ฮ่องเต้ต้าฉู่กลับไม่สนใจเรื่องนี้ รีบเข้าไปประคองนางขึ้นมา “เมื่อวานข้าลืมไป วันนี้จึงคิดขึ้นมาอย่างกะทันหัน”พระสนมหลานเฟยได้ยินกลับยิ้ม “ฝ่าบาท ไม่เป็นไรเพคะ”ที่แท้ก็เพราะเรื่องนี้เอง แต่ฝ่าบาทกลับเอะอะโวยวายขึ้นมาจริงๆ หลังจากฮ่องเต้ต้าฉู่ประทับลงแล้ว จึงสั่งสาวใช้ข้างกายของพระสนมหลานเฟยว่า “ไปเรียกจิ่นหยูมา”เหวินฮุ่ยที่ปรนนิบัติพระสนมหลานเฟยมองเจ้านายของตนแวบหนึ่ง กลับเห็นว่าสายตาของนางล้วนอยู่ที่ฮ่องเต้ต้าฉู่ จึงรีบทําความเคารพแล้วถอยออกไปอย่างไม่ลังเลวันนี้ช่างบังเอิญเสียจริง องค์ชายรองเพิ่งกลับมาจากตําหนักซิงหยาง เพิ่งนั่งลงเตรียมดื่มชาสักถ้วยเพื่อพักหายใจ ก็เห็นเหวินฮุ่ยมาแล้วเมื่อเห็นองค์ชายรองมาแล้ว นี่เป็นครั้งแรกที่ฮ่องเต้ต้าฉู่มองเขาด้วยรอยยิ้ม และสั่งให้เขานั่งลงลู่จิ่นหยูกลับรู้สึกลังเลเล็กน้อยกับรอยยิ้มของเสด็จพ่อ วันนี้เกิดอะไรขึ้นกับเสด็จพ่อ?หลังจากเงียบไปนาน ฮ่องเต้ต้าฉู่จึงเปิดปากอธิบายว่า “วันนี้องครักษ์เงามังกรมารายงานว่ามือสังหารใงานพระราชสมภพของไทเฮาได้รับคําสั่งจากเจ้า”เพราะไม่อยากอธิบายว่าเมื่อวานตนเองไม่ได้จงใจละเลยพระสนมหลานเฟยเพราะเรื่องมือ
คําพูดของเมิ่งเฉวียนเต๋อ ทําให้คนที่เยาะเย้ยพระสนมหลานเฟยเมื่อวานเริ่มกระสับกระส่ายและในเวลานี้ภายในตําหนักชิงอวิ๋น จู่ๆ โจวจีองครักษ์ลับข้างกายเผยฉู่เยี่ยนก็ปรากฏตัวขึ้นเพราะก่อนหน้านี้เขาได้รายงานต่อองค์รัชทายาทและพระสนมพระสนมหวงกุ้ยเฟยแล้ว เผยฉู่เยี่ยนจึงสั่งให้โจวจีอยู่ข้างกายเขาเพื่อเป็นองครักษ์อย่างโจ่งแจ้ง บอกเพียงว่าเขาเป็นคนที่คอยรอรับคําสั่งอยู่ที่จวนอันกั๋วกงมาโดยตลอดการมาครั้งนี้ของโจวจีได้นําข่าวของตระกูลโจวมาด้วยแม้ว่านางโจวจะยอมรับคําขอของหลินเหอเฉิงเพื่อลูกชายของตัวเองแต่เมื่อเห็นหลินเหอเฉิงได้เลื่อนตําแหน่ง ในใจของนางก็ยิ่งโกรธมากขึ้นหลินเหอเฉิงเหยียบย่ำศพลูกสาวตัวเองเพื่อขึ้นตําแหน่ง นางจะไม่ปล่อยให้คนเหล่านี้มีชีวิตที่ดีแน่นอนแต่นางโจวในเวลานี้กลับวางแผนเรื่องใหญ่เพียงลําพัง นางต้องการให้เหออวิ๋นเหยาชดใช้ความผิดแทนลูกสาวของตนเมื่อเผยฉู่เยี่ยนได้ยินข่าวนี้ เขาก็เดินไปหาซ่งชิงเหยียนทันที บอกแค่ว่าเขาจะกลับไปที่จวนอันกั๋งกง เขาไม่ได้พูดอะไรมากในความเป็นจริง เขาไปพบนางโจวแล้วลู่ซิงหว่านมองแผ่นหลังของเผยฉู่เยี่ยนที่เดินไกลออกไปเรื่อยๆ ปากก็เริ่มพึมพําไ
นางโจวมองเผยฉู่เยี่ยนอีกครั้ง ไม่เข้าใจว่าเด็กกําพร้าที่อาศัยอยู่ในวังอย่างเขาจะรู้เรื่องของตัวเองมากขนาดนี้ได้อย่างไรเผยฉู่เยี่ยนกลับไม่สนใจสายตาสงสัยของนาง “ถ้าฮูหยินหลินต้องการความช่วยเหลือ ก็บอกมาได้เลย”นางโจวยังคงไม่ปริปาก เพียงแค่คิดเกี่ยวกับสิ่งที่เผยฉู่เยี่ยนเพิ่งพูดไปเมื่อกี้“ฮูหยินหลินพิจารณาอย่างรอบคอบ หากอยากติดต่อข้า เพียงแค่ส่งเทียบเชิญไปที่จวนอันกั๋วกงก็พอ” เผยฉู่เยี่ยนรู้ว่าตอนนี้นางโจวเป็นเหมือนนกที่ตื่นตระหนกและไม่เชื่อใจใคร ดังนั้นเขาจึงให้เวลานางพิจารณาส่วนตัวเองก็ลุกขึ้นหันหลังเดินจากไปในราชสํานัก คดีของราชเลขากรมขุนนางได้ข้อสรุปอย่างรวดเร็วราชเลขากรมขุนนางโลภมากจริงๆ แต่ไม่มาก พูดไปแล้วก็มีเงินแค่ห้าร้อยตําลึงเท่านั้นแม้ว่าฮ่องเต้ต้าฉู่จะรู้ดีว่าขุนนางชั้นสูฃไม่มีคนใดในราชสํานักที่ไม่โลภโมโทสัน แต่เมื่อเรื่องนี้เกิดขึ้นต่อหน้าแล้ว ก็ไม่อาจให้อภัยได้ “ปลดออกจากตําแหน่ง ให้เนรเทศไปซะ”แค่ไม่กี่คำก็ตัดสินชะตากรรมของราชเลขากรมขุนนางแล้วกลุ่มขององค์ชายสามย่อมสนับสนุนอย่างเต็มที่ ถึงอย่างไรเมื่อราชเลขากรมขุนนางถูกจับ หลินเหอเฉิงที่เป็นรักษาการราชเลขาก
อีกไม่นานก็จะถึงวันอภิเษกสมรสขององค์หญิงรองแล้วสามวันก่อนนางแต่งงาน ครอบครัวสามีของนางต้องเข้าวังเพื่อขอบพระทัยในพระมหากรุณาธิคุณดังนั้นวันนี้ หลินจื่อโจวและมารดาของเขาจึงเข้าวังไปขอบพระทัยด้วยกัน แน่นอนว่าต้องไปที่ตําหนักของไทเฮาก่อนแต่วันนี้กลับบังเอิญว่าในตําหนักไทเฮาครึกครื้นมากฮองเฮา พระสนมหวงกุ้ยเฟย และแม้แต่องค์หญิงใหญ่ก็ยังอยู่ในตําหนักของไทเฮา ดังนั้นแม่ลูกคู่นี้จะได้ไม่ต้องวิ่งไปที่ตําหนักอื่น“ถวายบังคมไทเฮา ถวายบังคมฮองเฮา...” สองแม่ลูกคุกเข่าลง ทักทายทุกคนอย่างเรียบร้อย แล้วจึงนั่งลงบนที่นั่งที่ไทเฮาจัดให้“วันนี้ช่างบังเอิญนัก” เนื่องจากการแต่งงานของลู่ซิงเสวี่ยใกล้เข้ามาแล้ว ไทเฮาก็กระปรี้กระเปร่าขึ้นมาไม่น้อย เวลาพูดก็กระปรี้กระเปร่ามากเช่นกัน “พวกนางหลายคนล้วนอยู่ในตำหนักของข้า ทําให้พวกเจ้าสองแม่ลูกไม่ต้องเดินทางเข้าออกหลายตำหนักแล้ว”“เดิมทีก็สมควรอยู่แล้ว” ฮูหยินหลินเป็นฮูหยินที่ราชครูหลินเลือกให้ลูกชายด้วยตัวเอง เป็นคนที่รู้หลักทํานองคลองธรรมมากที่สุดเมื่อเห็นนางเป็นเช่นนี้ ซ่งชิงเหยียนก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากว่า “ซิงเสวี่ยได้ท่านแม่สามีอย่างท่าน ก็นับเป
ผู้คนต่างบอกว่าหลังจากเผยซื่อจื่อไม่มีพ่อแม่แล้ว ทั้งวันก็ทําหน้าเย็นชา แม้แต่เหล่าพระสนมในวังก็มองไม่เห็นสีหน้าดีของเขาทําไมตอนนี้ถึงมาดูแลเด็กๆ ที่นี่ล่ะหลินจื่อโจวก็พยายามกลั้นรอยยิ้มของตัวเองไว้ เผยซื่อจื่อคนนี้เมื่อดูแลเด็กก็ไม่เลวนะเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ ฮูหยินหลินจึงจงใจเปลี่ยนหัวข้อ "นี่คือองค์หญิงหย่งอันใช่หรือไม่? ช่างเป็นเด็กที่ประณีตงดงามจริงๆ เพียงแค่เจ็ดเดือนกว่าๆ ก็เดินได้แล้ว”แม้ว่าจะเปลี่ยนเรื่อง แต่นางหลินก็ประหลาดใจเช่นกันไทเฮาย่อมยินดีที่จะฟังคนอื่นชมหลานสาวของตัวเองอยู่แล้ว รีบปรบมือให้ลู่ซิงหว่าน “หวานหว่าน มาหาย่าสิ”ลู่ซิงหว่านปล่อยมือเผยฉู่เยี่ยนและวิ่งไปหาไทเฮาอย่างรวดเร็วแต่เพราะเท้าไม่มั่นคง เมื่อใกล้จะถึงหน้าไทเฮาจึงล้มลงกับพื้นอย่างแรงฮูหยินหลินเอื้อมมือไปประคองโดยไม่รู้ตัว แต่กลับเห็นคนรอบข้างไม่ขยับ ราวกับเคยชินแล้ว รอเพียงลู่ซิงหว่านลุกขึ้นเองอดไม่ได้ที่จะมองไปที่ซ่งชิงเหยียน ได้ยินมานานแล้วว่าพระสนมหวงกุ้ยเฟยแตกต่างจากคนอื่นๆ นิสัยของนางนั้นตรงไปตรงมาและกล้าหาญมาก นางไม่เคยคิดว่าการสั่งสอนเด็กๆ จะเป็นเช่นนี้ด้วยเหมือนกันทันใดนั้นดวงต
หลังจากนั้นไม่นาน ซ่งชิงเหยียนก็ได้สติและมองไปที่เผยฉู่เยี่ยน “นี่เป็นฝีมือของอดีตอันกั๋วกงหรือ?”แม้ว่าจะเป็นประโยคคําถาม แต่น้ำเสียงกลับเต็มไปด้วยความมั่นใจเผยฉู่เยี่ยนก็ไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่มองไปที่ซ่งชิงเหยียน หลังจากนั้นไม่นานเขาก็พูดว่า “สิ่งที่ท่านปู่พูดนั้นเบามากแล้ว”ใช่ ในฎีกาของอดีตอันกั๋วกง แค่บอกว่าเหอหย่งปล่อยให้อนุภรรยาวางยาพิษนายหญิงเท่านั้น ส่วนเรื่องก่อนหน้านี้ ไม่ได้พูดถึงเลยซ่งชิงเหยียนคิดว่าเผยฉู่เยี่ยนกําลังเศร้าแต่เผยฉู่เยี่ยนกลับพูดอีกครั้ง น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น “แต่ก็นี่แหละ”เผยฉู่เยี่ยนพูดพลางเก็บฎีกาที่ซ่งชิงเหยียนส่งกลับมา “หากวันไหนฝ่าบาทไม่โปรดเหอหย่งอีก ก็เพียงพอที่จะดึงเขาลงจากตําแหน่งราชเลขากรมแรงงานแล้ว”ซ่งชิงเหยียนมองเผยฉู่เยี่ยนอย่างประหลาดใจเป็นอย่างที่หวานหว่านว่าไว้จริงๆ เขาเป็นขุนนางที่มีอํานาจในราชสํานักในภายภาคหน้า ตอนนี้อายุเพียงเก้าขวบเท่านั้น คาดไม่ถึงว่าจะมีรัศมีเช่นนี้แล้ว[ว้าว เผยซื่อจื่อนี่ก็เกินไป][หยิ่งขนาดนี้เลยเหรอ? โชคดีที่ตอนนี้เขาก็อยู่ข้างเดียวกับพี่ชายองค์รัชทายาท หากเขาล้มไปทางองค์ชายสาม พี่ชาย
ซ่งชิงเหยียนไม่สนใจสิ่งเหล่านี้เลย และยิ่งไม่สนใจคําพูดของลู่ซิงหว่านด้วยนาวพูดต่อ “ฉู่เยี่ยน ถ้าเจ้าต้องการอะไร ก็บอกมาได้เลย ข้าจะช่วยเจ้าเอง.. ไม่ใช่สิ ตัดสินใจแทนท่านอาหญิงของเจ้าเอง”ลู่ซิงหว่านรู้สึกว่าถ้าตอนนี้เผยฉู่เยี่ยนพูดว่า ท่านไปฆ่าเหอหยงแทนข้าตอนนี้ท่านแม่ของตัวเองคงถือมีดออกไปข้างนอกแล้วแน่นอนว่าเผยฉู่เยี่ยนไม่ทําแบบนี้อยู่แล้ว เขารีบลุกขึ้นยืนและประคองซ่งชิงเหยียนนั่งลง “พระสนมไม่ต้องรีบร้อนพ่ะย่ะค่ะ”“ตอนนี้หลักฐานทั้งหมดอยู่ในมือของข้าแล้ว จึงไม่รีบร้อนในเวลานี้” ต้องบอกว่าเผยฉู่เยี่ยนเป็นคนที่ควบคุมอารมณ์ได้ดีจริง ๆ จู่ๆ ความคิดแปลกๆ ก็แวบเข้ามาในหัวของลู่ซิงหว่าน[ท่านแม่ ท่านคิดว่าถ้าเผยฉู่เยี่ยนเป็นลูกชายของเสด็จพ่อ พี่ชายรัชทายาทจะเอาชนะเขาได้หรือไม่?]ซ่งชิงเหยียนอดไม่ได้ที่จะมองลู่ซิงหว่านอย่างแปลกใจ นางคงไม่ได้พูดจริงใช่ไหม? นี่คงไม่ใช่บทเรื่องในนิทานหรอกนะแต่ไม่น่าใช่กระมัง ถ้าเป็นเช่นนั้น หวานหว่านคงพูดออกมาตั้งนานแล้ว ทําไมถึงตอนนี้ถึงไม่เคยพูดถึงสักครั้งล่ะเสียงของเผยฉู่เยี่ยนขัดจังหวะความคิดของแม่ลูกทั้งสองอีกครั้ง “เรื่องนี้ข้ายังไม่ได้บ
แม้ว่านางจะมอบหมายงานทั้งหมดให้กับตัวเองแล้วแต่สุดท้ายแล้วนางก็ต้องวิ่งเต้นเพื่อเรื่องนี้มานานขนาดนี้ ต้องให้นางวางใจถึงจะดีที่สําคัญกว่านั้นก็คือ ตามที่พระสนมหวงกุ้ยเฟยได้กล่าวไว้ ตอนนี้ตนเองถือว่าเป็นที่พึ่งของญาติผู้พี่แล้ว ตนเองต้องไปเดินเล่นบ่อยๆ ถึงจะได้หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง เผยฉู่เยี่ยนก็หันหลังและออกจากวังไปหลังจากเผยฉู่เยี่ยนจากไป ตําหนักชิงอวิ๋นก็ต้อนรับแขกหายากสองคน“ถวายพระพรพระสนมหวงกุ้ยเฟยเพคะ” คนที่มาคือสนมสนมเล่อกุ้ยเหรินและสนมเยว่กุ้ยเหรินเมื่อพวกนางมาถึง ซ่งชิงเหยียนกําลังวิ่งอยู่ในเรือนกับลู่ซิงหว่าน มองดูเด็กที่มีชีวิตชีวาตรงหน้า ซ่งชิงเหยียนรู้สึกผ่อนคลายมาก“องค์หญิงหย่งอันวิ่งได้แล้วหรือ?” สนมเล่อกุ้ยเหรินวิ่งไปข้างหน้าสองสามก้าวด้วยความประหลาดใจ ซ่งชิงเหยียนเห็นแล้วหัวใจแทบจะบีบรัด"เจ้าระวังหน่อย ตอนนี้ร่างกายก็ห้าเดือนแล้ว ต้องระวังหน่อยถึงจะดี”สนมเล่อกุ้ยเหรินจึงหยุดเดิน ยิ้มอย่างอายๆ “หม่อมฉันลืมไปแล้วเพคะ”ลู่ซิงหว่านจึงหยุดเดินและเดินไปหาซ่งชิงเหยียน[การบํารุงรักษาของสนมเล่อกุ้ยเหรินนั้นดีจริงๆ ตั้งครรภ์มาเกือบห้าเดือนแล้ว ยังผอมขนาดนี