ่อเรียกใจ๋มามีอะไรหรือเปล่าคะ” “พรุ่งนี้ลูกว่างหรือเปล่า” “ใจ๋มีนัดกับยี่หวาค่ะ ทำไมหรอคะ” พรุ่งนี้ฉันนัดไปดูหนังกับยี่หวาที่ห้าง “ยกเลิกนัดกับเพื่อนไปก่อน”“คะ? พ่อจะพาใจ๋ไปไหน” “พรุ่งนี้ลูกต้องไปลองชุดที่จะใส่ง
ฉันนอนกลิ้งไปมาอยู่บนเตียงขนาดคิงไซส์ ผ้าปูที่นอนสีดำดูเข้ากับโทนสีของห้องอย่างลงตัวบ่งบอกถึงบุคลิกเจ้าของห้อง “ใจ๋ลุกขึ้นจากเตียง” เสียงทุ้มของเจ้าของห้องที่เพิ่งเดินออกมาจากห้องน้ำออกคำสั่ง “อะไรกันใจ๋เพิ่งมาเอง” ฉันหันมองไปทางห้องน้ำก่อนที่ใบหน้าจะเริ่มขึ้นสีแดงเถือกเพราะบนตัวของพี่เสือมีเพียงผ้าขนหนูเพียงผืนเดียวที่พันอยู่รอบเอว ผมเปียกๆ นั่นเวบานเำมันหยดลงมาทำไมถึงได้ดูดีขนาดนั้นกัน “อย่าให้ต้องพูดซ้ำนะใจ๋” ฉันทำหน้าบึ้งมองพี่เสือผู้เป็นเจ้าของห้อง ตอนเด็กๆ ฉัน จ๋าย ไทเกอร์และพี่เสือ ชอบมาเล่นซ่อนแอบกันในห้องนี้ประจำ ตั้งแต่เด็กจนโตฉันก็มักจะเข้ามาเล่นในห้องของพี่เสือบ่อยๆ พี่เสือเอ็นดูฉันเหมือนน้องสาวคนหนึ่งถึงแม้จะรู้ดีว่า….ฉันคิดยังไงกับเขา แต่ใจ๋คนนี้ไม่ท้อหรอก สักวันพี่เสือจะต้องชอบใจ๋คอยดูสิ“โตแล้วนะใจ๋ อย่าทำแบบนี้ใครมาเห็นมันจะดูไม่ดี” “บ่นใจ๋อีกแล้ว” “พี่บอกตั้งกี่ครั้งว่าอย่าแอบเข้ามาในห้องแบบนี้อีก เราไม่ใช่เด็กๆ กันแล้ว” “ถ้าอย่างนั้น…..” ฉันดีดตัวลุกขึ้นจากเตียงแล้วเดินมาหยุดตรงหน้าของคนตัวสูง ก่อนจะพูดต่อ “พี่เสือก็มาเป็นแฟนใจ๋สิ” แปะ!! ทันทีที่พูดจบพี่เส
หลังจากที่เอ่ยประโยคนั้นออกไปสีหน้าของพี่เสือก็เปลี่ยนทันที เขาจ้องฉันเขม็งแสดงความไม่พอใจออกมาให้เห็นจนน่ากลัว เพราะที่ผ่านมาไม่เคยเห็นพี่เสือโกรธขนาดนี้เลย “ควรถามความสมัครใจผมด้วยหรือเปล่าครับ” “น้องเลือกแล้ว แม่เองก็เห็นว่าเสือกับน้องสนิทกันมาตั้งแต่เด็ก อีกอย่างทั้งคู่เหมาะสมกันมากๆ” แม่ของพี่เสือเอ่ยขึ้นพร้อมยิ้มให้ฉัน เหตุการณ์ในตอนนี้คงมีแค่ฉันพี่เสือและไทเกอร์ที่เคร่งเครียดเพราะทางผู้ใหญ่ยิ้มออกมาอย่างยินดี “ถ้าอยากให้น้องหมั้นก็ให้หมั้นกับไอ้ไทเกอร์แทนแล้วกัน อย่าบังคับผมไม่ชอบ” พูดจบพี่เสือก็ลุกขึ้นยืนเต็มความสูงก่อนจะเดินออกไปจากห้องอาหารด้วยท่าทางไม่สบอารมณ์ “ไม่ต้องห่วงเรื่องนี้ฉันจัดการเอง” พ่อของพี่เสือเอ่ยบอกทางครอบครัวของฉัน ตอนนี้ฉันรู้สึกผิดกับสิ่งที่ตัวเองเลือก แต่พูดออกไปแล้วให้ทำยังไงได้ พ่อก็แสดงสีหน้าดุแบบนั้นและกดดันแบบนั้นอีก “หนูขอตัวก่อนนะคะ” ฉันลุกขึ้นจากเก้าอี้จากนั้นก็เดินออกมาตามพี่เสือ เดินหาอยู่ครู่ใหญ่ก็เห็นคนตัวสูงกำลังยืนพ่นควันบุหรี่สีขาวคลุ้งอยู่ที่สวนหลังบ้าน “พะ พี่เสือ” เพราะความกลัวเสียงของฉันมันจึงสั่นเทา แต่เพราะไม่อยากถูกโกรธถึงตา
ฉันเสียใจกับสิ่งที่พี่เสือพูดออกมา มันเหมือนความสัมพันธ์ของเราสองคนถูกตัดขาดไปแล้วจริงๆ จนตอนนี้ฉันก็ยังร้องไห้ไม่หยุด อยากจะคุยอีกสักครั้งแต่พี่เสือออกไปไหนก็ไม่รู้ โทรหาก็ไม่รับแชตไปก็ไม่ตอบ “ใจ๋ลูกอยู่ในห้องใช่ไหม แม่ขอเข้าไปได้ไหมลูก” “อึก~ ค่ะ” ฉันรีบยกมือขึ้นมาเช็ดน้ำตาที่ไหลอาบแก้ม ถึงจะเช็ดออกจนไม่เหลือคราบน้ำตาแต่ดวงตาที่บวมเปล่งก็ไม่สามารถปกบอดได้ว่าผ่านการร้องไห้อย่างหนักมาก่อนหน้า แม่ดูตกใจที่เห็นว่าฉันร้องไห้ก่อนจะเข้ามากอดปลอบ “คนเก่งของแม่ร้องไห้ทำไมคะ เพราะเรื่องวันนี้อย่างนั้นหรอ” “พี่เสือโกรธมากๆ เลยค่ะ อึก~ ใจ๋จะทำยังไงดี” อุตส่าห์คิดว่าจะไม่ร้องไห้ต่อหน้าแม่แล้วแท้ๆ แต่สุดท้ายน้ำตามันก็ไหลอาบแก้มอยู่ดี “พี่เขาคงไม่ได้ตั้งตัว ให้เวลาเสือหน่อยนะลูก”“ใจ๋ผิดเอง แทนที่จะปฏิเสธ” “แม่รู้ว่าใจ๋คิดยังไงกับเสือ”“ตะ แต่ อึก~ พี่เสือไม่เคยคิดอะไรกับใจ๋เลย” “ลูกสาวแม่น่ารักขนาดนี้ เสือต้องชอบหนูแน่ๆ แม่รับประกัน”ฉันรู้ว่าแม่แค่พูดปลอบใจ เพราะไม่มีทางเลยที่พี่เสือจะมาชอบฉัน เขามีคนในใจแล้วนี่ “ขอพ่อให้ยกเลิกเรื่องหมั้นได้ไหมคะ”“ใจ๋ก็รู้ว่าพ่อเป็นยังไง อย่าเลยลูกเดี๋ย
ไทเกอร์พาฉันกลับมาที่บ้านถึงแม้จะไม่เต็มใจก็ตาม แต่สีหน้าของพี่เสือในตอนนี้มันบ่งบอกว่าหากยังดื้อดึงขืนอยู่ต่อได้มีเรื่องแน่ๆ “รอให้เฮียใจเย็นกว่านี้ก่อน อย่าเพิ่งไปวุ่นวาย” ครั้งนี้ไทเกอร์ออกคำสั่ง “อือ จะพยายาม” “อย่าทำให้มันแย่ไปกว่านี้นะใจ๋ ถือว่าขอ” ฉันพยักหน้าตอบ รู้ว่าไทเกอร์ก็พยายามจะช่วยเต็มที่แล้ว ตอนนี้ภายในใจมันเต็มไปด้วยความรู้สึกผิดแต่ก็ไม่สามารถปฏิเสธได้ว่าฉันยินดีในสิ่งที่ตัวเองเลือก มันเป็น ความโลภของฉันเองที่อยากจะรั้งพี่เสือเอาไว้ด้วยวิธีนี้ ถึงเขาจะไม่เต็มใจก็ตาม เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นเป็นเบอร์ของจ๋าย ฉันมองหน้าจอครู่หนึ่งก่อนจะกดรับ “ว่าไงจ๋าย” ( ไม่เห็นโทรมาหากันบ้างเลยนะช่วงนี้ ใจ๋เรียนหนักหรอ ) “อื้อ” ( มีเรื่องไม่สบายใจหรือเปล่า ) “เปล่า” ( เราเป็นแฝดกันนะใจ๋ อย่าโกหกจ๋ายสิ ) ต่อให้พี่เสือชอบจ๋ายฉันก็คงโกรธน้องสาวฝาแฝดของตัวเองไม่ลงหรอก เพราะจ๋ายเป็นคนที่น่ารักและเป็นคนเดียวที่เข้าใจฉันมากที่สุด ตั้งแต่เด็กจนโตเราไม่เคยทะเลาะกันด้วยซ้ำและไม่เคยแยกกันจนดระทั่งจ๋ายตัดสินใจไปเรียนต่อต่างประเทศ “แม่ไม่ได้บอกอะไรใช่ไหม” ( มีอะไรหรือเปล่า จ๋ายยังไม่ได้คุ
#อาทิตย์ต่อมา ฉันไปเรียนได้แล้วหลังจากที่หยุดเกือบอาทิตย์ พอได้อยู่กับเพื่อนก็ทำให้อาการซึมน้อยลงแต่พออยู่คนเดียวก็เป็นเหมือนเดิม ได้แต่คิดถึงอดีตที่เคยมีความสุข…“พี่เสือใจ๋ขอขี่หลังหน่อย”“โตขนาดนี้แล้วยังจะขอขี่หลังเป็นเด็ก” “เร็วๆ สิ” “เด็กดื้อ” ฉันกระโดดขึ้นหลังของพี่เสือ ถึงแม้จะถูกบ่นแต่ก็ยอมย่อตัวเพื่อรับฉันไว้ไม่ให้ตก จำได้ตราตรึงในหัวใจเลยว่าเหตุการณ์นี้ทำให้ฉันเริ่มรู้ว่าตัวเองชอบพี่เสือเข้าให้แล้ว แต่ในตอนนี้แม้แต่หน้ายังแทบไม่ได้เจอกัน พูดคุยสักคำก็ไม่มี ฉันส่งแชตไปทุกวันแต่พี่เสือไม่เคยเปิดอ่านเลย ไทเกอร์บอกให้ฉันรอ จนมาถึงตอนนี้เริ่มคิดแล้วว่าจะต้องรอไปอีกนานเท่าไร การที่จะตัดใครสักคนออกจากชีวิตสำหรับพี่เสือมันทำง่ายขนาดนั้นเลยหรอ“คุณหนูคะคุณท่านเรียกพบค่ะ” “ค่ะ” ฉันที่กำลังคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อนถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะมาพบคุณพ่อตามคำสั่งที่ห้องทำงาน “พ่อเรียกใจ๋มามีอะไรหรือเปล่าคะ” “พรุ่งนี้ลูกว่างหรือเปล่า” “ใจ๋มีนัดกับยี่หวาค่ะ ทำไมหรอคะ” พรุ่งนี้ฉันนัดไปดูหนังกับยี่หวาที่ห้าง “ยกเลิกนัดกับเพื่อนไปก่อน”“คะ? พ่อจะพาใจ๋ไปไหน” “พรุ่งนี้ลูกต้องไปลองชุดที่จะใส่ง
พี่เสือจ้องหน้าฉันนานพอสมควรก่อนจะสบถในลำคอ ซึ่งฉันก็ไม่เข้าใจว่าทำไม “หึ” “ไปตอนนี้เลยไหมคะ” ฉันไม่ได้คิดอะไรมากกับคำถามขอบตัวเอง ใช่ว่าไม่เคยขึ้นคอนโดของพี่เสือซักหน่อย ก่อนหน้านี้ก่อนไปเรียนฉันชอบซื้อน้ำเต้าหู้ไปให้“รู้ไหมว่าตอนนี้เหมือนเธอกำลังเสนอตัวให้ฉัน”“จะ ใจ๋ไม่ได้ทำแบบนั้นนะ กะ ก็พี่เสือบอกเองนี่” ฉันรีบส่ายหน้าปฏิเสธทันควันเมื่อถูกกล่าวหาในเรื่องที่ไม่จริง “ไม่ต้องทำตัวใสซื่อในเมื่อเธอแสดงออกมาชัดเจนแล้วว่าอยากได้ฉันขนาดไหน”“ใจ๋ชอบพี่เสือ แต่ไม่เคยคิดเรื่องแบบนั้นเลยนะคะ” “หึ!!” “ขอเวลาให้ใจ๋ได้ทำให้พี่เสือชอบได้ไหม เปิดโอกาสให้ใจ๋หน่อยได้ไหมคะ” มันอาจจะดูน่าตลกที่เป็นฝ่ายเอ่ยปากขอผู้ชายก่อน แต่ทำยังไงได้ในเมื่อฉันชอบพี่เสือจริงๆ “ที่ผ่านมามันยังไม่ชัดเจนอีกรึไงว่าฉันไม่เคยคิดอะไรกับเธอเลย” “เพราะพี่เสือไม่เคยเปิดโอกาสให้ใจ๋เลยต่างหาก” คนตัวสูงพ่นลมหายใจออกมาแรงๆ ราวกับการพูดคุยกับฉันมันเป็นเรื่องที่น่าหงุดหงิดเอามากๆ “กลับไปซะ ถ้าไม่กลับก็ดูแลตัวเองดีๆ เพราะถ้าเกิดอะไรขึ้นฉันจะไม่เข้าไปช่วยเธออีก” “พี่เสือเป็นห่วงใจ๋ใช่ไหม” ฉันยิ้มออกมา เพียงแค่คำสั่งแค่นี้มั
ไทเกอร์พาฉันกลับมาที่บ้านถึงแม้จะไม่เต็มใจก็ตาม แต่สีหน้าของพี่เสือในตอนนี้มันบ่งบอกว่าหากยังดื้อดึงขืนอยู่ต่อได้มีเรื่องแน่ๆ “รอให้เฮียใจเย็นกว่านี้ก่อน อย่าเพิ่งไปวุ่นวาย” ครั้งนี้ไทเกอร์ออกคำสั่ง “อือ จะพยายาม” “อย่าทำให้มันแย่ไปกว่านี้นะใจ๋ ถือว่าขอ” ฉันพยักหน้าตอบ รู้ว่าไทเกอร์ก็พยายามจะช่วยเต็มที่แล้ว ตอนนี้ภายในใจมันเต็มไปด้วยความรู้สึกผิดแต่ก็ไม่สามารถปฏิเสธได้ว่าฉันยินดีในสิ่งที่ตัวเองเลือก มันเป็น ความโลภของฉันเองที่อยากจะรั้งพี่เสือเอาไว้ด้วยวิธีนี้ ถึงเขาจะไม่เต็มใจก็ตาม เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นเป็นเบอร์ของจ๋าย ฉันมองหน้าจอครู่หนึ่งก่อนจะกดรับ “ว่าไงจ๋าย” ( ไม่เห็นโทรมาหากันบ้างเลยนะช่วงนี้ ใจ๋เรียนหนักหรอ ) “อื้อ” ( มีเรื่องไม่สบายใจหรือเปล่า ) “เปล่า” ( เราเป็นแฝดกันนะใจ๋ อย่าโกหกจ๋ายสิ ) ต่อให้พี่เสือชอบจ๋ายฉันก็คงโกรธน้องสาวฝาแฝดของตัวเองไม่ลงหรอก เพราะจ๋ายเป็นคนที่น่ารักและเป็นคนเดียวที่เข้าใจฉันมากที่สุด ตั้งแต่เด็กจนโตเราไม่เคยทะเลาะกันด้วยซ้ำและไม่เคยแยกกันจนดระทั่งจ๋ายตัดสินใจไปเรียนต่อต่างประเทศ “แม่ไม่ได้บอกอะไรใช่ไหม” ( มีอะไรหรือเปล่า จ๋ายยังไม่ได้คุ
ฉันเสียใจกับสิ่งที่พี่เสือพูดออกมา มันเหมือนความสัมพันธ์ของเราสองคนถูกตัดขาดไปแล้วจริงๆ จนตอนนี้ฉันก็ยังร้องไห้ไม่หยุด อยากจะคุยอีกสักครั้งแต่พี่เสือออกไปไหนก็ไม่รู้ โทรหาก็ไม่รับแชตไปก็ไม่ตอบ “ใจ๋ลูกอยู่ในห้องใช่ไหม แม่ขอเข้าไปได้ไหมลูก” “อึก~ ค่ะ” ฉันรีบยกมือขึ้นมาเช็ดน้ำตาที่ไหลอาบแก้ม ถึงจะเช็ดออกจนไม่เหลือคราบน้ำตาแต่ดวงตาที่บวมเปล่งก็ไม่สามารถปกบอดได้ว่าผ่านการร้องไห้อย่างหนักมาก่อนหน้า แม่ดูตกใจที่เห็นว่าฉันร้องไห้ก่อนจะเข้ามากอดปลอบ “คนเก่งของแม่ร้องไห้ทำไมคะ เพราะเรื่องวันนี้อย่างนั้นหรอ” “พี่เสือโกรธมากๆ เลยค่ะ อึก~ ใจ๋จะทำยังไงดี” อุตส่าห์คิดว่าจะไม่ร้องไห้ต่อหน้าแม่แล้วแท้ๆ แต่สุดท้ายน้ำตามันก็ไหลอาบแก้มอยู่ดี “พี่เขาคงไม่ได้ตั้งตัว ให้เวลาเสือหน่อยนะลูก”“ใจ๋ผิดเอง แทนที่จะปฏิเสธ” “แม่รู้ว่าใจ๋คิดยังไงกับเสือ”“ตะ แต่ อึก~ พี่เสือไม่เคยคิดอะไรกับใจ๋เลย” “ลูกสาวแม่น่ารักขนาดนี้ เสือต้องชอบหนูแน่ๆ แม่รับประกัน”ฉันรู้ว่าแม่แค่พูดปลอบใจ เพราะไม่มีทางเลยที่พี่เสือจะมาชอบฉัน เขามีคนในใจแล้วนี่ “ขอพ่อให้ยกเลิกเรื่องหมั้นได้ไหมคะ”“ใจ๋ก็รู้ว่าพ่อเป็นยังไง อย่าเลยลูกเดี๋ย
หลังจากที่เอ่ยประโยคนั้นออกไปสีหน้าของพี่เสือก็เปลี่ยนทันที เขาจ้องฉันเขม็งแสดงความไม่พอใจออกมาให้เห็นจนน่ากลัว เพราะที่ผ่านมาไม่เคยเห็นพี่เสือโกรธขนาดนี้เลย “ควรถามความสมัครใจผมด้วยหรือเปล่าครับ” “น้องเลือกแล้ว แม่เองก็เห็นว่าเสือกับน้องสนิทกันมาตั้งแต่เด็ก อีกอย่างทั้งคู่เหมาะสมกันมากๆ” แม่ของพี่เสือเอ่ยขึ้นพร้อมยิ้มให้ฉัน เหตุการณ์ในตอนนี้คงมีแค่ฉันพี่เสือและไทเกอร์ที่เคร่งเครียดเพราะทางผู้ใหญ่ยิ้มออกมาอย่างยินดี “ถ้าอยากให้น้องหมั้นก็ให้หมั้นกับไอ้ไทเกอร์แทนแล้วกัน อย่าบังคับผมไม่ชอบ” พูดจบพี่เสือก็ลุกขึ้นยืนเต็มความสูงก่อนจะเดินออกไปจากห้องอาหารด้วยท่าทางไม่สบอารมณ์ “ไม่ต้องห่วงเรื่องนี้ฉันจัดการเอง” พ่อของพี่เสือเอ่ยบอกทางครอบครัวของฉัน ตอนนี้ฉันรู้สึกผิดกับสิ่งที่ตัวเองเลือก แต่พูดออกไปแล้วให้ทำยังไงได้ พ่อก็แสดงสีหน้าดุแบบนั้นและกดดันแบบนั้นอีก “หนูขอตัวก่อนนะคะ” ฉันลุกขึ้นจากเก้าอี้จากนั้นก็เดินออกมาตามพี่เสือ เดินหาอยู่ครู่ใหญ่ก็เห็นคนตัวสูงกำลังยืนพ่นควันบุหรี่สีขาวคลุ้งอยู่ที่สวนหลังบ้าน “พะ พี่เสือ” เพราะความกลัวเสียงของฉันมันจึงสั่นเทา แต่เพราะไม่อยากถูกโกรธถึงตา
ฉันนอนกลิ้งไปมาอยู่บนเตียงขนาดคิงไซส์ ผ้าปูที่นอนสีดำดูเข้ากับโทนสีของห้องอย่างลงตัวบ่งบอกถึงบุคลิกเจ้าของห้อง “ใจ๋ลุกขึ้นจากเตียง” เสียงทุ้มของเจ้าของห้องที่เพิ่งเดินออกมาจากห้องน้ำออกคำสั่ง “อะไรกันใจ๋เพิ่งมาเอง” ฉันหันมองไปทางห้องน้ำก่อนที่ใบหน้าจะเริ่มขึ้นสีแดงเถือกเพราะบนตัวของพี่เสือมีเพียงผ้าขนหนูเพียงผืนเดียวที่พันอยู่รอบเอว ผมเปียกๆ นั่นเวบานเำมันหยดลงมาทำไมถึงได้ดูดีขนาดนั้นกัน “อย่าให้ต้องพูดซ้ำนะใจ๋” ฉันทำหน้าบึ้งมองพี่เสือผู้เป็นเจ้าของห้อง ตอนเด็กๆ ฉัน จ๋าย ไทเกอร์และพี่เสือ ชอบมาเล่นซ่อนแอบกันในห้องนี้ประจำ ตั้งแต่เด็กจนโตฉันก็มักจะเข้ามาเล่นในห้องของพี่เสือบ่อยๆ พี่เสือเอ็นดูฉันเหมือนน้องสาวคนหนึ่งถึงแม้จะรู้ดีว่า….ฉันคิดยังไงกับเขา แต่ใจ๋คนนี้ไม่ท้อหรอก สักวันพี่เสือจะต้องชอบใจ๋คอยดูสิ“โตแล้วนะใจ๋ อย่าทำแบบนี้ใครมาเห็นมันจะดูไม่ดี” “บ่นใจ๋อีกแล้ว” “พี่บอกตั้งกี่ครั้งว่าอย่าแอบเข้ามาในห้องแบบนี้อีก เราไม่ใช่เด็กๆ กันแล้ว” “ถ้าอย่างนั้น…..” ฉันดีดตัวลุกขึ้นจากเตียงแล้วเดินมาหยุดตรงหน้าของคนตัวสูง ก่อนจะพูดต่อ “พี่เสือก็มาเป็นแฟนใจ๋สิ” แปะ!! ทันทีที่พูดจบพี่เส