เหมยหยิ่งพูดถึงตรงนี้ หยุดหันมองไปที่พระสนมเฉินกุ้ยเฟย จึงไม่ได้พูดต่อ ราวกับว่ารอให้พระสนมเฉินกุ้ยเฟยทำใจเรื่องนี้ได้ก่อนพระสนมเฉินกุ้ยเฟยเงียบไปนานพอสมควร จนในที่สุดนางก็เอ่ยขึ้นว่า "ดังนั้นสนมซูผินจึงวางยาพิษใส่ท่านพี่หรือ?"เหมยหยิ่งพยักหน้า "สนมฟางกุ้ยเหรินเองก็มีส่วนเกี่ยวข้องด้วย""ในตอนนั้นสนมอวิ๋นกุ้ยเหรินเพิ่งจะเข้าวังมา ต้องการหาที่พึ่งพาอย่างเร่งด่วน เพราะว่าบ้านเดิมของนางมาจากเมืองหยุนโจว จึงรู้เรื่องวิธีการทำยามาบ้าง ดังนั้นพระสนมเต๋อเฟยจึงพบนางเป็นการส่วนตัวและรับนางเอาไว้ในสังกัดของนางเอง""ดังนั้นยาที่ให้ท่านพี่ สนมอวิ๋นกุ้ยเหรินเป็นคนให้งั้นหรือ?"เหมยหยิ่งพยักหน้าอีกครั้ง "สนมซูผินบอกว่ายาทั้งหมดถูกส่งไปยังพระสนมเต๋อเฟยผ่านนาง สนมอวิ๋นกุ้ยเหรินไม่เคยติดต่อกับพระสนมเต๋อเฟยโดยตรง แต่ว่าสนมอวิ๋นกุ้ยเหรินน่าจะพอเดาเรื่องนี้ออก จึงได้แอบลองใจสนมซูผินอยู่หลายครั้งเหมือนกัน""ดังนั้นหลังจากที่คุณหนูใหญ่ตายไป สนมซูผินและสนมอวิ๋นกุ้ยเหรินล้วนได้รับการเลื่อนตำแหน่ง"เหมยหยิ่งพูดคำนี้จบ เสียงภายในห้องนั้นเงียบมาก ทุกคนล้วนมองไปที่พระสนมเฉินกุ้ยเฟย แม้แต่อากาศยังมิกล้าส่
แน่นอนว่าราชเลขากรมขุนนางต้องจัดงานปักปิ่นของบุตรสาวตนเองให้ยิ่งใหญ่ เมื่อหลายวันก่อนจึงได้ส่งคำเชิญไปยังตระกูลขุนนางทั้งหลายที่เมืองหลวงเสิ่นเป่าเยี่ยนจึงได้ตื่นนอนขึ้นมาตั้งแต่เช้าโดยมีสาวรับใช้ข้างกายคอยปรนนิบัติเปลี่ยนชุด และหวีผมให้“ และตอนนี้ที่โถงด้านหน้าก็ถูกเตรียมเอาไว้จนเพียบพร้อมแล้ว ในยามนี้ใต้เท้าเสิ่นกำลังพาบุตรชายของตนเองมาต้อนรับแขกอยู่ที่ประตูหน้าจวน และในเวลานี้พ่อบ้านก็วิ่งเข้ามาอยู่ที่ข้างกายของใต้เท้าเสิ่นอย่างรีบร้อน “นายท่าน มีคนของพระราชวังมาขอรับ”ผู้คนพากันตกตะลึงไปชั่วขณะ มีแต่คนเอ่ยว่าคุณหนูตระกูลเสิ่นได้รับความโปรดปรานจากคนในพระราชวัง นึกไม่ถึงว่าแค่งานปักปิ่นธรรมดา ๆ พระราชวังก็ยังส่งคนมาจิ่นซินพากลุ่มนางกำนัลเดินเข้ามาแต่ไกล ๆ ผู้ที่เคยเห็นพระสนมเฉินกุ้ยเฟยก็แน่นอนว่าจะต้องจำนางได้จึงเอ่ยออกมาอย่างตกใจ “ถึงกลับเป็นแม่นางจิ่นซินคนข้างกายของพระสนมเฉินกุ้ยเฟย”และจิ่นซินก็คารวะใต้เท้าเสิ่นด้วยมารยาทเพรียมพร้อมใต้เท้าเสิ่นจึงรีบเอ่ยด้วยความเกรงใจ “กลับทำให้แม่นางลำบากมาที่นี่แล้ว แน่นางรีบเข้าไปด้านในเถิด”ในเมื่อจิ่นซินมาก็แสดงถึงหน้าตาของราชวงศ์ด
และในยามนี้หลินอินบุตรสาวของรองเสนาบดีกรมขุนนางที่อยู่ในมุม ๆ หนึ่ง แม้ว่าใบหน้าจะมีรอยยิ้มที่ดีอกดีใจประดับอยู่แต่มือทั้งสองข้างกลับกำเข้าหากันแน่น และสายตาทั้งคู่ที่มองไปยังเสิ่นเป่าเยี่ยนก็เต็มไปด้วยความโกรธแค้นเหตุใดตนถึงได้ต่ำกว่านางขั้นหนึ่งเสมอ ?บิดาของนางคือราชเลขากรมขุนนาง แต่บิดาของตนเป็นเพียงแค่รองเสนาบดีกรมขุนนางตนไปมาหาสู่กับนางตั้งแต่เด็กก็อยู่ต่ำกว่านางหนึ่งขั้น บิดาชอบกำชับตนเองเสมอว่าให้อยู่ร่วมกับเสิ่นเป่าเยี่ยนให้ดี ๆ แต่เสิ่นเป่าเยี่ยนมักจะทำตัวราวกลับว่าเป็นคนใจกว้างอยู่เสมอ แต่เสิ่นเป่าซวงแต่ไหนแต่ไรก็ทำตัวอวดดี และไม่เคยมองตนเองอยู่ในสายตา ตนจะไปอยู่กับพี่สาวน้องสาวสองคนนั้นได้อย่างไร ?อีกอย่าง ทั้ง ๆ ที่ตนชอบหานซีสือก่อน เพียงแต่หานซีสือ และเสิ่นเป่าเยี่ยนได้เจอหน้ากันไม่กี่ครั้งกลับมีความรู้สึกให้กันเสิ่นเป่าเยี่ยนผู้นั้นช่างโชคดีเสียจริง ถึงกลับได้รับพระราชทานสมรสจากฝ่าบาทแล้วตนจะไปแย่งกับนางได้อย่างไร ?คิดได้ถึงตรงนี้ ความคิดชั่วร้ายก็พุ่งขึ้นมาภายในสมองของหลินอิน ถ้าหากว่าเสิ่นเป่าเยี่ยนตายงานสมรสนี้ก็จะเป็นโมฆะในทันที ถึงตอนนั้นตนเองถึงจะแต่งงาน
เพียงแต่เขายังพูดไม่ทันจบ กลับถูกพระสนมหนิงเฟยขัดขึ้นกะทันหัน “ไม่ ข้าไม่ได้ลืม”ในขณะที่พระสนมหนิงเฟยกล่าววาจานี้ นางรู้สึกประหม่าจริงๆ หลายวันมานี้นางดื่มด่ำอยู่กับความอ่อนโยนของฮ่องเต้ต้าฉู่ จึงเกิดความรู้สึกหวั่นไหวต่อเขาไปชั่วขณะ นางถึงขั้นคิดว่า มิสู้ให้กำเนิดทายาทและใช้ชีวิตอย่างสงบอยู่ในวังหลังแบบนี้ต่อไปทว่าชายชุดดำที่ปรากฏตัวออกมาในวันนี้ได้เตือนนางขึ้นมาอีกครั้งว่า นางไม่สามารถมีชีวิตอย่างสงบสุขได้นับตั้งแต่ที่นางเลือกเข้าวังมาในวันนั้น ชีวิตของนางก็ไม่มีทางสงบสุขอีกแล้วฉับพลันในน้ำเสียงก็เย็นชาขึ้นไปหลายส่วน “เจ้าไม่ต้องห่วง เด็กคนนี้ข้าจะจัดการให้เรียบร้อยเอง”เพียงแต่ความเย็นชาของพระสนมหนิงเฟยกลับมิอาจกล่อมชายชุดดำคนนั้นได้ ตรงข้ามยิ่งกระตุ้นทำให้เขาโมโหมากขึ้น ในขณะที่พระสนมหนิงเฟยยังไม่ทันได้ตอบสนอง ก็ถูกเขาบีบกรามแน่น ความเจ็บถาโถมเข้าใส่ตัวพระสนมหนิงเฟยทันที ทำให้นางยื่นมือออกไปดึงแขนของผู้ชายคนนั้น ทว่าการกระทำนี้ กลับยิ่งทำให้เขาโกรธเกรี้ยวมากขึ้น “เสิ่นหนิง!”เขาขานชื่อของพระสนมหนิงเฟยเสียงต่ำ พลางเชยคางพระสนมหนิงเฟยให้สูงขึ้น ก่อนฉีกผ้าคลุมหน้าสีดำของตั
เพียงแต่จิ่นซินกล่าวด้วยความทอดถอนใจอีกครั้งว่า “ได้ยินว่าตอนนี้พระสนมหนิงเฟยไม่ยอมออกมาจากในตำหนัก และร้องไห้อย่างเจ็บปวดใจอย่างมาก!”จิ่นอวี้กล่าวคล้อยตาม “เป็นลูกคนแรก พระสนมหนิงเฟยย่อมรู้สึกเสียใจอยู่แล้ว แม้อวิ๋นผิงคนนั้นจะไม่รู้ความ แต่พระสนมหนิงเฟยกลับปฏิบัติดีต่อเรามาตลอด”ลู่ซิงหว่านฟังสองคนนี้คุยกันก็อดขมวดคิ้วขึ้นมาไม่ได้ [ท่านแม่คงไม่คิดแบบนี้หรอกมั้ง? แต่ข้ากลับมองว่าพระสนมหนิงเฟยไม่ใช่คนดีอะไร ท่านแม่อย่าไหลไปตามสาวใช้ทั้งสองของท่านเชียวนะ]แต่พระสนมเฉินกุ้ยเฟยกลับส่ายหน้าอย่างยิ้มๆ “พวกเจ้าสองคน ยังคงมองอย่างตื้นเขินนัก!”คำพูดที่ออกมาจากปาก ยังเทียบกับหวานหว่านที่มองออกไม่ได้เลย แต่จะว่าไปแล้ว หวานหว่านของเราเป็นถึงเซียนตัวน้อยอายุหลายร้อยปีเชียว!จิ่นซินกับจิ่นอวี้กลับยังสงสัยไม่เข้าใจ ทว่าพระสนมเฉินกุ้ยเฟยไม่ได้พูดอะไร แค่สั่งให้จิ่นซินไปเรียกหลานอิ่งมาแล้วสั่งว่า “เจ้าไปจับตาดูทางฝั่งพระสนมหนิงเฟยไว้”เมื่อหลานอิ่งรับคำสั่งเสร็จก็เหาะเหินจากไปแต่จิ่นซินกลับยิ่งไม่เข้าใจ “เหตุใดจู่ๆ พระสนมถึงได้ระวังพระสนมหนิงเฟยขึ้นมาล่ะเพคะ?” “หากอวิ๋นผิงคนนั้นไม่ได้รับก
หมอหลวงหลินมองไปทางพระสนมเฉินกุ้ยเฟยอีกครั้ง “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ พระสนมก็ไม่จำเป็นต้องใช้ยาอีกแล้ว หากพระสนมอยากออกไปเดินข้างนอก ก็สามารถไปได้เลยพะย่ะค่ะ”หมอหลวงหลินสัมผัสได้ถึงความยินดีที่ออกมาจากใจของคนในห้องนี้ได้ ย่อมดีใจแทนพวกนาง “เช่นนั้นกระหม่อมขอตัวลาก่อน บัดนี้พระสนมอาการดีขึ้นแล้ว กระหม่อมจะไปแจ้งฝ่าบาทที่ห้องทรงอักษรเสียหน่อยพ่ะย่ะค่ะ” “ลำบากหมอหลวงหลินแล้ว” พระสนมเฉินกุ้ยเฟยอดแย้มยิ้มขึ้นไม่ได้ก่อนจะจัดแจงเสื้อผ้า แล้วพาลู่ซิงหว่านมุ่งไปยังตำหนักหนิงเหอแม้ฮ่องเต่ต้าฉู่จะรังเกียจพระสนมหนิงเฟยเพราะเรื่องของอวิ๋นผิงเล็กน้อย แต่ทว่าตอนนี้นางสูญเสียลูกคนแรกของตัวเองไป ฮ่องเต้ต้าฉู่เองก็เสียใจอยู่บ้าง จึงมุ่งตรงไปยังตำหนักหนิงเหอ เพื่อปลอบใจนางสักหน่อยแต่กลับเจอเข้ากับพระสนมเฉินกุ้ยเฟยที่ถูกปฏิเสธอยู่นอกประตูเข้าพอดีครั้นเห็นพระสนมเฉินกุ้ยเฟย ฮ่องเต้ต้าฉู่รีบย่างสามขุมเข้าไป ไม่รอให้นางได้ทำความเคารพก็ดึงมือนางขึ้นมา “ได้ยินหมอหลวงหลินบอกว่าตอนนี้เจ้าดีขึ้นมากแล้ว”พระสนมเฉินกุ้ยเฟยกล่าวด้วยรอยยิ้มอ่อน “วันนี้ลุกขึ้นมาตอนเช้าก็รู้สึกว่าร่างกายคล่องแคล่วขึ้นไม่น้อย หม
ฮ่องเต้ต้าฉู่ก็ไม่กล้าเข้าไปปลอบอีก ได้แต่เดินตามหลังพระสนมเฉินกุ้ยเฟยและพูดว่า "ชิงเหยียนพูดถูก เจ้าพักฟื้นให้หายดีก่อนเถิด ลูกน่ะต่อไปยังมีใหม่ได้"แต่พระสนมหนิงเฟยกลับไม่ตอบ ยังคงซบไหล่ของพระสนมเฉินกุ้ยเฟยน้ำตาไหลโดยไร้เสียงลู่ซิงหว่านมองฮ่องเต้ต้าฉู่อย่างดูถูกอีกครั้ง[เสด็จพ่อต้องเป็นห่วงนางมากแน่ ๆ เลยใช่ไหม?][น่าเสียดายที่ท่านแม่ของข้าเป็นคนอ่านคนไม่ออกมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว เลยดูความรู้สึกสับซ้อนของพวกท่านไม่ออก][ไม่สู้เสด็จพ่อบอกท่านแม่ไปเลยดีกว่า บอกท่านแม่หลบให้หน่อย]คําพูดของลู่ซิงหว่านทำให้พระสนมเฉินกุ้ยเฟยนั่งไม่ติด คิดอยู่ว่าสู้สละที่นั่งให้ฮ่องเต้ต้าฉู่จะดีกว่ากระมัง!แต่นี้ในใจของหวานหว่านตัวเองเป็นคนอ่านคนไม่ออกแบบนี้หรือ?และประโยคนี้ของลู่ซิงหว่านก็ทำลายท่าทีที่อ่อนโยนของฮ่องเต้ต้าฉู่หมดสิ้นเช่นกัน ในห้องเงียบสงักไปชั่วขณะเหลือเพียงเสียงร้องไห้ของพระสนมหนิงเฟยพระสนมหนิงเฟยไม่คิดว่าสองคนนี้จะมาเยี่ยมตัวเองพร้อมกัน บอกว่าจะมาปลอบใจตัวเอง แต่ตอนนี้ทั้งสองกลับมายืนนิ่งกันอยู่ สวรรค์คิดอะไรกันแน่ถึงได้จับสองคนนี้มาอยู่ด้วยกัน!และในตอนนี้บังเอิญเมิ่งฉวนเต๋อก็มา
เมื่อนึกมาถึงตรงนี้คิ้วของพระสนมหนิงเฟยก็ยิ่งขมวดแน่นขึ้นอีก นางจึงสั่งให้อวิ๋นจูไปตรวจสอบเรื่องที่พระสนมเฉินกุ้ยเฟยป่วย ถ้าเรื่องนี้เป็นเรื่องบังเอิญจริงก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าพระสนมเฉินกุ้ยเฟยแกล้งป่วยเพื่อหลีกเลี่ยงตัวเองจริง ๆ ก็เกรงว่านางจะสงสัยตัวเองแล้ว เช่นนั้นคนคนนี้จะปล่อยไว้ไม่ได้เด็ดขาดแต่พอพระสนมหนิงเฟยเพิ่งใช้ให้อวิ๋นจูออกไป ชุนหลานก็เดินเข้ามาว่าบอกว่า “พระสนม สนมเล่อกุ้ยเหรินมาเพคะ”สนมเล่อกุ้ยเหรินหรือ? พระสนมหนิงเฟยอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วอีกขึ้นมาอีก นางมาทำอะไรนอกจากจากที่ได้คุยกันอยู่บ้างตอนเพิ่งเข้าวัง หลังจากนั้นก็ไม่ได้พบกันอีกเลยนางเพียงแต่เอ่ยปากบอกอย่างอ่อนแรงว่า “เชิญสนมเล่อกุ้ยเหรินเข้ามาเถอะ”ชุนหลานเป็นคนที่ช่างสังเกตคําพูดและสีหน้าของคนเสมอมา เมื่อเห็นว่าพระสนมหนิงเฟยดูเหมือนจะไม่พอใจ จึงเอ่ยปากถามว่า "ถ้าพระสนมรู้สึกเหนื่อยล้า ให้บ่าวไปไล่เล่อกุยเหรินออกไปก่อนดีไหมเพคะ"พระสนมหนิงเฟยกลับส่ายหัว "ไม่ต้องหรอก"สนมเล่อกุ้ยเหรินเป็นคนตรงไปตรงมามาตลอด นิสัยแบบนี้ถ้าอยู่ที่บ้านตัวเองต้องเป็นที่ชื่นชอบของผู้ใหญ่อย่างยิ่ง แต่ตอนนี้นางแต่งงานแล้ว แล้วยิ่งแต่งเ
ซ่งชิงเหยียนมองไปที่ฮ่องเต้ต้าฉู่ สีหน้าของเขาดูไม่ดีจริงๆ จากนั้นก็หันหน้าไปตบมือสนมเยว่กุ้ยเหรินเบาๆ “เป็นเรื่องในอดีตแล้ว ไม่ต้องเอ่ยถึงอีกแล้วล่ะ”“เจ้าสนิทกับเล่อกุ้ยเหรินได้ดีที่สุด ตอนนี้ครรภ์ของนางเป็นอย่างไรบ้าง?”ต้องบอกว่าความกังวลของสนมเล่อกุ้ยเหรินนั้นไม่ผิด สนมเยว่กุ้ยเหรินถือได้ว่าเป็นคนที่ปากไม่มีหูรูดจริงๆ แต่ก็เป็นคนที่ไม่คิดมากสําหรับเรื่องที่ซ่งชิงเหยียนเปลี่ยนหัวข้อสนทนา นางไม่สนใจแม้แต่น้อย รับเรื่องไว้แล้วก็พูดต่อจุดแรกของพวกเขาอยู่ที่ตําหนักนอกเมืองแห่งหนึ่งที่ชานเมืองฮ่องเต้ต้าฉู่เตรียมที่จะเก็บสัมภาระบางส่วนที่นี่ แล้วเปลี่ยนเป็นเครื่องแต่งกายของพ่อค้าทั่วไป ค่อยเดินทางลงใต้ต่อไปทางด้านลู่ซิงหว่านอาจอยากลงใต้เพื่อไปเที่ยวเล่น แต่ถึงอย่างไรฮ่องเต้ต้าฉู่ก็เป็นฮ่องเต้ ความคิดของเขาคืออยากดูว่าการเก็บเกี่ยวของราษฎรในปีนี้เป็นอย่างไร ชีวิตเป็นอย่างไรมากกว่ากลยุทธ์การช่วยเหลือราษฎรที่นําโดยองค์รัชทายาทก่อนหน้านี้ได้บรรลุผลจริงหรือไม่ท้ายที่สุดแล้ว เมื่อราษฎรสงบสุข ใต้หล้านี้ถึงจะสงบสุขได้หลังจากเดินทางอย่างเรียบง่ายแล้ว ความเร็วของรถม้าก็เร็วขึ้น
“คุณหนูเดินทางลงใต้ในครั้งนี้ จึงให้หลานอิ่งและจวี๋อิ่งติดตามไปตลอดทาง” เพราะทุกครั้งที่ซ่งชิงเหยียนออกจากวัง นางมักจะถูกลอบสังหารเสมอ ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้ยังมีเป้าหมายที่ใหญ่กว่าอย่างฮ่องเต้ต้าฉู่ เหม่ยอิ่งจึงไม่วางใจ“ส่วนข้าน้อยก็อยู่ในวัง คอยจับตาดูอยู่ในวังแทนคุณหนู” แทนที่จะบอกว่าจับตาในวัง ไม่สู้บอกว่าจับตาฮองเฮาจะดีกว่า “ไม่ว่าเรื่องอะไร ข้าน้อยจะแจ้งให้คุณหนูทราบทันที”พูดถึงตรงนี้เหมยอิ่งก็หันไปมองจู๋อิ่งอีกครั้ง “สําหรับจู๋อิ่ง เรื่องที่เผยซื่อจื่อถูกลอบสังหารก่อนหน้านี้ ยังคงหาเบาะแสไม่ได้ ถือโอกาสนี้ให้จู๋อิ่งเดินทางไปยังแคว้นต้าหลี่ด้วยตนเอง”ซ่งชิงเหยียนพยักหน้าและพอใจมากกับการจัดการของเหมยอิ่ง[ว้าว เหมยหลานจู๋จวี๋ที่อยู่ข้างกายท่านแม่นี่สิถึงเป็นสี่มหาพิทักษ์][ท่านแม่บอกมาสิว่า สหายเคียงบ่าที่เก่งกาจแบบนี้มีจุดจบหนึ่งศพสองชีวิตในนิทานได้ยังไงล่ะเนี่ย][แต่ตอนนี้ไม่ใช่แล้ว! ตอนนี้พวกเราเก่งมากเลย!]สองวันต่อมาในตอนฟ้าเพิ่งจะสาง รถของฮ่องเต้ต้าฉู่ก็เตรียมพร้อมอยู่ที่ประตูวังแล้วพระสนมทั้งหลายย่อมต้องมาส่ง แม้แต่สนมเล่อกุ้ยเหรินและสนมเหยาผินที่กําลังตั้งครรภ์ก็ม
สืบไปสืบมา กลับไม่ได้ผลอะไรเลยทางฝั่งตระกูลหาน ไม่ว่าจะเป็นตําหนักชิงอวิ๋น หรือตำหนักหลงเซิง แม้กระทั่งตําหนักจิ่นซิ่วของฮองเฮา ก็ยังส่งของขวัญมากมายไปให้หานซีเยว่ถึงอย่างไรหานซีเยว่ก็เกิดเรื่องในวังหลวง และก็เพื่อซ่งชิงเหยียนด้วยเนื่องจากไม่วางใจ ซ่งชิงเหยียนจึงให้จิ่นอวี้พาฉยงหัวไปที่จวนตระกูลหานอีกครั้ง อย่างไรก็ต้องดูว่าอาการบาดเจ็บของหานซีเยว่หายดีเป็นเช่นไร นางถึงจะวางใจ“ขอบพระทัยในความห่วงใยของพระสนมหวงกุ้ยเฟยเพคะ” ตอนนี้หานซีเยว่ไม่เป็นอะไรแล้ว สีหน้าฮูหยินหานก็ดีขึ้นมากแล้ว “บุตรสาวข้าแค่บาดเจ็บทางผิวหนังเท่านั้น ไม่จําเป็นต้องให้พระสนมก่อความวุ่นวายเช่นนี้”แต่จิ่นอวี้ต้องทําตามคําสั่งของซ่งชิงเหยียน จึงให้ฉยงหัวตรวจดูหานซีเยว่อีกครั้งตอนนี้ทั้งในวังและนอกวังต่างก็รู้ว่าข้างกายของพระสนมหวงกุ้ยเฟยมีหมอหญิงที่มีความสามารถคนหนึ่ง ฝีมือการรักษายอดเยี่ยมมาก ฮูหยินหานย่อมปรารถนาเป็นอย่างยิ่งไม่นาน ฉยงหัวก็ออกมาจากห้องด้านใน มองไปทางฮูหยินหาน “ตอนนี้คุณหนูหานไม่เป็นอะไรแล้ว แม้มีดสั้นจะปักเข้าไปแล้ว แต่ยังดีที่เส้นเอ็นและกระดูกไม่บาดเจ็บ แค่ครึ่งเดือนนี้ พยายามอย่าให้คุ
นอกจากตําหนักชิงอวิ๋นที่ยุ่งวุ่นวายแล้ว ย่อมมีตําหนักจิ่นซิ่วที่ยุ่งวุ่นวายตามไปด้วยตอนนี้ทุกคนในตําหนักต่างก็รู้กันหมดแล้วว่าวันนี้คุณหนูตระกูลหานเข้าวังมาเยี่ยมเยียนพระสนมหวงกุ้ยเฟย คิดไม่ถึงว่าจะพบมือสังหารที่นอกตําหนักชิงอวิ๋นแต่คุณหนูตระกูลหานที่ปกป้องพระสนมหวงกุ้ยเฟยอย่างสุดจิตสุดใจ กลับถูกมีดแทงแทนนางโชคดีที่คุณหนูตระกูลหานโชคดีมาก ไม่ได้โดนทําร้ายจุดสําคัญเมื่อได้ยินข่าวนี้ ไป๋หลิงที่กําลังมาพร้อมกับลู่ซิงหุยก็ลุกขึ้นยืนทันที ขมวดคิ้วและมองไปข้างนอกและลู่ซิงหุยก็ตระหนักได้ในทันทีว่านี่เป็นฝีมือของไป๋หลิงจริงๆ นางต้องการแก้แค้นตําหนักชิงอวิ๋นเพื่อตัวเองจริงๆ คิดถึงตรงนี้ ลู่ซิงก็สั่งให้อิงหงออกไป แล้วดึงไป๋หลิงมาอีกครั้ง“พี่หญิงไป๋หลิง” ลู่ซิงหุยลองหยั่งเชิงอย่างเงียบๆ “จะมีใครพบท่านไหม?”ไป๋หลิงกลับตกใจกับคําถามอย่างกะทันหันขององค์หญิงหก มองนางอย่างประหลาดใจ จากนั้นเพียงแค่ยิ้มแล้วย่อตัวลงข้างองค์หญิงหก “องค์หญิงวางใจเถิด ไม่มีใครสืบสาวราวเรื่องได้หรอกเพคะ”พระสนมเต๋อเฟยเคยทิ้งคนกลุ่มหนึ่งไว้เบื้องหลัง ล้วนซ่อนอยู่ในวังหลังแห่งนี้ พวกเจาล้วนไม่มีพ่อแม่ไม่มีอะไรต
พอเห็นฉยงหัว รัชทายาทก็รีบก้าวขึ้นไปและถามว่า “แม่นางฉยงหัว ซีเยว่เป็นอย่างไรบ้าง?”เมื่อรู้ว่าซ่งชิงเหยียนเคารพและให้ความสําคัญกับฉยงหัว แม้จะรีบร้อน องค์รัชทายาทก็ยังเกรงใจนางมาก[ท่านแม่ ท่านแม่ ท่านแม่ ข้าบอกแล้วว่าพี่ฉงหัวเก่งที่สุด!][พี่ฉยงหัวได้ถอนพิษของพี่หญิงตระกูลหานแล้ว แม้แต่บาดแผลก็รักษาเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้พี่หญิงตระกูลหานพ้นขีดอันตรายแล้ว][แค่รอตื่นมาก็พอ]ซ่งชิงเหยียนและฮ่องเต้ต้าฉู่ได้ยินความในใจของลู่ซิงหว่าน ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกแต่องค์รัชทายาทกลับไม่ได้ยิน ยังคงมองฉยงหัวด้วยสายตาร้อนแรง รอคอยคําตอบของนาง“ทูลองค์รัชทายาทเพคะ” ฉยงหัวกอดลู่ซิงหว่านแล้วย่อตัวลงเล็กน้อย “แม่นางหานสบายดี ใช้เวลาเพียงหนึ่งก้านธูปก็ตื่นแล้วเพคะ”ซ่งชิงเหยียนก็รีบเข้าไปรับลู่ซิงหว่าน “ฉยงหัว ลําบากเจ้าแล้ว”“พระสนมหวงกุ้ยเฟยเกรงใจแล้ว เป็นหน้าที่ของบ่าวเพคะ” พระสนมหวงกุ้ยเฟยปฏิบัติต่อนางอย่างดีเช่นนี้ นางย่อมต้องตอบแทนอย่างสุดความสามารถเดิมทีฮ่องเต้ต้าฉู่กําลังพูดคุยกับองค์รัชทายาทอยู่ในห้องเรียน และอธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ ดังนั้นเมื่อได้ยินเรื่องนี้ พ่อลูกสองคนจึงมา
เมื่อรู้สึกถึงความโกรธของฝ่าบาท เมิ่งเฉวียนเต๋อรีบรับคําและหันหลังจากไปส่วนเสิ่นหนิงก็หลบไปหลบมา สุดท้ายก็หนีไม่พ้นความโกรธของฮ่องเต้ต้าฉู่ “ในเมื่อฮองเฮาอยู่ ก็ไม่จําเป็นต้องให้ข้าพูดมาก ในวังหลังเกิดเรื่องวุ่นวายแบบนี้ครั้งแล้วครั้งเล่า เจ้าเป็นฮองเฮา ควรทบทวนตัวเองให้ดี”เสิ่นหนิงรู้สึกหมดคําพูดเรื่องนี้เกี่ยวอะไรกับตน ใครใช้ให้นังซ่งชิงเหยียนนี่ล่วงเกินคนอื่นไปทั่ว ทําไมไม่เห็นมีใครมาลอบสังหารคนอื่นเลย!แต่ใบหน้านางกลับทําได้เพียงคุกเข่าลงไปอย่างนอบน้อม “ฝ่าบาทตรัสถูกต้องแล้วเพคะ หม่อมฉันคิดอยู่ว่า ถ้านางกํานัลคนนี้ไม่ใช่คนของวังหลวง ก็แสดงว่าแต่ละตําหนักย่อมมีคนอื่นปะปนเข้ามา”“หม่อมฉันคิดว่าควรตรวจสอบคนรับใช้ทั้งหมดในวังหลัง” พูดถึงตรงนี้เสิ่นหนิงก็หยุดชะงัก “แค่ยุ่งยากนิดหน่อย”ฮ่องเต้ต้าฉู่กลับเห็นด้วยกับความคิดเห็นของนางอย่างหาได้ยาก “ไปตรวจสอบตอนนี้เลย มีคนตายแล้ว ยังจะพูดว่ายุ่งยากหรือไม่ยุ่งยากอีก”“พระมเหสี” ระหว่างทางที่ออกจากตําหนักชิงอวิ๋น เยว่หรานก็เผยความไม่พอใจต่อฮ่องเต้ “พระมเหสีเหตุใดต้องทนเช่นนี้ด้วยเพคะ”เสิ่นหนิงกลับถอนหายใจยาวช่างเถอะ อดทนอีกไม่กี่เ
ถึงอย่างไรก็เป็นพระชายาของพี่ชายองค์รัชทายาทที่ยังไม่ได้แต่งงานอีกทั้งหานซีเยว่ดีต่อนางมากจริงๆ การเข้าวังครั้งนี้ ยังนําของเล่นพื้นบ้านมาให้นางไม่น้อยเลย[คนดีๆแบบนี้ต้องไม่ตายแน่]คิดถึงตรงนี้ ลู่ซิงหว่านถึงกับขอบตาแดงก่ำ[ในนิยาย หานซีเยว่ตายเพื่อพี่รัชทายาท คงเป็นไปไม่ได้ที่เรื่องจะมีตัวแปรมากมายขนาดนี้ แต่โชคชะตาของพี่หญิงตระกูลหานยังคงไม่เปลี่ยนแปลง!][พี่ฉยงหัวต้องรักษาได้แน่ๆ ]ซ่งชิงเหยียนจึงหันไปมองลู่ซิงหว่านที่ดวงตาแดงก่ำ กอดนางไว้ในอ้อมแขนและตบนางเบาๆ “หวานหว่านไม่ต้องกังวล พี่หญิงหานของเจ้าเป็นคนดีขนาดนี้ จะต้องไม่เป็นอะไรแน่นอน”“ฝ่าบาทเสด็จ องค์รัชทายาทเสด็จ” ในขณะที่สองแม่ลูกกําลังเสียใจเพราะหานซีเยว่ เสียงของเมิ่งเฉวียนเต๋อก็ดังขึ้นจากข้างนอก“พระมเหสีเสด็จ” ทันทีที่เมิ่งเฉวียนเต๋อพูดจบ ก็มีเสียงของขันทีน้อยที่อยู่ข้างๆ ดังขึ้นซ่งชิงเหยียนปล่อยลู่ซิงหว่านแล้วจูบนาง “หวานหว่านอยู่ดีๆ นะ แม่จะไปพบเสด็จพ่อดีไหม”ลู่ซิงหว่านพยักหน้าอย่างหนักแน่น แต่ไม่สนใจซ่งชิงเหยียนอีก เพียงมองไปทางหานซีเยว่เมื่อซ่งชิงเหยียนปรากฏตัวที่นอกประตู ทุกคนต่างก็ตกตะลึงแต่โชคร้า
“พี่ไป๋หลิง ตอนนี้เสด็จพี่ไม่อยู่แล้ว คนทั้งวังต่างก็รังแกข้า วันนั้นข้าถูกไอ้เด็กเหลือขอลู่ซิงหว่านรังแกอีกแล้ว” พูดจบประโยค องค์หญิงหกก็ร้องไห้ออกมาอีกครั้งความไม่พอใจในใจของไป๋หลิงเมื่อสักครู่ถูกลู่ซิงหุยแก้ไขทันทีใช่แล้ว ตอนนี้พระสนมหวงกุ้ยเฟยไม่อยู่แล้ว องค์ชายสามก็ถูกกักบริเวณแล้ว คนที่องค์หญิงหกสามารถพึ่งพาได้มีเพียงตนเองเท่านั้นเมื่อคิดถึงตรงนี้ ไป๋หลิงก็ตบหลังองค์หญิงหกเบาๆ “องค์หญิงวางใจเถิด สิ่งใดที่ทําให้องค์หญิงไม่สบายใจ ล้วนต้องได้รับผลกรรม”ในทิศทางที่ลู่ซิงหุยมองไม่เห็น ดวงตาของไป๋หลิงเต็มไปด้วยความเกลียดชังแม้แต่อิงหงก็ไม่กล้าสบตานางโดยตรง ก้มหน้าลงสิ่งที่ไป๋หลิงพูดในครั้งนี้ถูกต้อง ซ่งชิงเหยียนได้รับ"กรรมตามสนอง" อย่างที่นางพูดอย่างรวดเร็วเมื่อหานซีเยว่ออกจากวัง ซ่งชิงเหยียนก็ไปส่งนางที่ด้านนอก ซ่งชิงเหยียนก็ถูกลอบสังหารที่ถนนนอกตำหนักชิงอวิ๋นได้ยินมาว่าได้รับบาดเจ็บสาหัสมากส่วนนางกํานัลที่ลอบสังหารคนนั้น หลังจากลอบสังหารสําเร็จแล้ว ก็ปาดคอตายอยู่บนถนนทันทีข่าวนี้แพร่สะพัดไปทั่ววังหลังอย่างรวดเร็วในเวลานี้ไป๋หลิงกําลังอยู่กับลู่ซิงหุย เมื่อลู่ซิงหุ
ในขณะที่ซ่งชิงเหยียนกําลังยุ่งอยู่กับการพูดคุยกับหานซีเยว่ลู่ซิงหุยที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมมาหลายวันในที่สุดก็ได้พบกับไป๋หลิงทันทีที่ไป๋หลิงเข้าไปในห้องด้านใน ลู่ซิงหุยก็ขว้างถ้วยน้ำชาที่อยู่ข้างหน้าเขาไปที่เท้าของนางด้วยความโกรธ "เจ้ายังรู้ว่าจะมา!"“ตอนนี้เจ้าได้รับความโปรดปรานจากหญิงชั่วคนนั้นของฮองเฮาใช่หรือไม่? ลืมเสด็จแม่ของข้าไปจนสิ้นแล้ว!”ลู่ซิงหุยตอนนี้อาศัยอยู่ในตําหนักจิ่นซิ่ว ย่อมรู้ว่าบ่าวไพร่ของตําหนักจิ่นซิ่วเคารพไป๋หลิงเพียงใด และรู้ว่าตอนนี้ในใจของฮองเฮาพึ่งพาไป๋หลิงเป็นอย่างมากนอกจากนี้ไป๋หลิงไม่ได้ปรากฏตัวในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา ดังนั้นนางจึงสงสัยส่วนอิงหงที่ยืนอยู่ข้างหลังลู่ซิงหุย รีบก้าวเข้าไปปิดปากนางอย่างรวดเร็ว “องค์หญิง!”จากนั้นก็ปล่อยมือ “องค์หญิงระวังคําพูด ตอนนี้พวกเราอาศัยอยู่ในตําหนักจิ่นซิ่ว ทุกเรื่องต้องระมัดระวัง”“ฮึ” ลู่ซิงหุยส่งเสียงหึในลําคออย่างเย็นชา แล้วหันไปมองไป๋หลิงที่อยู่ตรงหน้า “เจ้าช่างเป็นคนที่รู้จักหลบๆ ซ่อนๆ เสียจริง เมื่อก่อนต้องมาที่ตำหนักของข้าทุกวัน”“ตั้งแต่พี่สามถูกเสด็จพ่อกักบริเวณอยู่ในตําหนักฉางชิว เจ้าก็ไม่ปราก