“คุณแฟน” เขาเรียกเธอด้วยเสียงทุ้มนุ่ม
“คะ?” หญิงสาวกลืนน้ำลายเอื้อกลงคอก่อนจะทำตาปริบๆใสๆ
“กับข้าววันนี้คือไข่ดาว1ฟอง?” คิ้วเข้มๆเลิกขึ้นสูงพร้อมถามเธอด้วยน้ำเสียงละมุนละไม
“ใช่ค่ะ ไข่ดาวคนละฟอง เป็นอาหารจานด่วนค่ะ คุณจะได้ไม่ต้องหิ้วท้องรอนาน” หญิงสาวพยักหน้าหงึกหงักพร้อมเหล่มองจานข้าวของตัวเองบ้าง
“ด่วนมากมั้ย” เขายังคงถามเธอด้วยเสียงทุ้มนุ่มลึก
“มากค่ะ ทำไมเหรอคะ” หญิงสาวถามเสียงไร้เดียงสา และนั่นเองที่ทำให้ชายหนุ่มตบะแตก เพราะเขาโวยวายลั่นขึ้นมาอย่างอดไม่อยู่
“ด่วนจนไหม้เลยใช่มั้ย ไข่ดาวดำจนเกรียมแบบนี้ใครจะไปกินลง”
“เอ๊ะ คุณอย่ามาว่าฉันนะ ไข่ของฉันก็ไหม้เหมือนกัน ฉันยังไม่โวยวายเลย” ประภาพิณเงยหน้าขึ้นเถียงฉอดๆ เล่นเอาธัศไนยต้องผลักจานที่อยู่บนพื้นไปทางเธออย่างโมโห
“ไข่ของผมไหม้มากกว่าของคุณอีกนะยัยคูโบต้า”
“เอ้ะ ไข่ของคุณไหม้น้อยกว่าของฉันต่างหาก ฉันอุตส่าห์ยอมเสียสละเอาไข่ที่ไหม้น้อยๆให้คุณ ส่วนไข่ที่ไหม้มากๆฉันยอมกินเอง”
“คุณดูให้ชัดๆสิ ไข่ของผมดำมาก ถ้าเป็นคุณ คุณจะกินลงเหรอไง” เขาชี้นิ้วไปที่จานที่วางอยู่บนพื้น ข้าวสวยร้อนๆเม็ดสวยงาม มีไข่ดาวนิโกรวางแปะอยู่บนเม็ดข้าวสวย
“ไม่รู้ล่ะ ในเมื่อคุณหิว คุณก็ฝืนๆกินไปเถอะ” เธอเชิดหน้าขึ้น พยายามยืดคอให้ยาวที่สุดเท่าที่จะทำได้ ถ้าจะให้เธอยอมแพ้อีตาหน้าโหดคนนี้ล่ะก็..ฝันไปเถอะ
“คุณก็กินให้ผมดูก่อนซี่”
“คุณจะให้ฉันกินไข่คุณเหรอ” คิ้วเรียวเลิกขึ้นสูง ในขณะที่โหนกแก้มของผู้ชายตรงหน้าชักจะเริ่มเป็นสีแดงระเรื่อ
“คุณจะหน้าแดงทำไม” เธอถามอย่างสงสัย เล่นเอาธัศไนยต้องเกาท้ายทอยตัวเองแกรกๆ
“คุณก็อย่าพูดคำว่า…ไข่ผม…บ่อยนักซี่ ผมเขินนะเนี่ย”
“หะ…” ประภาพิณอ้าปากค้าง แต่เมื่อนึกถึงคำพูดเขาชัดๆแล้ว เธอก็หน้าแดงก่ำขึ้นมาทันที
“พูดแบบนี้ผมคิดลึกนะนั่น” เขายังไม่เลิกหน้าแดง มือก็เกาต้นคอไปมาอย่างเขินๆ
“อ๊ายยยย ทะลึ่ง ทะลึ่งที่สุด” หญิงสาวหวีดร้องออกมาอย่างอับอาย ทำเอาธัศไนยต้องเบิกตากว้าง
“เฮ้ย เงียบๆสิคุณ เดี๋ยวไอ้เมก็ตื่นหรอก” เขาทำท่าจุ๊ปากเป็นการบอกให้เธอเงียบๆเสียง ทำให้ประภาพิณต้องเลิกกรี๊ดแล้วยกมือขึ้นมาอุดปากตัวเองไว้แน่น
….
เงียบฉี่
ทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบสนิท ประภาพิณกลืนน้ำลายลงคอดังเอื้อกใหญ่พร้อมภาวนาว่าขออย่าให้เด็กชายตื่นมาตอนนี้เลย
1นาทีผ่านไป
“แง้ๆๆๆๆ” เด็กชายเมธากรแผดเสียงร้องไห้จ้าดังมาจากในเปล เล่นเอาธัศไนยถึงกับหน้าซีด ชายหนุ่มหยิบจานข้าวทั้งสองใบขึ้นมาถือไว้ในมือก่อนจะลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว
“ผมจะไปทำกับข้าวใหม่ คุณดูแลไอ้เมไปนะ” พูดจบ หนุ่มหน้าโหดก็เดินเร็วๆเข้าครัวไปทันที ทิ้งให้หญิงสาวนั่งอ้าปากค้างอย่างงุนงง
“นี่ฉันต้องเป็นคนปลอบเด็กอีกแล้วเหรอเนี่ย” หญิงสาวคำรามลั่นพร้อมตวัดสายตาไปทางห้องครัวด้วยสายตาแค้นๆ
“หนีเอาตัวรอดคนเดียว จำไว้เลย” เธอบ่นอุบอิบก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินไปที่เปลพร้อมอุ้มเด็กชายขึ้นมาปลอบ
ธัศไนยคว้าผ้ากันเปื้อนสีฟ้าสดใสขึ้นมาสวมไว้อย่างรวดเร็วก่อนจะหันไปเปิดตู้เย็นเพื่อเลือกของที่ต้องการ
มือใหญ่หยิบหมูที่อยู่ในช่องรองน้ำแข็งออกมาวางไว้บนโต๊ะสะอาด ก่อนจะหันไปหยิบเห็ดหูหนู
“วันนี้คุณจะทำอะไรกินคะ” เสียงใสๆออกปากถาม ทำให้ชายหนุ่มต้องละมือออกจากตู้เย็นแล้วหันไปทางประตูห้องครัวจึงได้เห็นประภาพิณยืนอยู่ ในอ้อมแขนมีเด็กน้อยที่กำลังฉีกยิ้มโชว์ฟันซี่น้อยๆที่เพิ่งโผล่พ้นเหงือกแดงๆออกมา
“แกงจืด” เขาตอบ พร้อมกับยืนหันหลังให้เธอ แล้วจัดการล้างรากผักชีจนสะอาด
“เขาทำกันยังไงเหรอ” หญิงสาวเดินแท่ดๆมายืนข้างๆเขา โดยมีเมธากรฉีกยิ้มกว้างมองอยู่ตาแป๋ว
“นี่คุณเป็นผู้หญิงหรือเปล่า” เขาหันมาถามเธอ
“เป็นสิ หญิงแท้ๆด้วย ไม่ใช่กะเทยแน่นอน ถึงขนหน้าแข้งจะดกก็ตาม” เธอพูดตรงๆอย่างมั่นใจ เล่นเอาธัศไนยต้องหลุบตาลงมองขาเรียวที่โผล่พ้นชายชุดนอนเนื้อหนาของเธอออกมา
“เออ ดกจริงๆด้วย” เขาพยักหน้าอย่างเห็นด้วย
“เอ๊ะ ไม่ต้องเห็นด้วยก็ได้นะ” หญิงสาวขึ้นเสียงสูงอย่างไม่พอใจ
“อะไรของคุณ คุณเป็นคนบอกผมเองนะว่าคุณขนหน้าแข้งดก”
“แต่คุณไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย” ใบหน้าเรียวๆงอหงิก ในขณะที่เมธากรหัวเราะเอิ้กอ้ากอย่างไม่รู้ประสีประสา
“อะไรวะ คูโบต้าติงต๊อง”
“ถ้าคุณยังว่าฉันอีก ฉันจะไม่เลี้ยงหลานให้คุณ”
“งั้นคุณก็ต้องหาเงินมาใช้หนี้ผมสองล้านครึ่งเดี๋ยวนี้” เขางัดไม้ตายขึ้นมา ทำเอาประภาพิณต้องค้อนตาคว่ำ
“จะบอกฉันได้หรือยังว่าแกงจืดเขาทำกันยังไง” เธอเปลี่ยนเรื่องไปคุยเรื่องอื่น เมื่อเห็นว่าเธอเถียงเขาพ่ายแพ้ย่อยยับจนหน้าชาเห่อๆเพราะเสียฟอร์ม
“ทำกับข้าวไม่เป็นเหรอ” เขาถามพลางเลิกคิ้วขึ้นสูง ส่วนมือก็เด็ดรากผักชี พริกไทย กระเทียมลงในครกทรงสูง
“เป็นนิดหน่อย” เธอตอบอ้อมแอ้ม
“ปกติเวลาทานอาหาร คุณจะออกไปกินข้างนอกเหรอไง”
“เปล่าค่ะ เมื่อก่อนแม่ฉันเป็นคนทำกับข้าวให้ ส่วนฉันมีหน้าที่กิน พอพ่อกับแม่ฉันเสีย ฉันก็เลยกินมาม่าบ้าง บางทีก็ไข่ต้ม ไข่ทอด”
“ห๊ะ!!” เขาหันขวับมามองหน้าเธออย่างไม่อยากจะเชื่อ
“คุณกินแต่ของแบบนั้นเนี่ยนะ ขาดสารอาหารแย่เลย”
“ทำไงได้ล่ะ ก็ฉันทำกับข้าวไม่ค่อยเป็นนี่นา ไม่ชอบทำด้วย” เธอทำสีหน้าจ๋อยๆ ทำเอาชายหนุ่มใจอ่อนยวบ ก่อนที่เขาจะหันกลับไปที่ครกแล้วเริ่มลงมือโขลกส่วนผสมในครกเป็นจังหวะ
“เช้านี้ผมจะทำอาหารที่ง่ายๆสักอย่างหนึ่งก่อน คราวหน้าค่อยทำอาหารที่มันหลากหลายมากกว่านี้”“ท่าทางคุณจะทำอาหารเก่งนะคะ”“ใช่ ผมน่ะชอบทำอาหารนะ รู้มั้ย” เขาบอกเธอด้วยน้ำเสียงภาคภูมิใจ ทำเอาประภาพิณชักจะรู้สึกหมั่นไส้ เธอจึงแขวะเขาไปว่า“ไม่เข้ากับหน้าคุณเลยนะคะ”“หมายความว่าไง” เขาหันมาถามเธอเสียงเข้ม พลางหรี่ตาลงอย่างหงุดหงิด“จะว่าผมหน้าโหดอีกล่ะสิ”“ปิ๊งป่อง ถูกแล้วค่ะท่านอาจารย์” เธอหัวเราะก๊ากๆ จนชายหนุ่มต้องส่ายหน้าอย่างอ่อนใจ ก่อนจะพูดออกมาว่า“ถ้าจะทำแกงจืดวุ้นเส้น ก่อนอื่นคุณต้องโขลกรากผักชี กระเทียม พริกไทยให้ละเอียดเสียก่อน แล้วค่อยเอาไปผัดกับเนื้อหมู ใส่น้ำปลา ใส่น้ำซุป เห็ดหูหนู ฟองเต้าหู้ ดอกไม้จีน”“เดี๋ยวๆๆค่ะ สมองฉันคิดตามไม่ทันคุณ” เธอยกมือข้างที่ว่างจากการอุ้มเมธากรมาโบกมือห้ามเขา“พอเถอะ ผมไม่พูดแล้ว” เขาตัดบท ก่อนจะหันรีหันขวาแล้วตั้งท่าจะเดินไปหยิบชามอ่าง แต่ประภาพิณกลับยืนขวางอยู่“คุณแฟน” เขาเรียกเธอเสียงระอา“อะไรคะ” เธอทำตาโตแล้วถามเขาอย่างใสซื่อ“คุณช่วยออกไปรอนอกห้องครัวได้ไหมครับ” เขาพูดเสียงสุภาพ ในขณะที่เธอทำหน้างุนงงอย่างไม่เข้าใจ“ทำไมล่ะคะ ฉันอยากยืนดูค
10.00น.กว่าธัศไนยและประภาพิณจะมาถึงที่ร้านบิวตี้ฟาวเว่อร์ก็เป็นเวลาสายมากแล้ว ธัศไนยที่อาบน้ำจนตัวหอมกรุ่นสวมใส่เสื้อผ้าสะอาดสะอ้านด้วยเสื้อยืดกับกางเกงยีนสบายๆ ที่แผ่นหลังกว้างแข็งแรงมีเด็กชายผิวขาวตัวเล็กๆที่แก้มมีแป้งทาไว้เป็นหย่อมๆกระเตงอยู่ด้วย ส่วนข้างๆกายเขามีผู้หญิงผมยาวสยายแต่งกายด้วยชุดนอนเนื้อหนาท่าทางเฉิ่มๆเหมือนคุณป้าที่เพิ่งตื่นนอนไม่มีผิด“กลิ่นตุๆนะ คุณน่ะ” เขาใช้นิ้วชี้กับนิ้วโป้งมาบี้จมูกตัวเองพร้อมเหล่ตามองผู้หญิงข้างๆตัว“แหม ก็ฉันยังไม่ได้อาบน้ำนี่คะ” เธอพูดพลางทำปากยื่นแล้วค้อนชายหนุ่มตาคว่ำ“ไม่รู้ว่ารถผมจะมีกลิ่นตุๆของคุณติดด้วยหรือเปล่า” เขาหันไปมองรถยนต์คันหรูที่จอดแอบอยู่ข้างๆร้าน beautiful flower ด้วยสายตาเป็นห่วง“เว่อร์เกินไปแล้วค่ะ” หญิงสาวค้อนอีกครั้ง มองท่าทางสะอาดๆกับผิวผ่องๆของชายหนุ่มอย่างหมั่นไส้“ผมกับไอ้เมอาบน้ำแล้ว มีแต่คุณนั่นแหละ ตื่นมาแล้วยังไม่อาบน้ำอีก ผู้หญิงอะไร…ซกมก” เขายังคงเหล่ตามองเธอแถมยังไม่หยุดบ่น จนหญิงสาวชักจะเริ่มโมโหขึ้นมา“ก็คุณเล่นไปพาตัวฉันมาตั้งแต่เมื่อคืน ฉันจะอาบน้ำได้ไงล่ะยะ เสื้อผ้าที่จะเปลี่ยนก็ไม่มี ถ้าคุณว่าฉันอีกคำ
“ฉันอาบน้ำเสร็จแล้วค่ะ มีคนเอาดอกไม้มาส่งหรือยังคะ”ทันทีที่ร่างบางที่มัดผมไว้เป็นหางม้าไว้ด้านหลัง สวมชุดเอี๊ยมขาสั้นสีสดใสปรากฏตัวขึ้นมาในร้าน beautiful flower ธัศไนยก็เดินปรี่เข้าไปหาหญิงสาวทันที พร้อมบอกเธอว่า“ดูสิๆๆคุณแฟน นายเมงอแงจังครับ”“หืม?” ประภาพิณเลิกคิ้วขึ้นสูงก่อนจะก้มลงมองหน้าเด็กชายในอ้อมกอดคนตัวสูงอย่างพินิจ แล้วเงยหน้าขึ้นมองเขาพร้อมกับพูดออกมาว่า“ไม่เห็นจะงอแงตรงไหนเลยค่ะ ฉันเห็นว่าหนูเมก็ดูจะมีความสุขดีนี่นา ยิ้มจนเห็นเหงือกเชียว”“เอ๊ะ ผมบอกว่างอแงก็ต้องงอแงสิ” เขายังคงดึงดันจะพูดให้เธอเชื่อเขาให้ได้ว่าเด็กชาย‘งอแง’จริงๆ“หลานคุณหน้าตาออกจะมีความสุข” หญิงสาวเถียงเขาฉอดๆ เล่นเอาธงชัยชักจะเริ่มออกอาการรับไม่ได้ที่ถูกเมินเฉยทำเหมือนเขาไร้ตัวตนในร้านนี้“เอ่อ อะแฮ่ม” ธงชัยกระแอมกระไอเล็กน้อยในลำคอเพื่อเรียกร้องความสนใจ ทำให้ทั้งประภาพิณและธัศไนยต้องหันไปมองโดยพร้อมเพรียงกัน“อะไรติดคอเหรอ” ธัศไนยถามรวนๆ ในขณะที่ประภาพิณพูดขึ้นมาด้วยท่าทางคอแข็งๆว่า“มาทำไมอีกงั้นเหรอคะ”“โธ่ คุณพิณครับ อย่าทำเย็นชากับผมนักสิ” ธงชัยทำเสียงออดๆ แต่อย่าหวังเลยว่าหญิงสาวจะใจอ่อน“ฉันไม
“ฮึ่ม ฝากไว้ก่อนเถอะมึง” ธงชัยมองไปทางร้านเล็กๆแต่น่ารักเบื้องหน้าด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเคียดแค้นแค้นที่โดนเหยียดหยามเกียรติและศักดิ์ศรีแค้นที่เธอทำเหมือนไม่เห็นค่าความรักของเขาเมื่อความแค้นมาบังตา คนที่เห็นใจตัวเองอยู่เสมอ แต่ไม่เคยเห็นใจคนอื่น จึงมักจะมองไม่เห็นข้อบกพร่องของตัวเอง ไม่เห็นความผิดตัวเอง ในสมองจึงครุ่นคิดอยู่แต่ว่า…ทำไม และทำไม ทำไมประภาพิณถึงไม่รับรักเขา ทำไมต้องขับไล่เขา ทำไมถึงไม่ยอมคุยดีๆกับเขาเมื่อความรู้สึกเสียหน้ามันท่วมท้นจนล้นใจ หนุ่มวัยดึกจึงเริ่มร่างแผนการร้ายๆไว้ในใจ โดยไม่คิดเลยสักนิดว่าสิ่งที่เขาทำ มันจะถูกหรือผิด เขารู้เพียงแค่ว่า…ขอให้เขาได้เธอมาครอบครอง และลบล้างคำหยามเหยียดในวันนี้ได้ก็พอ ส่วนใครจะเจ็บปวดเพราะผลของการกระทำของเขาบ้างนั้น เขาไม่สนใจทั้งสิ้น!!ประภาพิณอุ้มเด็กชายขึ้นมายืนอุ้มไว้ในอ้อมอก พร้อมกับจุ๊บที่หน้าผากบางๆของเมธากร รอยยิ้มบางๆผุดขึ้นที่มุมปากสีสดตามธรรมชาติเมื่อสมองหวนนึกไปถึงตอนที่ธัศไนยเข้ามาช่วยเหลือเธอจากการกระทำอันแสนป่าเถื่อนของธงชัยเมื่อคืนนี้ และตอนที่ธัศไนยยืนอยู่ข้างๆเธอเมื่อตอนที่ธงชัยมาหาเธออีกเมื่อครู่นี้เขาท
“ท่าทางเขาจะกลัวคุณนะ” ประภาพิณพูดเสียงกลั้วหัวเราะ มือเรียวยังคงหยิบดอกไม้มาจัดอย่างชำนาญ“เขาเป็นใคร” ชายหนุ่มถามพร้อมวางตะกร้าลง“เขาเป็นคนส่งดอกไม้ค่ะ”“เหรอ ท่าทางไม่ให้เลยนะ” ชายหนุ่มวิจารณ์ เล่นเอาเธอต้องหันมาค้อนใส่อย่างหมั่นไส้“คุณเองก็หน้าไม่เหมาะจะเป็นครูเหมือนกันค่ะ”“ผมเป็นอาจารย์ฝ่ายปกครองด้วยน่ะ ต้องทำหน้าเข้มๆหน่อยสิ เดี๋ยวเด็กไม่กลัว” เขาลูบหนวดตัวเองไปมาแล้วเดินไปนั่งบนโซฟาข้างๆหลานชายตัวน้อยที่เริ่มจะนั่งเป็นแล้ว“อย่าว่าแต่เด็กเลยค่ะ ขนาดฉันยังกลัวคุณเลย”“หมายความว่าไง” คิ้วเข้มๆเริ่มขมวดมุ่น“ก็หมายความว่าฉันก็กลัวคุณน่ะสิคะ คนอะไรหน้าดุยังกับ…” หญิงสาวเงียบเสียงลง ไม่ได้พูดอะไรต่อ ก่อนที่เธอจะสะดุ้งเฮือกเมื่ออยู่ๆคนร่างสูงก็เดินมาหยุดยืนซ้อนอยู่เบื้องหลังของเธอ“ยังกับอะไร” เขาถามเสียงนุ่ม เล่นเอาประภาพิณชักจะเริ่มรู้สึกหายใจติดๆขัดๆ“มายืนทำไมตรงนี้เล่า ไปดูแลหลานคุณโน่นสิ” เธอออกปากไล่ มือไม้เริ่มสั่นจนจัดดอกไม้ต่อไม่ถูก“ผมอยากยืนตรงนี้ ไอ้เมมันโตแล้ว มันดูแลตัวเองได้ ผมไม่ต้องคอยตามดูแลมันทุกฝีก้าวหรอก” เขาพูดเสียงกริ่มๆ เล่นเอาประภาพิณต้องตวาดแหว“อายุหกเด
หลังจากจัดช่อดอกไม้ในมือเสร็จไปช่อหนึ่งแล้ว เธอก็ขมวดคิ้วมุ่นเมื่อวางช่อดอกไม้สีสันสดใสลงบนโต๊ะก่อนจะหยิบโทรศัพท์รุ่นขาวดำขึ้นมากดไปยังเบอร์ที่เซฟไว้เธอมีเพื่อนรักอยู่คนหนึ่ง เป็นแม่ค้าขายขนมครก หลังจากที่เรียนจบชั้นมัธยมมาด้วยกัน เธอและเพื่อนคนนี้ก็ไม่ค่อยได้พบกันอีกเลย นอกจากจะโทรหากันบ้างเป็นบางครั้งคราว และในเวลานี้…เธอก็รู้สึกคันปากยิบๆอยากระบายที่สุดรอเพียงระยะเวลาไม่นาน เพื่อนรักสมัยเด็กของเธอก็กดรับสายอย่างรวดเร็ว//ฮัลโหล// พีระดารับสายเสียงระรื่น“ฉันมีเรื่องอะไรจะเล่าให้แกฟัง” ประภาพิณจีบปากจีบคอเตรียมเล่าเต็มที่ แต่พีระดาพูดขัดขึ้นมาเสียก่อน//ฉันโดนจ้างให้ไปเป็นเจ้าสาว//“ห๋า อะไรนะ!!” จากที่คิดจะเล่าเรื่องของตัวเองให้เพื่อนแปลกใจเล่น กลับกลายเป็นว่าเธอต้องมาแปลกใจกับเรื่องของเพื่อนแทน//คุณภีมเขาบอกว่าจะตามหาแม่ให้ฉัน แต่ฉันต้องไปเป็นเจ้าสาวของเขาเพื่อเป็นการแลกเปลี่ยน// พีระดาบอกอ้อมแอ้มด้วยท่าทางเขินๆ“แล้วแกตอบเขาไปว่าไง” ประภาพิณถาม นึกตกใจไม่เบาที่อยู่ๆก็มาได้ยินว่าพีระดากำลังจะแต่งงาน//ก็ฉันอยากเจอแม่นี่นา// พีระดาพูดเสียงอ่อน ทำเอาประภาพิณนึกเดาได้ทันทีว่าเพื่อ
จากความผิดพลาดเพราะโดนยั่ว กลับกลายเป็นความรักอย่างที่ถอนตัวไม่ขึ้น เขาบอกกับเธอว่าเขาอยากแต่งงานกับเธอ แต่เธอก็พูดจาบ่ายเบี่ยงเขามาโดยตลอดจนในที่สุด…เธอก็ทำกับเขาเหมือนที่เคยทำกับธัศไนยมาก่อน นั่นก็คือบอกเลิกเขานอกจากนั้นเธอยังเที่ยวบอกกับใครต่อใครว่าเขาเป็นคนทิ้งเธอ เพื่อที่คนอื่นจะได้มองเธออย่างน่าสงสาร คนอื่นจะได้เห็นใจเธอเขาจำได้ว่าตอนนั้นเขาแทบเป็นบ้า เขาเสียใจ ทุกๆคืนเขาต้องนอนร้องไห้อยู่คนเดียว แต่เวลาผ่านไปได้ไม่นาน การที่เขาได้เห็นรอยยิ้มของเด็กๆเหล่าลูกศิษย์ที่น่ารักของเขา บาดแผลในใจเขาจึงเริ่มสมาน แม้ว่าจะยังเจ็บแปลบๆอยู่บ้างก็ตามอเนกส่ายศีรษะไปมาเพื่อขับไล่ความคิดเกี่ยวกับผู้หญิงคนนั้นออกไปจากสมอง ก่อนที่เขาจะเก็บรูปใบเดิมไว้ในอัลบั้มรูปเหมือนเก่าร่างสูง175เซนติเมตรลุกขึ้นยืนบิดตัวไปมาเพื่อขับไล่ความเมื่อยขบแล้วยิ้มออกมาบางๆยามเมื่อเดินไปเปิดตู้เย็นเพื่อรินน้ำมาดื่มจริงสิ…พรุ่งนี้เขาไปหาธัศไนยที่บ้านดีกว่าทันทีที่ท้องเริ่มร้องครวญคราง ประภาพิณก็เริ่มชะเง้อชะแง้ไปทางในครัว ก่อนจะได้เห็นหน้าคมๆโผล่ออกมาชวนเธอด้วยดวงตายิ้มๆ“อาหารสุกแล้วครับ มาทานก่อนสิ แล้วค่อยไปทำงา
“ทำไมผัดไทยของคุณถึงมีกุ้งเยอะกว่าฉัน”“เยอะที่ไหน ผมให้กุ้งคุณตั้งสิบกว่าตัวนะ” เขาแย้ง คิ้วเข้มๆขมวดเข้าหากันมุ่น“ไม่จริง คุณดูดีๆสิ ในจานของฉันมีกุ้งแค่สองตัวเอง” เธอใช้ช้อนส้อมจิ้มไปที่จานตัวเองเพื่อให้เขามองให้ชัดๆ“คุณตักกุ้งเข้าปากจนเกือบจะหมดจานแล้วก็บอกมาเถอะ”“ไม่จริง คุณให้กุ้งฉันน้อย ดูในจานของคุณสิ กุ้งมีตั้งเยอะ” เธอตวัดสายตามองจานเขาอย่างไม่พอใจ“อ้าว อะไรของคุณ” คราวนี้คิ้วเข้มๆเลิกขึ้นสูง ตาคมๆหรี่ลงมองสีหน้าเต้าเล่ห์ของหญิงสาวอย่างรู้เท่าทัน“คุณต้องเอากุ้งของคุณมาให้ฉันบ้าง จะได้ยุติธรรม” เธอเสนอแนะ ในขณะที่เขาหัวเราะในลำคอพร้อมพยักหน้า“คร้าบๆ จะเอากุ้งก็ตักไปสิ”“หึ” ประภาพิณทำเสียงขึ้นจมูกพร้อมใช้ช้อนตักกุ้งในจานเขามาไว้ในจานตัวเองอย่างรวดเร็ว“เอาล่ะค่ะ กินต่อได้แล้ว” เธอพูดอย่างอารมณ์ดีแล้วลงมือทานต่ออย่างเอร็ดอร่อย โดยมีสายตาคมกริบมองเธออย่างระอาใจก็ดูเธอสิ…เหลือกุ้งไว้ให้เขาแค่ตัวเดียวเนี่ยนะ!! ร่างสูงที่เพิ่งล้างจานเสร็จเดินออกมาจากห้องครัวพร้อมด้วยไม้กวาดอีกหนึ่งด้ามก่อนที่เขาจะเดินเกร่ๆมาทางเธอที่กำลังนั่งจัดช่อดอกไม้ในมืออย่างเพลินๆ“จะทำอะไ
“เหนื่อยมั้ยคะ”เขาหันมามองหน้าเธอก่อนจะตอบเสียงเศร้าๆว่า“ไม่เหนื่อยหรอก ไอ้เอกมันติดยาน่ะ”“อะไรนะคะ!” ดวงตากลมโตเบิกกว้างอย่างตกใจ “ทำไมพี่เอกเขาถึงได้…”“เขาสารภาพออกมาหมดแล้วว่าแวววรรณกลับมาขอคืนดีกับเขาแล้วก็ทิ้งเขาไปอีกครั้ง เขาเลยทั้งเสียใจทั้งผิดหวัง ตอนนั้นมีคนมาเสนอยาบ้าให้เขา เขาเลยลองกินดูเพราะคิดว่าคงไม่ติด แต่ที่ไหนได้…เขาดันติดงอมแงม แล้วเรื่องที่เขามาปล้ำคุณน่ะ เพราะแววจ้างเขาด้วยยาบ้ายี่สิบเม็ดน่ะ”“ตายจริง…ไม่น่าเลยนะ เพราะยาบ้าแท้ๆ” หญิงสาวทำเสียงสลด“ตอนนี้ตำรวจเขาก็ไปจับแววแล้ว เพราะแววเป็นคนบงการ แถมยังมียาบ้าไว้ในครอบครองอีกหลายเม็ด คนรักของแววคนล่าสุดก็ตีตัวออกห่างไปแล้วพอรู้ว่าแววโดนตำรวจจับน่ะ”“เฮ้อ” ประภาพิณถอนหายใจออกมาอย่างเศร้าๆ ในขณะที่มือใหญ่จับคางเธอให้แหงนหน้าขึ้น“ก่อนที่ผมจะกลับบ้าน ผมขอจูบทีหนึ่งได้มั้ย” เขาขออนุญาต ยังไม่ทันที่เธอจะตอบอะไรออกมา ริมฝีปากร้อนๆก็แนบประกบเข้าที่เรียวปากอิ่มอย่างแผ่วเบาและเว้าวอน“แฟนรักคุณนะคะ” เธอบอกเมื่อเขาถอนจุมพิตออก ในขณะที่เขาลุกขึ้นยืนแล้วรั้งต้นแขนเธอให้ลุกขึ้นด้วย“พอผมไปแล้ว อย่าลืมลงกลอนให้แน่นหนานะ แล้วพ
เธอคิดไว้แล้วไม่มีผิดว่าสักวันพีระดาจะต้องรักภีรวัทน์ และก็เป็นอย่างที่เธอคิดเอาไว้จริงๆว่าพีระดาคิดจะล้อล่นกับความรู้สึกของตัวเอง แล้วเป็นไงล่ะ...ผลสุดท้ายก็ต้องมารักเขาเพราะความใกล้ชิด แต่เธอคิดว่าพีระดากับภีรวัทน์ก็ดูเหมาะสมกันดี ที่สำคัญ..ในวันแต่งงาน เธอดูออกว่าภีรวัทน์แคร์เพื่อนสาวของเธอมากขนาดไหน บางที...ภีรวัทน์อาจจะรู้สึกเดียวกันกับพีระดาในตอนนี้ก็ได้//ฮือๆๆ// พีระดาไม่ตอบ มีแต่เพียงเสียงสะอื้นไห้ที่ดังแว่วมาทางสายโทรศัพท์จนประภาพิณชักจะเริ่มรู้สึกหนักใจแทน“งั้นอีก1ปีแกก็ต้องเลิกกับเขาน่ะสิ แกควรจะบอกเขาไปตรงๆเลยนะว่าแกรู้สึกยังไงกับเขา อย่าปล่อยเวลาให้มันผ่านไปเฉยๆไม่งั้นแกอาจจะต้องเสียใจ”//เขาไม่ยอมทำตามสัญญา// พีระดาพูดด้วยเสียงสะอึกๆ เสียงสูดจมูกดังฟืดฟาดชวนให้นึกเวทนา“ห๋า ไม่ทำตามสัญญา”//ใช่ ไม่ทำตามสัญญา เขาฉีกสัญญาทิ้ง บอกว่าจะให้ฉันอยู่กับเขาต่อไป//“งั้นแกก็ควรจะดีใจสิที่เขาอยากอยู่กับแก แกจะมาร้องไห้คร่ำครวญเพื่อ?”//เขาแค่หวงฉัน ไม่ใช่ว่ารักถึงได้หวงนะ แต่เป็นเพราะ...เขาเห็นฉันเป็นแค่ของชิ้นหนึ่ง ไม่อยากให้ฉันไปตกเป็นของคนอื่น ความสำคัญของฉันมีแค่นี้จริงๆ//“เ
โครม!บานประตูห้องนอนถูกถีบออกอย่างแรงก่อนที่คอเสื้อของอเนกจะโดนมือใครคนหนึ่งลากขึ้นมาจากร่างงามที่เขากำลังจะหาความสุขด้วยยังไม่ทันที่อเนกจะได้เห็นหน้าคนที่กล้ามาคว้าคอเสื้อเขา หมัดหนักๆก็ถูกต่อยเข้ามาที่ใบหน้าอย่างแรงจนร่างผอมบางเซแซ่ดๆไปปะทะกับผนังห้อง“คุณธัศ ช่วยแฟนด้วย” ประภาพิณพูดด้วยเสียงสั่นๆพลางพยายามยันตัวลุกขึ้นนั่งทั้งๆที่ยังจุกอยู่ที่ท้องน้อยตาคู่คมตวัดมามองประภาพิณชั่วแว่บหนึ่งก่อนจะยกเข่ากระแทกที่ท้องของอเนกอย่างเดือดดาล พร้อมกับศอกที่กระแทกเข้าที่ศีรษะอเนกอย่างจัง“เมื่อก่อนฉันเห็นนายเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดคนหนึ่ง แต่มาวันนี้…นายกลับมาปล้ำแฟนฉัน ฉันไม่ปล่อยให้นายรอดแน่ เอก”น้ำเสียงนี้อเนกจำได้ดีว่าเป็นเสียงใคร…ชายหนุ่มค่อยๆทรุดลงไปกองอยู่ที่พื้นในสภาพหมดหนทางต่อสู้ พร้อมกับเงยหน้าขึ้นมองหน้าหล่อเหลาของอาจารย์วิทยาศาตร์ที่กำลังมองเขาอย่างบูดบึ้ง“อะ ไอ้ธัศ”“เออ ฉันเอง ทำไมนายถึงทำแบบนี้วะ” ธัศไนยถามเสียงตะคอก ก่อนจะหันไปทางประภาพิณที่นั่งหน้าซีดเผือดอยู่บนเตียง“คุณแฟน โทรหาตำรวจ”“แต่ว่าเขาเป็นเพื่อนคุณ”“ผมบอกให้โทรก็โทรไปสิ” ชายหนุ่มเริ่มเสียงดัง เล่นเอาหญิงสาวต้อง
16.42น.“แฟนจ๋า เราจะมีลูกด้วยกันกี่คนดีครับ” ธัศไนยนั่งสวีตหวานอยู่กับประภาพิณในร้าน beautiful flower มือใหญ่จับกุมมือบางแล้วใช้หัวนิ้วโป้งคลึงหลังมือเธอเบาๆ ตาคมหวานเชื่อมมองหญิงสาวอย่างแสนรัก“สองคนดีมั้ยคะ”“จะดีเหรอ” คิ้วเข้มเลิกขึ้นสูงอย่างไม่เห็นด้วย“ทำไมจะไม่ดีล่ะค่ะ ผู้ชายหนึ่งคน ผู้หญิงหนึ่งคน”“แต่ผมว่ามีลูกสักโหลนึงเลยก็ดีนะครับ” เขารั้งร่างบางมาพิงอกกว้างพร้อมจูบขมับหญิงสาวเบาๆ“โห ตั้งโหลนึงเชียวเหรอคะ เยอะเกินไปหรือเปล่า แฟนไม่ไหวหรอกค่ะ” เธอส่ายหน้าหวือ พูดอู้อี้“แต่ผมทำไหวนะ” เขาพูดอย่างเจ้าเล่ห์ ทำให้เธอต้องเงยหน้าออกจากอกหนาแล้วขว้างค้อนใส่เขาอย่างมีจริต“มีโหลนึง คุณคงจนกันพอดี”“ไม่จนหรอกน่า อย่างน้อยผมก็มีเงินเลี้ยงคุณและลูกให้มีความสุขได้ไปจนกว่าจะตาย ไม่มีทางปล่อยให้คุณลำบากแน่ๆ” เขาพูดเสียงหนักแน่น“เซี้ยว”“เซี้ยวที่ไหน ผมพูดตามความเป็นจริงนะ แต่ผมจอให้คุณสัญญากับผมสักข้อได้มั้ยครับคุณแฟน” เขาเอ่ยขอเสียงนุ่ม“ขออะไรคะ”“ถ้าแต่งงานกับผมแล้ว คุณห้ามมีสามีน้อยโดยเด็ดขาด”“อีตาบ้า ใครเขาจะมีสามีน้อยกัน” เธอหยิกหน้าอกเขาแรงๆจนชายหนุ่มร้องลั่น ก่อนที่หน้าคมจะตีหน
ทันทีที่อเนกกลับถึงบ้าน เขาก็ต้องขมวดคิ้วอย่างสงสัยเมื่อเห็นรถคันหรูมาจอดอยู่หน้าประตูบ้านของเขา ก่อนที่คนในรถจะเปิดประตูออกมา“แวว…” อเนกเรียกชื่อเธอเสียงแผ่ว มองหน้าสะสวยที่มีแว่นสีดำอันใหญ่ปกปิดอยู่อย่างเจ็บปวด“ใช่ค่ะ ขอบคุณที่ยังจำแววได้” แวววรรณเหยียดปากอย่างเยาะหยัน กวาดตามองอเนกอย่างสมเพซ“ผมไม่ได้ความจำเสื่อมนี่ครับ จะได้ลืมอะไรง่ายๆ ไม่เหมือนคุณหรอก พูดอะไรก็ลืม…”“ตายจริง นี่คุณหลอกด่าแววเหรอคะ” แวววรรณยกมือทาบอกอย่างมีจริต“แล้วแววเป็นอย่างที่ผมว่าหรือเปล่าล่ะครับ” ย้อนถามอย่างเจ็บแสบแต่แวววรรณไม่อยากถือสา เพราะ…ความแค้นที่เธอมีอยู่ตอนนี้มันสำคัญมากกว่าการต่อล้อต่อเถียงกับอดีตคู่นอนอย่างเขา“วันนี้แววมีเรื่องจะมาคุยกับคุณค่ะ”“นั่นสินะ ถ้าไม่มีธุระ คุณคงไม่มาหาผมหรอก”“คุณเลิกด่าแววสักทีได้มั้ยคะ” แวววรรณเริ่มขึ้นเสียงสูงอย่างไม่พอใจ“ผมไม่ได้ด่า ผมพูดความจริง”“ความจริงของคุณ แววไม่อยากฟัง”“ ถอยไป ผมจะเข้าบ้าน” อเนกผลักร่างอวบอิ่มที่เขาเคยหลงใหลในอดีตให้พ้นทางพร้อมกับไขกุญแจประตูบ้านแล้วเปิดออก“แต่แววมั่นใจว่าคุณจะต้องสนใจในสิ่งที่แววมาเสนอ” แวววรรณเดินตามเขาเข้าไปในบ้า
“ว้าย! ปล่อยเดี๋ยวนี้นะคะคุณธัศ”“ไม่เอา ผมคิดถึงคุณจะแย่ รู้มั้ย?”“ฉันจะกลับแล้วนะคะ มันมืดแล้ว คุณไม่เห็นเหรอไง”“คุณนอนที่นี่ก็ได้นี่นา” เขาทำเสียงออดอย่างเอาแต่ใจ“ไม่ได้แล้วค่ะ เพราะตอนนี้ฉันไม่ได้เป็นพี่เลี้ยงเด็กเหมือนเคย จะให้มาอยู่ที่บ้านคุณได้ไง เห็นฉันเป็นผู้หญิงใจง่ายเหรอคะ”ได้ฟังประโยคนี้เข้าไป ชายหนุ่มก็ถอนหายใจเฮือกอย่างยอมจำนน“โอเคๆ ผมยอมก็ได้ แต่ว่าคุณต้อง…” เขาเริ่มมีเงื่อนไขเล่นเอาประภาพิณต้องถามกลับอย่างหวาดระแวง“แต่ว่าอะไรคะ” เธอช้อนตาขึ้นมองเขา“แต่ว่า…จูบผมก่อนสิ แล้วจะปล่อย”“ไม่เอาหรอก ตาบ้า” เธอเบือนหน้าไปอีกทางอย่างขัดเขิน“ก็ตอนนี้เราเป็นแฟนกันแล้วนี่นา แค่จูบเองนะ นะครับ” เขาอ้อนเสียงอ่อน ตาคู่คมพราวระยับจนหญิงสาวใจอ่อนยวบ“ก็ได้ค่ะ” เธอพูดพร้อมโน้มต้นคอเขาให้ก้มลงต่ำมากขึ้นแล้วยกศีรษะขึ้นจุมพิตปากเขาเบาๆแล้วรีบถอยหน้าออกห่าง“ปล่อยฉันได้แล้วค่ะ”“เดี๋ยวสิ เรียกตัวเองว่าแฟนก่อน” เขายังมีเงื่อนไขอีกข้อ ทำเอาหญิงสาวตีหน้าบูด“เอาน่า อย่าหน้างอสิครับ น่านะ เรียกตัวเองว่าแฟน ผมว่ามันฟังดูน่ารักดีออกนะ” เขาก้มหน้าลงพูดใกล้ๆเธอโดยไม่สนใจสักนิดว่าร่างบางที่เข
อเนกยิ้มออกมาอย่างคนเมาๆเบลอๆ ตาฉ่ำไปหมด ในขณะที่โจ้เหยียดริมฝีปากออกอีกครั้งอย่างหยันๆ“ไหนล่ะครับพี่ ค่ายาแห่งความสุข” โจ้แบมือตรงหน้าเขาพลางกระดิกไปมา“อยู่ในลิ้นชัก เป็นเงินที่ผมเก็บไว้มานาน คุณไปหยิบสิ” อเนกบอกพร้อมยิ้มแหะๆอย่างมีความสุขโจ้เดินตรงไปเปิดลิ้นชักพร้อมกับหยิบกระปุกชินจังออกมาเปิดฝาในนี้ไม่มีเหรียญสักเหรียญเดียว มีแต่ธนบัตรใบละหนึ่งร้อยเต็มไปหมดโจ้หันไปมองอเนกอีกครั้งก่อนจะหยิบเงินออกมาหมดกระปุกเงินทั้งกระปุกนี่คงเกือบหมื่น….เขาขอไปหมดเลยก็แล้วกันโจ้รีบเก็บธนบัตรใบแดงๆยัดใส่กระเป๋าสะพายของตัวเองอย่างว่องไวพร้อมกับหันไปบอกอเนกตามมารยาทว่า“ผมกลับก่อนนะพี่”“อือ” อเนกชูสองนิ้วให้โจ้แล้วมองตามหลังโจ้ที่เปิดประตูออกไปจากบ้านของเขาแล้วด้วยสายตาขอบคุณอนิจจา…อาจารย์หนุ่มผู้ยึดมั่นในอุดมการณ์…ตอนนี้เขามีสภาพไม่ต่างจากสุนัขตัวหนึ่งที่หลงมัวเมาอยู่กับสารเสพย์ติดจนถอนตัวไม่ขึ้นณ วันนี้ อเนกได้ก้าวเข้าสู่นรกเต็มตัวแล้วอย่างสมบูรณ์!!ตอนเย็นของวันต่อมาธัศไนยขมวดคิ้วมุ่นเมื่อรู้สึกว่าช่วงนี้อเนกจะไม่ค่อยไปโรงเรียนโดยอ้างว่าไม่สบายมาหลายวันแล้ว หลังเลิกงาน เขาจึงขับรถแวะมาเย
ร่างสูงถอดแว่นตาสีชาออกจากใบหน้าคมคาย ดวงตาเพ่งมองไปที่ป้ายประกาศหน้าร้านดอกไม้เล็กๆอย่างงงๆ ‘ปิดร้านชั่วคราว’ เธอปิดร้านทำไม ไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า1อาทิตย์ที่ผ่านมา เมื่อเลิกจากงาน เขาจะต้องรีบมาที่ร้านของประภาพิณเสมอ แต่ทุกครั้งที่มา…เขาก็จะได้เห็นแต่ป้ายปิดร้านชั่วคราวแปะอยู่ที่หน้าร้าน beautiful flowerทั้งรักทั้งคิดถึง อยากเห็นหน้า อยากเจอ อยากพูดคุยด้วย แต่ก็เห็นได้แค่หน้าร้าน…แค่ได้มองร้านดอกไม้ ก็รู้สึกสุขใจ แม้ว่าจะมีความเศร้าแฝงอยู่บ้างก็ตามเขาเป็นอาจารย์มีหน้าที่สอนนักเรียน ต่อให้สภาพจิตใจของเขาจะย่ำแย่ขนาดไหน เขาก็หยุดงานไม่ได้แต่ถึงเขาจะไปทำงานตามปกติ แต่หัวใจเขากลับไม่ปกติ อาหารเขาก็ทานไม่ได้เยอะเหมือนเก่า หน้าหล่อๆก็เริ่มซูบลงเพราะตอนกลางคืนนอนไม่ค่อยหลับเมื่อไหร่นะ…ความทรมานที่เขาได้รับมันจะหายไปเสียทีธัศไนยถอนหายใจเฮือก ก่อนจะกลับเข้าไปนั่งในรถยนต์ตามเดิมแล้วค่อยๆขับจากไปด้วยหัวใจที่ยังหนักอึ้งเหมือนมีหินนับพันก้อนมากดทับเอาไว้จนเขาหายใจไม่สะดวกวันเวลาคือยาวิเศษที่จะสามารถรักษาแผลใจให้เขาได้ แต่กว่าเขาจะลืมรักเธอได้ เขากลัวว่า…ลมหายใจเขาจะหมดลงเสียก่อนน่ะสิ!!อ
คำว่ารักที่เขาบอกเธอไป มันไม่มีค่าเลย เธอไม่เคยมองเห็นความรู้สึกที่เขามีต่อเธอ ไม่เคยมอง…และก็คงไม่อยากมอง“พาฉันไปส่งที่ร้านดอกไม้หน่อยค่ะ ต่อไปนี้เราสองคนจะกลับไปเป็นเหมือนเดิม เหมือนวันที่เราไม่เคยรู้จักกัน เพราะฉัน…ไม่อยากรู้จักกับผู้ชายที่ชอบล่วงเกินฉันอย่างคุณ!!”ประโยคนี้ของเธอมันยังดังก้องอยู่ในหูเขา คำพูดที่อยากจะกล่าวออกมาเพื่อรั้งเธอเอาไว้ก็ไม่ยอมหลุดพ้นออกจากริมฝีปากในเมื่อเธอไม่อยากรู้จักกับเขาอีกต่อไป ในเมื่อเธออยากไปจากเขาเสียเต็มประดา แล้วเขาจะรั้งเธอไว้ทำไมล่ะ จริงไหม?เธอคงอยากกลับไปใช้ชีวิตเหมือนเดิมโดยไม่มีเขาไปคอยสร้างความรำคาญใจความสุขของเธอคือการไม่ได้เห็นหน้าเขา เขาก็ควรจะปล่อยเธอไปถึงแม้ว่าเขาจะรู้สึกเจ็บมากขนาดไหนก็ตามเจ็บอย่างที่ไม่เคยมีใครทำให้เขารู้สึกแบบนี้ได้ ผู้หญิงคนอื่นๆหรือแม้แต่แวววรรณ ผู้หญิงที่เขาคบด้วยคนล่าสุดก็ไม่เคยทำให้เขารู้สึกแย่ได้ถึงขนาดนี้มีประภาพิณเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ทำให้เขาร้องไห้ได้เพียงแค่คิด น้ำบางๆก็ฉาบที่ดวงตาคู่คม เขาก้มหน้าลงพร้อมซบหน้าลงกับเข่า นั่งลงบนสนามหญ้าสีเขียวข้างๆแปลงผักด้วยความเจ็บปวดและอ้างว้างที่สุดดวงตะวั