เดิมทีไป๋หลิงเป็นเพียงสาวใช้ที่ทำงานสัพเพเหระในตำหนักฉางชิวคนหนึ่งเท่านั้นแม้ว่าหลังจากนั้นได้ยินว่าเคยปรนนิบัติรับใช้เต๋อเฟยมาก่อน แต่หลังจากเต๋อเฟยสวรรคต นางก็ยังได้แต่ทำงานสัพเพเหระอยู่ข้างกายองค์ชายสามเหมือนเดิมเป็นเพราะคำแนะนำของนาง ที่ทำให้ได้มาปรนนิบัติรับใช้ในตำหนักของฮองเฮากลับคิดไม่ถึงว่าทุกวันนี้ฮองเฮาจะพึ่งพานางมากขึ้นเรื่อยๆ ถึงกระทั่งมากกว่าตนในที่สุดก็คว้าไป๋หลิงไว้ได้หลังจากที่ออกมาจากพระตำหนักฮองเฮา นางพูดน้ำเสียงเสียดสี “นี่เจ้าได้รับความโปรดปรานจากฮองเฮามากขึ้นทุกวันเลยนะ”ไป๋หลิงชะงักครู่หนึ่ง หันกลับมาเห็นอวิ๋นหลานที่ดึงตนเองเอาไว้ ก็ยิ้มและกล่าว “พี่อวิ๋นหลานพูดอะไรกัน ท้ายที่สุดแล้วพระสนมก็ยังต้องพึ่งพาพี่เจ้าค่ะ”“วันนี้ข้าคงไม่กล้าให้เจ้าเรียกว่าพี่แล้วล่ะ หากพูดถึงอายุแล้วเจ้าโตกว่าข้าอีก ควรเป็นข้าเรียกเจ้าพี่ไป๋หลิงซะมากกว่า!”อวิ๋นหลานยังคงสีหน้าเหน็บแหนมเหมือนเมื่อครู่นี้เอาไว้ไป๋หลิงเร่งเท้าก้าวเข้าไปคว้าแขนของนาง “พี่อวิ๋นหลานพูดอะไรเนี่ย พี่ยังต้องเรียกข้าว่าน้องไป๋หลิงสิถึงจะถูก”อวิ๋นหลานมองท่าทางประจบประแจงนางแล้วอารมณ์บนใบหน้าก็ดีขึ้นเ
องค์หญิงใหญ่กลับมองซ่งชิงเหยียนอย่างหมดคำพูดเล็กน้อย “ท่านน้าลืมไปแล้วใช่หรือไม่ ตอนที่ท่านท้องหวานหว่าน ยังรำดาบแกว่งทวนอยู่เลย!”ซ่งชิงเหยียนหันกลับไปมองลู่ซิงหว่านที่ยังเล่นอยู่บนพื้นอย่างร้อนตัวแวบหนึ่ง อยากวิ่งเข้าไปปิดปากลู่ซิงรั่วนักถ้าหากหวานหว่านได้ยินคำพูดนี้ ก็ไม่รู้จะว่าตัวเองอย่างไรอีก!ลู่ซิงหว่านไม่เคยทำให้ซ่งชิงเหยียนผิดหวังอย่างที่คิดนางเอ่ยปากทันที‘ท่านแม่ ท่านดูสิ ตอนนี้ทุกคนต่างบอกว่าข้าซน สาเหตุก็ไม่ได้มาจากตัวข้าทั้งหมดนะ’‘ข้ายอมรับ เมื่อก่อนตอนข้าอยู่โลกแห่งการบำเพ็ญเพียรก็ค่อนข้าง…ค่อนข้างทำให้อาจารย์ปวดหัว’‘แต่ตอนนี้ข้าซนเช่นนี้ ต้องเป็นเพราะท่านแม่คึกคะนองเกินไปตอนตั้งท้องข้าแน่เลยเจ้าค่ะ’“ก็ได้! ไปเถอะ!” ซ่งชิงเหยียนกลับไปนั่งลงอย่างหมดคำพูดกลับทำให้องค์หญิงใหญ่สงสัยเล็กน้อยแล้ว หรือว่าท่านน้าไม่อยากไป? แต่ท่านน้าชอบเดินตลาดที่สุดไม่ใช่หรือ?ดอกไม้ไฟมีกำหนดจุดตอนยามซวีสามเค่อแต่เพื่อสัมผัสบรรยากาศของเมืองหลวงที่ไม่ได้เดินมานาน คนทั้งกลุ่มออกจากบ้านตั้งแต่ยามโหย่ว ภายใต้คำแนะนำของซ่งชิงเหยียนแต่ไม่ได้พาองค์หญิงใหญ่มาด้วย อย่างไรก็ตามตอนนี้
ตอนนี้ชายคนนั้นกำลังสอดกระบี่เล่มหนึ่งเข้าไปในปากของตัวเองทีละนิดฝูงชนเงียบสงัด กลัวจะรบกวนการกระทำของชายคนนี้จนทำให้เขาเผลอพลั้งแทงตัวเองตายลู่ซิงหว่านก็กลั้นหายใจเช่นกัน และไม่กล้าขยับตัวแม้แต่น้อยเผยฉู่เยี่ยนที่อยู่ใต้ร่างนาง ย่อมรู้สึกได้ว่าจู่ๆ ร่างกายของเด็กน้อยคนนี้ตั้งตรง เขาอดไม่ได้ที่จะหัวเราะนางตั้งใจมากส่วนชายคนนั้น เวลานี้ได้สอดส่วนที่อยู่ใต้ด้ามกระบี่เข้าไปในปากหมดแล้ว อีกทั้งยังเริ่มเดินวนท่ามกลางฝูงชนมีเสียงชมอันเร่าร้อนดังกระหึ่มท่ามกลางฝูงชนแม้แต่ร่างกายน้อยๆ ของลู่ซิงหว่านก็อดไม่ได้ที่จะแกว่งไปแกว่งมาซ่งชิงเหยียนมองลู่ซิงหว่านตรงหน้า จู่ๆ ก็รู้สึกว่านี่จึงจะเป็นชีวิตอันสงบสุขที่ตัวเองต้องการแม้นางรู้ว่าของสิ่งนี้เป็นการหลอกคน กลับได้รับอิทธิพลจากลู่ซิงหว่าน อยากเดินเข้าไปมุงดูคนในยุทธภพที่กลืนกระบี่คนในยุทธภพคนนั้นเดินรอบฝูงชน ส่วนข้างหลังของเขามีเด็กสาวคนหนึ่งเดินตาม ตอนนี้กำลังชูชามกระเบื้องตรงหน้า เริ่มขอเงินรางวัลจากผู้คนลู่ซิงหว่านรีบตบศีรษะของเผยฉู่เยี่ยนสองสามที‘ให้เงินสิ รัฐทายาทเผย’‘จวนอันกั๋วกงมีเงินมากเช่นนี้ ท่านอย่าขี้งกสิ!’แม
‘ท่านแม่ไม่รู้สึกอึดอัดหรือ? เอาเป็นว่าข้ารู้สึกอึดอัดแทนท่านมาก’ซ่งชิงเหยียนย่อมไม่กระอักกระอ่วน และยังตั้งใจหามุมบังต้วนอวิ๋นอีไว้ พลางลูบท้องน้อยๆ ของนาง พลางกล่าว “ไม่เจอกันหลายเดือน เจ้าก็ตั้งท้องแล้ว สามเดือนหรือยัง?”“สายตาพระสนมเฉียบแหลมนัก ตอนนี้เพิ่งจะสามเดือนต้นๆ เพคะ!”จากนั้นซ่งชิงเหยียนก็หันไปทางก่วนหลางสือ “แม่นางต้วนเป็นคนทางใต้ อาหารของพวกเราไม่ถูกปากนาง ใต้เท้าก่วนต้องดูแลนางดีๆ ล่ะ”“ดูร่างกายที่ผอมแห้งนี่สิ คนที่ไม่รู้คงคิดว่าจวนโหวกวงฉินไม่ให้เจ้ากินข้าวเสียอีก!”การหยอกเย้าของซ่งชิงเหยียนกลับทำให้ก่วนหลางสืออึดอัดเล็กน้อย หลังจากอึ้งไปครู่หนึ่ง ก็ประสานมือกล่าวกับซ่งชิงเหยียน “พระสนมโปรดวางใจ ช่วงนี้อวิ๋นอีกินเยอะเลยทีเดียวขอรับ”ต้วนอวิ๋นอีขยับไปข้างๆ ซ่งหว่านชิง “พระสนมโปรดวางใจ ตอนนี้ท่านพี่ได้เชิญพ่อครัวคนหนึ่งจากหยุนโจว มาทำอาหารให้เรือนข้าโดยเฉพาะ!”เมื่อเห็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสุขของต้วนอวิ๋นอี ซ่งชิงเหยียนก็รู้สึกดีใจกับนางจากใจและดีใจกับก่วนหลางสือด้วยเช่นกันท้ายที่สุดทุกคนต้องปล่อยวางอดีต และเดินไปข้างหน้าขณะที่ทั้งกลุ่มกำลังคุยกับต้วนอว
คนทั้งกลุ่มเพิ่งนั่งลง ก็เห็นดอกไม้ไฟที่อยู่ข้างนอกสะพรั่งกลางอากาศ‘ท่านแม่ๆ รีบมาดูเร็ว!’‘สวยกว่าของพี่หญิงใหญ่ที่จุดในวังเมื่อครั้งก่อนอีก!’‘ดอกไม้ไฟของพี่หญิงใหญ่เมื่อครั้งก่อนน่าเสียดายจัง ถ้าหากจุดตอนกลางคืน ต้องสวยกว่านี้แน่นอน’‘ได้ยินมาว่าคืนนั้นเสด็จย่าแอบจุดคนเดียวในตำหนักหรงเล่อ! เสียดายที่ข้าไม่เห็น’ตอนนี้ลู่ซิงหว่านได้วิ่งไปที่ข้างหน้าต่างแล้ว นางจ้องดอกไม้ไฟที่ข้างนอก พลางพึมพำไปด้วยซ่งชิงเหยียนก็ยืนดูดอกไม้ไฟนอกหน้าต่างจากจุดที่ห่างกันไม่ไกลนัก“นี่นับว่าเป็นดอกไม้ไฟที่เป็นสัญลักษณ์แห่งความสุขของคุณชายหานกับคุณหนูเสิ่น!” องค์หญิงใหญ่กล่าวด้วยรอยยิ้ม “ตอนที่ข้าแต่งงานกับฉิงหาง ตระกูลฉิงก็จุดเช่นกัน”“ที่แท้นี่ก็คือประเพณีของชาวบ้าน?” ก่อนหน้านี้ซ่งชิงเหยียนคิดว่า ตระกูลหานเลือกที่จะจุดดอกไม้ไฟในวันนี้เพื่อความคึกคัก“ทูลพระสนม ใช่พ่ะย่ะค่ะ” ฉิงหางเห็นองค์หญิงใหญ่กำลังก้มหน้าก้มตาดูดอกไม้ไฟที่ข้างนอก จึงเดินไปข้างกายซ่งชิงเหยียนเพื่อตอบนาง “พูดถึงประเพณีของชาวบ้าน มันก็ไม่ใช่เสียทีเดียวเลย มีเพียงตระกูลใหญ่บางส่วนที่ทำเช่นนี้พ่ะย่ะค่ะ”ซ่งชิงเหยียนพยักหน้า ป
ซ่งชิงเหยียนคิดไม่ถึงว่าเหวินเฟยกำลังอยู่ในตำหนักไทเฮาปกติพี่เหวินไม่ชอบออกมาข้างนอก ปัจจุบันแม้ทำเพื่อจิ่นรุ่ยแล้ว จะออกมาเดินเล่นข้างนอกเป็นครั้งคราวแต่มาตำหนักของไทเฮาเพียงลำพัง นับว่าหายากมาก“ถวายบังคมเพคะไทเฮา”ตอนที่ซ่งชิงเหยียนทักทายไทเฮา เหวินเฟยก็ได้ก้าวออกมาแล้ว ทั้งสองคำนับกันและกัน จึงจะนั่งลงไทเฮาสั่งให้จิ่นอวี้อุ้มลู่ซิงหว่านเข้ามาทันที “หวานหว่านของเราออกไปเที่ยวสองวัน มีความสุขหรือไม่?”ลู่ซิงหว่านเริ่มพยักหน้าในอ้อมแขนของไทเฮาทันที‘มีความสุขเจ้าค่ะ เสด็จย่าของข้า’‘ทิวทัศน์ตลาดที่ข้างนอกงดงามมาก หวานหว่านได้ซื้อของเยอะแยะด้วย เมื่อคืนพวกเรายังได้ดูดอกไม้ไฟของจวนหานด้วย’‘งานมงคลนั่นก็คึกคักมาก’ลู่ซิงหว่านเล่าให้ไทเฮาฟังอย่างละเอียด นับว่าเหมือนนางสามารถเข้าใจเห็นท่าทางของลู่ซิงหว่าน ไทเฮาก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ “เป็นลิงซนจริงๆ!”ซ่งชิงเหยียนอาศัยจังหวะนี้ส่งกล่องอาหารในมือออกไปเพราะกลัวรบกวนไทเฮา จิ่นซินกับเผยฉู่เยี่ยน ทั้งสองถูกซ่งชิงเหยียนสั่งให้กลับตำหนักชิงอวิ๋นแล้ว“ได้ยินซิงรั่วบอกว่า นี่เป็นของจากร้านขนมที่เปิดใหม่ในเมืองหลวง รสชาติไม่เหมือน
เมื่อไทเฮากล่าวเช่นนี้ เหวินเฟยก็ไม่สามารถปฏิเสธแล้วซ่งชิงเหยียนมองไปทางเหวินเฟย ย่อมสามารถมองความลำบากใจของนางออก‘เกรงว่าเรื่องนี้เสด็จย่าไม่ได้ไปปรึกษาเสด็จพ่อกระมัง ข้ารู้สึกว่าเสด็จพ่อน่าจะไม่ยอมมอบเด็กให้เหวินเฟยเลี้ยง’‘อย่างไรเหวินเฟยก็เป็นสตรีต่างแคว้น อีกทั้งยังเป็นองค์หญิงของแคว้นศัตรู’‘ข้ารู้สึกว่าเสด็จพ่อไม่อนุญาตแน่นอน’เมื่อมีคำเตือนของลู่ซิงหว่าน ซ่งชิงเหยียนจึงจะตระหนักถึงข้อนี้ต้องยอมรับว่าบางครั้งหวานหว่านวิเคราะห์อะไรขึ้นมา ก็ลึกล้ำกว่าตัวเองมากจู่ๆ ก็มีความคิดหนึ่งแลบผ่านสมองของซ่งชิงเหยียน หากหวานหว่านนำทัพทำสงคราม คงเหนือกว่าตัวเองแน่นอนแต่เสียงที่เหวินเฟยเอ่ยปากอีกครั้ง กลับขัดความคิดของซ่งชิงเหยียนเหวินเฟยย่อมยืนขึ้นคำนับไทเฮาอย่างนอบน้อม “หม่อมฉันย่อมยินดีเพคะ ตอนนี้จิ่นรุ่ยโตแล้ว หม่อมฉันอยู่ในตำหนักคนเดียวก็รู้สึกเบื่อหน่ายเพคะ”เพียงแต่ไม่รู้ว่าฝ่าบาทจะอนุญาตหรือไม่คำพูดสุดท้ายนี้ เหวินเฟยไม่ได้พูดออกมาเมื่อเห็นเหวินเฟยตอบตกลง ไทเฮาก็ล้มเลิกความตั้งใจที่จะปรึกษาซ่งชิงเหยียน นางจับมือเหวินเฟยชมแล้วชมอีกจนกระทั่งเหวินเฟยไปจากตำหนักหรงเล่
“พี่เหวินก็อย่าคาดหวังมากนัก”เหวินเฟยพยักหน้า บนใบหน้ากลับเป็นรอยยิ้มที่ขมขื่นลู่ซิงหว่านเห็นนางเป็นเช่นนี้ จู่ๆ ก็เอื้อมไปหอมนางหนึ่งที‘พระสนมเหวินน่าสงสารที่สุด แต่งมาต่างแคว้นเพียงลำพัง ยังต้องเป็นภรรยาน้อยให้คนอื่น และยังเคยถูกคนทำร้าย’‘ตอนนี้อยากรับเลี้ยงเด็กสักคนก็มีแต่ปัญหา’เหวินเฟยตะลึงไปชั่วขณะ นางมองลู่ซิงหว่านด้วยสีหน้าประหลาดใจแต่แล้วก็เริ่มยิ้มและคำพูดเหล่านี้ของลู่ซิงหว่านกับซ่งชิงเหยียน กลับเข้าหูของฮ่องเต้ต้าฉู่ที่เดินผ่านพอดีโดยไม่ตกหล่นสักคำ“อะไรที่ว่าอย่าคาดหวังเกินไป!” ฮ่องเต้ต้าฉู่จงใจเอ่ยปากล้อเลียนซ่งชิงเหยียนคนทั้งกลุ่มรีบเงยหน้ามองไปข้างหน้า ปรากฏว่าเป็นร่างเงาของฮ่องเต้ต้าฉู่จึงรีบเข้าไปทักทายลู่ซิงหว่านก็เอื้อมมือน้อยๆ ออกไปขอให้ฮ่องเต้ต้าฉู่อุ้มเช่นกัน‘ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ เสด็จพ่อของข้า!’‘แม้ท่านแม่ของข้าเป็นแค่ภรรยาน้อยของท่าน แต่เห็นแก่ที่ท่านดีกับท่านแม่เช่นนี้ ข้าก็จะรักท่านมากๆ เช่นกัน’‘ตราบใดที่ท่านไม่เป็นฮ่องเต้หัวรุนแรง จู่ๆ ก็จะสั่งตัดหัวข้า’เมื่อได้ยินคำพูดสุดท้ายของลู่ซิงหว่าน ฮ่องเต้ต้าฉู่ก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ จากน