แต่ว่ารอแล้วรอเล่าก็ไม่เห็นสนมเหยาออกมา เมิ่งฉวนเต๋อจึงเอ่ยปาก “ข้าเข้าไปถามแทนแม่นางให้แล้วกัน”“ขอบคุณมหาขันที” จิ่นอวี้ย่อมเข้าใจดีว่า เมิ่งฉวนเต๋อทำเพราะเห็นแก่หน้าสนมของตนเวลาผ่านไปไม่นาน เมิ่งฉวนเต๋อออกมาจากข้างใน เขามองจิ่นอวี้พร้อมกับรอยยิ้มที่เอ่อล้น “แม่นางจิ่นอวี้เข้าไปได้แล้ว พอฝ่าบาทได้ยินว่าเป็นเรื่องของพระสนมหวงกุ้ยเฟย ก็ตรัสทันทีว่าให้แม่นางเข้าไปรายงานได้”จิ่นอวี้กล่าวขอบคุณซ้ำๆ โดยธรรมชาติ จากนั้นถึงก้าวเท้าเข้าไปด้านในของพระตำหนักหลงเซิงเมื่อจิ้นอวี้เข้ามา ก็พบว่าฮ่องเต้กำลังบรรทมอยู่บนพระแท่นบรรทมตัวนุ่ม ส่วนสนมเหยาที่อยู่ด้านข้าง กำลังมือถือหนังสือและอ่านให้ฮ่องเต้ต้าฉู่ฟังนางรีบคุกเข่าลง “หม่อมฉันถวายบังคมฝ่าบาท ถวายบังคมพระสนมเหยาเพคะ”ฮ่องเต้ต้าฉู่ยังไม่ทันได้กล่าว สนมเหยาวางหนังสือในมือแล้วมองจิ่นอวี้ที่คุกเข่า “แม่นางจิ่นอวี้ทำไมถึงกลับมาแล้วเล่า? หวงกุ้ยเฟยมิได้ไปเยี่ยมชมพิธีการที่จวนหานหรอกหรือ?”สนมเหยากล่าวเช่นนี้ ก็เพราะเกิดความคิดยั่วยุชี้นำนางกลัวซ่งชิงเหยียนจริง แต่สาวรับใช้ตัวเล็กๆ อย่างจิ่วอวี้ นางไม่เกรงกลัวแต่อย่างใด“กราบทูลพระสนมเหย
“แต่หม่อมฉันมีความเห็นว่า ประมุขแห่งวังหลังท้ายที่สุดแล้วก็คือฮองเฮา พระสนมหวงกุ้ยเฟยเกรงว่าจะไม่เหมาะสม”ฮ่องเต้ต้าฉู่ลุกขึ้นนั่งตัวตรงพร้อมทอดมองสนมเหยาที่อยู่ตรงหน้าแท้จริงแล้วนางหมายความเช่นนี้เองหรือ?หลายวันก่อนได้ยินว่าชิงเหยียนตำหนิสนมเหยาที่ตำหนักจิ่นซิ่ว คิดไม่ถึงว่านางจะเจ้าคิดเจ้าแค้นเมื่อคิดถึงสิ่งนี้ สายตาที่มองสนมเหยาดูน่าสงสัยมากขึ้นเอ่ยปากอีกครา น้ำเสียงไม่ได้ดีเหมือนตอนแรกอีก “หืม? ดูเหมือนเจ้าจะตำหนิหวงกุ้ยเฟยเล็กน้อย”สนมเหยาเป็นคนมองแววตาไม่ออกจริงๆ ยังไม่รู้สึกตัวว่าฮ่องเต้ต้าฉู่ทำหน้าบึ้งเรียบร้อย นางยิ้มและกล่าว “หม่อมฉันมิกล้า หม่อมฉันเพียงแค่…”“บังอาจ!” สนมเหยายังพูดไม่จบ ก็ถูกฮ่องเต้ต้าฉู่พูดขัดจังหวะสนมเหยาจึงเงยหน้ามองฮ่องเต้ต้าฉู่กลับพบว่าใบหน้าของเขาเหมือนมีความกริ้ว ไม่มีท่าทางผ่อนคลายดุจเมื่อครู่นี้แล้วจึงรีบขยับร่างกายคุกเข่าลงไป “โปรดให้อภัยด้วยเพคะฝ่าบาท หม่อมฉันมิได้มีเจตนาอื่นใด เพียงแค่รู้สึกว่าฮองเฮา…”เมื่อพูดถึงตรงนี้ สนมเหยาไม่กล้าพูดต่อไปอีกนางรู้เสมอมมาว่าฮ่องเต้โปรดปรานหวงกุ้ยเฟยมาก สุดท้ายแล้วแม้แต่วันที่ประกาศพระราชโอง
เสิ่นหนิงฟังแล้วขมวดคิ้วจิ่นอวี้? เผยฉู่เยี่ยนก็มาด้วย? มีเรื่องสำคัญอะไร?นางไม่ลังเลและสั่งให้คนไปเชิญเข้ามาทุกวันนี้นางกับซ่งชิงเหยียนต่างรู้ดีแก่ใจ ระหว่างนางสองคนคือศัตรูของกันและกัน แต่ว่าขอเพียงภายนอกยังไม่เกิดการแตกหัก นางสองคนจึงต้องแสร้งแสดงว่าเข้ากันได้เพราะเรื่องวางยาพิษอวิ๋นผิงก่อนหน้านี้ทำให้ฮ่องเต้เริ่มสงสัยตัวนางนางยิ่งต้องประพฤติตนให้ระมัดระวังมากขึ้นดังนั้นการปฏิบัติกับหญิงรับใช้ข้างกายของซ่งชิงเหยียนก็ควรเป็นเช่นนั้น ภายนอกที่ดูสมัครสมานจำต้องมีไว้จิ่นอวี้และเผยฉู่เยี่ยนสองคนถวายบังคมคารวะตามมารยาทเช่นกัน“วันนี้หวงกุ้ยเฟยไม่ไปเยี่ยมชมพิธีการที่จวนหานหรือ เหตุใดแม่นางจิ่นอวี้ถึงมีเวลาว่างมาที่นี่? ไม่ไปพร้อมกับพระสนมของเจ้าหรือ?” ฮองเฮาย่อมกล่าวด้วยรอยยิ้มอันสดใส“กราบทูลฮองเฮา วันนี้พระสนมของหม่อมฉันไปมาแล้วเพคะ พระสนมมีเรื่องหนึ่ง สั่งให้หม่อมฉันกลับมาขออนุญาตกับฮองเฮาเพคะ” จิ่นอวี้พูดประโยคนี้เสร็จแล้วเงยหน้าขึ้นมองเสิ่นหนิงพอเห็นสีหน้าพร้อมรับฟังนางจึงกล่าวต่อ“หลังจากที่พระสนมออกจากจวนแม่ทัพหานแล้ว ก็ไปที่จวนองค์หญิงใหญ่ องค์หญิงใหญ่ขอร้องให้พร
เดิมทีไป๋หลิงเป็นเพียงสาวใช้ที่ทำงานสัพเพเหระในตำหนักฉางชิวคนหนึ่งเท่านั้นแม้ว่าหลังจากนั้นได้ยินว่าเคยปรนนิบัติรับใช้เต๋อเฟยมาก่อน แต่หลังจากเต๋อเฟยสวรรคต นางก็ยังได้แต่ทำงานสัพเพเหระอยู่ข้างกายองค์ชายสามเหมือนเดิมเป็นเพราะคำแนะนำของนาง ที่ทำให้ได้มาปรนนิบัติรับใช้ในตำหนักของฮองเฮากลับคิดไม่ถึงว่าทุกวันนี้ฮองเฮาจะพึ่งพานางมากขึ้นเรื่อยๆ ถึงกระทั่งมากกว่าตนในที่สุดก็คว้าไป๋หลิงไว้ได้หลังจากที่ออกมาจากพระตำหนักฮองเฮา นางพูดน้ำเสียงเสียดสี “นี่เจ้าได้รับความโปรดปรานจากฮองเฮามากขึ้นทุกวันเลยนะ”ไป๋หลิงชะงักครู่หนึ่ง หันกลับมาเห็นอวิ๋นหลานที่ดึงตนเองเอาไว้ ก็ยิ้มและกล่าว “พี่อวิ๋นหลานพูดอะไรกัน ท้ายที่สุดแล้วพระสนมก็ยังต้องพึ่งพาพี่เจ้าค่ะ”“วันนี้ข้าคงไม่กล้าให้เจ้าเรียกว่าพี่แล้วล่ะ หากพูดถึงอายุแล้วเจ้าโตกว่าข้าอีก ควรเป็นข้าเรียกเจ้าพี่ไป๋หลิงซะมากกว่า!”อวิ๋นหลานยังคงสีหน้าเหน็บแหนมเหมือนเมื่อครู่นี้เอาไว้ไป๋หลิงเร่งเท้าก้าวเข้าไปคว้าแขนของนาง “พี่อวิ๋นหลานพูดอะไรเนี่ย พี่ยังต้องเรียกข้าว่าน้องไป๋หลิงสิถึงจะถูก”อวิ๋นหลานมองท่าทางประจบประแจงนางแล้วอารมณ์บนใบหน้าก็ดีขึ้นเ
องค์หญิงใหญ่กลับมองซ่งชิงเหยียนอย่างหมดคำพูดเล็กน้อย “ท่านน้าลืมไปแล้วใช่หรือไม่ ตอนที่ท่านท้องหวานหว่าน ยังรำดาบแกว่งทวนอยู่เลย!”ซ่งชิงเหยียนหันกลับไปมองลู่ซิงหว่านที่ยังเล่นอยู่บนพื้นอย่างร้อนตัวแวบหนึ่ง อยากวิ่งเข้าไปปิดปากลู่ซิงรั่วนักถ้าหากหวานหว่านได้ยินคำพูดนี้ ก็ไม่รู้จะว่าตัวเองอย่างไรอีก!ลู่ซิงหว่านไม่เคยทำให้ซ่งชิงเหยียนผิดหวังอย่างที่คิดนางเอ่ยปากทันที‘ท่านแม่ ท่านดูสิ ตอนนี้ทุกคนต่างบอกว่าข้าซน สาเหตุก็ไม่ได้มาจากตัวข้าทั้งหมดนะ’‘ข้ายอมรับ เมื่อก่อนตอนข้าอยู่โลกแห่งการบำเพ็ญเพียรก็ค่อนข้าง…ค่อนข้างทำให้อาจารย์ปวดหัว’‘แต่ตอนนี้ข้าซนเช่นนี้ ต้องเป็นเพราะท่านแม่คึกคะนองเกินไปตอนตั้งท้องข้าแน่เลยเจ้าค่ะ’“ก็ได้! ไปเถอะ!” ซ่งชิงเหยียนกลับไปนั่งลงอย่างหมดคำพูดกลับทำให้องค์หญิงใหญ่สงสัยเล็กน้อยแล้ว หรือว่าท่านน้าไม่อยากไป? แต่ท่านน้าชอบเดินตลาดที่สุดไม่ใช่หรือ?ดอกไม้ไฟมีกำหนดจุดตอนยามซวีสามเค่อแต่เพื่อสัมผัสบรรยากาศของเมืองหลวงที่ไม่ได้เดินมานาน คนทั้งกลุ่มออกจากบ้านตั้งแต่ยามโหย่ว ภายใต้คำแนะนำของซ่งชิงเหยียนแต่ไม่ได้พาองค์หญิงใหญ่มาด้วย อย่างไรก็ตามตอนนี้
ตอนนี้ชายคนนั้นกำลังสอดกระบี่เล่มหนึ่งเข้าไปในปากของตัวเองทีละนิดฝูงชนเงียบสงัด กลัวจะรบกวนการกระทำของชายคนนี้จนทำให้เขาเผลอพลั้งแทงตัวเองตายลู่ซิงหว่านก็กลั้นหายใจเช่นกัน และไม่กล้าขยับตัวแม้แต่น้อยเผยฉู่เยี่ยนที่อยู่ใต้ร่างนาง ย่อมรู้สึกได้ว่าจู่ๆ ร่างกายของเด็กน้อยคนนี้ตั้งตรง เขาอดไม่ได้ที่จะหัวเราะนางตั้งใจมากส่วนชายคนนั้น เวลานี้ได้สอดส่วนที่อยู่ใต้ด้ามกระบี่เข้าไปในปากหมดแล้ว อีกทั้งยังเริ่มเดินวนท่ามกลางฝูงชนมีเสียงชมอันเร่าร้อนดังกระหึ่มท่ามกลางฝูงชนแม้แต่ร่างกายน้อยๆ ของลู่ซิงหว่านก็อดไม่ได้ที่จะแกว่งไปแกว่งมาซ่งชิงเหยียนมองลู่ซิงหว่านตรงหน้า จู่ๆ ก็รู้สึกว่านี่จึงจะเป็นชีวิตอันสงบสุขที่ตัวเองต้องการแม้นางรู้ว่าของสิ่งนี้เป็นการหลอกคน กลับได้รับอิทธิพลจากลู่ซิงหว่าน อยากเดินเข้าไปมุงดูคนในยุทธภพที่กลืนกระบี่คนในยุทธภพคนนั้นเดินรอบฝูงชน ส่วนข้างหลังของเขามีเด็กสาวคนหนึ่งเดินตาม ตอนนี้กำลังชูชามกระเบื้องตรงหน้า เริ่มขอเงินรางวัลจากผู้คนลู่ซิงหว่านรีบตบศีรษะของเผยฉู่เยี่ยนสองสามที‘ให้เงินสิ รัฐทายาทเผย’‘จวนอันกั๋วกงมีเงินมากเช่นนี้ ท่านอย่าขี้งกสิ!’แม
‘ท่านแม่ไม่รู้สึกอึดอัดหรือ? เอาเป็นว่าข้ารู้สึกอึดอัดแทนท่านมาก’ซ่งชิงเหยียนย่อมไม่กระอักกระอ่วน และยังตั้งใจหามุมบังต้วนอวิ๋นอีไว้ พลางลูบท้องน้อยๆ ของนาง พลางกล่าว “ไม่เจอกันหลายเดือน เจ้าก็ตั้งท้องแล้ว สามเดือนหรือยัง?”“สายตาพระสนมเฉียบแหลมนัก ตอนนี้เพิ่งจะสามเดือนต้นๆ เพคะ!”จากนั้นซ่งชิงเหยียนก็หันไปทางก่วนหลางสือ “แม่นางต้วนเป็นคนทางใต้ อาหารของพวกเราไม่ถูกปากนาง ใต้เท้าก่วนต้องดูแลนางดีๆ ล่ะ”“ดูร่างกายที่ผอมแห้งนี่สิ คนที่ไม่รู้คงคิดว่าจวนโหวกวงฉินไม่ให้เจ้ากินข้าวเสียอีก!”การหยอกเย้าของซ่งชิงเหยียนกลับทำให้ก่วนหลางสืออึดอัดเล็กน้อย หลังจากอึ้งไปครู่หนึ่ง ก็ประสานมือกล่าวกับซ่งชิงเหยียน “พระสนมโปรดวางใจ ช่วงนี้อวิ๋นอีกินเยอะเลยทีเดียวขอรับ”ต้วนอวิ๋นอีขยับไปข้างๆ ซ่งหว่านชิง “พระสนมโปรดวางใจ ตอนนี้ท่านพี่ได้เชิญพ่อครัวคนหนึ่งจากหยุนโจว มาทำอาหารให้เรือนข้าโดยเฉพาะ!”เมื่อเห็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสุขของต้วนอวิ๋นอี ซ่งชิงเหยียนก็รู้สึกดีใจกับนางจากใจและดีใจกับก่วนหลางสือด้วยเช่นกันท้ายที่สุดทุกคนต้องปล่อยวางอดีต และเดินไปข้างหน้าขณะที่ทั้งกลุ่มกำลังคุยกับต้วนอว
คนทั้งกลุ่มเพิ่งนั่งลง ก็เห็นดอกไม้ไฟที่อยู่ข้างนอกสะพรั่งกลางอากาศ‘ท่านแม่ๆ รีบมาดูเร็ว!’‘สวยกว่าของพี่หญิงใหญ่ที่จุดในวังเมื่อครั้งก่อนอีก!’‘ดอกไม้ไฟของพี่หญิงใหญ่เมื่อครั้งก่อนน่าเสียดายจัง ถ้าหากจุดตอนกลางคืน ต้องสวยกว่านี้แน่นอน’‘ได้ยินมาว่าคืนนั้นเสด็จย่าแอบจุดคนเดียวในตำหนักหรงเล่อ! เสียดายที่ข้าไม่เห็น’ตอนนี้ลู่ซิงหว่านได้วิ่งไปที่ข้างหน้าต่างแล้ว นางจ้องดอกไม้ไฟที่ข้างนอก พลางพึมพำไปด้วยซ่งชิงเหยียนก็ยืนดูดอกไม้ไฟนอกหน้าต่างจากจุดที่ห่างกันไม่ไกลนัก“นี่นับว่าเป็นดอกไม้ไฟที่เป็นสัญลักษณ์แห่งความสุขของคุณชายหานกับคุณหนูเสิ่น!” องค์หญิงใหญ่กล่าวด้วยรอยยิ้ม “ตอนที่ข้าแต่งงานกับฉิงหาง ตระกูลฉิงก็จุดเช่นกัน”“ที่แท้นี่ก็คือประเพณีของชาวบ้าน?” ก่อนหน้านี้ซ่งชิงเหยียนคิดว่า ตระกูลหานเลือกที่จะจุดดอกไม้ไฟในวันนี้เพื่อความคึกคัก“ทูลพระสนม ใช่พ่ะย่ะค่ะ” ฉิงหางเห็นองค์หญิงใหญ่กำลังก้มหน้าก้มตาดูดอกไม้ไฟที่ข้างนอก จึงเดินไปข้างกายซ่งชิงเหยียนเพื่อตอบนาง “พูดถึงประเพณีของชาวบ้าน มันก็ไม่ใช่เสียทีเดียวเลย มีเพียงตระกูลใหญ่บางส่วนที่ทำเช่นนี้พ่ะย่ะค่ะ”ซ่งชิงเหยียนพยักหน้า ป