ทางด้านเหออวิ๋นเหย่า มีคนของเผยฉู่เยี่ยนรออยู่นอกเมืองมานานแล้วหลายวันก่อน ในที่สุดนางโจวก็คิดได้แล้ว อาศัยตัวเองคนเดียว ต้องการให้เหออวิ๋นเหยาชดใช้ด้วยชีวิต ไม่ใช่เรื่องยากแต่นางไม่เพียงแต่ต้องการให้นางชดใช้ด้วยชีวิตของหลินอินเท่านั้น สิ่งที่นางคิดคือต้องการให้เหออวิ๋นเหย่าได้ลิ้มรสสิ่งที่หลินอินเคยประสบมาดังนั้นนางจึงริเริ่มที่จะหาเผยฉู่เยี่ยนในเมื่อเผยซื่อจื่อสามารถเสนอออกมาเพื่อตัดสินใจแทนตนเองได้ เช่นนั้นย่อมสามารถทําในสิ่งที่ตนเองอยากทําได้อย่างแน่นอนเพียงแต่เผยฉู่เยี่ยนไม่ได้แค่ช่วยนางเท่านั้น แต่ยังเสนอเงื่อนไขด้วยจุดประสงค์ของตระกูลโจวคือการแก้แค้นให้หลินอินจุดประสงค์ของเผยฉู่เยี่ยนคือดึงเหอหย่งลงจากหลังม้าเรื่องนี้ต้องการโอกาส โอกาสนี้ เสนอโดยนางโจวจะดีที่สุดแล้วเพียงแต่ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาเท่านั้นแน่นอนว่านางโจวเห็นด้วยแน่นอนว่านางต้องการแก้แค้นแทนหลินอิน ไม่เพียงแต่แก้แค้นเหออวิ๋นเหยาเท่านั้น แต่ยังต้องแก้แค้นนางหลินที่ตามใจเหออวิ๋นเหยา แม้กระทั่งใต้เท้าหลินที่ไม่สนใจหลินอิน สามีของนางแม้แต่เผยฉู่เยี่ยนยังคิดว่าผู้หญิงคนนี้บ้าไปแล้วแต่จะบ้าหรือไม่ไม
สถานที่ที่หลินจีส่งเหออวิ๋นเหย่าไปก็คือซ่องโสเภณีที่ใหญ่ที่สุดในเมืองหลวงกฎระเบียบของต้าฉู่เขียนไว้อย่างชัดเจนและชัดเจนว่าขุนนางไม่ได้รับอนุญาตให้ค้าประเวณีแต่เหล่าขุนนางที่ร่ำรวยเหล่านี้ย่อมรู้ว่าดอกไม้ในบ้านไม่ดีเท่าดอกไม้ป่าไม่ว่าภรรยาที่บ้านจะเพียบพร้อมด้วยคุณธรรมแค่ไหน ต่อให้มีภรรยาและอนุภรรยาอยู่เป็นฝูง ก็อยากจะลองชิมรสชาติของข้างนอกบ้างไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่ซ่องลับแห่งนี้ได้ปรากฏตัวขึ้นพอเปิดกิจการ ก็ดึงดูดเหล่าขุนนางนับไม่ถ้วนมา นานวันเข้าก็กลายเป็นความลับที่ขุนนางในเมืองหลวงรู้อยู่แก่ใจและความลับของซ่องลับนี้เข้มงวดมากทุกคนที่เข้ามาต้องแยกมาต่างหาก และต้องสวมหน้ากากเมื่อเข้ามาประการแรก คือจะไม่พบคนรู้จักอย่างแน่นอน ประการที่สองคือ แม้ว่าจะเกิดความผิดพลาดใดๆ ก็ต้องมีหน้ากากปิดบังไว้เพื่อไม่ให้ใครรู้ตัวตนแต่งขุนนางพวกนี้ ส่วนใหญ่มีนิสัยชอบเล่นเล่นท่ามากอีกต่างหากซ้ำยังคร่าชีวิตผู้คนไปหลายชีวิตแต่ท่านแม่เล้าของซ่องนี้ก็ไม่ได้พูดอะไรมาก เอาแต่ตามใจเช่นนี้ หากเป็นเช่นนี้ต่อไป การค้าก็ยิ่งเจริญรุ่งเรืองมากขึ้นแม้จะไม่รู้ว่าคนที่อยู่เบื้องหลังซ่องลับคนนี้คือใ
นางรีบปีนลงจากเตียงแต่ขาสองข้างก็ลอยเล็กน้อยเพราะความกลัว นางหลินล้มตัวลงนอนตรงใต้เตียงสาวใช้ที่รับใช้ข้างกายนางรีบก้าวเข้าไปรับนางไว้ แต่ก็ถูกเท้าของตัวเองสะดุดล้มนายบ่าวสองคนล้มลงบนพื้น สถานการณ์ดูน่าขันอยู่บ้างสาวใช้คนนั้นลุกขึ้นแล้วคลานไปข้างๆ นางหลิน คิดจะประคองนางขึ้นมานางหลินอาศัยแรงของสาวใช้คนนั้น แต่เพราะร่างกายไร้เรี่ยวแรง กลับไม่ได้ลุกขึ้น จึงล้มเลิกการกระทํา แล้วเงยหน้าขึ้นถามว่า “นายท่านกลับมาแล้วหรือ?”“เรียนฮูหยิน ยังครับ”คําพูดนี้ของสาวใช้ทําให้นางหลินหมดความมั่นใจทันทีในขณะที่นางหลินไม่รู้จะทําอย่างไรดี เสนาบดีเหอก้าวเท้ายาวๆ เข้ามา ยังไม่ทันถึงเสียงก็ดังมาก่อน “เป็นอย่างไรบ้าง?”กลับเห็นนางหลินเอนกายพิงขอบเตียงเลอะเทอะมากในใจอดไม่ได้ที่จะรู้สึกรังเกียจอยู่บ้างแต่ก็ไม่ได้แสดงออกมา เพียงแค่นั่งลงบนเตียงนุ่มด้านข้าง มองนางหลินที่อยู่ตรงหน้า ถามอีกครั้ง “อวิ๋นเหยาส่งไปแล้วหรือ?”นางหลินเพิ่งได้สติ กระโจนเข้าหาเสนาบดีเหออย่างบ้าคลั่ง “นายท่าน นายท่าน ท่านช่วยอวิ๋นเหยาด้วย เร็วหน่อย...”เมื่อพูดถึงตรงนี้ นางหลินก็ดูเหมือนจะสําลักน้ำลายของตัวเองและไ
นางหลินยิ่งร้อนใจ เข้าไปใกล้หลินเหอเฉิง เอ่ยเสียงเบาว่า “พี่ชาย ข้ามีเรื่องจะพูด”หลินเหอเฉิงหยุดเดินแล้วมองไปที่นางหลินที่อยู่ข้างๆ เขาถึงสังเกตเห็นว่าใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้า แม้กระทั่งไม่ได้ทาแป้งเพื่อปกปิดความเหนื่อยล้าของตัวเองจึงเคร่งขรึมขึ้นมา พานางไปที่ห้องหนังสืออย่างเงียบๆ จากนั้นก็เอ่ยปากถามว่า “เกิดอะไรขึ้น?”นางหลินคุกเข่าให้หลินเหอเฉิงโดยตรง “พี่ชาย วันนี้ข้าส่งอวิ๋นเหยาออกจากเมือง ระหว่างทางกลับพบอาซ้อ อาซ้อจึงลักพาตัวอวิ๋นเหยาไป”พูดจบก็เริ่มโขกหัวกับพื้น “พี่ชาย ท่านช่วยอวิ๋นเหยาหน่อย ถ้าอาซ้อขายอวิ๋นเหยาไปยังสถานที่แบบนั้นจริงๆ ข้าก็จะไม่อยู่แล้วเช่นกัน”หลินเหอเฉิงตบโต๊ะตรงหน้าตัวเองอย่างแรง “นังสารเลว!”หลายวันมานี้เขาไม่ได้เห็นนางโจวจริงๆ แต่เขาดื่มด่ำกับความสุขในการเลื่อนตําแหน่ง ไม่สนใจแม้แต่น้อยว่านางกําลังยุ่งอยู่กับอะไรดูเหมือนว่านางกําลังวางแผนเรื่องนี้อย่างเงียบๆหลินเหอฉางถอนหายใจเฮือกใหญ่ พยายามทําให้ตัวเองสงบลง เดินไปตรงหน้านางหลินแล้วประคองนางขึ้นมา “เจ้าวางใจเถอะ ข้าจะต้องหานางเจอแน่นอน”พูดจบ เขาก็จ้องมองไปทางเรือนตระกูลโจวอย่าง
ขณะเดียวกันที่จวนแม่ทัพใหญ่ทหารม้าก็คึกคักไปด้วยผู้คนคาดไม่ถึงว่าองค์รัชทายาทจะเสด็จมาเยือนจวนแม่ทัพใหญ่ทหารม้าอย่างกระทันหันเพราะลู่ซิงหว่านพูดไว้ว่าลู่จิ่นเหยาและหานซีเยว่เป็นบุพเพสันนิวาสที่ฟ้ากําหนด ทั้งสองเป็นคนที่เหมาะสมที่สุดเมื่อก่อนซ่งชิงเหยียนมักจะกําชับองค์รัชทายาทว่าความสัมพันธ์จําเป็นต้องรักษาไว้ เนื่องจากฐานะของตระกูลหาน จึงไม่สามารถเข้าวังไปพบองค์รัชทายาทได้บ่อย ๆ ดังนั้นองค์รัชทายาทจึงต้องเป็นฝ่ายเริ่มก่อน เมื่อก่อนมักจะไปจวนตระกูลหานบ่อยๆ แม้ว่าจะไม่ได้พบกับคุณหนูตระกูลหานก็ตามนอกจากนี้ยังสามารถให้คนนอกรู้ว่าองค์รัชทายาททรงห่วงใยคุณหนูตระกูลหานคนนี้หนึ่งคือองค์รัชทายาทไม่ใช่คนประเภทที่ใส่ใจเรื่องราวรักๆ ใคร่ๆ เช่นนี้อยู่แล้ว แต่ช่วงนี้เขายุ่งอยู่กับงานราชการจริงๆ จึงปลีกตัวไม่ได้เดิมทีก็ลืมเรื่องนี้ไปแล้ว แต่วันนี้ในงานอภิเษกขององค์หญิงรอง มีคนพูดถึงงานอภิเษกขององค์รัชทายาทเขาถึงนึกถึงคําเตือนของท่านน้า เมื่อออกจากจวนไท่ฟู่ ตัดสินใจจะไปที่จวนแม่ทัพใหญ่ทหารม้าสักครั้งเมื่อรู้ว่าองค์รัชทายาทเสด็จมาเยี่ยมเยียน ทั้งครอบครัวที่เพิ่งกลับจวนก็ยุ่งอยู่กับการจ
ระหว่างนั้นหานซีเยว่และมารดาของนางก็อยู่เป็นเพื่อนที่ห้องโถงด้านหน้าตลอดเวลา ถึงอย่างไรองค์รัชทายาทก็เคยบอกว่ามาเพื่อพบหานซีเยว่ จะออกจากงานเลี้ยงก่อนเวลาก็ไม่ได้ฮูหยินหานพบว่าหลังจากที่องค์รัชทายาทเสด็จมา ฝีเท้าของหานซีเยว่ก็เบาลงมากตามไปด้วยจึงอดไม่ได้ที่จะหยอกล้อนาง "ลูกสาวของข้าโตแล้ว มีเรื่องในใจแล้ว ดูท่าอยากแต่งงานกับใครสักคนแล้วสินะ"หานซีเยว่ผลักท่านแม่ของตัวเองอย่างเขินอายเล็กน้อย แล้วพูดอย่างงอนงอนว่า “ท่านแม่!”ฮูหยินหานไม่ได้พูดอะไรอีก เพียงแค่มองไปที่หานซีเยว่ ดวงตาเต็มไปด้วยความปลื้มใจการได้สามีอย่างองค์รัชทายาทก็ถือว่าเป็นความสุขของซีเยว่แล้วหลังจากองค์หญิงรองออกเรือนไปไม่กี่วัน ในวังก็เกิดเรื่องใหญ่เรื่องหนึ่งขึ้น สนมซูผินเสียชีวิตเมื่อข่าวไปถึงตําหนักชิงอวิ๋น ซ่งชิงเหยียนก็ตกตะลึงอยู่กับที่ หากถามว่าใครคือคนที่เกลียดสนมซูผินมากที่สุด ตอนนี้คนที่สามารถหาเจอได้ในวังหลังก็มีเพียงซ่งชิงเหยียนคนเดียวเท่านั้นอย่างไรเสียสนมซูผินก็มีส่วนร่วมในการวางแผนฆ่าซ่งชิงหย่าแต่ตนเองยังไม่ทันได้ลงมือ สนมซูผินก็เสียชีวิตไปแล้วและโชคดีที่ได้เลือกสองวันหลังจากเองค์หญิงรอง
ฮองเฮาสะบัดแขนเสื้อจากไปทันทีหลังจากกลับถึงตำหนัก นางยิ่งคิดยิ่งไม่พอใจ จึงให้เยว่หรานไปแจ้งอ๋องอี้อย่างเงียบๆ เพื่อกําจัดคนคนนี้ จะได้ไม่ทําลายเรื่องดีๆ ของตัวเองวิธีการของอ๋องอี้นั้นโหดเหี้ยมมากและการเคลื่อนไหวก็รวดเร็วมากเช่นกันคืนนั้น สนมซูผินก็ตายเพราะพิษทันทีที่รู้ข่าว เสิ่นหนิงก็ชิงลงมือก่อน มุ่งหน้าไปยังตำหนักหลงเซิง และคุกเข่าลงตรงนอกตำหนักหลงเซิงทําให้เมิ่งเฉวียนเต๋อตกใจไม่เบา จะประคองก็ไม่ถูก ไม่ประคองก็ไม่ถูกสุดท้ายก็รีบเข้าไปข้างใน รายงานเรื่องนี้กับฮ่องเต้ต้าฉู่ว่า “ฝ่าบาท ฮองเฮากําลังคุกเข่าอยู่ข้างนอกพ่ะย่ะค่ะ”“นางเคลื่อนไหวได้รวดเร็วดีนี่” ฮ่องเต้ต้าฉู่เพิ่งได้รับข่าวการตายของสนมซูผิน ฮองเฮาก็มาแล้ว “ให้นางเข้ามาเถอะ”เนื่องจากก่อนหน้านี้เรื่องที่ตนเองปวดหัวเพราะถูกสนมอวิ๋นผิงวางยา ฮ่องเต้ต้าฉู่จึงรู้สึกไม่พอใจต่อฮองเฮาไปด้วยแม้ว่าจะตรวจสอบไม่ได้ว่าเป็นฝีมือของนาง แต่ก็มักจะสงสัยนางอยู่เสมอต่อมาคนที่ทําให้ฮ่องเต้ต้าฉู่ล้มเลิกความคิดนี้ คือบิดาและพี่ชายของเสิ่นหนิงคิดดูแล้วนางมีบิดาและพี่ชายที่ซื่อตรงเช่นนี้ นางไม่มีทางทําเรื่องเช่นนี้แน่ ในใจจึงเชื
“เจ้าดูแลวังหลังทั้งหกก็ลําบากมากพอแล้ว อย่าเอาเรื่องพวกนี้มาพัวพันกับตัวเองอีกเลย” ฮ่องเต้ต้าฉู่ดูแม้จะปลอบโยนฮองเฮาอยู่ แต่ก็ดูเหมือนจะปลอบโยนตัวเองไปด้วยจากนั้นก็หันตัวกลับไปนั่งที่เดิม “ประกาศกับคนภายนอกว่าสนมซูผินเสียชีวิตด้วยอาการป่วยกะทันหัน ซิงเสวี่ยเพิ่งแต่งงาน เรื่องอื่นก็ไม่ต้องพูดแล้ว”“เพคะ” เสิ่นหนิงค้อมกายให้ฮ่องเต้ต้าฉู่ แล้วพูดคุยกับเขาเล็กน้อย ถึงออกจากตำหนักหลงเซิงหลังจากออกจากตำหนักหลงเซิง เสิ่นหนิงก็ถอนหายใจยาวอวิ๋นหลานจึงรีบสาวเท้าเดินขึ้นไป “เมื่อครู่พระมเหสีทําให้บ่าวตกใจแทบตาย คําพูดแบบนี้วันหลังอย่าพูดเหลวไหลอีกนะเพคะ”อวิ๋นหลานยังคงทําท่าทางหวาดกลัวไม่หาย “หากฝ่าบาททรงคิดจริงจังขึ้นมส พระสนมมิต้องทนทุกข์ทรมานแล้วหรือเพคะ?”นางรู้สึกสงสารฮองเฮาอยู่บ้าง แต่ที่สําคัญกว่านั้นก็คือ หากฮองเฮาล้มลง นางจะรักษาอำนาจในตอนนี้ได้อย่างไรกัน?เสิ่นหนิงแค่พยักหน้า ไม่ได้พูดอะไรมากถึงอย่างไร ทุกอย่างก็อยู่ภายใต้การควบคุมของนาง การทําให้ฮ่องเต้ต้าฉู่ประกาศเรื่องที่สนมซูผินเสียชีวิตด้วยโรคภัยไข้เจ็บถึงจะเป็นจุดประสงค์ของนางต่างหากตอนนี้ก็บรรลุเท่านป้าหมายแล้ว อย่