“อ้าวท่านแม่ยาย ท่านก็มาอย่างนั้นหรือ ดูรึดูลูกสาวของท่านพอข้าไม่ได้เป็นไท่จือเข้าหน่อยนางก็เฉยชากับข้าไม่ยอมมาคอยปรนนิบัติข้ายิ่งเจ้ากัวเปานั่นตายนางเอาแต่ร้องไห้ โวยวาย ข้าเลยต้องออกไปหอสุริยันหาความสำราญข้าไม่ผิดใช่ไหม”“ปกติท่านพี่ก็ไปหอสุริยันบ่อยๆ อยู่แล้ว จะมาโทษว่าเป็นความผิดของข้าหรือไร”เสี่ยวหลินอดเถียงไม่ได้“ดูสิท่านแม่ยาย นางยังเปลี่ยนไปมาก แต่ก่อนไม่เคยโต้เถียงตอนนี้นางมักใช้คำพูดที่ทำให้ข้าโมโห”หลินลี่หลินส่ายหน้าไปมา“ข้าตั้งใจมาค้างที่นี่ แต่เห็นได้ชัดว่าองค์ชายไม่พร้อมต้อนรับ เช่นนั้นหลินลี่หลินทูลลา”“ไม่ไม่ไม่ท่านแม่ยาย ท่านก็อย่าเพิ่งใจร้อน เด็กๆ จัดห้องที่ดีที่สุดในตำหนักให้มารดาพระชายา”เสี่ยวหลินเบ้ปาก ด้วยความรู้สึกเบื่อระอาบ้านหลิน“หิวแล้ว”เพ่ยตงเอ่ยปากเบาๆ“หิว เสี่ยวจู ข้าวต้มของท่านรองแม่ทัพเล่า”เสี่ยวจูย่อกาย“ข้าน้อยจะไปยกมาเดี๋ยวนี้” เจี้ยนหลิงย่อกายนั่งข้างๆ เพ่ยตง“ดีขึ้นบ้างไหม”“ดีขึ้นมาก ก่อนหน้านั้นคิดว่าจะไม่ได้พบคุณหนูอีกแล้ว”“ข้าสังหารกัวเปา”เพ่ยตงอ้าปากค้าง แม้จะรู้ดีว่าเจี้ยนหลิงก็เป็นคนแบบนี้ แต่อดที่จะตกใจไม่ได้“คุณหนูอันตรายเหลือเกิน
"อืม ดีอยู่ด้วยกันจำต้องรักใคร่สามัคคี ซูหลานนางเองก็ไม่ได้ไร้เหตุผลเสียทีเดียว""ลี่หลินจะจำคำท่านพี่ไว้"หยิบหมวกขุนนางให้กับเจี้ยนหลงหลินซูหลานก้าวขาเขามาในห้องของหลินเจี้ยนหลง"นายหญิงเจ้าขา ฮูหยินรองให้ยกสำรับอาหารให้ท่านเพราะเห็นว่าเลยเวลาอาหารมานานแล้วนายท่านออกไปก่อนหน้า ฮูหยินรองจึงให้ข้าน้อยรออยู่ที่นี่คอยปรนนิบัตินายหญิง""ยกสำรับให้คุณหนูใหญ่หรือยัง""คุณหนูใหญ่ออกไปที่วังหลวงเช่นกัน ""อืมใกล้จะสิ้นปีแล้ว เจ้าปีนี้อยากจะกลับบ้านไปเยี่ยมครอบครัวหรือไม่"รอยยิ้มปรากฏที่ใบหน้าของสาวใช้"เสี่ยวหยวนเจ้าทำงานที่บ้านหลินมานาน ปีนี้ข้าอนุญาตให้เจ้ากลับบ้านหลายวันหน่อย แล้วข้าจะมอบเงินให้เจ้าซื้อของฝากให้กับครอบครัวเจ้าด้วย"สาวใช้คุกเข่าลงกับพื้น"ขอบคุณนายหญิง"ซูหลานยิ้มนั่งลงทานอาหาร"อ้าว นายท่านลืมเสื้อคลุม เจ้าช่วยนำเสื้อคลุมไปให้นายท่านที นี่เป็นเสื้อคลุมประจำตำแหน่ง ฮูหยินรองคงจะลืมเรื่องนี้ไป เพราะทุกวันเป็นข้าที่จัดการป่านนี้ฝ่าบาทคงใกล้เสด็จแล้ว"สาวใช้นามเสี่ยวหยวน หยิบเสื้อคลุมแล้ววิ่งออกจากห้องไปทันทีท้องพระโรงเหล่าขุนนางต่างมากันพร้อมเพรียงฮ่องเต้นั่งบนบัลลังก์สูง
ฟงฉานประสานมือตรงหน้าหยางฟงหยาง"เสด็จพ่อเรียกลูก""ฟงฉานได้ยินเรื่องราวในวันนี้หรือไม่""ลูกทราบแล้ว เสด็จพ่อต้องการพูดกับลูกเรื่องนี้""เจ้าคิดเห็นเช่นไร""เสด็จพ่อ ท่านน้าซูหลานด้วยวิสัยของนางไม่น่าสะเพร่าทำเรื่องเช่นนี้ ท่านน้าเป็นคนที่มองทุกสิ่งจากข้างนอกมิใช่ผู้ที่จะเข้าไปอยู่ข้างในแล้วมองออกมา""ข้าก็คิดเช่นนั้น ซูหลานนางแม้จะเป็นถึงองค์หญิงแต่ไม่เคยก้าวล่วงข้าแม้แต่น้อยครั้งนี้ซูหลานตั้งใจยั่วโทสะข้าเพื่อให้คุมขังนางและให้ข้าสืบหาเบาะแส นางต้องการส่งสัญญาณแบบนั้น""ลูกพร้อมรับบัญชาสืบหาเบาะแสตามบัญชา""ดีมาก เจ้าห้าตอนนี้ล่วงหน้าไปที่ตระกูลหลิน""ลูกนำคนไปที่ตระกูลหลินสืบหาเบาะแสอีกครั้ง”เพ่ยตงขมวดคิ้วเมื่อเห็นว่าฟงเกามาที่ตระกลูหลินพร้อมกับเจี้ยนหลิง"เพ่ยตงคารวะท่านห้า"ขยับกายน้อยๆ ด้วยอาการบาดเจ็บ"คุณหนูใหญ่เจ้าขาฮูหยินรอง ให้มาตามคุณหนูใหญ่"สาวใช้วิ่งเข้ามาด้วยสีหน้าร้อนรนเจี้ยนหลิงฟงเกาและเพ่ยคงก้าวขาตามกันออกไปด้านนอก ภาพที่เห็นคือลี่หลิน นั่ง คุกเข่าข้างร่างโชกเลือดของเสี่ยวหยวนร้องไห้ น้ำตาเป็นเผาเต่า เจี้ยนหลิงถอนหายใจเบือนหน้าหนีจากภาพตรงหน้าเพ่ยตงขมวดคิ้ว“คุณห
“เป็น ด้ายที่..ที่ฮูหยินรองใช้ในการ..ปัก เสื้อคลุมของนายท่าน เป็นลวดลายมังกร”เพ่ยตงยิ้มถอนหายใจยาวเหยียด“เจ้าแน่ใจหรือ”“นายหญิงรองสั่งให้ข้าเก็บมันก่อนทีทหารจะตรวจพบ ความจริงพวกเขาตรวจไปแล้วแต่ไม่พบว่าเป็นพิรุธอะไร ด้วยไม่รู้ความหมายของมัน แต่ฮูหยินรองให้ข้า เก็บมันไว้กับตัว”“นางช่างรอบคอบยิ่งนักมองไปก็เพียงม้วนด้าย ไม่มีความหมายอะไรอย่างเจ้าว่า เอาล่ะไปดูกันว่านางจะเล่นละคร อย่างไรได้อีกตามข้ามา อยู่ใกล้ๆข้าไว้เจ้าจึงจะปลอดภัย”“เพ่ยตงได้หลักฐานสำคัญ”ฟงเกากับฟงฉานเงยหน้าขึ้นพร้อมกัน เจี้ยนหลิงที่จ้องอยู่ก่อนแล้ว ขมวดคิ้วด้วยความสงสัย ที่เห็นเพ่ยตงเข้ามาพร้อมกับสาวใช้ของลี่หลินฮูหยิน“ท่านรองแม่ทัพท่านจะมาพูดพล่อยๆ ในเมื่อทหารตรวจสอบแล้วไม่พบสิ่งใดท่านมีหลักฐานใดกัน”เพ่ยตงหยิบม้วนด้ายสีทองออกมาจากแขนเสื้อชูขึ้นตรงหน้าหลินลี่หลิน“นายหญิงรองท่านเคยเห็นสิ่งนี้หรือไม่” ทำสีหน้าเรียบเฉยดุจหน้ากาก“ทำไมจะไม่เคยเห็น ก็แค่เพียงม้วนด้ายธรรมดา สำหรับปัก”“ท่านจะต้องอธิบายว่าทำไมถึงให้นางไปเก็บมันไว้เสีย”ลี่หลินจ้องหน้าเสี่ยวจี้ด้วยแววตามุ่งร้าย“เสี่ยวจี้ เจ้าไปเก็บมันทำไมกัน ข้าสั่งเจ้
ตำหนัก ไทเฮา“ซูหลานหลักแหลมยิ่งนัก ยอมเข้าไปนอนในคุกหลวงเพื่อให้ฮ่องเต้หาตัวคนผิดได้ง่ายขึ้นนางตั้งใจยั่วยุฮ่องเต้ ให้บังเกิดความสงสัยมารดาของเสี่ยวหลิน แม้จะ รอบคอบเพียงใดแต่ด้วยฮ่องเต้ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ ทุกคนแวดล้อมจึงล้วนแต่ไม่มีใครกล้า ทำงานหละหลวม”“เสด็จย่า หลานกลัวเหลือเกินว่าตำแหน่งไท่จือจะไม่เป็นดังหวัง”“ยังหวังอีกหรือไร ชายาของเจ้าสร้างเรื่องไว้มากมายอีกทั้งลี่หลินก็เป็นมารดาของนาง สิ่งที่เจ้าสั่งสมมาก่อนหน้า ฮ่องเต้คงกำลังไขว้เขว้ไม่น้อยป่านนี้อาจกำลังคิดจะเปลี่ยนตัว ไท่จือไปแล้วก็ได้”“เสด็จย่าหลานควรทำอย่างไร”“ฟงฉี ตอนนี้ข้าบอกได้เพียงเจี้ยนหลิงกับชายาของเจ้า ต่างกันเหลือเกิน หากตอนนั้นเจ้าแต่งกับเจี้ยนหลิงเสีย ป่านนี้นางไม่ว่าอย่างไรก็คงจะต้องช่วยเจ้าอย่างเสียไม่ได้ บางทีซูหลานก็คงจะส่งเสริมเจ้าเพราะนาง ตั้งใจไว้แต่แรกแล้วว่าอยากคืนบัลลังก์แม้จะเป็นแค่บัลลังก์ฮองเฮาก็ยังดีกว่าแต่เจ้ากลับโง่งมเลือกเอา ก้อนกรวดแทนที่จะเป็นเพชรงาม”“เจี้ยนหลิงท่าทีแข็งกระด้าง หลานมิสู้ชอบใจนัก”ยังยืนยันคำเดิม เขามักชอบเป็นช้างเท้าหน้า หญิงที่เขาชื่นชมคือคนที่ยอมอ่อนข้อให้กับเขาเท่
“เจ้าสาม ดีแต่ตามให้นำก็ไม่ได้ เขาตอนนี้ไม่มีความทะเยอทะยาน งานไหนที่มอบหมายล้วนทำออกมาได้แค่พอใช้ได้ไม่ถึงกับดี คนอย่างนี้ ให้นำใครก็คงไม่เป็น ส่วนเจ้ารองแม่จะเด่นในทุกด้าน แต่ด้วยเรื่องราวที่ผ่านมาหลายวันนี้ข้ากลัวว่าข้าเลือกเขาไปแล้วเขาจะใช้อำนาจในมือรังแกผู้อื่น สร้างความร้าวฉานในวังหลวง”“องค์ชายใหญ่เล่าพะยะฮะ”“เจ้าใหญ่สุขุมมีคุณธรรม อีกทั้งยังมีความเป็นกลาง แต่บางครั้งเขากลับสนใจแต่สิ่งที่ตัวเองต้องการก็เท่านั้น ผิดกับเจ้าห้าที่มีบางอย่างตรงกับใจข้าแต่ก็อีกนั่นแหละข้ามองเจ้าห้าไม่ออกด้วยซ้ำไป แม้แต่เรื่องแต่งชายาเอก บางครั้งเหมือนเขาจริงจังกับทุกเรื่องแต่บางครั้งก็เหมือนกับเขามีเรื่องในใจมากไป”“ฝ่าบาทต้องลอง ...ประทานชายาเอกให้เขาดู เพื่อดูท่าทีหญิงใดกันที่ฝ่าบาทหมายมั่นไว้”หยางฟงหยางยิ้ม“คงจะต้องเป็นอย่างนั้น เรื่องแต่งชายาเจ้าห้าคงต้องพูดกันจริงจังส่วนเจ้าใหญ่คงต้องรอให้เขาเอ่ยปากออกมาเอง เพราะเข้ารู้ดีว่าเจ้าใหญ่หากไม่ทำก็ไม่มีใครบังคับเขาได้”โรงเตี๊ยมเดียวดายกลางป่าเขาเยว่เหนียงยืนยิ้มต้อนรับ เจี้ยนหลิงด้วยแววตาเป็นมิตร“ท่านผู้นี้”“ท่านห้า ฟงเกา” เยว่เหนียงย่อตัว“เจี
“อ๋อเข้าใจแล้วไม่แต่งหากเป็นองค์หญิงแคว้นฉี แต่ถ้าเป็นหลินเจี้ยนหลิง ก็อยากแต่งขึ้นมาทันที”ยิ้มกว้างเหมือนเด็กๆก้มลง คุกเข่ากับพื้นตระกูลหลิน“เพ่ยตงมาพอดี นั่งลงก่อน”หลินซูหลานผายมือ“ท่านน้ามีเรื่องใดกัน”“ข้า มีเรื่องสำคัญ””“เชิญท่านน้าพูดมาได้เลย”“ข้ามี เจี้ยนหลิงเป็นลูกสาวคนเดียว ส่วนเจ้าข้าเองก็ปฏิบัติต่อเจ้าไม่ต่างจากบุตรชาย บิดาเจ้าก่อนหน้านั้น สนิทสนมกับข้ายิ่งนัก เราสองคนเคยหมั้นหมายพวกเจ้าตั้งแต่เจี้ยนหลิงอยู่ในครรภ์ ครั้งนี้ข้าคิดว่าถึงเวลาแล้วที่ข้าจะพูดเรื่องนี้กับเจ้า บิดาเจ้าตายอย่างมีเงื่อนงำ ข้าแม้จะปรารถนาในบัลลังก์เพียงใดแต่หากหยางฟงหยางยังคงทำหน้าที่ได้ดี ข้าขอเพียงแค่ได้แก้แค้นให้พี่ชายเพ่ยตวนกับแม่ของเจ้า ไม่หวังในบัลลังก์มังกรนั่น แต่ในใจลึกๆ ก็อยากให้เป็นเจี้ยนหลิงที่นั่งบัลลังก์ไท่จือเฟยหรือฮองเฮาในอนาคต เรื่องของเจ้ากับเจี้ยนหลิง เมื่อท่านพี่เพ่ยตวนตายลงไปแล้วข้าจึงไม่จำเป็นต้องรักษาคำมั่น ข้ากับเจ้าจึงมีเพียงการแก้แค้นทวงความเป็นธรรมคืนให้กับบิดาและมารดาเจ้าก็เท่านั้น”นับว่า หลินซูหลานมีความกล้าไม่น้อยกล้าที่จะพูดถึงคำมั่นสัญญาและกล้าที่จะยกเลิกสัญญา
"ข้าจะแพ้เจี้ยนหลิงตลอดเลยหรือไร"กัดฟันแน่นด้วยความแค้นเคืองโรงเตี๊ยมเดียวดายร้างไร้ผู้คนเพ่ยตงกับองค์ชายห้าฟงเกายกจอกสุราผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนสุราทำให้บังเกิดความกล้า"ทำเช่นไรจะรู้ใจคนที่เรามีใจ"เพ่ยตงแทบจะสร่างเมาเลยทีเดียว"เพียงแค่เอ่ยปาก ท่านห้าเดิมเป็นคนที่ไม่ระวังคำพูดอยู่แล้วเพียงแค่พูดแค่ถามก็คงไม่เกินกำลัง""จะหาว่าข้าปากพล่อยหรือไร""ไม่น้าาาาท่านห้าก็รู้ว่าเพ่ยตงจริงใจเพียงใด"ส่งเสียงยานคาง"ข้าพออยากพูดกับพูดไม่ออก เพ่ยตงข้าสารภาพข้าจริงใจกับคุณหนูของเจ้ายิ่งนัก ครั้งนี้เรื่องที่เจ้าเคยขอร้องข้า ข้าบัดนี้รู้ใจตัวเองว่าไม่มีทางหลอกลวงหรือล้อเล่นกับคุณหนูของเจ้า"เพ่ยตงยิ้มเศร้าๆ เข้าใจทุกคำพูดของฟงเกาอย่างดี"องค์ชายจริงใจเผยความในใจเพียงนี้เพ่ยตงก็คงต้องส่งเสริมท่าน""เจ้าเป็นสหายที่ดี ข้ารับรองต่อจากนี้ข้าจะดูแลคุณหนูของเจ้าอย่างดีแน่นอน""สุราทำให้บังเกิดความกล้า ไปกันเถอะไปพบคุณหนูเสียตอนนี้เลย ท่านห้าท่านจะต้องเผยความในใจกับคุณหนูอย่างที่พูดกับเพ่ยตงคุณหนูจะต้องดีใจแน่ๆ "ฟงเกาอมยิ้ม เพ่ยตงยกสุราขึ้นดกรวดเดียวหมดเหยือก เยว่เหนียงส่ายหน้าไปมา"คุณชายเพ่ยตง ข้าหวั
ฟงเกาฝืนยิ้มทั้งๆ ที่เจ็บปวดไปทั่วสรรพร่าง“นั่นอย่างไรเล่าข้าจึงต้องตายอย่างน้อยก็รู้ว่า เจี้ยนหลิงเจ็บปวดต่อการจากไปของข้า”เจี้ยนหลิงหลับตาไล่หยาดน้ำตา กลืนมันลงในอก“ท่านห้า ข้าไม่ให้ท่านไปไหน เราสองคนจะต้องอยู่ด้วยกันไม่มีใครไปไหน”เพ่ยตงกลืนน้ำลายลงคอยากเย็น“ข้าก็อยากจะอยู่กับเจ้าอยากยืนเคียงข้างเจ้าในวันเสกสมรส อยากเปิดผ้าคลุมหน้าอยากยิ้มกับเจ้าแต่.. คงไม่มีวันนั้นแล้ว”“องค์ชายหยุดพูดหยุดพูดเดี๋ยวนี้ ไม่อย่างนั้น…”เจี้ยนหลิงกลืนก้อนแข็งๆ ลงในลำคอสะกดกลั้นอาการสะอื้นไห้“ 555ข้าชอบเจ้าเวลาโกรธชอบเจ้าเวลาทำท่าทางขึงขัง เจ้ารองแม่ทัพเพ่ยตงปราบพยศคุณหนูของเจ้าแทนข้า แต่ข้าว่าเจ้าจะโดนเจี้ยนหลิงปราบเสียมากกว่า เอาอย่างนี้ดูแลนาง ปกป้องนาง ตามใจนางเหมือนที่ข้าอยากทำ”เพ่ยตงแหงนหน้ามองฟ้า สะกดกลั้นหยาดน้ำตาที่ไหลรินเช่นกัน“ข้าไม่รับปากท่านจะต้องไม่เป็นอะไร ไม่มีอะไรสำคัญเท่าการที่ท่านจะอยู่กับพวกเราที่นี่ไม่มีใครต้องจากไป” ฟงเกายิ้มเศร้าๆ เอื้อมมือสั่นเทาคว้ามือของเจี้ยนหลิงวางบนมือเพ่ยตง“ข้าพยายามแล้วแต่คิดว่าคงไม่อาจกระทำข้าเจ็บเหลือเกินตอนนี้”“ท่านห้าท่านเก่งเกินใครเรื่องเล็
"บัดนี้ การสถาปนาฮ่องเต้ได้เสร็จสิ้นลงแล้ว หยางฟงฉีฮ่องเต้ทรงพระเจริญ"ขันทีอัญเชิญตราประทับหยก ตรงหน้าหยางฟงฉีเอื้อมมือคว้าตราประทับเสี่ยวหลินยิ้มสุขสม ทว่าเพ่ยตงทะยานผ่านหน้าคว้าตราประทับไว้ในมือ"องครักษ์มีผู้ชิงตราประทับ"ขันทีตะโกนก้อง ท่ามกลางความตกตะลึงของเหล่าขุนนาง ฟงฉีและเสี่ยวหลิน เพ่ยตงดึงเกราะออกเปิดเผยใบหน้า"เพ่ยตงบังอาจนัก องครักษ์ฆ่าเขาเสีย"เพ่ยตงกระโจนทะยานไปบนศีรษะของเหล่าองครักษ์ที่กรูกันเข้ามา ข้ามไปยังเบื้องหน้าลานกว้างที่บัดนี้ หยางฟงหยางยืนอยู่ เพ่ยตงย่อกายส่งมอบตราประทับให้กับหยางฟงหยางทั้งขุนนางและคนที่มาร่วมงานต่างตกตะลึงกับภาพที่เห็นหยางฟงหยางชูตราประทับขึ้นสูงสุด"เสด็จพ่อ"หยางฟงฉีพึมพำเบาๆ"ฟงฉี เจ้าลูกชั่ววางยาทำร้ายข้าแล้วยังใส่ร้ายผู้อื่นทหารจับตัวฟงฉีไว้เดี๋ยวนี้"องครักษ์หันหน้าหันหลัง"ทหารจับตัวกบฏหยางฟงฉี"เสียงใต้เท้าหลิน ที่นำกำลังทหารฝ่ายใต้การนำของใต้เท้ากุ้ยและใต้เท้าหลินในตำแหน่งแม่ทัพ เข้ามาล้อมลานพิธีไว้"ท่านพ่อ ทำไมทำแบบนี้ทั้งๆ ที่ลูกกับท่านพี่กำลังจะได้นั่งบนบัลลังก์แล้วแท้ๆ "เสี่ยวหลินตัดพ้อใต้เท้าหลิน"ข้าไม่เคยมีลูกเช่นเจ้า ลูกของ
ฟงเกา ตวัดคมกระบี่เข้าห้ำหั่นเหล่าองครักษ์และมือสังหารล้มตายเหมือนใบไม้ร่วงแต่กลับเหมือนยิ่งล้มตายยิ่งเพิ่มเข้ามาไม่หยุดหย่อน ฟงเกาแทบจะทรงกายไว้ไม่ไหว มือสังหารได้ใจไม่ยอมให้ได้หยุดพัก ใช้กระบี่คมกริบในมือฟาดฟัน แผ่นหลังเป็นแผลยาวเลือดไหลซึมออกมา ฟงเกาทรุดกายลงคุกเข่ากับพื้นแต่ทว่ามือยังกำกระบี่ไว้แน่น มือสังหารอีกคนพุ่งตรงเข้าใส่ จ้วงกระบี่ เข้าใส่แผ่นหลังหมายปลิดชีพเสีย จวนตัวจนไม่อาจจะหนีพ้น ฟงฉานถลาเข้าเอาตัวบังร่างของฟงเกาไว้เสียงคมกระบี่เสียบเข้าที่ยอดอกของฟงฉานชัดเจนเลือดสดสดไหลออกจากปากดวงตาเหลือกถลนล้มลงกับพื้น ฟงเกาอ้าปากค้างหันมากอดรวบเอาร่างโชกเลือดของฟงฉานไว้ในอ้อมแขน“พี่ใหญ่”ฟงฉานยิ้มน้อยๆ เลือดไหลออกจากปากไม่หยุด“พี่ใหญ่ไม่ ไม่ไม่ ท่านจะต้องไม่เป็นอะไร”“หนีไป เจ้าห้าหนีไปเสีย”“ข้าจะต้องช่วยท่านออกไปให้ได้”ผุดลุกขึ้นกวัดแกว่งกระบี่ในมือย่างบ้าคลั่งแม้จะบาดเจ็บ องครักษ์กับมือสังหารล้มตายดาษดื่นด้วยแรงโทสะสามารถทำให้องครักษ์และมือสังหารมากมายพ่ายแพ้ย่อยยับ หันกลับมาที่ร่างอ่อนแรงเสียงหายใจรวยริน“พี่ใหญ่..พี่ใหญ่ออกไปไปหาจูจิวนางรอเราอยู่ที่นั่นข้างนอกนั่น”พยุงร่า
“องค์ชายเรื่องราวมากมายวกวน ล้วนมีทั้งสุขและทุกข์องค์ชายอย่าได้กังวล คิดเสียว่าทุกอย่าง มาถึงเวลาอันควรแล้ว”“พี่รองนับวันยิ่งเหิมเกริมอาศัยอำนาจทำเรื่องชั่วช้า ไม่เกรงกลัวบาปกรรม”“คนเช่นนี้จะต้องจัดการให้เข็ดหลาบ ไม่เปิดโอกาสให้ได้มีทางแก้ตัวได้”“เจี้ยนหลิง ตอนนี้ทุกอย่างกำลังบีบรัดข้าอยากได้กำลังใจจากเจ้าเสียจริง”“กำลังใจแบบไหนกัน” ขยับเข้าหาเจี้ยนหลิงมือไวเท่าความคิดคว้าร่างบางมากอดแนบแน่น“องค์ชาย หาใช่เวลาที่จะ..จะ อุ๊ป”แก้มเนียนถูกขโมยดอมดมกลิ่นหอม จมูกโด่งเป็นสันกดเข้าที่พวงแก้ม สุดแรง“องค์ชาย”“ต่อจากนี้ไม่รู้ว่าจะต้องพบเจอสิ่งใดบ้าง ข้ากลัวเหลือเกินว่าจะไม่ได้ใกล้เจ้าแบบนี้เจี้ยนหลิง อย่าใจร้ายกับข้านักเลย” เจี้ยนหลิงหลบตาเขินอาย“องค์ชาย ไปที่แห่งใดเจี้ยนหลิงไปที่นั่น ต่อไปก็จะต้องใกล้ชิดกัน ข้าหาได้คิดที่จะปล่อยให้องค์ชายต้องเผชิญเรื่องราวทุกข์เข็ญเพียงลำพังในเมื่อเรามีชะตากรรมเดียวกันถือว่าเป็นวสรรค์ที่ ให้เราทั้งหมดได้พานพบ”กระชับอ้อมแขนให้แน่นขึ้น สูดดมความหอมจากเรือนผม“ขอบใจเจ้าจริงๆ ขอบใจที่ทำให้รู้ว่าเจ้าจะอยู่ข้างข้าแบบนี้ค่อยมีกำลังใจหน่อย ต่อไปไม่ว่าจะเกิด
“จูจิว”เจี้ยนหลิงกล่าวทักทายด้วยความประหลาดใจ คิดไม่ถึงว่าคนที่พบจะเป็นจูจิว ทั้งๆ ที่ส่งข่าวให้สาวใช้ที่เป็นคนของเจี้ยนหลิงไปบอกกล่าวคำพูดปริศนากับองค์ชายใหญ่ เพื่อส่งข่าว“พี่สาวเจี้ยนหลิง ท่านปลอดภัยดีไหม ข้าเพิ่งจะเข้าใจเมื่อพบหน้าท่าน องค์ชายใหญ่รอบคอบยิ่งนักไม่ยอมมาด้วยตัวเอง คนของไท่จือจับตามององค์ชายใหญ่ตลอดเวลาข้ายินดีส่งข่าวให้พวกท่านกับองค์ชายใหญ่เอง”“ขอบคุณแม่นางจูจิว” ฟงเกาเอ่ยออกมาบ้าง“องค์ชายตอนนี้ ไท่จือทรงกริ้วอย่างมาก การที่ท่านหนีออกมาแบบนี้ ส่งมือสังหารไล่ล่า”“ไม่หนีก็ไม่ควรจะอยู่ ลมเปลี่ยนทิศอำนาจเปลี่ยนมือ”“ฝ่าบาทตอนนี้ถูกรับมาดูแลที่ตำหนักปลายฟ้า”“แปลกจริงทำไมถึงยอมให้องค์ชายใหญ่รับเอาฝ่าบาทไปดูแลง่ายดาย ไม่ได้การแล้ว”เจี้ยนหลิงลุกขึ้นจากท่านั่ง“คุณหนูท่านหมายความว่าอย่างไร”เพ่ยตงผู้ที่รู้ใจเจี้ยนหลิงที่สุด“หากต้องการอำนาจไว้ในมือไท่จือ จะต้องรับเอาฝ่าบาทไว้ดูแลเองไม่ต้องการให้ใครไปยุ่งเกี่ยว ที่ทำแบบนี้เพราะๆ ..ได้ทุกอย่างไว้ในกำมือแล้วหรือต้องการ... ให้ฝ่าบาทสิ้นพระชนม์ในมือขององค์ชายใหญ่เพื่อจะป้ายความผิดให้กับองค์ชายใหญ่”จูจิว ถอยหลังกรูด“เราจะทำ
"เพ่ยตง เจ้าจะทิ้งข้าไปไหนอีก เพราะไม่มีเจ้าไม่อยู่ท่านแม่จึงต้องมาพบจุดจบเช่นนี้" เพ่ยตงประสานมือตรงหน้าสีหน้าเศร้าหมองไม่ต่างกัน"ไม่ได้ ข้าว่าข้าเคยห้ามเจ้าแล้วนะเพ่ยตรง"ฟงเกาช่วยห้ามอีกแรง"องค์ชายไม่ได้เป็นเพ่ยตงองค์ชายไม่มีทางเข้าใจหรอก ว่าท่านน้าสำคัญกับข้าเพ่ยตงแค่ไหน""จะบอกว่าเจ้าเจ็บแค้นคนเดียวหรือไร ฝ่าบาทตอนนี้ก็อยู่ในมือของพี่รองเป็นตายเท่ากัน คิดว่าข้าไม่ร้อนใจหรือไร""แล้วจะปล่อยคนชั่วไว้ทำไมกัน"“เจี้ยนหลิงเจ้าว่าอย่างไร”"ข้าตอนนี้แทบกระอักเลือด เสี่ยวหลินจะต้องชดใช้เรื่องที่นางทำกับท่านแม่ข้าไม่มีทางอภัยให้นาง แต่ไม่ใช่ตอนนี้หากทำการวู่วามไปนอกจากจะไม่ได้แก้แค้นบางทีกลัวว่าจะไม่อาจรักษาชีวิตไว้”“เราทั้งสามเข้าตาจน ตอนนี้คงต้องเร้นกายที่นี่แต่กลัวเหลือเกินว่าจะทำให้เยว่เหนียงได้รับความเดือดร้อน” เพ่ยตงกล่าวขึ้น“ท่านรองแม่ทัพไม่ต้องกังวล ที่นี่มีห้องลับมากมาย อีกอย่างโรงเตี๊ยมของเยว่เหนียงห่างไกลจากวังหลวง คงไม่มีใครให้ความสนใจหรือหากจะมีใครมาค่ายกลที่สร้างไว้ก็พร้อมที่จะเปิดใช้งาน”“รบกวนแม่นางเยว่เหนียงแล้ว”ฟงเกาประสานมือตรงหน้าเยว่เหนียง“ไม่อาจรับไว้ได้ เยว่เหน
ชักกระบี่ออกจากอก เลือดสีแดงพุ่งดั่งเขื่อนแตก ซูหลานกำอาภรณ์ไว้แน่น เสี่ยวหลิน สะบัดตัวปล่อยร่างของซูหลานฟุบลงกับพื้น ใต้เท้าหลินถลาเข้าหอบร่างของซูหลานไว้แนบอกน้ำตาไหลริน“ข้าขอโทษข้าขอโทษ ซูหลานข้าขอโทษ”“ท่านพี่ ปกป้องเจี้ยนหลิงให้ข้าด้วย ปกป้องลูกของเราด้วย” กระอักเลือดสดสดออกมาก่อนที่จะสิ้นลมไปต่อหน้าต่อตาใต้เท้าหลินตำหนักม่านฟ้า องครักษ์กรูกันเข้ามาล้อมฟงเกาที่นั่งไขว่ห้างแสร้งจิบชาสบายอารมณ์ทั้งๆที่รู้ว่าจะต้องเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น“พวกเจ้ารับบัญชาไท่จือ จงใจเป็นศัตรูกับข้าใช่หรือไม่”“องค์ชาย ไท่จือให้กักบริเวณองค์ชายให้อยู่แต่ในตำหนักม่านฟ้า”“คิดว่าจะกักขังข้าได้หรือ” ลุกขึ้นยืนคว้ากระบี่ที่ซ่อนไว้ใต้โต๊ะเครื่องเสวย ชักมันออกจากฝักง่ายดาย องค์รักษ์ต่างตกตะลึงเพราะไม่มีใครรู้ว่าฟงเกาเชี่ยวชาญวรยุทธ์มาก่อน“เข้ามา พร้อมกันข้าจะได้เลือกว่าจะฆ่าใครก่อน”องครักษ์มองหน้ากันเลิกลักก่อนจะ พุ่งทะยานเข้าใส่ ฟงเกาด้วยคิดว่าเป็นต่อ กระบี่ในมือถูกสะบัดไปในอากาศ เพียงพริบตาเดียวเหล่าองครักษ์ต่างล้มลงกับพื้นโอดโอยบ้างก็หนีตายบ้างก็ทรุดกายลงด้วยยอมจำนน“คิดจะกักขังข้า ไม่มีทางเจ้าคิดผิดแล
"ฝ่าบาททรงพระประชวรอย่างหนัก เพียงชั่วข้ามคืน"ซูหลานกล่าวด้วยสีหน้าเคร่งเครียด"ท่านแม่ คงเป็นสัญญาณที่ไม่ดีนัก""ระหว่างนี้เจ้าต้องระวังตัวเมื่อเข้าไปในวังหลวง พวกเรายังไม่รู้สาเหตุที่แน่ชัด”"ลูกทราบแล้ว ขอบคุณท่านแม่ที่ห่วงใยองค์ชายรองรีบรุดอาสาดูแลฝ่าบาท ลูกกลัวเหลือเกินว่านี่จะทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนมือ""เพ่ยตงมาลา"ลอบมองสีหน้าของเจี้ยนหลิง"ลา ในยามนี้เขาทิ้งเรา ร่ำลาไปที่แห่งใดกัน"ใต้เท้าหลินสาวเท้าเข้ามาในห้อง"ฝ่าบาทมีบัญชาแต่งตั้งองค์ชายรองในตำแหน่งไท่จือทันที"ใต้เท้าหลินเองก็มีสีหน้ากังวลไม่น้อยไปกว่าสองคนแม่ลูกในเมื่ออำนาจเปลี่ยนมือฝ่าบาทประชวรคนที่มีอำนาจสั่งการทั้งหมดจะต้องเป็นไท่จือ"ท่านพี่ฝ่าบาททรงพระประชวร เช่นไรจึงเร่งรีบแต่งตั้งเพียงนี้""อ้างว่า ไร้คนบัญชาการเรื่องราวต่างๆ ในวังหลวง จึงต้องมีการตัดสินใจในทันที มีทั้งตราประทับ และร่างอักษรในการแต่งตั้งไท่จือที่เป็นลายพระหัตถ์ของฝ่าบาทนัยว่าร่างไว้นานแล้วแต่ยังไม่ได้บัญชาออกไป"ซูหลานสบตากับเจี้ยนหลิง"เจ้าไปเสียก่อน เจี้ยนหลิงออกไปจากเขตวังหลวงเรื่องราวสงบลงเมื่อไหร่ค่อยกลับมา"ดึงตัวเจี้ยนหลิงให้ลุกขึ้น"เจ้ากังวลเก
เสี่ยวหลินยิ้มหยัน อยู่ตรงหน้า"ทานรองแม่ทัพ ยอมจำนนแล้วหรือเจี้ยนหลิง คนที่หมายปองนางสูงศักดิ์อีกทั้งยังเหนือกว่าไม่ยอมแพ้ง่ายๆแบบนี้ เกรงว่าจะต้องเป็นท่านที่ต้องยอมแพ้เสียก่อน ""ข้าไม่เคยยอมจำนนที่จะภักดีกับคุณหนูตลอดไป"เสี่ยวหลินสีหน้าสลดลงลงทันทีสิ่งที่ไม่อาจตัดทิ้งไปได้คือความรู้สึกที่มีต่อเพ่ยตง"เสี่ยวหลินเอาใจช่วย ให้ท่านสมหวังแม้ข้าจะไม่ชอบพี่สาวเท่าไหร่ก็ตาม"เพ่ยตงสาวเท้าจากไปไม่อยากมองภาพบาดตาตรงหน้า"ปล่อยข้านะ"เจี้ยนหลิงผลักร่างสูงออกห่างแต่กลับถูกแขนอุ่นดึงรั้งร่างบางเข้าหาตัว เจี้ยนหลิงเบือนหน้าหนีอีกคนเชยคางมนให้สบตาคม"เจ้า ถึงจะบอกว่าไม่ชอบข้ารังเกียจข้า แต่ให้รู้ไว้ว่าฟงเกาคนนี้ไม่มีทางยอมแพ้ง่ายดาย”“องค์ชาย เร่งรัดเจี้ยนหลิงมากไป”“เสด็จพ่อมีพระประสงค์ประทานงานแต่งงานให้เราสองคน แต่ข้าขอเวลากับเสด็จพ่อว่าไม่อยากหักหาญน้ำใจเจ้าให้เจ้ามายินยอมด้วยตัวเอง ในการที่จะแต่งกับข้า”เจี้ยนหลิงถอนหายใจยาว“อย่างที่บอกข้าไม่มีทางยอม แม้เจ้าจะบอกว่าไม่ชอบข้าก็ตามสักวันข้าจะทำให้เจ้าเห็นว่า ข้าปรารถนาดีกับเจ้าที่สุด”ปล่อยมืออกช้าๆ เจี้ยนหลิงก้มหน้าด้วยภายในใจ ไม่อาจบรรยายออ