นางหลินยิ่งร้อนใจ เข้าไปใกล้หลินเหอเฉิง เอ่ยเสียงเบาว่า “พี่ชาย ข้ามีเรื่องจะพูด”หลินเหอเฉิงหยุดเดินแล้วมองไปที่นางหลินที่อยู่ข้างๆ เขาถึงสังเกตเห็นว่าใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้า แม้กระทั่งไม่ได้ทาแป้งเพื่อปกปิดความเหนื่อยล้าของตัวเองจึงเคร่งขรึมขึ้นมา พานางไปที่ห้องหนังสืออย่างเงียบๆ จากนั้นก็เอ่ยปากถามว่า “เกิดอะไรขึ้น?”นางหลินคุกเข่าให้หลินเหอเฉิงโดยตรง “พี่ชาย วันนี้ข้าส่งอวิ๋นเหยาออกจากเมือง ระหว่างทางกลับพบอาซ้อ อาซ้อจึงลักพาตัวอวิ๋นเหยาไป”พูดจบก็เริ่มโขกหัวกับพื้น “พี่ชาย ท่านช่วยอวิ๋นเหยาหน่อย ถ้าอาซ้อขายอวิ๋นเหยาไปยังสถานที่แบบนั้นจริงๆ ข้าก็จะไม่อยู่แล้วเช่นกัน”หลินเหอเฉิงตบโต๊ะตรงหน้าตัวเองอย่างแรง “นังสารเลว!”หลายวันมานี้เขาไม่ได้เห็นนางโจวจริงๆ แต่เขาดื่มด่ำกับความสุขในการเลื่อนตําแหน่ง ไม่สนใจแม้แต่น้อยว่านางกําลังยุ่งอยู่กับอะไรดูเหมือนว่านางกําลังวางแผนเรื่องนี้อย่างเงียบๆหลินเหอฉางถอนหายใจเฮือกใหญ่ พยายามทําให้ตัวเองสงบลง เดินไปตรงหน้านางหลินแล้วประคองนางขึ้นมา “เจ้าวางใจเถอะ ข้าจะต้องหานางเจอแน่นอน”พูดจบ เขาก็จ้องมองไปทางเรือนตระกูลโจวอย่าง
ขณะเดียวกันที่จวนแม่ทัพใหญ่ทหารม้าก็คึกคักไปด้วยผู้คนคาดไม่ถึงว่าองค์รัชทายาทจะเสด็จมาเยือนจวนแม่ทัพใหญ่ทหารม้าอย่างกระทันหันเพราะลู่ซิงหว่านพูดไว้ว่าลู่จิ่นเหยาและหานซีเยว่เป็นบุพเพสันนิวาสที่ฟ้ากําหนด ทั้งสองเป็นคนที่เหมาะสมที่สุดเมื่อก่อนซ่งชิงเหยียนมักจะกําชับองค์รัชทายาทว่าความสัมพันธ์จําเป็นต้องรักษาไว้ เนื่องจากฐานะของตระกูลหาน จึงไม่สามารถเข้าวังไปพบองค์รัชทายาทได้บ่อย ๆ ดังนั้นองค์รัชทายาทจึงต้องเป็นฝ่ายเริ่มก่อน เมื่อก่อนมักจะไปจวนตระกูลหานบ่อยๆ แม้ว่าจะไม่ได้พบกับคุณหนูตระกูลหานก็ตามนอกจากนี้ยังสามารถให้คนนอกรู้ว่าองค์รัชทายาททรงห่วงใยคุณหนูตระกูลหานคนนี้หนึ่งคือองค์รัชทายาทไม่ใช่คนประเภทที่ใส่ใจเรื่องราวรักๆ ใคร่ๆ เช่นนี้อยู่แล้ว แต่ช่วงนี้เขายุ่งอยู่กับงานราชการจริงๆ จึงปลีกตัวไม่ได้เดิมทีก็ลืมเรื่องนี้ไปแล้ว แต่วันนี้ในงานอภิเษกขององค์หญิงรอง มีคนพูดถึงงานอภิเษกขององค์รัชทายาทเขาถึงนึกถึงคําเตือนของท่านน้า เมื่อออกจากจวนไท่ฟู่ ตัดสินใจจะไปที่จวนแม่ทัพใหญ่ทหารม้าสักครั้งเมื่อรู้ว่าองค์รัชทายาทเสด็จมาเยี่ยมเยียน ทั้งครอบครัวที่เพิ่งกลับจวนก็ยุ่งอยู่กับการจ
ระหว่างนั้นหานซีเยว่และมารดาของนางก็อยู่เป็นเพื่อนที่ห้องโถงด้านหน้าตลอดเวลา ถึงอย่างไรองค์รัชทายาทก็เคยบอกว่ามาเพื่อพบหานซีเยว่ จะออกจากงานเลี้ยงก่อนเวลาก็ไม่ได้ฮูหยินหานพบว่าหลังจากที่องค์รัชทายาทเสด็จมา ฝีเท้าของหานซีเยว่ก็เบาลงมากตามไปด้วยจึงอดไม่ได้ที่จะหยอกล้อนาง "ลูกสาวของข้าโตแล้ว มีเรื่องในใจแล้ว ดูท่าอยากแต่งงานกับใครสักคนแล้วสินะ"หานซีเยว่ผลักท่านแม่ของตัวเองอย่างเขินอายเล็กน้อย แล้วพูดอย่างงอนงอนว่า “ท่านแม่!”ฮูหยินหานไม่ได้พูดอะไรอีก เพียงแค่มองไปที่หานซีเยว่ ดวงตาเต็มไปด้วยความปลื้มใจการได้สามีอย่างองค์รัชทายาทก็ถือว่าเป็นความสุขของซีเยว่แล้วหลังจากองค์หญิงรองออกเรือนไปไม่กี่วัน ในวังก็เกิดเรื่องใหญ่เรื่องหนึ่งขึ้น สนมซูผินเสียชีวิตเมื่อข่าวไปถึงตําหนักชิงอวิ๋น ซ่งชิงเหยียนก็ตกตะลึงอยู่กับที่ หากถามว่าใครคือคนที่เกลียดสนมซูผินมากที่สุด ตอนนี้คนที่สามารถหาเจอได้ในวังหลังก็มีเพียงซ่งชิงเหยียนคนเดียวเท่านั้นอย่างไรเสียสนมซูผินก็มีส่วนร่วมในการวางแผนฆ่าซ่งชิงหย่าแต่ตนเองยังไม่ทันได้ลงมือ สนมซูผินก็เสียชีวิตไปแล้วและโชคดีที่ได้เลือกสองวันหลังจากเองค์หญิงรอง
ฮองเฮาสะบัดแขนเสื้อจากไปทันทีหลังจากกลับถึงตำหนัก นางยิ่งคิดยิ่งไม่พอใจ จึงให้เยว่หรานไปแจ้งอ๋องอี้อย่างเงียบๆ เพื่อกําจัดคนคนนี้ จะได้ไม่ทําลายเรื่องดีๆ ของตัวเองวิธีการของอ๋องอี้นั้นโหดเหี้ยมมากและการเคลื่อนไหวก็รวดเร็วมากเช่นกันคืนนั้น สนมซูผินก็ตายเพราะพิษทันทีที่รู้ข่าว เสิ่นหนิงก็ชิงลงมือก่อน มุ่งหน้าไปยังตำหนักหลงเซิง และคุกเข่าลงตรงนอกตำหนักหลงเซิงทําให้เมิ่งเฉวียนเต๋อตกใจไม่เบา จะประคองก็ไม่ถูก ไม่ประคองก็ไม่ถูกสุดท้ายก็รีบเข้าไปข้างใน รายงานเรื่องนี้กับฮ่องเต้ต้าฉู่ว่า “ฝ่าบาท ฮองเฮากําลังคุกเข่าอยู่ข้างนอกพ่ะย่ะค่ะ”“นางเคลื่อนไหวได้รวดเร็วดีนี่” ฮ่องเต้ต้าฉู่เพิ่งได้รับข่าวการตายของสนมซูผิน ฮองเฮาก็มาแล้ว “ให้นางเข้ามาเถอะ”เนื่องจากก่อนหน้านี้เรื่องที่ตนเองปวดหัวเพราะถูกสนมอวิ๋นผิงวางยา ฮ่องเต้ต้าฉู่จึงรู้สึกไม่พอใจต่อฮองเฮาไปด้วยแม้ว่าจะตรวจสอบไม่ได้ว่าเป็นฝีมือของนาง แต่ก็มักจะสงสัยนางอยู่เสมอต่อมาคนที่ทําให้ฮ่องเต้ต้าฉู่ล้มเลิกความคิดนี้ คือบิดาและพี่ชายของเสิ่นหนิงคิดดูแล้วนางมีบิดาและพี่ชายที่ซื่อตรงเช่นนี้ นางไม่มีทางทําเรื่องเช่นนี้แน่ ในใจจึงเชื
“เจ้าดูแลวังหลังทั้งหกก็ลําบากมากพอแล้ว อย่าเอาเรื่องพวกนี้มาพัวพันกับตัวเองอีกเลย” ฮ่องเต้ต้าฉู่ดูแม้จะปลอบโยนฮองเฮาอยู่ แต่ก็ดูเหมือนจะปลอบโยนตัวเองไปด้วยจากนั้นก็หันตัวกลับไปนั่งที่เดิม “ประกาศกับคนภายนอกว่าสนมซูผินเสียชีวิตด้วยอาการป่วยกะทันหัน ซิงเสวี่ยเพิ่งแต่งงาน เรื่องอื่นก็ไม่ต้องพูดแล้ว”“เพคะ” เสิ่นหนิงค้อมกายให้ฮ่องเต้ต้าฉู่ แล้วพูดคุยกับเขาเล็กน้อย ถึงออกจากตำหนักหลงเซิงหลังจากออกจากตำหนักหลงเซิง เสิ่นหนิงก็ถอนหายใจยาวอวิ๋นหลานจึงรีบสาวเท้าเดินขึ้นไป “เมื่อครู่พระมเหสีทําให้บ่าวตกใจแทบตาย คําพูดแบบนี้วันหลังอย่าพูดเหลวไหลอีกนะเพคะ”อวิ๋นหลานยังคงทําท่าทางหวาดกลัวไม่หาย “หากฝ่าบาททรงคิดจริงจังขึ้นมส พระสนมมิต้องทนทุกข์ทรมานแล้วหรือเพคะ?”นางรู้สึกสงสารฮองเฮาอยู่บ้าง แต่ที่สําคัญกว่านั้นก็คือ หากฮองเฮาล้มลง นางจะรักษาอำนาจในตอนนี้ได้อย่างไรกัน?เสิ่นหนิงแค่พยักหน้า ไม่ได้พูดอะไรมากถึงอย่างไร ทุกอย่างก็อยู่ภายใต้การควบคุมของนาง การทําให้ฮ่องเต้ต้าฉู่ประกาศเรื่องที่สนมซูผินเสียชีวิตด้วยโรคภัยไข้เจ็บถึงจะเป็นจุดประสงค์ของนางต่างหากตอนนี้ก็บรรลุเท่านป้าหมายแล้ว อย่
เมื่อได้รับอนุญาตจากลู่ซิงหว่าน ซ่งชิงเหยียนก็อุ้มนางขึ้นมาจูบอีกครั้ง แล้วจึงก้าวยาวๆ ออกจากตําหนักชิงอวิ๋นไปยังตําหนักเหยียนหัวไม่รู้เพราะเหตุใด นางถึงรีบร้อนอยากจะจุดธูปให้พี่สาวซ่งชิงหย่านคุกเข่าลงบนเบาะและมองไปที่ป้ายบูชาของซ่งชิงหย่า น้ำตาของนางไม่สามารถหยุดไหลได้เมื่อซ่งชิงหย่าเสียชีวิตนั้น นางยังไม่ได้เสียใจขนาดนี้เลย“พี่หญิง ท่านสบายดีหรือไม่?”“พวกเราทุกคนดีมาก ตอนนี้จิ่นเหยาก็ได้รับความสําคัญจากฝ่าบาทแล้ว เมื่อก่อนรู้สึกว่าเขาไม่เหมาะกับนิสัยขององค์รัชทายาทที่สุด ตอนนี้ดูแล้วก็ดีมาก”ซ่งชิงเหยียนพึมพําอยู่ในตําหนักคนเดียว ไม่ได้ตระหนักว่า ไม่รู้ว่าฮ่องเต้ฉู่ผู้ยิ่งใหญ่มาอยู่ข้างหลังนางตั้งแต่เมื่อไหร่ฮ่องเต้ต้าฉู่เพียงแค่มองนางอย่างเงียบๆ และคิดถึงซ่งชิงหย่าในใจ“ทางฝ่ายท่านพ่อก็ดีมาก ตอนนี้ลาออกจากตําแหน่งแล้ว ได้ยินอาซ้อบอกว่า ทะเลาะกับท่านแม่ที่จวนทั้งวัน เป็นวันเวลาแบบที่เราเคยต้องการจริงๆ แล้วนะ”พูดถึงตรงนี้ ซ่งชิงเหยียนก็เติมกระดาษเงินกระดาษทองลงในอ่างทองแดงตรงหน้า“แต่ลูกหลานในบ้านกลับไม่เอาไหน ลูกชายของพี่ใหญ่จั๋วเกอเอ๋อร์ พี่หญิงยังจําได้ใช่ไหม อายุยี
ตอนนี้แม้แต่ทํางานเขาก็ทําได้แค่ซ่อนตัวอยู่ในกรมเท่านั้น เพราะที่บ้านไม่มีของเหล่านี้เลยอีกทั้งอนุคนนั้น เขายิ่งหลบได้ก็หลบ ไม่กล้าเข้าใกล้แม้แต่ครึ่งส่วนอย่างไรก็เป็นไส้ศึกคนหนึ่ง ใครจะรู้ว่าวันหน้าฝ่าบาทกับองค์รัชทายาทจะชักสีหน้าใส่กัน ถอนรากถอนโคนตระกูลหรงทั้งหมดหรือไม่แม้แต่เรือนในก็เงียบลงไปมากมิฉะนั้น เรื่องที่เหออวิ๋นเหยาพยายามลักพาตัวหรงเหวินเมี่ยว เขาคงจะกราบทูลฝ่าบาทไปแล้วแต่ตอนนี้กลับรู้สึกว่า ในเมื่อไม่ได้ทําร้าย ก็อย่าไปสร้างความวุ่นวายให้ตัวเองเลยฮ่องเต้ต้าฉู่ไม่ได้เอ่ยปาก ใต้เท้าหรงทําได้เพียงกุมหมัดคารวะอีกครั้ง “กระหม่อมจะฟังการจัดการของฝ่าบาทและองค์รัชทายาททุกอย่าง”และในแคว้นเยว่เฟิงในเวลานี้ ความมุ่งมั่นของเฮ่อเหลียนเหิงซินช่างสิ้นหวังจริงๆก่อนหน้านี้เฮ่อเหลียนเหรินซินอาศัยการโจมตีติ้งกั๋วโหวเพื่อควบคุมอํานาจทางทหารของกองทัพชายแดน ตอนนี้กลับกําไว้ในมือแน่น ไม่ยอมส่งมอบออกมาแน่นอนว่าเฮ่อเหลียนเหิงซินโกรธเฮ่อปาขุย “ท่านลุงบอกว่าใช้เฮ่อเหลียนเหรินซินไม่ใช่หรือ?ตอนนี้พวกเราถูกเขาใช้ประโยชน์แล้ว”พอคิดถึงตรงนี้เฮ่อเหลียนเหิงก็ยิ่งโมโห โยนฎีกาตรงหน้าตัวเ
เมื่อเห็นเสด็จพี่ไม่ได้หมายความเช่นนี้เฮ่อเหลียนจูลี่จึงมองไปที่อ๋องเหรินอย่างงุนงง“จูลี่ เจ้าทํามากพอแล้ว” คําพูดของอ๋องเหรินถึงกับสะอึกสะอื้นเล็กน้อย ครั้งนี้เขาจริงใจจริงๆแม้ว่าตนเองและน้องสาวต่างก็เป็นลูกของเสด็จแม่ แต่ก็เข้ากันไม่ได้มากที่สุดเมื่อก่อนก็ทะเลาะกันเพราะเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ต่อหน้าเสด็จแม่ และทุกครั้งก็ทะเลาะกันไม่หยุดสําหรับน้องสาวคนนี้ เขาก็ดูถูกมาตลอดแต่ในทํานองเดียวกันเฮ่อเหลียนจูลี่ก็ไม่ชอบพี่ชายคนนี้เช่นกันในสายตาของนาง เสด็จพี่เป็นองค์รัชทายาทที่ไร้ความสามารถที่ถูกเสด็จแม่ตามใจจนเสียนิสัยแต่ตั้งแต่ที่เสด็จพ่อและเสด็จแม่ประสบเรื่องเช่นนั้น สองพี่น้องกลับกลมกลืนกันอย่างอธิบายไม่ได้เมื่อเฮ่อเหลียนจูลี่ได้ยินเฮ่อเหลียนเหรินซินพูดแบบนี้ ก็อดสะอึกสะอื้นไม่ได้ที่แท้เสด็จพี่ทรงทราบถึงความยากลําบากของพระองค์เอง รู้ว่าการเดินทางครั้งนี้ของพระองค์ก็ไม่ง่ายเช่นกันเมื่อเห็นนางเป็นเช่นนี้เฮ่อเหลียนเหรินซินก็ดึงนางเข้ามากอดแล้วตบหลังนางเบาๆอธิบายว่า “เฮ่อเหลียนเหิงซินเป็นคนขี้สงสัยมาก ตอนนี้ข้ากุมอํานาจทางการทหารอยู่ในมือ แต่กลับได้รับการแนะนําจากเฮ่อปาขุย