Home / โรแมนติก / เล่ห์โอบรัก / บทที่ 1 มักกะลีผล - 100%

Share

บทที่ 1 มักกะลีผล - 100%

last update Last Updated: 2024-11-01 16:14:42

ชายหนุ่มเดินกลับเข้าไปในบ้านแล้วยื่นกระเป๋ากับแว่นตาส่งให้มัลลิกา หญิงสาวยกมือไหว้เขาแล้วพูด

"ขอบคุณค่ะคุณอา"

ได้ยินดังนั้นภาวินจึงชักมือกลับไปไม่ยอมส่งของให้ จากนั้นก็ยื่นข้อเสนอ

"เรียกใหม่ซิ...พี่วิน ไม่ใช่คุณอา" เขาพูดไปยิ้มไป เห็นเธอมองไปทางมารดาของเขาราวกับต้องการขอความช่วยเหลือก็อดยิ้มกว้างกว่าเดิมไม่ได้

"ตาวิน" เสียงลากยาวของมารดาเป็นเชิงปรามบุตรชายนั้นทำให้ภาวินหัวเราะออกมาเบา ๆ

"โธ่คุณแม่ครับ หนูมะลิของคุณแม่น่ะเรียนปีสี่แล้วนะ ไอ้คิน ลูกชายคนเล็กของคุณแม่ก็รุ่นราวคราวเดียวกับมะลินั่นแหละ แล้วเรื่องอะไรผมจะยอมให้เขามาเรียกผมว่าอาล่ะ ฟังดูแก่ยังไงก็ไม่รู้"

ภคินีค้อนบุตรชายปะหลับปะเหลือกก่อนจะหันไปพูดกับสาวน้อยข้างตัว

"ก็เรียกพี่ให้เขาชื่นใจหน่อยละกันหนูมะลิ คนเขาไม่อยากแก่"

มัลลิกาอมยิ้มแล้วยกมือไหว้ชายหนุ่มตรงหน้าอีกครั้ง

"ขอบคุณค่ะพี่วิน"

"ค่อยฟังดูดีหน่อย" ภาวินยิ้มกว้างอวดลักยิ้มที่แก้มซ้ายพร้อมกับยื่นกระเป๋ากับแว่นตาส่งคืนเจ้าของ

มัลลิการับของมาถือไว้แล้วหยิบแว่นตาขึ้นมาสวม แว่นสายตาอันใหญ่กรอบสีดำแทบจะกินพื้นที่บนใบหน้ารูปไข่ไปถึงหนึ่งในสามส่วน จากหญิงสาวหน้าตาสะสวยแปรเปลี่ยนเป็นเด็กสาวคงแก่เรียนขึ้นมาทันทีราวกับเป็นคนละคนจนภาวินถึงกับเลิกคิ้วขึ้นด้วยความแปลกใจ

"มะลิ ทำไมหนูไม่ลองใส่คอนแท็กเลนส์ดูบ้างล่ะ ป้าว่าตอนหนูไม่ใส่แว่นก็สวยดีนี่ลูก"

ภคินีพูดออกไปตามตรงด้วยสายตาของคนที่มากประสบการณ์ในการมองรูปหน้าของผู้หญิง เนื่องจากทำงานอยู่ในแวดวงเครื่องสำอางมานาน พอได้เห็นมัลลิกาตอนที่ไม่มีแว่นสายตาอันใหญ่บดบังใบหน้า ถึงได้รู้ว่าหญิงสาวคนนี้มีเครื่องหน้าที่สมส่วน ไม่ว่าจะเป็นคิ้ว ตา จมูก ปาก ล้วนรับกันอย่างพอเหมาะพอเจาะ หากจับมาแต่งหน้าแต่งตัวเสียใหม่ รับรองว่าจะต้องเป็นคนที่โดดเด่นมากคนหนึ่ง

"ไม่ดีกว่าค่ะ หนูถนัดแบบนี้มากกว่า"

มัลลิกายิ้มเจื่อนพร้อมกับก้มศีรษะลงเล็กน้อย ภคินีจึงไม่พูดเซ้าซี้อีก เพราะเข้าใจดีว่าความชอบของแต่ละคนนั้นไม่เหมือนกัน

"ถ้าอย่างนั้นหนูโทร. หาคุณแม่เถอะ เดี๋ยวป้าจะคุยให้เอง"

มัลลิกาหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาจากกระเป๋าแล้วกดโทร. ไปหามารดา สัญญาณดังเพียงสองครั้งปลายสายก็กดรับ

"คุณแม่คะ ป้านีคุณย่าของหนูพราวที่อยู่ข้างบ้านเราจะคุยด้วยค่ะ" พูดจบเธอก็ยื่นโทรศัพท์ให้เจ้าของบ้าน

ขณะที่รอให้ผู้ใหญ่ทั้งสองคนคุยกัน ภาวินก็เดินออกจากห้องรับแขกเพื่อไปนำรถมาจอดไว้ใกล้ประตู คนเจ็บจะได้ไม่ต้องเดินไกล อีกทั้งหากเขาจำเป็นต้องอุ้มมัลลิกาเดินออกมาจะได้สะดวกเวลาอุ้มเธอขึ้นรถด้วย

เมื่อเข้ามาในห้องรับแขกอีกครั้ง ก็เห็นสามสาวต่างวัยกำลังคุยกันอยู่ เขาจึงส่งเสียงออกไป

"พร้อมรึยังครับสาว ๆ" จากนั้นก็หันไปพูดกับคนเจ็บ

"พอลุกไหวไหมเรา ไหนลองลุกขึ้นยืนหน่อยสิ"

ภาวินเดินเข้ามาใกล้เพื่อคอยประคอง เขายื่นแขนไปด้านหน้าเพื่อให้หญิงสาวใช้เป็นหลักยึดตอนลุกขึ้นยืน

มัลลิกาไม่อยากทำตัวเป็นคนเรื่องมาก และไม่อยากโดนอุ้ม จึงเกาะแขนเขาแล้วกัดฟันลุกขึ้นยืนอย่างค่อยเป็นค่อยไป แม้หัวเข่าจะปวดแปลบขึ้นมาอีก แต่ก็นับว่าดีกว่าตอนที่ตกลงมาจากต้นไม้ใหม่ ๆ

"ถ้าเจ็บก็อย่าฝืนนะ ให้พี่อุ้มไปที่รถดีกว่าไหม"

ชายหนุ่มมองอย่างกังวลเมื่อเห็นใบหน้าซีดเผือดของหญิงสาว มองดูก็รู้ว่าอีกฝ่ายพยายามข่มความเจ็บเต็มที่ ไม่มีเสียงร้องสักแอะแต่หัวคิ้วขมวดเข้าหากันมุ่น อีกทั้งแรงมือที่เกาะแขนเขานั้นก็บีบแน่นอย่างลืมตัว

"หนูไหวค่ะ พอเดินได้"

"ช้า ๆ ไม่ต้องรีบ พี่เอารถมาจอดไว้ใกล้ประตูแล้ว"

เขาก้มลงไปพูดเสียงอ่อนพลางเดินช้า ๆ เพราะไม่อยากให้เธอฝืนมากเกินไป หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมองเขาอย่างขอบคุณพร้อมกับอมยิ้มบาง ๆ ก่อนจะก้มหน้าก้มตามองพื้นเช่นเดิม

ภคินีเปิดประตูรถด้านหลังรอไว้แล้วบอกให้พราวนภาขึ้นไปนั่งรอบนรถก่อน เมื่อเห็นว่าภาวินกับมัลลิกาเดินมาถึงรถแล้วจึงเดินไปปิดประตูบ้านแล้วล็อกกุญแจไว้ เพราะบิดาของภาวินรวมถึงบุตรชายคนเล็กอย่างภาคินต่างก็มีกุญแจเข้าบ้านด้วยกันทั้งคู่

"พี่มะลิเจ็บไหม หนูพราวสงสารพี่มะลิจังเลยค่ะ"

น้ำเสียงออดอ้อนของเด็กน้อยทำให้บรรยากาศในรถดูเป็นกันเองขึ้นมาก พราวนภากับมัลลิกานั่งคุยกันกระหนุงกระหนิงอยู่เบาะหลังราวกับเด็กรุ่นเดียวกัน ภาวินลอบมองจากกระจกมองหลังแล้วก็อดยิ้มไม่ได้ ดูท่าทางพราวนภาจะชอบเพื่อนใหม่ต่างวัยคนนี้มาก ทั้งที่ปกติแล้วหากเป็นหญิงสาวแปลกหน้าที่อายุห่างจากตัวเองมาก พราวนภามักไม่ค่อยยอมสนิทสนมด้วย

"หายเจ็บไปเยอะแล้วค่ะ พรุ่งนี้พี่ก็มาเล่นกับหนูพราวได้เหมือนเดิมนั่นแหละ" มัลลิกาปลอบโยนเด็กน้อย

"ความจริงแล้วที่พี่มะลิตกต้นไม้ก็เป็นความผิดของคุณพ่อเองค่ะ พ่อทำให้พี่มะลิของหนูตกใจ...พี่ขอโทษนะมะลิ" ประโยคหลังภาวินมองหน้าหญิงสาวผ่านกระจก

"ไม่...ไม่เป็นไรค่ะ หนูต่างหากที่ผิด ทั้งที่คุณป้าบอกแล้วว่ามีไม้สอยมะม่วง แต่หนูอยากลองปีนดูเพราะเห็นว่ากิ่งมันเยอะ น่าจะปีนง่าย"

"พี่มะลิปีนต้นไม้เก่งมากเลยนะคะคุณพ่อ ตอนนั้นหนูพราวกับพี่มะลิตีแบดกันแล้วลูกขนไก่ติดบนต้นไม้ พี่มะลิก็ปีนขึ้นไปเก็บแถมยังได้มะม่วงมากินกันด้วย"

พราวนภารีบอวดความสามารถของเพื่อนต่างวัยให้บิดาฟังอย่างภาคภูมิใจ ขณะที่คนถูกพูดถึงนั้นได้แต่ทำหน้าประดักประเดิด

ภาวินหัวเราะเบา ๆ เมื่อเห็นหน้าคนถูกเด็กแฉ ภคินีที่นั่งเบาะหน้าคู่บุตรชายจึงหันไปกำชับสองสาวต่างวัย

"คราวหน้าห้ามปีนต้นไม้อีกนะ ทั้งคู่เลยโดย เฉพาะหนูพราวย่าไม่อนุญาตเพราะมันอันตราย เห็นไหมว่าพี่มะลิต้องเจ็บขาเพราะตกต้นไม้ ถ้าหนูพราวไม่อยากเจ็บแบบพี่มะลิ หนูพราวก็ห้ามปีนเด็ดขาดเลยนะคะ"

"ค่ะ" มัลลิกากับพราวนภารับคำพร้อมกัน จากนั้นก็นั่งคุยกันเบา ๆ จนถึงโรงพยาบาล

ชายหนุ่มจอดรถไว้ด้านหน้าแล้วรีบลงไปแจ้งกับบุรุษพยาบาลเพื่อขอรถเข็นสำหรับคนป่วย จากนั้นก็ค่อย ๆ ประคองมัลลิกาลงมาจากรถ กระทั่งอีกฝ่ายนั่งอยู่บนรถเข็นเรียบร้อยดีแล้วเขาจึงหันไปพูดกับทุกคน

"ผมเอารถไปจอดก่อนนะครับคุณแม่ หนูพราวเดินจับมือคุณย่าไว้นะลูก ห้ามปล่อยมือนะ เดี๋ยวพี่มานะมะลิ" พูดจบเขาก็ยิ้มให้หญิงสาวอย่างอ่อนโยนก่อนจะเดินกลับขึ้นไปนั่งบนรถแล้วขับออกไป

มัลลิกายกมือขึ้นทาบตรงตำแหน่งหัวใจอย่างลืมตัว เมื่อรู้สึกได้ว่ามันเต้นกระหน่ำรุนแรงอย่างประหลาด รอยยิ้มของชายหนุ่มข้างบ้านที่ตนเคยแอบมองจากห้องนอนของตัวเองเวลาเขาเล่นกับบุตรสาว ทำให้เธออดยิ้มตามไปด้วยไม่ได้ แทบไม่อยากเชื่อเลยว่าวันนี้รอยยิ้มอ่อนโยนนั้นจะเผื่อแผ่มาถึงเธอด้วย

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Related chapters

  • เล่ห์โอบรัก   บทที่ 2 สัมผัสพิเศษ - 35%

    "คุณย่าขา หนูพราวปวดฉี่" พราวนภาเดินมาบอกผู้เป็นย่าพร้อมเขย่ามือเบา ๆ ภคินีจึงหันไปบอกบุตรชายกับคนเจ็บที่กำลังให้รายละเอียดส่วนตัวกับพยาบาลเพื่อทำประวัติคนไข้ใหม่ เพราะมัลลิกายังไม่เคยใช้บริการของโรงพยาบาลนี้มาก่อน"แม่พาหนูพราวไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ"ภาวินพยักหน้าให้มารดาก่อนจะเดินไปยืนด้านหลังมัลลิกาเพื่อเปิดทางให้พยาบาลเข้ามาวัดความดันให้หญิงสาว เสร็จเรียบร้อยเขาก็เข็นรถพาเธอไปนั่งรอหมอเรียกที่หน้าห้องตรวจทว่าแทนที่ชายหนุ่มจะจอดรถเข็นโดยให้หันหน้าไปทางเดียวกันกับตน เขากลับหันรถเข็นเข้าหาตัวเองเพื่อให้หญิงสาวนั่งหันหน้าเข้าหาตนมัลลิกาทำตัวไม่ถูก ไม่รู้จะวางมือไว้ตรงไหน และไม่รู้จะมองไปทางใดเพราะเบื้องหน้าก็มีใครบางคนนั่งอมยิ้มอยู่ แม้จะเคยแอบมองเขาอยู่สองสามครั้ง แต่ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ได้พูดคุยต่อหน้า จึงรู้สึกประหม่าขัดเขินอย่างไม่คุ้นเคย"เจ็บมากเลยหรือ" จู่ ๆ เขาก็ถามขึ้นมา แม้น้ำเสียงจะอ่อนโยนราวกับเป็นห่วงเป็นใยอย่างล้นเหลือ แต่สีหน้าแววตากลับวิบวับกรุ้มกริ่มแปลก ๆ กระนั้นเธอก็ตอบเขาไปตามตรง"ไม่ถึงขนาดนั้นค่ะ ความจริงก็ดีขึ้นมากแล้ว แค่จี๊ด ๆ ตรงหัวเข่านิดหน่อย"ชายหนุ่มพย

    Last Updated : 2025-03-15
  • เล่ห์โอบรัก   บทที่ 2 สัมผัสพิเศษ - 70%

    เสียงพยาบาลขานชื่อของมัลลิกาเพื่อเข้าห้องตรวจ การสนทนาของทุกคนจึงหยุดลงแค่นั้น ภาวินลุกขึ้นเข็นรถให้หญิงสาวแล้วเดินตามพยาบาลไปยังห้องตรวจโดยภคินีกับพราวนภานั่งรออยู่ที่เดิมทั้งสี่คนใช้เวลาอยู่ในโรงพยาบาลร่วมชั่วโมงเพราะต้องเอกซเรย์หัวเข่าของมัลลิกาด้วยว่าร้าวหรือไม่ ซึ่งผลที่ออกมาก็ทำให้ทุกคนโล่งใจ เพราะหญิงสาวเพียงฟกช้ำจนกล้ามเนื้ออักเสบจากแรงกระแทก และมีบาดแผลที่ครูดไถลกับต้นไม้เท่านั้น ส่วนกระดูกไม่มีรอยร้าวจึงไม่จำเป็นต้องใส่เฝือกหลังจากจ่ายเงินค่ารักษาและรับยาเสร็จเรียบร้อยทุกคนก็กลับบ้าน ตอนขากลับโทรศัพท์ของมัลลิกามีสายเรียกเข้าจากมารดาเข้ามาพอดี ทุกคนจึงรู้ว่าบิดามารดาของเธอกลับมาถึงบ้านแล้วเรียบร้อย และเวลานี้ต่างก็นั่งรอบุตรสาวด้วยความเป็นห่วงภาวินขับรถมาถึงหน้าบ้านของมัลลิกา เขาเห็นชายวัยกลางคนท่าทางภูมิฐานคนหนึ่งกึ่งเดินกึ่งวิ่งมาเปิดประตูรั้วออกกว้างทั้งสองด้าน ชายหนุ่มจึงเข้าใจทันทีว่าอีกฝ่ายต้องการให้ตนขับเข้าไปจอดด้านใน เขาจึงเคลื่อนรถไปหยุดตรงบริเวณที่ใกล้กับประตูบ้านมากที่สุดเพื่อไม่ให้คนเจ็บต้องเดินมากนักเมื่อรถจอดสนิท มัลลิกาก็เปิดป

    Last Updated : 2025-03-16
  • เล่ห์โอบรัก   บทที่ 2 สัมผัสพิเศษ - 100%

    เขาเป็นคนดีหรือไม่มัลลิกาก็ยังให้คำตอบกับตัวเองไม่ได้เพราะเรื่องแบบนี้ต้องดูกันไปนาน ๆ แต่ที่แน่ ๆ คือครอบครัวของเขาจัดอยู่ในกลุ่มคนประเภทที่คบได้ไม่มีพิษมีภัย เธอจึงรู้สึกสบายใจทุกครั้งที่เจอแต่กระนั้น การอ่านใจคนอื่นของเธอก็ยังมีข้อจำกัด เพราะมีอยู่สามคนที่เธอไม่สามารถอ่านใจได้ นั่นก็คือมารดา น้องชาย และพ่อเลี้ยงสำหรับมารดากับน้องชายนั้น เธอเข้าใจว่าเพราะทั้งสองคนมีสายเลือดเดียวกันกับตน แต่สำหรับพ่อเลี้ยงนั้นไม่ใช่ เขาไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเธอเลยแม้แต่น้อย แล้วทำไมเธอถึงไม่สามารถอ่านใจเขาได้เล่าวันต่อมาอาการเจ็บหัวเข่าของมัลลิกาดีขึ้น และแผลก็ไม่มีเลือดซึมออกมาแล้ว หญิงสาวต้องพยายามเดินหรือนั่งอย่างระมัดระวัง แต่ก็มีบางครั้งที่เผลอนั่งชันเข่าจนแผลปริ เธอได้แต่สูดปากเบา ๆ ด้วยความเจ็บ กระนั้นมารดาก็ยังอุตส่าห์ได้ยินเข้าจนได้"อีกวันสองวันคงเริ่มตกสะเก็ด ถึงตอนนั้นหนูก็ต้องระวังให้มากขึ้นนะมะลิ เพราะถ้าแผลปริบ่อย ๆ มันจะหายช้า แล้วช่วงที่เป็นสะเก็ดแข็งก็จะคันมาก หนูอย่าไปเกาเชียวล่ะ ไม่อย่างนั้นได้มีแผลเป็นติดตัวแน่"

    Last Updated : 2025-03-16
  • เล่ห์โอบรัก   บทที่ 3 บุกถ้ำเสือเพื่อหาลูกแมว - 35%

    หลังจากรับประทานมื้อเช้ากันเสร็จเรียบร้อย มัลลิกาก็ยกจานชามทั้งหมดไปล้างในครัว ขณะเดียวกันก็คอยแอบมองพ่อเลี้ยงไปด้วยว่าอีกฝ่ายจะขึ้นไปอาบน้ำตอนไหน ครั้นพอเห็นนฤเบศร์เดินขึ้นบันไดไปแล้วจึงรีบไปหามารดาแล้วจับแขนท่านเขย่าเบา ๆ"คุณแม่ขา ช่วยพูดกับคุณพ่อหน่อยสิคะเรื่องฝึกงานน่ะ หนูไม่อยากไปทำที่กงสุลเลย มีแต่คนแก่หัวโบราณถ้าหนูต้องไปฝึกงานที่นั่นหลายเดือนหนูต้องบ้าตายแน่"เหตุผลสำคัญอีกอย่างที่หญิงสาวไม่ได้พูดออกไปก็คือหากเธอไปทำงานกับพ่อเลี้ยงก็เท่ากับว่าต้องอยู่ในสายตาของอีกฝ่ายตลอด หนำซ้ำต้องไปกลับพร้อมท่านทุกวัน ชีวิตอิสระที่จะได้ไปเตร็ดเตร่ตามห้างสรรพสินค้าหรือร้านไอศกรีมกับเพื่อนก็จะหายวับไปทันที"ฟังพูดเข้า ที่กงสุลไม่ได้มีแต่คนแก่สักหน่อย หนุ่ม ๆ สาว ๆ ที่เพิ่งเรียนจบแล้วเข้าไปทำงานที่นั่นก็เยอะเหมือนกัน และเด็กฝึกงานก็ไม่ใช่มีแค่หนูคนเดียว มีจากมหา'ลัยอื่นด้วย"ผู้เป็นมารดาพูดแก้ไขความเข้าใจผิดของบุตรสาว ก่อนจะหัวเราะเบา ๆ เมื่อเห็นเจ้าตัวทำหน้าง้ำแล้วเอาแก้มมาถูที่ไหล่ของตนอย่างออดอ้อน"โธ่ คุณแม่อ้ะ ก็น่าจะรู้ว่าทำไมหนูถึงไม

    Last Updated : 2025-03-16
  • เล่ห์โอบรัก   บทที่ 3 บุกถ้ำเสือเพื่อหาลูกแมว - 70%

    และเพราะมัวแต่มองเจ้าตัวเล็ก หญิงสาวจึงไม่ทันเห็นสายตาระยิบระยับกับมุมปากที่ยกขึ้นอย่างสมใจของคนตัวโต และยิ่งไม่มีทางรู้ว่าก่อนหน้าที่พ่อลูกคู่นี้จะเดินมาถึงรั้วที่กั้นเขตบ้าน ผู้เป็นพ่อได้ "ชี้แนะ" อะไรบางอย่างกับบุตรสาวตัวน้อยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว"หนูพราวจะมาอีกทีวันศุกร์แน่ะ ต้องคิดถึงพี่มะลิมากแน่ ๆ เลยค่ะ"พราวนภายังคงพูดตามที่ได้รับการชี้แนะมาจากผู้เป็นบิดา แต่คนฟังนั้นกลับเลิกคิ้วขึ้นด้วยความสงสัยเพราะดูเหมือนเด็กน้อยจะขี้อ้อนผิดปกติ หญิงสาวจึงหันไปมองคนตัวโตที่ยืนเอามือล้วงกระเป๋ากางเกงพลางทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ด้วยการมองไปเรื่อยเปื่อย"ถ้าพี่มะลิขอคุณพ่อคุณแม่ได้ พี่จะไปเล่นกับหนูพราวที่บ้านนะคะ"มัลลิกาไม่กล้าให้ความหวังพราวนภานักเพราะไม่แน่ใจกับอารมณ์ของบิดาในวันนี้ ดูท่านไม่ค่อยพอใจที่เธอจะไปฝึกงานกับบริษัทอื่น แต่ท่านก็ไม่อาจแย้งเหตุผลของมารดาได้ ตอนที่เธอไปยืนแอบฟังอยู่หน้าประตูห้องทำงาน คำพูดของมารดาที่ทำให้บิดายอมจำนนก็คือ...ยายหนูโตแล้ว ปล่อยให้เขาออกไปใช้ชีวิตด้วยตัวเองบ้าง เราอยู่ดูแลเขาไปชั่วชีวิตไม่ได้หรอกนะ...ความจริงแล้ว

    Last Updated : 2025-03-16
  • เล่ห์โอบรัก   บทที่ 3 บุกถ้ำเสือเพื่อหาลูกแมว - 100%

    มัลลิกาย้ายบ้านมาอยู่หมู่บ้านจัดสรรแห่งนี้ได้เดือนเศษแล้ว และเคยเจอกับสมาชิกเกือบทุกคนในบ้านของพราวนภา แม้กระทั่งภาคินบุตรชายคนเล็กของภคินีที่ปกติจะพักอยู่คอนโดมิเนียมใกล้มหาวิทยาลัย เธอก็ยังเคยคุยกับเขาหลายครั้ง มีเพียงภาวินเท่านั้นที่เธอได้แต่มองเขาจากบ้านของตัวเองแต่ไม่เคยคุยด้วยเพราะไม่มีโอกาสได้เจอหน้ากันจัง ๆ ทว่าพอได้เจอกัน เหตุการณ์ตอนนั้นก็ช่างน่าอายเหลือเกิน"มีหนูพราว คุณพ่อ คุณปู่แล้วก็คุณย่าค่ะ วันนี้อาคินไม่มา" พราวนภาตอบเสียงใส ก่อนจะเบิกตากว้างเมื่อนึกอะไรขึ้นได้จึงรีบพูดอย่างตื่นเต้น"พี่มะลิขา เราเข้าไปเล่นในห้องทำงานคุณพ่อกันดีไหมคะ"มัลลิกาส่ายหน้าหวือทันที "ไม่ดีค่ะ พี่ว่าห้องทำงานเป็นที่ที่เราไม่ควรเข้าไปเล่นมากที่สุด เพราะในนั้นจะมีงานและเอกสารเยอะแยะ ถ้าเราทำหายหรือทำเลอะขึ้นมา คุณพ่อจะดุเอาได้นะคะ""เมื่อคืนหนูพราวเห็นคุณพ่อเอาลิปกับที่ทาตาทาแก้มมาวางบนโต๊ะเยอะแยะเลยค่ะ หนูพราวก็เลยอยากชวนพี่มะลิไปเล่นแต่งหน้ากัน"พราวนภาเงยหน้ามองเพื่อนต่างวัยด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความหวัง แต่มัลลิกายังคงยิ้มบาง ๆ ก่อนจะโน้มตัวลงไปแล้วพูดอ

    Last Updated : 2025-03-17
  • เล่ห์โอบรัก   บทที่ 4 นางแบบจำเป็น - 25%

    มัลลิกานั่งกินน้ำแข็งใสคนละถ้วยกับพราวนภาในห้องนั่งเล่นพลางดูภาพยนตร์แอนิเมชันทางเคเบิลทีวีไปด้วย ส่วนภคินีกำลังนั่งอ่านเอกสารบางอย่างบนโซฟาอีกตัวด้วยสีหน้าเคร่งเครียดระหว่างนั้นภาวินเดินเข้ามาในห้องที่ทุกคนนั่งอยู่พอดี สายตาของมัลลิกากับพราวนภาจึงเบนไปหาผู้ที่เข้ามาใหม่โดยพร้อมกัน และเด็กน้อยก็เป็นฝ่ายเอ่ยทักบิดาก่อน"คุณพ่อกินน้ำแข็งใสไหมคะ คุณย่าทำให้ ของหนูพราวมีขนมปังกับวุ้นสี ๆ ด้วยละ""หนูหม่ำเลยลูก พ่อเพิ่งดื่มกาแฟมาค่ะ"ชายหนุ่มเดินมานั่งบนโซฟาตัวที่ใกล้กับมัลลิกาเพราะเหลือว่างเพียงตัวเดียว เขามองมารดาที่เงยหน้ามาดูเขาแว่บหนึ่งก่อนจะรวบเอกสารทั้งหมดมาไว้ในมือแล้วลุกขึ้นยืน"มาพอดีเลยตาวิน เข้าไปคุยกับแม่ในห้องทำงานหน่อยสิ คุณพ่อก็รออยู่ในนั้นแหละ" ภคินีพูดกับบุตรชายจบก็หันมาบอกมัลลิกา"หนูมะลินั่งเล่นกับน้องก่อนนะลูก ขอป้าไปคุยเรื่องงานกับพี่เขาหน่อย""ได้ค่ะคุณป้า" หญิงสาวรับคำพลางหันไปมองชายหนุ่มที่กำลังลุกขึ้นยืน เขาหันมองเธอเช่นกันพร้อมส่งยิ้มบาง ๆ มาให้ ก่อนจะเดินตามผู้เป็นมารดาไปมัลลิกาถอนหายใจ

    Last Updated : 2025-03-17
  • เล่ห์โอบรัก   บทที่ 4 นางแบบจำเป็น - 50%

    มัลลิกาฟังจบก็เบิกตากว้างพร้อมกับยกนิ้วชี้เข้าหาตัวแล้วพูดราวกับไม่เชื่อหูตัวเองว่า"หนูเนี่ยนะคะ! คุณป้าจะให้หนูเป็นนางแบบลิปสติกหรือคะ""ใช่จ้ะ ป้าคิดว่าหนูน่ะเหมาะสมที่สุดแล้ว หนูรู้ตัวไหมว่าหนูมีปากที่สวยมาก ความจริงแล้วหนูก็สวยไปทั้งหน้านั่นแหละ ขอโทษนะจ๊ะหนูมะลิ ขอป้าถอดแว่นหนูออกหน่อย"ไม่พูดเปล่า ภคินีถือวิสาสะถอดแว่นสายตาอันใหญ่ของมัลลิกาออก จากนั้นก็ปัดผมที่ตกลงมาบดบังบางส่วนของใบหน้าออกไปแล้วเอามือกุมแก้มเนียนใสทั้งสองข้างของหญิงสาวเอาไว้พลางจับหันไปทางซ้ายและขวาอย่างเบามือ"หนูพราวก็ว่าพี่มะลิสวยค่ะ หนูพราวชอบพี่มะลิ คุณพ่อก็บอกว่าชอบพี่มะลิเหมือนกัน" พราวนภายิ้มกว้างพลางพยักหน้าหงึกหงักเห็นด้วยกับผู้เป็นย่า"จริงหรือลูก คุณพ่อบอกว่าชอบพี่มะลิหรือ"ภคินีถามอย่างตื่นเต้น ตอนแรกตนนึกว่าบุตรชายคงจะสนใจสาวข้างบ้านแค่ชั่วครั้งชั่วคราวเพราะเห็นว่าอีกฝ่ายหน้าตาน่ารักจึงอดแซวเล่นตามประสาหนุ่มโสดที่เห็นสาวถูกใจไม่ได้ แต่พอได้ยินหลานสาวพูดแบบนี้ตนก็มั่นใจแล้วว่าภาวินตั้งใจจะจีบมัลลิกาจริง ๆ เสียแล้ว"ใช่ค่ะ คุณพ่อยังให้หนูพราวมาบอกพ

    Last Updated : 2025-03-17

Latest chapter

  • เล่ห์โอบรัก   บทที่ 24 พ่อตากับลูกเขย - บทส่งท้าย

    มัลลิกานั่งแช่อยู่ในสระว่ายน้ำส่วนตัว หญิงสาวยกแขนขึ้นวางบนขอบสระแล้วเอาคางเกยไว้ สองตาทอดมองผืนน้ำสีฟ้าสุดลูกหูลูกตาอย่างผ่อนคลาย มุมปากยกขึ้นเป็นรอยยิ้มเมื่อได้ยินเสียงใครบางคนกำลังก้าวลงน้ำมาเช่นกัน จากนั้นแผ่นหลังของเธอก็ถูกทาบทับด้วยแผงอกหนั่นแน่นตามมาด้วยอ้อมแขนที่กอดรัดเอวไว้ และมีริมฝีปากอุ่นร้อนตามมาพรมจูบไปทั่วลาดไหล่"ชอบที่นี่ไหม" เสียงทุ้มเอ่ยถามชิดริมหู หญิงสาวห่อไหล่ตามสัญชาตญาณเพราะรู้สึกจั๊กจี้"ชอบค่ะ น้ำสีสวยมากเลย อากาศดีด้วยไม่ร้อนอย่างที่คิด" ทั้งที่ตอนนี้เธออยู่กลางแจ้งท่ามกลางแสงแดดอ่อน แต่กลับไม่ร้อนเหมือนแดดเมืองไทย"ชอบก็ดีแล้ว พี่นวดให้นะ เดินทางมาถึงเหนื่อย ๆ"ภาวินขันอาสาอย่างเอาใจ เขานั่งซ้อนอยู่ด้านหลังแล้วค่อย ๆ บีบนวดต้นแขน หัวไหล่ แต่ไป ๆ มา ๆ กลับนวดวนเวียนอยู่แต่ก้อนเนื้อนุ่มหยุ่นสองก้อนที่อยู่ด้านหน้า บั้นท้ายก็ถูกสิ่งนั้นของเขาบดเบียดอย่างเป็นจังหวะ"ฮื้อ...พี่วินเนี่ยมือซนตลอดเลย" หญิงสาวครางเบา ๆ เมื่อเขาล้วงเข้าไปในชุดว่ายน้ำชิ้นบนแล้วใช้นิ้วหมุนวนปลายยอดอย่างปลุกเร้าภาวินมองไปรอบด้

  • เล่ห์โอบรัก   บทที่ 23 ฝึกรัก - 100%

    ภาวินมองคนที่นั่งหลับมาตลอดทางด้วยสายตารักใคร่ วันนี้เขาได้ใช้เวลาอยู่กับเธอทั้งวัน ได้นอนกกกอดเธอไว้ในอ้อมแขนจนเขาแทบสำลักความสุข เขารู้ว่าตนยังไม่อิ่มแต่ก็ต้องรีบพาหญิงสาวกลับกรุงเทพฯ เพราะไม่อยากให้ค่ำเกินไปชายหนุ่มจอดรถหน้าบ้านมัลลิกาในตอนหัวค่ำ ก่อนหน้านี้เขาโทรศัพท์บอกมารดาของเธอแล้วว่าจะพาหญิงสาวแวะกินมื้อเย็นแล้วค่อยกลับเข้าบ้าน จึงไม่ห่วงว่าเธอจะถูกบิดามารดาดุ"มะลิ ถึงบ้านแล้วครับ" เขาสะกิดมัลลิกาเบา ๆ หญิงสาวตื่นขึ้นแล้วมองซ้ายมองขวาอย่างงัวเงีย"ถึงบ้านหนูแล้ว หรือจะไปนอนบ้านพี่ดี" เจ้าตัวหันมาค้อนใส่เขาทันทีก่อนจะเปิดประตูลงไปยืนข้างรถแล้วโบกมือให้ แต่สภาพของเธอเหมือนคนยังไม่ตื่นดี เขาจึงอดไม่ไหวอีกต่อไป หัวเราะออกมาในที่สุด"ตื่นได้แล้ว หลับมาตลอดทางยังไม่พออีกหรือแม่คุณ" เขาถามกลั้วหัวเราะ เธอยู่หน้าใส่เขาแล้วพูดว่า"เพราะใครล่ะ" จากนั้นหญิงสาวก็หันหลังเดินจากไป เขามองจนเธอเข้าบ้านแล้วจึงขับเลยไปที่บ้านของตัวเองบ้างบิดามารดาของภาวินนั่งดูข่าวภาคค่ำอยู่ในห้องนั่งเล่น ชายหนุ่มเดินเข้าไปหาแล้วนั่งบนโซฟาอีกตัว อ

  • เล่ห์โอบรัก   บทที่ 23 ฝึกรัก - 70%

    "ใส่ทำไม พี่อยากอ่อยคนแถวนี้นี่นา" ไม่พูดเปล่า แต่เขายังแบมือมาทางเธอราวกับต้องการให้วางมือลงไปบนมือของเขามัลลิกายื่นมือไปวางลงบนมืออุ่นข้างนั้น ชายหนุ่มกระตุกเบา ๆ หญิงสาวจึงทรุดนั่งข้างกายเขาแต่โดยดี"เย็น ๆ ค่อยกลับเนอะ หรือจะค้างดี" ภาวินถามพลางนวดมือให้เธอไปด้วย จึงทำให้มัลลิการับรู้ความในใจของชายหนุ่มอีกจนได้...พี่แค่อยากพาหนูมาผ่อนคลาย เห็นอุดอู้อยู่ในบ้านเป็นเดือน ๆ..."พี่ก็โทร. ไปขอคุณพ่อให้หนูสิคะ" เธอแกล้งหยอกเขาเล่น แต่ภาวินกลับคิดจะทำจริง ๆ"ก็ได้นะ พี่มีเบอร์คุณพ่อของหนูอยู่"ชายหนุ่มทำท่าจะยืนขึ้น หญิงสาวจึงรีบกอดแขนเขาไว้ทันทีเพราะกลัวว่าเขาจะโทรศัพท์ไปขออนุญาตกับบิดาของตนจริง ๆ"ไม่เอา! พี่ก็รู้อยู่ว่าคุณพ่อไม่อนุญาตหรอก ขืนโทร. ไปมีหวังโดนจี้ให้กลับบ้านตอนนี้แน่" พูดจบเธอก็ถูกเขากอดไว้แล้วเอนตัวลงนอนไปด้วยกัน โดยที่หญิงสาวนอนเอาหูแนบอกฟังเสียงหัวใจของเขาที่เต้นอยู่ข้างใน"บ้านก็ติดกันอย่างนั้น ยังไงก็หนีพี่ไม่พ้นหรอก"เขาปัดผมของเธอออกจากลาดไหล่แล้วใช้มือลูบต้นแขนเปลือยเปล่าของหญิงสาวไปมา ผิ

  • เล่ห์โอบรัก   บทที่ 23 ฝึกรัก - 35%

    มัลลิการักษาตัวอยู่โรงพยาบาลอีกสองอาทิตย์ก็ได้กลับบ้าน แผลที่แก้มเริ่มไม่เจ็บเท่าไรแล้ว แต่แผลที่ถูกกระจกบาดและแผลถลอกพอตกสะเก็ดกลับดูน่ากลัวจนมัลลิกาไม่กล้าส่องกระจกดูหน้าตัวเอง หญิงสาวยังเดินด้วยตัวเองไม่ได้ ต้องอาศัยไม้ค้ำช่วยพยุง ในแต่ละวันเธอจึงได้แต่นั่ง ๆ นอน ๆ อยู่ในบ้าน ภาวินจึงนึกสนุกด้วยการนำเครื่องสำอางมาให้หญิงสาวได้ลองหัดแต่งหน้าโดยแนะนำให้เธอเริ่มศึกษาจากยูทูบช่วงอาทิตย์แรกมัลลิกายังใช้แปรงและอุปกรณ์ต่าง ๆ อย่างเก้กังเพราะไม่เคยใช้ แต่พออาทิตย์ถัดมาหญิงสาวก็เริ่มคล่องขึ้น และเริ่มสนุกกับการแปลงโฉมใบหน้าของตัวเองในรูปแบบต่าง ๆ เธอเริ่มเข้าเว็บไซต์ และติดตามแฟนเพจที่เกี่ยวกับความสวยความงาม ครีมหรือโลชั่นยี่ห้อไหนที่โด่งดังเรื่องช่วยลบรอยแผลเป็น เธอก็คลิกสั่งออนไลน์เพื่อเอามาลองใช้หลายยี่ห้อมัญชุดานั่งมองบุตรสาวที่กำลังทดลองสีลิปสติกกับข้อมือของตัวเองแล้วก็ได้แต่ยิ้ม เมื่อก่อนมัลลิกาไม่เคยสนใจเรื่องพวกนี้เพราะชอบคิดว่าตนไม่สวย แต่งไปก็ไม่มีใครดู แต่พอแม่สาวน้อยของเธอเริ่มมีความรักก็เริ่มหัดดูแลตัวเองมากขึ้น หนำซ้ำยังดูมีความสุขดีด้วย

  • เล่ห์โอบรัก   บทที่ 22 ตื่นจากฝัน - 100%

    มัลลิกายังคงไม่ยอมออกจากผ้าห่ม แต่เสียงสะอื้นนั้นไม่มีแล้ว ราวกับเจ้าตัวกำลังชั่งใจว่าจะโผล่หน้าออกมาคุยกับเขาดีหรือไม่"ถ้าอย่างนั้น พี่ขอถามอะไรหน่อยได้ไหม" ชายหนุ่มเอื้อมมือไปวางบนศีรษะของเธอเบา ๆ ก่อนพูดต่อ"ถ้าหากว่าคนที่ถูกรถชนเป็นพี่ คนที่ต้องนอนอยู่ตรงนี้เป็นพี่ และพี่ต้องมีแผลเป็นบนหน้าบ้าง หนูจะบอกเลิกพี่รึเปล่า หนูจะเลิกรักพี่แล้วหันไปคบคนอื่นไหม"คนนอนคลุมโปงส่ายหน้าไปมาแล้วตอบ "ไม่ ทำไมหนูต้องทำอย่างนั้น"ภาวินยิ้มออกทันที "ใช่ไหมล่ะ แล้วทำไมพี่ต้องทำอย่างนั้นล่ะครับ"ชายหนุ่มลุกขึ้นยืนแล้วก้มลงไปจูบบริเวณที่คาดว่าน่าจะเป็นหน้าผากของหญิงสาวผ่านทางผ้าห่ม"หนูพราวถามหาพี่มะลิทุกวันเลย ไว้วันเสาร์นี้พี่จะพาหนูพราวมาเยี่ยมด้วยนะ"พอพูดถึงพราวนภา คนในผ้าห่มก็เลิกผ้าออก เผยให้เห็นใบหน้าแดงก่ำและเปลือกตาบวมจากการร้องไห้เมื่อครู่ เจ้าตัวสูดน้ำมูกทีหนึ่งแล้วถาม"หนูพราวเป็นยังไงบ้างคะ หนูผลักแรงขนาดนั้นไม่รู้หัวเข่ากระแทกพื้นจนเป็นแผลรึเปล่า"ภาวินมองหญิงสาวด้วยสายตาอ่อนเชื่อม ตัวเองเป็นอย่างนี้ยังอุตส่าห์ถามถึงคนอื่

  • เล่ห์โอบรัก   บทที่ 22 ตื่นจากฝัน - 70%

    มัลลิกาเบิกตากว้างเมื่อได้ยินอย่างนั้น แม้จะคาดเดาไว้อยู่แล้วแต่ก็อดใจหายและเศร้าอยู่ลึก ๆ ไม่ได้ ถึงปรีชญาจะทำไม่ดีกับเธอไว้มากมาย แต่อย่างไรเสียก็ยังเคยคบหากันอย่างสนิทสนมมาก่อน"ทำไมตาลเขาต้องทำอย่างนั้นคะคุณพ่อ""เขาป่วยเป็นโรคหลายบุคลิกน่ะ ตอนนี้ถึงจะจับตัวได้แล้วแต่ก็ยังดำเนินคดีอะไรไม่ได้ เพราะต้องให้เขารักษาจนอาการดีขึ้นก่อน""อ้าว เขาไม่ติดคุกหรือ แล้วถ้าเขาออกมาขับรถไล่ชนหนูอีกล่ะคะ" มัลลิกาถามหน้าตื่น คิดในใจว่าถ้าโดนชนอีกครั้งคงไม่มีชีวิตรอดแน่นอน"พ่อก็ห่วงเรื่องนี้อยู่ เพราะไม่รู้ว่าเจ้าหน้าที่จะกักตัวเขาไว้รักษาอาการแบบไหน พ่อกลัวว่าเขาจะปล่อยให้มันไปรักษาที่บ้านแล้วมันก็จะออกมาก่อเรื่องอีก""แย่จัง...แล้วตกลงเจอแพตที่ไหนคะ"เธออยากรู้ว่าตติยะลงมือกับปรีชญาแบบไหน และทำอย่างไรจึงสามารถซ่อนศพไว้ได้นานขนาดนั้นโดยที่ไม่มีใครหาเจอ"ศพลอยมาติดกับกอผักตบข้างวัดริมแม่น้ำเจ้าพระยาน่ะ แต่ผลการชันสูตรบอกว่าตายเพราะถูกบีบคอจนขาดอากาศหายใจ"นฤเบศร์เล่าให้บุตรสาวฟังไปตามความจริงโดยไม่คิดปิดบัง เพราะคนที่เป็นทั้งเหยื่อและฆาตกรก

  • เล่ห์โอบรัก   บทที่ 22 ตื่นจากฝัน - 35%

    ความเจ็บปวดรวดร้าวที่แผ่ลามไปทั่วร่างราวกับทุกชิ้นส่วนของร่างกายกำลังถูกจับแยกออกจากกันทำให้คนที่หลับใหลไปหลายวันในห้องผู้ป่วยวิกฤติค่อย ๆ รู้สึกตัวตื่น เปลือกตาหนักอึ้งเปิดปรือขึ้นอย่างยากลำบาก กลิ่นอันเป็นลักษณะเฉพาะของโรงพยาบาลทำให้คนที่เพิ่งตื่นจากฝันรู้ว่าตอนนี้ตนอยู่ที่ไหนเสียงครางแผ่วเล็ดลอดออกจากลำคอ รู้สึกเจ็บไปทั้งตัวจนไม่รู้ว่าเจ็บตรงไหนบ้าง มัลลิกาพยายามมองไปรอบด้าน แต่เพราะนอนสลบไปหลายวันสายตาจึงยังปรับระยะได้ไม่ดีนัก จนเธอต้องยกมือข้างหนึ่งที่ไม่เจ็บเท่าไรขึ้นมาวางทาบที่เปลือกตาทั้งสองข้างตามความเคยชินทว่าตอนที่เอามือปิดตานั้น หญิงสาวสัมผัสได้ถึงสิ่งแปลกปลอมที่ติดอยู่บนผิวแก้มข้างซ้ายของตน เธอทั้งเจ็บทั้งตึงบริเวณนี้จึงลองวางมือทาบลงไปบนสิ่งที่ติดอยู่บนแก้มอะไรน่ะ ผ้าปิดแผลหรือ ทำไมใหญ่จัง...มัลลิกาขมวดคิ้วมุ่น พยายามคิดทบทวนเหตุการณ์ล่าสุดที่ตนพอจะจำได้อยู่เป็นนาน เธอจำได้ว่าก่อนหน้านี้ตนนั่งเล่นอยู่ที่สวนสาธารณะของหมู่บ้านกับภาวิน นั่งดูพราวนภาตีแบดมินตัน และหลังจากนั้น...จำได้แล้ว! เธอถูกรถชนนั่นเองตอน

  • เล่ห์โอบรัก   บทที่ 21 ความจริงที่พูดไม่ได้ - 100%

    นฤเบศร์ขับรถไปส่งภรรยาที่บ้าน จากนั้นก็ขับต่อไปยังโรงพยาบาลทางจิตเวชที่ตติยะถูกกักตัวไว้เพื่อทำการทดสอบสภาพจิต เมื่อไปถึงเขาแจ้งกับเจ้าหน้าที่ว่าตนขอเข้าเยี่ยม เจ้าหน้าที่จึงพาเขาไปนั่งรออยู่ในห้องห้องหนึ่ง จากนั้นไม่นาน ตติยะก็เดินเข้ามาในห้องโดยไร้เครื่องพันธนาการร่างกาย แต่มีเจ้าหน้าที่ชายคอยตามประกบอยู่สองคนนฤเบศร์มองคนที่กำลังยกมือไหว้ตนด้วยสายตาเย็นชา จนกระทั่งตติยะนั่งลงแล้วเขาจึงเอ่ยปากพูด"ดูท่าทางสุขสบายดีนะ""ผมไม่รู้เรื่องจริง ๆ นะครับ ผมไม่ได้ทำ ผมรักมะลิจะตายใคร ๆ ก็รู้ คุณอาลองไปถามเพื่อนของเธอดูก็ได้ ผมไม่มีทางทำร้ายมะลิแน่นอน ไอ้คนที่ทำ...""มันก็คือมึงนั่นแหละ!"นฤเบศร์ตบโต๊ะเสียงดังอย่างเหลืออดจนตติยะสะดุ้ง เจ้าหน้าที่ทั้งสองคนเดินเข้ามาใกล้เพราะเกรงว่าเขาจะทำอันตรายผู้ต้องหา นฤเบศร์จึงหันไปบอกกับสองคนนั้น"ผมไม่ทำอะไรมันหรอกไม่ต้องห่วง แม้ว่าผมอยากจะฆ่ามันให้ตายคามือก็เถอะ" จากนั้นก็หันมาเล่นงานตติยะต่อด้วยอารมณ์กราดเกรี้ยว"มึงมันฉลาดดีนี่ ฆ่าคนมาเท่าไรแล้วล่ะ พอโดนจับได้ก็มาบอกว่าเป็นโรคจิตจำอะไ

  • เล่ห์โอบรัก   บทที่ 21 ความจริงที่พูดไม่ได้ - 70%

    "แกไม่ต้องห่วงแม่ดากับหนูมะลิหรอกนะ แม่รับปากว่าจะทำตามที่แกขอเอาไว้ แม่เลี้ยงหนูมะลิมาตั้งหลายปีแม่ก็รักมะลิเหมือนหลานแท้ ๆ นั่นแหละ"มัลลิการ้องไห้ออกมาทันทีเมื่อได้ยินถ้อยคำเหล่านั้นจากโฉมฉาย"คุณย่าขา หนูก็รักคุณย่านะคะ"ครั้นพอหญิงสาวร้องไห้ออกมา จู่ ๆ ก็รู้สึกถึงความเจ็บปวดทรมานไปทั้งร่างราวกับร่างกายกำลังจะแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ แขนขาหนักอึ้งกระดิกไม่ได้แม้แต่ปลายนิ้ว รู้สึกได้ถึงความเปียกชื้นที่ขมับทั้งสองข้างจากน้ำตาที่ไหลกลิ้งลงไปรวมกันอยู่ตรงนั้น และที่สำคัญ นอกจากจะเจ็บไปทั่วทั้งตัวแล้วมัลลิกายังรู้สึกว่าบนใบหน้าซีกหนึ่งปวดตุบ ๆ อยู่ตลอดเวลาเหมือนเมื่อครั้งที่ตนตกจากต้นไม้แล้วหัวเข่าเป็นแผล เพียงแต่ครั้งนี้เจ็บกว่านั้นมากนักพิษจากบาดแผลและความเจ็บปวดที่ได้รับ ทำให้สติสัมปชัญญะของมัลลิกาค่อย ๆ เลือนไปจนทุกอย่างดับวูบไปอีกครั้ง"หลายวันแล้วนะเบศร์ ทำไมยายหนูยังไม่ฟื้นสักที" มัญชุดาได้แต่ยืนมองบุตรสาวที่ยังหลับใหลอยู่บนเตียงคนไข้ ร่างกายมีบาดแผลและร่องรอยฟกช้ำไปทั่วร่าง ขาข้างหนึ่งต้องใส่เฝือก สายน้ำเกลื

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status