หลังจากที่เอ่ยประโยคนั้นออกไปสีหน้าของพี่เสือก็เปลี่ยนทันที เขาจ้องฉันเขม็งแสดงความไม่พอใจออกมาให้เห็นจนน่ากลัว เพราะที่ผ่านมาไม่เคยเห็นพี่เสือโกรธขนาดนี้เลย
“ควรถามความสมัครใจผมด้วยหรือเปล่าครับ” “น้องเลือกแล้ว แม่เองก็เห็นว่าเสือกับน้องสนิทกันมาตั้งแต่เด็ก อีกอย่างทั้งคู่เหมาะสมกันมากๆ” แม่ของพี่เสือเอ่ยขึ้นพร้อมยิ้มให้ฉัน เหตุการณ์ในตอนนี้คงมีแค่ฉันพี่เสือและไทเกอร์ที่เคร่งเครียดเพราะทางผู้ใหญ่ยิ้มออกมาอย่างยินดี “ถ้าอยากให้น้องหมั้นก็ให้หมั้นกับไอ้ไทเกอร์แทนแล้วกัน อย่าบังคับผมไม่ชอบ” พูดจบพี่เสือก็ลุกขึ้นยืนเต็มความสูงก่อนจะเดินออกไปจากห้องอาหารด้วยท่าทางไม่สบอารมณ์ “ไม่ต้องห่วงเรื่องนี้ฉันจัดการเอง” พ่อของพี่เสือเอ่ยบอกทางครอบครัวของฉัน ตอนนี้ฉันรู้สึกผิดกับสิ่งที่ตัวเองเลือก แต่พูดออกไปแล้วให้ทำยังไงได้ พ่อก็แสดงสีหน้าดุแบบนั้นและกดดันแบบนั้นอีก “หนูขอตัวก่อนนะคะ” ฉันลุกขึ้นจากเก้าอี้จากนั้นก็เดินออกมาตามพี่เสือ เดินหาอยู่ครู่ใหญ่ก็เห็นคนตัวสูงกำลังยืนพ่นควันบุหรี่สีขาวคลุ้งอยู่ที่สวนหลังบ้าน “พะ พี่เสือ” เพราะความกลัวเสียงของฉันมันจึงสั่นเทา แต่เพราะไม่อยากถูกโกรธถึงตามมาแบบนี้ คนที่ถูกเรียกชื่อหันมามองด้วยสายตาที่ทำให้รู้สึกเย็นยะเยือก อุณหภูมิในร่างกายลดลงฮวบ “คือ…จะ ใจ๋” “พี่ไม่เคยมีความคิดแบบนั้นในหัว ไปบอกคุณป้าซะว่าไม่อยากหมั้น” “ใจ๋กลัวพ่อดุ พี่เสือก็เห็นว่าพ่อกดดันขนาดไหน” “กลัวถูกดุหรือจริงๆ ใจ๋ก็อยากจะจับพี่จนตัวสั่น” “พะ พี่เสือ” “ต้องการแบบนี้อยู่แล้วนี่ พี่พูดถูกใช่ไหม” “ไม่ใช่นะคะ” “หึ!!” พี่เสือก้าวขาเดินมาหยุดตรงหน้าฉัน เพราะระดับส่วนสูงต่างกันเขาจึงโน้มตัวลงมา ก่อนจะพ่นควันบุหรี่คลุ้งเต็มหน้าของฉัน “อื้อ ใจ๋เหม็นพี่เสือก็รู้” “อย่าใช้วิธีนี้…เพราะถ้าทำแบบนั้นเธอจะกลายเป็นคนอื่นในสายตาพี่” “แค่หมั้นกับใจ๋มันเลวร้ายขนาดนั้นเลยหรอคะ ที่ใจ๋พยายามเอาตัวเองเข้ามาในชีวิตของพี่ พยายามอยู่ในสายตาพี่ตลอดเวลา แสดงความรู้สึกออกมาตรงๆ มันไม่ทำให้พี่เสือรู้สึกแบบเดียวกันกับใจ๋บ้างเลยหรอ” “เธอมาชอบพี่เองใจ๋ อย่ามาเรียกร้องให้พี่รู้สึก” “แล้วถ้าคนที่ต้องเลือกเป็นจ๋ายล่ะ พี่เสือจะหงุดหงิดขนาดนี้ไหม” “อย่าเอาจ๋ายมาเกี่ยว” “ทำไมคะ ใจ๋กับจ๋ายไม่เหมือนกันตรงไหน” ฉันตัดพ้อออกมาอย่างน้อยใจ ความรู้สึกแบบนี้มันเกิดขึ้นมาตั้งนานแล้วแต่ไม่เคยพูดออกมา ฉันกับจ๋ายไม่ได้มีปัญหาอะไรกัน แต่มันน้อยใจที่พี่เสือเอ็นดูจ๋ายมากกว่าฉัน “เหมือนแค่หน้าตาอย่างอื่น…ไม่มีทางเหมือน” “……..” ฉันรู้มาตลอดว่าพี่เสือดูเหมือนชอบจ๋าย แต่คิดว่าเราเป็นแฝดกันฉันอาจทำให้พี่เสือเปลี่ยนมาชอบตัวเองได้ แต่มาถึงวันนี้มันไม่ใช่เลย ฉันไม่เคยแทนที่จ๋ายได้เลย “ยกเลิกงานหมั้นซะใจ๋ อย่าทำให้เรื่องมันแย่ไปมากกว่านี้” “ต่อให้ต้องเลือกใหม่ ใจ๋ก็ยังจะเลือกพี่เสือ” ฉันมองหน้าคนตัวสูง ผู้ชายที่แอบรักมานานหลายปี “ฉันให้เธอเป็นได้มากที่สุดแค่น้องสาว ถ้าไม่อยากเป็น ก็มีอีกสถานะ สนใจไหม?” สรรพนามที่แทนตัวเองเปลี่ยนไปทำให้หัวใจดวงน้อยๆ ของฉันกระตุกวูบ เพราะตั้งแต่เด็กจนโตพี่เสือไม่เคยแทนตัวเองว่าฉันเลย “สถานะอะไรคะ” “คนไม่รู้จัก” “……..” “ถ้ามั่นใจจะให้ทุกอย่างเป็นแบบนี้ก็อย่าว่าฉันใจร้าย”ฉันเสียใจกับสิ่งที่พี่เสือพูดออกมา มันเหมือนความสัมพันธ์ของเราสองคนถูกตัดขาดไปแล้วจริงๆ จนตอนนี้ฉันก็ยังร้องไห้ไม่หยุด อยากจะคุยอีกสักครั้งแต่พี่เสือออกไปไหนก็ไม่รู้ โทรหาก็ไม่รับแชตไปก็ไม่ตอบ “ใจ๋ลูกอยู่ในห้องใช่ไหม แม่ขอเข้าไปได้ไหมลูก” “อึก~ ค่ะ” ฉันรีบยกมือขึ้นมาเช็ดน้ำตาที่ไหลอาบแก้ม ถึงจะเช็ดออกจนไม่เหลือคราบน้ำตาแต่ดวงตาที่บวมเปล่งก็ไม่สามารถปกบอดได้ว่าผ่านการร้องไห้อย่างหนักมาก่อนหน้า แม่ดูตกใจที่เห็นว่าฉันร้องไห้ก่อนจะเข้ามากอดปลอบ “คนเก่งของแม่ร้องไห้ทำไมคะ เพราะเรื่องวันนี้อย่างนั้นหรอ” “พี่เสือโกรธมากๆ เลยค่ะ อึก~ ใจ๋จะทำยังไงดี” อุตส่าห์คิดว่าจะไม่ร้องไห้ต่อหน้าแม่แล้วแท้ๆ แต่สุดท้ายน้ำตามันก็ไหลอาบแก้มอยู่ดี “พี่เขาคงไม่ได้ตั้งตัว ให้เวลาเสือหน่อยนะลูก”“ใจ๋ผิดเอง แทนที่จะปฏิเสธ” “แม่รู้ว่าใจ๋คิดยังไงกับเสือ”“ตะ แต่ อึก~ พี่เสือไม่เคยคิดอะไรกับใจ๋เลย” “ลูกสาวแม่น่ารักขนาดนี้ เสือต้องชอบหนูแน่ๆ แม่รับประกัน”ฉันรู้ว่าแม่แค่พูดปลอบใจ เพราะไม่มีทางเลยที่พี่เสือจะมาชอบฉัน เขามีคนในใจแล้วนี่ “ขอพ่อให้ยกเลิกเรื่องหมั้นได้ไหมคะ”“ใจ๋ก็รู้ว่าพ่อเป็นยังไง อย่าเลยลูกเดี๋ย
ไทเกอร์พาฉันกลับมาที่บ้านถึงแม้จะไม่เต็มใจก็ตาม แต่สีหน้าของพี่เสือในตอนนี้มันบ่งบอกว่าหากยังดื้อดึงขืนอยู่ต่อได้มีเรื่องแน่ๆ “รอให้เฮียใจเย็นกว่านี้ก่อน อย่าเพิ่งไปวุ่นวาย” ครั้งนี้ไทเกอร์ออกคำสั่ง “อือ จะพยายาม” “อย่าทำให้มันแย่ไปกว่านี้นะใจ๋ ถือว่าขอ” ฉันพยักหน้าตอบ รู้ว่าไทเกอร์ก็พยายามจะช่วยเต็มที่แล้ว ตอนนี้ภายในใจมันเต็มไปด้วยความรู้สึกผิดแต่ก็ไม่สามารถปฏิเสธได้ว่าฉันยินดีในสิ่งที่ตัวเองเลือก มันเป็น ความโลภของฉันเองที่อยากจะรั้งพี่เสือเอาไว้ด้วยวิธีนี้ ถึงเขาจะไม่เต็มใจก็ตาม เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นเป็นเบอร์ของจ๋าย ฉันมองหน้าจอครู่หนึ่งก่อนจะกดรับ “ว่าไงจ๋าย” ( ไม่เห็นโทรมาหากันบ้างเลยนะช่วงนี้ ใจ๋เรียนหนักหรอ ) “อื้อ” ( มีเรื่องไม่สบายใจหรือเปล่า ) “เปล่า” ( เราเป็นแฝดกันนะใจ๋ อย่าโกหกจ๋ายสิ ) ต่อให้พี่เสือชอบจ๋ายฉันก็คงโกรธน้องสาวฝาแฝดของตัวเองไม่ลงหรอก เพราะจ๋ายเป็นคนที่น่ารักและเป็นคนเดียวที่เข้าใจฉันมากที่สุด ตั้งแต่เด็กจนโตเราไม่เคยทะเลาะกันด้วยซ้ำและไม่เคยแยกกันจนดระทั่งจ๋ายตัดสินใจไปเรียนต่อต่างประเทศ “แม่ไม่ได้บอกอะไรใช่ไหม” ( มีอะไรหรือเปล่า จ๋ายยังไม่ได้คุ
พี่เสือจ้องหน้าฉันนานพอสมควรก่อนจะสบถในลำคอ ซึ่งฉันก็ไม่เข้าใจว่าทำไม “หึ” “ไปตอนนี้เลยไหมคะ” ฉันไม่ได้คิดอะไรมากกับคำถามขอบตัวเอง ใช่ว่าไม่เคยขึ้นคอนโดของพี่เสือซักหน่อย ก่อนหน้านี้ก่อนไปเรียนฉันชอบซื้อน้ำเต้าหู้ไปให้“รู้ไหมว่าตอนนี้เหมือนเธอกำลังเสนอตัวให้ฉัน”“จะ ใจ๋ไม่ได้ทำแบบนั้นนะ กะ ก็พี่เสือบอกเองนี่” ฉันรีบส่ายหน้าปฏิเสธทันควันเมื่อถูกกล่าวหาในเรื่องที่ไม่จริง “ไม่ต้องทำตัวใสซื่อในเมื่อเธอแสดงออกมาชัดเจนแล้วว่าอยากได้ฉันขนาดไหน”“ใจ๋ชอบพี่เสือ แต่ไม่เคยคิดเรื่องแบบนั้นเลยนะคะ” “หึ!!” “ขอเวลาให้ใจ๋ได้ทำให้พี่เสือชอบได้ไหม เปิดโอกาสให้ใจ๋หน่อยได้ไหมคะ” มันอาจจะดูน่าตลกที่เป็นฝ่ายเอ่ยปากขอผู้ชายก่อน แต่ทำยังไงได้ในเมื่อฉันชอบพี่เสือจริงๆ “ที่ผ่านมามันยังไม่ชัดเจนอีกรึไงว่าฉันไม่เคยคิดอะไรกับเธอเลย” “เพราะพี่เสือไม่เคยเปิดโอกาสให้ใจ๋เลยต่างหาก” คนตัวสูงพ่นลมหายใจออกมาแรงๆ ราวกับการพูดคุยกับฉันมันเป็นเรื่องที่น่าหงุดหงิดเอามากๆ “กลับไปซะ ถ้าไม่กลับก็ดูแลตัวเองดีๆ เพราะถ้าเกิดอะไรขึ้นฉันจะไม่เข้าไปช่วยเธออีก” “พี่เสือเป็นห่วงใจ๋ใช่ไหม” ฉันยิ้มออกมา เพียงแค่คำสั่งแค่นี้มั
#อาทิตย์ต่อมา ฉันไปเรียนได้แล้วหลังจากที่หยุดเกือบอาทิตย์ พอได้อยู่กับเพื่อนก็ทำให้อาการซึมน้อยลงแต่พออยู่คนเดียวก็เป็นเหมือนเดิม ได้แต่คิดถึงอดีตที่เคยมีความสุข…“พี่เสือใจ๋ขอขี่หลังหน่อย”“โตขนาดนี้แล้วยังจะขอขี่หลังเป็นเด็ก” “เร็วๆ สิ” “เด็กดื้อ” ฉันกระโดดขึ้นหลังของพี่เสือ ถึงแม้จะถูกบ่นแต่ก็ยอมย่อตัวเพื่อรับฉันไว้ไม่ให้ตก จำได้ตราตรึงในหัวใจเลยว่าเหตุการณ์นี้ทำให้ฉันเริ่มรู้ว่าตัวเองชอบพี่เสือเข้าให้แล้ว แต่ในตอนนี้แม้แต่หน้ายังแทบไม่ได้เจอกัน พูดคุยสักคำก็ไม่มี ฉันส่งแชตไปทุกวันแต่พี่เสือไม่เคยเปิดอ่านเลย ไทเกอร์บอกให้ฉันรอ จนมาถึงตอนนี้เริ่มคิดแล้วว่าจะต้องรอไปอีกนานเท่าไร การที่จะตัดใครสักคนออกจากชีวิตสำหรับพี่เสือมันทำง่ายขนาดนั้นเลยหรอ“คุณหนูคะคุณท่านเรียกพบค่ะ” “ค่ะ” ฉันที่กำลังคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อนถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะมาพบคุณพ่อตามคำสั่งที่ห้องทำงาน “พ่อเรียกใจ๋มามีอะไรหรือเปล่าคะ” “พรุ่งนี้ลูกว่างหรือเปล่า” “ใจ๋มีนัดกับยี่หวาค่ะ ทำไมหรอคะ” พรุ่งนี้ฉันนัดไปดูหนังกับยี่หวาที่ห้าง “ยกเลิกนัดกับเพื่อนไปก่อน”“คะ? พ่อจะพาใจ๋ไปไหน” “พรุ่งนี้ลูกต้องไปลองชุดที่จะใส่ง
ฉันนอนกลิ้งไปมาอยู่บนเตียงขนาดคิงไซส์ ผ้าปูที่นอนสีดำดูเข้ากับโทนสีของห้องอย่างลงตัวบ่งบอกถึงบุคลิกเจ้าของห้อง “ใจ๋ลุกขึ้นจากเตียง” เสียงทุ้มของเจ้าของห้องที่เพิ่งเดินออกมาจากห้องน้ำออกคำสั่ง “อะไรกันใจ๋เพิ่งมาเอง” ฉันหันมองไปทางห้องน้ำก่อนที่ใบหน้าจะเริ่มขึ้นสีแดงเถือกเพราะบนตัวของพี่เสือมีเพียงผ้าขนหนูเพียงผืนเดียวที่พันอยู่รอบเอว ผมเปียกๆ นั่นเวบานเำมันหยดลงมาทำไมถึงได้ดูดีขนาดนั้นกัน “อย่าให้ต้องพูดซ้ำนะใจ๋” ฉันทำหน้าบึ้งมองพี่เสือผู้เป็นเจ้าของห้อง ตอนเด็กๆ ฉัน จ๋าย ไทเกอร์และพี่เสือ ชอบมาเล่นซ่อนแอบกันในห้องนี้ประจำ ตั้งแต่เด็กจนโตฉันก็มักจะเข้ามาเล่นในห้องของพี่เสือบ่อยๆ พี่เสือเอ็นดูฉันเหมือนน้องสาวคนหนึ่งถึงแม้จะรู้ดีว่า….ฉันคิดยังไงกับเขา แต่ใจ๋คนนี้ไม่ท้อหรอก สักวันพี่เสือจะต้องชอบใจ๋คอยดูสิ“โตแล้วนะใจ๋ อย่าทำแบบนี้ใครมาเห็นมันจะดูไม่ดี” “บ่นใจ๋อีกแล้ว” “พี่บอกตั้งกี่ครั้งว่าอย่าแอบเข้ามาในห้องแบบนี้อีก เราไม่ใช่เด็กๆ กันแล้ว” “ถ้าอย่างนั้น…..” ฉันดีดตัวลุกขึ้นจากเตียงแล้วเดินมาหยุดตรงหน้าของคนตัวสูง ก่อนจะพูดต่อ “พี่เสือก็มาเป็นแฟนใจ๋สิ” แปะ!! ทันทีที่พูดจบพี่เส
#อาทิตย์ต่อมา ฉันไปเรียนได้แล้วหลังจากที่หยุดเกือบอาทิตย์ พอได้อยู่กับเพื่อนก็ทำให้อาการซึมน้อยลงแต่พออยู่คนเดียวก็เป็นเหมือนเดิม ได้แต่คิดถึงอดีตที่เคยมีความสุข…“พี่เสือใจ๋ขอขี่หลังหน่อย”“โตขนาดนี้แล้วยังจะขอขี่หลังเป็นเด็ก” “เร็วๆ สิ” “เด็กดื้อ” ฉันกระโดดขึ้นหลังของพี่เสือ ถึงแม้จะถูกบ่นแต่ก็ยอมย่อตัวเพื่อรับฉันไว้ไม่ให้ตก จำได้ตราตรึงในหัวใจเลยว่าเหตุการณ์นี้ทำให้ฉันเริ่มรู้ว่าตัวเองชอบพี่เสือเข้าให้แล้ว แต่ในตอนนี้แม้แต่หน้ายังแทบไม่ได้เจอกัน พูดคุยสักคำก็ไม่มี ฉันส่งแชตไปทุกวันแต่พี่เสือไม่เคยเปิดอ่านเลย ไทเกอร์บอกให้ฉันรอ จนมาถึงตอนนี้เริ่มคิดแล้วว่าจะต้องรอไปอีกนานเท่าไร การที่จะตัดใครสักคนออกจากชีวิตสำหรับพี่เสือมันทำง่ายขนาดนั้นเลยหรอ“คุณหนูคะคุณท่านเรียกพบค่ะ” “ค่ะ” ฉันที่กำลังคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อนถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะมาพบคุณพ่อตามคำสั่งที่ห้องทำงาน “พ่อเรียกใจ๋มามีอะไรหรือเปล่าคะ” “พรุ่งนี้ลูกว่างหรือเปล่า” “ใจ๋มีนัดกับยี่หวาค่ะ ทำไมหรอคะ” พรุ่งนี้ฉันนัดไปดูหนังกับยี่หวาที่ห้าง “ยกเลิกนัดกับเพื่อนไปก่อน”“คะ? พ่อจะพาใจ๋ไปไหน” “พรุ่งนี้ลูกต้องไปลองชุดที่จะใส่ง
พี่เสือจ้องหน้าฉันนานพอสมควรก่อนจะสบถในลำคอ ซึ่งฉันก็ไม่เข้าใจว่าทำไม “หึ” “ไปตอนนี้เลยไหมคะ” ฉันไม่ได้คิดอะไรมากกับคำถามขอบตัวเอง ใช่ว่าไม่เคยขึ้นคอนโดของพี่เสือซักหน่อย ก่อนหน้านี้ก่อนไปเรียนฉันชอบซื้อน้ำเต้าหู้ไปให้“รู้ไหมว่าตอนนี้เหมือนเธอกำลังเสนอตัวให้ฉัน”“จะ ใจ๋ไม่ได้ทำแบบนั้นนะ กะ ก็พี่เสือบอกเองนี่” ฉันรีบส่ายหน้าปฏิเสธทันควันเมื่อถูกกล่าวหาในเรื่องที่ไม่จริง “ไม่ต้องทำตัวใสซื่อในเมื่อเธอแสดงออกมาชัดเจนแล้วว่าอยากได้ฉันขนาดไหน”“ใจ๋ชอบพี่เสือ แต่ไม่เคยคิดเรื่องแบบนั้นเลยนะคะ” “หึ!!” “ขอเวลาให้ใจ๋ได้ทำให้พี่เสือชอบได้ไหม เปิดโอกาสให้ใจ๋หน่อยได้ไหมคะ” มันอาจจะดูน่าตลกที่เป็นฝ่ายเอ่ยปากขอผู้ชายก่อน แต่ทำยังไงได้ในเมื่อฉันชอบพี่เสือจริงๆ “ที่ผ่านมามันยังไม่ชัดเจนอีกรึไงว่าฉันไม่เคยคิดอะไรกับเธอเลย” “เพราะพี่เสือไม่เคยเปิดโอกาสให้ใจ๋เลยต่างหาก” คนตัวสูงพ่นลมหายใจออกมาแรงๆ ราวกับการพูดคุยกับฉันมันเป็นเรื่องที่น่าหงุดหงิดเอามากๆ “กลับไปซะ ถ้าไม่กลับก็ดูแลตัวเองดีๆ เพราะถ้าเกิดอะไรขึ้นฉันจะไม่เข้าไปช่วยเธออีก” “พี่เสือเป็นห่วงใจ๋ใช่ไหม” ฉันยิ้มออกมา เพียงแค่คำสั่งแค่นี้มั
ไทเกอร์พาฉันกลับมาที่บ้านถึงแม้จะไม่เต็มใจก็ตาม แต่สีหน้าของพี่เสือในตอนนี้มันบ่งบอกว่าหากยังดื้อดึงขืนอยู่ต่อได้มีเรื่องแน่ๆ “รอให้เฮียใจเย็นกว่านี้ก่อน อย่าเพิ่งไปวุ่นวาย” ครั้งนี้ไทเกอร์ออกคำสั่ง “อือ จะพยายาม” “อย่าทำให้มันแย่ไปกว่านี้นะใจ๋ ถือว่าขอ” ฉันพยักหน้าตอบ รู้ว่าไทเกอร์ก็พยายามจะช่วยเต็มที่แล้ว ตอนนี้ภายในใจมันเต็มไปด้วยความรู้สึกผิดแต่ก็ไม่สามารถปฏิเสธได้ว่าฉันยินดีในสิ่งที่ตัวเองเลือก มันเป็น ความโลภของฉันเองที่อยากจะรั้งพี่เสือเอาไว้ด้วยวิธีนี้ ถึงเขาจะไม่เต็มใจก็ตาม เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นเป็นเบอร์ของจ๋าย ฉันมองหน้าจอครู่หนึ่งก่อนจะกดรับ “ว่าไงจ๋าย” ( ไม่เห็นโทรมาหากันบ้างเลยนะช่วงนี้ ใจ๋เรียนหนักหรอ ) “อื้อ” ( มีเรื่องไม่สบายใจหรือเปล่า ) “เปล่า” ( เราเป็นแฝดกันนะใจ๋ อย่าโกหกจ๋ายสิ ) ต่อให้พี่เสือชอบจ๋ายฉันก็คงโกรธน้องสาวฝาแฝดของตัวเองไม่ลงหรอก เพราะจ๋ายเป็นคนที่น่ารักและเป็นคนเดียวที่เข้าใจฉันมากที่สุด ตั้งแต่เด็กจนโตเราไม่เคยทะเลาะกันด้วยซ้ำและไม่เคยแยกกันจนดระทั่งจ๋ายตัดสินใจไปเรียนต่อต่างประเทศ “แม่ไม่ได้บอกอะไรใช่ไหม” ( มีอะไรหรือเปล่า จ๋ายยังไม่ได้คุ
ฉันเสียใจกับสิ่งที่พี่เสือพูดออกมา มันเหมือนความสัมพันธ์ของเราสองคนถูกตัดขาดไปแล้วจริงๆ จนตอนนี้ฉันก็ยังร้องไห้ไม่หยุด อยากจะคุยอีกสักครั้งแต่พี่เสือออกไปไหนก็ไม่รู้ โทรหาก็ไม่รับแชตไปก็ไม่ตอบ “ใจ๋ลูกอยู่ในห้องใช่ไหม แม่ขอเข้าไปได้ไหมลูก” “อึก~ ค่ะ” ฉันรีบยกมือขึ้นมาเช็ดน้ำตาที่ไหลอาบแก้ม ถึงจะเช็ดออกจนไม่เหลือคราบน้ำตาแต่ดวงตาที่บวมเปล่งก็ไม่สามารถปกบอดได้ว่าผ่านการร้องไห้อย่างหนักมาก่อนหน้า แม่ดูตกใจที่เห็นว่าฉันร้องไห้ก่อนจะเข้ามากอดปลอบ “คนเก่งของแม่ร้องไห้ทำไมคะ เพราะเรื่องวันนี้อย่างนั้นหรอ” “พี่เสือโกรธมากๆ เลยค่ะ อึก~ ใจ๋จะทำยังไงดี” อุตส่าห์คิดว่าจะไม่ร้องไห้ต่อหน้าแม่แล้วแท้ๆ แต่สุดท้ายน้ำตามันก็ไหลอาบแก้มอยู่ดี “พี่เขาคงไม่ได้ตั้งตัว ให้เวลาเสือหน่อยนะลูก”“ใจ๋ผิดเอง แทนที่จะปฏิเสธ” “แม่รู้ว่าใจ๋คิดยังไงกับเสือ”“ตะ แต่ อึก~ พี่เสือไม่เคยคิดอะไรกับใจ๋เลย” “ลูกสาวแม่น่ารักขนาดนี้ เสือต้องชอบหนูแน่ๆ แม่รับประกัน”ฉันรู้ว่าแม่แค่พูดปลอบใจ เพราะไม่มีทางเลยที่พี่เสือจะมาชอบฉัน เขามีคนในใจแล้วนี่ “ขอพ่อให้ยกเลิกเรื่องหมั้นได้ไหมคะ”“ใจ๋ก็รู้ว่าพ่อเป็นยังไง อย่าเลยลูกเดี๋ย
หลังจากที่เอ่ยประโยคนั้นออกไปสีหน้าของพี่เสือก็เปลี่ยนทันที เขาจ้องฉันเขม็งแสดงความไม่พอใจออกมาให้เห็นจนน่ากลัว เพราะที่ผ่านมาไม่เคยเห็นพี่เสือโกรธขนาดนี้เลย “ควรถามความสมัครใจผมด้วยหรือเปล่าครับ” “น้องเลือกแล้ว แม่เองก็เห็นว่าเสือกับน้องสนิทกันมาตั้งแต่เด็ก อีกอย่างทั้งคู่เหมาะสมกันมากๆ” แม่ของพี่เสือเอ่ยขึ้นพร้อมยิ้มให้ฉัน เหตุการณ์ในตอนนี้คงมีแค่ฉันพี่เสือและไทเกอร์ที่เคร่งเครียดเพราะทางผู้ใหญ่ยิ้มออกมาอย่างยินดี “ถ้าอยากให้น้องหมั้นก็ให้หมั้นกับไอ้ไทเกอร์แทนแล้วกัน อย่าบังคับผมไม่ชอบ” พูดจบพี่เสือก็ลุกขึ้นยืนเต็มความสูงก่อนจะเดินออกไปจากห้องอาหารด้วยท่าทางไม่สบอารมณ์ “ไม่ต้องห่วงเรื่องนี้ฉันจัดการเอง” พ่อของพี่เสือเอ่ยบอกทางครอบครัวของฉัน ตอนนี้ฉันรู้สึกผิดกับสิ่งที่ตัวเองเลือก แต่พูดออกไปแล้วให้ทำยังไงได้ พ่อก็แสดงสีหน้าดุแบบนั้นและกดดันแบบนั้นอีก “หนูขอตัวก่อนนะคะ” ฉันลุกขึ้นจากเก้าอี้จากนั้นก็เดินออกมาตามพี่เสือ เดินหาอยู่ครู่ใหญ่ก็เห็นคนตัวสูงกำลังยืนพ่นควันบุหรี่สีขาวคลุ้งอยู่ที่สวนหลังบ้าน “พะ พี่เสือ” เพราะความกลัวเสียงของฉันมันจึงสั่นเทา แต่เพราะไม่อยากถูกโกรธถึงตา
ฉันนอนกลิ้งไปมาอยู่บนเตียงขนาดคิงไซส์ ผ้าปูที่นอนสีดำดูเข้ากับโทนสีของห้องอย่างลงตัวบ่งบอกถึงบุคลิกเจ้าของห้อง “ใจ๋ลุกขึ้นจากเตียง” เสียงทุ้มของเจ้าของห้องที่เพิ่งเดินออกมาจากห้องน้ำออกคำสั่ง “อะไรกันใจ๋เพิ่งมาเอง” ฉันหันมองไปทางห้องน้ำก่อนที่ใบหน้าจะเริ่มขึ้นสีแดงเถือกเพราะบนตัวของพี่เสือมีเพียงผ้าขนหนูเพียงผืนเดียวที่พันอยู่รอบเอว ผมเปียกๆ นั่นเวบานเำมันหยดลงมาทำไมถึงได้ดูดีขนาดนั้นกัน “อย่าให้ต้องพูดซ้ำนะใจ๋” ฉันทำหน้าบึ้งมองพี่เสือผู้เป็นเจ้าของห้อง ตอนเด็กๆ ฉัน จ๋าย ไทเกอร์และพี่เสือ ชอบมาเล่นซ่อนแอบกันในห้องนี้ประจำ ตั้งแต่เด็กจนโตฉันก็มักจะเข้ามาเล่นในห้องของพี่เสือบ่อยๆ พี่เสือเอ็นดูฉันเหมือนน้องสาวคนหนึ่งถึงแม้จะรู้ดีว่า….ฉันคิดยังไงกับเขา แต่ใจ๋คนนี้ไม่ท้อหรอก สักวันพี่เสือจะต้องชอบใจ๋คอยดูสิ“โตแล้วนะใจ๋ อย่าทำแบบนี้ใครมาเห็นมันจะดูไม่ดี” “บ่นใจ๋อีกแล้ว” “พี่บอกตั้งกี่ครั้งว่าอย่าแอบเข้ามาในห้องแบบนี้อีก เราไม่ใช่เด็กๆ กันแล้ว” “ถ้าอย่างนั้น…..” ฉันดีดตัวลุกขึ้นจากเตียงแล้วเดินมาหยุดตรงหน้าของคนตัวสูง ก่อนจะพูดต่อ “พี่เสือก็มาเป็นแฟนใจ๋สิ” แปะ!! ทันทีที่พูดจบพี่เส