ปิ้วววว
ธงชัยลอยละล่องไปกระแทกกับประตูเสียงดังสนั่น ดวงตาเล็กๆของหนุ่มที่ไม่ยอมแก่เหลือบมองหน้าของบุรุษลึกลับเพียงแค่เสี้ยววินาที เห็นเพียงเครารุงรังและดวงตาดุที่วาววามอยู่ในความมืดก่อนที่ธงชัยจะตาลีตาเหลือกใส่เกียร์สุนัขโกยอ้าวออกจากร้านดอกไม้อย่างไม่คิดชีวิต
“ขะ..” คำว่าขอบคุณติดค้างอยู่ที่ลำคอระหง ในตอนนี้หญิงสาวรู้สึกสั่นไปหมดทั้งตัวด้วยความหวาดกลัว ดวงตาคู่สวยมองชายหนุ่มที่เข้ามาช่วยเธอด้วยสายตาไม่ไว้วางใจ
ธัศไนยยืนหันหลังให้ประภาพิณพลางมองตามร่างของธงชัยจนร่างที่มีไขมันตรงท้องมากผิดปกติวิ่งกระเผลกๆออกไปจากร้าน
ประภาพิณยืนหน้าซีดเพราะยังตกใจกับธงชัยที่อยู่ๆก็บุกมาเข้าห้องของเธอโดยไม่ทันตั้งตัวไม่หาย ก่อนที่สัญชาตญาณระแวงภัยของผู้หญิงจะฉุดดึงสติของเธอให้กลับมาแล้วมองผู้ชายร่างสูงตรงหน้าอย่างเพ่งพิศ
ผู้ชายคนนี้สูงมากจริงๆ ผมสีดำกลมกลืนไปกับความมืด เขาดูเหมือนจะเท่มากจริงๆที่อยู่ๆก็โผล่เข้ามาช่วยเธอได้ทันเหมือนวีรบุรุษ แต่...ทำไมที่หลังของเขาถึงมีเด็กกระเตงมาด้วยล่ะนั่น
ฟึ่บ!
อยู่ๆธัศไนยก็หันขวับมาทางเธอ เล่นเอาประภาพิณสะดุ้งเฮือก เขาปราดเข้ามาประชิดตัวเธอก่อนจะเอื้อมมือใหญ่มาจับข้อมือบางแล้วออกแรงลาก
“นี่ อย่ามาทำแบบนี้นะ คุณเป็นใคร” ประภาพิณถามเสียงแว้ดๆแต่เธอกับรู้สึกคุ้นๆอย่างบอกไม่ถูกเมื่อได้สบตากับดวงตาคู่ดุของเขาที่ดูแวววาวในความมืด
“ไปกับผม” เขาสั่งเสียงเข้ม เอ...เสียงนี่ก็ฟังดูคุ้นๆหูชอบกล
“ทำไมฉันต้องไปกับคุณด้วย”
“จะไปหรือไม่ไป ฮ๊ะ!” เขากระชากเสียงถามก่อนจะดันตัวหญิงสาวไปจนหลังของเธอชิดติดกำแพงห้อง โดยมีเด็กน้อยดูดนิ้วตัวเองจ๊วบๆอยู่ที่หลังกว้างของเขา
“จะ จะทำอะไร”
“ไม่ไปใช่มั้ย” เขาถามย้ำเพื่อความมั่นใจ
“ฉันไม่ไป” ประภาพิณยืนกรานเสียงแข็งก่อนที่ดวงตาคู่สวยจะเบิกกว้างขึ้นเมื่อเขากระแทกริมฝีปากลงมาปิดปากเธอแนบสนิท ลิ้นร้อนๆสอดเข้าไปควานหาความหวานในโพรงปาก ในขณะที่มืออีกข้างยันผนังกำแพงเอาไว้
“อื้อ” ประภาพิณพยายามเบี่ยงหน้าหนี แต่มืออีกข้างที่ว่างของเขากลับรั้งใบหน้าของเธอเอาไว้
จุ๊บ เขาถอนปากออกพร้อมสัมผัสปากเรียวของเธอหนักๆอีกครั้ง
“ไปกับผมเดี๋ยวนี้อย่าขัดขืน”
“คุณเป็นใคร ไม่มีสิทธิ์อะไรมาสั่งฉันแบบนี้นะ” ประภาพิณพูดเสียงสั่น รู้สึกอับอายอย่างบอกไม่ถูกที่โดนขโมยจูบแรกไป
“ผมเป็นเจ้าหนี้คุณ ผมมีสิทธิ์สั่ง”
“เจ้าหนี้?” คราวนี้ความคิดของประภาพิณเริ่มหวนนึกไปถึงเมื่อช่วงกลางวันทันที
“คุณเป็นหนี้ผม2ล้านครึ่ง”
“เป็นไปไม่ได้”
“แต่มันคือเรื่องจริง คุณเป็นหนี้ผม2,500,025บาทถ้วน แต่ว่าผมใจดี เศษอีก25บาท ผมไม่เอา”
“ฉันไปเป็นหนี้คุณได้ไง”
“พ่อคุณเป็นหนี้ผม” “ไม่จริง”
“พ่อคุณติดการพนัน”
“แต่พ่อฉันตายแล้ว”
“ใช่ เมื่อพ่อคุณตายแล้ว คุณก็ต้องใช้หนี้แทนสิ หรือว่าคิดจะเบี้ยวผม งั้นผมจะฟ้องคุณ”
ประภาพิณกระพริบตาถี่ๆ อย่าบอกนะว่าเขาคือคนเมื่อกลางวันที่มาตามทวงหนี้เธอโดยการให้เธอไปเป็นพี่เลี้ยงเด็ก ช่างเป็นการทวงหนี้ที่ประหลาดเสียจริงๆ มิน่าล่ะเมื่อกี้เธอถึงเห็นเด็กตัวกลมๆแปะติดอยู่ที่หลังของเขาด้วย
“ฉันไม่ไปหรอกค่ะ”
“ไม่ได้ คุณต้องไป”
“ทำไมถึงอยากให้ฉันไปอยู่กับคุณเพื่อเลี้ยงเด็กนักคะ คิดมิดีมิร้ายกับฉันอยู่หรือไง” ประภาพิณถามตามตรง ยังนึกเคืองที่เขาถือวิสาสะมาจูบเธอไม่หาย
“ใครจะไปอยากคิดมิดีมิร้ายกับคุณกัน ผมมากกว่าที่ควรจะกลัวโดนคุณปล้ำ”
“ทุเรศ ฉันไม่เคยคิดอยากจะปล้ำคุณเลยย่ะ” ประภาพิณสวนกลับทันควัน ตาต่อตาประสานกันนิ่งอย่างไม่มีใครยอมหลบ
“ไปกับผมได้แล้ว ผมเสียเวลามามากแล้ว”
“คุณกลับไปคนเดียวสิ”
“ผมเลี้ยงเด็กไม่เป็น”
“แล้วทำไมเวลาจะทำถึงไม่คิดล่ะยะ พอมีลูกขึ้นมาก็เลี้ยงไม่เป็น”
“ทำอะไร” คราวนี้เขาดูงงๆ เล่นเอาประภาพิณหน้าแดงก่ำ
“ทำอะไรก็แล้วแต่จะคิดสิ”
“อ๋อ ผมเข้าใจแล้ว ถ้าผมจะบอกว่าผมไม่ได้เป็นคนทำล่ะ”
“ถ้าไม่ได้ทำแล้วเด็กคนนี้จะเกิดขึ้นมาได้ยังไง”
“น้องชายผมเป็นคนทำต่างหาก”
“เหรออออ” ประภาพิณลากเสียงยาวก่อนจะชี้นิ้วออกไปที่นอกห้อง
“ออกไปได้แล้วค่ะ”
“ผมไม่ออก คุณจะต้องไปกับผมด้วย” เขาพูดเสียงเครียด
“เอ๊ะ ก็บอกว่าฉันไม่ไปไง”
“หรือว่าอยากโดนผมจูบอีก” ชายหนุ่มหรี่ตาลงมองริมฝีปากนุ่มๆอย่างติดใจในรสชาติที่เขาได้เพิ่งได้รับมาเมื่อครู่
“พูดถึงเรื่องจูบ ฉันยังไม่ได้คิดบัญชีกับคุณเลยนะ” พูดจบ มือเรียวก็ยกขึ้นมาหวังจะฟาดใบหน้าโหดๆนั่นสักทีแต่มือใหญ่คว้าเอาไว้ได้ทัน เสียงห้าวกระซิบพูดอย่างดุดันว่า
“จะตบผมเหรอ ข้อหาที่จูบคุณน่ะเหรอ”
“ปล่อยมือฉันนะ” ประภาพิณเริ่มดิ้นพร้อมพยายามบิดข้อมือตัวเองออก แต่ยิ่งดิ้นรนขัดขืน มือหนาก็ยิ่งออกแรงบีบข้อมือเธอมากขึ้นจนเธอต้องตีหน้าเหยเกด้วยความเจ็บ
“ถ้าจะเอาคืนเรื่องที่ผมจูบคุณ คุณก็มาจูบผมบ้างสิ จะได้เท่าเทียมกัน”
“ไอ้โรคจิต”
“คุณอย่ามาว่าผมแบบนี้นะ จำไม่ได้เหรอไงว่าคุณติดหนี้ผมอยู่”
“ฉั..” ประภาพิณยังพูดไม่ทันจบ ปากร้อนก็ฉกวูบลงปิดปากเธออีกครั้ง มือใหญ่กอบกุมหน้าอกอวบของเธอบีบเคล้นเบาๆอย่างลืมตัว
ยิ่งเห็นท่าทางตื่นๆ ดวงตาโตๆที่มองเขาอย่างจนหนทาง ตัวเล็กๆที่สั่นระริกยามที่จะถูกธงชัยขืนใจ ทุกภาพของเธอมันฉายชัดอยู่ในความทรงจำของเขา จนเขาห้ามใจไม่ไหว ยามที่สบตากับเธอ เขาก็อยากจูบเธอทุกครั้ง นี่เขาเป็นอะไรไป?
จมูกโด่งเลื่อนลงมาที่ซอกคอขาวผ่อง ปากร้อนๆขบกัดเบาๆจนเป็นรอยแดงราวจะตีตราเป็นเจ้าของ และก่อนที่อะไรจะเกินเลยไปมากกว่านี้ก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้น
“แงๆๆๆ”เสียงเจ้าเด็กขี้แยที่เขากระเตงใส่หลังมาด้วยนั่นเองที่ทำลายอารมณ์เขาจนแทบดับ ร่างสูงผละออกจากร่างนุ่มนิ่มแทบจะทันทีพลางเม้มปากตัวเองแน่น“ตบผมสิ จะได้หายกัน” เขาบอกเสียงเรียบ เพราะไม่คิดว่าเธอจะทำจริงๆเพี๊ยะ!เพี๊ยะๆๆเสียงดังฉาดๆๆหลายๆทีติดต่อกันดังสะท้อนไปทั้งห้องจนชายหนุ่มหน้าหันแล้วหันอีกจนคอแทบเคล็ด หน้าชาวูบเจ็บแสบแต่ก็ต้องทนกัดฟันข่มความเจ็บเอาไว้“นี่คุณตบผมจริงๆเรอะ”“ก็คุณเป็นคนบอกให้ฉันตบเอง” ประภาพิณเถียง น้ำตาไม่มีไหลสักหยด“ตบพอใจแล้วก็ไปกับผม” เขาพูดพลางฉุดข้อมือบางให้เดินตามเขา“ฉันไม่ไป”“คุณต้องไป ไม่งั้นคุณมีปัญหาแน่ อยากถูกผมฟ้องใช่มั๊ยประภาพิณ”“ทำไมคุณไม่ไปหาคนอื่นมาเป็นพี่เลี้ยง ทำไมต้องเจาะจงที่ฉันด้วย” หญิงสาวถามเสียงสั่น พยายามขืนตัวไม่เดินไปตามแรงลากของเขาสุดฤทธิ์“ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน อย่ามาขัดใจผมนะ”“ฉันทิ้งร้านนี้ไปไม่ได้”“คุณจะไม่ยอมไปกับผมดีๆใช่มั้ย” ชายหนุ่มถามเสียงเรียบ ในขณะที่ประภาพิณพยักหน้าหงึกหงัก“งั้นคงต้องใช้วิธีนี้” แล้วเขาก็จัดแจงช้อนร่างเธอขึ้นมาอุ้มไว้แนบอกทันที“ปล่อยนะ อย่ามาอุ้มฉันแบบนี้”“ถ้าไม่หยุดดิ้น ผมจูบแน่นอน” เขาก้มหน้า
จ๊วบๆๆๆ“แน่ะ มีเสียงซะด้วย” ธัศไนยหัวเราะในลำคออย่างอารมณ์ดี มือยังคงโอบอุ้มร่างน้อยไว้ในวงแขนโดยมีประภาพิณคอยถือขวดนมให้“นี่คุณคะ” เสียงเรียบๆที่ดังขึ้นทำให้ชายหนุ่มต้องเงยหน้าขึ้นมอง“มีอะไร”“ฉันทิ้งร้านดอกไม้ไปไม่ได้หรอกนะคะ”“…” ธัศไนยก้มลงมองเมธากรอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองหญิงสาวตาใสพร้อมพูดออกมาว่า“ไม่เห็นเป็นไรนี่ครับ คุณเปิดร้านตามปกติก็ได้ เดี๋ยวผมกับเจ้าเมไปอยู่ที่ร้านคุณด้วย พอตอนกลางคืนคุณก็มาอยู่ที่บ้านผม เคมะ”“อะไรนะ” ประภาพิณเบิกตากว้างจนแทบจะถลนอย่างไม่อยากจะเชื่อหู ในขณะที่ชายหนุ่มทำหน้ายิ้มกริ่ม“ยังสาวยังแส้ ไม่น่าเชื่อเลยว่าจะหูตึง”“ฉันไม่ได้หูตึง” หญิงสาวตวาดแหว “ฉันแค่ไม่คิดว่าคุณจะเสนอความคิดแบบนี้ต่างหาก”“แล้วทำไมล่ะ ความคิดของผมมันไม่ดีเหรอไง” คิ้วเข้มเลิกขึ้นสูงเป็นเชิงถาม ตาคมมองประภาพิณที่ยกมือข้างที่ว่างมาลูบคางตัวเองไปมาอย่างครุ่นคิดถ้าหากว่าเธอยอมทำตามข้อเสนอของเขา เธอก็จะได้เปิดร้านขายดอกไม้ตามปกติ แถมยังได้ใช้หนี้ให้เขาด้วย นับว่ายิงปืนนัดเดียวได้นกอีแร้งสองตัวเลยจริงๆ“ก็ได้ค่ะ” ประภาพิณพยักหน้าหงึกหงักก่อนจะถามเขาว่า“แล้วคุณไม่ทำงานท
“เมื่อผมเกิดเป็นไก่ วันนั้นผมถึงจะมีอารมณ์ขัน” เขาพูดหน้าตายชิ้ง!ประภาพิณนิ่งค้างเมื่อได้ยินคำตอบจากเขา ก่อนที่เธอจะปล่อยเสียงหัวเราะออกมาดังสนั่น“ฮ่าๆๆ ก๊ากๆๆๆๆ”“หัวเราะอะไรของคุณ” เขาถอยห่างออกจากเธอพร้อมยกมือขึ้นปิดหู“หัวเราะคำพูดคุณไง ตลกหน้าตายนะคะ คุณน่ะ ฮ่าๆๆๆๆ” หญิงสาวพูดพร้อมเอามือกุมท้องแล้วหัวเราะจนตัวงอ“หยุดหัวเราะเดี๋ยวนี้นะ” เขาสั่งเสียงเหี้ยม แต่มีหรือที่คนอย่างประภาพิณจะเกรงกลัว“ก๊ากๆๆๆ”“ถ้าไม่หยุด ผมจะจูบ”เงียบ…สิ้นคำขู่ เธอก็เงียบเสียงลงทันทีราวกับปิดสวิตซ์ ทำเอาชายหนุ่มต้องส่ายหน้าไปมาอย่างแสนจะผิดหวัง“นี่ไม่อยากโดนผมจูบถึงขนาดนี้เชียวเหรอ”“ก็ใช่น่ะสิคะ ใครจะไปอยากโดนผู้ชายที่ตัวเองไม่ได้รักจูบกัน” เธอตอบเสียงเรียบ ทั้งๆที่รู้สึกใจแกว่งๆชอบกลยามที่นึกถึงรสจูบอันดูดดื่มของเขา“เหรอ แต่ถึงผมจะไม่ได้รักคุณ ผมก็อยากจูบคุณนะ” เขาพูดพร้อมทำตาซึ้ง ก่อนจะอุทานออกมาเมื่อโดนมือเล็กๆผลักที่อกอย่างแรงจนเขาเซ“เบาๆหน่อยสิคุณ ผมยิ่งบอบบางอยู่ด้วย ผู้หญิงอะไร…ถึกเป็นบ้า”“ฮ้ะ!!” หญิงสาวอ้าปากค้างก่อนจะเตรียมเปล่งเสียงกรี๊ดออกมา แต่ร่างสูงโผนร่างเข้าหาเธอพร้อมเอามือร้อน
“คุณแฟน” เขาเรียกเธอด้วยเสียงทุ้มนุ่ม“คะ?” หญิงสาวกลืนน้ำลายเอื้อกลงคอก่อนจะทำตาปริบๆใสๆ“กับข้าววันนี้คือไข่ดาว1ฟอง?” คิ้วเข้มๆเลิกขึ้นสูงพร้อมถามเธอด้วยน้ำเสียงละมุนละไม“ใช่ค่ะ ไข่ดาวคนละฟอง เป็นอาหารจานด่วนค่ะ คุณจะได้ไม่ต้องหิ้วท้องรอนาน” หญิงสาวพยักหน้าหงึกหงักพร้อมเหล่มองจานข้าวของตัวเองบ้าง“ด่วนมากมั้ย” เขายังคงถามเธอด้วยเสียงทุ้มนุ่มลึก“มากค่ะ ทำไมเหรอคะ” หญิงสาวถามเสียงไร้เดียงสา และนั่นเองที่ทำให้ชายหนุ่มตบะแตก เพราะเขาโวยวายลั่นขึ้นมาอย่างอดไม่อยู่“ด่วนจนไหม้เลยใช่มั้ย ไข่ดาวดำจนเกรียมแบบนี้ใครจะไปกินลง”“เอ๊ะ คุณอย่ามาว่าฉันนะ ไข่ของฉันก็ไหม้เหมือนกัน ฉันยังไม่โวยวายเลย” ประภาพิณเงยหน้าขึ้นเถียงฉอดๆ เล่นเอาธัศไนยต้องผลักจานที่อยู่บนพื้นไปทางเธออย่างโมโห“ไข่ของผมไหม้มากกว่าของคุณอีกนะยัยคูโบต้า”“เอ้ะ ไข่ของคุณไหม้น้อยกว่าของฉันต่างหาก ฉันอุตส่าห์ยอมเสียสละเอาไข่ที่ไหม้น้อยๆให้คุณ ส่วนไข่ที่ไหม้มากๆฉันยอมกินเอง”“คุณดูให้ชัดๆสิ ไข่ของผมดำมาก ถ้าเป็นคุณ คุณจะกินลงเหรอไง” เขาชี้นิ้วไปที่จานที่วางอยู่บนพื้น ข้าวสวยร้อนๆเม็ดสวยงาม มีไข่ดาวนิโกรวางแปะอยู่บนเม็ดข้าวสวย“ไม่
“เช้านี้ผมจะทำอาหารที่ง่ายๆสักอย่างหนึ่งก่อน คราวหน้าค่อยทำอาหารที่มันหลากหลายมากกว่านี้”“ท่าทางคุณจะทำอาหารเก่งนะคะ”“ใช่ ผมน่ะชอบทำอาหารนะ รู้มั้ย” เขาบอกเธอด้วยน้ำเสียงภาคภูมิใจ ทำเอาประภาพิณชักจะรู้สึกหมั่นไส้ เธอจึงแขวะเขาไปว่า“ไม่เข้ากับหน้าคุณเลยนะคะ”“หมายความว่าไง” เขาหันมาถามเธอเสียงเข้ม พลางหรี่ตาลงอย่างหงุดหงิด“จะว่าผมหน้าโหดอีกล่ะสิ”“ปิ๊งป่อง ถูกแล้วค่ะท่านอาจารย์” เธอหัวเราะก๊ากๆ จนชายหนุ่มต้องส่ายหน้าอย่างอ่อนใจ ก่อนจะพูดออกมาว่า“ถ้าจะทำแกงจืดวุ้นเส้น ก่อนอื่นคุณต้องโขลกรากผักชี กระเทียม พริกไทยให้ละเอียดเสียก่อน แล้วค่อยเอาไปผัดกับเนื้อหมู ใส่น้ำปลา ใส่น้ำซุป เห็ดหูหนู ฟองเต้าหู้ ดอกไม้จีน”“เดี๋ยวๆๆค่ะ สมองฉันคิดตามไม่ทันคุณ” เธอยกมือข้างที่ว่างจากการอุ้มเมธากรมาโบกมือห้ามเขา“พอเถอะ ผมไม่พูดแล้ว” เขาตัดบท ก่อนจะหันรีหันขวาแล้วตั้งท่าจะเดินไปหยิบชามอ่าง แต่ประภาพิณกลับยืนขวางอยู่“คุณแฟน” เขาเรียกเธอเสียงระอา“อะไรคะ” เธอทำตาโตแล้วถามเขาอย่างใสซื่อ“คุณช่วยออกไปรอนอกห้องครัวได้ไหมครับ” เขาพูดเสียงสุภาพ ในขณะที่เธอทำหน้างุนงงอย่างไม่เข้าใจ“ทำไมล่ะคะ ฉันอยากยืนดูค
10.00น.กว่าธัศไนยและประภาพิณจะมาถึงที่ร้านบิวตี้ฟาวเว่อร์ก็เป็นเวลาสายมากแล้ว ธัศไนยที่อาบน้ำจนตัวหอมกรุ่นสวมใส่เสื้อผ้าสะอาดสะอ้านด้วยเสื้อยืดกับกางเกงยีนสบายๆ ที่แผ่นหลังกว้างแข็งแรงมีเด็กชายผิวขาวตัวเล็กๆที่แก้มมีแป้งทาไว้เป็นหย่อมๆกระเตงอยู่ด้วย ส่วนข้างๆกายเขามีผู้หญิงผมยาวสยายแต่งกายด้วยชุดนอนเนื้อหนาท่าทางเฉิ่มๆเหมือนคุณป้าที่เพิ่งตื่นนอนไม่มีผิด“กลิ่นตุๆนะ คุณน่ะ” เขาใช้นิ้วชี้กับนิ้วโป้งมาบี้จมูกตัวเองพร้อมเหล่ตามองผู้หญิงข้างๆตัว“แหม ก็ฉันยังไม่ได้อาบน้ำนี่คะ” เธอพูดพลางทำปากยื่นแล้วค้อนชายหนุ่มตาคว่ำ“ไม่รู้ว่ารถผมจะมีกลิ่นตุๆของคุณติดด้วยหรือเปล่า” เขาหันไปมองรถยนต์คันหรูที่จอดแอบอยู่ข้างๆร้าน beautiful flower ด้วยสายตาเป็นห่วง“เว่อร์เกินไปแล้วค่ะ” หญิงสาวค้อนอีกครั้ง มองท่าทางสะอาดๆกับผิวผ่องๆของชายหนุ่มอย่างหมั่นไส้“ผมกับไอ้เมอาบน้ำแล้ว มีแต่คุณนั่นแหละ ตื่นมาแล้วยังไม่อาบน้ำอีก ผู้หญิงอะไร…ซกมก” เขายังคงเหล่ตามองเธอแถมยังไม่หยุดบ่น จนหญิงสาวชักจะเริ่มโมโหขึ้นมา“ก็คุณเล่นไปพาตัวฉันมาตั้งแต่เมื่อคืน ฉันจะอาบน้ำได้ไงล่ะยะ เสื้อผ้าที่จะเปลี่ยนก็ไม่มี ถ้าคุณว่าฉันอีกคำ
“ฉันอาบน้ำเสร็จแล้วค่ะ มีคนเอาดอกไม้มาส่งหรือยังคะ”ทันทีที่ร่างบางที่มัดผมไว้เป็นหางม้าไว้ด้านหลัง สวมชุดเอี๊ยมขาสั้นสีสดใสปรากฏตัวขึ้นมาในร้าน beautiful flower ธัศไนยก็เดินปรี่เข้าไปหาหญิงสาวทันที พร้อมบอกเธอว่า“ดูสิๆๆคุณแฟน นายเมงอแงจังครับ”“หืม?” ประภาพิณเลิกคิ้วขึ้นสูงก่อนจะก้มลงมองหน้าเด็กชายในอ้อมกอดคนตัวสูงอย่างพินิจ แล้วเงยหน้าขึ้นมองเขาพร้อมกับพูดออกมาว่า“ไม่เห็นจะงอแงตรงไหนเลยค่ะ ฉันเห็นว่าหนูเมก็ดูจะมีความสุขดีนี่นา ยิ้มจนเห็นเหงือกเชียว”“เอ๊ะ ผมบอกว่างอแงก็ต้องงอแงสิ” เขายังคงดึงดันจะพูดให้เธอเชื่อเขาให้ได้ว่าเด็กชาย‘งอแง’จริงๆ“หลานคุณหน้าตาออกจะมีความสุข” หญิงสาวเถียงเขาฉอดๆ เล่นเอาธงชัยชักจะเริ่มออกอาการรับไม่ได้ที่ถูกเมินเฉยทำเหมือนเขาไร้ตัวตนในร้านนี้“เอ่อ อะแฮ่ม” ธงชัยกระแอมกระไอเล็กน้อยในลำคอเพื่อเรียกร้องความสนใจ ทำให้ทั้งประภาพิณและธัศไนยต้องหันไปมองโดยพร้อมเพรียงกัน“อะไรติดคอเหรอ” ธัศไนยถามรวนๆ ในขณะที่ประภาพิณพูดขึ้นมาด้วยท่าทางคอแข็งๆว่า“มาทำไมอีกงั้นเหรอคะ”“โธ่ คุณพิณครับ อย่าทำเย็นชากับผมนักสิ” ธงชัยทำเสียงออดๆ แต่อย่าหวังเลยว่าหญิงสาวจะใจอ่อน“ฉันไม
“ฮึ่ม ฝากไว้ก่อนเถอะมึง” ธงชัยมองไปทางร้านเล็กๆแต่น่ารักเบื้องหน้าด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเคียดแค้นแค้นที่โดนเหยียดหยามเกียรติและศักดิ์ศรีแค้นที่เธอทำเหมือนไม่เห็นค่าความรักของเขาเมื่อความแค้นมาบังตา คนที่เห็นใจตัวเองอยู่เสมอ แต่ไม่เคยเห็นใจคนอื่น จึงมักจะมองไม่เห็นข้อบกพร่องของตัวเอง ไม่เห็นความผิดตัวเอง ในสมองจึงครุ่นคิดอยู่แต่ว่า…ทำไม และทำไม ทำไมประภาพิณถึงไม่รับรักเขา ทำไมต้องขับไล่เขา ทำไมถึงไม่ยอมคุยดีๆกับเขาเมื่อความรู้สึกเสียหน้ามันท่วมท้นจนล้นใจ หนุ่มวัยดึกจึงเริ่มร่างแผนการร้ายๆไว้ในใจ โดยไม่คิดเลยสักนิดว่าสิ่งที่เขาทำ มันจะถูกหรือผิด เขารู้เพียงแค่ว่า…ขอให้เขาได้เธอมาครอบครอง และลบล้างคำหยามเหยียดในวันนี้ได้ก็พอ ส่วนใครจะเจ็บปวดเพราะผลของการกระทำของเขาบ้างนั้น เขาไม่สนใจทั้งสิ้น!!ประภาพิณอุ้มเด็กชายขึ้นมายืนอุ้มไว้ในอ้อมอก พร้อมกับจุ๊บที่หน้าผากบางๆของเมธากร รอยยิ้มบางๆผุดขึ้นที่มุมปากสีสดตามธรรมชาติเมื่อสมองหวนนึกไปถึงตอนที่ธัศไนยเข้ามาช่วยเหลือเธอจากการกระทำอันแสนป่าเถื่อนของธงชัยเมื่อคืนนี้ และตอนที่ธัศไนยยืนอยู่ข้างๆเธอเมื่อตอนที่ธงชัยมาหาเธออีกเมื่อครู่นี้เขาท
“เหนื่อยมั้ยคะ”เขาหันมามองหน้าเธอก่อนจะตอบเสียงเศร้าๆว่า“ไม่เหนื่อยหรอก ไอ้เอกมันติดยาน่ะ”“อะไรนะคะ!” ดวงตากลมโตเบิกกว้างอย่างตกใจ “ทำไมพี่เอกเขาถึงได้…”“เขาสารภาพออกมาหมดแล้วว่าแวววรรณกลับมาขอคืนดีกับเขาแล้วก็ทิ้งเขาไปอีกครั้ง เขาเลยทั้งเสียใจทั้งผิดหวัง ตอนนั้นมีคนมาเสนอยาบ้าให้เขา เขาเลยลองกินดูเพราะคิดว่าคงไม่ติด แต่ที่ไหนได้…เขาดันติดงอมแงม แล้วเรื่องที่เขามาปล้ำคุณน่ะ เพราะแววจ้างเขาด้วยยาบ้ายี่สิบเม็ดน่ะ”“ตายจริง…ไม่น่าเลยนะ เพราะยาบ้าแท้ๆ” หญิงสาวทำเสียงสลด“ตอนนี้ตำรวจเขาก็ไปจับแววแล้ว เพราะแววเป็นคนบงการ แถมยังมียาบ้าไว้ในครอบครองอีกหลายเม็ด คนรักของแววคนล่าสุดก็ตีตัวออกห่างไปแล้วพอรู้ว่าแววโดนตำรวจจับน่ะ”“เฮ้อ” ประภาพิณถอนหายใจออกมาอย่างเศร้าๆ ในขณะที่มือใหญ่จับคางเธอให้แหงนหน้าขึ้น“ก่อนที่ผมจะกลับบ้าน ผมขอจูบทีหนึ่งได้มั้ย” เขาขออนุญาต ยังไม่ทันที่เธอจะตอบอะไรออกมา ริมฝีปากร้อนๆก็แนบประกบเข้าที่เรียวปากอิ่มอย่างแผ่วเบาและเว้าวอน“แฟนรักคุณนะคะ” เธอบอกเมื่อเขาถอนจุมพิตออก ในขณะที่เขาลุกขึ้นยืนแล้วรั้งต้นแขนเธอให้ลุกขึ้นด้วย“พอผมไปแล้ว อย่าลืมลงกลอนให้แน่นหนานะ แล้วพ
เธอคิดไว้แล้วไม่มีผิดว่าสักวันพีระดาจะต้องรักภีรวัทน์ และก็เป็นอย่างที่เธอคิดเอาไว้จริงๆว่าพีระดาคิดจะล้อล่นกับความรู้สึกของตัวเอง แล้วเป็นไงล่ะ...ผลสุดท้ายก็ต้องมารักเขาเพราะความใกล้ชิด แต่เธอคิดว่าพีระดากับภีรวัทน์ก็ดูเหมาะสมกันดี ที่สำคัญ..ในวันแต่งงาน เธอดูออกว่าภีรวัทน์แคร์เพื่อนสาวของเธอมากขนาดไหน บางที...ภีรวัทน์อาจจะรู้สึกเดียวกันกับพีระดาในตอนนี้ก็ได้//ฮือๆๆ// พีระดาไม่ตอบ มีแต่เพียงเสียงสะอื้นไห้ที่ดังแว่วมาทางสายโทรศัพท์จนประภาพิณชักจะเริ่มรู้สึกหนักใจแทน“งั้นอีก1ปีแกก็ต้องเลิกกับเขาน่ะสิ แกควรจะบอกเขาไปตรงๆเลยนะว่าแกรู้สึกยังไงกับเขา อย่าปล่อยเวลาให้มันผ่านไปเฉยๆไม่งั้นแกอาจจะต้องเสียใจ”//เขาไม่ยอมทำตามสัญญา// พีระดาพูดด้วยเสียงสะอึกๆ เสียงสูดจมูกดังฟืดฟาดชวนให้นึกเวทนา“ห๋า ไม่ทำตามสัญญา”//ใช่ ไม่ทำตามสัญญา เขาฉีกสัญญาทิ้ง บอกว่าจะให้ฉันอยู่กับเขาต่อไป//“งั้นแกก็ควรจะดีใจสิที่เขาอยากอยู่กับแก แกจะมาร้องไห้คร่ำครวญเพื่อ?”//เขาแค่หวงฉัน ไม่ใช่ว่ารักถึงได้หวงนะ แต่เป็นเพราะ...เขาเห็นฉันเป็นแค่ของชิ้นหนึ่ง ไม่อยากให้ฉันไปตกเป็นของคนอื่น ความสำคัญของฉันมีแค่นี้จริงๆ//“เ
โครม!บานประตูห้องนอนถูกถีบออกอย่างแรงก่อนที่คอเสื้อของอเนกจะโดนมือใครคนหนึ่งลากขึ้นมาจากร่างงามที่เขากำลังจะหาความสุขด้วยยังไม่ทันที่อเนกจะได้เห็นหน้าคนที่กล้ามาคว้าคอเสื้อเขา หมัดหนักๆก็ถูกต่อยเข้ามาที่ใบหน้าอย่างแรงจนร่างผอมบางเซแซ่ดๆไปปะทะกับผนังห้อง“คุณธัศ ช่วยแฟนด้วย” ประภาพิณพูดด้วยเสียงสั่นๆพลางพยายามยันตัวลุกขึ้นนั่งทั้งๆที่ยังจุกอยู่ที่ท้องน้อยตาคู่คมตวัดมามองประภาพิณชั่วแว่บหนึ่งก่อนจะยกเข่ากระแทกที่ท้องของอเนกอย่างเดือดดาล พร้อมกับศอกที่กระแทกเข้าที่ศีรษะอเนกอย่างจัง“เมื่อก่อนฉันเห็นนายเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดคนหนึ่ง แต่มาวันนี้…นายกลับมาปล้ำแฟนฉัน ฉันไม่ปล่อยให้นายรอดแน่ เอก”น้ำเสียงนี้อเนกจำได้ดีว่าเป็นเสียงใคร…ชายหนุ่มค่อยๆทรุดลงไปกองอยู่ที่พื้นในสภาพหมดหนทางต่อสู้ พร้อมกับเงยหน้าขึ้นมองหน้าหล่อเหลาของอาจารย์วิทยาศาตร์ที่กำลังมองเขาอย่างบูดบึ้ง“อะ ไอ้ธัศ”“เออ ฉันเอง ทำไมนายถึงทำแบบนี้วะ” ธัศไนยถามเสียงตะคอก ก่อนจะหันไปทางประภาพิณที่นั่งหน้าซีดเผือดอยู่บนเตียง“คุณแฟน โทรหาตำรวจ”“แต่ว่าเขาเป็นเพื่อนคุณ”“ผมบอกให้โทรก็โทรไปสิ” ชายหนุ่มเริ่มเสียงดัง เล่นเอาหญิงสาวต้อง
16.42น.“แฟนจ๋า เราจะมีลูกด้วยกันกี่คนดีครับ” ธัศไนยนั่งสวีตหวานอยู่กับประภาพิณในร้าน beautiful flower มือใหญ่จับกุมมือบางแล้วใช้หัวนิ้วโป้งคลึงหลังมือเธอเบาๆ ตาคมหวานเชื่อมมองหญิงสาวอย่างแสนรัก“สองคนดีมั้ยคะ”“จะดีเหรอ” คิ้วเข้มเลิกขึ้นสูงอย่างไม่เห็นด้วย“ทำไมจะไม่ดีล่ะค่ะ ผู้ชายหนึ่งคน ผู้หญิงหนึ่งคน”“แต่ผมว่ามีลูกสักโหลนึงเลยก็ดีนะครับ” เขารั้งร่างบางมาพิงอกกว้างพร้อมจูบขมับหญิงสาวเบาๆ“โห ตั้งโหลนึงเชียวเหรอคะ เยอะเกินไปหรือเปล่า แฟนไม่ไหวหรอกค่ะ” เธอส่ายหน้าหวือ พูดอู้อี้“แต่ผมทำไหวนะ” เขาพูดอย่างเจ้าเล่ห์ ทำให้เธอต้องเงยหน้าออกจากอกหนาแล้วขว้างค้อนใส่เขาอย่างมีจริต“มีโหลนึง คุณคงจนกันพอดี”“ไม่จนหรอกน่า อย่างน้อยผมก็มีเงินเลี้ยงคุณและลูกให้มีความสุขได้ไปจนกว่าจะตาย ไม่มีทางปล่อยให้คุณลำบากแน่ๆ” เขาพูดเสียงหนักแน่น“เซี้ยว”“เซี้ยวที่ไหน ผมพูดตามความเป็นจริงนะ แต่ผมจอให้คุณสัญญากับผมสักข้อได้มั้ยครับคุณแฟน” เขาเอ่ยขอเสียงนุ่ม“ขออะไรคะ”“ถ้าแต่งงานกับผมแล้ว คุณห้ามมีสามีน้อยโดยเด็ดขาด”“อีตาบ้า ใครเขาจะมีสามีน้อยกัน” เธอหยิกหน้าอกเขาแรงๆจนชายหนุ่มร้องลั่น ก่อนที่หน้าคมจะตีหน
ทันทีที่อเนกกลับถึงบ้าน เขาก็ต้องขมวดคิ้วอย่างสงสัยเมื่อเห็นรถคันหรูมาจอดอยู่หน้าประตูบ้านของเขา ก่อนที่คนในรถจะเปิดประตูออกมา“แวว…” อเนกเรียกชื่อเธอเสียงแผ่ว มองหน้าสะสวยที่มีแว่นสีดำอันใหญ่ปกปิดอยู่อย่างเจ็บปวด“ใช่ค่ะ ขอบคุณที่ยังจำแววได้” แวววรรณเหยียดปากอย่างเยาะหยัน กวาดตามองอเนกอย่างสมเพซ“ผมไม่ได้ความจำเสื่อมนี่ครับ จะได้ลืมอะไรง่ายๆ ไม่เหมือนคุณหรอก พูดอะไรก็ลืม…”“ตายจริง นี่คุณหลอกด่าแววเหรอคะ” แวววรรณยกมือทาบอกอย่างมีจริต“แล้วแววเป็นอย่างที่ผมว่าหรือเปล่าล่ะครับ” ย้อนถามอย่างเจ็บแสบแต่แวววรรณไม่อยากถือสา เพราะ…ความแค้นที่เธอมีอยู่ตอนนี้มันสำคัญมากกว่าการต่อล้อต่อเถียงกับอดีตคู่นอนอย่างเขา“วันนี้แววมีเรื่องจะมาคุยกับคุณค่ะ”“นั่นสินะ ถ้าไม่มีธุระ คุณคงไม่มาหาผมหรอก”“คุณเลิกด่าแววสักทีได้มั้ยคะ” แวววรรณเริ่มขึ้นเสียงสูงอย่างไม่พอใจ“ผมไม่ได้ด่า ผมพูดความจริง”“ความจริงของคุณ แววไม่อยากฟัง”“ ถอยไป ผมจะเข้าบ้าน” อเนกผลักร่างอวบอิ่มที่เขาเคยหลงใหลในอดีตให้พ้นทางพร้อมกับไขกุญแจประตูบ้านแล้วเปิดออก“แต่แววมั่นใจว่าคุณจะต้องสนใจในสิ่งที่แววมาเสนอ” แวววรรณเดินตามเขาเข้าไปในบ้า
“ว้าย! ปล่อยเดี๋ยวนี้นะคะคุณธัศ”“ไม่เอา ผมคิดถึงคุณจะแย่ รู้มั้ย?”“ฉันจะกลับแล้วนะคะ มันมืดแล้ว คุณไม่เห็นเหรอไง”“คุณนอนที่นี่ก็ได้นี่นา” เขาทำเสียงออดอย่างเอาแต่ใจ“ไม่ได้แล้วค่ะ เพราะตอนนี้ฉันไม่ได้เป็นพี่เลี้ยงเด็กเหมือนเคย จะให้มาอยู่ที่บ้านคุณได้ไง เห็นฉันเป็นผู้หญิงใจง่ายเหรอคะ”ได้ฟังประโยคนี้เข้าไป ชายหนุ่มก็ถอนหายใจเฮือกอย่างยอมจำนน“โอเคๆ ผมยอมก็ได้ แต่ว่าคุณต้อง…” เขาเริ่มมีเงื่อนไขเล่นเอาประภาพิณต้องถามกลับอย่างหวาดระแวง“แต่ว่าอะไรคะ” เธอช้อนตาขึ้นมองเขา“แต่ว่า…จูบผมก่อนสิ แล้วจะปล่อย”“ไม่เอาหรอก ตาบ้า” เธอเบือนหน้าไปอีกทางอย่างขัดเขิน“ก็ตอนนี้เราเป็นแฟนกันแล้วนี่นา แค่จูบเองนะ นะครับ” เขาอ้อนเสียงอ่อน ตาคู่คมพราวระยับจนหญิงสาวใจอ่อนยวบ“ก็ได้ค่ะ” เธอพูดพร้อมโน้มต้นคอเขาให้ก้มลงต่ำมากขึ้นแล้วยกศีรษะขึ้นจุมพิตปากเขาเบาๆแล้วรีบถอยหน้าออกห่าง“ปล่อยฉันได้แล้วค่ะ”“เดี๋ยวสิ เรียกตัวเองว่าแฟนก่อน” เขายังมีเงื่อนไขอีกข้อ ทำเอาหญิงสาวตีหน้าบูด“เอาน่า อย่าหน้างอสิครับ น่านะ เรียกตัวเองว่าแฟน ผมว่ามันฟังดูน่ารักดีออกนะ” เขาก้มหน้าลงพูดใกล้ๆเธอโดยไม่สนใจสักนิดว่าร่างบางที่เข
อเนกยิ้มออกมาอย่างคนเมาๆเบลอๆ ตาฉ่ำไปหมด ในขณะที่โจ้เหยียดริมฝีปากออกอีกครั้งอย่างหยันๆ“ไหนล่ะครับพี่ ค่ายาแห่งความสุข” โจ้แบมือตรงหน้าเขาพลางกระดิกไปมา“อยู่ในลิ้นชัก เป็นเงินที่ผมเก็บไว้มานาน คุณไปหยิบสิ” อเนกบอกพร้อมยิ้มแหะๆอย่างมีความสุขโจ้เดินตรงไปเปิดลิ้นชักพร้อมกับหยิบกระปุกชินจังออกมาเปิดฝาในนี้ไม่มีเหรียญสักเหรียญเดียว มีแต่ธนบัตรใบละหนึ่งร้อยเต็มไปหมดโจ้หันไปมองอเนกอีกครั้งก่อนจะหยิบเงินออกมาหมดกระปุกเงินทั้งกระปุกนี่คงเกือบหมื่น….เขาขอไปหมดเลยก็แล้วกันโจ้รีบเก็บธนบัตรใบแดงๆยัดใส่กระเป๋าสะพายของตัวเองอย่างว่องไวพร้อมกับหันไปบอกอเนกตามมารยาทว่า“ผมกลับก่อนนะพี่”“อือ” อเนกชูสองนิ้วให้โจ้แล้วมองตามหลังโจ้ที่เปิดประตูออกไปจากบ้านของเขาแล้วด้วยสายตาขอบคุณอนิจจา…อาจารย์หนุ่มผู้ยึดมั่นในอุดมการณ์…ตอนนี้เขามีสภาพไม่ต่างจากสุนัขตัวหนึ่งที่หลงมัวเมาอยู่กับสารเสพย์ติดจนถอนตัวไม่ขึ้นณ วันนี้ อเนกได้ก้าวเข้าสู่นรกเต็มตัวแล้วอย่างสมบูรณ์!!ตอนเย็นของวันต่อมาธัศไนยขมวดคิ้วมุ่นเมื่อรู้สึกว่าช่วงนี้อเนกจะไม่ค่อยไปโรงเรียนโดยอ้างว่าไม่สบายมาหลายวันแล้ว หลังเลิกงาน เขาจึงขับรถแวะมาเย
ร่างสูงถอดแว่นตาสีชาออกจากใบหน้าคมคาย ดวงตาเพ่งมองไปที่ป้ายประกาศหน้าร้านดอกไม้เล็กๆอย่างงงๆ ‘ปิดร้านชั่วคราว’ เธอปิดร้านทำไม ไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า1อาทิตย์ที่ผ่านมา เมื่อเลิกจากงาน เขาจะต้องรีบมาที่ร้านของประภาพิณเสมอ แต่ทุกครั้งที่มา…เขาก็จะได้เห็นแต่ป้ายปิดร้านชั่วคราวแปะอยู่ที่หน้าร้าน beautiful flowerทั้งรักทั้งคิดถึง อยากเห็นหน้า อยากเจอ อยากพูดคุยด้วย แต่ก็เห็นได้แค่หน้าร้าน…แค่ได้มองร้านดอกไม้ ก็รู้สึกสุขใจ แม้ว่าจะมีความเศร้าแฝงอยู่บ้างก็ตามเขาเป็นอาจารย์มีหน้าที่สอนนักเรียน ต่อให้สภาพจิตใจของเขาจะย่ำแย่ขนาดไหน เขาก็หยุดงานไม่ได้แต่ถึงเขาจะไปทำงานตามปกติ แต่หัวใจเขากลับไม่ปกติ อาหารเขาก็ทานไม่ได้เยอะเหมือนเก่า หน้าหล่อๆก็เริ่มซูบลงเพราะตอนกลางคืนนอนไม่ค่อยหลับเมื่อไหร่นะ…ความทรมานที่เขาได้รับมันจะหายไปเสียทีธัศไนยถอนหายใจเฮือก ก่อนจะกลับเข้าไปนั่งในรถยนต์ตามเดิมแล้วค่อยๆขับจากไปด้วยหัวใจที่ยังหนักอึ้งเหมือนมีหินนับพันก้อนมากดทับเอาไว้จนเขาหายใจไม่สะดวกวันเวลาคือยาวิเศษที่จะสามารถรักษาแผลใจให้เขาได้ แต่กว่าเขาจะลืมรักเธอได้ เขากลัวว่า…ลมหายใจเขาจะหมดลงเสียก่อนน่ะสิ!!อ
คำว่ารักที่เขาบอกเธอไป มันไม่มีค่าเลย เธอไม่เคยมองเห็นความรู้สึกที่เขามีต่อเธอ ไม่เคยมอง…และก็คงไม่อยากมอง“พาฉันไปส่งที่ร้านดอกไม้หน่อยค่ะ ต่อไปนี้เราสองคนจะกลับไปเป็นเหมือนเดิม เหมือนวันที่เราไม่เคยรู้จักกัน เพราะฉัน…ไม่อยากรู้จักกับผู้ชายที่ชอบล่วงเกินฉันอย่างคุณ!!”ประโยคนี้ของเธอมันยังดังก้องอยู่ในหูเขา คำพูดที่อยากจะกล่าวออกมาเพื่อรั้งเธอเอาไว้ก็ไม่ยอมหลุดพ้นออกจากริมฝีปากในเมื่อเธอไม่อยากรู้จักกับเขาอีกต่อไป ในเมื่อเธออยากไปจากเขาเสียเต็มประดา แล้วเขาจะรั้งเธอไว้ทำไมล่ะ จริงไหม?เธอคงอยากกลับไปใช้ชีวิตเหมือนเดิมโดยไม่มีเขาไปคอยสร้างความรำคาญใจความสุขของเธอคือการไม่ได้เห็นหน้าเขา เขาก็ควรจะปล่อยเธอไปถึงแม้ว่าเขาจะรู้สึกเจ็บมากขนาดไหนก็ตามเจ็บอย่างที่ไม่เคยมีใครทำให้เขารู้สึกแบบนี้ได้ ผู้หญิงคนอื่นๆหรือแม้แต่แวววรรณ ผู้หญิงที่เขาคบด้วยคนล่าสุดก็ไม่เคยทำให้เขารู้สึกแย่ได้ถึงขนาดนี้มีประภาพิณเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ทำให้เขาร้องไห้ได้เพียงแค่คิด น้ำบางๆก็ฉาบที่ดวงตาคู่คม เขาก้มหน้าลงพร้อมซบหน้าลงกับเข่า นั่งลงบนสนามหญ้าสีเขียวข้างๆแปลงผักด้วยความเจ็บปวดและอ้างว้างที่สุดดวงตะวั