@ภายในห้องลองชุด
มันเป็นแค่ห้องสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ ที่ไม่มีหน้าต่าง มีแค่โซฟาตัวเล็ก ตอนนี้หัวใจของฉันเต้นรัวราวกับถูกจับเขย่าแรง ๆ เมื่อเห็นสายตาที่ไม่เป็นมิตรของพี่เสือ
“ถอดเสื้อผ้าออก”
“ถะ... ถอดทำไมคะ” เมื่อเห็นว่าคนตัวสูงเดินเข้ามาใกล้ขาของฉันก็รีบก้าวถอยหลังหนีอัตโนมัติทันที
“กลัวอะไรนัก?”
“ยะ... หยุด ตะ... ตรงนั้นก่อนค่ะ” ฉันบอกเสียงสั่น สายตาคมที่จ้องมองทำให้ใบหน้าเริ่มร้อนผ่าว
“คิดว่าฉันจะทำอะไรเธอในห้องนี้หรือไง?”
“พะ... พี่เสือใจ๋บอกให้หยุด” ยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ พี่เสือก้าวขาเดินมาประชิดตัวฉันพร้อมก้มหน้าลงมากระซิบพูดเสียงเย็น “ห้องแคบ ๆ แบบนี้คงทำไม่สะดวก”
ฉันกำมือแน่นจนเปียกชุ่มเหงื่อ ทั้งกลัวและประหม่ากับการกระทำที่ไม่คุ้นเคยจากพี่ชายที่เคยสนิทอย่างพี่เสือ
“ลองชุดสิ ฉันจะช่วยเลือก”
“อะ... ออกไปข้างนอกสิคะ”
“จะเสียเวลาเดินเข้าออกเปลี่ยนชุดทำไม แค่ถอดเปลี่ยนตอนนี้ก็จบ ถ้าเจอชุดที่ถูกใจฉันจะบอกเอง”
“แต่พี่เสือก็ต้องลองชุดเหมือนกัน”
“อ่า! หรือจะถอดเสื้อผ้าลอง… ชุดพร้อมกันเลย?”
ฉันเม้มปากแน่น พอจะเดาออกว่าคนตรงหน้ากำลังสื่อเรื่องอะไร เพราะฉันไม่ได้ใสซื่อขนาดที่จะไม่รู้อะไรเลย
“สิ่งที่พี่เสือกำลังทำอยู่มันยิ่งฉุดให้เราถลำลึกมากกว่าเดิมนะคะ” ถึงจะกลัวจนตัวสั่นแต่ฉันก็ตัดสินใจพูดมันออกมา ถึงแม้ว่าฉันจะเป็นฝ่ายที่รู้สึกแต่ตอนนี้เป็นพี่เสือต่างหากที่กำลังทำให้ระว่างเรามันถลำลึก
“ในเมื่อเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้ ก็ลงนรกไปพร้อมกันจะเป็นไรไป”
“… มะ… หมายความว่ายังไงคะ”
“เธอทำให้ฉันไม่มีความสุข เพราะฉะนั้นต้องรับผิดชอบสิ”
“…”
“พี่พูดถูกใช่ไหมครับน้องใจ๋”
ขนทั้งตัวมันลุกซู่กับคำที่เอ่ยเรียกของพี่เสือ ถึงแม้เมื่อก่อนเขาจะแทนตัวเองและเรียกชื่อฉันแบบนั้นบ่อย ๆ แต่ในตอนนี้มันไม่ชินแล้ว คำที่เคยถูกเรียกแล้วรู้สึกดีแต่ตอนนี้มันชวนให้รู้สึกกลัว
ฉันจ้องมองใบหน้าคมคายของคนตัวสูงพร้อมกัดริมฝีปากแน่น สายตาสาดส่องมองหาช่องทางที่จะพาตัวเองออกไปจากความอึดอัดนี้
แต่ทว่า!! เมื่อปรี่ตัวออกไปยังก้าวขาได้ไม่ถึงสามก้าวก็ถูกแขนแกร่งรั้งเอาไว้
“จะไปไหน”
“จะ... ใจ๋ไม่อยากลองชุดแล้ว อะ... เอาไว้วันอื่นนะคะ”
“อุตส่าห์รอตั้งนาน จะลองวันอื่นให้เสียเวลาทำไม”
“ใจ๋อยากกลับบ้าน มันดึกแล้ว”
“ไม่นานหรอก ลองชุดเสร็จ… ก็ได้กลับ”
“จะเอาแบบนี้ใช่ไหมคะ” ฉันทำใจกล้าถามออกไปข้างที่หัวใจมันเต้นรัว ๆ แทบคลั่ง
พี่เสือไม่ตอบอะไร เขาหันหลังให้ก่อนจะเดินไปที่โซฟาแล้วนั่งลงโดยจดจ่อสายตามายังฉันที่ยืนตัวสั่นเทาอยู่
“ก็ได้ค่ะ ใจ๋ยอมพี่เสือทุกอย่างอยู่แล้ว”
“กล้าทำ?”
“ถ้าในนรกมีพี่เสือใจ๋ก็พร้อมจะลงไปด้วย”
“หึ!! ขอดูการกระทำของคนปากเก่งหน่อย”
ฉันหันมองชุดที่แขวนอยู่บนราว ก่อนจะเดินไปเลือกตัวที่ถูกใจ ชุดพวกนี้ถูกวัดขนาดตามไซส์แล้วขนาดจึงพอดีตัวฉัน
เมื่อเลือกชุดที่ถูกใจได้แล้วก็ทำการยกมือขึ้นมาค่อย ๆ ปลดเสื้อผ้าบนตัวออกโดยมีสายตาคมของพี่เสือจ้องมองทุกการกระทำ
“หยุด!!” ขณะที่เสื้อกำลังจะหยุดออกจากตัว จู่ ๆ เสียงทุ้มของคนที่นั่งอยู่ก็ตวาดบอก
“ทำไมคะ พี่เสือต้องการให้ใจ๋ทำแบบนี้ไม่ใช่เหรอ”
“ถ้าเธอไม่หน้าเหมือนจ๋ายฉันคงไม่ห้าม”
เจ็บจัง มันเป็นคำเปรียบเทียบที่ทำเอาคนฟังอย่างฉันจุกอกหักจนพูดไม่ออก
พอมาถึงที่บ้านฉันก็รีบเข้าห้องนอนร้องไห้ขดตัวอยู่ในผ้าห่ม ที่ผ่านมาพี่เสือแทบไม่เอ่ยถึงจ๋ายเลย แต่วันนี้กลับพูดแบบนั้นออกมามันเหมือนสื่อความหมายว่าถึงฉันและจ๋ายจะหน้าเหมือนกันแต่มีคนเดียวที่พี่เสือรู้สึกด้วย ซึ่งมันไม่ใช่ฉันเจ็บปวดขนาดนี้แล้วไม่อยากคิดเลยว่าหากเราหมั้นกันต่อไปจะเป็นยังไง… แต่ฉันยังไม่ยอมแพ้หรอก ยังไงก็อยากจะเอาชนะใจพี่เสือให้ได้ เพราะจ๋ายเองก็ไม่ได้คิดอะไรเกินเลยกับเขาไปมากกว่าพี่ชาย#วันต่อมา มหาวิทยาลัย“ใจ๋หนุ่มคณะแพทย์ตามขายขนมจีบแกมาหลายเดือนแล้วนะไม่สนใจหน่อยหรือไง” ยี่หวาเอ่ยถามเพราะเห็นพี่ยูซื้อขนมมาให้พี่ยูเป็นรุ่นพี่ที่มหาวิทยาลัยเราบังเอิญเจอกันที่โรงพยาบาล พี่เขาเป็นนักศึกษาแพทย์และก็เรียนมหาวิทยาลัยเดียวกัน รู้ว่าเขากำลังตามจีบและฉันก็ปฏิเสธไปแล้วเพราะภายในใจมันไม่เหลือที่ว่างให้ใครเลย“คบแพทย์ไม่มีเวลาให้หรอก” ไทเกอร์บอก“เบาบ้างนิสัยหวงเพื่อนน่ะ ทีกับพี่ชายตัวเองไม่เห็นจะหวง” ยี่หวาถาม ไทเกอร์น่ะเป็นแบบนี้แต่ไหนแต่ไร ถ้ามีผู้ชายเข้ามาจีบฉันกับยี่หวา เขาจะคอยกันท่าให้ตลอด“อันนั้นเพื่อนเราตามจีบเขาหรือเปล่า”“อะพูดถูก สวย ๆ แบบใจ๋ ใครจะไปคิดว่าตามจีบผ
บรรยายกาศถูกความเงียบปกคลุม แม้แต่พี่โซ่ที่เป็นเพื่อนกับพี่เสือก็ไม่กล้าพูดอะไร ฉันและพี่เสือต่างจ้องหน้ากันอย่างไม่ลดละ จนกระทั่งพี่ฉลามและเพื่อนคนอื่น ๆ เดินเข้ามา“ใจ๋ทำไมมาที่นี่” พี่ฉลามถามฉันพร้อมขมวดคิ้วแปลกใจ“พี่เสือจะไปส่งที่บ้านค่ะ”“โดนบังคับไม่ได้เต็มใจ” คนที่ถูกเอ่ยชื่อรับแก้ตัว“ไอ้เสือ” พี่ฉลามเรียกชื่อพี่เสือเสียงเข้ม แต่เขาไม่ได้สนใจหรอก เพราะไม่ชอบฉันไปแล้วนี่“คุณพ่อถามหาพี่ฉลามด้วยนะคะ ว่าง ๆ คงไปเยี่ยมคุณลุง บ่นว่าอยากตีกอล์ฟด้วย” พ่อของฉันและพ่อของพี่ฉลามเป็นพี่น้องกัน ไม่แปลกที่เราทั้งสองบ้านจะมีกิจกรรมที่ทำร่วมกันบ่อย ๆ“จะกลับก็ตามมา มัวแต่พูดมากอยู่ได้” เสียงหงุดหงิดของพี่เสือเอ่ยขึ้น ก่อนจะเดินนำออกไปไม่รอฉันเลย“ใจ๋ พี่ขอเตือนนะว่าไอ้เสือมันร้ายกว่าที่คิด ระวังตัวหน่อยก็ดี” พอพี่เสือเดินออกไปพี่ฉลามก็พูดขึ้นทันที“ใจ๋รู้ค่ะ เห็นกันมาตั้งแต่เด็กทำไมจะไม่รู้”“ใจ๋รู้ในสถานะน้องคนสนิท แต่พี่รู้ในสถานะเพื่อน พี่รู้นิสัยมันดีกว่าเชื่อสิ”“…” ฉันเม้มปากแน่น จะบอกว่ารู้จักพี่เสือดีมันก็ใช่แต่ในมุมที่ดี เขาเป็นพี่ชายที่ดูแลฉันดีคนหนึ่ง แต่ก็อย่างที่พี่ฉลามว่า ความ
คุณแม่ของพี่เสือดูเหมือนจะไม่พอใจคำพูดของลูกชายมาก ๆ ท่านรีบเอ่ยขัดขึ้นทันที“จะให้จ๋ายหมั้นแทนน้องได้ยังไงเสือ”“หน้าเหมือนกันคงไม่มีใครรู้หรอกครับ”“แล้วเสือคิดว่าทางฝั่งน้องจะยอมหรือไง”พี่เสือไหวไหล่ เขาไม่ได้คิดอะไรกับคำพูดของตัวเองมากนัก แต่มันสร้างความเจ็บปวดให้คนที่ได้ฟังจริง ๆ“อย่าดึงจ๋ายมาเกี่ยว เพราะยังไงคนที่จะได้หมั้นและแต่งงานกับเสือก็มีแค่น้องใจ๋เท่านั้น”ฉันลุกขึ้นยืนก่อนจะรีบบอกคุณป้า “ใจ๋ขอตัวกลับก่อนนะคะ”“อย่าถือสาคำพูดพี่เลยนะลูก”ฉันเงียบก่อนจะเดินออกจากห้องอาหาร ไม่มีแม้แต่คำคัดค้านจากพี่เสือ เขาคงพอใจมากที่ทำให้ฉันเสียความรู้สึกขนาดนี้ได้“ใจ๋”ไม่รู้ว่าไทเกอร์เดินตามมาด้วยพอได้ยินเสียงทุ้มของเพื่อนเอ่ยเรียกฉันก็หยุดชะงัก ก่อนจะหันกลับมามอง“ไหวแน่เหรอ?”“อึก~”หยดน้ำตาไหลอาบแก้มเมื่อได้ยินประโยคคำถามนั้น ฉันพุ่งตัวมากอดเพื่อนสนิทแน่นและร้องไห้โฮออกมาอย่างอดกลั้นไม่ได้“เจ็บจัง อึก~”“ถ้าไม่ไหวก็ร้องไห้ออกมาให้หมด” ไทเกอร์บอกแล้วกอดตอบ จำแทบไม่ได้แล้วว่าครั้งสุดท้ายที่ถูกเพื่อนคนนี้ปลอบนั้นเมื่อไรเพราะที่ผ่านมาจะเป็นพี่เสือที่ทำหน้าที่นี้ แต่ทว่าครั้งนี้คนที่
ตอนนี้ฉันนั่งอยู่ในรถของพี่เสือที่กำลังขับมุ่งตรงไปยังคอนโด อาจเป็นคนที่โง่มาก ๆ ถึงได้เลือกแบบนี้ภายในรถไร้เสียงจากบทสนทนามีเพียงเสียงหัวใจของฉันที่เต้นแรงขณะกำลังนั่งเกร็ง มือที่กำแน่นเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ ใช้เวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมงรถหรูก็ขับมาจอดที่คอนโด เจ้าของรถเปิดประตูลงโดยไม่สนใจฉันที่นั่งมาด้วย ทำใจครู่หนึ่งก็เปิดประตูตามพี่เสือออกมาอาการเมาก่อนหน้านี้ถูกแทนที่ด้วยความกลัวและประหม่า ได้แต่เฝ้าถามตัวเองว่าแน่ใจแล้วจริง ๆ เหรอที่เลือกแบบนี้#ภายในห้องมาถึงพี่เสือก็ถอดเสื้อออกแล้วโยนไปพาดบนโซฟาตัวใหญ่ และนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ฉันได้เข้ามาในห้องนี้“ถอดสิ” ทันทีที่ประตูปิดสนิทเสียงทุ้มก็เอ่ยถ้อยคำออกคำสั่ง “ถอดเสื้อผ้าออกให้หมด”“…” ฉันกัดริมฝีปากตัวเองแน่นจนได้กลิ่นคาวของเลือดจาง ๆ มองดูการกระทำของคนที่อายุมากกว่าไม่วางสายตาพี่เสือเดินตรงมาหาฉันที่กำลังถอยมาติดกับประตู ก่อนจะดึงแขนมาประชิดตัวแล้วก้มใบหน้าลงมาหายใจร้อนรดต้นคอ“อยากมากับฉันเองแท้ ๆ แล้วทำไมตัวถึงสั่นขนาดนี้”“จะ... จะ... ใจ๋แค่ไม่เคย”“หึ!! แล้วยังไง จะยอมให้ฉันเป็นผู้ชายคนแรกของเธอ?”“ถ้าเป็นพี่เสือ… ใจ๋ยอมค่ะ”
พอพี่เสือเดินหายเข้าไปในห้องนอนฉันก็รีบลุกขึ้นใส่เสื้อผ้าพร้อมน้ำตาที่ไหลอาบแก้ม เมื่อแต่งตัวเรียบร้อยก็นั่งเหม่อลอยอยู่บนโซฟา สมองมันเอาแต่คิดและรู้สึกอับอายกับสิ่งที่ตัวเองทำลงไป“ทำไมยังไม่กลับ?” พี่เสือเดินออกมาจากห้องพร้อมถามราวกับอยากไล่ให้ฉันออกไปไกล ๆ“มะ... ไม่มีรถกลับค่ะ”“ให้ไอ้ไทเกอร์มารับ”“ไปส่งใจ๋ไม่ได้เหรอคะ” ฉันเม้มปากแน่น ยังรู้สึกอายและเสียใจกับเหตุการณ์เมื่อครู่แต่ก็ยังอยากอยู่กับเขา“ภาระ”“ไทเกอร์คงกลับไปแล้ว”“ถ้าเธอโทรไปหามันคงรีบมารับ” ฉันขมวดคิ้วเป็นปมเพราะดูเหมือนว่าพี่เสือพยายามยัดเยียดฉันให้กับน้องชายของตัวเอง“ถ้าการไปส่งใจ๋มันทำให้พี่เสือลำบากมาก เดี๋ยวใจ๋เรียกรถกลับก็ได้ค่ะ”“เรียกรถเป็น?”“ยี่หวาเคยสอนใจ๋แล้ว”“กล้านั่ง?”“ไม่มีทางเลือกนี่คะ” ไม่แปลกที่จะถูกคนตรงหน้าขมวดคิ้วมองเพราะฉันไม่เคยนั่งพวกแกรปหรือแท็กซี่เลย ปกติจะมีคนที่บ้านคอยไปรับไปส่ง ไม่ก็ขับรถเองบ้างไปกับเพื่อนบ้าง ยังดีที่พี่เสือจำได้ ว่าฉันไม่ชอบนั่งรถกับคนแปลกหน้า“เสียเวลา” พี่เสือสบถออกมาก่อนจะหยิบโทรศัพท์กดเบอร์แล้วยกขึ้นแนบหูคิดว่าจะใจดีไปส่งแต่เปล่าเลย เขาโทรหาน้องชายของตัวเองต่
ไม่ใช่แค่ฉันแต่จ๋ายเองก็อึ้งในคำตอบของพี่เสือไม่ต่างกัน คงมีแค่คนตรงหน้าที่ไม่ได้รู้สึกอะไรกับคำพูดของตัวเอง“กลับกันเถอะใจ๋”จ๋ายดึงมือฉันให้ออกมาจากสถานการณ์ที่น่าอึดอัด เมื่อมาถึงที่บ้านก็ถูกจี้ถามทันที“พี่เสือเปลี่ยนไปขนาดนี้เลยเหรอใจ๋”“อะ… อื้อ”“จ๋ายรู้ว่าใจ๋ชอบพี่เสือ แต่…” ฉันรู้ว่าแฝดน้องของตัวเองจะพูดอะไรจึงรีบขัด “ขอใจ๋ได้พยายามก่อนได้ไหมจ๋าย”“…” เมื่อได้ยินคำขอของฉันจ๋ายก็ถึงกับถอนหายใจออกมา“ใจ๋สัญญาว่าถ้าสุดท้ายแล้วมันไม่ใช่จริง ๆ จะถอย”“สัญญาแล้วนะ จ๋ายจะไม่ห้ามแต่อย่าทำร้ายหัวใจตัวเองจนบอบช้ำ”“อื้อ รักจ๋ายที่สุดเลย”“จ๋ายก็รักใจ๋มาก ๆ ไม่ยอมด้วยถ้าพี่เสือใจร้าย”“รู้ใช่ไหมว่าพี่เสือคิดยังไงกับจ๋าย” ฉันเปิดประเด็นถามออกไป“รู้สิ ถึงได้ตัดสินใจไปเรียนต่อต่างประเทศไง”“จ๋ายไม่ได้ไปเพราะรู้ว่าใจ๋ชอบพี่เสือใช่ไหม”“เพราะไม่อยากให้พี่เสือคิดอะไรกับจ๋ายมากไปกว่าน้องสาวต่างหาก”“พอแล้วไม่อยากพูดเรื่องนี้” ฉันเอ่ยขัดเพราะบทสนทนาของเราสองคนนั้นมันตึงเครียดเกินไป“ไปเรียนที่นู้นมีใครมาจีบไหม?” ฉันถาม“จะบอกว่าไม่มีก็คงโกหกใช่ไหมล่ะ”“แสดงว่ามี”“แต่จ๋ายไม่ได้สนใจใครเลยนะ อยา
มึงจะเค้นเอาคำตอบแบบไหนจากกู” ผมถามไอ้โซ่เพราะเหมือนมันอยากให้คิดอีกแบบทั้งที่ผมมั่นใจและเชื่อแบบนั้นมาตลอด“กูแค่ถามเพราะสงสัย”“กูมั่นใจไปแล้ว”“ขอถามอีกข้อ”“อะไร?”“ถ้าเด็กคนนั้นเป็นใจ๋ มึงจะชอบน้องไหม”ผมเงียบแล้วคิดตามสิ่งที่เพื่อนถาม จริง ๆ ผมไม่ได้อะไรกับใจ๋มากนักถึงจะรู้ว่าเธอคิดยังไงแต่ก็มองเป็นน้องสาวมาตลอด พอมีเรื่องนี้มันทำให้ผมคิดว่าที่ผ่านมาใจดีกับเด็กคนนี้มากไป“ทำไมไม่ตอบ”“คำถามมันไร้สาระเกินไป”“ไม่ใช่ว่ามึงสับสน?”“ถ้ายังไม่หยุดถามมากกูจะซัดหน้ามึงแล้วนะโซ่”“โหดเกินไปนะเพื่อนกู”ผมมองเพื่อนแล้วส่ายหน้าไปมาเหมือนคิดผิดที่ตัดสินใจมาหามัน“อยากผ่อนคลายไหม?” คำถามนี้สำหรับกลุ่มพวกผมมันสื่อไปทางสิบแปดบวก ความหมายที่ว่าถ้าตอบว่าอยากก็จะรู้กันว่าต้องทำยังไง“ไม่”“เฮ้ย!! มึงเป็นใคร?” โซ่ขมวดคิ้วถามอย่างเหลือเชื่อที่ได้ยินคำปฏิเสธออกจากปากของผม“กูแค่ไม่มีอารมณ์จะทำเรื่องแบบนั้น ใครจะไปหื่นตลอดเวลาเหมือนมึง”“นอกจากไอ้ฉลามแล้วก็มึงนะเสือที่ครองตำแหน่ง”“กูไม่อยากทำอะไรทั้งนั้น” เพราะความเครียดมันมีมากจนไม่คิดถึงเรื่องพวกนั้น ในหัวของผมตอนนี้มันมีเรื่องให้คิดเยอะแยะไปหมดพ
เขาไม่ได้แคร์ใครเลยแม้กระทั่งผู้ใหญ่ ไทเกอร์ต้องรีบลากตัวพี่เสือขึ้นห้องเพราะกลัวว่าสถานการณ์จะแย่ไปมากกว่านี้ ส่วนฉันก็เดินตามขึ้นมาด้วย“ให้ฉันหมั้นแทนเฮียไหมใจ๋” ไทเกอร์ออกมาจากห้องแล้วพูดกับฉันที่ยืนรอหน้าประตู “สภาพแบบนั้นไม่น่าเจอผู้คน”“พี่เสือตั้งใจ เขาคิดมาแล้ว” ฉันเอ่ยเสียงสั่น เมื่อคืนห้ามก็ไม่ฟังหากบอกว่าไม่ตั้งใจใครจะไปเชื่อ“ยังอยากจะหมั้นกับเฮียจริง ๆ เหรอวะใจ๋”“…” ฉันมองหน้าเพื่อน รู้ว่าตอนนี้ไทเกอร์กำลังโกรธแม้คนคนนั้นจะเป็นพี่ชายของตัวเอง“ฉันฝืนมากเกินไปอย่างนั้นเหรอ… ทุกอย่างมันถึงได้ออกมาเป็นแบบนี้”“เฮียไม่น่าทำแบบนี้ ควรไว้หน้าผู้ใหญ่บ้าง”“ขอเข้าไปคุยกับพี่เสือก่อนได้ไหม”“คิดว่าคุยแล้วเฮียจะฟังหรือไง”“…” ทุกอย่างมันมืดไปหมด จนเริ่มคิดว่าอยากจะเอาแบบไทเกอร์ว่าคือให้เขาหมั้นแทนไปซะ“ยืนรอที่หน้าประตูถ้าเฮียทำอะไรไม่ดีก็ตะโกนเรียกแล้วกัน”“อื้อ”ฉันพยักหน้าก่อนจะเอื้อมมือจับลูกบิดประตูแล้วเปิดมันเดินเข้ามาภายในห้อง เห็นพี่เสือออกไปยืนสูบบุหรี่อยู่ด้านนอกระเบียง เขาทำตัวชิลล์ราวกับวันนี้ไม่ใช่วันที่เราสองคนจะต้องเข้าพิธีหมั้นกัน“รู้ตัวไหมคะว่าทำอะไรอยู่ หรือเมา
หลายเดือนต่อมาฉันย้ายมาพักห้องพิเศษวีไอพีที่โรงพยาบาลเพราะใกล้จะถึงกำหนดคลอดแล้ว จริงๆ ไม่ได้มีวันตายตัว แต่หมอบอกว่าไม่น่าเกินสองวันนี้ เราจึงตกลงกันไว้มาอยู่ที่โรงพยาบาลเพื่อรอคลอดเลยน่าจะสะดวกกว่า เพราะวันก่อนฉันปวดท้องมาก ทีแรกคิดว่าจะคลอดแล้วแต่พอมาถึงโรงพยาบาลอยู่ๆ ก็หายปวดซะงั้น ยัยลูกสาวตัวแสบของฉันขี้แกล้งใช่ไหมล่ะ“จ๋ายตอนนี้เป็นไงบ้าง” ม่านกั้นรอบเตียงถูกเปิดออกพร้อมกับไทเกอร์ที่โผล่หน้าเข้ามาถาม“ยังไม่มีอาการอะไรเลยไทเกอร์” ที่ฉันต้องขอให้พยาบาลปิดม่านไว้ก็เพราะกันไม่ให้ไทเกอร์ตื่นตูมมากเกินไป ตั้งแต่เมื่อวานที่มาถึงจนตอนนี้เขาถามฉันทุกๆ ห้านาทีเลยว่าเป็นยังไงบ้าง ก้นนั่งไม่ติดโซฟาด้วยซ้ำ พอจะเข้าใจว่าตื่นเต้นเพราะเขากำลังจะเป็นพ่อคน แต่มันก็ออกจะเกินไปหน่อย“จ๋าย ฉันว่าเราจ้างหมอให้มายืนรอเตรียมคลอดไว้ตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงเลยดีกว่า เพราะถ้าจะคลอดขึ้นมาจะได้ลงมือทันทีเลย แบบนี้ดีไหม” น้ำเสียงของไทเกอร์ติดๆ ขัดๆ ฟังดูลนลานพูดผิดพูดถูก“ไทเกอร์ใจเย็นๆ ไม่ต้องถึงขั้นนั้นหรอก ถ้าจะคลอดจริงๆ ก็แค่กดปุ่มตามหมอมา” “แต่ว่า..” “ถ้านายดื้อฉันจะกลับบ้านนะ” “อย่านะ ไม่ได้สิ เอาแ
หลังหมั้นได้สามวันฉันกับไทเกอร์นั่งเครื่องไปยังเกาะส่วนตัว ที่ต้องรีบไปเพราะอีกไม่นานมหาวิทยาลัยก็จะเปิดเทอมแล้วคงไม่มีเวลา แถมท้องเริ่มโตขึ้นเรื่อย ๆใช้เวลาเดินทางไม่นานเราสองคนก็มาถึงเกาะส่วนตัว ที่ที่เป็นความทรงจำไม่ดีสักเท่าไรสำหรับฉัน แต่เชื่อว่าครั้งนี้ไทเกอร์สามารถลบเรื่องราวเหล่านั้นออกไปได้อย่างที่เคยให้คำสัญญาเอาไว้เพราะความทรงจำเกิดขึ้นที่นี่มากมาย มองไปทางไหนก็เจอแต่เรื่องราวที่เคยเกิดขึ้นระหว่างเราสองคน“เข้าบ้านกันครับ” ไทเกอร์เดินมาหยุดข้าง ๆ สองมือหิ้วกระเป๋าใบใหญ่ ครั้งนี้เขาอนุญาตให้ฉันใส่บิกินีหรือชุดโชว์หุ่นได้ตามสบาย ไม่ต้องแปลกใจที่ใจดีขนาดนี้เพราะเกาะแห่งนี้ไม่มีใครอยู่เลยนอกจากเราสองคน“เล่นน้ำกันนะ” “หืม?”“ก็นายอนุญาตให้ใส่บิกินีได้ทั้งที” ฉันทำปากมุ่ยมุบมิบเพราะไทเกอร์เอาแต่ขมวดคิ้ว พอตอบไปแล้วเขากลับยิ้มแบบนี้มันแกล้งกันชัด ๆ“แกล้งทำไม”“รู้ไหมเวลาทำปากแบบนี้แล้วน่าจูบขนาดไหน”“ขนาดไหนเหรอคะ” ฉันเขย่งเท้าขึ้นเอาหน้ายื่นไปใกล้ ถึงอย่างนั้นก็ยังสูงไม่เท่าไทเกอร์จนเขาต้องโน้มลงมา แต่พอเขาทำท่าจะจูบก็รีบขยับตัวหนีพร้อมส่งยิ้มหวานให้“เอาคืนแบบนี้?”“ขัดใจเห
ไทเกอร์กับฉันตื่นเช้าด้วยความรู้สึกที่ตื่นเต้น เพราะเราสองคนนับวันจนผ่านมาถึงวันที่เฝ้ารอนั่นคือการไปอัลตราซาวนด์ ครั้งแรกที่เราจะได้เห็นเบบี๋น้อย แต่คนที่ตื่นเต้นมาก ๆ ก็ไม่พ้นคนที่บ้านต่างโทรมาถามกันยกใหญ่ ไทเกอร์รับสายจนแทบไม่ได้พักแล้วพูดคำเดิมซ้ำ ๆ ว่าไม่รู้เพศกำลังจะเข้าห้องไปอัลตราซาวนด์“ตื่นเต้นไหม” ลุงหมอถาม“ตื่นเต้นครับ แต่คนที่บ้านตื่นเต้นกว่า” พอไทเกอร์บอกอย่างนั้นลุงหมอก็หัวเราะเบา ๆ“ธรรมดาหลานคนแรกของตระกูล”ลุงหมอบีบเจลสีใสเนื้อสัมผัสหนืดลงมาบนท้องของฉัน จากนั้นก็เอาเครื่องบางอย่างมาถูวน ๆ ก่อนจะปรากฏภาพในจอตรงหน้าพร้อมเสียงคลื่นหัวใจครั้งแรกที่ได้เห็นทารกตัวน้อยผ่านจอหัวใจของฉันมันก็เต้นรัว รีบเงยหน้ามองไทเกอร์ เขายิ้มให้ฉันพร้อมมือที่บีบแน่น คงตื่นเต้นมากแน่เลยเพราะมือแอบสั่นด้วย“จมูกพุ่งมาเลย” ลุงหมอค่อย ๆ เลื่อนดูไปทีละจุดช้า ๆ พร้อมพูดบอกว่าตรงนั้นคือส่วนไหนของร่างกาย“ปกติแข็งแรงตามอายุครรภ์”“ถึงเวลาดูเพศแล้ว หนูน้อยไหนหันมาให้ลุงดูหน่อยเร็ว”ทั้งฉันและไทเกอร์ต่างเงียบสายตาโฟกัสไปบนจอด้วยความตื่นเต้น ลุงหมอใช้เวลาดูอยู่ไม่นานก็หันมายิ้ม“ผู้หญิงนะ ใช่อย่างที
… ผ่านไปเกือบเดือน ตอนนี้ฉันกำลังนั่งดูแบบชุดที่จะใส่วันหมั้น เราได้ฤกษ์มาแล้วเป็นเดือนหน้า ดูรวบรัดหน่อยต้นเหตุก็เพราะไทเกอร์ขอเลือกวันที่เร็วที่สุดถึงได้หัวหมุนกันอย่างดี โชคดีที่เชิญแค่คนสนิทไม่ใช่งานใหญ่อะไรอย่างที่เคยคุยกันไว้ช่วงนี้ฉันกับไทเกอร์อยู่ที่คอนโดซะมากกว่าที่บ้าน เหตุผลก็เพราะเขาอยากให้เรามีเวลาอยู่ด้วยกันเพิ่มขึ้น ถึงบ้านจะหลังติดกันแต่เข้า ๆ ออก ๆ นอนห้องเดียวกันรู้สึกว่ามันดูไม่ค่อยดี ถึงที่บ้านจะไม่ว่าอะไรก็ตาม เราคุยกันแล้วพ่อกับแม่ก็อนุญาตแต่ช่วงท้องเดือนที่เจ็ดต้องกลับไปอยู่บ้านจะได้มีคนช่วยดู ช่วงนั้นไทเกอร์ก็ต้องเรียนด้วยไม่มีเวลามาคลุกอยู่กับฉันทั้งวันอย่างตอนนี้ “ชุดนี้สวยไหม” ฉันถามคนที่นอนบนตัก ทางร้านส่งแบบมาให้ที่คอนโด หลังจากเลือกแล้วก็จะสั่งคนมาวัดตัว เป็นร้านของเพื่อนสนิทแม่ก็เลยไม่ต้องได้ไปด้วยตัวเอง“ครับ จ๋ายใส่ชุดไหนก็สวย”“หยุดคลั่งรักฉันแล้วลุกขึ้นมาเลือกชุดก่อนดีไหม” ฉันมองค้อนไทเกอร์ เขาไม่เห็นจะเลือกเลยเอาแต่นอนหนุนตักทำปากมุบมิบคุยกับลูกอยู่ได้“หยุดไม่ได้ มีแต่จะคลั่งรักเมียมากขึ้นทุกวัน”แปะ!! พอได้ยินอย่างนั้นก็รีบฟาดมือที่ไหล่เขาทันที
“ทะ... ไทเกอร์พอแล้ว อ๊ะ~” ฉันพยายามใช้มือดันตัวเองออกห่างจากลิ้นสากที่ละเลงเลียเม็ดเสียวอย่างไม่ยอมฟังคำห้าม“อ๊าง~ พอแล้ว อ๊า~”เขามันบ้าเอาแต่ใจตัวเองที่สุด!!!ไม่ว่าจะเอ่ยห้ามสักเท่าไรไทเกอร์ก็ไม่มีท่าทีว่าจะยอมหยุด เขาเร่งจังหวะสัมผัสร้อนแรงขึ้นเรื่อย ๆ จนร่างของฉันสั่นสะท้าน ความร้อนรุ่มร้อนแล่นพล่านไปทั่วร่างกาย สองมือจิกลงบนผ้าปูที่นอน พยายามข่มกลั้นแต่ยิ่งพยายามระงับกลับยิ่งรู้สึกราวกับถูกไฟแผดเผา“หวาน” ใบหน้าหล่อผละออกมาจากกลางลำตัวแล้วพูดพร้อมใช้ลิ้นเลียขอบปาก ฉันที่มองอยู่รู้สึกอายจนไม่รู้จะอายยังไงแล้ว “โรคจิต!!” พอไทเกอร์ลุกขึ้นออกจากเรียวขาก็รีบดึงผ้าห่มมาคลุมท่อนล่างที่เปลือยเปล่าเอาไว้ทันที เขาเห็นอย่างนั้นก็หัวเราะออกมา“มาว่าโรคจิตได้ยังไงจ๋าย เมื่อกี้เธอเพิ่งปลดปล่อยใส่ปากฉันแท้ ๆ”“หยุดพูดเดี๋ยวนี้เลยนะ”“รู้ไหมรสชาติของเธอมันหวานมากเลย”“ทำไมชอบแกล้งกันอยู่เรื่อย”ฉันมุ่ยปากใส่ก่อนจะเบือนหน้าหนีร่างหนาที่กำลังล้มตัวลงนอนข้าง ๆ เขาทำตีมึนตาใสเอาแขนมาวางตรงท้องแล้วลูบไปมาอย่างทุกครั้ง“งอนบ่อย ๆ เดี๋ยวลูกจะขี้งอนตามแม่นะ”“ทฤษฎีไหนของนายอีก” หันกลับมามองคนที่กำลั
เช้าวันใหม่ตื่นขึ้นมาก็ได้กลิ่นหอมโชยเข้ามาในห้อง ฉันพยุงตัวเองลุกขึ้นก่อนจะยกแขนบิดขี้เกียจไปมา จากนั้นก็เดินเข้าห้องน้ำล้างหน้าแปรงฟันหลังทำธุระเสร็จฉันเดินมาหาไทเกอร์ที่ครัว เขาอยู่ในชุดกันเปื้อนกำลังยืนทำอาหารอย่างตั้งใจ โดยทำตามวิธีที่เปิดดูจากยูทูบ“วันนี้ทำอะไรให้ฉันกิน”ฉันเดินมาถามใกล้ ๆ ก่อนคนตัวสูงในชุดกันเปื้อนจะหันมาแล้วก้มลงจูบบนหน้าผาก ก่อนจะตอบ“ผัดผักใส่หมูสับ”“เอาใจเก่งจังเลยนะ”“ไม่ได้ทำเพราะเอาใจ ทำเพราะอยากทำ” ไทเกอร์หันกลับไปสนใจกระทะที่กำลังเปิดไฟร้อนผัดหมู ส่วนฉันก็ขยับออกห่างเล็กน้อยเพราะกลัวไปเกะกะเขา“นายได้ทำอะไรพี่ฝนกับเพลงหรือเปล่า” เพราะรู้สึกว่าสองคนนี้เงียบหายไปเลยไม่มาวุ่นวายกับเราสองคนแล้ว ก็เลยถามดู เขาอาจจะทำอย่างที่เคยทำกับแป้งตอนนั้นที่จู่ ๆ ก็หายไปไม่กล้ายุ่งกับไทเกอร์อีก“ทำไมถามแบบนั้น”“ฉันรู้สึกว่าสองคนนั้นเงียบหายไปเลย นายทำอะไรหรือเปล่า”“เธอห้าม แล้วฉันจะกล้าขัดคำสั่งได้ยังไง” เขาตอบโดยไม่หันมามอง เอาแต่ก้มหน้าก้มตาสนใจของที่อยู่ในกระทะ“ถ้าทำฉันก็ไม่ว่าอะไร แค่ไม่อยากให้โกหก”จู่ ๆ ไทเกอร์ก็วางตะหลิวในมือก่อนจะปิดแก๊สแล้วหมุนตัวหันมาป
หนึ่งอาทิตย์ผ่านไปคอนโด วันนี้ไทเกอร์เป็นคนขอพ่อกับแม่ว่าจะพาฉันนอนที่คอนโด พอเขาพูดแม่ก็ไม่เคยห้ามอะไรเลยคิดดูสิว่ารักลูกเขยคนนี้มากขนาดไหน ตั้งแต่เด็กจนโตแม่ชมไทเกอร์นับครั้งไม่ถ้วน“ดูสิท้องเริ่มออกแล้ว” ฉันเลิกเสื้อขึ้นโชว์ให้ไทเกอร์ที่กำลังนั่งอยู่บนโซฟาดู เมื่อกี้ส่องกระจกในห้องน้ำแล้วเห็นว่ามันนูนขึ้นมากกว่าเดิมก็เลยรีบบอกเขาด้วยความตื่นเต้น“รู้แล้ว” “ได้ยังไง นายรู้ก่อนฉันได้ยัง”“ฉันลูบท้องเธอทุกวัน”นั่นสิไม่น่าถามเลย ไทเกอร์น่ะลูบท้องฉันบ่อยมาก ๆ เวลานั่งใกล้กันมือของเขาจะวางตรงท้องอัตโนมัติทันที แต่ฉันนี่สิไม่สังเกตดูตัวเองเลย“มานั่งตักพี่เร็วคนสวย” ไม่พูดเปล่าเขาตบมือลงบนท่อนขาของตัวเองเพื่อเรียกให้ฉันไปนั่ง“ไม่เอา นายชอบลวนลาม”“โธ่จ๋าย แค่จับนิดบีบหน่อยเท่านั้นเอง” คนตัวสูงทำหน้าอ้อนและก็เป็นฉันที่แพ้อีกเช่นเคย มองสายตาที่หวานเยิ้มคู่นั้นก่อนจะเดินมานั่งลงบนตัก“คิดถึงตอนนั้นที่เราชอบดูหนังด้วยกัน แต่แทบไม่รู้เลยว่าเนื้อหาหนังที่ดูเป็นยังไง รู้ตัวไหมว่าขี้อ่อยขนาดไหน” เขาถามแล้วยกมือขึ้นมาบีบแก้มของฉันเบา ๆ ก่อนจะโน้มใบหน้ามาเอาปลายจมูกโด่งลากไล้พร้อมหอมฟอดใหญ่“คิ
ลืมตาตื่นขึ้นในตอนเช้าก่อนจะคิดถึงเรื่องราวเมื่อคืนจนทำให้ใบหน้าร้อนผ่าว ตอนนี้ฉันกำลังนอนอยู่ในอ้อมกอดของไทเกอร์ ภาพที่เขาจูบลงบนท้องซ้ำ ๆ ยังวนเวียนอยู่ในหัวทำให้ใจเต้นแรงเวลานึกถึงค่อย ๆ ขยับตัวหันมานอนตะแคงมองใบหน้าหล่อของคนที่กำลังหลับอยู่ ดีใจที่เขากลับมาเป็นรอยยิ้มให้อีกครั้งอย่างที่เคยพูดเอาไว้ ไม่ใช่แค่ไทเกอร์ที่อยากขอบคุณ ฉันเองก็อยากขอบคุณเขาเหมือนกันผ่านไปครู่ใหญ่ไทเกอร์ก็ลืมตาขึ้น สิ่งแรกที่เขาทำคือยิ้มแล้วขยับริมฝีปากมาจูบลงบนหน้าผากของฉันแผ่วเบา ก่อนจะเลื่อนมาหอมแก้มสองข้างและปิดท้ายด้วยการกดจูบลงบนริมฝีปาก“ตื่นนานหรือยัง”“ไม่นาน ก่อนที่นายจะตื่นแป๊บเดียวเอง”“ดีใจ ฉันดีใจมากจริง ๆ” พูดจบเขาก็ดึงให้ฉันเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดแน่น แล้วกดจูบลงบนหน้าผากซ้ำ ๆ หลายรอบ“รู้แล้วว่าดีใจแต่อย่ากอดแน่นมากหายใจไม่ออกแล้ว” พอบอกอย่างนั้นแขนแกร่งก็ค่อย ๆ ผ่อนแรงแต่ไม่ได้ปล่อยกอด“ขอบคุณครับ ขอบคุณที่ให้อภัยกัน” ฉันไม่ได้ตอบอะไรหวนคิดถึงเมื่อคืนที่ไทเกอร์ร้องไห้ออกมาหลังพูดคำว่าให้อภัย เขาทำให้รู้สึกได้ว่ารักฉันมากและรอคอยคำนี้มาตลอด พอได้ยินก็เหมือนถูกปลดล็อกทุกอย่าง“ขอบคุณนายเหมือน
เมื่อรู้ว่าใกล้จะหยุดตัวเองไม่ได้ ไทเกอร์เป็นฝ่ายผละออก เขาเอาหน้าผากของตัวเองแตะลงมาบนหน้าผากของฉันแล้วค้างไว้อย่างนั้นเป็นเวลานานถึงเวลาสักที ตอนนี้ฉันเองก็พร้อมจะเริ่มต้นใหม่แล้วเหมือนกัน เสียงจากความรู้สึกมันร้องบอกอย่างนั้น ฉันค่อย ๆ ยกมือขึ้นประคองใบหน้าคมคาย ก่อนจะขยับริมฝีปากมาจูบแผ่วเบาบนปากหยัก เป็นจูบที่ไม่รุกล้ำไปกว่าการเอาปากแตะกันแค่นั้น ทบทวนกับตัวเองอีกครั้งถึงการเริ่มต้นใหม่เพื่อย้ำเตือนว่าครั้งนี้ระหว่างเราสองคนจะไม่มีอะไรผิดพลาดอีก“ให้อภัย… ฉันให้อภัยนาย” หลังที่ต่างเงียบไปนาน ฉันเป็นฝ่ายพูดก่อน ราวกับอีกคนหูดับไปชั่วขณะ ไทเกอร์นิ่งไม่ขยับจนฉันต้องค่อย ๆ ผละใบหน้าออกห่างเพื่อมองว่าตอนนี้เขากำลังทำสีหน้าแบบไหน“… ขอบคุณครับ… ขอบคุณที่ให้อภัย” เสียงทุ้มปนสั่นเครือตอบแผ่วเบา หลังเอ่ยคำนั้นน้ำสีใสก็ไหลอาบแก้มเขาใช่แล้วเขาร้องไห้ร่างหนาสั่นโยนจากแรงสะอื้นทำให้ฉันเริ่มทำตัวไม่ถูก เพราะไม่คิดว่าประโยคสั้น ๆ นั้น จะทำให้ไทเกอร์ร้องไห้หนักขนาดนี้“ฉันรอ ฮึก~ รอคำนั้นมาตลอดเลยจ๋าย”“ฮึก~ ขอบคุณ”“ขอบคุณที่กลับมาเริ่มต้นใหม่กับคนเอาแต่ใจ ฮึก~ อย่างฉัน”“หยุดร้องไห้ก่อนไทเ