เมื่อได้เวลาที่ภาพยนตร์เข้าฉาย พชรพาช่อมาลีเดินเข้ามาในโรงภาพยนตร์ ชายหนุ่มยื่นตั๋วส่งให้พนักงานที่ยืนอยู่ด้านหน้า พนักงานคนนั้นจึงพาทั้งคู่ไปยังที่นั่งตามที่ตนเองได้จองตั๋วเอาไว้
ช่อมาลีเบิกตากว้างด้วยความตื่นเต้น เมื่อมองเห็นสภาพของโรงภาพยนตร์ด้านใน ที่นั่งมีน้อยตัวไม่ได้เรียงกันเป็นแพอย่างที่เคยเห็น หนำซ้ำเก้าอี้บุนวมสุดหรูตัวใหญ่ก็ตั้งเป็นคู่ ๆ แยกห่างจากตัวอื่น ๆ เป็นสัดเป็นส่วน ทั้งยังมีผนังกั้นเพื่อความเป็นส่วนตัวของคนที่เข้ามาดูอีกด้วย
นี่มันเหมาะสำหรับคู่รักกันมากกว่านะ!
ช่อมาลีเหล่ตามองชายหนุ่มที่ได้ชื่อว่าเป็นเจ้านายด้วยความสงสัย เห็นประกายตาเต้นระริกอยู่ในหน่วยตาคม ๆ คู่นั้นพร้อมกับรอยยิ้มที่มุมปากเพียงนิด ก็รู้ขึ้นมาทันทีว่าเขากำลังหยั่งเชิงเธออยู่
“ผมไม่ชอบนั่งดูหนังในเก้าอี้แคบ ๆ น่ะ ขาผมมันยาวคุณก็เห็น แถมเวลาคนที่เข้ามาทีหลังก็มาเดินผ่านหน้าไปมาน่ารำคาญจะตาย ดูแบบนี้แหละสบายดี ผมชอบ”
พชรทิ้งตัวลงนั่งที่เก้าอี้พร้อมกับนอนเอนหลังเหยียดเท้าไปจนสุดด้วยท่วงท่าสบาย ๆ จนหญิงสาวนึกหมั่นไส้แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ สุดท้ายก็ต้องนั่
“แต่เมื่อวานคุณป้าก็ไม่ขัดข้องไม่ใช่หรือคะ หนูรินว่าถ้าหากคุณป้าเอ่ยปากคำเดียว พี่โอมต้องตามใจคุณป้าแน่นอนค่ะ” รินลดาพูดโดยไม่คิดจะปิดบังความรู้สึกของตนจนทำให้คนสูงวัยอดที่ถามออกไปไม่ได้“หนูรินชอบพี่เขาหรือลูก” ถามแล้วก็มองใบหน้าที่ตกแต่งไว้อย่างปราณีตของหญิงสาว รินลดาแสร้งทำสีหน้าเอียงอายเล็กน้อย หลบสายตาของคนถามก่อนจะอ้อมแอ้มตอบออกมา“ใช่ค่ะคุณป้า ความจริงแล้วหนูรินรู้จักพี่โอมมานานแล้วค่ะ แล้วก็แอบชอบพี่เขาเงียบ ๆ มาตั้งนานแล้ว พอเมื่อวานได้เจอหน้ากัน เอ่อ...”หญิงสาวหยุดพูดเพียงแค่นั้น แล้วก็ก้มหน้าเอียงอายไม่กล้าพูดต่อ หากแต่แววตานั้นกลับซ่อนประกายหมายมาดเอาไว้อย่างเต็มเปี่ยม อย่างไรเสีย เธอก็ต้องคว้าผู้ชายคนนี้มาเป็นของตนเองให้ได้“เอาเถอะ...เดี๋ยวป้าจะคุยกับตาโอมเขาอีกทีแล้วกันนะจ๊ะ”“ขอบคุณค่ะคุณป้า ถ้างั้นหนูรินกลับก่อนนะคะ ไม่อยากรบกวนเวลาพักผ่อนของคุณป้า สวัสดีค่ะ” รินลดายกมือไหว้นอบน้อมแล้วลุกขึ้นยืน พัชราจึงลุกขึ้นตามเพื่อเดินไปส่งที่หน้าประตู“ฝากความคิดถึงถึงคุณแม่หนูด้วยนะจ๊ะ”“ได้ค่ะคุณป้า หนูรินจะบอกคุณแม่ให้ค่ะ” หญ
ระหว่างที่กำลังจะก้มลงไปดูดน้ำจากแก้วของตนเอง เธอก็ต้องตกใจรีบถอยศีรษะของตนออกมาแทบไม่ทัน เมื่ออยู่ดี ๆ พชรก็ก้มลงมาดูดน้ำจากแก้วของเธอที่กำลังถืออยู่ในมือ และที่สำคัญ เขาดูดหลอดเดียวกันกับเธอเสียด้วย“อืม...รสชาติใช้ได้เลยนะเนี่ย แปลก ๆ ดีเหมือนกันนะ สีเหมือนค็อกเทลมาการิต้าเลย แต่ผมว่าโกโก้ของผมอร่อยกว่า จริงสิ...เดี๋ยวเข้าไปคุยกับผมในห้องหน่อยนะ”พชรยิ้มพรายเต็มวงหน้า แกล้งทำไม่รู้ไม่ชี้ก่อนจะเดินเข้าห้องทำงานของตนไป ทิ้งให้หญิงสาวยืนอ้าปากค้าง มองแผ่นหลังของเขาจนหายลับเข้าไปในห้อง จากนั้นก็ก้มลงมองที่แก้วน้ำของตนเองสลับกับตวัดค้อนใส่คนที่เพิ่งเดินจากไปหญิงสาวทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้พอดีกับที่มองเห็นหน้าของตนเองในกระจกที่ตั้งเอาไว้ข้างคอมพิวเตอร์ จึงทำให้รู้ว่าตอนนี้ใบหน้าเล็ก ๆ ของตนนั้นสุกปลั่งเห่อร้อนแค่ไหน ไม่แปลกใจเลยที่ทำไมเขาถึงได้ยิ้มแบบนั้น“คนบ้านี่...ถ้าดูดไปมันจะเหมือนจูบกับเขารึเปล่านะ...ตายแล้ว! คิดอะไรออกไป” ช่อมาลียกมือขึ้นทาบแก้มของตนเอง รู้เลยว่าตอนนี้หน้าร้อนซู่ขนาดไหนเพราะเงาที่สะท้อนออกมาจากกระจกมันฟ้องอยู่ทนโท่หญิงสาวตัดสิน
หลังจากจ่ายเงินค่าแท็กซี่เสร็จเรียบร้อยแล้ว ช่อมาลีก็เดินลากกระเป๋าเดินทางใบไม่ใหญ่นักเข้าไปในสนามบิน หญิงสาวสอดส่ายสายตามองหาบริเวณที่เจ้านายหนุ่มนัดให้ไปเจอกัน เมื่อเห็นจุดนัดหมายจึงรีบลากกระเป๋าไปยังจุดนั้นทันที และพอไปถึงก็เห็นพชรยืนรออยู่ก่อนแล้ว กำลังจะอ้าปากขอโทษที่ตนเองมาช้าก็ต้องตกตะลึงกับลุคใหม่ของเขาวันนี้พชรสวมกางเกงขาสามส่วนแบบกางเกงทหาร เสื้อยืดสีฟ้าอ่อนพอดีตัวคลุมทับด้วยเสื้อเชิ้ตแขนสั้นลายสก็อตสีน้ำเงิน ทรงผมก็ดูแปลกตาไม่หวีเรียบแปล้อย่างเคย แต่กลับหวีปัดขึ้นตามแบบฉบับหนุ่มเคป๊อบที่กำลังฮิต พอมองต่ำลงมาก็เห็นรองเท้าผ้าใบสีน้ำเงินที่ดูเข้ากันดีกับชุดที่เขาสวมใส่ แม้ว่าจะไม่ใส่ถุงเท้าก็ตามน่าเสียดายที่ช่อมาลีไม่สามารถมองทะลุแว่นกันแดดที่เขาสวมอยู่ได้ มิเช่นนั้นเธอคงจะเห็นสายตาคมกริบที่เฝ้ามองตั้งแต่เธอเดินเข้ามาด้านในอาคารด้วยความพึงพอใจแล้วร่างโปร่งระหงสมส่วนของช่อมาลีอยู่ในชุดกางเกงยีนสีเข้มเข้ารูปกับเสื้อเชิ้ตสีชมพูอ่อนปล่อยชายเสื้อให้เป็นอิสระ สวมรองเท้าคัตชูส้นเตี้ย ส่งผลให้หญิงสาวดูทะมัดทะแมงน่ามอง แต่ในขณะเดียวกันก็ดูเซ็ก
“โว้ว! เจ๋ง ผมเห็นด้วยนะ งานแบบนี้ไม่ค่อยมีใครทำเท่าไร และถ้าเราสามารถทำได้ คนก็จะพูดถึงแต่งานนี้ เราสามารถทำได้ไหมคุณสุชาติ”พชร กระตือรือร้นขึ้นมาทันทีเมื่อธีมงานที่เลขาฯ สาวเป็นคนเสนอนั้นแสนจะถูกใจ“ผมคิดว่าไม่น่าจะมีปัญหาครับ เดี๋ยวผมจะไปดูอีกทีว่าหาดไหนน่าจะเหมาะที่สุด ผมให้ฝ่ายพีอาร์เขาติดต่อพริตตี้เตรียมไว้แล้ว ตอนนี้กำลังฝึกอบรมเกี่ยวกับรถแต่ละรุ่นกันอยู่ครับ” สุชาติตอบเจ้านาย และถามต่ออีกว่า“คุณโอมจะเข้าที่พักก่อน หรือว่าจะไปที่สำนักงานก่อนครับ”“อืม...ไหวไหมคุณช่อ อยากเข้าพักก่อน หรือจะไปสำนักงานเลย”พชรหันมาถามช่อมาลี เพราะไม่อยากให้หญิงสาวอ่อนเพลียจากการเดินทางมากเกินไป แต่ช่อมาลีก็ให้คำตอบเป็นที่น่าพอใจสำหรับเขา“ไปสำนักงานเลยดีกว่าค่ะจะได้ไม่เสียเวลา เสร็จงานจากวันนี้แล้วจะได้เข้าที่พักเลยทีเดียว”“โอเค งั้นเราก็ไปกันเถอะ”พชรหันไปพยักหน้ากับสุชาติ ชายหนุ่มจึงกวักมือเรียกพนักงานให้เข้ามาเช็คบิลค่าอาหาร หลังจากนั้นไม่นาน สุชาติก็พาทั้งคู่นั่งรถมาถึงสำนักงาน หรือโชว์รูมที่ตั้งอยู่บนถนนย่านธุรกิจทันทีที่พชรก
แต่ทว่าเสียงจ้วงน้ำอย่างเป็นจังหวะก็ทำให้หญิงสาวต้องหยุดคิด เพราะเสียงนั้นกำลังดึงดูดสองเท้าของเธอให้ต้องก้าวตามไปยังทิศทางที่มาของเสียงภาพของเงือกหนุ่มที่กำลังดำผุดดำว่ายอยู่ในสระว่ายน้ำส่วนตัวท่ามกลางแสงอาทิตย์ที่ใกล้ลาลับขอบฟ้า โดยมีฉากหลังเป็นดวงอาทิตย์สีส้มที่ทอประกายสาดแสงไปบนท้องทะเลราวกับเป็นน้ำสีทองระยิบระยับช่างเป็นภาพที่น่าดูจนไม่อาจละสายตาได้ จิตใต้สำนึกบอกเธอว่าให้รีบหันหลังแล้วเดินออกมา แต่สมองกลับสั่งการให้สองขาของเธอยืนนิ่งอยู่ที่ขอบสระจนชายหนุ่มรู้ตัว เขาหยุดว่ายแล้วยกแขนทั้งสองข้างขึ้นเท้ากับขอบสระด้านหลัง ตาคมกริบมองมาทางหญิงสาวอย่างเชิญชวน“ลงมาเล่นน้ำด้วยกันไหมคุณช่อ ได้ใส่ชุดที่ผมซื้อให้รึเปล่า”พชรยิ้มกริ่ม ตาทอประกายวาววามจนช่อมาลีสะดุ้ง หญิงสาวเอานิ้วดันกรอบแว่นให้เข้าที่ แล้วเสมองไปทางอื่นก่อนจะละล่ำละลักตอบเขา“ปะ เปล่าค่ะ ดิฉันไม่กล้าใส่หรอก ดิ...ดิฉันขอตัวก่อนนะคะ”หญิงสาวหมุนตัวกำลังจะเดินออกไป แต่เสียงทุ้มจากคนข้างหลังก็หยุดสองขาของเธอเอาไว้เสียก่อน“เดี๋ยวสิครับคุณช่อ” พชรว
พชรพาช่อมาลีมาที่โรงแรมชื่อดังในตัวเมืองภูเก็ต เมื่อจอดรถเสร็จเรียบร้อยเขาก็พาหญิงสาวเข้าไปด้านในโรงแรม แล้วพาขึ้นลิฟต์ไปชั้นบนสุด พอลิฟต์เปิดออกชายหนุ่มจึงแตะแผ่นหลังของหญิงสาวเบา ๆ เพื่อพาออกไปร้านอาหารกึ่งผับบนนี้มีอยู่สองโซน คือโซนที่นั่งข้างในอาคารกับโซนที่เป็นแบบเปิดโล่งด้านนอก พชรกำลังจะหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาโทร. หาผู้จัดการสุชาติ ก็พอดีกับที่เห็นร่างสูงโปร่งของสุชาติเดินเข้ามาหาพอดี“ทางนี้ครับคุณโอม...โอ้โห! คุณช่อมาลี ผมนึกว่าคุณโอมพาสาวที่ไหนมาเสียอีก สวยจนจำเกือบไม่ได้แน่ะ”สุชาติหันไปคุยหยอกล้อกับเลขาฯ สาวของเจ้านายที่ยืนเยื้องไปด้านหลังเล็กน้อย เขาไม่ได้พูดเกินจริงเลยสักนิดเพราะวันนี้หญิงสาวดูสวยแปลกตาไปมาก ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมพชรถึงได้สั่งให้เขาจองห้องพักหลังนั้นไว้ให้พชรหันไปมองใบหน้าเนียนใสของเลขาฯ คู่ใจ แสงไฟสลัวของที่นี่คล้ายกับแสงไฟที่คลับของเขา ชายหนุ่มชะโงกหน้าเข้าไปถามช่อมาลีใกล้ ๆ เพราะเสียงเพลงที่ดังจนไม่อาจจะคุยกันรู้เรื่อง“หิวรึยังคุณช่อ”ช่อมาลีหันกลับมามองแล้วส่ายหน้าช้า ๆ พร้อมรอยยิ้ม
“ผมกลับก่อนดีกว่าคุณสุชาติ ดื่มเยอะแล้ว พรุ่งนี้มีอะไรต้องทำอีกเยอะ แค่นี้ก็มึนจะแย่” พอพชรบอกอย่างนั้น สุชาติก็ทำหน้าแปลกใจเล็กน้อยด้วยรู้คอกันเป็นอย่างดีว่าชายหนุ่มนั้นคอแข็งยิ่งกว่าอะไร แต่พอเหลือบไปเห็นเลขาฯ เจ้านายถึงได้รู้ความประสงค์ของเจ้านายหนุ่มทันที“แล้วคุณโอมจะขับรถกลับไหวหรือครับ” สุชาติแสร้งถามเจ้านาย พชรจึงพยักพเยิดไปทางหญิงสาวที่นั่งข้าง ๆ“เดี๋ยวคุณช่อเขาจะขับกลับให้ ผมคงไม่ไหว เกรงว่าจะพาคุณช่อเขาตกทะเลไปเสียก่อน” ชายหนุ่มหัวเราะเบา ๆ พร้อมกับลุกขึ้นยืนช้า ๆ ช่อมาลีกับสุชาติจึงลุกตาม“เอ้า...ทุกคนครับ เดี๋ยวคุณโอมต้องรีบกลับไปพักผ่อนก่อนนะ”สุชาติเป็นคนหันไปบอกกับพนักงานบนโต๊ะที่กำลังมองมา หลายคนทำหน้าแปลกใจ เพราะตามปกติจะเห็นเจ้านายอยู่ร่วมดื่มด้วยกันจนกว่าร้านจะปิด“ขอบคุณทุกคนมากนะครับที่เลี้ยงต้อนรับ แต่ผมคงต้องขอตัวก่อน เพราะเริ่มมึน ๆ แล้ว ยังไงก็เชิญทุกคนตามสบายเลยนะ แล้วพบกันพรุ่งนี้ครับ”พชรบอกกับทุกคนบนโต๊ะ บรรดาพนักงานจึงลุกขึ้นยืนเพื่อรอส่งผู้เป็นนายตามมารยาท ช่อมาลีหันไปยิ้มให้กับทุกคน ยกมือไหว้ลาผู้อาวุโสกว่า
ช่อมาลียืนชั่งใจอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายก็ตัดสินใจดึงมือเขาให้ลุกขึ้นนั่ง ทว่าชายหนุ่มกลับกระตุกดึงร่างของเธอจนเสียหลักล้มทับลงไปบนตัวเขาพชรอาศัยความไวจับหญิงสาวพลิกลงไปอยู่ใต้ร่างอย่างรวดเร็วช่อมาลีตกใจเพราะเหตุการณ์เกิดขึ้นเพียงเสี้ยววินาทีโดยที่เธอยังไม่ทันได้ตั้งตัว และยิ่งงุนงงหนักขึ้นเมื่อได้ยินคำถามจากเขา“เฟรนซ์คิส อร่อยไหมคุณช่อ”นัยน์ตาวับวามหวามหวานของคนตรงหน้าส่งผลให้หญิงสาวใต้ร่างใจเต้นไม่เป็นจังหวะ ใบหน้าที่ห่างกันไม่ถึงคืบราวกับใช้ลมหายใจเดียวกันนั้นทำเอาหญิงสาวขนลุกวาบขึ้นทั้งตัว“กะ...ก็...ก็อร่อยดีค่ะ หวาน ๆ เปรี้ยว ๆ” เธอตะกุกตะกักตอบเขาไปพร้อมกับพยายามเอามือผลักอกของเขาให้ออกห่างจากตัว แต่ดูเหมือนจะสูญเปล่าเพราะเขาแทบไม่ขยับเขยื้อน“คุณรู้ไหมว่าทำไมค็อกเทลแก้วนั้นถึงชื่อว่าเฟรนซ์คิส”เสียงทุ้มพูดเบา ๆ ราวกระซิบ ตาคมกริบแต่หยาดเยิ้มของเขามองกวาดไปทั่วใบหน้าจนคนถูกมองรู้สึกหนาว ๆ ร้อน ๆ ราวกับจะจับไข้ ไม่มีเสียงพูดเปล่งออกมาจากคนใต้ร่าง มีเพียงกิริยาส่ายหน้าเร็ว ๆ เท่านั้นที่บอกแทนค
“คนลามก!” ช่อมาลีขว้างค้อนเข้าใส่ ก่อนจะรีบเดินให้ถึงห้องน้ำ พชรจึงรีบลากเสาน้ำเกลือตามไปให้ทัน พอมาถึงเขาก็จัดแจงเอาเสาน้ำเกลือไปไว้ในห้องน้ำให้ แล้วก็ยืนอยู่นิ่ง ๆ ไม่ยอมขยับไปไหน“ออกไปสิคะ ฉันจะเข้าห้องน้ำ”“จะไม่ให้ผมช่วยหรือ ผมช่วยเช็ดตัว หรือเปลี่ยนเสื้อผ้าให้คุณได้นะ” พชรถูมือไปมา นัยน์ตาวิบวับเป็นประกาย“ไม่ต้องค่ะ ม็อททำเองได้ เชิญค่ะ” เธอชี้ไปที่ประตูเป็นการบอกให้เขาออกไป ชายหนุ่มจึงเดินออกมายืนรอข้างนอกห้องน้ำด้วยสายตาเว้าวอนสุดฤทธิ์“โธ่...ทำอย่างกับผมไม่เคยเห็น”ช่อมาลีถลึงตาใส่เมื่อจู่ ๆ เขาก็พูดจาแปลก ๆ“หมายความว่ายังไงคะคุณโอม เคยเห็น เห็นอะไร”ช่อมาลีคาดคั้นคนที่หลุดปากพูดออกมา พชรจึงได้แต่ยืนเอามือล้วงกระเป๋ากางเกงแก้เก้อ แต่ในหัวกำลังเรียบเรียงคำพูดให้ฟังดูดีที่สุด“เอ่อ...ตอนที่ไปภูเก็ต คืนที่เราไปกินเลี้ยงกันที่ดาดฟ้าโรงแรม พอมาถึงห้องผมก็ตื่นพอดี ก็เลยอยากว่ายน้ำ ว่ายไปว่ายมาก็บังเอิญไปเห็นคุณกำลังนอนแช่ในอ่างพอดีน่ะ แต่ผมไม่ได้ตั้งใจจะแอบดูนะ มันบังเอิญเห็นจริง ๆ สาบานได้ ผมอยู่นิ่ง ๆ ไม่กล้าขยับจนคุณเด
“ผมไล่คุณออก ผมไม่ให้คุณผ่านโปร คุณช่อมาลี!” พชรยืนจ้องคนที่นอนหน้าซีดอยู่บนเตียงผู้ป่วยด้วยสายตากรุ่นโกรธ ช่อมาลีพยายามยันกายลุกขึ้นนั่ง แต่แล้วก็ต้องนิ่วหน้าด้วยความเจ็บปวดจากแผลที่ถูกแทงบริเวณชายโครงส่วนคนที่ยืนทำหน้าโกรธพอเห็นหญิงสาวหน้าเบ้เพราะเจ็บแผลก็หลุดมาดเข้ม รีบปราดเข้าไปประคองทันที“จะลุกขึ้นมาทำไม เดี๋ยวแผลก็ฉีกหรอก ทำไมชอบหาเรื่องใส่ตัวอย่างนี้นะ” ชายหนุ่มประคองร่างคนป่วยจนนั่งได้ จากนั้นก็กุลีกุจอเอาหมอนมาซ้อนไว้ที่หลังของหญิงสาว แล้วกดปุ่มปรับระดับหัวเตียงให้ยกขึ้น“ดิฉันขอทราบเหตุผลที่ท่านประธานจะไล่ดิฉันออกด้วยค่ะ”ดวงตาของเธอเริ่มมีน้ำเอ่อคลอ ไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงทำอย่างนี้ เธอทำอะไรให้เขาไม่พอใจอย่างนั้นหรือ ทั้งที่เธอก็พยายามทำงานให้เขาชนิดที่เรียกได้ว่าไม่มีขาดตกบกพร่องแท้ ๆ แล้วที่ผ่านมาทั้งหมดมันคืออะไร ที่เขาดีกับเธอเพราะเห็นเป็นแค่ลูกน้องอย่างนั้นหรือช่อมาลีมัวแต่คิดน้อยใจคนตรงหน้า จนลืมนึกไปว่าที่ตนต้องมานอนรักษาตัวอยู่ที่นี่ก็เพราะเอาตนเองเป็นเหยื่อล่อฆาตกรในต
“วันนี้คุณต้องตื่นนะคนสวย ถ้าคุณไม่ตื่นผมก็จะนั่งเฝ้าคุณอยู่อย่างนี้จนกว่าคุณจะตื่นนั่นแหละ”พชรพูดกับคนที่นอนไม่ได้สติอยู่ตรงหน้า จากนั้นก็ลากเก้าอี้ที่วางชิดกำแพงอีกด้านมานั่งอยู่ข้างเตียง เขาถือวิสาสะเลิกเสื้อของหญิงสาวขึ้นเล็กน้อยพอให้มองเห็นบริเวณที่เป็นแผล สายตาทอประกายเจ็บปวดเมื่อเห็นรอยเลือดที่ซึมออกมาจากผ้าพชรคว้ามือของช่อมาลีขึ้นมาแตะริมฝีปากของตนเองลงไปเบา ๆ จากนั้นก็ประสานนิ้วมือของเขากับเธอเข้าไว้ด้วยกัน มีเพียงแรงกระเพื่อมจากอกเท่านั้นที่บอกเขาว่าเธอยังมีลมหายใจอยู่ชายหนุ่มเอาแต่นั่งนิ่งอยู่อย่างนั้นแทบไม่ขยับ จนกระทั่งร่างกายเริ่มฝืนความอ่อนล้าต่อไปไม่ไหว สุดท้ายใบหน้าเขาก็เอนซบลงไปบนเตียงของหญิงสาวแรงสะกิดที่ไหล่จากเบา ๆ ก็เริ่มจะหนักขึ้นมาเรื่อย ๆ จนพชรต้องสะดุ้งตื่น เขาไม่รู้ว่าตนหลับไปนานแค่ไหน รู้แต่ว่าสายตาที่มองมาอย่างไม่เป็นมิตรของผู้กองชินกฤตกำลังพุ่งตรงมาที่เขาอย่างจงใจ ข้างกันกับนายตำรวจหนุ่มคือช่อฟ้า มารดาของช่อมาลีที่มองมาทางเขาอย่างเคลือบแคลงสงสัยเช่นกัน จนกระทั่งพชรก้มมองเวลาที่นาฬิกาข้อมือของตนเอง ถึงเพิ่งรู
“ตอนนี้คนไข้ปลอดภัยแล้วนะครับ โชคดีที่พามาส่งโรงพยาบาลได้ทันเวลา แต่เนื่องจากว่าคนไข้เสียเลือดไปมาก ทางโรงพยาบาลก็เพิ่งให้เลือดไป ตอนนี้คงต้องให้พักรักษาตัวอยู่ในห้องไอซียูไปก่อนเพราะต้องคอยดูอาการเป็นระยะ ๆ และยังไม่อนุญาตให้ญาติเข้าเยี่ยมนะครับ”แพทย์ผู้ทำการรักษากล่าวจบก็เดินจากไป คนที่ได้ฟังต่างก็รู้สึกโล่งใจไปตาม ๆ กันโดยเฉพาะเขตไทที่พอฟังจบก็เดินเข้ามาหาพชรแล้วยกมือไหว้อย่างขอบคุณ“พี่ครับ ผมต้องขอบคุณพี่มากที่ตอนนั้นพี่รีบพาพี่มาลีขึ้นรถมาโรงพยาบาล เพราะผมก็มัวแต่...” เขตไทพูดได้เพียงแค่นั้นก็ต้องเงียบเสียงลงไปเพราะก้อนสะอื้นเริ่มขึ้นมาจุกที่คอ ตอนนั้นเขามัวแต่เล่นงานคนที่แทงพี่สาวจนลืมนึกไปว่าต้องรีบพาส่งโรงพยาบาล กลับกลายเป็นพชรที่มาถึงก็รีบช้อนตัวพี่สาวเขาอุ้มขึ้นรถมาทันที“ไม่เป็นไรหรอกคนกันเอง ขอแค่ให้ช่อมาลีเขาปลอดภัยก็พอแล้ว”พชรหันไปยิ้มให้พร้อมกับตบบ่าเด็กหนุ่มเบา ๆ ตอนนี้เขารู้สึกเหมือนยกภูเขาออกจากอก ก้อนหินหนัก ๆ ที่ถ่วงใจเขาก่อนหน้านี้ละลายหายไปหมดแล้ว“ขอบคุณมากครับคุณ...” ผู้กองชินกฤตเอ่ยขอบคุณพชร พลางยื่นมือออกมา พชรจึงยื่นมื
ทันทีที่ส่งตัวช่อมาลีถึงมือแพทย์ พชรก็ทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้หน้าห้องฉุกเฉินอย่างหมดเรี่ยวแรง ในใจได้แต่ปลอบตนเองซ้ำไปซ้ำมาว่าถึงมือหมอแล้วเธอต้องปลอดภัย ทั้งที่ลึก ๆ แล้วเขาเองก็ไม่ค่อยมั่นใจนักชายหนุ่มเหลือบมองคนที่เดินไปเดินมาอยู่หน้าห้องที่ช่อมาลีกำลังเข้ารับการรักษา เห็นเลือดที่ไหลออกมาจากแขนขวาแล้วหยดลงพื้นแต่เจ้าตัวกลับไม่สนใจมันเท่าไร พชรจึงเดินไปจับไหล่อีกข้างแล้วบีบเบา ๆ“ชื่อเขตใช่ไหมเรา พี่ว่าไปทำแผลก่อนดีกว่าไหม เลือดไหลใหญ่แล้วนะ” พชรมองเสี้ยวหน้าของเด็กหนุ่มที่มีส่วนละม้ายกับพี่สาวอยู่มากอย่างเป็นห่วง ก่อนหน้านี้เขารู้มาจากช่อมาลีว่ายังตามตัวของเขตไทไม่พบ แต่อยู่ดี ๆ เจ้าตัวก็กลับโผล่มาเสียเอง ใจนึกอยากจะถามให้รู้เรื่องรู้ราวแต่ติดที่ว่าตัวเขายังเป็นคนนอกสำหรับครอบครัวนี้อยู่ จึงไม่สมควรไปก้าวก่าย“แต่ผมเป็นห่วงพี่มาลี พี่ผมจะเป็นอะไรไหม ถ้าผมไปทำแผลแล้วเกิดหมอเขาต้องการเลือดด่วนล่ะ” เขตไทบอกกับพชรด้วยสีหน้ากังวลเพราะเป็นห่วงพี่สาวจนลืมอาการปวดที่บาดแผลของตนเองไปเสียสิ้น“ถึงมือหมอแล้วยังไงพี่สาวนายก็ต้องปลอดภัยแน่นอน ไม่ต้
“จะเป็นสายจากโรงพักรึเปล่านะ” หญิงสาวได้แต่เก็บความสงสัยเอาไว้ในใจ รู้สึกใจกระตุกแปลก ๆ กับสายที่โทร. เข้ามาเมื่อครู่ แล้วก็ให้เสียดายที่ไม่ได้กดรับ สัญชาตญาณบางอย่างบอกว่าสายเมื่อครู่น่าจะเป็นเขตไท น้องชายของเธอที่โทร. เข้ามา หรืออาจเป็นสายจากตำรวจที่ทำคดีของน้องชายเธออยู่หญิงสาวเดินออกจากห้องน้ำ กะเอาไว้ว่าจะไปเอนหลังนอนบนเก้าอี้ยาวในห้องล็อกเกอร์สักหน่อย ก็พอดีกับที่มีเสียงเรียกมาจากด้านหลังพอดีจึงหันไปตามเสียงเรียก“ม็อท คุณโอมให้ไปหาที่รถแน่ะ เห็นบอกว่าอยากไปกินบะหมี่อะไรเนี่ยแหละ เขารออยู่”“อ้าวงั้นหรือ ขอบคุณนะคะ” คราวแรกช่อมาลีนึกระแวงไม่น้อย แต่พออีกฝ่ายพูดถึงบะหมี่ที่เคยพาพชรไปกินด้วยกันแล้วจึงคิดว่าชายหนุ่มน่าจะเรียกหาอยู่จริง ๆ เพราะเรื่องนี้มีเพียงเธอกับเขาเท่านั้นที่รู้หญิงสาวรีบเดินออกไปทางประตูด้านหลังที่จะออกไปสู่ลานจอดรถสำหรับพนักงาน สายตาระแวดระวังสอดส่ายไปทั่วบริเวณ พอไม่เห็นว่ามีใครเดินตามมาจึงค่อยโล่งใจไปได้เปลาะหนึ่ง จากนั้นจึงรีบก้าวเร็ว ๆ เพื่อไปให้ถึงรถยุโรปคันหรูที่จำได้ติดตา แสงไฟสปอร์ตไลต์ที่ส่องสว่างในบริเวณลานจอดรถนั้นช่ว
เสียงสั่นพร่าไปด้วยแรงอารมณ์ของชายหนุ่มขณะกำลังพูดชิดริมฝีปากอิ่ม เขาเอาหน้าผากแนบกับเธอแล้วระดมจูบย้ำ ๆ ที่เรียวปากนุ่มหอมชวนให้เคลิบเคลิ้ม ทว่าหญิงสาวที่เหมือนกำลังอยู่ในห้วงฝันดูเหมือนจะไม่รับรู้ถ้อยคำจากเขาเท่าไร นัยน์ตาหวานฉ่ำหยาดเยิ้มดูล่องลอยกำลังปลุกแรงปรารถนาในกายเขาขึ้นอีกครั้ง“อย่าทำหน้าอย่างนี้ถ้าไม่อยากถูกผมลักพาตัวขึ้นไปข้างบน”เขาพูดไปในขณะที่ปากก็พร่ำจุมพิตไปทั่วหน้า หญิงสาวมองเขาที่เคลื่อนไหววนเวียนอยู่แถว ๆ ใบหน้าและซอกคอไม่ยอมหยุดจนต้องยกมือขึ้นจับหน้าเขาไว้“คุณโอมก็หยุดสิคะ อย่าแกล้งม็อท เดี๋ยวม็อทต้องขึ้นแสดงแล้ว”ให้ตายเถอะ เสียงของเธอหายไปไหนหมดนี่ เมื่อครู่สาบานได้ว่าเธอพยายามที่จะพูดออกไปด้วยน้ำเสียงปกติ แต่ทำไมมันถึงได้สั่นพร่าจนฟังเหมือนกระซิบมากกว่าอย่างนี้เล่า“คนที่โดนแกล้งคือผมมากกว่า คุณกำลังจะทำให้ผมเป็นบ้าเพราะต้องการคุณ รู้บ้างรึเปล่า” เขากดสะโพกเธอให้เข้ามาบดเบียดแก่นกายร้อนผ่าวอีกครั้งราวกับต้องการยืนยันสิ่งที่ตนเองพูด“เดี๋ยวม็อทต้องไปแล้วค่ะคุณโอม” เธอดันอกกว้างของเขาให้ถอยห่างอย่างมีชั้นเชิง ปลายนิ้ว
ช่อมาลีนั่งมองเพื่อนชายที่ยืนกอดอกจ้องไปทางบูธดีเจตาแทบไม่กะพริบด้วยความสงสัย ครั้นพอหันมองตามสายตาของคริสไป หญิงสาวก็ยิ่งงงหนักเข้าไปใหญ่ จึงหันไปหาเพื่อนอีกคนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ แล้วกระซิบให้ได้ยินกันแค่สองคน“ไอ้จิล เราตกข่าวอะไรไปรึเปล่าวะ” เวลาอยู่กับเพื่อน เธอมักจะพูดจาแบบนี้เสมอด้วยความเคยชิน เพราะเป็นเรื่องปกติระหว่างพวกเธออยู่แล้วตั้งแต่สมัยเรียนด้วยกันมา“อืม...คริสมันกำลังตกอยู่ในห้วงรัก” จิลตอบเพื่อนยิ้ม ๆ พลางพยักพเยิดไปทางหญิงสาวที่ยืนอยู่ในบูธดีเจช่อมาลีทำตาโตราวกับเป็นเรื่องเหลือเชื่อ เพราะปกติเห็นคริสควงแต่สาวเซ็กซี่ร้อนแรง แล้วนึกอย่างไรถึงได้มาลงเอยกับสาวใส ๆ แบบมิวได้“วู้...ไม่น่าเชื่อ” หญิงสาวได้แต่อุทานเบา ๆ ไม่ใช่ว่าดีเจมิวไม่สวย จากที่เห็นด้วยตา มิวจัดว่าหน้าตาน่ารักเหมือนตุ๊กตาเพราะเครื่องหน้ากระจุ๋มกระจิ๋มแบบที่ผู้ชายส่วนใหญ่ชอบ นัยน์ตากลมโต จมูกเล็ก ๆ แก้มป่อง ปากอิ่มสีสดจนเธอนึกอิจฉา รูปร่างก็กะทัดรัดดูน่าทะนุถนอม แต่ที่เธอแปลกใจก็เพราะไม่คิดว่าคริสจะมาแพ้ทางสาวสไตล์นี้เข้าจนได้“ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อล่ะ แ
ขาไปกลับระหว่างที่นี่กับที่คลับเขาก็ไม่ต้องห่วง เพราะเพื่อนในวงของเธอมารับส่งถึงที่อยู่แล้ว เขารู้ดี“ขอบคุณมากค่ะที่มาส่ง”ช่อมาลียกมือไหว้ขอบคุณเขาแต่กลับไม่กล้าสบตาด้วย เมื่อครู่ตอนที่นั่งอยู่ในรถ เขาก็ดึงมือเธอไปกุมเอาไว้ตลอดเวลา จะชักออกก็ไม่กล้าเพราะกลัวเขาโกรธ“อืม...ขึ้นห้องเถอะ เดี๋ยวผมกลับแล้ว” ชายหนุ่มยืนเอาหลังพิงตัวรถ มือสอดเก็บไว้ในกระเป๋ากางเกงทั้งสองอย่าง เพราะกลัวมันจะยืดยาวไปคว้าร่างของเธอมากอดไว้ช่อมาลีหมุนตัวเดินเข้าไปแตะคีย์การ์ดหน้าประตูเพื่อเข้าไปด้านใน อะพาร์ตเมนต์ หญิงสาวหันกลับมามองเขาอีกครั้งก็ยังเห็นเขายืนพิงรถมองอยู่ที่เดิมไม่ขยับเขยื้อนไปไหน จนกระทั่งลิฟต์มาแล้วจึงก้าวเข้าไปข้างใน ชายหนุ่มจึงขึ้นรถของตนเองแล้วขับออกไปทันทีเมื่อมาถึงห้อง ช่อมาลีคว้าตุ๊กตาตัวใหญ่ที่วางอยู่บนโซฟามากอดแน่น รอยยิ้มระบายเต็มวงหน้าทั้งปากทั้งตาอย่างเก็บอาการไว้ไม่อยู่ เพราะเขาน่ารักอย่างนี้ไงเล่า เธอถึงได้หักห้ามใจไม่ให้คิดเกินเลยกับเขาไม่ได้สักที แม้ไม่รู้ว่าการกระทำที่เขาแสดงออกมาทั้งหมดนี้จะเป็นเพราะเอ็นดูเธอในฐานะลูกน้อง หรืออะไรก็ตาม เ