#อาทิตย์ต่อมา
ฉันไปเรียนได้แล้วหลังจากที่หยุดเกือบอาทิตย์ พอได้อยู่กับเพื่อนก็ทำให้อาการซึมน้อยลงแต่พออยู่คนเดียวก็เป็นเหมือนเดิม ได้แต่คิดถึงอดีตที่เคยมีความสุข… “พี่เสือใจ๋ขอขี่หลังหน่อย” “โตขนาดนี้แล้วยังจะขอขี่หลังเป็นเด็ก” “เร็วๆ สิ” “เด็กดื้อ” ฉันกระโดดขึ้นหลังของพี่เสือ ถึงแม้จะถูกบ่นแต่ก็ยอมย่อตัวเพื่อรับฉันไว้ไม่ให้ตก จำได้ตราตรึงในหัวใจเลยว่าเหตุการณ์นี้ทำให้ฉันเริ่มรู้ว่าตัวเองชอบพี่เสือเข้าให้แล้ว แต่ในตอนนี้แม้แต่หน้ายังแทบไม่ได้เจอกัน พูดคุยสักคำก็ไม่มี ฉันส่งแชตไปทุกวันแต่พี่เสือไม่เคยเปิดอ่านเลย ไทเกอร์บอกให้ฉันรอ จนมาถึงตอนนี้เริ่มคิดแล้วว่าจะต้องรอไปอีกนานเท่าไร การที่จะตัดใครสักคนออกจากชีวิตสำหรับพี่เสือมันทำง่ายขนาดนั้นเลยหรอ “คุณหนูคะคุณท่านเรียกพบค่ะ” “ค่ะ” ฉันที่กำลังคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อนถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะมาพบคุณพ่อตามคำสั่งที่ห้องทำงาน “พ่อเรียกใจ๋มามีอะไรหรือเปล่าคะ” “พรุ่งนี้ลูกว่างหรือเปล่า” “ใจ๋มีนัดกับยี่หวาค่ะ ทำไมหรอคะ” พรุ่งนี้ฉันนัดไปดูหนังกับยี่หวาที่ห้าง “ยกเลิกนัดกับเพื่อนไปก่อน” “คะ? พ่อจะพาใจ๋ไปไหน” “พรุ่งนี้ลูกต้องไปลองชุดที่จะใส่งานหมั้นกับเสือ” “ดะ ได้วันแล้วหรอคะ” ฉันกำมือแน่น พอพ่อพูดเรื่องนี้ขึ้นมามันก็รู้สึกแน่นหน้าอกหายใจไม่ออก “อืม ฤกษ์เดือนหน้า” “ระ เร็วจังเลยค่ะ” “พรุ่งนี้เสือจะไปรอลูกที่ร้าน” “พี่เสือรับปากกับพ่อหรอคะ” “อืม พ่ออยากให้มารับลูกที่บ้านแต่เห็นว่ามีงานที่มหาวิทยาลัยต้องเคลียร์ก่อน ก็เลยให้ลูกไปรอที่ร้าน” “อ๋อค่ะ” ฉันพยักหน้าตอบพลางเม้มปากแน่น คงไม่มีงานอะไรมากหรอกพี่เสือแค่อ้างก็เท่านั้น เหตุผลก็มีแค่ข้อเดียวคือหลบหน้าฉัน#วันต่อมา
เมื่อคืนมัวแต่คิดว่าวันนี้จะได้เจอพี่เสือมันทำให้นอนแทบไม่หลับ เพราะกังวลกลัวทำตัวไม่ถูก ไม่รู้จะเริ่มพูดยังไง หรือควรจะเงียบไม่พูดไม่จาแค่ลองชุดให้เสร็จก็แยกย้าย ฉันคิดมากจริงๆ คนขับรถที่บ้านมาส่งที่ร้านลองชุด พนักงานของร้านออกมาต้อนรับอย่างเป็นมิตร พ่อคงจะจัดการให้แล้วเพราะมาถึงไม่ได้พูดอะไรพวกพี่ๆ พนักงานต่างก็หยิบชุดมาให้ดูว่าชอบแบบไหน “ชุดนี้ก็ดูเหมาะกับน้องใจ๋นะคะ” “เดี๋ยวใจ๋รอเลือกพร้อมพี่เสือดีกว่าค่ะ” ฉันยิ้มให้พยักงานอย่างเขินอาย การมาเลือกชุดคนเดียวมันค่อนข้างแปลกๆ ใช่ไหม รอพี่เสือมาเลือกพร้อมกันดีกว่า ผ่านไปสองชั่วโมง ฉันนั่งรอพี่เสืออยู่ที่เดิมพลางเล่นโทรศัพท์แก้เบื่อ พร้อมกับชะเง้อมองที่หน้าประตูร้านเป็นระยะๆ เพื่อแอบมองว่าคนที่รอมาถึงหรือยัง สี่ชั่วโมงผ่านไป จนถึงตอนนี้พี่เสือก็ยังไม่มาที่ร้าน พยักงานเดินมาถามแล้วว่าอยากจะลองชุดก่อนไหม แต่ฉันก็ยังบอกว่าจะรอ ฉัน: พี่เสือออกมาที่ร้านหรือยังคะ ใจ๋รออยู่ ฉัน: รับปากคุณพ่อว่าจะมาแล้วไม่มาหรอคะ ฉัน: แค่เจอหน้าใจ๋ก็ไม่ได้เลยหรอ ฉัน: ใจ๋จะรอเลือกชุดพร้อมพี่เสือนะคะ ฉันพิมพ์ข้อความส่งไปบอกถึงแม้เจ้าของห้องแชตจะไม่เคยอ่านข้อความเลยก็ตาม ตอนนี้ฉันเริ่มคิดแล้วว่าคนที่กำลังรออยู่อาจจะไม่มา พี่เสือคงแค่รับปากพ่อเพื่อปัดๆ ไปก่อนแต่ไม่ได้ตั้งใจจะมาจริงๆ แต่ถึงอย่างนั้นฉันก็ยังอยากรอ “น้องใจ๋คะร้านใกล้จะปิดแล้ว” “อะ อ๋อค่ะ งะ งั้นเดี๋ยวใจ๋นัดวันมาดูชุดใหม่อีกครั้งนะคะ” “ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวให้พี่เอาชุดไปให้ลองที่บ้านดีไหมคะ” “…แบบนั้นก็ได้ค่ะ” ฉันยิ้มให้กับพนักงาน เธอคงสงสัยว่าว่าที่คู่หมั้นของฉันหายไปไหนทำไมทิ้งให้รอตั้งหลายชั่วโมงแบบนี้ มันน่าอายจริงๆ อยากจะร้องไห้แต่คนเยอะ วันนี้ฉันรู้สึกเจ็บปวดกว่าเดิมอีกแล้ว เมื่อกำลังจะเดินออกจากร้านก็เห็นคนตัวสูงที่ฉันรอมาทั้งวันเปิดประตูร้านแล้วเดินเข้ามา สายตาคมจ้องมองฉันอย่างไร้ความรู้สึกผิดที่ปล่อยให้รอหลายชั่วโมง“ทะ ทำไมถึงมาเอาป่านนี้ละคะ ใจ๋รอตั้งหลายชั่วโมงรู้ไหม”
“ใครขอให้รอ” “แต่นี่มัน….งานหมั้นของเรานะ” “เธอก็แค่เลือกส่วนของตัวเองไป เกี่ยวอะไรกับฉัน” “จะ ใจ๋อยากให้พี่เสือช่วยเลือกนี่คะ” “จำเป็นต้องทำแบบนั้น?” “ใจร้ายกับใจ๋เกินไปไหมคะ” รู้ทั้งรู้ว่าเขาไม่เต็มใจแต่ฉันนี่สิ ชอบพูดชวนให้อีกฝ่ายหงุดหงิดอยู่เรื่อย อยากให้เขาเข้าใจว่าตัวฉันเองถึงแม้จะรู้สึกดีมากแค่ไหนที่เราจะได้หมั้นกันแต่มันก็ไม่มีความสุขเลย หากสามารถยกเลิกได้คงทำไปแล้ว วันนั้นเป็นฉันเองที่คิดน้อยไปแต่มันแก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว “ใจร้าย? หึ!! ฉันร้ายได้มากกว่านี้อีกถ้าเธอยังอยากจะไปต่อ” หมับ!! จู่ๆ พี่เสือก็กระชากแขนฉันอย่างแรง ก่อนจะถามพยักงาน “ห้องลองชุดอยู่ไหนครับ ผมจะพาว่าที่คู่หมั้นเข้าไปลอง….ชุดซักหน่อย” “พะ พี่เสือ” “รอฉันมาเลือกชุดให้ไม่ใช่หรือไง” “…….” “แต่คงเหนื่อยหน่อยนะ…เพราะต้องถอดเปลี่ยนหลายครั้งเลยกว่าฉันจะถูกใจ”ฉันนอนกลิ้งไปมาอยู่บนเตียงขนาดคิงไซส์ ผ้าปูที่นอนสีดำดูเข้ากับโทนสีของห้องอย่างลงตัวบ่งบอกถึงบุคลิกเจ้าของห้อง “ใจ๋ลุกขึ้นจากเตียง” เสียงทุ้มของเจ้าของห้องที่เพิ่งเดินออกมาจากห้องน้ำออกคำสั่ง “อะไรกันใจ๋เพิ่งมาเอง” ฉันหันมองไปทางห้องน้ำก่อนที่ใบหน้าจะเริ่มขึ้นสีแดงเถือกเพราะบนตัวของพี่เสือมีเพียงผ้าขนหนูเพียงผืนเดียวที่พันอยู่รอบเอว ผมเปียกๆ นั่นเวบานเำมันหยดลงมาทำไมถึงได้ดูดีขนาดนั้นกัน “อย่าให้ต้องพูดซ้ำนะใจ๋” ฉันทำหน้าบึ้งมองพี่เสือผู้เป็นเจ้าของห้อง ตอนเด็กๆ ฉัน จ๋าย ไทเกอร์และพี่เสือ ชอบมาเล่นซ่อนแอบกันในห้องนี้ประจำ ตั้งแต่เด็กจนโตฉันก็มักจะเข้ามาเล่นในห้องของพี่เสือบ่อยๆ พี่เสือเอ็นดูฉันเหมือนน้องสาวคนหนึ่งถึงแม้จะรู้ดีว่า….ฉันคิดยังไงกับเขา แต่ใจ๋คนนี้ไม่ท้อหรอก สักวันพี่เสือจะต้องชอบใจ๋คอยดูสิ“โตแล้วนะใจ๋ อย่าทำแบบนี้ใครมาเห็นมันจะดูไม่ดี” “บ่นใจ๋อีกแล้ว” “พี่บอกตั้งกี่ครั้งว่าอย่าแอบเข้ามาในห้องแบบนี้อีก เราไม่ใช่เด็กๆ กันแล้ว” “ถ้าอย่างนั้น…..” ฉันดีดตัวลุกขึ้นจากเตียงแล้วเดินมาหยุดตรงหน้าของคนตัวสูง ก่อนจะพูดต่อ “พี่เสือก็มาเป็นแฟนใจ๋สิ” แปะ!! ทันทีที่พูดจบพี่เส
หลังจากที่เอ่ยประโยคนั้นออกไปสีหน้าของพี่เสือก็เปลี่ยนทันที เขาจ้องฉันเขม็งแสดงความไม่พอใจออกมาให้เห็นจนน่ากลัว เพราะที่ผ่านมาไม่เคยเห็นพี่เสือโกรธขนาดนี้เลย “ควรถามความสมัครใจผมด้วยหรือเปล่าครับ” “น้องเลือกแล้ว แม่เองก็เห็นว่าเสือกับน้องสนิทกันมาตั้งแต่เด็ก อีกอย่างทั้งคู่เหมาะสมกันมากๆ” แม่ของพี่เสือเอ่ยขึ้นพร้อมยิ้มให้ฉัน เหตุการณ์ในตอนนี้คงมีแค่ฉันพี่เสือและไทเกอร์ที่เคร่งเครียดเพราะทางผู้ใหญ่ยิ้มออกมาอย่างยินดี “ถ้าอยากให้น้องหมั้นก็ให้หมั้นกับไอ้ไทเกอร์แทนแล้วกัน อย่าบังคับผมไม่ชอบ” พูดจบพี่เสือก็ลุกขึ้นยืนเต็มความสูงก่อนจะเดินออกไปจากห้องอาหารด้วยท่าทางไม่สบอารมณ์ “ไม่ต้องห่วงเรื่องนี้ฉันจัดการเอง” พ่อของพี่เสือเอ่ยบอกทางครอบครัวของฉัน ตอนนี้ฉันรู้สึกผิดกับสิ่งที่ตัวเองเลือก แต่พูดออกไปแล้วให้ทำยังไงได้ พ่อก็แสดงสีหน้าดุแบบนั้นและกดดันแบบนั้นอีก “หนูขอตัวก่อนนะคะ” ฉันลุกขึ้นจากเก้าอี้จากนั้นก็เดินออกมาตามพี่เสือ เดินหาอยู่ครู่ใหญ่ก็เห็นคนตัวสูงกำลังยืนพ่นควันบุหรี่สีขาวคลุ้งอยู่ที่สวนหลังบ้าน “พะ พี่เสือ” เพราะความกลัวเสียงของฉันมันจึงสั่นเทา แต่เพราะไม่อยากถูกโกรธถึงตา
ฉันเสียใจกับสิ่งที่พี่เสือพูดออกมา มันเหมือนความสัมพันธ์ของเราสองคนถูกตัดขาดไปแล้วจริงๆ จนตอนนี้ฉันก็ยังร้องไห้ไม่หยุด อยากจะคุยอีกสักครั้งแต่พี่เสือออกไปไหนก็ไม่รู้ โทรหาก็ไม่รับแชตไปก็ไม่ตอบ “ใจ๋ลูกอยู่ในห้องใช่ไหม แม่ขอเข้าไปได้ไหมลูก” “อึก~ ค่ะ” ฉันรีบยกมือขึ้นมาเช็ดน้ำตาที่ไหลอาบแก้ม ถึงจะเช็ดออกจนไม่เหลือคราบน้ำตาแต่ดวงตาที่บวมเปล่งก็ไม่สามารถปกบอดได้ว่าผ่านการร้องไห้อย่างหนักมาก่อนหน้า แม่ดูตกใจที่เห็นว่าฉันร้องไห้ก่อนจะเข้ามากอดปลอบ “คนเก่งของแม่ร้องไห้ทำไมคะ เพราะเรื่องวันนี้อย่างนั้นหรอ” “พี่เสือโกรธมากๆ เลยค่ะ อึก~ ใจ๋จะทำยังไงดี” อุตส่าห์คิดว่าจะไม่ร้องไห้ต่อหน้าแม่แล้วแท้ๆ แต่สุดท้ายน้ำตามันก็ไหลอาบแก้มอยู่ดี “พี่เขาคงไม่ได้ตั้งตัว ให้เวลาเสือหน่อยนะลูก”“ใจ๋ผิดเอง แทนที่จะปฏิเสธ” “แม่รู้ว่าใจ๋คิดยังไงกับเสือ”“ตะ แต่ อึก~ พี่เสือไม่เคยคิดอะไรกับใจ๋เลย” “ลูกสาวแม่น่ารักขนาดนี้ เสือต้องชอบหนูแน่ๆ แม่รับประกัน”ฉันรู้ว่าแม่แค่พูดปลอบใจ เพราะไม่มีทางเลยที่พี่เสือจะมาชอบฉัน เขามีคนในใจแล้วนี่ “ขอพ่อให้ยกเลิกเรื่องหมั้นได้ไหมคะ”“ใจ๋ก็รู้ว่าพ่อเป็นยังไง อย่าเลยลูกเดี๋ย
ไทเกอร์พาฉันกลับมาที่บ้านถึงแม้จะไม่เต็มใจก็ตาม แต่สีหน้าของพี่เสือในตอนนี้มันบ่งบอกว่าหากยังดื้อดึงขืนอยู่ต่อได้มีเรื่องแน่ๆ “รอให้เฮียใจเย็นกว่านี้ก่อน อย่าเพิ่งไปวุ่นวาย” ครั้งนี้ไทเกอร์ออกคำสั่ง “อือ จะพยายาม” “อย่าทำให้มันแย่ไปกว่านี้นะใจ๋ ถือว่าขอ” ฉันพยักหน้าตอบ รู้ว่าไทเกอร์ก็พยายามจะช่วยเต็มที่แล้ว ตอนนี้ภายในใจมันเต็มไปด้วยความรู้สึกผิดแต่ก็ไม่สามารถปฏิเสธได้ว่าฉันยินดีในสิ่งที่ตัวเองเลือก มันเป็น ความโลภของฉันเองที่อยากจะรั้งพี่เสือเอาไว้ด้วยวิธีนี้ ถึงเขาจะไม่เต็มใจก็ตาม เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นเป็นเบอร์ของจ๋าย ฉันมองหน้าจอครู่หนึ่งก่อนจะกดรับ “ว่าไงจ๋าย” ( ไม่เห็นโทรมาหากันบ้างเลยนะช่วงนี้ ใจ๋เรียนหนักหรอ ) “อื้อ” ( มีเรื่องไม่สบายใจหรือเปล่า ) “เปล่า” ( เราเป็นแฝดกันนะใจ๋ อย่าโกหกจ๋ายสิ ) ต่อให้พี่เสือชอบจ๋ายฉันก็คงโกรธน้องสาวฝาแฝดของตัวเองไม่ลงหรอก เพราะจ๋ายเป็นคนที่น่ารักและเป็นคนเดียวที่เข้าใจฉันมากที่สุด ตั้งแต่เด็กจนโตเราไม่เคยทะเลาะกันด้วยซ้ำและไม่เคยแยกกันจนดระทั่งจ๋ายตัดสินใจไปเรียนต่อต่างประเทศ “แม่ไม่ได้บอกอะไรใช่ไหม” ( มีอะไรหรือเปล่า จ๋ายยังไม่ได้คุ
พี่เสือจ้องหน้าฉันนานพอสมควรก่อนจะสบถในลำคอ ซึ่งฉันก็ไม่เข้าใจว่าทำไม “หึ” “ไปตอนนี้เลยไหมคะ” ฉันไม่ได้คิดอะไรมากกับคำถามขอบตัวเอง ใช่ว่าไม่เคยขึ้นคอนโดของพี่เสือซักหน่อย ก่อนหน้านี้ก่อนไปเรียนฉันชอบซื้อน้ำเต้าหู้ไปให้“รู้ไหมว่าตอนนี้เหมือนเธอกำลังเสนอตัวให้ฉัน”“จะ ใจ๋ไม่ได้ทำแบบนั้นนะ กะ ก็พี่เสือบอกเองนี่” ฉันรีบส่ายหน้าปฏิเสธทันควันเมื่อถูกกล่าวหาในเรื่องที่ไม่จริง “ไม่ต้องทำตัวใสซื่อในเมื่อเธอแสดงออกมาชัดเจนแล้วว่าอยากได้ฉันขนาดไหน”“ใจ๋ชอบพี่เสือ แต่ไม่เคยคิดเรื่องแบบนั้นเลยนะคะ” “หึ!!” “ขอเวลาให้ใจ๋ได้ทำให้พี่เสือชอบได้ไหม เปิดโอกาสให้ใจ๋หน่อยได้ไหมคะ” มันอาจจะดูน่าตลกที่เป็นฝ่ายเอ่ยปากขอผู้ชายก่อน แต่ทำยังไงได้ในเมื่อฉันชอบพี่เสือจริงๆ “ที่ผ่านมามันยังไม่ชัดเจนอีกรึไงว่าฉันไม่เคยคิดอะไรกับเธอเลย” “เพราะพี่เสือไม่เคยเปิดโอกาสให้ใจ๋เลยต่างหาก” คนตัวสูงพ่นลมหายใจออกมาแรงๆ ราวกับการพูดคุยกับฉันมันเป็นเรื่องที่น่าหงุดหงิดเอามากๆ “กลับไปซะ ถ้าไม่กลับก็ดูแลตัวเองดีๆ เพราะถ้าเกิดอะไรขึ้นฉันจะไม่เข้าไปช่วยเธออีก” “พี่เสือเป็นห่วงใจ๋ใช่ไหม” ฉันยิ้มออกมา เพียงแค่คำสั่งแค่นี้มั
#อาทิตย์ต่อมา ฉันไปเรียนได้แล้วหลังจากที่หยุดเกือบอาทิตย์ พอได้อยู่กับเพื่อนก็ทำให้อาการซึมน้อยลงแต่พออยู่คนเดียวก็เป็นเหมือนเดิม ได้แต่คิดถึงอดีตที่เคยมีความสุข…“พี่เสือใจ๋ขอขี่หลังหน่อย”“โตขนาดนี้แล้วยังจะขอขี่หลังเป็นเด็ก” “เร็วๆ สิ” “เด็กดื้อ” ฉันกระโดดขึ้นหลังของพี่เสือ ถึงแม้จะถูกบ่นแต่ก็ยอมย่อตัวเพื่อรับฉันไว้ไม่ให้ตก จำได้ตราตรึงในหัวใจเลยว่าเหตุการณ์นี้ทำให้ฉันเริ่มรู้ว่าตัวเองชอบพี่เสือเข้าให้แล้ว แต่ในตอนนี้แม้แต่หน้ายังแทบไม่ได้เจอกัน พูดคุยสักคำก็ไม่มี ฉันส่งแชตไปทุกวันแต่พี่เสือไม่เคยเปิดอ่านเลย ไทเกอร์บอกให้ฉันรอ จนมาถึงตอนนี้เริ่มคิดแล้วว่าจะต้องรอไปอีกนานเท่าไร การที่จะตัดใครสักคนออกจากชีวิตสำหรับพี่เสือมันทำง่ายขนาดนั้นเลยหรอ“คุณหนูคะคุณท่านเรียกพบค่ะ” “ค่ะ” ฉันที่กำลังคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อนถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะมาพบคุณพ่อตามคำสั่งที่ห้องทำงาน “พ่อเรียกใจ๋มามีอะไรหรือเปล่าคะ” “พรุ่งนี้ลูกว่างหรือเปล่า” “ใจ๋มีนัดกับยี่หวาค่ะ ทำไมหรอคะ” พรุ่งนี้ฉันนัดไปดูหนังกับยี่หวาที่ห้าง “ยกเลิกนัดกับเพื่อนไปก่อน”“คะ? พ่อจะพาใจ๋ไปไหน” “พรุ่งนี้ลูกต้องไปลองชุดที่จะใส่ง
พี่เสือจ้องหน้าฉันนานพอสมควรก่อนจะสบถในลำคอ ซึ่งฉันก็ไม่เข้าใจว่าทำไม “หึ” “ไปตอนนี้เลยไหมคะ” ฉันไม่ได้คิดอะไรมากกับคำถามขอบตัวเอง ใช่ว่าไม่เคยขึ้นคอนโดของพี่เสือซักหน่อย ก่อนหน้านี้ก่อนไปเรียนฉันชอบซื้อน้ำเต้าหู้ไปให้“รู้ไหมว่าตอนนี้เหมือนเธอกำลังเสนอตัวให้ฉัน”“จะ ใจ๋ไม่ได้ทำแบบนั้นนะ กะ ก็พี่เสือบอกเองนี่” ฉันรีบส่ายหน้าปฏิเสธทันควันเมื่อถูกกล่าวหาในเรื่องที่ไม่จริง “ไม่ต้องทำตัวใสซื่อในเมื่อเธอแสดงออกมาชัดเจนแล้วว่าอยากได้ฉันขนาดไหน”“ใจ๋ชอบพี่เสือ แต่ไม่เคยคิดเรื่องแบบนั้นเลยนะคะ” “หึ!!” “ขอเวลาให้ใจ๋ได้ทำให้พี่เสือชอบได้ไหม เปิดโอกาสให้ใจ๋หน่อยได้ไหมคะ” มันอาจจะดูน่าตลกที่เป็นฝ่ายเอ่ยปากขอผู้ชายก่อน แต่ทำยังไงได้ในเมื่อฉันชอบพี่เสือจริงๆ “ที่ผ่านมามันยังไม่ชัดเจนอีกรึไงว่าฉันไม่เคยคิดอะไรกับเธอเลย” “เพราะพี่เสือไม่เคยเปิดโอกาสให้ใจ๋เลยต่างหาก” คนตัวสูงพ่นลมหายใจออกมาแรงๆ ราวกับการพูดคุยกับฉันมันเป็นเรื่องที่น่าหงุดหงิดเอามากๆ “กลับไปซะ ถ้าไม่กลับก็ดูแลตัวเองดีๆ เพราะถ้าเกิดอะไรขึ้นฉันจะไม่เข้าไปช่วยเธออีก” “พี่เสือเป็นห่วงใจ๋ใช่ไหม” ฉันยิ้มออกมา เพียงแค่คำสั่งแค่นี้มั
ไทเกอร์พาฉันกลับมาที่บ้านถึงแม้จะไม่เต็มใจก็ตาม แต่สีหน้าของพี่เสือในตอนนี้มันบ่งบอกว่าหากยังดื้อดึงขืนอยู่ต่อได้มีเรื่องแน่ๆ “รอให้เฮียใจเย็นกว่านี้ก่อน อย่าเพิ่งไปวุ่นวาย” ครั้งนี้ไทเกอร์ออกคำสั่ง “อือ จะพยายาม” “อย่าทำให้มันแย่ไปกว่านี้นะใจ๋ ถือว่าขอ” ฉันพยักหน้าตอบ รู้ว่าไทเกอร์ก็พยายามจะช่วยเต็มที่แล้ว ตอนนี้ภายในใจมันเต็มไปด้วยความรู้สึกผิดแต่ก็ไม่สามารถปฏิเสธได้ว่าฉันยินดีในสิ่งที่ตัวเองเลือก มันเป็น ความโลภของฉันเองที่อยากจะรั้งพี่เสือเอาไว้ด้วยวิธีนี้ ถึงเขาจะไม่เต็มใจก็ตาม เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นเป็นเบอร์ของจ๋าย ฉันมองหน้าจอครู่หนึ่งก่อนจะกดรับ “ว่าไงจ๋าย” ( ไม่เห็นโทรมาหากันบ้างเลยนะช่วงนี้ ใจ๋เรียนหนักหรอ ) “อื้อ” ( มีเรื่องไม่สบายใจหรือเปล่า ) “เปล่า” ( เราเป็นแฝดกันนะใจ๋ อย่าโกหกจ๋ายสิ ) ต่อให้พี่เสือชอบจ๋ายฉันก็คงโกรธน้องสาวฝาแฝดของตัวเองไม่ลงหรอก เพราะจ๋ายเป็นคนที่น่ารักและเป็นคนเดียวที่เข้าใจฉันมากที่สุด ตั้งแต่เด็กจนโตเราไม่เคยทะเลาะกันด้วยซ้ำและไม่เคยแยกกันจนดระทั่งจ๋ายตัดสินใจไปเรียนต่อต่างประเทศ “แม่ไม่ได้บอกอะไรใช่ไหม” ( มีอะไรหรือเปล่า จ๋ายยังไม่ได้คุ
ฉันเสียใจกับสิ่งที่พี่เสือพูดออกมา มันเหมือนความสัมพันธ์ของเราสองคนถูกตัดขาดไปแล้วจริงๆ จนตอนนี้ฉันก็ยังร้องไห้ไม่หยุด อยากจะคุยอีกสักครั้งแต่พี่เสือออกไปไหนก็ไม่รู้ โทรหาก็ไม่รับแชตไปก็ไม่ตอบ “ใจ๋ลูกอยู่ในห้องใช่ไหม แม่ขอเข้าไปได้ไหมลูก” “อึก~ ค่ะ” ฉันรีบยกมือขึ้นมาเช็ดน้ำตาที่ไหลอาบแก้ม ถึงจะเช็ดออกจนไม่เหลือคราบน้ำตาแต่ดวงตาที่บวมเปล่งก็ไม่สามารถปกบอดได้ว่าผ่านการร้องไห้อย่างหนักมาก่อนหน้า แม่ดูตกใจที่เห็นว่าฉันร้องไห้ก่อนจะเข้ามากอดปลอบ “คนเก่งของแม่ร้องไห้ทำไมคะ เพราะเรื่องวันนี้อย่างนั้นหรอ” “พี่เสือโกรธมากๆ เลยค่ะ อึก~ ใจ๋จะทำยังไงดี” อุตส่าห์คิดว่าจะไม่ร้องไห้ต่อหน้าแม่แล้วแท้ๆ แต่สุดท้ายน้ำตามันก็ไหลอาบแก้มอยู่ดี “พี่เขาคงไม่ได้ตั้งตัว ให้เวลาเสือหน่อยนะลูก”“ใจ๋ผิดเอง แทนที่จะปฏิเสธ” “แม่รู้ว่าใจ๋คิดยังไงกับเสือ”“ตะ แต่ อึก~ พี่เสือไม่เคยคิดอะไรกับใจ๋เลย” “ลูกสาวแม่น่ารักขนาดนี้ เสือต้องชอบหนูแน่ๆ แม่รับประกัน”ฉันรู้ว่าแม่แค่พูดปลอบใจ เพราะไม่มีทางเลยที่พี่เสือจะมาชอบฉัน เขามีคนในใจแล้วนี่ “ขอพ่อให้ยกเลิกเรื่องหมั้นได้ไหมคะ”“ใจ๋ก็รู้ว่าพ่อเป็นยังไง อย่าเลยลูกเดี๋ย
หลังจากที่เอ่ยประโยคนั้นออกไปสีหน้าของพี่เสือก็เปลี่ยนทันที เขาจ้องฉันเขม็งแสดงความไม่พอใจออกมาให้เห็นจนน่ากลัว เพราะที่ผ่านมาไม่เคยเห็นพี่เสือโกรธขนาดนี้เลย “ควรถามความสมัครใจผมด้วยหรือเปล่าครับ” “น้องเลือกแล้ว แม่เองก็เห็นว่าเสือกับน้องสนิทกันมาตั้งแต่เด็ก อีกอย่างทั้งคู่เหมาะสมกันมากๆ” แม่ของพี่เสือเอ่ยขึ้นพร้อมยิ้มให้ฉัน เหตุการณ์ในตอนนี้คงมีแค่ฉันพี่เสือและไทเกอร์ที่เคร่งเครียดเพราะทางผู้ใหญ่ยิ้มออกมาอย่างยินดี “ถ้าอยากให้น้องหมั้นก็ให้หมั้นกับไอ้ไทเกอร์แทนแล้วกัน อย่าบังคับผมไม่ชอบ” พูดจบพี่เสือก็ลุกขึ้นยืนเต็มความสูงก่อนจะเดินออกไปจากห้องอาหารด้วยท่าทางไม่สบอารมณ์ “ไม่ต้องห่วงเรื่องนี้ฉันจัดการเอง” พ่อของพี่เสือเอ่ยบอกทางครอบครัวของฉัน ตอนนี้ฉันรู้สึกผิดกับสิ่งที่ตัวเองเลือก แต่พูดออกไปแล้วให้ทำยังไงได้ พ่อก็แสดงสีหน้าดุแบบนั้นและกดดันแบบนั้นอีก “หนูขอตัวก่อนนะคะ” ฉันลุกขึ้นจากเก้าอี้จากนั้นก็เดินออกมาตามพี่เสือ เดินหาอยู่ครู่ใหญ่ก็เห็นคนตัวสูงกำลังยืนพ่นควันบุหรี่สีขาวคลุ้งอยู่ที่สวนหลังบ้าน “พะ พี่เสือ” เพราะความกลัวเสียงของฉันมันจึงสั่นเทา แต่เพราะไม่อยากถูกโกรธถึงตา
ฉันนอนกลิ้งไปมาอยู่บนเตียงขนาดคิงไซส์ ผ้าปูที่นอนสีดำดูเข้ากับโทนสีของห้องอย่างลงตัวบ่งบอกถึงบุคลิกเจ้าของห้อง “ใจ๋ลุกขึ้นจากเตียง” เสียงทุ้มของเจ้าของห้องที่เพิ่งเดินออกมาจากห้องน้ำออกคำสั่ง “อะไรกันใจ๋เพิ่งมาเอง” ฉันหันมองไปทางห้องน้ำก่อนที่ใบหน้าจะเริ่มขึ้นสีแดงเถือกเพราะบนตัวของพี่เสือมีเพียงผ้าขนหนูเพียงผืนเดียวที่พันอยู่รอบเอว ผมเปียกๆ นั่นเวบานเำมันหยดลงมาทำไมถึงได้ดูดีขนาดนั้นกัน “อย่าให้ต้องพูดซ้ำนะใจ๋” ฉันทำหน้าบึ้งมองพี่เสือผู้เป็นเจ้าของห้อง ตอนเด็กๆ ฉัน จ๋าย ไทเกอร์และพี่เสือ ชอบมาเล่นซ่อนแอบกันในห้องนี้ประจำ ตั้งแต่เด็กจนโตฉันก็มักจะเข้ามาเล่นในห้องของพี่เสือบ่อยๆ พี่เสือเอ็นดูฉันเหมือนน้องสาวคนหนึ่งถึงแม้จะรู้ดีว่า….ฉันคิดยังไงกับเขา แต่ใจ๋คนนี้ไม่ท้อหรอก สักวันพี่เสือจะต้องชอบใจ๋คอยดูสิ“โตแล้วนะใจ๋ อย่าทำแบบนี้ใครมาเห็นมันจะดูไม่ดี” “บ่นใจ๋อีกแล้ว” “พี่บอกตั้งกี่ครั้งว่าอย่าแอบเข้ามาในห้องแบบนี้อีก เราไม่ใช่เด็กๆ กันแล้ว” “ถ้าอย่างนั้น…..” ฉันดีดตัวลุกขึ้นจากเตียงแล้วเดินมาหยุดตรงหน้าของคนตัวสูง ก่อนจะพูดต่อ “พี่เสือก็มาเป็นแฟนใจ๋สิ” แปะ!! ทันทีที่พูดจบพี่เส