เสน่หามนตรา
บทที่ 7 - รุก! ( NC 10%)
เมื่อสิ้นคำพูดที่ เชคฮ บราฮิม กล่าวลั่น ม่านฟ้าก็แย้งขึ้นทันที "แล้วคุณจะทนทำไม...รู้จักกันไหม ? ก็เปล่าเลย" ม่านฟ้าแย้งขึ้นทันควัน
"หนึ่ง..." เสียงเข้มนับเลขเป็นภาษาอังกฤษ สายตาคมจ้องมองม่านฟ้าอย่างไม่ละสายตา ขาแกร่งค่อย ๆ ขยับเข้ามาทีละก้าว จนสาวเจ้าต้องก้าวถอยหลังให้ออกห่าง
"........" ความรู้สึกหวาดระแวงเมื่อสายตาชายหนุ่มเอาแต่จ้องมอง "จา จะทำอะไร"
"สอง..." ขาแกร่งขยับเข้าหาช้า ๆ ไม่ได้สนใจคำถามม่านฟ้าสักนิด
"นี่คุณ! ขยับออกไปนะ...อ๊ะ!" แผ่นหลังบางกระทบกับผนังห้อง วงแขนแกร่งกักกั้นเธอไว้ทันทีอย่างไม่รีรอ
"หึ" รอยยิ้มร้ายมุมปากผุดขึ้นบนใบหน้าคมเข้ม เมื่อเห็นแล้วว่าม่านฟ้าไร้หนทางหลีกหนี
"อะ ออกไปนะ" เสียงพูดติดขัดอย่างหวาดระแวง รอยยิ้มร้ายที่เหมือนแอบแฝงอะไรบางอย่าง จนม่านฟ้านั้นเริ่มรู้สึกไม่ปลอดภัย
"ไม่อยากจะใช้กำลังบังคับ"
"งั้นก็หลบและปล่อยฉันสิ"
"..............." ใบหน้าคมสันเลื่อนเข้ามาใกล้อย่างช้า ๆ อีกทั้งสายตายังจ้องมองหน้าหญิงสาวไม่วางตา ทำเอาม่านฟ้านั้นใจเต้นโครมครามอย่างไม่อาจหักห้ามได้เมื่อมองใบหน้าคมนี้ในระยะประชิด เขาดูมีเสน่ห์ แววตาคมเฉี่ยวดุจพญาเหยี่ยว สายตาที่มองมามันทำให้ม่านฟ้าใจเต้นแรงไม่เป็นจังหวะ ...ฉันเป็นโรคหัวใจอย่างนั้นหรือ... เธอได้แต่กร่นสงสัยในใจเท่านั้น
"แต่กับคุณผมคงต้องทำ" เสียงเข้มดังเข้ามาในระยะประชิดข้างหู ลมหายใจอุ่นกระทบผิวคอจนรู้สึกขนลุกวาบหวิว
"คะ คุณต้องการอะไรจากฉันกันแน่"
"ผมต้องการคุณ"
"อย่ามาตลกค่ะ" ม่านฟ้าเบิกตากว้าง ทำใจดีสู้เสือ เมื่อเสียงเข้มสิ้นสุดลง ...ผมต้องการคุณ...คำนี้ที่ดังเข้ามาในส่วนการรับฟังทำเอาม่านฟ้านั้นอกแทบแตก ผู้ชายอะไรถึงหยาบคายได้ถึงเพียงนี้
"ผมไม่เคยเล่นตลกกับใคร" ชายหนุ่มตอบกลับทันใดพร้อมสบสายตาจ้องมองม่านฟ้าอย่างไม่กระพริบตา
"ฉันไม่ใช่ผู้หญิงอย่างว่า" ม่านฟ้าตอบกลับเร็วพลัน
"อันนั้นผมรู้"
"แต่ก็ยังขมขู่บังคับฉันเนี้ยนะ" เสียงแหลมแผดดังพร้อมใช้มือบางดันร่างกำยำให้ออกห่าง แต่ช่างเหมือนผลักดันภูเขาทั้งลูกก็ไม่ปาน
"ก็แค่อยากจะทานข้าวด้วย..." เชคฮบราฮิม พูดเสียงอ่อนลง
"แน่ใจ" ม่านฟ้าย้อนถาม เพราะตอนนี้ในใจเธอนึกกลัวชายผู้นี้จนตัวสั่น แค่พยายามเก็บกั้นความหวาดกลัวไว้เท่านั้น
"อะไรที่คิดว่าผมลังเล"
"เราไม่เคยพบเจอ หรือรู้จักกันมาก่อน"
"แล้วไง"
"เอ้า!...คุณนี่"
"อย่าเซ้าซี้ให้มาก ผมเสียเวลามากพอแล้วที่โต้เถียงกับคุณ"
"ฉันไม่ได้ร้องขออยากกินข้าวกับคุณเสียหน่อย"
"ผมปล่อยเวลาผ่านโดยไร้ประโยชน์นานแล้ว...เอ๊ะ! หรือคุณคิดถ่วงเวลาเรียกค่าชดเชย"
"เหอะ~~ตลก ฉันไม่ใช่เด็กที่คิดแค่นั้น อย่าลืมว่านี่มันคือเวลาพักผ่อนของฉัน ป่านนี้เพื่อนฉันตามหาทั่ววุ่นวายแล้ว" ม่านฟ้าร่ายยาวถึงเหตุที่ควรจะเป็น เพราะเธอมากับบริษัททัวร์ที่ทุกอย่างต้องทำพร้อมกันตามที่บริษัททัวร์กำหนด การทานข้าว การตื่นนอน และนัดพบ ทุกอย่างล้วนถูกบริษัททัวร์กำหนดไว้แล้ว
"อยากพักผ่อน...อยู่กับผมตลอดไปซะสิ คุณอยากพักผ่อนที่ไหนก็ได้ตามที่คุณต้องการ" เชคฮ บราฮิมเสนอ
"บ้าเหรอ! คุณ...อ๊ะ อื้ม" เชคฮ บราฮิมไม่รอให้ม่านฟ้าได้พูดต่อ ความเสน่หาตรงหน้าที่ทำให้ชายหนุ่มเลือดร้อนอดไม่ได้ กลีบปากบางกระจับมันดึงดูดให้ เชคฮ บราฮิมเข้าหาและประทับริมฝีปากบดจูบอย่างไม่อาจห้ามใจได้
"อื้อ อ่อย..." ม่านฟ้าตาลุกวาวเม้มปากแน่นเป็นเส้นตรงเพื่อปิดกั้นลิ้นร้ายที่พยายามรุกล้ำเธอ เสียงปรามที่ม่านฟ้าพยายามเค้นพูด ใบหน้าเสลาพยายามเบือนหลบหนีแต่มีหรือจะรอดพ้น
...มือหนาแข็งแรงข้างหนึ่งกดตรึงรั้งท้ายทอยสาวให้แน่นิ่ง มือเล็กที่ไหวติงด้วยแรงบางเบาพยายามทุบตีไหล่กว้างเท่าที่แรงจะมี แต่ชายชาตรีตรงหน้าจับกดสองข้อมือเล็กตรึงกับผนัง หนทางหลีกหนีจึงแทบไม่มี
"อ๊ะ!" เชคฮ บราฮิม ขบกัดกลีบปากล่างเมื่อเธอนั้นปิดกั้น จนม่านฟ้าเผลอเปิดกลีบปากให้เรียวลิ้นสากเข้าไปชิมความหอมหวานในทันใด
...รสจูบอันเร่าร้อนที่ เชคฮ บราฮิม กำลังรุกล้ำความหวานในโพรงปากสาวจนแทบไม่อยากจะปล่อย เรียวลิ้นสากกวัดไกว่ดูดชิมรสหวานเป็นพัลวันอย่างเสน่หาต้องการ ร่างกายหญิงสาวแรกแย้มที่เหมือนกระแสไฟฟ้าแล่นผ่าน อารมณ์และการสัมผัสที่แปลกใหม่ที่ไม่คุ้นชินมันทำให้ม่านฟ้าอ่อนระทวยแทบยืนไม่อยู่ เหมือนร่างกายนั้นอ่อนแรงไร้การต้านทาน มือหนาซุกซนลูบไล้ลงผิวแขน ไล่ต่ำลงมาเรื่อยๆ ตามอารมณ์ที่ก่อเกิด
"หวานดีจัง" ชายหนุ่มละริมฝีปากออกในระยะประชิด สายตาคมมองหน้าหญิงสาวที่แน่นิ่งตัวสั่น
"อ๊ะ!...อย่า" เสียงต่ำแหบพร่าเอ่ยห้าม เล็ดรอดออกมาอย่างห้ามปราม เมื่อมือหนาสัมผัสเว้าวนตรงความสาวผ่านเนื้อผ้า ทำเอาม่านฟ้านั้นสะดุ้งตัวโหยง สัมผัสแรกใหม่ที่เธอไม่คุ้นชินและเชคฮ บราฮิมคือคนแรกที่ได้แตะต้องมัน ซึ่งนั่นจะต้องไม่ใช่แบบนี้ สิ่งมีค่าที่ม่านฟ้าหวงแหนเธอจะต้องมอบมันให้คนที่รักไม่ใช่คนที่เพิ่งพบเจอกัน
"ร่างกายคุณไม่ได้บอกแบบนั้น" ยิ่งห้ามก็เหมือนยิ่งยุ เชคฮ บราฮิมไม่ได้สนใจเสียงม่านฟ้าที่ห้ามปรามสักนิด ร่างบางพยายามดิ้นให้หลุดพ้น แต่เชคฮ บราฮิมกลับบดเบียดแนบชิดกายแกร่ง อีกทั้งออกแรงเค้นคลึงความสาวหนักหน่วงขึ้น จนม่านฟ้าแทบเข่าทรุด แต่ชายหนุ่มก็ฉุดรั้งเอวไว้ด้วยลำแขนแกร่ง...เสียงด่าทอตัวเองในใจ ทำไมถึงต้องอ่อนไหวแบบนี้นะ เรี่ยวแรงที่มีหายไปไหนหมด...ม่านฟ้าได้แต่พร่ำในใจ
"อย่าค่ะ...อ๊ะ อื้ม ขอร้อง" มีหรือที่คนเอาแต่ใจจะฟัง อีกทั้งยังล้วงมือเข้าไปในร่มผ้า แม้นม่านฟ้าจะบิดเอวหลีกหนีก็ตาม เมื่อมือหนาสัมผัสเนินนูนที่ปกคลุมด้วยแพรไหมหยาบ ความเป็นชายก็ยิ่งกระสันตัณหามากขึ้นเป็นทวีคูณ แต่ทำได้เพียงอดกลั้นอารมณ์ไว้
"ม่านฟ้า" ร่องความสาวที่ถูกคนเอาแต่ใจถูไถขึ้นลง จนอาบชื้นด้วยน้ำกามสาวที่หลั่งไหลออกมาอย่างไม่ขาดสาย สัมผัสนี้แม้สมองสั่งการให้ขัดขืนหลีกหนี แต่ร่างกายที่ตอนนี้กลับสวนทาง
"อ๊ะ! อืม ปะ ปล่อย อื้อ...เจ็บ" เสียบหวานแหบร้องปราม เมื่อนิ้วร้ายกลับสอดใส่เข้าไปในโพรงความสาวนุ่มนิ่ม ม่านฟ้าสะดุ้งตัวตกใจ เธออ่อนระทวยต่อเขาง่ายเพียงนี้เชียวหรือ
"ม่านฟ้า คุณ..." เชคฮ บราฮิมเอ่ยเรียกอีกทั้งยังตกใจเมื่อความสาวนุ่มนิ่มที่สัมผัสตอดรัดนิ้วมือเป็นห้วงๆ และยังคับแน่นดั่งสาวแรกแย้มเมื่อเขาสัมผัสสวนนิ้วเข้าออก "ผมโชคดี" จากสัมผัสที่ได้ชายหนุ่มก็รับรู้แล้วว่าเธอนั้นยังบริสุทธิ์
"อ๊ะ อื้อ อื้ม" กายสาวกระตุกเกร็งและความสาวขมิบตอดเร็วถี่ นั่นคือเธอนั้นได้ปลดปล่อยตัวตนออกมาจนหมด ร่างกายเบาหวิวล่องลอยเหมือนความหนักอึ้งหดหายไปในบัดดล...เรี่ยวแรงในการทรงตัวถดถอยเชคฮ บราฮิมผู้เอาแต่ใจเผยยิ้มอย่างภูมิในการเป็นคนแรกของเธอแม้นไม่ใช่ความเป็นตัวตนที่สอดใส่ แต่นั่นมันก็ทำให้เขาดีใจได้เมื่อนึกถึงอนาคตที่เขานั้นจะได้ครอบครองเธอ
เสน่หามนตราบทที่ 8 - ตั้งใจเชคฮ บราฮิมรับตัวม่านฟ้าที่ไร้เรี่ยวแรงจะยืน ยกอุ้มตัวสาวขึ้นแนบอกก่อนจะพาเดินไปแล้ววางเธอนั่งนั่งลงบนเก้าอี้ตัวหรูขลิบทอง ท่ามกลางอาหารมากมายละลานตา เวลานี้เธอควรทานอาหารได้แล้ว...ท่ามกลางบรรยากาศที่สว่างไสวด้วยแสงเทียนสีนวล บนโต๊ะที่เต็มไปด้วยอาหารหลากหลายเมนู ใบหน้าสวยเสลาเมื่อกระทบกับเสียงเทียนช่างดูตราตรึง น่าค้นหาสายตาคมของเชคฮ บราฮิมจ้องมองอย่างไม่ลดละท่ามกลางความเงียบไร้เสียงสนทนา ม่านฟ้าที่ต้องจำยอมทานมื้อเย็นกับเชคฮบราฮิมผู้สูงศักดิ์ด้วยเม็ดเงินจำนวนมากสำหรับเธอที่เขาเสนอให้นอกจากค่าเสียเวลาต่อนาทีแล้ว เธอยังได้อีกหนึ่งหมื่นดอลล่าตามที่เชคฮ บราฮิมเสนอ..."อาหารถูกปากไหม" เชคฮบราฮิมเอ่ยถามเมื่อนานแล้วบนโต๊ะอาหารมีแต่ความเงียบสงัด"ค่ะ" คำตอบแสนสั้นแต่รับรู้ได้ ม่านฟ้าตอบแค่นั้นและหันไปสนใจอาหารตรงหน้าต่อ เพราะเหตุการณ์ก่อนหน้ามันตอกย้ำว่าศักดิ์ศรีและความสาวของเธอ ถูกพังทลายลงด้วยฝีมือผู้ชายตรงหน้า เธอโกรธ!"อยากได้อะไรเพิ่มไหม" เชคฮ บราฮิม สรรค์หาคำถามอีกครั้ง เมื่อม่านฟ้าเอาแต่ตั้งหน้าตั้งตาตักข้าวเข้าปากอย่างเดียว โดยไม่สนใจเหลียวมองเขาเลย
เสน่หามนตราบทที่ 9 - มารหัวใจเมื่อเสียงปริศนาภาษาอังกฤษดังขึ้นทั้งม่านฟ้าและครรชิต จึงเบนสายตาไปยังเจ้าของเสียง ชายหนุ่มรูปร่างสูง กำยำล่ำสัน ในชุดสูทสีเข้มกำลังเดินมุ่งตรงมาประชิดในการสนทนาของคนทั้งสอง พร้อมกับคนสนิทอย่างราชิตที่ติดสอยห้อยตามตูดมาไม่ห่างกาย "คุณม่านฟ้ารู้จักเขาเหรอครับ"("ไม่ค่ะ/รู้") ม่านฟ้าและบราฮิมพูดขึ้นพร้อมกันอย่างไม่ได้นัดแนะ"ฉันไม่รู้จักเขาค่ะ" ม่านฟ้าตอบปฏิเสธโดยไม่มองหน้าเชคฮ บราฮิมสักนิด"ทำไมจะไม่รู้...เมื่อกี้เรายังทานข้าวด้วยกัน" เชคฮ บราฮิมสวนขึ้นทันที และเขาก็รู้ว่าตอนนี้ม่านฟ้านั้นโกรธและไม่พอใจเขาอยู่ และที่ตามมาก็หวังจะมาดูให้แน่ใจว่าเธอถึงห้องพักอย่างปลอดภัย แต่ไหนเลยถึงมาเจอม่านฟ้ากับชายที่คนนี้ จึงทำให้เขานั้นต้องแสดงตัว"นี่คุณ!" ม่านฟ้าแผดเสียงดังใส่อย่างเหลืออดใส่เชคฮ บราฮิม ที่ยืนหน้านิ่งมองไปที่ครรชิตอย่างไม่วางตา"ก็จริง ผมพูดผิดตรงไหน" เชคฮ บราฮิมยังคงพูดต่อโดยเจตนานั้นไม่ได้อยากทำให้ม่านฟ้าโกรธ เขาแค่ต้องการเเสดงตัวให้ครรชิตรู้เท่านั้น...คนฉลาดอย่างเขามีหรือจะมองครรชิตไม่ออกว่าคิดยังไงกับม่านฟ้า ผีเห็นผีเท่านั้นถึงจะเข้าใจ...ครรชิตที
เสน่หามนตราบทที่ 10 - อย่า!"อย่าทำให้ผมโกรธ" เสียงเข้มทรงพลังร่างกายกำยำ สูงโปร่ง สัดส่วนล่ำสัน ยืนจ้องมองม่านฟ้าอย่างควบคุมอารมณ์"คุณมันบ้า!" ม่านฟ้าหยัดตัวลุกขึ้นยืนเต็มความสูงบนเตียง พร้อมชี้หน้าด่าเชคฮ บราฮิม อย่างไร้ความหวาดกลัวจากที่ก่อนหน้าแน่นิ่งไปชั่วขณะ"คุณกล้าส่งยิ้มให้ชายอื่นที่ไม่ใช่ผม""แล้วมีสิทธิ์อะไรมาห้าม เราไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกัน!""ต้องเกี่ยวข้องใช่ไหม ผมถึงจะมีสิทธิ์!""หมายความว่าไง...ยะ อย่าเข้ามานะ" ม่านฟ้าแผดเสียงดังลั่นเมื่อเริ่มเห็นความผิดปกติของชายหนุ่ม จนต้องรีบกระโดดลงจากเตียงกรูถอยหลังไปอีกฝั่ง เชคฮ บราฮิม ค่อย ๆ ก้าวขาขยับเข้าไปใกล้ ดวงตาคมเข้มจ้องมองม่านฟ้าอย่างไม่ละสายตา เขากำลังโกรธและไม่พอใจที่รอยยิ้มใสๆ ของม่านฟ้ามีให้กับชายอื่นทั้งที่มันควรเป็นเขา ที่ต้องได้รับมันแต่เพียงผู้เดียว"อยากได้สิทธิ์...ผมจะมอบสิทธิ์นั้นให้คุณเอง!" เชคฮ บราฮิมปรี่ประชิดตัวม่านฟ้าเร็วไว ร่างกายใหญ่กำยำกำลังโอบรัดร่างบางจนแทบไม่มีช่องว่างให้ไหวติง"อ๊าย!!...ปล่อยนะ ทำกับฉันแบบนี้ไม่ได้...อื้อ ปล่อย!...อื้อ อื้ม" ดวงตาสีนิลเบิกกว้างเมื่อถูกรุกล้ำบดจูบด้วยเรียวปากหนา ล
เสน่หามนตราบทที่ 11 - ห่วง"อย่า~~~ขอร้อง~~~อย่าทำ ปล่อยฉัน" เสียบแหบพร่า คำพูดที่แสนเบาหวิว คนในอ้อมกอดคนตัวใหญ่นอนแน่นิ่งไม่ไหวติง มีเพียงแรงสั่นเล็ก ๆ จนทำให้ เชคฮ บราฮิม ต้องลืมตาตื่นในยามรุ่ง...อีกทั้งอุณหภูมิในกายของม่านฟ้ายังสูงผิดปกติ"ม่านฟ้า" เชคฮ บราฮิม ขยับกายออกห่างแต่ยังกอดม่านฟ้าไว้หลวม ๆ"หนาว~~~" เสียงละเมอสั่นสะท้านอีกครั้ง ร่างกายสั่นเทาในอ้อมกอดอุ่น ยังไม่บรรเทาความหนาวเหน็บให้ม่านฟ้าได้"ม่านฟ้า...คุณเป็นอะไร" เสียงเรียกหวังจะปลุกให้เธอนั้นรู้สึกตัว "ตัวร้อนนี่! " ทันทีที่สัมผัสผิวกายสาวก็รับรู้ได้ว่าเธอนั้นมีไข้ เชคฮ บราฮิม ตกใจเป็นอย่างมากรีบดิ่งลงจากเตียงนอนทันที เพื่อหาเสื้อผ้ามาห่อหุ้มคนป่วยที่นอนหนาวสั่นด้วยเสื้อเชิ๊ตตัวใหญ่ของเขาเองก่อนที่ เชคฮ บราฮิม คว้าโทรศัพท์ต่อสายหาคนสนิทเพื่อหวังขอความช่วยเหลือ"ราชิต...เตรียมรถเราจะไปโรงพยาบาล" เสียงเข้มเรียกคนสนิทดังลั่นผ่านเครื่องมือสื่อสาร เขาร้อนใจ!"ครับนายท่าน" ราชิตตอบรับคำสั่งทันทีอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง ด้วยความจงรักภักดีที่มีต่อนายเหนือหัว ราชิตพร้อมสนองให้ตามต้องการแม้เรื่องเล็กน้อยคนตัวเล็กถูกอุ้มไปยังป
เสน่หามนตราบทที่ 12 - ขอโทษ...หญิงร่างเล็กถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลในเวลาต่อมา ใบหน้าสวยเสลาซีดเซียวด้วยพิษไข้ นอนหลับตาพริ้มสนิทพร้อมหลังมือที่เสียบสายน้ำเกลือ และตอนนี้มีชายร่างใหญ่กำยำนั่งเฝ้าไม่ห่างกาย ด้วยห่วงใยม่านฟ้าและรู้สึกผิดทันทีที่เธอต้องเจ็บป่วยเพราะเขา...ก็แค่หัวใจเจ้าปัญหามันอยากครอบครองเธอ จนต้องเผลอตัวและลืมการควบคุมสติไป"ขอโทษ" มือหนากอบกุมมือบางข้างที่ไร้สายน้ำเกลือแนบแก้มอย่างอ่อนโยน สายตาคมมองไปยังใบหน้าเนียนใสที่ซีดเซียว พร้อมเอ่ยคำขอโทษอย่างนุ่มนวลด้วยใจจริงและสำนึกผิด ไม่ว่าม่านฟ้าจะได้ยินมันหรือไม่ก็ตาม"ท่านครับ" เสียงราชิตคนสนิทเอ่ยเรียกจน เชคฮ บราฮิม ต้องละสายตาขึ้นมองแต่ไม่ปล่อยมือบางนั้นให้ออกห่าง"มีอะไร""ท่านผู้นำให้ท่านติดต่อกลับด้วยครับ" ราชิตบอกถึงเหตุผล"อืม" เชคฮ บราฮิม ตอบรับสั้นๆ พร้อมพยักหน้ารับรู้หน้าที่อันควรทำลำดับต่อไป"อย่าห่วงคุณม่านฟ้าเลยครับ เธอปลอดภัยแล้ว" ราชิตเมื่อเห็นใบหน้านายเหนือหัวที่ดูกังวลใจ จึงเอ่ยปลอบอย่างให้กำลังใจ"ราชิต...ม่านฟ้าป่วยเพราะเรา" เสียงเศร้าเอ่ยบอกอย่างอยากระบาย เมื่อด้านดีในใจนั้นสั่งการ"แล้วทำไมท่านถึงทำล่ะครั
เสน่หามนตราบทที่ 13 - พยายามเข้าสู่วันที่สองกับการที่ม่านฟ้านอนอยู่โรงพยาบาล เธอมีอาการดีขึ้นและฟื้นจากพิษไข้แล้ว...แต่สิ่งที่แปลกและเปลี่ยนไป คือ ความนิ่งเงียบ ม่านฟ้าเงียบปากสนิท ดวงตาคมฉายแววนิ่งเรียบ ไม่ปริปากพูดอะไรกับใครนอกจากหมอที่ถามอาการป่วย"คุณเป็นยังไงบ้าง" คำถามเดิม ๆ ที่เชคฮ บราฮิม ถามไถ่เรื่อยมา".........." แต่สิ่งที่ได้ย้อนคืนคือแววตาเฉยชาของม่านฟ้าเท่านั้น"หิวไหม? " แม้ไม่มีปฏิกิริยาตอบกลับ เชคฮ บราฮิม ก็ยังมีความพยายามที่จะพูดคุยกับม่านฟ้าต่อไป...หน้าที่อันพึงกระทำของเชคฮ บราฮิม ถูกสั่งให้เลื่อนออกไป ไม่ใช่ว่าไม่สำคัญแต่คนตรงหน้าก็สำคัญต่อจิตใจของ เชคฮ บราฮิม เช่นกัน"ท่านครับ" เสียงราชิตเอ่ยเรียกเมื่อเปิดประตูเข้ามา จนม่านฟ้าและเชคฮ บราฮิมหันไปมองยังผู้มาใหม่"มีอะไร" ราชิตส่งสายตาหานายเหนือหัว สื่อถึงเรื่องที่จะพูดต่อไปนี้นั้นสำคัญและไม่ต้องการให้ใครรับรู้"เดี๋ยวเราตามไป" เสียงบอกกล่าวเป็นอันรับรู้ระหว่างเจ้านายและเลขาคนสนิท ราชิตโค้งคำนับก่อนจะเดินจากไป"ม่านฟ้า...เดี๋ยวผมมานะ" คำพูดที่แสนนุ่มนวลอย่างที่ไม่เคยพูดกับใครมาก่อนเปรยบอกออกไป แต่ก็ไร้ซึ่งการตอบกลั
เสน่หามนตราบทที่ 14 - ฮาฟีสความคิดที่ราชิตเสนอให้ขอความช่วยเหลือจากอาฟียาและอธิบายจน เชคฮ บราฮิมนั้นเข้าใจและหมดห่วง เพื่อที่นายเหนือหัวจะได้คลายกังวลและยอมไปทำหน้าที่ของตนเอง แต่กว่านายเหนือหัวผู้แสนรั้นดื้อดึงจะยอมโอนอ่อนก็เล่นเอาราชิตนั้นน้ำลายแทบท่วมปากเลยทีเดียว"แน่ใจนะว่าอาฟียาจะทำได้สำเร็จน่ะราชิต" เชคฮ บราฮิม เอ่ยถามราชิตอย่างนึกไม่มั่นใจว่าอาฟียาจะทำเรื่องนี้สำเร็จได้ เพราะเวลาแค่ไม่กี่วันจะทำให้ม่านฟ้าอยู่ต่ออย่างสมัครใจนั้นจะเป็นไปได้แค่ไหน"มั่นใจเถอะครับว่าคุณหนูอาฟียาต้องทำได้" ราชิตสร้างความมั่นอกมั่นใจให้ผู้เป็นนาย"ทำไมเรารู้สึกกังวล ไม่มั่นใจ" เชคฮ บราฮิม มองหน้าราชิตแล้วเอ่ยอย่างกังวล คิ้วเริ่มขมวดเป็นเลขแปด"ท่านคิดมากไป" ราชิตบอกกล่าวในสิ่งที่ เชคฮ บราฮิม กำลังกลัดกลุ้มกังวลอยู่ภายใน"ก็เราไม่ไว้ใจ" เชคฮ บราฮิม ตอบกลับและเอนแผ่นหลังพิงกับเบาะรถยนต์หรูหรา"อะไรที่ทำให้คิดแบบนั้น" ราชิตย้อนถามด้วยอยากรู้ว่านายเหนือหัวคิดยังไง ทั้งที่ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าความคืบหน้าเป็นเช่นไร อาฟียาอาจจะทำสำเร็จก็ได้"อาฟียาอายุยังน้อยนักและเด็กกว่าม่านฟ้าหลายปี...คำพูดแบบไหนที่จะทำ
เสน่หามนตราบทที่ 15 - ปฏิเสธ?...คำเชิญชวนที่คู่ค้าบอกกล่าว ทำเอาเชคฮ บราฮิม ต้องตรองหนัก เมื่อความสำราญในแบบชายชาตรี มันคือการมีนารีเคล้าคลอเคลีย..."หรือท่านไม่อยากสังสรรค์กับเรา" ฮาฟีสย้อนถามเมื่อเชคฮ บราฮิมนั้นเงียบกริบอย่างคนกังวลใจ จนเขานั้นจับพิรุธได้"เปล่าครับ" เชคฮ บราฮิมรีบปฏิเสธเพราะไม่อยากให้ครั้งแรกของการพบเจอคู่ค้า ไม่เป็นที่พึงพอใจ"งั้นช้าอยู่ไย เรารีบไปกันเถอะ" ฮาฟีสเอ่ยชวน"ผมขอโทรศัพท์สักครู่" ใช่แล้วล่ะเขาจะโทรหาน้องสาวคนเดียวที่จะช่วยเหลือในเรื่องของม่านฟ้า เพราะการไปกับคู่ค้าคนใหม่อาจจะใช้เวลานานหรืออาจจะข้ามคืนด้วยความสำราญแบบชายชาตรีที่ฮาฟิสร้องขอ และเชคฮ บราฮิมก็ยากแท้ที่จะปฏิเสธ"ตามสบาย เราจะรอที่รถ" ฮาฟีสตอบกลับและชี้บอกที่หมายของการรอ"ครับ""อาฟียา...ม่านฟ้าเป็นยังไงบ้าง" เมื่อปลายรับกดรับ เชคฮ บราฮิมไม่รอให้อาฟียาได้มีโอกาสอ้าปากตอบรับ รีบเอ่ยถามทันที"น้องยังไปไม่ถึงที่หมาย" อาฟียาบอกกล่าวระหว่างเดินเท้าเข้าไปในตัวอาคารของโรงพยาบาลพร้อมหญิงติดตามสองคนไม่รวมคนคุ้มกัน"มัวทำอะไรอยู่ ทำไมล่าช้า ถ้าม่านฟ้าหนีไป จะทำยังไงเล่า" เชคฮ บราฮิม ร่ายยาวใส่ปลายสาย
“ดรูฟ ฮือ ๆ” ม่านฟ้าที่เห็นใบหน้าของบุตรชาย วิ่งกรูเข้าหาสามีทันทีเมื่อพบเจอ ความดีใจที่มากมายยิ่งกว่าสิ่งใดเมื่อบุตรชายนั้นปลอดภัยกลับมา “ฮือ ลูกแม่” ม่านฟ้ากอดบุตรชายแนบกับอกแน่น จมูกดอมดมสูดความอ่อนของกลิ่นเด็กอย่างแสนรัก เชคฮ บราฮิม โอบกอดภรรยาที่รักและบุตรชายไว้ในอ้อมกอดใหญ่ พร้อมกับมือหนาที่ลูบหัวภรรยาอย่างปลอบโยน “ดรูฟปลอดภัย ไม่ต้องร้องนะ” เชคฮ บราฮิม พูดปลอบใจภรรยาที่เอาแต่ร้องไห้สะอึกสะอื้นแทบขาดใจ เมื่อบุตรชายนั้นหายตัวไป “ขอบคุณนะคะที่พาลูกของเรากลับมา” ม่านฟ้าเงยหน้ามองสามีที่ตอนนี้ดวงตาแดงก่ำ กลีบปากอวบจูบซับลงคางสากอย่างขอบคุณ ข่าวการกลับมาของทายาทตัวน้อยรับรู้ถึงปู่ย่าและอา ทุกคนล้วนดีใจเป็นรู้สึกโล่งอก เมื่อหลานชายและทายาทเพียงคนเดียวนั้นกลับมาอย่างปลอดภัย ทำให้ความร้อนใจของคนในครอบครัวและบริวารที่จงรักภักดีนั้นปลื้มใจ เพราะดรูฟที่เป็นที่รักของทุกคนในตระกูล เวลาผ่านไปความคับแค้นใจที่อานัสนั้นมีย่อมผ่อนปรนลง ฟาตินก็ยังคงอยู่กับอานัสในคฤหาสน์หลังนั้นเรื่อยมา ท่ามกลางความเจ็บช้ำและจำยอมที่จะอยู่ต่อเพราะถูกบังคับและเพราะคำสัตย์ที่เธอนั
อำนาจที่มีพร้อมกับพละกำลังคนที่มากโขความชำนาญของลูกน้องที่เก่งกาจในด้านเทคโยโลยี จนทำให้ เชคฮ บราฮิม นั้นรู้แล้วว่าบุตรชายนั้นอยู่ที่ใด การติดตามตัวบุตรชายเพียงคนเดียวจึงเริ่มต้นขึ้น เชคฮ บราฮิม รีบมุ่งตรงไปยังที่หมายที่สืบหามาได้ ด้วยห่วงใยบุตรชายที่ตกอยู่ในมือของอดีตเพื่อนรักอย่างอานัสและทำให้รู้ด้วยว่าฟาตินนั้นอาศัยพักพิงอยู่กับอานัสมานานแรมเดือน“เรามาขอพบอานัส” เสียงเข้ม ใบหน้าดุดันเอ่ยขึ้นเมื่อก้าวขาเข้ามาในบริเวณคฤหาสน์หลังโตของอดีตเพื่อนรัก“ไม่ทราบว่าได้นัดไว้หรือเปล่าครับ” หัวหน้าองครักษ์เอ่ยถาม เมื่อการมาของเชคฮ บราฮิมนั้นมีบุคลากรที่มากมายพร้อมทั้งอาวุธประจำกายแทบทุกคน“ไม่ได้นัด และเราก็ต้องเจออานัสตอนนี้” เสียงเข้มบอกกล่าวเมื่อเขานั้นร้อนใจเพราะกลัวบุตรชายเกิดอันตราย แค่ใบหน้าของม่านฟ้าที่แปดเปื้อนด้วยน้ำตาเพราะความเศร้าโศกก็ทำให้เชคฮ บราฮิมนั้นใจแทบสลายแล้ว“ต้องขออภัยเพราะกระผมคงให้ท่านพบพร้อมคนมากมายที่มีอาวุธติดกายไม่ได้” หัวหน้าองครักษ์บอกกล่าวหน้านิ่ง ยิ่งทำให้เชคฮ บราฮิมนั้นเลือดขึ้นหน้า“ไปบอกอานัส ว่าเรา เชคฮ บราฮิมต้องการพบ เดี๋ยวนี้!!” ความร้อนใจที่มีทำให้เชคฮ
ทันทีที่รู้ข่าวของบุตรชายที่หายตัวไปโดยที่ไม่มีใครเห็นเลย เชคฮ บราฮิม ร้อนรนใจอย่างมาก ละจากงานทุกอย่างโดยไม่รีรอ รีบปรี่กลับไปยังคฤหาสน์ทันที สถานที่ที่คนคุ้มกันแน่นหนาทำบุตรชายนั้นจะหายไปอย่างไรกัน “บราฮิม ฮึก อึก ฮือ...ดรูฟ ดรูฟหายไป ฮืออออ” ม่านฟ้าที่ร่ำไห้จนดวงตาบวมแดง ตั้งแต่ออกจากห้องน้ำแล้วไม่เห็นลูกชายที่ตนวางไว้บนเตียงนอน สั่งคนตามหาในอาณาบริเวณก็ไร้วี่แวว เด็กน้อยที่ยังไม่สามารถเดินเองได้จะหายไปได้อย่างไร หากไม่มีคนอุ้ม “ม่านฟ้า ใจเย็น ๆ นะ ดรูฟหายไปได้ยังไง” เชคฮ บราฮิม โอบกอดภรรยาที่ร้องไห้อย่างโศกเศร้า พูดด้วยน้ำเสียงสะอึกสะอื้นแทบฟังไม่ได้ศัพท์ “ไม่รู้ เข้าห้องอยู่ออกมาก็ไม่เจอลูก บราฮิม ฮือ ฮึก ดรูฟ จะ จะเป็นอะไรไหม” “ดรูฟจะต้องปลอดภัย จะไม่มีใครทำอะไรดรูฟได้ ผมสัญญา” เชคฮ บราฮิม พูดปลอบประโลมภรรยาให้คลายกังวล ทั้งที่ตนนั้นกลับยิ่งกังวลใจไม่แพ้กัน “ราชิต สั่งคนตามหาดรูฟ เช็คกล้องวงจรปิดทุกตัวอย่างละเอียด” “ครับ” ราชิตรับคำสั่งอย่างหนักแน่น แล้วเดินจากไปเพื่อทำหน้าที่ของตน คนในครอบครัวที่เชคฮ บราฮิมนั้นส่งข่าวท่านปู่
“ดรูฟ รอแม่อยู่ตรงนี้นะ แม่ขอเข้าห้องน้ำสักครู่เดียว” เสียงของม่านฟ้าพูดคุยกับบุตรชายที่กำลังนอนหลับสนิท เวลานี้ที่เธอนั้นอยู่เพียงลำพังในห้องนอนเพราะต้องให้นมบุตรชาย จึงต้องอยู่เป็นการส่วนตัวและไร้หญิงรับใช้คนสนิทที่เธอนั้นไว้วานให้ไปทำงานให้ ประจวบเหมาะกับที่ผู้คิดร้ายนั้นได้ยินในคำพูด และแอบย่องเบาเข้ามาในห้องนอนอย่างถือวิสาสะและไร้คนมองเห็น ฟาตินเดินเข้ามาใกล้ เป้าหมายคือทายาทเพียงคนเดียวของ เชคฮ บราฮิม ที่เขานั้นรักปานดวงใจ ดรูฟน้อยถูกอุ้มขึ้นสู่อ้อมอกของฟาติน ไร้เสียงร้องของเด็กน้อยที่นอนหลับสนิทเมื่อกินอิ่มพลี ฟาตินค่อย ๆ อำพรางร่างกายของดรูฟด้วยผ้าคลุมสีทึบที่พกมา ทุกอย่างถูกเตรียมการมาอย่างดี ฟาตินคิดแบบนั้น การลักลอบเข้ามายังคฤหาสน์โดยที่ไม่มีใครล่วงรู้และการก่อเหตุลักพาตัวทายาทเพียงคนเดียวเริ่มขึ้น ฟาตินค่อย ๆ ย่องและหลบซ่อนสายตาของหน่วยคุ้มกันภัยที่รายล้อมทั่วอาณาบริเวณ การคุ้มกันที่แน่นหนา จะทำอย่างไรถึงจะรอดพ้นได้“จะหนีออกไปอย่างไรดี” ฟาตินยืนบ่นและใช้ความคิด ดีในความคิดของเธอคือดรูฟไม่มีเสียงร้องใด ๆ ให้คนสงสัย“ฮึ แกต้องเจ็บเจียนตายแน่ เชคฮ บราฮิม” สายตามองเห็นรถส
กลีบปากหนาละออกห่าง ร่างบางถูกช้อนตัวขึ้นสู่อากาศในอ้อมอกแกร่ง แผ่นหลังบางแนบสนิทกับพื้นที่นอนนุ่มในเวลาถัดมา ม่านฟ้าถูกคลายชุดที่สวมใส่จนหลุดร่วงด้วยฝีมือของสามีหมาด ๆ เผยร่างกายที่สวยงามท้าทายต่อสายตาคมดุดัน สองสายตาจ้องมองกันและกันอย่างหยาดเยิ้ม วงแขนเล็กโอบรอบลำคอแกร่ง ออกแรงดึงจนใบหน้าคมขยับเข้าใกล้จนลมหายใจอุ่นกระทบผิวของกันและกันม่านฟ้าประกบเรียวปากทาบทับกลีบปากหนาอย่างยินยอม สร้างความพึงพอใจให้กับเชคฮ บราฮิมยิ่งนัก บทรักเริ่มก่อตัวอย่างเร่าร้อน เรียวลิ้นชอนไชหยอกเย้ากันอย่างท้าทาย สองกายแนบชิดบดเบียดกัน และร่างหนานั้นยั้งแรงในบางจังหวะเพราะนึกถึงทายาทที่กำลังอยู่ในท้องอย่างนึกห่วงใย "จะทำเบา ๆ จะไม่ให้เกิดอันตราย" เชคฮ บราฮิมบอกกล่าว เมื่อไม่อาจทานทนต่อแรงสวาทได้อีก ร่างกายที่แสนยั่วเย้าสายตาจนร่างหนานั้นเก็บกั้นอารมณ์ไว้ไม่ไหว"หมอบอกว่าทำได้ค่ะ"สองขาเรียวถูกแยกออกห่าง ร่างกายหนาแทรกกลางกายสาว คุกเข่าจับความเป็นชายค่อย ๆ เคลื่อนคล้อยสู่กลางกายสาวที่ยังคับแน่น"อื้อ" เสียงเค้นในลำคอบางเบา ใบหน้าเสลาเงยเชิดกัดริมฝีปากและหลับตาพริ้มเมื่อรวมกายให้เป็นหนึ่งเอาหนาเริ่มขยับช้า
เวลาถัดมาม่านฟ้าถูกสาวรับใช้จัดการกับเรือนร่าง ทุกอย่างถูกอาฟียาจัดการอย่างดิบดี เสื้อผ้า เครื่องประดับ ที่พร้อมประดับบนเรือนกายระหงษ์ หน้าท้องที่เคยแบนราบเริ่มโผล่เล็กน้อยตามอายุครรภ์ “ทำไมต้องแต่งตัวขนาดนี้ด้วยล่ะเอย” ม่านฟ้าที่นั่งเป็นหุ่นให้กับอัยมี่และอาเดล จัดแต่งหน้าทำผมเอ่ยถามเมื่อนึกสงสัย “เราจะไปงานเลี้ยงกันไงแก” เอยบอกย้ำให้รับรู้ งานเลี้ยงที่เป็นงานแต่งของเพื่อนสนิท ที่เจ้าตัวนั้นไม่รู้มาก่อน “ทำไมไม่มีใครบอกก่อนล่ะ” “ก็บอกอยู่นี่ไง” “เดี๋ยว ๆ แล้วทำไมต้องวาดลวดลายลงบนมือด้วยล่ะ”ม่านฟ้าสงสัยเมื่อมือและเท้าทั้งสองข้างถูกช่างวาดลายเฮนย่าลงอย่างละเมียดละไมและประณีต “มันไม่ได้ร้ายแรงอะไรหรอกค่ะ ว่าที่พี่สะใภ้ ทุกอย่างที่ทำให้ล้วนดีแล้ว” อาฟียาชี้แจงเมื่อม่านฟ้านั้นสงสัยในการกระทำไม่เลิกลา “ทำ ๆ ไปเถอะน๊า ฉันก็ไม่รู้ ท่านเชคฮบอกให้ทำก็ทำตามสิ” คำพูดที่เอยบอกกล่าว สะกิดให้นึกถึงสิ่งที่ให้คำมั่นว่าจะไม่งอแงหากอาฟียาให้ทำอะไร ม่านฟ้าจึงเงียบปากไว้และทำได้แค่เพียงนั่งนิ่งเท่านั้น เวลาผ่านไปหลายชั่วโมง การจัดกา
Special - ขอแค่กลับมาตลอดเวลาที่ยาวนานกว่าสามสิบกว่าวันที่ม่านฟ้านั้นไม่ได้ออกไปไหน นอกจากอยู่ภายใต้ชายคาของคฤหาสน์และเดินเล่นเพียงแค่บริเวณรอบด้านเท่านั้น มีเพียงอาฟียาและเอยเพื่อนรักเท่านั้นที่คอยอยู่แก้เหงา โดยที่ม่านฟ้าก็ไม่รู้ว่าทำไม เชคฮ บราฮิม ถึงสั่งห้ามขนาดนี้ เหมือนจะกักขังเธอไว้อย่างกับนักโทษในความคิดของเธอ แต่เมื่อม่านฟ้าได้ยิน เชคฮ บราฮิม นั้นบอกแค่ว่า‘ที่ทำไปนั้นล้วนมีเหตุผล…ทุกอย่างเพื่อคุณนะม่านฟ้า’ประโยคที่บ่งบอกว่าเขานั้นห่วงใย ม่านฟ้าจึงไม่เซ้าซี้ถามต่อให้มากความ เพราะมั่นใจว่าสิ่งที่คนรักนั้นทำและสั่งการ ย่อมมีเหตุผลและที่มาที่ไปเสมอ เธอจึงเชื่อใจและยอมทำตามอย่างไม่มีข้อแม้ “นี่เป็นของขวัญที่ท่านพี่ส่งมาให้ค่ะว่าที่พี่สะใภ้” อาฟียาและเอยเดินเข้ามาในห้องรับรองที่ม่านฟ้ากำลังนั่งถักไหมพรมเป็นงานอดิเรก พร้อมกับเหล่านางรับใช้ราวแปดคนพร้อมกับของในมือมากมายที่อาฟียาบอกว่ามันคือของขวัญ “ของขวัญ?” ม่านฟ้าเงยหน้าจากงานที่ทำแล้วย้ำถามอย่างสงสัย ของขวัญเนื่องในโอกาสอันใด และนี่ก็หลายวันที่ เชคฮ บราฮิม หายหน้าไป ม่านฟ้าจะเจอแค่วันละหนึ่งครั้งเท่านั้น ด้วยหน้
“เธอเป็นอย่างไรบ้างหมอ” เชคฮ บราฮิม เอ่ยถามทันทีอย่างร้อนรนใจเมื่อหมอนั้นตรวจอาการของม่านฟ้าเรียบร้อย “ไม่ได้เป็นอะไรเลยค่ะ” หมอหญิงบอกกล่าวถึงอาการ “ไม่ได้เป็นได้ยังไง อาเจียนขนาดนี้!” เชคฮ บราฮิม เกิดอาการฉุนเฉียวเมื่อสิ่งที่เขาเห็นนั้นว่าหนักหนา แต่หมอกลับบอกว่าไม่เป็นอะไร เหมือนหมอนั้นโกหกหน้าตายเสียอย่างนั้น “ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงเลยค่ะท่าน...แค่นายหญิงนั้นตั้งครรภ์เท่านั้น” “ยังจะโก....” เชคฮ บราฮิม เตรียมสาดคำด่าเมื่อหมอยังบอกว่าไม่เป็นอะไร แต่ต้องหยุดชะงักคำพูดไว้ เมื่อสิ่งที่ได้ยินนั้นเหมือนสายลมผ่านหู ฟังดูแล้วไม่ค่อยชัดเจน “อะไรนะ หมอว่าอะไรนะ” จนต้องย้อนถามอีกครั้งอย่างตะลึงอึงงัน “นายหญิงตั้งครรภ์ค่ะ ควรพานายหญิงไปฝากครรภ์และตรวจดูอายุครรภ์อีกครั้งนะคะ” “จริงเหรอ” สีหน้าที่เปี่ยมล้นด้วยความยินดี อาเดลและอัยมี่พร้อมราชิตที่ยืนข้างเตียง ยิ้มแย้มด้วยความปรีติยินดีที่ตอนนี้นายเหนือหัวกำลังจะมีทายาท “ม่านฟ้าเรากำลังจะมีลูก” เชคฮ บราฮิม โผเข้ากอดหญิงที่รักที่นอนยิ้มอยู่บนเตียง น้ำตาที่ไหลอาบแก้มใสเป็นน้ำตาของความดีใจเมื
เวลาผ่านพ้นไปนานนับเดือนครรชิตหายไปจากต่างแดนเพราะคำสั่งที่แสนจะหนักแน่นของผู้มีอิทธิพลอย่าง เชคฮ บราฮิม สั่งการ ให้ส่งตัวกลับบ้านเกิดและไม่ได้ข่าวคราวอะไรของครรชิตอีกเลย ส่วนเอยและอาฟียาก็อยู่ด้วยกันอย่างคนรักแบบเปิดเผย แม้ผู้เป็นพ่อจะไม่ค่อยพอใจแต่จะห้ามยังไงได้เมื่อบุตรสาวนั้นร้องขอ ด้วยความรักลูกจึงต้องยอมปิดหูปิดตา แม้ว่าจะไม่ชอบใจ อาฟียาเทียวไปเทียวมายังประเทศไทยอยู่บ่อยครั้ง เพราะเอยก็มีหน้าที่ที่ต้องทำอย่างเช่นคนทั่วไปเหมือนกัน แม้อาฟียาจะร้องขอให้เอยมาอยู่ด้วย แต่ด้วยเหตุผลที่มากขอของเอยอาฟียาจึงเป็นฝ่ายยอมเอง สิ่งที่ม่านฟ้านั้นฝัน สถานที่แห่งไหนที่ม่านฟ้านั้นอยากไป เชคฮ บราฮิม จะเป็นคนพาเธอสานต่อมันด้วยตัวเอง หลังมื้อเย็นที่ชายและหญิงนอนกกก่ายกันบนเตียงนอนและดูโทรทัศน์ด้วยกัน มือหนาลูบหน้าคนในอ้อมกอดแผ่วเบา มือเล็กก็ลูบไล้แผงอกแกร่งที่ไร้เสื้อผ้า ไหล่หนาคือหมอนหนุนชั้นดีให้หญิงสาว “อยากไปไหนไหม” เชคฮ บราฮิม เอ่ยถามขึ้น เมื่อนึกได้ว่าจุดประสงค์ที่ม่านฟ้านั้นมาที่นี่เพื่อท่องเที่ยวและพักผ่อน แต่เธอกลับยังไม่ได้ไปไหนมากมายเพราะเขานั้นฉุดเธอมาก่อน “ถามทำไมค