หลีเกอเพิ่งจะรู้สึกตัวช้าไปครึ่งจังหวะ ใบหน้าเต็มไปด้วยความสับสนเมื่อเห็นสายตาของทุกคนหันมาที่ตนเอง หัวใจก็เต้นไม่เป็นจังหวะหลีเกอกล่าวต่อ “ฉันไม่ค่อยมีความรู้เรื่องแฟชั่นโชว์ครั้งนี้มากนัก คิดว่ารุ่นพี่ทุกท่านน่าจะรู้มากกว่าฉันค่ะ”คำพูดเต็มไปด้วยความถ่อมตัวศาสตราจารย์โม่พอใจในท่าทีที่ไม่โอ้อวดของหลีเกอเป็นอย่างมาก“คุณหนูหลี ลองดูไหมล่ะครับ รับผิดชอบหน้าที่หลักในครั้งนี้ไปเลย”เมื่อคำพูดนี้หลุดออกมาทุกคนรอบข้างต่างก็อึ้งงันกันไปหมดศาสตราจารย์โม่ไว้ใจหลีเกอขนาดนี้เลยหรือ นี่ถือเป็นการแต่งตั้งโดยตรงเลยหรือเปล่าแต่หลีเกอไม่มีผลงานชิ้นไหนที่โดดเด่นเลย แบบนี้… คงจะไม่เป็นที่ยอมรับหรอกมั้งดวงตาของหลีเกอเต็มไปด้วยความประหลาดใจ เธอรู้สึกมึนงงกับสิ่งนี้ เพิ่งจะคิดแก้ตัว คนรอบข้างก็อดใจรอไม่ไหวพูดแทรกขึ้นมา“ศาสตราจารย์โม่ คุณหนูหลีมีประสบการณ์น้อย จะให้รับหน้าที่ใหญ่ขนาดนี้ อาจจะเกินตัวไปหน่อย”“ใช่แล้วครับ ผมว่าศิษย์สายตรงของคุณอย่างเหยียนเจี่ยนเหมาะกับตำแหน่งหัวหน้าออกแบบมากกว่า อย่างน้อยเหยียนเจี่ยนก็เคยรับงานเล็กงานใหญ่มาแล้วมากมาย และทำออกมาได้สมบูรณ์แบบแทบทั้งสิ้น”“
แต่เหยียนเจี่ยนกลับมองไม่เห็นถึงความผิดปกติ ตั้งแต่วินาทีที่ศาสตราจารย์โม่เลือกหลีเกอแทนเธอ ความสัมพันธ์ระหว่างอาจารย์และศิษย์ในใจของเธอก็เปลี่ยนไปแล้วดังนั้นเหยียนเจี่ยนจึงเม้มปากพูดอย่างไม่เกรงใจ “อาจารย์ นี่เหรอคะตัวเลือกที่คุณเล็งไว้ ไม่เห็นเท่าไหร่เลย”สีหน้าของศาสตราจารย์โม่เคร่งขรึมลงหลีเกอที่อยู่ข้าง ๆ เมื่อเห็นเช่นนั้นก็ตัดสินใจ“คุณเหยียน ฉันยินดีแข่งกับคุณค่ะ”เหยียนเจี่ยนพยักหน้า“ดีมากค่ะ กล้าหาญดี แต่ขอบอกไว้ก่อนนะคะว่าฉันจะไม่ออมมือให้คุณ คุณควรเตรียมใจไว้ให้ดีว่าต้องแพ้แน่”เหยียนเจี่ยนมั่นใจในความสามารถของตัวเองมากหลีเกอตอบอย่างไม่รีบร้อน “รอดูผลงานกันก่อนเถอะค่ะ แต่ว่า… คุณเหยียนคะ สี่คำที่ว่าเคารพครูศรัทธาในวิชา คุณควรพึงระลึกไว้ให้ดี”สีหน้าของเหยียนเจี่ยนเปลี่ยนไป“คุณมีสิทธิ์อะไรมาสั่งสอนฉัน”หลีเกอตอบอย่างไม่โอ้อวด “ไม่กล้าค่ะ แค่เตือนด้วยความหวังดี”เหยียนเจี่ยนมองไปที่ศาสตราจารย์โม่ คำพูดของหลีเกอเมื่อครู่ทำให้เธอรู้สึกไม่สบายใจ“อาจารย์คะ ฉัน...”ศาสตราจารย์โม่โบกมืออย่างใจกว้าง “ไม่เป็นไร ตอนนี้พวกเราต่างก็แก่ ๆ กันแล้ว เวทีก็ควรจะส่งต่อให้กั
เมื่อกลับมาที่บริษัท หลีเกอได้มอบหมายโครงการที่ไม่เร่งด่วนให้เจิ้งหลิ่วรับไปจัดการแทนชั่วคราว ส่วนตัวเธอเองหาเอกสารที่เกี่ยวข้องกับงานแฟชั่นโชว์ครั้งนี้มาอ่านอย่างตั้งใจจนกระทั่งความมืดปกคลุมท้องฟ้าชั้นบนสุดของอาคารบริษัทตี้เซิ่งยังคงสว่างไสวฟู่ซิวเป่ยแบกเอกสารกองหนึ่งเดินมาที่ชั้นบนสุด มองผ่านหน้าต่าง เห็นหลีเกอที่กำลังจมอยู่กับโลกของตัวเอง ดวงตาของฟู่ซิวเป่ยอ่อนโยนราวกับสายน้ำเขาเคาะประตูแล้วผลักประตูเข้าไปทันทีที่เข้ามา เขาก็เห็นภาพร่างการออกแบบกระจัดกระจายอยู่บนพื้น ฟู่ซิวเป่ยก้มลงเก็บขึ้นมาทีละแผ่น ส่วนหลีเกอกัดปากกาอยู่ด้านข้าง ใบหน้าเต็มไปด้วยความกังวลเมื่อเห็นฟู่ซิวเป่ย ปราการความเข้มแข็งทั้งหมดก็พังทลายลง"ฉันจะทำยังไงดีคะ! พี่ซิวเป่ย ฉันไม่มีแรงบันดาลใจเลย วาดอะไรไม่ออกเลย!"ฟู่ซิวเป่ยเก็บแบบร่างการออกแบบทั้งหมดขึ้นมา จัดเรียงให้เป็นระเบียบ แล้วเดินไปหาเธอ "วาดไม่ออกก็พักก่อน อย่ากดดันตัวเองจนเกินไป"หลีเกอเม้มริมฝีปาก"แต่ว่าวันนี้ก็ผ่านไปตั้งวันหนึ่งแล้ว ฉันเหลือเวลาอีกแค่สองวันเท่านั้นเอง"ฟู่ซิวเป่ยยื่นมือไปลูบหัวเธอ แล้วแย่งดินสอในมือเธอไป ดึงมือเธอมาจับ
ฟู่ซิวเป่ยอดไม่ได้ที่จะยิ้ม "อืม งั้นไปดูเรื่องอื่นต่อไหม"หลีเกอเริ่มตื่นตาตื่นใจ "มีอะไรที่สนุกกว่านี้อีกเหรอคะ?"ฟู่ซิวเป่ยทำตัวลึกลับอีกแล้ว "เดี๋ยวก็รู้"จากนั้นฟู่ซิวเป่ยก็พาหลีเกอไปที่ถนนอีกสายหนึ่ง ซึ่งมีการแสดงงิ้วปักกิ่งหลีเกอตามฟู่ซิวเป่ยไปเยี่ยมชมร้านปักผ้า ดูผลงานการปักผ้าแบบคลาสสิกมากมาย สัมผัสบรรยากาศของวัฒนธรรมโบราณอย่างเต็มที่ในที่สุดทั้งคู่ก็เดินผ่านร้านเครื่องเคลือบดินเผาแห่งหนึ่ง ซึ่งมีเครื่องเคลือบดินเผาสีน้ำเงินและสีขาววางอยู่มากมาย หลีเกอตาสว่างขึ้นทันที พูดออกมาโดยไม่รู้ตัว"พี่ซิวเป่ย ฉันเข้าใจแล้วว่าคุณพาฉันมาที่นี่ทำไม"หลีเกอมองไปที่เครื่องเคลือบดินเผาสีน้ำเงินและสีขาวเหล่านี้ นึกถึงสิ่งต่าง ๆ ที่ทั้งคู่ได้ไปเยี่ยมชมในตอนกลางคืน เมื่อผนวกรวมกับข้อมูลเกี่ยวกับงานแฟชั่นโชว์ที่เธอได้อ่านในวันนี้ ภาพร่างที่ชัดเจนก็ปรากฏขึ้นในหัว"ปากกา ขอปากกาให้ฉันหน่อยสิคะ!"หลีเกอพูดด้วยความตื่นเต้นฟู่ซิวเป่ยรีบหยิบปากกาหมึกซึมจากกระเป๋าเสื้อส่งให้ แต่ไม่มีกระดาษวาดภาพในตอนนี้ ทำให้หลีเกอใจร้อนมาก"ทำยังไงดี ฉันได้แรงบันดาลใจแล้ว แต่ไม่มีอะไรให้วาดเลย!"เมื่อพู
คืนนั้นหลีเกอนอนหลับสนิทจนกระทั่งพระอาทิตย์ขึ้นสู่ขอบฟ้า เธอถึงตื่นขึ้นมาจากความฝัน"ก๊อก ๆ..." เสียงเคาะประตูดังมาจากด้านนอก!หลีเกอพลิกตัว ผ้าห่มที่อยู่บนตัวก็หลุดร่วงลงมา เธอหันมองไปรอบ ๆ พบว่าเมื่อคืนนี้เธอคงเผลอหลับในห้องทำงาน"เข้ามาเลยค่ะ"หลีเกอพูดหลังจากที่สวมเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้วเมื่อพูดจบ เจิ้งหลิ่วก็ถือถาดอาหารเช้าเดินเข้ามา เมื่อเห็นหลีเกอ เขาก็พูดอย่างเคารพว่า "คุณหลี อรุณสวัสดิ์ครับ!"หลีเกอตอบรับเบา ๆเธอมองเขาด้วยความสงสัย เจิ้งหลิ่วรีบอธิบายว่า "คุณฟู่สั่งให้ผมเตรียมอาหารเช้าไว้ให้คุณครับ ต้องบอกเลยว่าคุณฟู่เป็นคนเอาใจใส่จริง ๆ โดยเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวกับคุณหลี เขาเอาใจใส่เป็นพิเศษ"หลีเกอหน้าแดงรู้สึกเขินอายเล็กน้อยเธอเดินไปที่โต๊ะทำงาน มีแผ่นกระดาษโน้ตวางอยู่บนโต๊ะ"มอร์นิ่งครับ คุณหนูหลี! ผมให้ผู้ช่วยเจิ้งส่งอาหารเช้ามาให้แล้ว อย่าลืมกินเยอะ ๆ นะ!" แถมยังวาดหน้ายิ้มไว้ท้ายประโยคหลีเกออดหัวเราะไม่ได้รู้สึกว่าผู้ชายคนนี้ค่อนข้างอ่อนหวานเหมือนสาววัยรุ่นเลยหลีเกอเลิกคิ้วขึ้น ดูเหมือนอารมณ์จะดีหลังจากรับประทานอาหารเช้าเสร็จแล้ว เธอก็จัดการรายละเอี
เขาสารภาพว่าเขารู้สึกหึงหวงหรือแม้แต่อิจฉา"คุณชอบเขาเหรอ" ฮั่วจิ้นเฉิงจ้องมองเข้าไปในดวงตาของเธอ ถามคำถามที่เขาอยากถามมากที่สุด"นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของฉัน ไม่เกี่ยวอะไรกับคุณ""งั้นเหรอ" ฮั่วจิ้นเฉิงกระชากข้อมือเธอและดึงเธอเข้ามาใกล้ ๆ กับรถ หลีเกอพยายามดิ้นรน "ฮั่วจิ้นเฉิง ปล่อยฉันนะ!""พูดมาสิว่าคุณไม่ได้ชอบฟู่ซิวเป่ย"หลีเกอโกรธ "โรคจิตหรือไง! ฉันจะชอบใครก็เรื่องของฉัน ฉันมีอิสระ!""พูดมา! หลีเกอ ผมอยากฟังคุณพูด"หลีเกอดิ้นรนไม่หยุด "ฉันชอบเขา ชอบเขามาก ชอบจนแทบจะคลั่งอยู่แล้ว พอใจหรือยัง?"ดวงตาแดงก่ำของฮั่วจิ้นเฉิงวูบวาบไปด้วยความเด็ดเดี่ยว ความรู้สึกเหมือนถูกแทงเข้าที่หน้าอก เจ็บแปลบระบมหลีเกออาศัยจังหวะนี้ดิ้นหลุดจากเขา ถอยหลังไปสองก้าว สายตาเต็มไปด้วยความระแวดระวัง "ฮั่วจิ้นเฉิง ฉันจะชอบใครก็ไม่เกี่ยวกับคุณ ถึงวันนี้ไม่มีฟู่ซิวเป่ย ก็จะมีจางซิ่วเป่ย หลี่ซิ่วเป่ย... หรือผู้ชายคนอื่น ๆแต่คนคนนั้นไม่มีทางเป็นคุณ เข้าใจไหม?"หลีเกอพูดไปน้ำตาคลอไปความรู้สึกอัดอั้นที่ฝืนข่มมานานพังทลายลงในทันทีฮั่วจิ้นเฉิงหัวเราะเยาะตัวเอง ชกหมัดใส่กระจกรถอย่างแรง กระจกแตกกระจายไ
"วันนี้ทุกคนมีสิทธิ์ลงคะแนนเสียง ถ้าคะแนนโหวตของคุณน้อยเกินไป คุณจะถูกคัดออกทันที"หลีเกอยิ้มเล็กน้อย เมื่อตัดสินใจที่จะแข่งกับเหยียนเจี่ยน เธอก็ย่อมต้องยอมรับกฎนี้โดยไม่มีข้อโต้แย้งอะไรอาจารย์โม่ชอบท่าทีสงบเสงี่ยมในการรับมือกับเรื่องต่าง ๆ ของเธอ ดวงตาเต็มไปด้วยความชื่นชมเหยียนเจี่ยนเห็นหลีเกอก็เชิดคางขึ้นอย่างหยิ่งยโส แล้วหยิบแบบร่างการออกแบบของตัวเองออกมา"ในเมื่อคุณหลีมาถึงแล้ว งั้นเชิญทุกท่านพิจารณาแบบร่างของฉันได้เลยค่ะ"เมื่อได้ยินคำพูดนี้ทุกคนก็มารวมตัวกัน เหยียนเจี่ยนทำท่ามั่นใจ กางกระดาษร่างแบบออกภาพร่างชุดแต่ละแบบปรากฏต่อสายตาทุกคนเมื่อมองไปยังแบบร่างตรงหน้า ดวงตาของทุกคนก็เต็มไปด้วยความชื่นชมต้องบอกว่าความสามารถในการออกแบบของเหยียนเจี่ยนนั้นแข็งแกร่งมากเทคนิคของเธอเต็มไปด้วยความชำนาญ ไม่ว่าจะเป็นการร่างเส้นหรือการเรียงลำดับรายละเอียดสีก็ล้วนอยู่ในระดับสูง"สมเป็นลูกศิษย์ของอาจารย์โม่จริง ๆ ฝีมือแบบนี้ ฝึกฝนเป็นสิบปีก็ทำไม่ได้แน่ เหยียนเจี่ยน คุณทำให้เราทุกคนทึ่งจริง ๆ!""ชุดนี้มีสไตล์ที่ทันสมัย คล้ายกับสไตล์เกาหลีที่กำลังเป็นที่นิยมในปัจจุบันมาก ชุดนี้ม
"นี่... นี่... นี่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากเครื่องลายครามสีน้ำเงินและสีขาวเหรอ?""ฉันเพิ่งเคยเห็นการผสมผสานสีของเครื่องลายครามเข้ากับเสื้อผ้าเป็นครั้งแรก เป็นอะไรที่โดดเด่นมาก!""นี่มันเป็นการผสมผสานความเป็นเอกลักษณ์ของจีนเข้าด้วยกันทั้งหมดเลย องค์ประกอบความเป็นจีนประกอบร่างเข้าด้วยกันเป็นครั้งแรกอย่างโดดเด่นได้ขนาดนี้เชียว ยอดเยี่ยมมาก!""ฉันก็ว่าทำไมฉันถึงมองแล้วละสายตาไม่ได้เลย คุณลองดูด้านล่างสิ ยังสอดแทรกองค์ประกอบของงิ้วไว้ด้วย... ทั้งหมดผสมผสานเข้าด้วยกันอย่างชาญฉลาด...""นี่... ไม่ใช่แค่เสื้อผ้าแล้ว! มันคือการถ่ายทอดวัฒนธรรมดั้งเดิมของบรรพบุรุษ ผลงานนี้เท่านั้นที่คู่ควรกับการนำเสนอสู่สายตาชาวโลกในโอกาสอย่างนี้""..."เหยียนเจี่ยนมองไปที่ผลงานการออกแบบของหลีเกอ นอกจากความทึ่งแล้ว เธอก็นึกคำอื่นไม่ออก!ประวัติศาสตร์ของจีนดำรงอยู่มายาวนาน วัฒนธรรมหยั่งรากลึกมาห้าพันปี แต่เธอกลับละเลยไปสนิทเพียงชั่วครู่ใบหน้าก็ซีดเผือด!ผลงานของเธอผสมผสานสไตล์เกาหลีซึ่งเป็นที่นิยมในต่างประเทศ ตั้งใจออกแบบเพื่อเอาใจชาวต่างชาติโดยเฉพาะ ถึงอย่างนั้นกลับให้ความรู้สึกเหมือนหลงใหลได้ปลื้มไปกับวั