“เสด็จแม่ตรัสถูกแล้ว” ฮ่องเต้ต้าฉู่กระชับลู่ซิงหว่านในอ้อมกอดแล้วหันไปมองไทเฮา “คราวนี้ทูตที่จะมาคืออี้ซวนอ๋อง หลีซื่อกับฮูหยินของเขา ฟู่เหยา”พระสนมเฉินกุ้ยเฟยเห็นฮ่องเต้ต้าฉู่อุ้มลู่ซิงหว่านมานานแล้ว คงจะเมื่อย จึงคิดจะรับลู่ซิงหว่านมา แต่เมื่อได้ยินชื่อฟู่เหยา ก็เงยหน้าขึ้นมองฮ่องเต้ต้าฉู่ทันที มือที่ยื่นออกไปก็ชะงักค้างอยู่กลางอากาศฮ่องเต้ต้าฉู่ดูเหมือนจะเห็นความสงสัยในใจนาง จึงรีบอธิบาย “ใช่ฟู่เหยาที่ชิงเหยียนคิดอยู่นั่นแหละ ตอนนี้นางถอนกำลังกลับมาจากชายแดนแล้ว แต่งงานกับอี้ซวนอ๋อง”พระสนมเฉินกุ้ยเฟยชั่วขณะหนึ่งในหัวราวกับขาวโพลนไปหมดตัวนางกับฟู่เหยาคนนี้ ก็ถือว่าเป็นคู่ปรับที่เคยต่อสู้กันมาแล้วตอนนั้นนางติดตามบิดาไปประจำการที่ชายแดนระหว่างแคว้นต้าลี่กับแคว้นต้าฉู่นางได้รับคำสั่งจากบิดาให้นำกองกำลังเล็กๆ ไปสำรวจการวางกำลังของกองทัพแคว้นต้าลี่ บังเอิญไปเจอฟู่เหยาที่นำกองกำลังออกมาลาดตระเวน ทั้งสองจึงได้ต่อสู้กันอย่างดุเดือด แต่ซ่งชิงเหยียนมีพรสวรรค์เหนือกว่า อีกทั้งได้รับการฝึกฝนที่ชายแดนมานานหลายปี สุดท้ายก็เหนือกว่าเล็กน้อยนางใช้หอกสกัดหมวกเกราะของฟู่เหยาหลุด ตั้งใจ
พระสนมเฉินกุ้ยเฟยพยักหน้า “ใช่แล้วเพคะ พูดถึงแม่นางอู หม่อมฉันมีเรื่องจะขอพระมหากรุณาจากฝ่าบาทด้วยเพคะ”“เจ้าว่ามาเถิด” ฮ่องเต้ต้าฉู่รู้ดีว่าซ่งชิงเหยียนเป็นคนรู้จักกาลเทศะ เรื่องที่นางเสนอมาย่อมผ่านการไตร่ตรองมาอย่างดีแล้ว“ตระกูลอูนี้ช่วยเหลือหม่อมฉันมามากจริงๆ เพคะ”พระสนมเฉินกุ้ยเฟยพูดถึงตรงนี้ก็เงยหน้ามองไทเฮา “ตอนจิ่นหยูถูกลอบสังหารที่วัดหมิงจิ้ง ก็อาศัยยาสมานแผลของแม่นาง ตอนที่พระสนมหลานเฟยป่วยหนักเป็นเดือน หากไม่ใช่แม่นางอูช่วย ป่านนี้ก็ไม่รู้ว่าจะเป็นอย่างไร แล้วครั้งนี้ก็บังเอิญไปช่วยฉู่เยี่ยนอีก”“บุตรสาวของแม่นางอู แม่นางต้วน ตอนนี้อยู่ในเมืองหลวง เป็นฮูหยินของจวนโหวกวงฉิน ก่วนหลางสือ แม่ก็ย่อมหวังดีต่อลูก” พระสนมเฉินกุ้ยเฟยพูดถึงตรงนี้ก็ถอนหายใจ “หม่อมฉันคิดว่า อยากจะขอพระราชทานบรรดาศักดิ์ให้แม่นางเทียนเพคะ”พอพระสนมเฉินกุ้ยเฟยพูดจบ ไทเฮาก็ตกใจเล็กน้อย แต่ก็รีบกลับมาสงบสติอารมณ์ “ชิงเหยียนช่างมีน้ำใจจริงๆ ฮ่องเต้คิดเห็นอย่างไร?”ฮ่องเต้ต้าฉู่อดมองพระสนมเฉินกุ้ยเฟยไม่ได้ นึกถึงเรื่องในอดีตระหว่างนางกับกว่านหลางสือ ในใจก็มีความกังวลอยู่บ้างแต่เมื่อเห็นดวงตาใสซื่อของ
กลับมาถึงตำหนักชิงอวิ๋น พระสนมเฉินกุ้ยเฟยก็เรียกเหมยหยิ่งเข้ามา เรื่องนี้นางให้ความสำคัญมาก จึงต้องจัดการโดยเร็ว “เรื่ององค์ชายรองและซื่อจื่ออันกั๋วกงถูกลอบสังหาร ข้าสงสัยว่าจะเกี่ยวข้องกับพระสนมหนิงเฟย”เหมยหยิ่งเพียงฟังคำสั่งนายหญิงอย่างเงียบๆ ไม่พูดแทรก“ตอนสืบต้องระวังให้มาก ให้จวี๋อิ่งวางงานในมือก่อน ไปสืบพร้อมกับเจ้า”“ให้จวี๋อิ่งจงใจทิ้งร่องรอยให้อีกฝ่ายสังเกตเห็น แต่ต้องรักษาความปลอดภัยของตัวเองให้ได้ ไม่ได้หวังให้นางสืบอะไรหรอก เพียงให้เป็นฉากบังหน้าให้เจ้า ส่วนเจ้า ต้องระมัดระวังให้มากที่สุด”เหมยหยิ่งเห็นนายหญิงระมัดระวังเช่นนี้ จึงรู้ว่าเรื่องนี้สำคัญมาก “เพคะ บ่าวจะไปจัดการเดี๋ยวนี้ คุณหนูวางใจได้”พูดจบก็ออกไปทันทีหลังจากเหมยหยิ่งจากไป พระสนมเฉินกุ้ยเฟยนั่งอยู่ในห้องชั้นในอยู่นาน ในที่สุดก็เรียกจิ่นซินเข้ามา “พวกเราไปตำหนักหานกวางกันเถอะ”“พระสนมจะไปพบพระสนมเหวินเฟยหรือเพคะ?” จิ่นซินถามอย่างสงสัย“อืม ครั้งก่อนต้องขอบคุณพระสนมเหวินเฟยที่เตือน ข้าจึงรอดพ้นกับดักที่สนมอวิ๋นกุ้ยเหรินวางไว้ ข้าบอกว่าจะไปเยี่ยม แต่ก็ผิดคำพูด” พระสนมเฉินกุ้ยเฟยอุ้มลู่ซิงหว่านเดินไปพลาง
หันไปมองพระสนมเฉินกุ้ยเฟยอย่างตื่นเต้น "เหมือนพระสนมเฉินกุ้ยเฟยมากจริงด้วย!"จากนั้นก็ยื่นมือไปหยอกเล่นกับมือน้อย ๆ ของลู่ซิงหว่าน เนื่องจากในหนังสือนิทานเขาช่วยพูดแก้ต่างให้ติ้งกั๋วโหว ดังนั้นลู่ซิงหว่านก็เลยมีความประทับใจที่ดีในตัวเขาจึงคว้าจับมือของเขาไว้เขาอุทานอย่างตื่นเต้นอีกครั้ง "เสด็จแม่ น้องเก้าจับมือข้าด้วย!"สายตาเต็มไปด้วยความดีใจ "ได้ยินมาตั้งนานแล้วว่าน้องเก้าเป็นเด็กน้อยที่มีพรสวรรค์ฉลาดหลักแหลม ตอนนี้อายุแค่หกเดือนก็สามารถฟังที่เราพูดรู้เรื่องแล้ว เก่งมากเลยจริง ๆ "[ตอนแรกก็คิดว่าจะเป็นคนสุขุม ที่ไหนได้ก็เป็นแค่เด็กเหมือนกัน!][วันนี้ฝืนใจช่วยพระสนมเหวินเฟยดูแลลูกก็ได้ ถือเป็นการตอบแทนบุญคุณที่พระสนมเหวินเฟยช่วยเสด็จแม่ของข้าเมื่อครั้งที่แล้วก็แล้วกัน][เหตุการณ์ครั้งที่แล้วถ้าไม่ได้พระสนมเหวินเฟยล่ะก็จะอัตรายมาก ใครจะคิดว่าสนมอวิ๋นกุ้ยเหรินคิดจะใช้วิธีชั่วร้ายแบบนั้นต่อกรกับท่านแม่]"พระสนมเฉินกุ้ยเฟยนานทีจะได้มาที โปรดพูดคุยกับเสด็จแม่เยอะ ๆ เถิด" องค์ชายสี่เล่นกับลู่ซิงหว่านได้สักพักก็รู้สึกว่ารบกวนเวลาพูดคุยของเสด็จแม่กับพระสนมเฉินกุ้ยเฟยกุ้ยเฟยจึงคำนับอีก
"พี่หญิงไม่ต้องห่วง" พระสนมเฉินกุ้ยเฟยเข้าใจความหมายของพระสนมเหวินเฟยได้อย่างรวดเร็ว จากนั้นก็พูดต่อ "เดี๋ยวข้าจะไปที่ตำหนักซิงหยาง วันหลังก็ให้จิ่นรุ่ยไปตำหนักซิงหยางบ่อย ๆ ให้รัชทายาทช่วยสอนหนังสือให้แก่เขา""ข้าหมายความว่าเช่นนี้แหละ ขอบใจน้องหญิงมาก" พระสนมเหวินเฟยเอ่ยอย่างซาบซึ้งพวกนางทั้งสองรู้ดีว่าด้วยตัวนตนฐานะของพระสนมเหวินเฟย ฮ่องเต้ต้าฉู่ไม่มีทางให้องค์ชายสี่มีส่วนร่วมทางการเมืองแน่นอน แต่การเรียนหนังสือให้มากและเข้าใจสิ่งต่าง ๆ อนาคตมีแต่ประโยชน์ไม่มีโทษแน่นอนลู่ซิงหว่านที่อยู่ข้าง ๆ ก็อดที่จะรำพึงรำพันไม่ได้[ลูกหลานเชื้อพระวงศ์นี่ไม่ง่ายเลยจริง ๆ ทั้งห้ามโดดเด่นเกินไปจะทำให้รัชทายาทอิจฉา หรือถ้าด้อยค่าตนเองเกินไปก็จะถูกคนรังแก][ดีที่พี่รัชทายาทเป็นคนดีมากและเป็นคนที่ยอดเยี่ยมมาก แม้แต่องค์ชายรองที่ได้เป็นฮ่องเต้ในหนังสือนิทาน ยังแทบจะต้องช่วยเหลือเคียงข้างพี่รัชทายาทเลย][เห็นจากที่องค์ชายสี่ช่วยพูดแก้ต่างให้ท่านตา คิดว่าเขาคงจะไม่ใช่คนเลวร้ายอะไร พี่รัชทายาทต้องดูแลเขาอย่างดีแน่นอน]ตอนนี้พระสนมเฉินกุ้ยเฟยถึงค่อยบอกจุดประสงค์การมาในครั้งนี้ของตน "อันที่จริงที่
"ตำหนักของข้าคึกคักมากเลยนะ!" พระสนมเฉินกุ้ยเฟยพูดพลางชำเลืองมองจิ่นอวี้ "ใช่ไหมจิ่นอวี้?""แน่นอนอยู่แล้วเพคะ" จิ่นอวี้เห็นพระสนมเฉินกุ้ยเฟยพูดคุยอย่างออกรสกับพระสนมเหวินเฟยก็พูดหยอก "พระสนมของพวกข้าชอบฟังเรื่องเล่ามาก หากพระสนมเหวินเฟยมีเวลาว่างก็ไปฟังด้วยกันกับพวกข้าสิเพคะ""เรื่องเล่า?" พระสนมเหวินเฟยไม่เข้าใจ"ถ้าพี่หญิงเหวินเฟยไปแล้วก็รู้เอง" พระสนมเฉินกุ้ยเฟยรู้ว่าที่จิ่นอวี้พูดหมายถึงอะไรจึงเขินอายเล็กน้อย"เหวินเฟยจะไปไหนหรือ?" พระสนมเหวินเฟยยังไม่ทันตอบก็มีเสียงฮ่องเต้ต้าฉู่ดังขึ้น "นาน ๆ ข้าจะได้มาหาเหวินเฟย แต่วันนี้คึกคักเป็นพิเศษเลยนะ"เมื่อพระสนมเฉินกุ้ยเฟยเห็นว่าเป็นฮ่องเต้ต้าฉู่ก็รีบลุกขึ้นคำนับ "หม่อมฉันกำลังบอกว่า ถ้าพี่หญิงพระสนมเหวินเฟยว่างให้ไปเที่ยวที่ตำหนักชิงอวิ๋นบ้าง ฝ่าบาทต้องช่วยโน้มน้าวพี่หญิงด้วยนะเพคะ"ฮ่องเต้ต้าฉู่ประคองพระสนมเฉินกุ้ยเฟยให้ลุกขึ้น แล้วให้พระสนมเหวินเฟยนั่งลงจึงค่อยเอ่ยปาก "ชิงเหยียนพูดถูก ตอนนี้อากาศเริ่มอุ่นขึ้นแล้ว เจ้าควรออกไปข้างนอกบ้าง ชิงเหยียนเป็นคนไม่มีเล่ห์เหลี่ยมที่สุดแล้ว อยู่กับนางไม่เหนื่อยมากหรอก""ถ้าเช่นนั้นต้องขอบ
ส่วนทางฝั่งขององค์ชายสาม เมื่อรู้ว่าองค์ชายสองกำลังจะกลับมาอย่างปลอดภัย สีหน้าก็นิ่งขรึมราวกับจะเค้นน้ำหมึกออกมาได้"ไหนซิ่นเทียนบอกว่าจะอาศัยโอกาสจัดการมือขวาคนนี้ของรัชทายาททิ้งไม่ใช่หรือ?" องค์ชายสามมองเจิ้งจงที่อยู่ข้าง ๆ แล้วก่นด่า "มันมีปัญญาแค่นี้เองหรือ?"เจิ้งจงรีบเข้ามาพูดปลอบ "องค์ชายโปรดใจเย็นเถิด เผยฉู่เยี่ยนคนนั้นทำให้องค์ชายเสียเรื่อง เขารับดาบแทรองค์ชายสองทำให้องค์ชายสองรอดไปได้""องค์ชายไม่ต้องห่วง ครั้งนี้ไม่ได้ยังมีครั้งหน้าอีก ไม่ว่าอย่างไรองค์ชายสองก็อยู่ข้างกายเราอยู่แล้วมีโอกาสอีกเหลือเฟือ ตอนนี้ไม่ถูกจับได้ก็ถือว่าดีมากแล้ว"องค์ชายสามได้ยินก็ไม่พอใจมาก "ถูฏจับได้ก็ถูกจับได้สิ เกี่ยวอะไรกับ..."แต่สุดท้ายก็ไม่ได้พูดคำสุดท้ายออกไป ตอนนี้ตนไร้ที่พึ่งนอกจากซิ่นเทียน ทำได้เพียงต้องพึ่งพาอาศัยถึงจะได้ขึ้นสู่บังลลังก์อย่างรวดเร็ว เมื่อนึกถึงว่าเมื่อก่อนเขาทำงานได้ไม่เลวจึงอ่อนน้ำเสียงลง "ช่างมันเถอะ ก็แค่สุนัขตัวหนึ่งข้างกายรัชทายาทเท่านั้น"เจิ้งจงรู้ว่าช่วงนี้องค์ชายสามอารมณ์ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เริ่มจากการสิ้นพระชนม์ของพระสนมเต๋อเฟย ดังนั้นเส้นสายที่จะดึงจ้าวหาน
เอ่ยจบก็หมุนตัวจากไป หากไม่ใช่เพราะว่าไม่มีตัวเลือกเขาก็ไม่มีทางไปเลือกคนไร้ประโยชน์แบบนี้วันที่สอง เป็นวันที่องค์ชายรอง และ เผยฉู่เยี่ยนตกลงกันไว้ว่าจะเดินทางกลับ ในตอนที่ใกล้จะถึงเมื่อหลวงก็ได้มีม้าเร็วข้างกายขององค์ชายรองกลับมารายงาน องค์รัชทายาทถึงได้ออกจากวังไปแล้วพาคนไปรอพวกเขาอยู่ที่ด้านหน้าประตูเมืองเสียงดังกรุบกรับของเกือกม้าดังขึ้นมาจากที่ห่างไกล องค์รัชทายาทจึงหันไปมองแล้วเห็นว่าจิ่นหยู และฉู่เยี่ยนกำลังควบม้าเข้ามา องค์รัชทายาทถึงได้สะบัดแส้ม้าเบา ๆ แล้วค่อย ๆ เดินไปด้านหน้า“เสด็จพี่”“องค์รัชทายาท”องค์ชายรอง และฉู่เยี่ยนรีบเร่งมาตลอดทางเมื่อเห็นองค์รัชทายาทก็โล่งใจราวกลับว่ายกภูเขาออกจากอก และแน่นอนว่ายากจะปิดบังสีหน้ามีความสุของค์รัชทายาทพาม้าเข้าไปใกล้ ๆ กับทั้งสองคน “ตลอดทางพวกเจ้าลำบากแล้ว”แล้วก็มองไปที่เผยฉู่เยี่ยน “ฉู่เยี่ยนดีขึ้นแล้วหรือ ? เหตุใดถึงไม่นั่งรถม้า ? อย่าไปทำให้กระทบกับบาดแผลอีก”“องค์รัชทายาทโปรดวางพระทัย” แน่นอนว่าเผยฉู่เยี่ยนซาบซึ้งในความเป็นห่วงขององค์รัชทายาท จึงยกมือขึ้นมาคารวะแล้วเอ่ย “บาดแผลหายดีแล้วถึงได้ออกเดินทางพ่ะย่ะค่ะ บาดแผล
ซ่งชิงเหยียนมองไปที่ฮ่องเต้ต้าฉู่ สีหน้าของเขาดูไม่ดีจริงๆ จากนั้นก็หันหน้าไปตบมือสนมเยว่กุ้ยเหรินเบาๆ “เป็นเรื่องในอดีตแล้ว ไม่ต้องเอ่ยถึงอีกแล้วล่ะ”“เจ้าสนิทกับเล่อกุ้ยเหรินได้ดีที่สุด ตอนนี้ครรภ์ของนางเป็นอย่างไรบ้าง?”ต้องบอกว่าความกังวลของสนมเล่อกุ้ยเหรินนั้นไม่ผิด สนมเยว่กุ้ยเหรินถือได้ว่าเป็นคนที่ปากไม่มีหูรูดจริงๆ แต่ก็เป็นคนที่ไม่คิดมากสําหรับเรื่องที่ซ่งชิงเหยียนเปลี่ยนหัวข้อสนทนา นางไม่สนใจแม้แต่น้อย รับเรื่องไว้แล้วก็พูดต่อจุดแรกของพวกเขาอยู่ที่ตําหนักนอกเมืองแห่งหนึ่งที่ชานเมืองฮ่องเต้ต้าฉู่เตรียมที่จะเก็บสัมภาระบางส่วนที่นี่ แล้วเปลี่ยนเป็นเครื่องแต่งกายของพ่อค้าทั่วไป ค่อยเดินทางลงใต้ต่อไปทางด้านลู่ซิงหว่านอาจอยากลงใต้เพื่อไปเที่ยวเล่น แต่ถึงอย่างไรฮ่องเต้ต้าฉู่ก็เป็นฮ่องเต้ ความคิดของเขาคืออยากดูว่าการเก็บเกี่ยวของราษฎรในปีนี้เป็นอย่างไร ชีวิตเป็นอย่างไรมากกว่ากลยุทธ์การช่วยเหลือราษฎรที่นําโดยองค์รัชทายาทก่อนหน้านี้ได้บรรลุผลจริงหรือไม่ท้ายที่สุดแล้ว เมื่อราษฎรสงบสุข ใต้หล้านี้ถึงจะสงบสุขได้หลังจากเดินทางอย่างเรียบง่ายแล้ว ความเร็วของรถม้าก็เร็วขึ้น
“คุณหนูเดินทางลงใต้ในครั้งนี้ จึงให้หลานอิ่งและจวี๋อิ่งติดตามไปตลอดทาง” เพราะทุกครั้งที่ซ่งชิงเหยียนออกจากวัง นางมักจะถูกลอบสังหารเสมอ ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้ยังมีเป้าหมายที่ใหญ่กว่าอย่างฮ่องเต้ต้าฉู่ เหม่ยอิ่งจึงไม่วางใจ“ส่วนข้าน้อยก็อยู่ในวัง คอยจับตาดูอยู่ในวังแทนคุณหนู” แทนที่จะบอกว่าจับตาในวัง ไม่สู้บอกว่าจับตาฮองเฮาจะดีกว่า “ไม่ว่าเรื่องอะไร ข้าน้อยจะแจ้งให้คุณหนูทราบทันที”พูดถึงตรงนี้เหมยอิ่งก็หันไปมองจู๋อิ่งอีกครั้ง “สําหรับจู๋อิ่ง เรื่องที่เผยซื่อจื่อถูกลอบสังหารก่อนหน้านี้ ยังคงหาเบาะแสไม่ได้ ถือโอกาสนี้ให้จู๋อิ่งเดินทางไปยังแคว้นต้าหลี่ด้วยตนเอง”ซ่งชิงเหยียนพยักหน้าและพอใจมากกับการจัดการของเหมยอิ่ง[ว้าว เหมยหลานจู๋จวี๋ที่อยู่ข้างกายท่านแม่นี่สิถึงเป็นสี่มหาพิทักษ์][ท่านแม่บอกมาสิว่า สหายเคียงบ่าที่เก่งกาจแบบนี้มีจุดจบหนึ่งศพสองชีวิตในนิทานได้ยังไงล่ะเนี่ย][แต่ตอนนี้ไม่ใช่แล้ว! ตอนนี้พวกเราเก่งมากเลย!]สองวันต่อมาในตอนฟ้าเพิ่งจะสาง รถของฮ่องเต้ต้าฉู่ก็เตรียมพร้อมอยู่ที่ประตูวังแล้วพระสนมทั้งหลายย่อมต้องมาส่ง แม้แต่สนมเล่อกุ้ยเหรินและสนมเหยาผินที่กําลังตั้งครรภ์ก็ม
สืบไปสืบมา กลับไม่ได้ผลอะไรเลยทางฝั่งตระกูลหาน ไม่ว่าจะเป็นตําหนักชิงอวิ๋น หรือตำหนักหลงเซิง แม้กระทั่งตําหนักจิ่นซิ่วของฮองเฮา ก็ยังส่งของขวัญมากมายไปให้หานซีเยว่ถึงอย่างไรหานซีเยว่ก็เกิดเรื่องในวังหลวง และก็เพื่อซ่งชิงเหยียนด้วยเนื่องจากไม่วางใจ ซ่งชิงเหยียนจึงให้จิ่นอวี้พาฉยงหัวไปที่จวนตระกูลหานอีกครั้ง อย่างไรก็ต้องดูว่าอาการบาดเจ็บของหานซีเยว่หายดีเป็นเช่นไร นางถึงจะวางใจ“ขอบพระทัยในความห่วงใยของพระสนมหวงกุ้ยเฟยเพคะ” ตอนนี้หานซีเยว่ไม่เป็นอะไรแล้ว สีหน้าฮูหยินหานก็ดีขึ้นมากแล้ว “บุตรสาวข้าแค่บาดเจ็บทางผิวหนังเท่านั้น ไม่จําเป็นต้องให้พระสนมก่อความวุ่นวายเช่นนี้”แต่จิ่นอวี้ต้องทําตามคําสั่งของซ่งชิงเหยียน จึงให้ฉยงหัวตรวจดูหานซีเยว่อีกครั้งตอนนี้ทั้งในวังและนอกวังต่างก็รู้ว่าข้างกายของพระสนมหวงกุ้ยเฟยมีหมอหญิงที่มีความสามารถคนหนึ่ง ฝีมือการรักษายอดเยี่ยมมาก ฮูหยินหานย่อมปรารถนาเป็นอย่างยิ่งไม่นาน ฉยงหัวก็ออกมาจากห้องด้านใน มองไปทางฮูหยินหาน “ตอนนี้คุณหนูหานไม่เป็นอะไรแล้ว แม้มีดสั้นจะปักเข้าไปแล้ว แต่ยังดีที่เส้นเอ็นและกระดูกไม่บาดเจ็บ แค่ครึ่งเดือนนี้ พยายามอย่าให้คุ
นอกจากตําหนักชิงอวิ๋นที่ยุ่งวุ่นวายแล้ว ย่อมมีตําหนักจิ่นซิ่วที่ยุ่งวุ่นวายตามไปด้วยตอนนี้ทุกคนในตําหนักต่างก็รู้กันหมดแล้วว่าวันนี้คุณหนูตระกูลหานเข้าวังมาเยี่ยมเยียนพระสนมหวงกุ้ยเฟย คิดไม่ถึงว่าจะพบมือสังหารที่นอกตําหนักชิงอวิ๋นแต่คุณหนูตระกูลหานที่ปกป้องพระสนมหวงกุ้ยเฟยอย่างสุดจิตสุดใจ กลับถูกมีดแทงแทนนางโชคดีที่คุณหนูตระกูลหานโชคดีมาก ไม่ได้โดนทําร้ายจุดสําคัญเมื่อได้ยินข่าวนี้ ไป๋หลิงที่กําลังมาพร้อมกับลู่ซิงหุยก็ลุกขึ้นยืนทันที ขมวดคิ้วและมองไปข้างนอกและลู่ซิงหุยก็ตระหนักได้ในทันทีว่านี่เป็นฝีมือของไป๋หลิงจริงๆ นางต้องการแก้แค้นตําหนักชิงอวิ๋นเพื่อตัวเองจริงๆ คิดถึงตรงนี้ ลู่ซิงก็สั่งให้อิงหงออกไป แล้วดึงไป๋หลิงมาอีกครั้ง“พี่หญิงไป๋หลิง” ลู่ซิงหุยลองหยั่งเชิงอย่างเงียบๆ “จะมีใครพบท่านไหม?”ไป๋หลิงกลับตกใจกับคําถามอย่างกะทันหันขององค์หญิงหก มองนางอย่างประหลาดใจ จากนั้นเพียงแค่ยิ้มแล้วย่อตัวลงข้างองค์หญิงหก “องค์หญิงวางใจเถิด ไม่มีใครสืบสาวราวเรื่องได้หรอกเพคะ”พระสนมเต๋อเฟยเคยทิ้งคนกลุ่มหนึ่งไว้เบื้องหลัง ล้วนซ่อนอยู่ในวังหลังแห่งนี้ พวกเจาล้วนไม่มีพ่อแม่ไม่มีอะไรต
พอเห็นฉยงหัว รัชทายาทก็รีบก้าวขึ้นไปและถามว่า “แม่นางฉยงหัว ซีเยว่เป็นอย่างไรบ้าง?”เมื่อรู้ว่าซ่งชิงเหยียนเคารพและให้ความสําคัญกับฉยงหัว แม้จะรีบร้อน องค์รัชทายาทก็ยังเกรงใจนางมาก[ท่านแม่ ท่านแม่ ท่านแม่ ข้าบอกแล้วว่าพี่ฉงหัวเก่งที่สุด!][พี่ฉยงหัวได้ถอนพิษของพี่หญิงตระกูลหานแล้ว แม้แต่บาดแผลก็รักษาเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้พี่หญิงตระกูลหานพ้นขีดอันตรายแล้ว][แค่รอตื่นมาก็พอ]ซ่งชิงเหยียนและฮ่องเต้ต้าฉู่ได้ยินความในใจของลู่ซิงหว่าน ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกแต่องค์รัชทายาทกลับไม่ได้ยิน ยังคงมองฉยงหัวด้วยสายตาร้อนแรง รอคอยคําตอบของนาง“ทูลองค์รัชทายาทเพคะ” ฉยงหัวกอดลู่ซิงหว่านแล้วย่อตัวลงเล็กน้อย “แม่นางหานสบายดี ใช้เวลาเพียงหนึ่งก้านธูปก็ตื่นแล้วเพคะ”ซ่งชิงเหยียนก็รีบเข้าไปรับลู่ซิงหว่าน “ฉยงหัว ลําบากเจ้าแล้ว”“พระสนมหวงกุ้ยเฟยเกรงใจแล้ว เป็นหน้าที่ของบ่าวเพคะ” พระสนมหวงกุ้ยเฟยปฏิบัติต่อนางอย่างดีเช่นนี้ นางย่อมต้องตอบแทนอย่างสุดความสามารถเดิมทีฮ่องเต้ต้าฉู่กําลังพูดคุยกับองค์รัชทายาทอยู่ในห้องเรียน และอธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ ดังนั้นเมื่อได้ยินเรื่องนี้ พ่อลูกสองคนจึงมา
เมื่อรู้สึกถึงความโกรธของฝ่าบาท เมิ่งเฉวียนเต๋อรีบรับคําและหันหลังจากไปส่วนเสิ่นหนิงก็หลบไปหลบมา สุดท้ายก็หนีไม่พ้นความโกรธของฮ่องเต้ต้าฉู่ “ในเมื่อฮองเฮาอยู่ ก็ไม่จําเป็นต้องให้ข้าพูดมาก ในวังหลังเกิดเรื่องวุ่นวายแบบนี้ครั้งแล้วครั้งเล่า เจ้าเป็นฮองเฮา ควรทบทวนตัวเองให้ดี”เสิ่นหนิงรู้สึกหมดคําพูดเรื่องนี้เกี่ยวอะไรกับตน ใครใช้ให้นังซ่งชิงเหยียนนี่ล่วงเกินคนอื่นไปทั่ว ทําไมไม่เห็นมีใครมาลอบสังหารคนอื่นเลย!แต่ใบหน้านางกลับทําได้เพียงคุกเข่าลงไปอย่างนอบน้อม “ฝ่าบาทตรัสถูกต้องแล้วเพคะ หม่อมฉันคิดอยู่ว่า ถ้านางกํานัลคนนี้ไม่ใช่คนของวังหลวง ก็แสดงว่าแต่ละตําหนักย่อมมีคนอื่นปะปนเข้ามา”“หม่อมฉันคิดว่าควรตรวจสอบคนรับใช้ทั้งหมดในวังหลัง” พูดถึงตรงนี้เสิ่นหนิงก็หยุดชะงัก “แค่ยุ่งยากนิดหน่อย”ฮ่องเต้ต้าฉู่กลับเห็นด้วยกับความคิดเห็นของนางอย่างหาได้ยาก “ไปตรวจสอบตอนนี้เลย มีคนตายแล้ว ยังจะพูดว่ายุ่งยากหรือไม่ยุ่งยากอีก”“พระมเหสี” ระหว่างทางที่ออกจากตําหนักชิงอวิ๋น เยว่หรานก็เผยความไม่พอใจต่อฮ่องเต้ “พระมเหสีเหตุใดต้องทนเช่นนี้ด้วยเพคะ”เสิ่นหนิงกลับถอนหายใจยาวช่างเถอะ อดทนอีกไม่กี่เ
ถึงอย่างไรก็เป็นพระชายาของพี่ชายองค์รัชทายาทที่ยังไม่ได้แต่งงานอีกทั้งหานซีเยว่ดีต่อนางมากจริงๆ การเข้าวังครั้งนี้ ยังนําของเล่นพื้นบ้านมาให้นางไม่น้อยเลย[คนดีๆแบบนี้ต้องไม่ตายแน่]คิดถึงตรงนี้ ลู่ซิงหว่านถึงกับขอบตาแดงก่ำ[ในนิยาย หานซีเยว่ตายเพื่อพี่รัชทายาท คงเป็นไปไม่ได้ที่เรื่องจะมีตัวแปรมากมายขนาดนี้ แต่โชคชะตาของพี่หญิงตระกูลหานยังคงไม่เปลี่ยนแปลง!][พี่ฉยงหัวต้องรักษาได้แน่ๆ ]ซ่งชิงเหยียนจึงหันไปมองลู่ซิงหว่านที่ดวงตาแดงก่ำ กอดนางไว้ในอ้อมแขนและตบนางเบาๆ “หวานหว่านไม่ต้องกังวล พี่หญิงหานของเจ้าเป็นคนดีขนาดนี้ จะต้องไม่เป็นอะไรแน่นอน”“ฝ่าบาทเสด็จ องค์รัชทายาทเสด็จ” ในขณะที่สองแม่ลูกกําลังเสียใจเพราะหานซีเยว่ เสียงของเมิ่งเฉวียนเต๋อก็ดังขึ้นจากข้างนอก“พระมเหสีเสด็จ” ทันทีที่เมิ่งเฉวียนเต๋อพูดจบ ก็มีเสียงของขันทีน้อยที่อยู่ข้างๆ ดังขึ้นซ่งชิงเหยียนปล่อยลู่ซิงหว่านแล้วจูบนาง “หวานหว่านอยู่ดีๆ นะ แม่จะไปพบเสด็จพ่อดีไหม”ลู่ซิงหว่านพยักหน้าอย่างหนักแน่น แต่ไม่สนใจซ่งชิงเหยียนอีก เพียงมองไปทางหานซีเยว่เมื่อซ่งชิงเหยียนปรากฏตัวที่นอกประตู ทุกคนต่างก็ตกตะลึงแต่โชคร้า
“พี่ไป๋หลิง ตอนนี้เสด็จพี่ไม่อยู่แล้ว คนทั้งวังต่างก็รังแกข้า วันนั้นข้าถูกไอ้เด็กเหลือขอลู่ซิงหว่านรังแกอีกแล้ว” พูดจบประโยค องค์หญิงหกก็ร้องไห้ออกมาอีกครั้งความไม่พอใจในใจของไป๋หลิงเมื่อสักครู่ถูกลู่ซิงหุยแก้ไขทันทีใช่แล้ว ตอนนี้พระสนมหวงกุ้ยเฟยไม่อยู่แล้ว องค์ชายสามก็ถูกกักบริเวณแล้ว คนที่องค์หญิงหกสามารถพึ่งพาได้มีเพียงตนเองเท่านั้นเมื่อคิดถึงตรงนี้ ไป๋หลิงก็ตบหลังองค์หญิงหกเบาๆ “องค์หญิงวางใจเถิด สิ่งใดที่ทําให้องค์หญิงไม่สบายใจ ล้วนต้องได้รับผลกรรม”ในทิศทางที่ลู่ซิงหุยมองไม่เห็น ดวงตาของไป๋หลิงเต็มไปด้วยความเกลียดชังแม้แต่อิงหงก็ไม่กล้าสบตานางโดยตรง ก้มหน้าลงสิ่งที่ไป๋หลิงพูดในครั้งนี้ถูกต้อง ซ่งชิงเหยียนได้รับ"กรรมตามสนอง" อย่างที่นางพูดอย่างรวดเร็วเมื่อหานซีเยว่ออกจากวัง ซ่งชิงเหยียนก็ไปส่งนางที่ด้านนอก ซ่งชิงเหยียนก็ถูกลอบสังหารที่ถนนนอกตำหนักชิงอวิ๋นได้ยินมาว่าได้รับบาดเจ็บสาหัสมากส่วนนางกํานัลที่ลอบสังหารคนนั้น หลังจากลอบสังหารสําเร็จแล้ว ก็ปาดคอตายอยู่บนถนนทันทีข่าวนี้แพร่สะพัดไปทั่ววังหลังอย่างรวดเร็วในเวลานี้ไป๋หลิงกําลังอยู่กับลู่ซิงหุย เมื่อลู่ซิงหุ
ในขณะที่ซ่งชิงเหยียนกําลังยุ่งอยู่กับการพูดคุยกับหานซีเยว่ลู่ซิงหุยที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมมาหลายวันในที่สุดก็ได้พบกับไป๋หลิงทันทีที่ไป๋หลิงเข้าไปในห้องด้านใน ลู่ซิงหุยก็ขว้างถ้วยน้ำชาที่อยู่ข้างหน้าเขาไปที่เท้าของนางด้วยความโกรธ "เจ้ายังรู้ว่าจะมา!"“ตอนนี้เจ้าได้รับความโปรดปรานจากหญิงชั่วคนนั้นของฮองเฮาใช่หรือไม่? ลืมเสด็จแม่ของข้าไปจนสิ้นแล้ว!”ลู่ซิงหุยตอนนี้อาศัยอยู่ในตําหนักจิ่นซิ่ว ย่อมรู้ว่าบ่าวไพร่ของตําหนักจิ่นซิ่วเคารพไป๋หลิงเพียงใด และรู้ว่าตอนนี้ในใจของฮองเฮาพึ่งพาไป๋หลิงเป็นอย่างมากนอกจากนี้ไป๋หลิงไม่ได้ปรากฏตัวในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา ดังนั้นนางจึงสงสัยส่วนอิงหงที่ยืนอยู่ข้างหลังลู่ซิงหุย รีบก้าวเข้าไปปิดปากนางอย่างรวดเร็ว “องค์หญิง!”จากนั้นก็ปล่อยมือ “องค์หญิงระวังคําพูด ตอนนี้พวกเราอาศัยอยู่ในตําหนักจิ่นซิ่ว ทุกเรื่องต้องระมัดระวัง”“ฮึ” ลู่ซิงหุยส่งเสียงหึในลําคออย่างเย็นชา แล้วหันไปมองไป๋หลิงที่อยู่ตรงหน้า “เจ้าช่างเป็นคนที่รู้จักหลบๆ ซ่อนๆ เสียจริง เมื่อก่อนต้องมาที่ตำหนักของข้าทุกวัน”“ตั้งแต่พี่สามถูกเสด็จพ่อกักบริเวณอยู่ในตําหนักฉางชิว เจ้าก็ไม่ปราก