เมื่อเหอเหลียนเหรินซินได้ยินจูกู่ซานพูดเช่นนี้ ใบหน้าของหรงอ๋องก็ลอยมาทันที หรือว่าฮ่องเต้ต้าฉู่จะรู้เรื่องเข้าแล้ว?เขาร้อนตัวเล็กน้อย ตอนนี้ตนอยู่ในแผ่นดินของเขาแบบนี้ ถ้าแผนการของตนถูกจับได้ เกรงว่า...หลังจากนั้นเขาก็ไม่สนใจแล้วว่าทหารรักษาพระองค์ของแคว้นต้าฉู่จะกักบริเวณตัวเองอย่างไร แต่รีบขึ้นรถม้าที่จูกู่ซานนํามาและติดตามพวกเขาเข้าวังไปหลังจากทั้งสองจากไป เสียงสนทนาบนถนนก็ดังขึ้นมา“องค์รัชทายาทเหอเหลียนยังคิดจะมาใส่ร้ายแคว้นต้าฉู่ของเราอีกเหรอ? องค์หญิงของแคว้นตัวเองก็ดูแลให้ดีไม่ได้ ส่งมาให้ขายหน้าเขาเปล่า ๆ...”“อยู่ในแผ่นดินต้าฉู่ของเราแท้ ๆ ยังกล้าหยิ่งผยองขนาดนี้อีก นี่ถ้าเป็นที่แคว้นเยว่เฟิงไม่รู้จะพูดไร้สาระอะไรบ้าง?”“อันกั๋วกงก็ตายในน้ำมือของคนแคว้นเยว่เฟิงไม่ใช่หรือ?”“ฝ่าบาทควรส่งทหารไปจัดการแคว้นเยว่เฟิงเสีย ดูสิว่าพวกเขาจะยังกล้าอาละวาดอยู่ไหม"......ราษฎรที่เดิมที่โหยหาสันติภาพ กลับรู้สึกอยากให้ฮ่องเต้ต้าฉู่ส่งทหารไปรบกับแคว้นเยว่เฟิงสักทีเมื่อเหอเหลียนเหรินซินมาถึงห้องทรงอักษร พบว่าขุนนางสำคัญของแคว้นต้าฉู่ยืนอยู่ในห้องทรงอักษรเต็มไปหมดแม้ว่านี่จะเ
หนิงอ๋องกลับคิดกบฏเสียได้“เสด็จพี่ ๆ โปรดไว้ชีวิตกระหม่อมเถิดพ่ะย่ะค่ะ” เมื่อเห็นฮ่องเต้ต้าฉู่มา หนิงอ๋องที่ถูกทรมานก็รีบพุ่งเข้าไปหา แต่ถูกเมิ่งฉวนเต๋อขวางไว้“เสด็จพี่ หรงอ๋องต่างหากที่คิดก่อกบฏ เป็นฝีมือหรงอ๋อง เขาบอกว่า... บอกว่าฝ่าบาทให้อำนาจแก่กระหม่อมทั้งสองคนน้อยเกินไป ถ้าโค่นล้มฝ่าบาทได้ แล้วเขาได้ขึ้นครองบัลลังก์แทน เขาจะยกสถานะของกระหม่อมให้สูงขึ้นอีกแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ”“เสด็จพี่ กระหม่อมหลงผิดไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ เสด็จพี่”ฮ่องเต้ต้าฉู่พูดช้า ๆ ว่า “เจ้าโลภในอำนาจขนาดนี้เลยหรือ?”หนิงอ๋องเห็นว่าฮ่องเต้ต้าฉู่สีหน้าเย็นชา วันนี้เขาถูกทรมานมากมายในตอนเช้า ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาฮ่องเต้ต้าฉู่ดีกับตัวเองมาก จนทำให้เขาลืมไปว่าเดิมทีพระองค์ก็ไม่ใช่คนที่มีนิสัยอ่อนโยนเลย“เสด็จพี่ กระหม่อมผิดไปแล้ว กระหม่อมผิดไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ ขอเสด็จพี่ทรงได้โปรดอภัยให้กระหม่อมด้วยเถิดพ่ะย่ะค่ะ”ฮ่องเต้ต้าฉู่ได้ลุกขึ้นยืนแล้วก้มหน้ามองหนิงอ๋องที่อยู่แทบเท้าแล้วเอ่ยปากสั่ง เมิ่งฉวนเต๋อให้ประกาศพระราชโองการว่าหนิงอ๋องก่อกบฏ แต่ด้วยเป็นพี่น้องกับข้า ให้ถอนฐานันดรอ๋อง ยึดดินแดนคืน และกักบริเวณให้จวนหนิงอ
เผยฉู่เยี่ยนรู้สึกว่าเขาทรยศต่อความไว้วางใจของพระสนมเฉินกุ้ยเฟย ปล่อยให้ลู่ซิงหว่านตัวน้อยต้องทนทุกข์ทรมานเช่นนี้ เขาเฝ้าอยู่ข้างเตียงลู่ซิงหว่านทั้งวันทั้งคืนไม่ยอมพักผ่อนผ่านไปหนึ่งวันหนึ่งคืนแล้วแต่ลู่ซิงหว่านก็ยังไข้สูงไม่ลดวันรุ่งขึ้นพอฟ้าสว่างสนมหนิงผินก็มาเพราะว่าสนมหนิงผินเพิ่งเข้าวังมาได้ไม่นาน พระสนมเฉินกุ้ยเฟยยังไม่ค่อยรู้จักนางเท่าไหร่ จึงเกิดความระแวงเล็กน้อย เลยทำตัวให้สดชื่นไปต้อนรับนาง“พระสนมกุ้ยเฟย" สนมหนิงผินกล่าวหลังจากคุกเข่าลงทำความเคารพพระสนมเฉินกุ้ยเฟย “หม่อมฉันได้ยินมาว่าองค์หญิงหย่งอันเป็นผื่นและเป็นไข้อยู่”พูดจบก็มองไปที่พระสนมเฉินกุ้ยเฟยเหมือนจะดูท่าทีจากนั้นก็พูดด้วยความจริงใจว่า “หม่อมฉันเคยเรียนวิชาแพทย์มาบ้าง ลองให้หม่อมฉันช่วยดูอาการองค์หญิงให้ดีไหมเพคะ อย่างน้อยก็ถือว่าเป็นการเพิ่มทางรักษา”แต่พระสนมเฉินกุ้ยเฟยกลับลังเลสนมหนิงผินดูเหมือนเล็งเห็นความกังวลของพระสนมกุ้ยเฉินจึงเอ่ยปากว่า “อย่างนั้นพระสนมเชิญหมอหลวงจ้าวมาก็ได้นะเพคะ ถ้าหม่อมฉันขาดตกบกพร่องตรงไหนจะได้ให้หมอหลวงจ้าวช่วยชี้แนะให้ได้ทันเวลา”เมื่อเห็นสนมหนิงผินพูดดังนี้ พระสนมเฉิ
"เพียงแต่ว่า..." สนมหนิงผินลังเลพระสนมเฉินกุ้ยเฟยคิดว่าสนมหนิงผินมีเรื่องจะข้อร้อง จึงรีบเอ่ยปากว่า "สนมหนิงผิน เจ้ามีเรื่องอะไรก็บอกมาได้เลยแค่ ขอแค่ข้าทำให้ได้..."แต่นางยังพูดไม่ทันจบ ก็ถูกสนมหนิงผินขัดจังหวะขึ้นมาก่อนว่า "ครั้งนี้องค์หญิงไม่ได้แพ้อะไร แต่ว่าโดนวางยาพิษ พิษนี่ต้องมีต้นตอ ต้องตรวจสอบให้ละเอียดถึงจะได้นะเพคะ"เผยฉู่เยี่ยนที่เฝ้าอยู่ข้าง ๆ มาตลอดจึงเอ่ยปากว่า "พระสนม กระหม่อมจะไปเองพ่ะย่ะค่ะ"เมื่อพระสนมเฉินกุ้ยเฟยเห็นนางว่าแบบนี้ก็ได้แต่พยักหน้ารับ ถ้ามันสามารถทำให้ซื่อจื่อเผยสบายใจได้ ให้เขาไปตรวจสอบก็ใช่ว่าจะไม่ได้พระสนมเฉินกุ้ยเฟยขอบคุณสนมหนิงผินครั้งแล้วครั้งเล่า หลังจากที่นางกลับไปแล้ว ถึงเรียกเหมยหยิ่งและหลานหยิ่งเข้ามา บอกให้ทั้งสองไปตรวจสอบเรื่องพิษที่หว่านหว่านโดนด้วยกัน เสร็จแล้วจึงกลับไปที่ห้องด้านในตอนนี้ลู่ซิงหว่านหายเป็นปลิดทิ้งแล้ว สองวันนี้พิษทำเอานางเหนื่อยมาก ตอนนี้พอสบายตัวแล้วจึงหลับลึกส่วนพระสนมเฉินกุ้ยเฟยก็เฝ้านางอยู่นั่งอยู่ข้าง ๆ อย่างเงียบ ๆไม่ถึงหนึ่งชั่วยามก็มีเสียงอึกทึกครึกโครมดังจากข้างนอก ดังจนลู่ซิงหว่านตื่นจิ่นซินวิ่งเข้
เมื่อเห็นเผยฉู่เยี่ยนกล่าวหาตัวเอง องค์หญิงลู่ซิงหุยก็ตวาดเถียงทันที "เจ้าใส่ร้ายข้า เจ้าเป็นแค่ข้าราชบริพาร เสด็จพ่อเห็นว่าเจ้าพ่อแม่เสียชีวิตทั้งคู่ จึงสงสารเจ้า..."องค์หญิงหกพูดมาถึงตรงนี้ ก็ถูกองค์รัชทายาทขัดจังหวะ "ซิงหุย!"องค์รัชทายาทเป็นคนอ่อนโยนมาโดยตลอด ลู่ซิงหุยไม่เคยเห็นองค์รัชยาทที่พูดจาแข็งกร้าวแบบนี้มาก่อนเลย จึงตกตะลึงชะงักงันองค์รัชทายาทยังคงพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย "ระวังคําพูดด้วย"แม้แต่องค์ชายสองก็ยังอดไม่ได้ต้องหันไปมององค์รัชทายาท เป็นที่ทราบกันดีว่าองค์รัชยาทมีนิสัยอ่อนโยนเป็นที่สุด ขาดความเด็ดขาดแบบที่องค์ชายควรมีด้วยซ้ำ เขาไม่เคยเห็นองค์รัชทายาทเป็นแบบนี้มาก่อนบางที เขาอาจจะประเมินองค์รัชทายาทต่ำเกินไป"พี่ชายองค์รัชทายาท" พอองค์หญิงหกกลับตั้งสติกลับมาได้ก็มองไปที่องค์รัชทายาทแล้วร้องไห้ "ไม่ว่ายังไง เขาก็ลากหม่อมฉันมาตลอดทางแบบนี้ไม่ได้ หม่อมฉันเป็นองค์หญิงนะเพคะ!"เผยฉู่เยี่ยนที่เงียบมาตลอดพูดขึ้นมาอย่างใจเย็นว่า “เช่นนั้น ขอถามองค์หญิงหกหน่อยพ่ะย่ะค่ะว่า การวางแผนทำร้ายน้อง สาวแท้ๆ ของตัวเอง ควรต้องโทษยังไงพ่ะค่ะค่ะ?”ลู่ซิงหว่านเผลอมองไปที่เผยฉู่
องค์หญิงหกเป็นเพียงเด็กอายุห้าขวบ เมื่อถูกข่มขู่แบบนี้ไม่นานก็สารภาพหมดเปลือกลู่ซิงหว่านอึ้ง[ทำไมถึงได้มีคนไร้ยางอายขนาดนี้ ก็เห็นอยู่ชัด ๆ ว่าตระกูลชุยจะทำร้ายเราและท่านแม่ของเรา พอมาถึงปากเจ้า ทำไมเจ้าถึงบอกว่าข้าเป็นคนทำร้ายตระกูลชุยนั่นซะงั้นล่ะ][ยังบอกว่าคนรับใช้ในวังให้มาอีก เกรงว่าเจ้าคงพยายามอย่างหนักเพื่อหามันมามากกว่า][ยังไงข้าก็เป็นคนที่อยู่มาตั้งหลายร้อยปีแล้ว แค่กลอุบายตื้น ๆ แบบนี้ เอาไปหลอกเด็กอย่างว่า แต่จะมาหลอกข้างั้นหรือ? เหอะ]แต่องค์รัชทายาทกลับจับประเด็นได้ว่า "คนในวังที่ว่าอยู่ที่ไหน?"องค์หญิงหกเงยหน้าขึ้นมององค์รัชทายาทน้ำตาคลอเบ้า "หม่อมฉันไม่รู้เพคะ"เผยฉู่เยี่ยนกลับไม่หลงเชื่อ เขาทำเสียงเหอะ "ถ้ากระหม่อมให้สารหนูแก่องค์หญิงหก บอกแค่ว่านี่คือน้ำตาลทราย องค์หญิงก็จะกินเข้าไปหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?""ในเมื่อองค์หญิงเองก็ไม่รู้ว่าสิ่งนั้นคืออะไร แล้วทำไมถึงกล้าเอามาใช้กับองค์หญิงหย่งอัน ถ้ามันทำให้นางตายขึ้นมาจริงล่ะพ่ะย่ะค่ะ ยังกล้าบอกว่าตัวเองไม่ได้มีเจตนาร้ายอยู่หรือ"องค์หญิงหกเห็นท่าทางโกรธมากของเผยฉู่เยี่ยน ก็เถียงไม่ออกชั่วขณะนั้นเหตุการณ์ทุกอย่า
เมื่อเห็นไทเฮาเข้ามา อ๋องหรงก็รีบร้อนนั่งตัวตรง พยายามพุ่งเข้าไปหาไทเฮา แต่โดนจูกู่ซานจับไว้เมื่อฮ่องเต้ต้าฉู่ส่งสัญญาณ จูกู่ซานก็นําเศษผ้าออกจากปากของอ๋องหรง พอผ้าถูกดึงออกอ๋องหรงก็ร้องไห้กับไทเฮา"เสด็จแม่ เสด็จพี่จะฆ่ากระหม่อม เสด็จแม่ช่วยกระหม่อมด้วยพ่ะย่ะค่ะ"อ๋องหรงรู้ว่าไทเฮาลำเอียงเข้าข้างตัวเองมาตั้งแต่เด็ก วันนี้นางจะต้องไม่ปล่อยให้ฮ่องเต้ต้าฉู่ก่อกรรมอย่างแน่นอนแต่ฮ่องเฮากลับพูดอย่างช้าๆ ว่า "เจ้าต่างหากที่คิดฆ่าพี่ชายของเจ้า"เมื่อเห็นว่าไทเฮาเย็นชาเช่นนี้ อ๋องหรงก็เหม่อลอยไปชั่วขณะ แต่ไม่นานก็กลับมาตั้งสติได้ "เสด็จแม่อย่าฟังเสด็จพี่พูดมั่วๆ นะพะยะค่ะ กระหม่อมเปล่า...""รองหัวหน้ากองจูออกไปเถอะ" มาถึงตอนนี้ฮ่องเต้ต้าฉู่จึงเอ่ยปากจูกู่ซานกลับเป็นห่วงความปลอดภัยของฮ่องเต้ต้าฉู่ จึงลังเลไม่กล้าออกไป แต่เมื่อเห็นสายตาที่แน่วแน่ของฮ่องเต้ต้าฉู่ ถึงได้ทูลลาแล้วออกไปตอนนี้อ๋องหรงถูกมัดไว้แน่นหนา ตัวเองเฝ้าอยู่หน้าประตู ถ้าคอยระวังให้ดีก็คงสามารถปกป้องฮ่องเต้ได้"แล้วชุดมังกรนี้ล่ะ" ฮ่องเต้ต้าฉู่ชี้ไปที่เสื้อคลุมมังกรที่วางอยู่บนเก้าอี้ด้านข้างไทเฮาและอ๋องหรงเลยเพิ่
พูดจบเขาก็มองไปทางไทเฮา "เสด็จแม่ กระหม่อมยอมให้ได้มากที่สุดเท่านี้แล้วพ่ะย่ะค่ะ"ไทเฮาพยักหน้าไม่พูดอะไรต่อไปในเวลาเพียงไม่กี่วัน สมาชิกที่ร่วมคิดการกบฏกับอ๋องหรงก็ถูกจับเข้าคุกตาม ๆ กันไปอ๋องหรง ถือว่าโชคดีที่ยังรอดชีวิตคนอื่น ๆ กลับไม่ได้โชคดีแบบนั้นหลังจากอ๋องหรงถูกจับแล้ว เรือนรับรองที่คณะทูตอาศัยอยู่ก็ยังคงมีทหารรักษาพระองค์คอยเฝ้าอยู่ไม่มีเสรีภาพแม้แต่น้อยสิ่งนี้ทําให้เหอเหลียนเหรินซินยิ่งกังวลมากขึ้น ไม่รู้ว่าตอนนี้ฮ่องเต้ต้าฉู่ตรวจสอบไปถึงขั้นไหนแล้ว และจดหมายตอบกลับจากเสด็จพ่อก็ยังมาไม่ถึงสีกที ถ้าฮ่องเต้ต้าฉู่ต้องการจะจัดการตัวเองจริง ๆ ก็คงจะรอดชีวิตได้ยากเสด็จพ่อเลอะเลือนจริง ๆ มีอย่างที่ไหนส่งองค์รัชทายาทของแคว้นเป็นฑูตมาเจริญสัมพันธไมตรีในแดนศัตรูเมื่อเห็นว่าเรื่องของอ๋องหรงสิ้นสุดลงแล้ว องค์รัชทายาทจึงเสด็จไปทูลฮ่องเต้ต้าฉู่เรื่องที่หวานหว่านไม่สบาย พร้อมทั้งเล่าเหตุการณ์ในวันนั้นให้ฟังอย่างละเอียดยิบฮ่องเต้ต้าฉู่ฟังจบก็หัวเราะเสียงดัง "ซื่อจื่อเผยคนนี้น่าสนใจจริง ๆ เสด็จแม่เลือกเขาเป็นองครักษ์ให้หวานหว่าน ถือว่าเลือกคนถูกแล้ว"เมื่อได้ยินฮ่องเต้ต้าฉู่
ซ่งชิงเหยียนมองไปที่ฮ่องเต้ต้าฉู่ สีหน้าของเขาดูไม่ดีจริงๆ จากนั้นก็หันหน้าไปตบมือสนมเยว่กุ้ยเหรินเบาๆ “เป็นเรื่องในอดีตแล้ว ไม่ต้องเอ่ยถึงอีกแล้วล่ะ”“เจ้าสนิทกับเล่อกุ้ยเหรินได้ดีที่สุด ตอนนี้ครรภ์ของนางเป็นอย่างไรบ้าง?”ต้องบอกว่าความกังวลของสนมเล่อกุ้ยเหรินนั้นไม่ผิด สนมเยว่กุ้ยเหรินถือได้ว่าเป็นคนที่ปากไม่มีหูรูดจริงๆ แต่ก็เป็นคนที่ไม่คิดมากสําหรับเรื่องที่ซ่งชิงเหยียนเปลี่ยนหัวข้อสนทนา นางไม่สนใจแม้แต่น้อย รับเรื่องไว้แล้วก็พูดต่อจุดแรกของพวกเขาอยู่ที่ตําหนักนอกเมืองแห่งหนึ่งที่ชานเมืองฮ่องเต้ต้าฉู่เตรียมที่จะเก็บสัมภาระบางส่วนที่นี่ แล้วเปลี่ยนเป็นเครื่องแต่งกายของพ่อค้าทั่วไป ค่อยเดินทางลงใต้ต่อไปทางด้านลู่ซิงหว่านอาจอยากลงใต้เพื่อไปเที่ยวเล่น แต่ถึงอย่างไรฮ่องเต้ต้าฉู่ก็เป็นฮ่องเต้ ความคิดของเขาคืออยากดูว่าการเก็บเกี่ยวของราษฎรในปีนี้เป็นอย่างไร ชีวิตเป็นอย่างไรมากกว่ากลยุทธ์การช่วยเหลือราษฎรที่นําโดยองค์รัชทายาทก่อนหน้านี้ได้บรรลุผลจริงหรือไม่ท้ายที่สุดแล้ว เมื่อราษฎรสงบสุข ใต้หล้านี้ถึงจะสงบสุขได้หลังจากเดินทางอย่างเรียบง่ายแล้ว ความเร็วของรถม้าก็เร็วขึ้น
“คุณหนูเดินทางลงใต้ในครั้งนี้ จึงให้หลานอิ่งและจวี๋อิ่งติดตามไปตลอดทาง” เพราะทุกครั้งที่ซ่งชิงเหยียนออกจากวัง นางมักจะถูกลอบสังหารเสมอ ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้ยังมีเป้าหมายที่ใหญ่กว่าอย่างฮ่องเต้ต้าฉู่ เหม่ยอิ่งจึงไม่วางใจ“ส่วนข้าน้อยก็อยู่ในวัง คอยจับตาดูอยู่ในวังแทนคุณหนู” แทนที่จะบอกว่าจับตาในวัง ไม่สู้บอกว่าจับตาฮองเฮาจะดีกว่า “ไม่ว่าเรื่องอะไร ข้าน้อยจะแจ้งให้คุณหนูทราบทันที”พูดถึงตรงนี้เหมยอิ่งก็หันไปมองจู๋อิ่งอีกครั้ง “สําหรับจู๋อิ่ง เรื่องที่เผยซื่อจื่อถูกลอบสังหารก่อนหน้านี้ ยังคงหาเบาะแสไม่ได้ ถือโอกาสนี้ให้จู๋อิ่งเดินทางไปยังแคว้นต้าหลี่ด้วยตนเอง”ซ่งชิงเหยียนพยักหน้าและพอใจมากกับการจัดการของเหมยอิ่ง[ว้าว เหมยหลานจู๋จวี๋ที่อยู่ข้างกายท่านแม่นี่สิถึงเป็นสี่มหาพิทักษ์][ท่านแม่บอกมาสิว่า สหายเคียงบ่าที่เก่งกาจแบบนี้มีจุดจบหนึ่งศพสองชีวิตในนิทานได้ยังไงล่ะเนี่ย][แต่ตอนนี้ไม่ใช่แล้ว! ตอนนี้พวกเราเก่งมากเลย!]สองวันต่อมาในตอนฟ้าเพิ่งจะสาง รถของฮ่องเต้ต้าฉู่ก็เตรียมพร้อมอยู่ที่ประตูวังแล้วพระสนมทั้งหลายย่อมต้องมาส่ง แม้แต่สนมเล่อกุ้ยเหรินและสนมเหยาผินที่กําลังตั้งครรภ์ก็ม
สืบไปสืบมา กลับไม่ได้ผลอะไรเลยทางฝั่งตระกูลหาน ไม่ว่าจะเป็นตําหนักชิงอวิ๋น หรือตำหนักหลงเซิง แม้กระทั่งตําหนักจิ่นซิ่วของฮองเฮา ก็ยังส่งของขวัญมากมายไปให้หานซีเยว่ถึงอย่างไรหานซีเยว่ก็เกิดเรื่องในวังหลวง และก็เพื่อซ่งชิงเหยียนด้วยเนื่องจากไม่วางใจ ซ่งชิงเหยียนจึงให้จิ่นอวี้พาฉยงหัวไปที่จวนตระกูลหานอีกครั้ง อย่างไรก็ต้องดูว่าอาการบาดเจ็บของหานซีเยว่หายดีเป็นเช่นไร นางถึงจะวางใจ“ขอบพระทัยในความห่วงใยของพระสนมหวงกุ้ยเฟยเพคะ” ตอนนี้หานซีเยว่ไม่เป็นอะไรแล้ว สีหน้าฮูหยินหานก็ดีขึ้นมากแล้ว “บุตรสาวข้าแค่บาดเจ็บทางผิวหนังเท่านั้น ไม่จําเป็นต้องให้พระสนมก่อความวุ่นวายเช่นนี้”แต่จิ่นอวี้ต้องทําตามคําสั่งของซ่งชิงเหยียน จึงให้ฉยงหัวตรวจดูหานซีเยว่อีกครั้งตอนนี้ทั้งในวังและนอกวังต่างก็รู้ว่าข้างกายของพระสนมหวงกุ้ยเฟยมีหมอหญิงที่มีความสามารถคนหนึ่ง ฝีมือการรักษายอดเยี่ยมมาก ฮูหยินหานย่อมปรารถนาเป็นอย่างยิ่งไม่นาน ฉยงหัวก็ออกมาจากห้องด้านใน มองไปทางฮูหยินหาน “ตอนนี้คุณหนูหานไม่เป็นอะไรแล้ว แม้มีดสั้นจะปักเข้าไปแล้ว แต่ยังดีที่เส้นเอ็นและกระดูกไม่บาดเจ็บ แค่ครึ่งเดือนนี้ พยายามอย่าให้คุ
นอกจากตําหนักชิงอวิ๋นที่ยุ่งวุ่นวายแล้ว ย่อมมีตําหนักจิ่นซิ่วที่ยุ่งวุ่นวายตามไปด้วยตอนนี้ทุกคนในตําหนักต่างก็รู้กันหมดแล้วว่าวันนี้คุณหนูตระกูลหานเข้าวังมาเยี่ยมเยียนพระสนมหวงกุ้ยเฟย คิดไม่ถึงว่าจะพบมือสังหารที่นอกตําหนักชิงอวิ๋นแต่คุณหนูตระกูลหานที่ปกป้องพระสนมหวงกุ้ยเฟยอย่างสุดจิตสุดใจ กลับถูกมีดแทงแทนนางโชคดีที่คุณหนูตระกูลหานโชคดีมาก ไม่ได้โดนทําร้ายจุดสําคัญเมื่อได้ยินข่าวนี้ ไป๋หลิงที่กําลังมาพร้อมกับลู่ซิงหุยก็ลุกขึ้นยืนทันที ขมวดคิ้วและมองไปข้างนอกและลู่ซิงหุยก็ตระหนักได้ในทันทีว่านี่เป็นฝีมือของไป๋หลิงจริงๆ นางต้องการแก้แค้นตําหนักชิงอวิ๋นเพื่อตัวเองจริงๆ คิดถึงตรงนี้ ลู่ซิงก็สั่งให้อิงหงออกไป แล้วดึงไป๋หลิงมาอีกครั้ง“พี่หญิงไป๋หลิง” ลู่ซิงหุยลองหยั่งเชิงอย่างเงียบๆ “จะมีใครพบท่านไหม?”ไป๋หลิงกลับตกใจกับคําถามอย่างกะทันหันขององค์หญิงหก มองนางอย่างประหลาดใจ จากนั้นเพียงแค่ยิ้มแล้วย่อตัวลงข้างองค์หญิงหก “องค์หญิงวางใจเถิด ไม่มีใครสืบสาวราวเรื่องได้หรอกเพคะ”พระสนมเต๋อเฟยเคยทิ้งคนกลุ่มหนึ่งไว้เบื้องหลัง ล้วนซ่อนอยู่ในวังหลังแห่งนี้ พวกเจาล้วนไม่มีพ่อแม่ไม่มีอะไรต
พอเห็นฉยงหัว รัชทายาทก็รีบก้าวขึ้นไปและถามว่า “แม่นางฉยงหัว ซีเยว่เป็นอย่างไรบ้าง?”เมื่อรู้ว่าซ่งชิงเหยียนเคารพและให้ความสําคัญกับฉยงหัว แม้จะรีบร้อน องค์รัชทายาทก็ยังเกรงใจนางมาก[ท่านแม่ ท่านแม่ ท่านแม่ ข้าบอกแล้วว่าพี่ฉงหัวเก่งที่สุด!][พี่ฉยงหัวได้ถอนพิษของพี่หญิงตระกูลหานแล้ว แม้แต่บาดแผลก็รักษาเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้พี่หญิงตระกูลหานพ้นขีดอันตรายแล้ว][แค่รอตื่นมาก็พอ]ซ่งชิงเหยียนและฮ่องเต้ต้าฉู่ได้ยินความในใจของลู่ซิงหว่าน ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกแต่องค์รัชทายาทกลับไม่ได้ยิน ยังคงมองฉยงหัวด้วยสายตาร้อนแรง รอคอยคําตอบของนาง“ทูลองค์รัชทายาทเพคะ” ฉยงหัวกอดลู่ซิงหว่านแล้วย่อตัวลงเล็กน้อย “แม่นางหานสบายดี ใช้เวลาเพียงหนึ่งก้านธูปก็ตื่นแล้วเพคะ”ซ่งชิงเหยียนก็รีบเข้าไปรับลู่ซิงหว่าน “ฉยงหัว ลําบากเจ้าแล้ว”“พระสนมหวงกุ้ยเฟยเกรงใจแล้ว เป็นหน้าที่ของบ่าวเพคะ” พระสนมหวงกุ้ยเฟยปฏิบัติต่อนางอย่างดีเช่นนี้ นางย่อมต้องตอบแทนอย่างสุดความสามารถเดิมทีฮ่องเต้ต้าฉู่กําลังพูดคุยกับองค์รัชทายาทอยู่ในห้องเรียน และอธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ ดังนั้นเมื่อได้ยินเรื่องนี้ พ่อลูกสองคนจึงมา
เมื่อรู้สึกถึงความโกรธของฝ่าบาท เมิ่งเฉวียนเต๋อรีบรับคําและหันหลังจากไปส่วนเสิ่นหนิงก็หลบไปหลบมา สุดท้ายก็หนีไม่พ้นความโกรธของฮ่องเต้ต้าฉู่ “ในเมื่อฮองเฮาอยู่ ก็ไม่จําเป็นต้องให้ข้าพูดมาก ในวังหลังเกิดเรื่องวุ่นวายแบบนี้ครั้งแล้วครั้งเล่า เจ้าเป็นฮองเฮา ควรทบทวนตัวเองให้ดี”เสิ่นหนิงรู้สึกหมดคําพูดเรื่องนี้เกี่ยวอะไรกับตน ใครใช้ให้นังซ่งชิงเหยียนนี่ล่วงเกินคนอื่นไปทั่ว ทําไมไม่เห็นมีใครมาลอบสังหารคนอื่นเลย!แต่ใบหน้านางกลับทําได้เพียงคุกเข่าลงไปอย่างนอบน้อม “ฝ่าบาทตรัสถูกต้องแล้วเพคะ หม่อมฉันคิดอยู่ว่า ถ้านางกํานัลคนนี้ไม่ใช่คนของวังหลวง ก็แสดงว่าแต่ละตําหนักย่อมมีคนอื่นปะปนเข้ามา”“หม่อมฉันคิดว่าควรตรวจสอบคนรับใช้ทั้งหมดในวังหลัง” พูดถึงตรงนี้เสิ่นหนิงก็หยุดชะงัก “แค่ยุ่งยากนิดหน่อย”ฮ่องเต้ต้าฉู่กลับเห็นด้วยกับความคิดเห็นของนางอย่างหาได้ยาก “ไปตรวจสอบตอนนี้เลย มีคนตายแล้ว ยังจะพูดว่ายุ่งยากหรือไม่ยุ่งยากอีก”“พระมเหสี” ระหว่างทางที่ออกจากตําหนักชิงอวิ๋น เยว่หรานก็เผยความไม่พอใจต่อฮ่องเต้ “พระมเหสีเหตุใดต้องทนเช่นนี้ด้วยเพคะ”เสิ่นหนิงกลับถอนหายใจยาวช่างเถอะ อดทนอีกไม่กี่เ
ถึงอย่างไรก็เป็นพระชายาของพี่ชายองค์รัชทายาทที่ยังไม่ได้แต่งงานอีกทั้งหานซีเยว่ดีต่อนางมากจริงๆ การเข้าวังครั้งนี้ ยังนําของเล่นพื้นบ้านมาให้นางไม่น้อยเลย[คนดีๆแบบนี้ต้องไม่ตายแน่]คิดถึงตรงนี้ ลู่ซิงหว่านถึงกับขอบตาแดงก่ำ[ในนิยาย หานซีเยว่ตายเพื่อพี่รัชทายาท คงเป็นไปไม่ได้ที่เรื่องจะมีตัวแปรมากมายขนาดนี้ แต่โชคชะตาของพี่หญิงตระกูลหานยังคงไม่เปลี่ยนแปลง!][พี่ฉยงหัวต้องรักษาได้แน่ๆ ]ซ่งชิงเหยียนจึงหันไปมองลู่ซิงหว่านที่ดวงตาแดงก่ำ กอดนางไว้ในอ้อมแขนและตบนางเบาๆ “หวานหว่านไม่ต้องกังวล พี่หญิงหานของเจ้าเป็นคนดีขนาดนี้ จะต้องไม่เป็นอะไรแน่นอน”“ฝ่าบาทเสด็จ องค์รัชทายาทเสด็จ” ในขณะที่สองแม่ลูกกําลังเสียใจเพราะหานซีเยว่ เสียงของเมิ่งเฉวียนเต๋อก็ดังขึ้นจากข้างนอก“พระมเหสีเสด็จ” ทันทีที่เมิ่งเฉวียนเต๋อพูดจบ ก็มีเสียงของขันทีน้อยที่อยู่ข้างๆ ดังขึ้นซ่งชิงเหยียนปล่อยลู่ซิงหว่านแล้วจูบนาง “หวานหว่านอยู่ดีๆ นะ แม่จะไปพบเสด็จพ่อดีไหม”ลู่ซิงหว่านพยักหน้าอย่างหนักแน่น แต่ไม่สนใจซ่งชิงเหยียนอีก เพียงมองไปทางหานซีเยว่เมื่อซ่งชิงเหยียนปรากฏตัวที่นอกประตู ทุกคนต่างก็ตกตะลึงแต่โชคร้า
“พี่ไป๋หลิง ตอนนี้เสด็จพี่ไม่อยู่แล้ว คนทั้งวังต่างก็รังแกข้า วันนั้นข้าถูกไอ้เด็กเหลือขอลู่ซิงหว่านรังแกอีกแล้ว” พูดจบประโยค องค์หญิงหกก็ร้องไห้ออกมาอีกครั้งความไม่พอใจในใจของไป๋หลิงเมื่อสักครู่ถูกลู่ซิงหุยแก้ไขทันทีใช่แล้ว ตอนนี้พระสนมหวงกุ้ยเฟยไม่อยู่แล้ว องค์ชายสามก็ถูกกักบริเวณแล้ว คนที่องค์หญิงหกสามารถพึ่งพาได้มีเพียงตนเองเท่านั้นเมื่อคิดถึงตรงนี้ ไป๋หลิงก็ตบหลังองค์หญิงหกเบาๆ “องค์หญิงวางใจเถิด สิ่งใดที่ทําให้องค์หญิงไม่สบายใจ ล้วนต้องได้รับผลกรรม”ในทิศทางที่ลู่ซิงหุยมองไม่เห็น ดวงตาของไป๋หลิงเต็มไปด้วยความเกลียดชังแม้แต่อิงหงก็ไม่กล้าสบตานางโดยตรง ก้มหน้าลงสิ่งที่ไป๋หลิงพูดในครั้งนี้ถูกต้อง ซ่งชิงเหยียนได้รับ"กรรมตามสนอง" อย่างที่นางพูดอย่างรวดเร็วเมื่อหานซีเยว่ออกจากวัง ซ่งชิงเหยียนก็ไปส่งนางที่ด้านนอก ซ่งชิงเหยียนก็ถูกลอบสังหารที่ถนนนอกตำหนักชิงอวิ๋นได้ยินมาว่าได้รับบาดเจ็บสาหัสมากส่วนนางกํานัลที่ลอบสังหารคนนั้น หลังจากลอบสังหารสําเร็จแล้ว ก็ปาดคอตายอยู่บนถนนทันทีข่าวนี้แพร่สะพัดไปทั่ววังหลังอย่างรวดเร็วในเวลานี้ไป๋หลิงกําลังอยู่กับลู่ซิงหุย เมื่อลู่ซิงหุ
ในขณะที่ซ่งชิงเหยียนกําลังยุ่งอยู่กับการพูดคุยกับหานซีเยว่ลู่ซิงหุยที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมมาหลายวันในที่สุดก็ได้พบกับไป๋หลิงทันทีที่ไป๋หลิงเข้าไปในห้องด้านใน ลู่ซิงหุยก็ขว้างถ้วยน้ำชาที่อยู่ข้างหน้าเขาไปที่เท้าของนางด้วยความโกรธ "เจ้ายังรู้ว่าจะมา!"“ตอนนี้เจ้าได้รับความโปรดปรานจากหญิงชั่วคนนั้นของฮองเฮาใช่หรือไม่? ลืมเสด็จแม่ของข้าไปจนสิ้นแล้ว!”ลู่ซิงหุยตอนนี้อาศัยอยู่ในตําหนักจิ่นซิ่ว ย่อมรู้ว่าบ่าวไพร่ของตําหนักจิ่นซิ่วเคารพไป๋หลิงเพียงใด และรู้ว่าตอนนี้ในใจของฮองเฮาพึ่งพาไป๋หลิงเป็นอย่างมากนอกจากนี้ไป๋หลิงไม่ได้ปรากฏตัวในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา ดังนั้นนางจึงสงสัยส่วนอิงหงที่ยืนอยู่ข้างหลังลู่ซิงหุย รีบก้าวเข้าไปปิดปากนางอย่างรวดเร็ว “องค์หญิง!”จากนั้นก็ปล่อยมือ “องค์หญิงระวังคําพูด ตอนนี้พวกเราอาศัยอยู่ในตําหนักจิ่นซิ่ว ทุกเรื่องต้องระมัดระวัง”“ฮึ” ลู่ซิงหุยส่งเสียงหึในลําคออย่างเย็นชา แล้วหันไปมองไป๋หลิงที่อยู่ตรงหน้า “เจ้าช่างเป็นคนที่รู้จักหลบๆ ซ่อนๆ เสียจริง เมื่อก่อนต้องมาที่ตำหนักของข้าทุกวัน”“ตั้งแต่พี่สามถูกเสด็จพ่อกักบริเวณอยู่ในตําหนักฉางชิว เจ้าก็ไม่ปราก