“ก็เป็นสิ่งที่ถูกแล้ว ทำผิดก็ต้องรับโทษ คนของข้าท่านป้าไม่ได้ทำผิดอะไรยังถูกเสี่ยวหลินสั่งให้โบย”“เจี้ยนหลิงจะมากไปแล้ว”ใต้เท้าหลิน ตวาดเจี้ยนหลิงดังๆ“ท่านพ่อนางอ้างร่างกายอ่อนแอ หลายปีมานี้ร่างกายอ่อนแอ ห้ามนู่นนี่นั่น นางจึงได้ใจ”“เจี้ยนหลิง แม่รองลงทุนคุกเข่าเจ้ายังไม่เลิกรารึ คำเล่าขานนินทาจะเป็นเรื่องจริงที่เจ้าแค้นเคืองเรื่องที่ไท่จือไม่เลือกเจ้าแต่กลับเลือก เสี่ยวหลิน”“ท่านพ่อแม้แต่ท่านก็คิดเช่นนี้..ได้..เช่นนั้นข้าจะไม่ลงโทษนางไม่ให้นางต้องคุกเข่า เผื่อว่าท่านพ่อจะมองข้าในด้านดีขึ้นมาบ้าง” ฮูหยินรองก้มหน้า“น้องเจข้าเป็นถึงไท่จือเฟย”ใต้เท้าหลินพูดขึ้นดังๆ“ท่านพี่พอเถอะ วันนี้ไม่ต่อไปคุณหนูใหญ่ก็ต้องหาทางเอาคืน นางอุปนิสัยเหมือนพี่หญิงท่านก็รู้ ทางที่ดีข้ากับเสี่ยวหลินยอมเหมือนเช่นทุกครั้งที่ผ่านมา ก็คงจะไม่มีความบาดหมาง”"ไม่ต้องแล้วไม่ต้องคุกเข่าไม่ต้องอะไรทั้งนั้น คนของข้าก็เจ็บตัวไปเปล่าๆ ข้าเป็นถึงคุณหนูใหญ่ของบ้านหลิน แต่ไม่มีสิทธิ์ปกป้องคนของข้า”สะบัดตัวจากไป เสี่ยวหลินปล่อยน้ำตาไหลรินเมื่อแสร้งก็ต้องแสร้งต่อไปจนจบเหมือนที่เคยทำ“ท่านพ่อ ท่านพ่อออกรับแทนเราสองคนแม
"พี่สาวของเจ้าหลินเจี้ยนหลิง ส่งเทียบเชิญมาอีกแล้ว ครั้งนี้คงไม่มีอะไรน่าห่วงในเมื่อเหล่าองค์ชาย ทั้งสามตำหนัก ต่างได้รับคำเชิญนางคงไม่มีลูกไม้อะไร""เจี้ยนหลิงเดิมมักจะทะนงตนว่าตัวเองยิ่งใหญ่เกินใคร ข้ายังแปลกใจว่านางได้รับแต่งตั้งตำแหน่งขุนนางพิเศษเป็นธรรมดาต้องป่าวประกาศ""คนเช่นนางโอ้อวดถือตัว คงได้เวลาที่จะอวดอ้างสรรพคุณตัวเองแล้ว เช่นนั้นเจ้าจงไปทำให้นางเห็นหน่อยว่าคนเช่นนางกับคนเช่นเจ้าใครจะถูกเหล่าองค์ชายชายตามองกว่ากัน""ไท่จือพูดแบบนี้…"ยิ้มเอียงอาย"เสี่ยวหลิน เจ้างดงามอ่อนหวาน ใครเห็นเจ้าในครั้งแรกก็อดที่จะชื่นชมเสียไม่ได้ เจี้ยนหลิงอุปนิสัยหยาบกระด้าง ข้าเห็นนางในครั้งแรกก็ไม่สู้ชอบใจหญิงงามจะต้องอ่อนหวานเช่นเจ้าจึงมีค่าควรคู่"ค่ำคืนมืดมิดแต่ตระกูลหลินกลับสว่างไสวด้วยโคมไฟส่องสว่างงดงามยิ่งนัก เกี้ยวจากตำหนักองค์ชายใหญ่ องค์ชายรององค์ชายสาม และองค์ชายห้า เรียงรายเป็นระเบียบองครักษ์นับสิบผู้ติดตามขันทีและนางกำนัลมากมายนานๆ ทีจึงจะมีงานทำนองนี้สักครั้ง อาภรณ์ตัดเย็บเสียใหม่เพื่อจะประชันขันแข่งถึงความมีหน้ามีตาในวังหลวง เกี้ยวของฟงฉีหลังใหญ่อลังการ อีกทั้งภายในยังกว้างใหญ่
“งดงามที่สุดเท่าทีข้าเคยเห็นมา เป็นธรรมดาเขาว่าหญิงงามเชี่ยวชาญเพียงเรื่องครองเรือน แต่นี่แม่นางเจี้ยนหลิง งดงามแล้วยังเชี่ยวชาญหลายเรื่อง พี่รองชายาท่านก็คงร่ายรำงดงามไม่แพ้กันไว้โอกาสหน้าพวกเราหวังว่าจะได้ชื่นชม การร่ายรำของ พี่สะใภ้”องคืชายสามกล่าวขึ้นบ้างวเปิดทางให้เสี่ยวหลินฟงฉียิ้มเจื่อนๆ หันไปที่เสี่ยวหลินที่เอาแต่ก้มหน้านึกโมโหที่เสี่ยวหลินมีท่าทีนุ่มนิ่ม ไม่กล้าเอ่ยคำรับรองหรือปฏิเสธ“องค์ชายทั้งหลาย อาหารในวันนี้ถูกปากหรือไม่สุราเป็นข้าที่ขอแบ่งมาจากโรงเตี๊ยมเดียวดายกลางป่า สุรานี้ข้าพบเข้าโดยบังเอิญพร้อมกับโรงเตี๊ยม สงบร่มรื่นแห่งนั้น”“ไว้วันหลังข้าคงต้องรบกวน ให้เจ้าพาไปที่นั่น ดื่มเข้าไปเพียงนิด ยิ่งติดใจสุราของโรงเตี๊ยมแห่งนี้รสดีจริงๆ ”ฟงเกาพูดขึ้น“น้องห้าเห็นเงียบๆ อาศัยช่องทางใกล้ชิดแม่นางหลิน เกรงว่าด้วยใบหน้าหล่อเหลาเกินใครในบรรดาพี่น้องจะทำให้แม่นางเจี้ยนหลิงไม่ชายตามองพวกเรา”ฟงเกายิ้มๆอดที่จำขำกับคำพูดขององค์ชายสามเสียไม่ได้“พี่สาม สุราเขารสดีจริงๆ ข้านิยมดื่มพวกท่านก็รู้” พูดรัวเร็ว เสียงหัวเราะดังขึ้นพร้อมกัน เจี้ยนหลิงยิ้มกว้างในรอบหลายวัน“องค์ชาย ทั้งหล
"เจ้าหนีไม่พ้นแน่ ห้องนั้นมีทางออกทางเดียว"เจี้ยนหลิงสร้างความฮึกเหิม ดังนัดหมายทุกคนกรูกันตามเข้าไปในห้องนั้นอย่างไม่มีทีท่าว่าจะลังเล ห้องเดิมของเสี่ยวหลินแม้กว้างขวางด้วยเป็นบุตรีของท่านหลินแต่ทว่าก็ไม่ได้กว้างขวางเกินไป ต่างคนต่างตะลึงจังงัง กับสิ่งที่เห็น ทั้งโถกระเบื้องเคลือบลายครามทั้งสังวาลอัญมณีอีกทั้งข้าวของมีค่าควรเมืองมากมายที่วางระเกะระกะบนโต๊ะสองตัวที่นำมาต่อกันเป็นที่วางข้าวของหีบใส่ของที่ผู้บุกรุกชิงไปถูกวางไว้บนโต๊ะ ข้างๆ หีบใส่ทองและเงินอีกอย่างละสองสามลูก เสี่ยวหลินยืนนิ่งดังหุ่น องค์ชายใหญ่เดินเข้าไปเปิดหีบไม้ใบหนึ่งออกดู แสงสีทองต้องประกายไฟเสี่ยวหลินสบถเบาๆ"ช่างโง่งมเสียจริงทำไมไม่เก็บให้มิดชิดกว่านี้" แต่จะว่าไปด้านซ้ายของตระกูลหลินตั้งแต่เสี่ยวหลินแต่งออกไปก็ไม่ค่อยมีใครย่างกรายมาที่นี่“ของเหล่านี้ถ้าข้าจำไม่ผิดล้วนเป็นเครื่องบรรณาการ ที่ถูกส่งมาจากต่างแคว้นและถูกเก็บรักษาไว้ในตำหนักบูรพา”องค์ชายห้าจับรูปแกะสลักเจ้าแม่กวนอิมที่ทำจากหยกเนื้อสีแดง ตั้งคำถามทั้งๆ ที่รู้คำตอบอยู่แล้ว“พี่ใหญ่ท่านคิดว่าใครเป็นคนนำมันมาไว้ที่นี่”สายตาทุกคู่จ้องที่องค์ชายรองฟงฉี
ฟงเกาเดินตามไปติดๆ“ท่านห้าวันนี้ไม่เมาไม่เลิกรา”เพ่ยตงเอ่ยปากขึ้นทันที“ข้ารึอุตส่าห์ ที่ผ่านมาไม่กล้าดื่มกลัวว่าเพ่ยตงจะมีเรื่องสำคัญจะพูดด้วย”“ข้าแค่หาเพื่อนร่ำสุรา องค์ชายออกไปใช้ชีวิตนอกวังหลวงฝึกวิทยายุทธ์ด้านการดื่มมาวันนี้ เพ่ยตงจึงท้าดวล”“อะฮ้าท้าดวลเจ้าพูดผิดพูดใหม่ หากเป็นเรื่องการต่อสู้หรือเพลงกระบี่ข้าคงต้องยอมแพ้ เพราะอย่างที่บอกข้าร่างกายอ่อนแอเสด็จพ่อไม่อนุญาตให้ฝึกวิชาการต่อสู้ แต่เรื่องร่ำสุราหายอมให้กับเพ่ยตงไม่” เพ่ยตงยิ้มมุมปาก“คุณหนูท่านต้องเป็นพยาน”“ได้ ดื่มอย่างเดียวไม่เห็นว่าจะสนุก เช่นนั้นมิสู้เดิมพันครั้งละห้าจอก ใครดื่มหมดก่อนกันคนนั้นชนะ แล้วฝ่ายที่แพ้จะต้องถอดอาภรณ์ออกหนึ่งชิ้น ข้าเป็นคนรินสุราให้ทั้งสองคน ห้ามใครตุกติก”ฟงเกายิ้มกว้างคิดว่าอย่างไรก็ต้องชนะใสใส แต่“เดิมพันนี้หากเป็น ...อาภรณ์ของเจ้าเจี้ยนหลิง ข้าคงมีแรงกระตุ้นมากกว่านี้”เพ่ยตง วางกระบี่ลงบนโต๊ะเสียงดังลั่น ฟงเกายิ้มมุมปาก“ได้ เพ่ยตงเจ้าดื่ม ข้าเป็นคนถอดหากเจ้าแพ้คุณหนูจะต้องล่อนจ้อน แต่ถ้าเจ้ากลัวว่าข้าจะเสียหน้าต้องดื่มให้ชนะ”“อย่างนี้ค่อยน่าลุ้นหน่อย ร่างเปลือยของเพ่ยตงข้าไม่อยา
แม้จะสงสัยว่า เสียงขององค์ชายห้าแปลกไปแต่ก็ไม่บังอาจถามเห็นได้ชัดว่าเมื่อครู่ฝีมือกระบี่ไม่ได้ธรรมดาตำหนักไทเฮาไทเฮาวางจอกชาลงบนโต๊ะ นางกำนัลบีบนวดป่านนี้ยังไม่นอนเหมือนกำลังรออะไรอยู่"ไทเฮา" คนสนิทวิ่งเข้ามาในตำหนัก"สำรวมหน่อยรู้ว่ามีเรื่องตื่นเต้นรู้ว่ามีเรื่องดีดีแต่ไม่ต้องรีบร้อน ข้าตั้งตารอฟังได้ถึงเช้า หากจะมีใครสักคนเสียใจพอเช้ามาข้าก็จะได้แสร้งว่าเสียใจเช่นกันถึงกลับล้มป่วยกันเลยทีเดียว""เอ่อ เอ่อ ไทเฮาพ่ะย่ะค่ะองค์ชายห้า.."โบกมือให้หยุดพูดจิบชายิ้มๆ"คงเป็นข่าวเศร้าสินะ รอเสียงแตรป่าวประกาศว่ามีองค์ชายสิ้นพระชนม์ ข้าจึงค่อยไปนอน""ไทเฮา องค์ชายห้า เอ่อเก่งกล้าสามารถคนของเราที่ส่งไปถูกสังหารจนสิ้น ตอนนี้องครักษ์เสื้อแพรทราบเรื่องนี้แล้วล้อมตำหนักองค์ชายห้าเพื่ออารักขาแน่นหนา"จอกชาในมือปาเข้าใส่ใบหน้าของคนสนิทที่แม้จะหลบก็หลบไม่ทัน"เป็นไปได้อย่างไร ฟงเกาอ่อนแอตั้งแต่เด็กอีกทั้งไม่มีองครักษ์ที่คอยอารักขา ตัวเขาเองก็ไม่ได้ร่ำเรียนวิชากระบี่"เป็นไปแล้วพ่ะย่ะค่ะคนของเราสิบสองชีวิตไม่มีใครรอดชีวิตแม้แต่คนเดียว""ไป สืบจนได้ความกระจ่าง ตามธรรมดาเรื่องนี้ถือว่าเป็นความลับไม่น่
“ฝ่าบาทมองพิศดูดอกท้อ สักวันละหลายรอบจะต้องถูกใจดอกท้อห้ากลีบอย่างแน่นอน”“ข้ากำลังคิดว่าเจ้าช่างเข้าใจอะไรง่ายเสียจริง เดิมให้ขันทีนำสุราไปให้เจ้าคิดว่าจะต้องลำบาก แต่มาตอนนี้กลับรู้ว่า หลินเจี้ยนหลิงหากเป็นบุรุษข้าคงยกตำแหน่งแม่ทัพให้เจ้าเสียแล้ว”“ท่านแม่เคยอยากให้ข้าถือกำเนิดมาเป็นบุรุษแต่ในเมื่อมันเป็นไปไม่ได้ทางเดียวที่ท่านแม่ทำได้คือเคี่ยวเข็ญข้าให้หนัก”“แล้วก็ได้ผล ตำแหน่งองค์รัชทายาท ตอนนี้ข้ายังไม่ตัดสินใจว่าจะคืนให้กับฟงฉีหรือไม่ เรื่องของเมื่อวานที่ชายาเขาน้องสาวของเจ้ายักยอกข้าวของในตำหนักบูรพา ได้ยินมาถึงนี่ เจี้ยนหลิงหากเจ้าเป็นข้าจะจัดการอย่างไร”“หากฝ่าบาทคิดจะคืนตำแหน่งไท่จือให้กับองค์ชายรอง ก็คงไม่ต้องกล่าวโทษเรื่องสิ่งของของตำหนักบูรพาเพราะอย่างไรองค์ชายรองก็ได้มีสิทธิ์ในข้าวของนั่นอยู่แล้ว ในเมื่อองค์ชายจะต้องได้นั่งบัลลังก์ยิ่งกว่าสิ่งของเหล่านั้นองค์ชายก็ต้องมีสิทธิ์ครอบครอง แต่หากฝ่าบาทคิดว่าตำแหน่งนี้จะต้องเป็นของคนอื่นคงจะต้องสั่งสอนองค์ชายรองกับชายาเอกเสียหน่อยว่าไม่ควรหยิบฉวยสิ่งของ ที่ไม่ใช่ของตัว”ฮ่องเต้ยิ้ม“ข้าคงต้องไตร่ตรองด้วยตัวเองใช่ไหม”“ถูกต้องแล
"นั้นก็คงเป็นวันที่ปลากินดาว องค์หญิงคนใหม่เจ้าคิดว่าเช่นไร""เสด็จพ่อให้อำนาจนางและส่งเสริมนางมากไปเกรงว่าจะเป็นที่เกลียดชัง""ตอนนี้ข้าสับสนยิ่งนักคิดไม่ออกว่าจะมอบตำแหน่งไท่จือให้กับใคร""พี่ใหญ่เหมาะสมกับตำแหน่งนี้อย่างยิ่ง""เจ้าสนับสนุนฟงฉานอย่างนั้นหรือ""ไม่มีใครที่จะเหมาะกว่าพี่ใหญ่อีกแล้ว"หยางฟงหยางอมยิ้มในเมื่อถามฟงฉาน ฟงฉานกลับลังเลไม่กล้าเอ่ยนามใคร ครั้นพอถามองค์ชายสามฟงหลี่กลับลังเลเช่นกันไม่กล้าสนับสนุนคนอื่น ตั้งใจที่จะให้ใครสักคนเอ่ยชื่อของตัวไม่ยอมเสนอชื่อคนอื่นให้ได้เปรียบ"เข้าใจแล้ว เจ้าเสนอชื่อฟงฉานใช่หรือไม่ แล้วฟงฉีเล่าเจ้าคิดว่าข้าควรจะคืนตำแหน่งไท่จือให้เขาไหม""แล้วแต่พระทัยของเสด็จพ่อในเมื่อในพระทัยเสด็จพ่อย่อมรู้ดีแก่ใจว่าอยากจะคืนตำแหน่งไท่จือให้พี่รองหรือไม่""อืม ข้าก็คงต้องขอเวลาไตร่ตรอง ส่วนฟงฉานก็คงต้องรอดูผลงานของเขาอีกครั้ง"ตระกูลหลิน"ท่านพี่..ท่านพี่เจ้าขาอย่าได้โมโหไปเลยลูกยังเด็ก เสี่ยวหลินอ่อนหัดไม่ได้ร่ำเรียนกลยุทธ์เหมือนคุณหนูใหญ่ หากรู้อย่างนี้ข้าจะสั่งสอนนางเช่นที่พี่หญิงสั่งสอนคุณหนูใหญ่ นี่ข้าสั่งสอนนางดั่งเช่นหญิงงามในวังหลวง ท่านพี่ก
ฟงเกาฝืนยิ้มทั้งๆ ที่เจ็บปวดไปทั่วสรรพร่าง“นั่นอย่างไรเล่าข้าจึงต้องตายอย่างน้อยก็รู้ว่า เจี้ยนหลิงเจ็บปวดต่อการจากไปของข้า”เจี้ยนหลิงหลับตาไล่หยาดน้ำตา กลืนมันลงในอก“ท่านห้า ข้าไม่ให้ท่านไปไหน เราสองคนจะต้องอยู่ด้วยกันไม่มีใครไปไหน”เพ่ยตงกลืนน้ำลายลงคอยากเย็น“ข้าก็อยากจะอยู่กับเจ้าอยากยืนเคียงข้างเจ้าในวันเสกสมรส อยากเปิดผ้าคลุมหน้าอยากยิ้มกับเจ้าแต่.. คงไม่มีวันนั้นแล้ว”“องค์ชายหยุดพูดหยุดพูดเดี๋ยวนี้ ไม่อย่างนั้น…”เจี้ยนหลิงกลืนก้อนแข็งๆ ลงในลำคอสะกดกลั้นอาการสะอื้นไห้“ 555ข้าชอบเจ้าเวลาโกรธชอบเจ้าเวลาทำท่าทางขึงขัง เจ้ารองแม่ทัพเพ่ยตงปราบพยศคุณหนูของเจ้าแทนข้า แต่ข้าว่าเจ้าจะโดนเจี้ยนหลิงปราบเสียมากกว่า เอาอย่างนี้ดูแลนาง ปกป้องนาง ตามใจนางเหมือนที่ข้าอยากทำ”เพ่ยตงแหงนหน้ามองฟ้า สะกดกลั้นหยาดน้ำตาที่ไหลรินเช่นกัน“ข้าไม่รับปากท่านจะต้องไม่เป็นอะไร ไม่มีอะไรสำคัญเท่าการที่ท่านจะอยู่กับพวกเราที่นี่ไม่มีใครต้องจากไป” ฟงเกายิ้มเศร้าๆ เอื้อมมือสั่นเทาคว้ามือของเจี้ยนหลิงวางบนมือเพ่ยตง“ข้าพยายามแล้วแต่คิดว่าคงไม่อาจกระทำข้าเจ็บเหลือเกินตอนนี้”“ท่านห้าท่านเก่งเกินใครเรื่องเล็
"บัดนี้ การสถาปนาฮ่องเต้ได้เสร็จสิ้นลงแล้ว หยางฟงฉีฮ่องเต้ทรงพระเจริญ"ขันทีอัญเชิญตราประทับหยก ตรงหน้าหยางฟงฉีเอื้อมมือคว้าตราประทับเสี่ยวหลินยิ้มสุขสม ทว่าเพ่ยตงทะยานผ่านหน้าคว้าตราประทับไว้ในมือ"องครักษ์มีผู้ชิงตราประทับ"ขันทีตะโกนก้อง ท่ามกลางความตกตะลึงของเหล่าขุนนาง ฟงฉีและเสี่ยวหลิน เพ่ยตงดึงเกราะออกเปิดเผยใบหน้า"เพ่ยตงบังอาจนัก องครักษ์ฆ่าเขาเสีย"เพ่ยตงกระโจนทะยานไปบนศีรษะของเหล่าองครักษ์ที่กรูกันเข้ามา ข้ามไปยังเบื้องหน้าลานกว้างที่บัดนี้ หยางฟงหยางยืนอยู่ เพ่ยตงย่อกายส่งมอบตราประทับให้กับหยางฟงหยางทั้งขุนนางและคนที่มาร่วมงานต่างตกตะลึงกับภาพที่เห็นหยางฟงหยางชูตราประทับขึ้นสูงสุด"เสด็จพ่อ"หยางฟงฉีพึมพำเบาๆ"ฟงฉี เจ้าลูกชั่ววางยาทำร้ายข้าแล้วยังใส่ร้ายผู้อื่นทหารจับตัวฟงฉีไว้เดี๋ยวนี้"องครักษ์หันหน้าหันหลัง"ทหารจับตัวกบฏหยางฟงฉี"เสียงใต้เท้าหลิน ที่นำกำลังทหารฝ่ายใต้การนำของใต้เท้ากุ้ยและใต้เท้าหลินในตำแหน่งแม่ทัพ เข้ามาล้อมลานพิธีไว้"ท่านพ่อ ทำไมทำแบบนี้ทั้งๆ ที่ลูกกับท่านพี่กำลังจะได้นั่งบนบัลลังก์แล้วแท้ๆ "เสี่ยวหลินตัดพ้อใต้เท้าหลิน"ข้าไม่เคยมีลูกเช่นเจ้า ลูกของ
ฟงเกา ตวัดคมกระบี่เข้าห้ำหั่นเหล่าองครักษ์และมือสังหารล้มตายเหมือนใบไม้ร่วงแต่กลับเหมือนยิ่งล้มตายยิ่งเพิ่มเข้ามาไม่หยุดหย่อน ฟงเกาแทบจะทรงกายไว้ไม่ไหว มือสังหารได้ใจไม่ยอมให้ได้หยุดพัก ใช้กระบี่คมกริบในมือฟาดฟัน แผ่นหลังเป็นแผลยาวเลือดไหลซึมออกมา ฟงเกาทรุดกายลงคุกเข่ากับพื้นแต่ทว่ามือยังกำกระบี่ไว้แน่น มือสังหารอีกคนพุ่งตรงเข้าใส่ จ้วงกระบี่ เข้าใส่แผ่นหลังหมายปลิดชีพเสีย จวนตัวจนไม่อาจจะหนีพ้น ฟงฉานถลาเข้าเอาตัวบังร่างของฟงเกาไว้เสียงคมกระบี่เสียบเข้าที่ยอดอกของฟงฉานชัดเจนเลือดสดสดไหลออกจากปากดวงตาเหลือกถลนล้มลงกับพื้น ฟงเกาอ้าปากค้างหันมากอดรวบเอาร่างโชกเลือดของฟงฉานไว้ในอ้อมแขน“พี่ใหญ่”ฟงฉานยิ้มน้อยๆ เลือดไหลออกจากปากไม่หยุด“พี่ใหญ่ไม่ ไม่ไม่ ท่านจะต้องไม่เป็นอะไร”“หนีไป เจ้าห้าหนีไปเสีย”“ข้าจะต้องช่วยท่านออกไปให้ได้”ผุดลุกขึ้นกวัดแกว่งกระบี่ในมือย่างบ้าคลั่งแม้จะบาดเจ็บ องครักษ์กับมือสังหารล้มตายดาษดื่นด้วยแรงโทสะสามารถทำให้องครักษ์และมือสังหารมากมายพ่ายแพ้ย่อยยับ หันกลับมาที่ร่างอ่อนแรงเสียงหายใจรวยริน“พี่ใหญ่..พี่ใหญ่ออกไปไปหาจูจิวนางรอเราอยู่ที่นั่นข้างนอกนั่น”พยุงร่า
“องค์ชายเรื่องราวมากมายวกวน ล้วนมีทั้งสุขและทุกข์องค์ชายอย่าได้กังวล คิดเสียว่าทุกอย่าง มาถึงเวลาอันควรแล้ว”“พี่รองนับวันยิ่งเหิมเกริมอาศัยอำนาจทำเรื่องชั่วช้า ไม่เกรงกลัวบาปกรรม”“คนเช่นนี้จะต้องจัดการให้เข็ดหลาบ ไม่เปิดโอกาสให้ได้มีทางแก้ตัวได้”“เจี้ยนหลิง ตอนนี้ทุกอย่างกำลังบีบรัดข้าอยากได้กำลังใจจากเจ้าเสียจริง”“กำลังใจแบบไหนกัน” ขยับเข้าหาเจี้ยนหลิงมือไวเท่าความคิดคว้าร่างบางมากอดแนบแน่น“องค์ชาย หาใช่เวลาที่จะ..จะ อุ๊ป”แก้มเนียนถูกขโมยดอมดมกลิ่นหอม จมูกโด่งเป็นสันกดเข้าที่พวงแก้ม สุดแรง“องค์ชาย”“ต่อจากนี้ไม่รู้ว่าจะต้องพบเจอสิ่งใดบ้าง ข้ากลัวเหลือเกินว่าจะไม่ได้ใกล้เจ้าแบบนี้เจี้ยนหลิง อย่าใจร้ายกับข้านักเลย” เจี้ยนหลิงหลบตาเขินอาย“องค์ชาย ไปที่แห่งใดเจี้ยนหลิงไปที่นั่น ต่อไปก็จะต้องใกล้ชิดกัน ข้าหาได้คิดที่จะปล่อยให้องค์ชายต้องเผชิญเรื่องราวทุกข์เข็ญเพียงลำพังในเมื่อเรามีชะตากรรมเดียวกันถือว่าเป็นวสรรค์ที่ ให้เราทั้งหมดได้พานพบ”กระชับอ้อมแขนให้แน่นขึ้น สูดดมความหอมจากเรือนผม“ขอบใจเจ้าจริงๆ ขอบใจที่ทำให้รู้ว่าเจ้าจะอยู่ข้างข้าแบบนี้ค่อยมีกำลังใจหน่อย ต่อไปไม่ว่าจะเกิด
“จูจิว”เจี้ยนหลิงกล่าวทักทายด้วยความประหลาดใจ คิดไม่ถึงว่าคนที่พบจะเป็นจูจิว ทั้งๆ ที่ส่งข่าวให้สาวใช้ที่เป็นคนของเจี้ยนหลิงไปบอกกล่าวคำพูดปริศนากับองค์ชายใหญ่ เพื่อส่งข่าว“พี่สาวเจี้ยนหลิง ท่านปลอดภัยดีไหม ข้าเพิ่งจะเข้าใจเมื่อพบหน้าท่าน องค์ชายใหญ่รอบคอบยิ่งนักไม่ยอมมาด้วยตัวเอง คนของไท่จือจับตามององค์ชายใหญ่ตลอดเวลาข้ายินดีส่งข่าวให้พวกท่านกับองค์ชายใหญ่เอง”“ขอบคุณแม่นางจูจิว” ฟงเกาเอ่ยออกมาบ้าง“องค์ชายตอนนี้ ไท่จือทรงกริ้วอย่างมาก การที่ท่านหนีออกมาแบบนี้ ส่งมือสังหารไล่ล่า”“ไม่หนีก็ไม่ควรจะอยู่ ลมเปลี่ยนทิศอำนาจเปลี่ยนมือ”“ฝ่าบาทตอนนี้ถูกรับมาดูแลที่ตำหนักปลายฟ้า”“แปลกจริงทำไมถึงยอมให้องค์ชายใหญ่รับเอาฝ่าบาทไปดูแลง่ายดาย ไม่ได้การแล้ว”เจี้ยนหลิงลุกขึ้นจากท่านั่ง“คุณหนูท่านหมายความว่าอย่างไร”เพ่ยตงผู้ที่รู้ใจเจี้ยนหลิงที่สุด“หากต้องการอำนาจไว้ในมือไท่จือ จะต้องรับเอาฝ่าบาทไว้ดูแลเองไม่ต้องการให้ใครไปยุ่งเกี่ยว ที่ทำแบบนี้เพราะๆ ..ได้ทุกอย่างไว้ในกำมือแล้วหรือต้องการ... ให้ฝ่าบาทสิ้นพระชนม์ในมือขององค์ชายใหญ่เพื่อจะป้ายความผิดให้กับองค์ชายใหญ่”จูจิว ถอยหลังกรูด“เราจะทำ
"เพ่ยตง เจ้าจะทิ้งข้าไปไหนอีก เพราะไม่มีเจ้าไม่อยู่ท่านแม่จึงต้องมาพบจุดจบเช่นนี้" เพ่ยตงประสานมือตรงหน้าสีหน้าเศร้าหมองไม่ต่างกัน"ไม่ได้ ข้าว่าข้าเคยห้ามเจ้าแล้วนะเพ่ยตรง"ฟงเกาช่วยห้ามอีกแรง"องค์ชายไม่ได้เป็นเพ่ยตงองค์ชายไม่มีทางเข้าใจหรอก ว่าท่านน้าสำคัญกับข้าเพ่ยตงแค่ไหน""จะบอกว่าเจ้าเจ็บแค้นคนเดียวหรือไร ฝ่าบาทตอนนี้ก็อยู่ในมือของพี่รองเป็นตายเท่ากัน คิดว่าข้าไม่ร้อนใจหรือไร""แล้วจะปล่อยคนชั่วไว้ทำไมกัน"“เจี้ยนหลิงเจ้าว่าอย่างไร”"ข้าตอนนี้แทบกระอักเลือด เสี่ยวหลินจะต้องชดใช้เรื่องที่นางทำกับท่านแม่ข้าไม่มีทางอภัยให้นาง แต่ไม่ใช่ตอนนี้หากทำการวู่วามไปนอกจากจะไม่ได้แก้แค้นบางทีกลัวว่าจะไม่อาจรักษาชีวิตไว้”“เราทั้งสามเข้าตาจน ตอนนี้คงต้องเร้นกายที่นี่แต่กลัวเหลือเกินว่าจะทำให้เยว่เหนียงได้รับความเดือดร้อน” เพ่ยตงกล่าวขึ้น“ท่านรองแม่ทัพไม่ต้องกังวล ที่นี่มีห้องลับมากมาย อีกอย่างโรงเตี๊ยมของเยว่เหนียงห่างไกลจากวังหลวง คงไม่มีใครให้ความสนใจหรือหากจะมีใครมาค่ายกลที่สร้างไว้ก็พร้อมที่จะเปิดใช้งาน”“รบกวนแม่นางเยว่เหนียงแล้ว”ฟงเกาประสานมือตรงหน้าเยว่เหนียง“ไม่อาจรับไว้ได้ เยว่เหน
ชักกระบี่ออกจากอก เลือดสีแดงพุ่งดั่งเขื่อนแตก ซูหลานกำอาภรณ์ไว้แน่น เสี่ยวหลิน สะบัดตัวปล่อยร่างของซูหลานฟุบลงกับพื้น ใต้เท้าหลินถลาเข้าหอบร่างของซูหลานไว้แนบอกน้ำตาไหลริน“ข้าขอโทษข้าขอโทษ ซูหลานข้าขอโทษ”“ท่านพี่ ปกป้องเจี้ยนหลิงให้ข้าด้วย ปกป้องลูกของเราด้วย” กระอักเลือดสดสดออกมาก่อนที่จะสิ้นลมไปต่อหน้าต่อตาใต้เท้าหลินตำหนักม่านฟ้า องครักษ์กรูกันเข้ามาล้อมฟงเกาที่นั่งไขว่ห้างแสร้งจิบชาสบายอารมณ์ทั้งๆที่รู้ว่าจะต้องเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น“พวกเจ้ารับบัญชาไท่จือ จงใจเป็นศัตรูกับข้าใช่หรือไม่”“องค์ชาย ไท่จือให้กักบริเวณองค์ชายให้อยู่แต่ในตำหนักม่านฟ้า”“คิดว่าจะกักขังข้าได้หรือ” ลุกขึ้นยืนคว้ากระบี่ที่ซ่อนไว้ใต้โต๊ะเครื่องเสวย ชักมันออกจากฝักง่ายดาย องค์รักษ์ต่างตกตะลึงเพราะไม่มีใครรู้ว่าฟงเกาเชี่ยวชาญวรยุทธ์มาก่อน“เข้ามา พร้อมกันข้าจะได้เลือกว่าจะฆ่าใครก่อน”องครักษ์มองหน้ากันเลิกลักก่อนจะ พุ่งทะยานเข้าใส่ ฟงเกาด้วยคิดว่าเป็นต่อ กระบี่ในมือถูกสะบัดไปในอากาศ เพียงพริบตาเดียวเหล่าองครักษ์ต่างล้มลงกับพื้นโอดโอยบ้างก็หนีตายบ้างก็ทรุดกายลงด้วยยอมจำนน“คิดจะกักขังข้า ไม่มีทางเจ้าคิดผิดแล
"ฝ่าบาททรงพระประชวรอย่างหนัก เพียงชั่วข้ามคืน"ซูหลานกล่าวด้วยสีหน้าเคร่งเครียด"ท่านแม่ คงเป็นสัญญาณที่ไม่ดีนัก""ระหว่างนี้เจ้าต้องระวังตัวเมื่อเข้าไปในวังหลวง พวกเรายังไม่รู้สาเหตุที่แน่ชัด”"ลูกทราบแล้ว ขอบคุณท่านแม่ที่ห่วงใยองค์ชายรองรีบรุดอาสาดูแลฝ่าบาท ลูกกลัวเหลือเกินว่านี่จะทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนมือ""เพ่ยตงมาลา"ลอบมองสีหน้าของเจี้ยนหลิง"ลา ในยามนี้เขาทิ้งเรา ร่ำลาไปที่แห่งใดกัน"ใต้เท้าหลินสาวเท้าเข้ามาในห้อง"ฝ่าบาทมีบัญชาแต่งตั้งองค์ชายรองในตำแหน่งไท่จือทันที"ใต้เท้าหลินเองก็มีสีหน้ากังวลไม่น้อยไปกว่าสองคนแม่ลูกในเมื่ออำนาจเปลี่ยนมือฝ่าบาทประชวรคนที่มีอำนาจสั่งการทั้งหมดจะต้องเป็นไท่จือ"ท่านพี่ฝ่าบาททรงพระประชวร เช่นไรจึงเร่งรีบแต่งตั้งเพียงนี้""อ้างว่า ไร้คนบัญชาการเรื่องราวต่างๆ ในวังหลวง จึงต้องมีการตัดสินใจในทันที มีทั้งตราประทับ และร่างอักษรในการแต่งตั้งไท่จือที่เป็นลายพระหัตถ์ของฝ่าบาทนัยว่าร่างไว้นานแล้วแต่ยังไม่ได้บัญชาออกไป"ซูหลานสบตากับเจี้ยนหลิง"เจ้าไปเสียก่อน เจี้ยนหลิงออกไปจากเขตวังหลวงเรื่องราวสงบลงเมื่อไหร่ค่อยกลับมา"ดึงตัวเจี้ยนหลิงให้ลุกขึ้น"เจ้ากังวลเก
เสี่ยวหลินยิ้มหยัน อยู่ตรงหน้า"ทานรองแม่ทัพ ยอมจำนนแล้วหรือเจี้ยนหลิง คนที่หมายปองนางสูงศักดิ์อีกทั้งยังเหนือกว่าไม่ยอมแพ้ง่ายๆแบบนี้ เกรงว่าจะต้องเป็นท่านที่ต้องยอมแพ้เสียก่อน ""ข้าไม่เคยยอมจำนนที่จะภักดีกับคุณหนูตลอดไป"เสี่ยวหลินสีหน้าสลดลงลงทันทีสิ่งที่ไม่อาจตัดทิ้งไปได้คือความรู้สึกที่มีต่อเพ่ยตง"เสี่ยวหลินเอาใจช่วย ให้ท่านสมหวังแม้ข้าจะไม่ชอบพี่สาวเท่าไหร่ก็ตาม"เพ่ยตงสาวเท้าจากไปไม่อยากมองภาพบาดตาตรงหน้า"ปล่อยข้านะ"เจี้ยนหลิงผลักร่างสูงออกห่างแต่กลับถูกแขนอุ่นดึงรั้งร่างบางเข้าหาตัว เจี้ยนหลิงเบือนหน้าหนีอีกคนเชยคางมนให้สบตาคม"เจ้า ถึงจะบอกว่าไม่ชอบข้ารังเกียจข้า แต่ให้รู้ไว้ว่าฟงเกาคนนี้ไม่มีทางยอมแพ้ง่ายดาย”“องค์ชาย เร่งรัดเจี้ยนหลิงมากไป”“เสด็จพ่อมีพระประสงค์ประทานงานแต่งงานให้เราสองคน แต่ข้าขอเวลากับเสด็จพ่อว่าไม่อยากหักหาญน้ำใจเจ้าให้เจ้ามายินยอมด้วยตัวเอง ในการที่จะแต่งกับข้า”เจี้ยนหลิงถอนหายใจยาว“อย่างที่บอกข้าไม่มีทางยอม แม้เจ้าจะบอกว่าไม่ชอบข้าก็ตามสักวันข้าจะทำให้เจ้าเห็นว่า ข้าปรารถนาดีกับเจ้าที่สุด”ปล่อยมืออกช้าๆ เจี้ยนหลิงก้มหน้าด้วยภายในใจ ไม่อาจบรรยายออ