Share

บทที่ 11

เมื่อองค์ชายสามมาถึงตำหนักฉางชิว ฮ่องเต้นั้นก็แค่ทดสอบบทเรียนบางอย่างแก่องค์ชายสาม จากนั้นก็เรียกมาอยู่ข้างเขา

ตอนนี้จิ่นเฉินก็โตขึ้นแล้วควรค่อย ๆ คลุกคลีกับเรื่องการเมืองบ้าง ตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไปก็ติดตามพี่ใหญ่และพี่รองของเจ้าไปประชุมเช้าด้วยเถอะ” ฮ่องเต้ต้าฉู่กล่าวด้วยท่าทีอ่อนโยน

“จริงหรือพะยะค่ะ?” องค์ชายสามเดิมทีก็เป็นคนเปิดเผยความคิดอยู่แล้ว เมื่อได้ยินที่ฮ่องเต้ต้าฉู่กล่าว ก็เป็นธรรมดาที่จะมีความสุข “ลูกขอบคุณเสด็จพ่อพะยะค่ะ”

พระสนมเต๋อเฟยรีบกล่าวยับยั้ง “ฝ่าบาท จิ่นเฉินเพิ่งจะอายุสิบสามปีนะเพคะ ยังเป็นแค่เด็กอยู่เลย จะเข้าร่วมประชุมเช้ได้ยังไงกันเพคะ นอกจากนี้ตอนนี้ก็ยังมีองค์รัชทายาทคอย...”

ฮ่องเต้ต้าฉู่ขัดจังหวะนาง “ข้าได้ตัดสินใจแล้ว เต๋อเฟย ไม่จำเป็นต้องพูดให้มากความอีก”

หลังจากพูดจบแล้วก็ชี้ไปที่พระสนมเต๋อ “อีกอย่าง จิ่นเฉินร่ำเรียนได้ไม่เลว เจ้าเลี้ยงดูได้ดีมาก”

“ขอบพระทัยสำหรับคำชมเพคะ ฝ่าบาท” เมื่อได้ยินเช่นนี้ พระสนมเต๋อก็รีบแสดงกล่าวคำขอบคุณ

“เมิ่งฉวนเต๋อ แจ้งเหล่าสนมด้วยว่าพระสนมเต๋อได้รับการเลื่อนยศเป็นพระสนมเต๋อกุ้ยเฟยแล้ว” หลังจากพูดจบก็ชี้ไปที่พระสนมเต๋อ “คืนนี้ข้าจะมาทานอาหารเย็นที่ตำหนักของเจ้า”

พูดจบก็ออกจากวังฉางชิวโดยไม่หันกลับมามองอีกเลย เหลือไว้เพียงพระสนมเต๋อเฟยและองค์ชายสามที่มีสีหน้าตกตะลึง

“เสด็จแม่ เสด็จพ่อไม่พอใจองค์รัชทายาท จะแต่งตั้งให้กระหม่อมทำหน้าที่แทนแล้วหรือพ่ะย่ะค่ะ?” องค์ชายสามส่ายแขนของพระสนมเต๋อเฟยอย่างมีความสุข เอ๊ะ ไม่ใช่ ตอนนี้เป็นพระสนมเต๋อกุ้ยเฟยแล้ว

“ข้า...ข้าก็ไม่รู้” พระสนมเต๋อยังคงตกใจ ตามที่ท่านพ่อบอก ตอนนี้ฝ่าบาทควรจะต้องสงสัยในตนถึงจะถูก แล้วทำไมนางถึงได้รับการเลื่อนยศ อีกทั้งองค์ชายสามได้รับอนุญาตให้กลับมามีส่วนร่วมในงานการเมืองอีกครั้งล่ะ เห็นทีครั้งนี้ท่านพ่อคงกังวลมากเกินไปแล้ว

หรือเพราะว่า เป็นเรื่องจริงอย่างที่จิ่นเฉินพูด ฝ่าบาทไม่พอใจองค์รัชทายาท?

ไม่กี่วันต่อมา ก็มีพิธีแต่งตั้งพระสนมเต๋อกุ้ยเฟยและพระสนมเฉินกุ้ยเฟย ไทเฮาทรงตัดสินใจเชิญครอบครัวขุนนางใหญ่ระดับสามขึ้นไป ด้วยเหตผลที่ว่าในวังไม่ได้ครึกครื้นมานานแล้ว ตอนนี้หย่งอันก็โตขึ้นแล้ว ควรจะต้องครึกครื้นถึงจะดี

ลู่ซิงหว่าน [เสด็จย่า ข้าอายุแค่สองเดือนเท่านั้นนะ!]

พูดแล้วว่าครึกครื้น ฮ่องเต้และไทเฮาย่อมต้องมีการเตรียมการอื่น ๆ อยู่แล้ว

เหล่าขุนนางตระกูลใหญ่ย่อมรู้ดีอยู่แล้ว วันนี้ไทเฮาจะเลือกชายาให้รัชทายาท ตอนนี้รัชทายาทก็อายุสิบแปดปีแล้ว แต่อีกสองปีข้างหน้าถึงจะทำพิธีสถาปนา ก็ถึงเวลาที่จะแต่งงานได้แล้ว

ว่าที่ฮ่องเต้ที่มั่นคง ถึงเป็นรากฐานของแคว้นได้

ชั่วขณะหนึ่ง พระสนมเต๋อเฟยไม่เข้าใจเจตนาของฮ่องเต้เลย หากเขาพอใจในตัวรัชทายาทแล้ว ทำไมยังสนับสนุนองค์ชายสามอีกล่ะ หากบอกว่าไม่พอใจในตัวรัชทายาท แต่ก็ยังวุ่นวายเลือกชายาให้เขาอีก

วันนี้กลับเป็นลู่ซิงหว่านที่ยุ่งมาก พระสนมเฉินกุ้ยเฟยที่อยู่ข้างๆ ก็เหนื่อยคนสมองมึนงงไปหมด

พระสนมเฉินกุ้ยเฟยดูออกแล้วว่าลู่ซิงหว่านเด็กน้อยคนนี้ชอบยุ่งเรื่องชาวบ้าน วันนี้ไม่ว่าจะไปที่ไหนจึงพานางไปด้วย ก็นี่คือลูกสาวล้ำค่าของตัวเองนี่นา ก็ต้องทำให้นางพอใจสิ

เพียงแต่นี่ทำให้นางสนมทุกคนในวังต่างรู้สึกว่าการที่พระสนมเฉินกุ้ยเฟยได้รับการเลื่อนยศก็เพราะองค์หญิงหย๋งอัน ก็ย่อมต้องเอ็นดูรักนางเป็นอย่างมากอยู่แล้ว

พวกนางไม่รู้เลย ฮ่องเต้ยังหวังที่จะพาองค์หญิงหย๋งอันไปที่ท้องพระโรงตอนเช้าด้วยซ้ำ ให้นางช่วยตัวเองแยกแยะว่าใครภักดีหรือทรยศ

[เสด็จแม่วันนี้หาชายาให้เสด็จพี่รัชทายาทใช่ไหม ในนิยายเสด็จพ่อเลือกคุณหนูหานจากตระกูลมหาขุนพลอะไรสักอย่างให้เสด็จพี่รัชทายาท ข้าดูแล้วเหมาะสมมาก คุณหนูหานคนนั้นไม่เลวใช่ไหม?]

“หานซีเยว่?” พระสนมเฉินกุ้ยเฟยแอบพึมพำถึงลูกสาวคนที่สองของตระกูลแม่ทัพใหญ่ อายุก็ใกล้ถึงวัยเหมาะสมแล้ว ในภายหลังควรจะให้ความสนใจมากขึ้น

“พระสนมเฉินกุ้ยเฟยพ่ะย่ะค่ะ” รัชทายาทและองค์ชายรองก็มาร่วมงาน เมื่อเห็นพระสนมเฉินกุ้ยเฟยก็รีบเดินเข้ามาทักทาย “ขอแสดงความยินดีกับพระสนมด้วยพ่ะย่ะค่ะ”

พระสนมเฉินกุ้ยเฟยหัวเราะเบา ๆ แล้วกล่าวว่า “ตัวเอกในวันนี้ไม่ใช่ข้า เป็นพวกเจ้าเหล่าพี่น้องต่างหาก!”

“พระสนมล้อเล่นแล้วพ่ะย่ะค่ะ” องค์ชายรองยิ้มแล้วประสานมือ ตอนนี้เสด็จพี่รัชทายาทก็อายุเหมาะสมแล้ว ข้ายังเด็กอยู่มากเลยนะพ่ะย่ะค่ะ”

[เอ๊? ซื่อจื่ออันกั๋วกงหล่ะ? หรือว่าเวลานี้เขากับองค์ชายรองยังไม่สนิทกันหรือ? ]

พระสนมเฉินมองทางองค์ชายรอง จำสิ่งที่หวานหว่านพูดในคืนนั้นได้ หรือว่าองค์ชายรองต่างหากที่เป็นผู้ถูกเลือก

นางถอนหายใจในใจ เป็นเช่นนั่นก็ดี เพียงแค่รัชทายาทสามารถใช้ชีวิตได้อย่างปลอดภัย ก็ถือว่าบรรลุความปรารถนาของพี่สาวแล้ว เพียงแต่ตอนนี้เขาอยู่ในตำแหน่งนั้นแล้ว...

“ทำไมซื่อจื่อเผยไม่อยู่กับน้องรองล่ะ?” รัชทายาทถามคำถามที่ลู่ซิงหว่านคิดอยู่ในใจออกมา

“เฮ้อ ข้าว่าเขายังอายุน้อยแต่เหมือนคนแก่ซะจริงเชียว” องค์ชายสองถอนหายใจแล้วกล่าวว่า “เขาบอกว่างานวันนี้วุ่นวายเกินไป ไม่อยากมา!”

พูดจบ พวกเขาก็หัวเราะกันออกมา

เหล่าฮูหยินและคุณหนูก็นั่งลงทีละคน พระสนมเฉินกุ้ยเฟยมองไปทางครอบครัวของแม่ทัพใหญ่หาน เห็นเพียงว่าคุณหนูตระกูลหานนั้นกลับเป็นคนอ่อนโยน เหมาะสมกับรัชทายาทยิ่งนัก

[เอ๋ จู่ ๆ ก็นึกขึ้นได้เรื่องหนึ่ง ]

ทันใดนั้นลู่ซิงหว่านก็นึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในหนังสือนิทานได้

[เหมือนว่าวันที่รัชทายาทเลือกชายา ก็ยังเป็นงานเลี้ยงใหญ่ด้วยเหมือนกัน พระสนมเต๋อเฟยวางแผนคุณหนูหรง ลูกสาวตระกูลหัวหน้าผู้ตรวจการแผ่นดิน ดูเหมือนว่านางให้องค์ชายสามทำลายชื่อเสียงของคุณหนูหรงหรืออะไรสักอย่างนี่แหละ เพราะอยากให้ตระกูลหัวหน้าผู้ตรวจการแผ่นดินมาเป็นพวกด้วย!]

[แต่พูดไปก็แปลก ในนิทานพระสนมเต๋อเฟยไม่ได้เลื่อนยศเป็นพระสนมเต๋อกุ้ยเฟยนี่นา! ทำไมมันถึงแตกต่างจากที่เขียนในนิทานล่ะ!]

พระสนมเฉินกุ้ยเฟยพึมพำ “ในนิทานพวกเราสองคนก็ตายแล้วนะ!”

พระสนมเฉินกุ้ยเฟยได้ยินคำพูดหวานหว่านก็มองไปรอบ ๆ เห็นเพียงฮูหยินหรงตระกูลหัวหน้าผู้ตรวจการแผ่นดินนั่งอยู่คนเดียว ไม่เห็นคุณหนูหรงคนนั้น

จากนั้นก็ถามจิ่นซินที่อยู่ข้างๆ “ทำไมไม่เห็นคุณหนูหรงล่ะ? มีเพียงฮูหยินหรงที่มาหรือ?”

ชื่อเสียงผู้หญิง ตั้งแต่สมัยโบราณเป็นสิ่งที่มีค่าที่สุด ถ้าพระสนมเต๋อกุ้ยเฟยมีความคิดเช่นนั้นจริง ๆ มันก็โหดร้ายเอาการอยู่ นางต้องช่วยคุณหนูหรงสักหน่อย

พูดจบก็มองไปทางพระสนมเต๋อเฟบ เห็นเพียงนางมองไปทางห้องโถงด้านหลังตลอดเวลา พระสนมเฉินกุ้ยเฟยก็พอเดาออกแล้ว

จิ่นซินก็พูดถูกเวลาเช่นกัน “เมื่อสักครู่คุณหนูหรงถูกนางกำนัลทำเสื้อผ้าของนางเปียก เลยไปที่ห้องโถงด้านหลังเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าเพคะ

พระสนมเฉินกุ้ยเฟยได้ยินแบบนี้ ลุกขึ้นยืนทันทีแล้วเดินไปที่ห้องโถงด้านหลัง แต่พอก้าวไปสองก้าวก็กลับมา อุ้มลู่ซิงหว่านจากมือของแม่นม แล้วสั่งให้จิ่นหยูติดตามมา ให้จิ่นอวี้ไปตามเหมยกับหลานมา

[ว้าว เสด็จแม่จะไปช่วยคุณหนูหรงแล้วหรือ? เสด็จแม่เท่ห์จังคุณหนูหรงเป็นนางเอกเชียวนะ! เสด็จแม่ต้องช่วยนางนะ!]

“นางเอก? งั้นคุณหนูหรงและองค์ชายรองถึงจะเป็นคู่แท้สินะ งั้นเราต้องรีบไปแล้ว” พระสนมเฉินกุ้ยเฟยรู้สึกว่า ตั้งแต่ตัวเองให้กำเนิดทารกคนนี้ นางก็พูดน้อยลงเรื่อย ๆ แต่คิดมากขึ้นแทน

อ้าว พระสนมเฉินนี่นา นี่กำลังจะไปไหนหรือ?” พระสนมเต๋อกุ้ยเฟยเจอพระสนมเฉินกุ้ยเฟยที่กำลังเดินไปโถงด้านหลัง กลัวว่านางจะทำลายเรื่องดี ๆของตัวเอง จึงรีบเอ่ยปากเพื่อหยุด

“อ้อ พี่สาว คือหย่งอันฉี่อีกแล้วน่ะ ให้เปลี่ยนเสื้อผ้าของนางที่ห้องโถงหน้าก็คงจะไม่ได้!” พระสนมเฉินกุ้ยเฟยไม่ได้คาดคิดว่าพระสนมเต๋อกุ้ยเฟยจะหยุดตัวเอง ตอนนี้นางกังวลมากขึ้นไปอีก นี่คงจะมาถ่วงเวลาไว้สินะ!

โชคดีที่นางคอยจับตาดูอยู่ ตอนนี้จิ่นซินน่าจะพบเหมยหลานแล้ว หากพวกนางสามารถไปถึงห้องโถงหลังได้ทันเวลาล่ะก็ ต้องช่วยคนไว้ได้อย่างแน่นอน

“ให้ข้าอุ้มหย่งอันหน่อยได้ไหม?” พระสนมเต๋อกุ้ยเฟยเอ่ยถาม

[เหอะ เพื่อถ่วงเวลา ท่านไม่รังเกียจร่างที่เต็มไปด้วยฉี่และขี้ของข้าเลยหรือไง? ]

พระสนมเฉินกุ้ยเฟยทำได้เพียงกลั้นหัวเราะเมื่อได้ยินคำพูดของหวานหว่าน

Related chapters

Latest chapter

DMCA.com Protection Status