เสน่หามนตรา
บทที่ 13 - พยายาม
เข้าสู่วันที่สองกับการที่ม่านฟ้านอนอยู่โรงพยาบาล เธอมีอาการดีขึ้นและฟื้นจากพิษไข้แล้ว...แต่สิ่งที่แปลกและเปลี่ยนไป คือ ความนิ่งเงียบ ม่านฟ้าเงียบปากสนิท ดวงตาคมฉายแววนิ่งเรียบ ไม่ปริปากพูดอะไรกับใครนอกจากหมอที่ถามอาการป่วย
"คุณเป็นยังไงบ้าง" คำถามเดิม ๆ ที่เชคฮ บราฮิม ถามไถ่เรื่อยมา
".........." แต่สิ่งที่ได้ย้อนคืนคือแววตาเฉยชาของม่านฟ้าเท่านั้น
"หิวไหม? " แม้ไม่มีปฏิกิริยาตอบกลับ เชคฮ บราฮิม ก็ยังมีความพยายามที่จะพูดคุยกับม่านฟ้าต่อไป
...หน้าที่อันพึงกระทำของเชคฮ บราฮิม ถูกสั่งให้เลื่อนออกไป ไม่ใช่ว่าไม่สำคัญแต่คนตรงหน้าก็สำคัญต่อจิตใจของ เชคฮ บราฮิม เช่นกัน
"ท่านครับ" เสียงราชิตเอ่ยเรียกเมื่อเปิดประตูเข้ามา จนม่านฟ้าและเชคฮ บราฮิมหันไปมองยังผู้มาใหม่
"มีอะไร" ราชิตส่งสายตาหานายเหนือหัว สื่อถึงเรื่องที่จะพูดต่อไปนี้นั้นสำคัญและไม่ต้องการให้ใครรับรู้
"เดี๋ยวเราตามไป" เสียงบอกกล่าวเป็นอันรับรู้ระหว่างเจ้านายและเลขาคนสนิท ราชิตโค้งคำนับก่อนจะเดินจากไป
"ม่านฟ้า...เดี๋ยวผมมานะ" คำพูดที่แสนนุ่มนวลอย่างที่ไม่เคยพูดกับใครมาก่อนเปรยบอกออกไป แต่ก็ไร้ซึ่งการตอบกลับจากม่านฟ้าอยู่ดี
...สิ่งที่ได้รับรู้หลังจากที่ราชิตรายงาน การเจรจาธุรกิจที่ท่านผู้นำรัฐได้มอบหมายสั่งการลงมา แต่ดูเวลานี้สิ ม่านฟ้ากำลังป่วยเขาจะทิ้งเธอไปตอนนี้ได้อย่างไร เธอจะไม่หนีเขากลับเมืองไทยอย่างนั้นหรือ ด้วยท่าทีนิ่งเฉย แววตาเฉยเมย ไร้คำพูดตั้งแต่ลืมตาตื่นจากอาการป่วยที่เขานั้นเป็นคนกระทำ
"ราชิตแล้วม่านฟ้าล่ะ เรากลัวเธอหนี" เชคฮ บราฮิมเริ่มกังวล
"แต่งานนี้เราจะปฏิเสธไม่ได้ มันก็สำคัญกับท่านเช่นกัน" ราชิตบอกกล่าว
"อีกไม่กี่วันก็ถึงกำหนดที่ม่านฟ้าหมดเวลาพักผ่อน" ความกังวลยังมีต่อ เมื่อนึกถึงอนาคตอีกไม่ไกลว่าม่านฟ้าจะอยู่ที่นี่อีกไม่นาน แล้วเขาต้องทำอย่างไรดี งานก็ต้องทำ หัวใจก็ต้องรักษา "ราชิตเราไม่อยากให้ม่านฟ้ากลับเมืองไทย"
"แต่คุณม่านฟ้าเธอก็มีหน้าที่ของเธอนะครับ" ราชิตพูดถึงเหตุผลของม่านฟ้าอันพึงจะมี และด้วยหน้าที่ของเธอที่ต้องทำเฉกเช่นนายเหนือหัว
"เราขังม่านฟ้าดีไหมราชิต" เหมือนสิ่งที่ราชิตพูดเตือนสตินายเหนือหัวคนนี้ไม่ได้สนใจเอาเสียเลย
"ท่านลองตรองให้ดีเสียก่อน...มันจะคุ้มกับความรู้สึกของท่านไหม หากคุณม่านฟ้าเธอดูเกลียดชังท่านมากกว่านี้ล่ะครับ" ความพยายามของราชิตยังคงตั้งมั่นหวังให้นายเหนือหัวนั้นใช้สมองมากกว่าอารมณ์ เพราะผลที่ตามมาอาจจะไม่คุ้ม ราชิตย่อมรู้ดีว่านายคนนี้เป็นเช่นไรในอดีตที่ผ่านมาในเรื่องความรัก
"เรากลุ้มใจ...ราชิต เราก็ไม่รู้ทำไมเราถึงถูกใจม่านฟ้าขนาดนี้...ทุ่มเงินให้เธอดีไหมนะ"
"ท่านอย่าลืมว่า คุณม่านฟ้าเธอไม่ใช่คนใจง่ายและไม่ได้เห็นแก่เงินทอง" ราชิตสำทับด้วยเหตุผลอีกครั้ง
"มีแต่คนอยากจะได้ทั้งนั้น"
"แต่คงไม่ใช่กับคุณม่านฟ้าครับท่าน" ราชิตสวนกลับทันท่วงที
"ทำไม!? ...เงิน ทอง เครื่องเพชร เราให้นางได้หมด ถ้านางลั่นวาจาออกมาว่าต้องการ...เรายินดีแค่ม่านฟ้ายอมอยู่ที่นี่กับเรา"
"ท่านไม่ใช่แค่ถูกใจคุณม่านฟ้าใช่ไหมครับ...แต่ท่านรักนาง" ราชิตถามย้ำเรื่องหัวใจเมื่อนายเหนือหัวนั้นเริ่มมีปฏิกิริยาเชิงชู้สาวที่เริ่มแสดงออกมากขึ้น จนผิดแปลกไปซึ่งราชิตยินดีเพราะนายคนนี้ไม่ได้รักใครมานานแล้ว
"......................"
"ถ้าไม่ใช่...ท่านคงไม่เกี้ยวกราดอยากได้นางขนาดนี้ กระผมพูดถูกไหมครับ" ราชิตผู้ที่เปี่ยมด้วยไหวพริบมีหรือแค่เรื่องน้อยนิดแค่นี้เขาจะดูไม่ออก คำพูดที่ดันให้นายเหนือหัวนั้นจนมุมได้ไม่ยาก เพราะรู้ใจเชคฮบราฮิมด้วยวัยเยาว์ที่โตมาพร้อมกันจนรู้ไส้รู้พุง
"รู้มากไปแล้วราชิต" รอยยิ้มที่แสดงออกทางแววตา มันคือความเขินอายเมื่อนายเหนือหัวถูกจับพิรุธได้...
"เป็นเช่นดังที่ผมพูด? " ราชิตคนสนิทยังคงตะล่อมเจ้านาย อย่างอยากกลั่นแกล้งเมื่อนายเหนือหัวนั้นเริ่มมีใบหน้าแดงระเรื่อ
"เราไม่แน่ใจ" เชคฮ บราฮิม เบือนหน้าหนีหลบสายตาเลขาคนสนิทอย่างนึกเอียงอาย
"แต่แววตาท่านบ่งบอก"
"เราแสดงออกขนาดนั้นเชียวหรือ" ใบหน้าคมเปื้อนยิ้มหันมาย้อนถาม...ดั่งลืมไปแล้วว่ามีเรื่องกลัดกลุ้มในใจ
"ท่านปิดผมไม่มิด...ท่านน่าจะรู้ดี" ราชิตแสดงท่าทางและวาจาอย่างเหนือกว่า
"สมแล้วที่โตมาด้วยกัน"
"ผมอยากให้ท่านสมหวังนะครับ" ราชิตเริ่มพูดอย่างเห็นใจนายเหนือหัว เมื่อหัวใจของเจ้านายเริ่มเบ่งบาน
"ช่วยเราสิ"
"ผมจะช่วยท่านครับ" ราชิตตอบตกลง
"ขอบใจ"
"แล้วเรื่องงานที่ท่านต้องทำ? " และราชิตต้องวกวนมาเรื่องที่ทำให้เชคฮ บราฮิมนั้นถึงกับสีหน้าสลดลงทันใด เรื่องงานไม่ว่าการใดราชิตจะต้องคอยเตือนนายคนนี้ด้วยรู้หน้าที่อันพึงกระทำในฐานะทายาทของท่านผู้นำรัฐในลำดับต่อไป
"เฮ้อ...เราไม่อยากพูดถึงเรื่องงานตอนนี้เลย"
เสน่หามนตราบทที่ 14 - ฮาฟีสความคิดที่ราชิตเสนอให้ขอความช่วยเหลือจากอาฟียาและอธิบายจน เชคฮ บราฮิมนั้นเข้าใจและหมดห่วง เพื่อที่นายเหนือหัวจะได้คลายกังวลและยอมไปทำหน้าที่ของตนเอง แต่กว่านายเหนือหัวผู้แสนรั้นดื้อดึงจะยอมโอนอ่อนก็เล่นเอาราชิตนั้นน้ำลายแทบท่วมปากเลยทีเดียว"แน่ใจนะว่าอาฟียาจะทำได้สำเร็จน่ะราชิต" เชคฮ บราฮิม เอ่ยถามราชิตอย่างนึกไม่มั่นใจว่าอาฟียาจะทำเรื่องนี้สำเร็จได้ เพราะเวลาแค่ไม่กี่วันจะทำให้ม่านฟ้าอยู่ต่ออย่างสมัครใจนั้นจะเป็นไปได้แค่ไหน"มั่นใจเถอะครับว่าคุณหนูอาฟียาต้องทำได้" ราชิตสร้างความมั่นอกมั่นใจให้ผู้เป็นนาย"ทำไมเรารู้สึกกังวล ไม่มั่นใจ" เชคฮ บราฮิม มองหน้าราชิตแล้วเอ่ยอย่างกังวล คิ้วเริ่มขมวดเป็นเลขแปด"ท่านคิดมากไป" ราชิตบอกกล่าวในสิ่งที่ เชคฮ บราฮิม กำลังกลัดกลุ้มกังวลอยู่ภายใน"ก็เราไม่ไว้ใจ" เชคฮ บราฮิม ตอบกลับและเอนแผ่นหลังพิงกับเบาะรถยนต์หรูหรา"อะไรที่ทำให้คิดแบบนั้น" ราชิตย้อนถามด้วยอยากรู้ว่านายเหนือหัวคิดยังไง ทั้งที่ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าความคืบหน้าเป็นเช่นไร อาฟียาอาจจะทำสำเร็จก็ได้"อาฟียาอายุยังน้อยนักและเด็กกว่าม่านฟ้าหลายปี...คำพูดแบบไหนที่จะทำ
เสน่หามนตราบทที่ 15 - ปฏิเสธ?...คำเชิญชวนที่คู่ค้าบอกกล่าว ทำเอาเชคฮ บราฮิม ต้องตรองหนัก เมื่อความสำราญในแบบชายชาตรี มันคือการมีนารีเคล้าคลอเคลีย..."หรือท่านไม่อยากสังสรรค์กับเรา" ฮาฟีสย้อนถามเมื่อเชคฮ บราฮิมนั้นเงียบกริบอย่างคนกังวลใจ จนเขานั้นจับพิรุธได้"เปล่าครับ" เชคฮ บราฮิมรีบปฏิเสธเพราะไม่อยากให้ครั้งแรกของการพบเจอคู่ค้า ไม่เป็นที่พึงพอใจ"งั้นช้าอยู่ไย เรารีบไปกันเถอะ" ฮาฟีสเอ่ยชวน"ผมขอโทรศัพท์สักครู่" ใช่แล้วล่ะเขาจะโทรหาน้องสาวคนเดียวที่จะช่วยเหลือในเรื่องของม่านฟ้า เพราะการไปกับคู่ค้าคนใหม่อาจจะใช้เวลานานหรืออาจจะข้ามคืนด้วยความสำราญแบบชายชาตรีที่ฮาฟิสร้องขอ และเชคฮ บราฮิมก็ยากแท้ที่จะปฏิเสธ"ตามสบาย เราจะรอที่รถ" ฮาฟีสตอบกลับและชี้บอกที่หมายของการรอ"ครับ""อาฟียา...ม่านฟ้าเป็นยังไงบ้าง" เมื่อปลายรับกดรับ เชคฮ บราฮิมไม่รอให้อาฟียาได้มีโอกาสอ้าปากตอบรับ รีบเอ่ยถามทันที"น้องยังไปไม่ถึงที่หมาย" อาฟียาบอกกล่าวระหว่างเดินเท้าเข้าไปในตัวอาคารของโรงพยาบาลพร้อมหญิงติดตามสองคนไม่รวมคนคุ้มกัน"มัวทำอะไรอยู่ ทำไมล่าช้า ถ้าม่านฟ้าหนีไป จะทำยังไงเล่า" เชคฮ บราฮิม ร่ายยาวใส่ปลายสาย
เสน่หามนตราบทที่ 16 - ช่วยพี่ชาย"คุณจะไปไหนคะ? " เสียงเล็กของหญิงสาวที่ม่านฟ้าไม่เคยเห็นมาก่อน ดังมาจากประตูห้องพักของโรงพยาบาล และเดินย่างกรายเข้ามาใกล้เมื่อเห็นม่านฟ้ากำลังจะลงจากเตียงโดยไม่ขอคำช่วยเหลือจากสาวรับใช้ที่ เชคฮ บราฮิม นั้นส่งมาดูแลในช่วงที่เขาไม่อยู่ด้วยภาระกิจอันพึงกระทำ...สาวรับใช้ทั้งสองที่คอยมองไม่ห่างสายตา แต่เมื่อม่านฟ้าส่งสายตาพิฆาตทั้งสองจึงถอยหลังร่นกลับไปตามเดิมแต่ก็ยังห่วงใยก็แต่ไม่กล้าขัดต่อสายตานั้น ยังคงคอยมองตลอดหากเธอคนนี้มีอันได้รับอันตรายไปเพียงเล็กน้อย เชคฮ บราฮิม คงลงโทษพวกเธอเป็นแน่ ด้วยคำสั่งที่เด็ดขาดก่อนจะออกไปปฏิบัติภาระกิจ...ห้ามให้นางได้รับอันตรายเด็ดขาด!"........." ม่านฟ้าได้แต่มองหน้าคนมาใหม่อย่างสงสัย ...เธอคือใคร? ...หญิงสาวรูปร่างสูงราวกับนางแบบในชุดยาวมิดชิดคลุมจนถึงตาตุ่มหรือที่เรียกว่าชุดอาบายะห์ ใบหน้าขาวเนียนละเอียด หน้าตาจิ้มลิ้ม...หลายวันแล้วที่ม่านฟ้าไม่เจอหน้า เชคฮ บราฮิม ความรู้สึกในใจมันแปลก ๆ อย่างบอกไม่ถูก เหมือนมันขาดหายอะไรบางอย่างไป...ทำไมถึงรู้สึกแบบนี้นะ!?"ฉันมาตามคำสั่งค่ะคุณม่านฟ้า...ฉันชื่ออาฟียา" หญิงมาใหม่แนะนำ
เสน่หามนตราบทที่ 17 - เผลอ...ท่ามกลางเหล่าสาวงามที่ผลัดกันเอาอกเอาใจชายหนุ่มทั้งสองคนด้วยรอยยิ้มพิมพ์ใจ อีกทั้งยังลูบไล้ผิวชายในบางครา อีกทั้งยังซบหน้าลงอกแกร่งอย่างออดอ้อน ร่างบางอรชรบดเบียดเสียดสีกายหยาบให้เข้าหาอย่างไม่นึกอาย จนร่างกายชายที่แข็งแรงแทบทนไม่ไหว แต่คงไม่ใช่เชคฮ บราฮิมคนนี้ ที่เอาแต่นั่งยกแด้วบรั่นดีกระดกลงคอเบา ๆ พร้อมกับการมีนารีคลอเคล้าแต่ก็ไม่ได้ทำให้สำราญขึ้นมาแต่อย่างใด เพราะจิตใจนั้นกระโดดโลดเต้นไปหาม่านฟ้าแล้ว"ทำไมท่านทำหน้าตาเช่นนั้นเล่า...มีอะไรที่กังวลใจหรือเปล่า" ฮาฟีสเอ่ยถามเมื่อเห็นแล้วว่าเชคฮ บราฮิมนั้นดูไม่ได้มีความสำราญใจ เหมือนตัวเองเอาเสียเลย"เปล่าครับ" เชคฮ บราฮิม หันไปยิ้มอ่อน ก่อนจะวางแก้วบรั่นดีลงวางกับโต๊ะหรู"หรือหญิงเหล่านี้ไม่ถูกใจท่าน" เชคฮ ฮาฟีส หยัดตัวผลักหญิงงามให้ออกห่างแล้วเปรยถาม"เปล่าหรอกครับ""แต่ท่านดูไม่ค่อยสดใสสำราญใจเหมือนเช่นเราเอาเสียเลย""แค่ท่านพึงพอใจและมีความสุขผมก็ปลื้มแล้ว""อย่ากังวลไปเลย มามีความสุขแบบเราดีกว่า""เชิญท่านตามสบายเลยครับ ท่านมาเป็นแขกสำคัญ ผมต้องดูแลอย่างดีที่สุดอยู่แล้ว""ฮ่าฮ่าฮ่า...พูดถูกใจนัก""เ
เสน่หามนตราบทที่ 18 - ถลำลึก!?....หนึ่งชายหนึ่งหญิงในห้องรับรองส่วนตัว ร่างอรชรที่กำลังปรนเปรอความสุขสมให้ชายหนุ่มด้วยเรียวปากอย่างออกรส ความคล่องตัวของหญิงสาวเหมือนจะเป็นที่ถูกใจของเชคฮ บราฮิมยิ่งนัก"อืม...เก่งนักฟาติน" เชคฮ บราฮิมเค้นครวญในลำคอ ใบหน้าที่เชิดเงยอย่างสุขสม เมื่อเรียวลิ้นเล็กของฟาตินโลมเลียปลายมนของความเป็นชายอย่างช่ำชอง"ฟาตินไม่เคยทำแบบนี้ให้ใคร" ฟาตินละริมฝีปากออกห่าง ใบหน้าเงยมองคนตัวสูงอีกทั้งส่งสายตาสื่อความหมาย ก่อนจะพูดประโยคนี้อย่างเอาใจ มือบางก็จับความเป็นชายเต็มอุ้งมือชักรูดขึ้นลงอย่างต่อเนื่อง"ข้าพอใจนัก...อื้ม" เมื่อสิ้นคำพูดของเชคฮ บราฮิม ฟาตินถาโถมเรียวลิ้นตวัดไกว่แกว่งปลายลิ้นอย่างเอาใจ เมื่อได้รับคำชมอันเสนาะหูเมื่อได้ยิน เธอยินดีหากชายคนนี้ต้อง...ในใจนั้นหวังอยากจะได้ครอบครองเชคฮท่านนี้ "แบบนั้นแหละ" มือหนาขยุ้มเรือนผมยาวสลวยแน่นอย่างระบาย เมื่อความเป็นชายอาศัยอยู่ในอุ้งปากของฟาติน ความสะท้านเมื่อปากบางขยับสร้างความกระสันให้อย่างไม่อาจกักกั้นอารมณ์ไว้ได้"ฟาตินจะสนองให้ท่านได้มีความสุขอย่างไม่มีวันลืม""โอ๊ะ! " ฟาตินหยัดตัวลุกเต็มความสูง มือบางผลั
เสน่หามนตราบทที่ 19 - ช้าไปใช่ไหม...ความร้อนรนในใจเมื่อนึกถึงคำบอกกล่าวของน้องสาว 'ต้องไปหาม่านฟ้าก่อนดวงตะวันโผล่พ้นขอบฟ้า' ยิ่งทำให้เชคฮ บราฮิม กระสับกระส่ายนั่งไม่ติดเบาะ ความเร็วของรถที่เหยียบคันเร่งหนึ่งร้อยสี่สิบ ยังดูช้ามากจนอยากจะขับเองให้รู้แล้วรู้รอด แต่คนขับรถก็แสนจะเชื่อฟังคำสั่งราชิตเสียเต็มประดา ด้วยก่อนออกมาได้สั่งว่า ห้ามให้เชคฮ บราฮิมขับรถเด็ดขาด แม้นร้องขอแค่ไหนก็ตาม...เวลาก็ช่างเดินเร็วเสียเหลือเกิน"เร็วกว่านี้ได้ไหม" เชคฮ บราฮิม เอ่ยถามคนขับรถอย่างร้อนใจ"เร็วที่สุดแล้วครับท่าน" คนขับรถเอ่ยบอก"เร็วกว่านี้อีกหน่อย เราร้อนใจ" ความร้อนรนใจมันมีมากแม้นความเร็วตอนนี้มากพอจนแทบสุดเข็มไมล์ แต่ความร้อนใจมันมีมากกว่า"เกรงจะเกิดอันตรายครับท่าน" คยขับรถพูดย้ำอย่างเตือนสติ หากขับเร็วกว่านี้ มีหวังได้ดับอนาถทั้งคันเป็นแน่"เราต้องไปถึงโรงพยาบาลก่อนดวงตะวันจะพ้นขอบฟ้า""ผมจะทำเวลาให้ดีที่สุด" คนขับรถบอกเพื่อให้เชคฮ บราฮิมนั้นใจชื้นขึ้นมา ด้วยการทำเวลาในการขับรถให้ดีที่สุด เมื่อเห็นความกังวลบนใบหน้านายเหนือหัว และกิริยาที่ไม่สงบนิ่ง...สองขายาวเมื่อรถยนต์คันหรูจอดสนิทจนถึงที
เสน่หามนตราบทที่ 20 - รอ...เงาเลือนลางดั่งมีคนกำลังก้าวเดินเข้ามาใกล้ แต่เชคฮ บราฮิมกลับไม่ได้ใส่ใจที่จะมองสักนิด จนเงานั้นเคลืรอนคล้อยขยับมาหยุดยืนตรงข้าม"หายไปไหนมาเหรอคะ" เสียงหวานหนึ่งดังขึ้น น้ำเสียงที่คุ้นชิน จนเชคฮ บราฮิมที่นั่งฟุบก้มหน้าอย่างคนสิ้นหวังต้องเงยหน้าขึ้นมอง...ใบหน้าหวานที่คุ้นเคย ยืนตรงหน้าก้มมองเขาอยู่ด้วนสีหน้านิ่งเรียบ ความดีใจจึงมีขึ้นมาจนเผยรอยยิ้มที่ฉีกกว้างออกจนแทบถึงใบหู"ม่านฟ้า" เชคฮ บราฮิมเอ่ยเรียกชื่อหญิงที่ตามหาจนเริ่มท้อใจ เมื่อหายังไงก็หาไม่เจอ จนเริ่มท้อแท้และอ่อนแรง เกิดความสิ้นหวังในใจจนต้องนั่งฟุบกับพื้นหญ้าของโรงพยาบาลที่กว้างขวาง "หายไปไหนมา รู้ไหมผมตามหาอยู่นาน...ใจไม่ดีเลย" เชคฮ บราฮิมร่ายยาวพร้อมหยัดตัวลุกขึ้นยืนฉับไว โผลเข้ากอดม่านฟ้าอย่างคะนึงหา สาวรับใช้ก้มหน้ามองพื้นแทบไม่ทันเลยทีเดียว อ้อมกอดที่แนบแน่นอย่างคนคิดถึง ม่านฟ้าไม่ไหวติงยอมให้เชคฮ บราฮิมโอบกอดอยู่แบบนั้น และเธอก็ไม่ได้กอดตอบกลับแต่อย่างใด"ฉันรอคุณมาหา...แต่ก็ไม่เห็นมาสักที นอนไม่หลับเลยมาเดินสูดอากาศกับอัยมี่และอาเดล" ม่านฟ้าบอกกล่าวถึงเหตุผล พร้อมเอ่ยถึงหญิงรับใช้สองคนท
เสน่หามนตราบทที่ 21 - โวยวายอีกฟากฝั่งของครรชิตก็กำลังร้อนใจ เมื่อลูกทัวร์หายตัวไป เพราะวันนี้คือวันสุดท้ายและต้องเดินทางกลับประเทศไทยในคืนนี้ จะตามหาลูกทัวร์ที่หายไปได้ที่ไหนก็ยังไม่รู้...คู่บัดดี้ที่นอนด้วยกันก็บอกไม่รู้อะไร ความสงสัยที่มีก็คือครั้งสุดท้ายที่เขาเจอม่านฟ้าในอ้อมกอดผู้ชายอาหรับคนนั้น"คุณอยู่ไหนนะม่านฟ้า" เมื่อไปขอความช่วยเหลือจากสถานฑูตก็ไร้วี่แวว หากม่านฟ้าเป็นอะไรไปบริษัททัวร์ของเขาต้องเสียชื่อเป็นแน่...แต่ไม่เท่ากับความรู้สึกห่วงใยม่านฟ้า ห่วงหาว่าเธอนั้นจะเป็นอันตรายเสียมากกว่า เพราะดูท่าชายคนนั้นไม่ธรรมดาเอาเสียเลย...ล้อเครื่องบินเหยียบผืนดินประเทศไทยในเวลาต่อมา ครรชิตกลัดกลุ้มเป็นอย่างมาก เมื่อลูกทัวร์นั้นหายไปและจนใจไม่รู้จะตามหาได้อย่างไร กาลนี้ก็ต้องพาลูกทัวร์คนอื่น ๆ กลับมาก่อนเพราะถึงกำหนด ... เรื่องของม่านฟ้าคงต้องหารือกับคนในบริษัทอีกที และครรชิตจะไม่หยุดแค่นี้ เขาต้องตามหาม่านฟ้าให้พบจงได้เมื่อตั้งใจว่าจะมารับเพื่อนที่สนามบินตามที่ม่านฟ้าบอกไว้ว่าวันไหนที่เธอจะเดินทางกลับ...เอยมายืนรอรับตรงทางออกอยู่เนิ่นนาน แต่กลับไม่เห็นเพื่อนแม้แต่เงา"รอรับกระเป
“ดรูฟ ฮือ ๆ” ม่านฟ้าที่เห็นใบหน้าของบุตรชาย วิ่งกรูเข้าหาสามีทันทีเมื่อพบเจอ ความดีใจที่มากมายยิ่งกว่าสิ่งใดเมื่อบุตรชายนั้นปลอดภัยกลับมา “ฮือ ลูกแม่” ม่านฟ้ากอดบุตรชายแนบกับอกแน่น จมูกดอมดมสูดความอ่อนของกลิ่นเด็กอย่างแสนรัก เชคฮ บราฮิม โอบกอดภรรยาที่รักและบุตรชายไว้ในอ้อมกอดใหญ่ พร้อมกับมือหนาที่ลูบหัวภรรยาอย่างปลอบโยน “ดรูฟปลอดภัย ไม่ต้องร้องนะ” เชคฮ บราฮิม พูดปลอบใจภรรยาที่เอาแต่ร้องไห้สะอึกสะอื้นแทบขาดใจ เมื่อบุตรชายนั้นหายตัวไป “ขอบคุณนะคะที่พาลูกของเรากลับมา” ม่านฟ้าเงยหน้ามองสามีที่ตอนนี้ดวงตาแดงก่ำ กลีบปากอวบจูบซับลงคางสากอย่างขอบคุณ ข่าวการกลับมาของทายาทตัวน้อยรับรู้ถึงปู่ย่าและอา ทุกคนล้วนดีใจเป็นรู้สึกโล่งอก เมื่อหลานชายและทายาทเพียงคนเดียวนั้นกลับมาอย่างปลอดภัย ทำให้ความร้อนใจของคนในครอบครัวและบริวารที่จงรักภักดีนั้นปลื้มใจ เพราะดรูฟที่เป็นที่รักของทุกคนในตระกูล เวลาผ่านไปความคับแค้นใจที่อานัสนั้นมีย่อมผ่อนปรนลง ฟาตินก็ยังคงอยู่กับอานัสในคฤหาสน์หลังนั้นเรื่อยมา ท่ามกลางความเจ็บช้ำและจำยอมที่จะอยู่ต่อเพราะถูกบังคับและเพราะคำสัตย์ที่เธอนั
อำนาจที่มีพร้อมกับพละกำลังคนที่มากโขความชำนาญของลูกน้องที่เก่งกาจในด้านเทคโยโลยี จนทำให้ เชคฮ บราฮิม นั้นรู้แล้วว่าบุตรชายนั้นอยู่ที่ใด การติดตามตัวบุตรชายเพียงคนเดียวจึงเริ่มต้นขึ้น เชคฮ บราฮิม รีบมุ่งตรงไปยังที่หมายที่สืบหามาได้ ด้วยห่วงใยบุตรชายที่ตกอยู่ในมือของอดีตเพื่อนรักอย่างอานัสและทำให้รู้ด้วยว่าฟาตินนั้นอาศัยพักพิงอยู่กับอานัสมานานแรมเดือน“เรามาขอพบอานัส” เสียงเข้ม ใบหน้าดุดันเอ่ยขึ้นเมื่อก้าวขาเข้ามาในบริเวณคฤหาสน์หลังโตของอดีตเพื่อนรัก“ไม่ทราบว่าได้นัดไว้หรือเปล่าครับ” หัวหน้าองครักษ์เอ่ยถาม เมื่อการมาของเชคฮ บราฮิมนั้นมีบุคลากรที่มากมายพร้อมทั้งอาวุธประจำกายแทบทุกคน“ไม่ได้นัด และเราก็ต้องเจออานัสตอนนี้” เสียงเข้มบอกกล่าวเมื่อเขานั้นร้อนใจเพราะกลัวบุตรชายเกิดอันตราย แค่ใบหน้าของม่านฟ้าที่แปดเปื้อนด้วยน้ำตาเพราะความเศร้าโศกก็ทำให้เชคฮ บราฮิมนั้นใจแทบสลายแล้ว“ต้องขออภัยเพราะกระผมคงให้ท่านพบพร้อมคนมากมายที่มีอาวุธติดกายไม่ได้” หัวหน้าองครักษ์บอกกล่าวหน้านิ่ง ยิ่งทำให้เชคฮ บราฮิมนั้นเลือดขึ้นหน้า“ไปบอกอานัส ว่าเรา เชคฮ บราฮิมต้องการพบ เดี๋ยวนี้!!” ความร้อนใจที่มีทำให้เชคฮ
ทันทีที่รู้ข่าวของบุตรชายที่หายตัวไปโดยที่ไม่มีใครเห็นเลย เชคฮ บราฮิม ร้อนรนใจอย่างมาก ละจากงานทุกอย่างโดยไม่รีรอ รีบปรี่กลับไปยังคฤหาสน์ทันที สถานที่ที่คนคุ้มกันแน่นหนาทำบุตรชายนั้นจะหายไปอย่างไรกัน “บราฮิม ฮึก อึก ฮือ...ดรูฟ ดรูฟหายไป ฮืออออ” ม่านฟ้าที่ร่ำไห้จนดวงตาบวมแดง ตั้งแต่ออกจากห้องน้ำแล้วไม่เห็นลูกชายที่ตนวางไว้บนเตียงนอน สั่งคนตามหาในอาณาบริเวณก็ไร้วี่แวว เด็กน้อยที่ยังไม่สามารถเดินเองได้จะหายไปได้อย่างไร หากไม่มีคนอุ้ม “ม่านฟ้า ใจเย็น ๆ นะ ดรูฟหายไปได้ยังไง” เชคฮ บราฮิม โอบกอดภรรยาที่ร้องไห้อย่างโศกเศร้า พูดด้วยน้ำเสียงสะอึกสะอื้นแทบฟังไม่ได้ศัพท์ “ไม่รู้ เข้าห้องอยู่ออกมาก็ไม่เจอลูก บราฮิม ฮือ ฮึก ดรูฟ จะ จะเป็นอะไรไหม” “ดรูฟจะต้องปลอดภัย จะไม่มีใครทำอะไรดรูฟได้ ผมสัญญา” เชคฮ บราฮิม พูดปลอบประโลมภรรยาให้คลายกังวล ทั้งที่ตนนั้นกลับยิ่งกังวลใจไม่แพ้กัน “ราชิต สั่งคนตามหาดรูฟ เช็คกล้องวงจรปิดทุกตัวอย่างละเอียด” “ครับ” ราชิตรับคำสั่งอย่างหนักแน่น แล้วเดินจากไปเพื่อทำหน้าที่ของตน คนในครอบครัวที่เชคฮ บราฮิมนั้นส่งข่าวท่านปู่
“ดรูฟ รอแม่อยู่ตรงนี้นะ แม่ขอเข้าห้องน้ำสักครู่เดียว” เสียงของม่านฟ้าพูดคุยกับบุตรชายที่กำลังนอนหลับสนิท เวลานี้ที่เธอนั้นอยู่เพียงลำพังในห้องนอนเพราะต้องให้นมบุตรชาย จึงต้องอยู่เป็นการส่วนตัวและไร้หญิงรับใช้คนสนิทที่เธอนั้นไว้วานให้ไปทำงานให้ ประจวบเหมาะกับที่ผู้คิดร้ายนั้นได้ยินในคำพูด และแอบย่องเบาเข้ามาในห้องนอนอย่างถือวิสาสะและไร้คนมองเห็น ฟาตินเดินเข้ามาใกล้ เป้าหมายคือทายาทเพียงคนเดียวของ เชคฮ บราฮิม ที่เขานั้นรักปานดวงใจ ดรูฟน้อยถูกอุ้มขึ้นสู่อ้อมอกของฟาติน ไร้เสียงร้องของเด็กน้อยที่นอนหลับสนิทเมื่อกินอิ่มพลี ฟาตินค่อย ๆ อำพรางร่างกายของดรูฟด้วยผ้าคลุมสีทึบที่พกมา ทุกอย่างถูกเตรียมการมาอย่างดี ฟาตินคิดแบบนั้น การลักลอบเข้ามายังคฤหาสน์โดยที่ไม่มีใครล่วงรู้และการก่อเหตุลักพาตัวทายาทเพียงคนเดียวเริ่มขึ้น ฟาตินค่อย ๆ ย่องและหลบซ่อนสายตาของหน่วยคุ้มกันภัยที่รายล้อมทั่วอาณาบริเวณ การคุ้มกันที่แน่นหนา จะทำอย่างไรถึงจะรอดพ้นได้“จะหนีออกไปอย่างไรดี” ฟาตินยืนบ่นและใช้ความคิด ดีในความคิดของเธอคือดรูฟไม่มีเสียงร้องใด ๆ ให้คนสงสัย“ฮึ แกต้องเจ็บเจียนตายแน่ เชคฮ บราฮิม” สายตามองเห็นรถส
กลีบปากหนาละออกห่าง ร่างบางถูกช้อนตัวขึ้นสู่อากาศในอ้อมอกแกร่ง แผ่นหลังบางแนบสนิทกับพื้นที่นอนนุ่มในเวลาถัดมา ม่านฟ้าถูกคลายชุดที่สวมใส่จนหลุดร่วงด้วยฝีมือของสามีหมาด ๆ เผยร่างกายที่สวยงามท้าทายต่อสายตาคมดุดัน สองสายตาจ้องมองกันและกันอย่างหยาดเยิ้ม วงแขนเล็กโอบรอบลำคอแกร่ง ออกแรงดึงจนใบหน้าคมขยับเข้าใกล้จนลมหายใจอุ่นกระทบผิวของกันและกันม่านฟ้าประกบเรียวปากทาบทับกลีบปากหนาอย่างยินยอม สร้างความพึงพอใจให้กับเชคฮ บราฮิมยิ่งนัก บทรักเริ่มก่อตัวอย่างเร่าร้อน เรียวลิ้นชอนไชหยอกเย้ากันอย่างท้าทาย สองกายแนบชิดบดเบียดกัน และร่างหนานั้นยั้งแรงในบางจังหวะเพราะนึกถึงทายาทที่กำลังอยู่ในท้องอย่างนึกห่วงใย "จะทำเบา ๆ จะไม่ให้เกิดอันตราย" เชคฮ บราฮิมบอกกล่าว เมื่อไม่อาจทานทนต่อแรงสวาทได้อีก ร่างกายที่แสนยั่วเย้าสายตาจนร่างหนานั้นเก็บกั้นอารมณ์ไว้ไม่ไหว"หมอบอกว่าทำได้ค่ะ"สองขาเรียวถูกแยกออกห่าง ร่างกายหนาแทรกกลางกายสาว คุกเข่าจับความเป็นชายค่อย ๆ เคลื่อนคล้อยสู่กลางกายสาวที่ยังคับแน่น"อื้อ" เสียงเค้นในลำคอบางเบา ใบหน้าเสลาเงยเชิดกัดริมฝีปากและหลับตาพริ้มเมื่อรวมกายให้เป็นหนึ่งเอาหนาเริ่มขยับช้า
เวลาถัดมาม่านฟ้าถูกสาวรับใช้จัดการกับเรือนร่าง ทุกอย่างถูกอาฟียาจัดการอย่างดิบดี เสื้อผ้า เครื่องประดับ ที่พร้อมประดับบนเรือนกายระหงษ์ หน้าท้องที่เคยแบนราบเริ่มโผล่เล็กน้อยตามอายุครรภ์ “ทำไมต้องแต่งตัวขนาดนี้ด้วยล่ะเอย” ม่านฟ้าที่นั่งเป็นหุ่นให้กับอัยมี่และอาเดล จัดแต่งหน้าทำผมเอ่ยถามเมื่อนึกสงสัย “เราจะไปงานเลี้ยงกันไงแก” เอยบอกย้ำให้รับรู้ งานเลี้ยงที่เป็นงานแต่งของเพื่อนสนิท ที่เจ้าตัวนั้นไม่รู้มาก่อน “ทำไมไม่มีใครบอกก่อนล่ะ” “ก็บอกอยู่นี่ไง” “เดี๋ยว ๆ แล้วทำไมต้องวาดลวดลายลงบนมือด้วยล่ะ”ม่านฟ้าสงสัยเมื่อมือและเท้าทั้งสองข้างถูกช่างวาดลายเฮนย่าลงอย่างละเมียดละไมและประณีต “มันไม่ได้ร้ายแรงอะไรหรอกค่ะ ว่าที่พี่สะใภ้ ทุกอย่างที่ทำให้ล้วนดีแล้ว” อาฟียาชี้แจงเมื่อม่านฟ้านั้นสงสัยในการกระทำไม่เลิกลา “ทำ ๆ ไปเถอะน๊า ฉันก็ไม่รู้ ท่านเชคฮบอกให้ทำก็ทำตามสิ” คำพูดที่เอยบอกกล่าว สะกิดให้นึกถึงสิ่งที่ให้คำมั่นว่าจะไม่งอแงหากอาฟียาให้ทำอะไร ม่านฟ้าจึงเงียบปากไว้และทำได้แค่เพียงนั่งนิ่งเท่านั้น เวลาผ่านไปหลายชั่วโมง การจัดกา
Special - ขอแค่กลับมาตลอดเวลาที่ยาวนานกว่าสามสิบกว่าวันที่ม่านฟ้านั้นไม่ได้ออกไปไหน นอกจากอยู่ภายใต้ชายคาของคฤหาสน์และเดินเล่นเพียงแค่บริเวณรอบด้านเท่านั้น มีเพียงอาฟียาและเอยเพื่อนรักเท่านั้นที่คอยอยู่แก้เหงา โดยที่ม่านฟ้าก็ไม่รู้ว่าทำไม เชคฮ บราฮิม ถึงสั่งห้ามขนาดนี้ เหมือนจะกักขังเธอไว้อย่างกับนักโทษในความคิดของเธอ แต่เมื่อม่านฟ้าได้ยิน เชคฮ บราฮิม นั้นบอกแค่ว่า‘ที่ทำไปนั้นล้วนมีเหตุผล…ทุกอย่างเพื่อคุณนะม่านฟ้า’ประโยคที่บ่งบอกว่าเขานั้นห่วงใย ม่านฟ้าจึงไม่เซ้าซี้ถามต่อให้มากความ เพราะมั่นใจว่าสิ่งที่คนรักนั้นทำและสั่งการ ย่อมมีเหตุผลและที่มาที่ไปเสมอ เธอจึงเชื่อใจและยอมทำตามอย่างไม่มีข้อแม้ “นี่เป็นของขวัญที่ท่านพี่ส่งมาให้ค่ะว่าที่พี่สะใภ้” อาฟียาและเอยเดินเข้ามาในห้องรับรองที่ม่านฟ้ากำลังนั่งถักไหมพรมเป็นงานอดิเรก พร้อมกับเหล่านางรับใช้ราวแปดคนพร้อมกับของในมือมากมายที่อาฟียาบอกว่ามันคือของขวัญ “ของขวัญ?” ม่านฟ้าเงยหน้าจากงานที่ทำแล้วย้ำถามอย่างสงสัย ของขวัญเนื่องในโอกาสอันใด และนี่ก็หลายวันที่ เชคฮ บราฮิม หายหน้าไป ม่านฟ้าจะเจอแค่วันละหนึ่งครั้งเท่านั้น ด้วยหน้
“เธอเป็นอย่างไรบ้างหมอ” เชคฮ บราฮิม เอ่ยถามทันทีอย่างร้อนรนใจเมื่อหมอนั้นตรวจอาการของม่านฟ้าเรียบร้อย “ไม่ได้เป็นอะไรเลยค่ะ” หมอหญิงบอกกล่าวถึงอาการ “ไม่ได้เป็นได้ยังไง อาเจียนขนาดนี้!” เชคฮ บราฮิม เกิดอาการฉุนเฉียวเมื่อสิ่งที่เขาเห็นนั้นว่าหนักหนา แต่หมอกลับบอกว่าไม่เป็นอะไร เหมือนหมอนั้นโกหกหน้าตายเสียอย่างนั้น “ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงเลยค่ะท่าน...แค่นายหญิงนั้นตั้งครรภ์เท่านั้น” “ยังจะโก....” เชคฮ บราฮิม เตรียมสาดคำด่าเมื่อหมอยังบอกว่าไม่เป็นอะไร แต่ต้องหยุดชะงักคำพูดไว้ เมื่อสิ่งที่ได้ยินนั้นเหมือนสายลมผ่านหู ฟังดูแล้วไม่ค่อยชัดเจน “อะไรนะ หมอว่าอะไรนะ” จนต้องย้อนถามอีกครั้งอย่างตะลึงอึงงัน “นายหญิงตั้งครรภ์ค่ะ ควรพานายหญิงไปฝากครรภ์และตรวจดูอายุครรภ์อีกครั้งนะคะ” “จริงเหรอ” สีหน้าที่เปี่ยมล้นด้วยความยินดี อาเดลและอัยมี่พร้อมราชิตที่ยืนข้างเตียง ยิ้มแย้มด้วยความปรีติยินดีที่ตอนนี้นายเหนือหัวกำลังจะมีทายาท “ม่านฟ้าเรากำลังจะมีลูก” เชคฮ บราฮิม โผเข้ากอดหญิงที่รักที่นอนยิ้มอยู่บนเตียง น้ำตาที่ไหลอาบแก้มใสเป็นน้ำตาของความดีใจเมื
เวลาผ่านพ้นไปนานนับเดือนครรชิตหายไปจากต่างแดนเพราะคำสั่งที่แสนจะหนักแน่นของผู้มีอิทธิพลอย่าง เชคฮ บราฮิม สั่งการ ให้ส่งตัวกลับบ้านเกิดและไม่ได้ข่าวคราวอะไรของครรชิตอีกเลย ส่วนเอยและอาฟียาก็อยู่ด้วยกันอย่างคนรักแบบเปิดเผย แม้ผู้เป็นพ่อจะไม่ค่อยพอใจแต่จะห้ามยังไงได้เมื่อบุตรสาวนั้นร้องขอ ด้วยความรักลูกจึงต้องยอมปิดหูปิดตา แม้ว่าจะไม่ชอบใจ อาฟียาเทียวไปเทียวมายังประเทศไทยอยู่บ่อยครั้ง เพราะเอยก็มีหน้าที่ที่ต้องทำอย่างเช่นคนทั่วไปเหมือนกัน แม้อาฟียาจะร้องขอให้เอยมาอยู่ด้วย แต่ด้วยเหตุผลที่มากขอของเอยอาฟียาจึงเป็นฝ่ายยอมเอง สิ่งที่ม่านฟ้านั้นฝัน สถานที่แห่งไหนที่ม่านฟ้านั้นอยากไป เชคฮ บราฮิม จะเป็นคนพาเธอสานต่อมันด้วยตัวเอง หลังมื้อเย็นที่ชายและหญิงนอนกกก่ายกันบนเตียงนอนและดูโทรทัศน์ด้วยกัน มือหนาลูบหน้าคนในอ้อมกอดแผ่วเบา มือเล็กก็ลูบไล้แผงอกแกร่งที่ไร้เสื้อผ้า ไหล่หนาคือหมอนหนุนชั้นดีให้หญิงสาว “อยากไปไหนไหม” เชคฮ บราฮิม เอ่ยถามขึ้น เมื่อนึกได้ว่าจุดประสงค์ที่ม่านฟ้านั้นมาที่นี่เพื่อท่องเที่ยวและพักผ่อน แต่เธอกลับยังไม่ได้ไปไหนมากมายเพราะเขานั้นฉุดเธอมาก่อน “ถามทำไมค